ตอนที่ 37 : Error : 0x00000033 เรมิน่า นครแห่งการค้า
ERROR Online : Overkill
“ตกใจอะไรของนาย” อลิซหรี่ตาถาม แม้เธอจะสังเกตใบหน้าของนาคาไม่ชัดนักจากหน้ากากสีขาว แต่จากสายตาของเธอแล้ว ภาพของนาคาที่กำลังยืนมือสั่นตรงหน้านั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแน่นอน
“ประมาณว่าฉัน...ไม่เคยใส่แหวนนี่น่ะ”
อลิซเลิกคิ้ว ก่อนที่จะเหลือบมองแหวนที่เขาใส่ไปสักพักก่อนจะถามต่อไปว่า
“แล้วไปได้แหวนนั่นมาจากไหนกันละ?”
“ตอนที่ชนะบอสลับกิจกรรมมาราธอน”
“ที่พูดถึงกันสินะ” เธอพยักหน้า ใช้สายตาครุ่นคิดอยู่สักครู่จึงถามต่อว่า “ว่าแต่บอสตัวนั้นชื่อว่าอะไรละ”
“อลิซาเบธ บาโธรี่”
คำตอบเรียกความเงียบเข้าสู่บรรยากาศ คุโระที่ยืนไขว่ห้างสบายๆ อยู่ถึงกับสะดุ้งตัวอย่างไม่เชื่อหู ในขณะที่ดวงตาของอลิซเองก็เบิกกว้างไปด้วยความประหลาดใจอย่างที่เธอไม่ค่อยแสดงออก
“อลิซาเบธ บาโธรี่ ของฮังการี่คนนั้นน่ะเหรอ” ฝั่งที่พูดออกมาเป็นคนแรกคือคุโระ นักฆ่าในชุดดำที่ตกอยู่ในสภาพงงงันไม่ต่างอะไรไปจากอลิซ
นาคาพยักหน้า
“ถ้าจำไม่ผิด ตามข้อมูลที่ประกาศออกมาคือกิจกรรมมาราธอนนั่นมีไว้ลองแพทซ์ใหม่...แต่ถึงกับเอาตัวละครแบบนั้นมาใส่ในเกมเนี่ยนะ” สาวน้อยกัดปากด้วยความหงุดหงิด ยืนคิดอะไรบางอย่างไปสักพักจึงหันไปถามนาคาอีกรอบ “นายลองดูความสามารถของมันหรือยังละ แหวนนั่นน่ะ”
เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ
“งั้นก็ลองเปิดข้อมูลของมันดู แล้วก็เอามาให้ฉันดูด้วย นาคา” อลิซว่า ก่อนจะเดินมาอยู่ข้างๆ นาคา ในขณะที่ทางด้านคุโระก็ชะโงกหน้าขยับเข้าใกล้ด้วยความสนใจเช่นเดียวกัน
Item Window [หน้าต่างสิ่งของ]
ชื่อไอเท็ม (Item Name) : แหวนหมั้นของเคาท์เตสโชกเลือด (Engagement ring of the Blood Countess]
ระดับของอุปกรณ์สวมใส่ (Equipment Level) : Legendary [ระดับตำนาน]
คำอธิบาย (Description) : No Description / Unknown Item
หน้าต่างสีฟ้าเด้งขึ้นมาสู่ใบหน้า เขาหรี่ตามองดูตัวอักษรสีแดงที่ถูกเขียนอยู่บริเวณคำอธิบาย ในขณะที่ทั้งคุโระและอลิซเองก็อยู่ในสภาพงุนงงไม่ต่างอะไรไปจากเขา
“No Description / Unknown Item กับระดับ Legendary...” เธอขมวดคิ้ว ก่อนที่จะหันมาพูดกับเขาว่า
“ถอดมันออกมาได้ไหม นาคา”
เขาลองดึงมันออกมา ก่อนที่จะลองเอ่ยคำสั่ง ‘ถอด’ ไอเท็ม กับกดคลิ๊กที่ไอเท็มในช่องหน้าต่างสวมใส่แต่ก็ไม่เป็นผล นาคาจึงหันไปส่ายหน้ากับอลิซช้าๆ
“ไม่ได้สินะ” อลิซที่พอจะเดาออกได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ “งั้นนายคงทำอะไรกับมันไมได้แล้วละ”
“คงต้องปล่อยมันไว้แบบเดิม” เขาพึมพำเบาๆ ในขณะที่อลิซก็เพียงแค่พยักหน้าช้าๆ ก่อนที่เธอจะหาทางเปลี่ยนเรื่องโดยการพูดออกมาว่า
“ข้ามเรื่องนั้นไปก่อนละกัน เอาเป็นว่าตอนนี้สิ่งที่นายอยากจะทำต่อไปคืออะไร นาคา”
ได้ยินดังนั้น นาคาก็ยืนนิ่งไปสักพักก่อนที่เด็กหนุ่มจะยกนิ้วขึ้นเคาะหน้ากากยิ้มคล้ายกับกำลังใช้ความคิดอยู่ราวๆ 3 วินาที ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกไปว่า
“พัฒนาตัวเองละมั้ง” นาคาพูด “เก็บเลเวล เรียนเวทมนตร์กับทักษะใหม่ๆ สำหรับอาชีพฉันก็คงต้องเป็นการเก็บสถานะจากมอนสเตอร์ด้วย เพราะยังไงจุดประสงค์หลักในการเล่นเกมนี้...ก็คือการเอาชนะเกมเมอร์อันดับ 3 ของเอเชียน่ะนะ”
ฝั่งคุโระที่เงียบมาตั้งแต่ที่มองเห็นแหวนของนาคาได้แต่เลิกคิ้วอย่างคาดไม่ถึง น่าแปลกที่ดูเหมือนอลิซจะไม่ได้รู้สึกประหลาดใจสักเท่าไหร่นัก เธอเพียงแค่พยักหน้าช้าๆ ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เกมเมอร์อันดับ 3 ของเอเชีย...เด็กห้อง 9 โรงเรียนเราสินะ”
นาคาพยักหน้าก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ของคุโระออกมาเบาๆ จึงหันไปสบตากับนักฆ่าชุดดำ คุโระจึงกระแอมไอออกมาเล็กน้อย แล้วจึงถามเปลี่ยนเรื่องกับนาคาว่า
“พอจะบอกฉันได้ไหมว่าอาชีพของเธอเป็นแบบไหนนะนาคา”
ได้ยินดังนั้นนาคาก็เลื่อนดวงตาไปสบกับอลิซ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าช้าๆ แล้วจึงเป็นฝ่ายพูดออกมาว่า
“ERROR User ของหมอนี่ชื่อว่า ‘โอเวอร์คิล’ ความสามารถคือช่วงชิงสถานะ 1 เปอร์เซ็นต์ถาวรของศัตรู โดยมีข้อแม้ต้องทำดาเมจสูงกว่าพลังชีวิตสูงสุด ส่วนข้อเสียคือไม่ได้ค่าประสบการณ์หรือไอเท็มตามการแชร์ค่าประสบการณ์ของปาร์ตี้ การทำเควสรวมไปถึงการฆ่ามอนสเตอร์แบบปกติ” เธอเว้นระยะสูดลมหายใจเล็กน้อย ก่อนที่จะอธิบายต่อว่า “ฉันให้ปืนของฉันกับหมอนี่ไป ดังนั้นคงจะพูดได้ว่าหมอนี่เป็นสายทำดาเมจระยะไกล [Ranged DPS] ละนะ”
คุโระพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะเอ่ยชมอลิซออกมาว่า
“ไหวพริบดีนี่ ให้ปืนกับนาคาไปน่ะ”
เด็กสาวเพียงแค่ยักไหล่เบาๆ ก่อนที่เธอจะหันกลับมาที่นาคา แล้วจึงพูดกับเขาว่า
“ตอนนี้ที่ง่ายที่สุดสำหรับนายก็คงต้องเป็นเก็บเลเวลในดันเจี้ยน...”
“ถ้าเรื่องสถานที่เก็บเลเวลฉันมีตัวเลือกที่ไม่เลวอยู่เหมือนกันนะ เจ้าหญิง” คุโระโพล่งขึ้น “แล้วก็พอดีฉันมีรุ่นพี่ในกิลด์ที่อยากไปหาแถวนั้นพอดีด้วยน่ะ ได้ยินเรื่องแหวนจากนาคาฉันเลยอยากลองไปหาข้อมูลดู พอดีว่าเขาคนนั้นรู้จักเรื่องอะไรแบบนี้เยอะน่ะ ฉันเลยว่าจะลองไปถามเกี่ยวกับมันดูหน่อย”
“แล้วทำไมไม่ใช้หน้าต่างสนทนาถามละ” อลิซหรี่ตาถาม
“แอเรียที่พี่เขาอยู่...มันใช้หน้าต่างสนทนาไม่ได้น่ะ” พูดจบคุโระก็ยกมือลูบหัวพร้อมกับหัวเราะแหะๆ ออกมา
“ยุ่งยากจริงๆ นะ คุโร ฮิทสึกิ...ว่าแต่แอเรียนั่นมันแอเรียไหนกันละ”
ได้ยินดังนั้นใบหน้าใต้ผ้าปิดปากของนักฆ่าชุดดำก็ปรายยิ้มออกมาจนสังเกตเห็นได้ชัด ก่อนที่คุโระจะเอ่ยพูดออกมาว่า
“ริสก์เทคเกอร์น่ะ”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบอลิซก็ยืนเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ ก่อนที่เธอจะขยับรอยยิ้มบางๆ ออกมาเช่นกัน
“ฉันเข้าใจละ เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยจริงๆ คุโร ฮิทสึกิ”
เมื่อตกลงเป็าหมายได้ พวกเขาจึงเลือกที่จะใช้บริการวาร์ปของ NPC ในการเคลื่อนย้ายระหว่างเมืองที่ถูกกว่าลูกแก้ววาร์ป
“ที่เวสต์โคสต์ฉันให้นายใช้เพราะว่าขี้เกียจเดินหา NPC น่ะ เวสต์โคสต์มันกันดารไม่ค่อยมีคนไป เลยไม่มีพนักงานวาร์ปประจำอยู่” อลิซหันมาอธิบาย
“ว่าแต่ลูกแก้วนั่นราคาเท่าไหร่กันละ ฉันไม่ค่อยเห็นคนขายมันเลยนะ”
“ราคาปกติอยู่ที่ 10,000 ซิล บวกลบไม่เกิน 2,000 แล้วแต่ฤดูกาลกับเมืองที่นายซื้อ”
“แพงพอตัวเลยนี่นา”
“แบบนี้แหละ ลูกแก้วนั่นถือเป็นหนึ่งในสิ่งของที่มีประโยชน์ที่สุดในเกมนี้เลย ความต้องการของตลาดก็เลยสูงตามน่ะนะ”
เขาพยักหน้าช้าๆ
ไม่กี่นาทีถัดมาพวกเขาก็มาถึงฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน นาคาก้าวเท้าตามอลิซไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะรู้สึกสะกิดใจถึงออร่าเหนือธรรมชาติอะไรบางอย่างจากเส้นทางที่อยู่เบื้องหน้าของเขา ประกอบกับความรู้สึกเย็นยะเยือกบางอย่างที่ทำเอาขนในร่างของเขาที่เริ่มจะลุกชันขึ้นมา
เขาจึงลองเอ่ยถามอลิซออกมาว่า
“พนักงานวาร์ปที่เธอพูดถึงน่ะ...อย่าบอกนะว่า”
“ก็คนเดียวกับพนักงานฝากของที่ฉันฝากของให้นายยังไงละ”
“...”
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ”
นี่เป็นครั้งที่สี่ที่เขาเจอแม่สาวฝาแฝดตระกูลกาแฟใบหน้าพิมพ์เดียวกันคนนี้ และก็เป็นอีกครั้งที่เขาค่อยๆ ยกมือของตัวเองขึ้นมาจับที่ลำคอของตนตามสัญชาติญาณ
“พวกเราจะไปเรมิน่า ตอนนี้ค่าบริการในการวาร์ปอยู่ที่เท่าไหร่?”
“ท่านละ 2,000 ซิลค่ะ” เมดสาวพนักงานรับฝากของผู้ควบหน้าที่พนักงานวาร์ปตอบด้วยรอยยิ้ม
อลิซพยักหน้า ก่อนจะหันมาพูดกับเขาว่า
“นายไปก่อนคนแรกเลยละกัน”
เขารับคำ ก่อนที่จะโอนเงินค่าวาร์ปให้กับพนักงานฝากของ
“2,000 ซิลครบถ้วนพอดีค่ะ” เมดสาวพูดหลังจากที่เธอเช็คจำนวนเงินเรียบร้อย ก่อนที่จะกวักมือเรียกเขาด้วยรอยยิ้มที่ทำเอานาคาถึงกับสะดุ้งไปข้างหลังเล็กน้อย
“มาใกล้ๆ ดิฉันเลยค่ะ คุณลูกค้า”
เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ แล้วจึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เธอตามที่บอก ก่อนที่เมดสาวคนนั้นจะเลื่อนมือไปเปิดกล่องสมบัติข้างตัวออกมา แล้วจึงพูดด้วยรอยยิ้มเช่นเคยว่า
“มองไปข้างในนั้นเลยค่ะ”
นาคาหรี่ตาอย่างงงๆ ก่อนที่จะเลื่อนใบหน้ามองเข้าไปในสมบัติที่ถูกเปิดขึ้นตามที่เธอแนะนำ
“ค่า ตอนนี้ดิฉันก็แนะนำกลั้นหายใจไว้ก่อนนะคะ คุณลูกค้าอาจจะรู้สึกคลื่นไส้หรือวิงเวียนศีรษะนิดนึง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าหากฉุกเฉินอะไรก็สามารถขอยาแก้เมาฟรีได้ที่ปลายทางค่ะ”
“หือ คลื่นไส้?”
ผลั่ก!
นั่นคือคำพูดสุดท้าย ก่อนที่บางอย่างจะพุ่งมากระแทกเข้ากับแผ่นหลัง ผลักร่างของเขาให้กระเด็นเข้าไปในความมืดด้านในกล่องสมบัติ ก่อนที่เขาเองจะทำอะไรได้
เรมิน่า นครหลวงแห่งการค้าขาย เมืองที่ถูกโหวตจากเหล่าผู้เล่นให้เป็นแหล่งละลายทรัพย์อันดับต้นๆ จากสินค้าทุกรูปแบบที่วางขายกันเกลื่อนตลาด สิ่งของล้ำค่า อัญมณีเสริมพลัง ดาบในตำนาน อาหารรสเลิศ หรือแม้กระทั่งสิ่งของที่สามารถหาได้ยากตามตลาดทั่วไปอย่างเช่น แรร์ไอเท็มเสริมพลังหรือ ไอเท็มหายากระดับ [Unique] ก็สามารถหาซื้อได้ไม่ยาก
ดูเหมือนสิ่งที่ทำให้เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงคือตลาด...แต่อันที่จริงแล้วเบื้องหลังสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากสนใจจะมาเยือนที่เมืองแห่งนี้ ไม่ใช่เรื่องตลาดแหล่งใหญ่ที่ซื้อง่ายขายคล่องแต่อย่างใด
อันดับหนึ่งของเมืองในแถบเอเชียที่จิตใจของผู้คนที่อาศัยอยู่ตกต่ำถึงขีดสุด แฝงไปด้วยมิจฉาชีพจำนวนมากที่จ้องจะโกงผู้เล่นอยู่ทุกเมื่อ ในขณะที่สิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดในเมืองนี้ก็คือตลาดมืดที่ใหญ่ที่สุด แหล่งซื้อขายใต้ดินที่สามารถสรรหาทุกอย่างบนโลกแห่งเกมนี้มาให้เชยชมหากมีการเสนอเงินจำนวนที่มากพอ
เรมิน่า นครหลวงแห่งการค้าขาย เมืองไร้ศีลธรรมที่เหล่าบรรดาผู้ทำงานในเงามืดรู้จักกันดีในชื่อ...หยาดน้ำตาแห่งสวรรค์ [Paradise's Tear]
เขานั่งกุมหน้ากากยิ้มที่คลุมใบหน้าซีดของตน พลางสูดหายใจหอบอากาศเข้าปอดอย่างยากลำบากจากท้องไส้ที่ยังคงปั่นป่วนอยู่จากการบริการ ‘วาร์ป’ ที่เขาไม่คาดคิด
นาคาคิดพลางยกมือกุมริมฝีปากที่เริ่มจะมีของเหลวบางอย่างทะลักออกมาจากอาการคลื่นเหียนอาเจียน
“แบบนี้แหละ นาคา” นักฆ่าในชุดดำที่อยู่ใกล้ๆ ยกมือขึ้นจับไหล่อย่างให้กำลังใจ “ตอนที่ฉันพึ่งเล่นใหม่ๆ การวาร์ปข้ามเมืองแบบนี้ทำเอาฉันนั่งผะอืดผะอมไปร่วมสองชั่วโมงแน่ะ”
เมืองแห่งการค้าที่เขากำลังจะอ้วกใส่พื้้นของมันอยู่ในขณะนี้ มีลักษณะเป็นเมืองใหญ่ที่ถูกกำแพงขนาดยักษ์หกเหลี่ยมตั้งอยู่ท่ามกลางที่ราบสูงสีเขียวขจี ให้อารมณ์เหมือนกับป้อมปราการมากกว่าเมืองที่ขึ้นชื่อด้านการค้าขาย
พื้นหินสีเทาเกลี่ยเรียบของถนนบ่งบอกว่ามันได้รับการสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน ในขณะที่ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างต่อเนื่องก็บ่งบอกว่ามันเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมจากทั้งผู้เล่นและ NPC พอสมควร
“เอ้า จะไปกันได้หรือยังละ” เมื่ออลิซเห็นท่าทางที่ดูดีขึ้นของเขาจากการลุกขึ้นยืนสูดลมหายใจได้อย่างปกติ เธอจึงหันมาถาม
“อือ” นาคาพยักหน้า ก่อนที่จะยกมือปาดของเหลวบางส่วนที่ยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากของตนเอง
เรมิน่าถูกแบ่งออกไว้โดยกำแพงสามชั้นที่วนรอบตัวเมืองที่มีลักษณะเป็นรูปหกเหลี่ยม ส่วนแรกที่พวกเธออยู่คือชั้นปลายสุดของเมืองที่เต็มไปด้วยเต๊นท์ผ้าใบขายของจำพวกของกิน และอุปกรณ์ใช้สอยจิปาถะต่างๆ
“ชั้นที่สองจะเป็นศูนย์กลางการตลาดน่ะ” อลิซหันมาอธิบายกับเขา ระหว่างที่เธอก็เดินนำทางไปเรื่อยๆ “ขายสิ่งของทุกประเภทตั้งแต่ไม้เท้าเก่าๆโทรมๆไปจนถึงอาวุธระดับตำนาน ส่วนชั้นสุดท้ายก็จะเป็นตำแหน่งของพระราชวังและที่อยู่ของเจ้าผู้ครองนคร”
“ขอ...ฉันพักแป๊บนึง” หลังจากที่เดินมาได้สักพัก นาคาก็รู้สึกได้ถึงของเหลวภายในร่างกายที่กำลังจะทะลักออกมาอีกรอบ เขาจึงขอนั่งพักอีกสักนิด
อลิซพยักหน้า ก่อนที่จะหันไปถามคุโระว่า “แล้วนายมีความคิดจะไปไหนเป็นที่แรกละ คุโร ฮิทสึกิ”
“เธอกับนาคาอยากจะไปดูตลาดก่อนหรือเปล่าละ” นักฆ่าในชุดดำพูด “สำหรับฉันยังไงก็ได้ เพราะฉันก็มาแถวนี้บ่อยอยู่แล้ว อยู่ที่เธอนั่นแหละเจ้าหญิง”
“งั้นก็รอนาคาหายเมา...แล้วพวกเราก็ตรงไปที่ริสก์ เทคเกอร์เลยละกัน” เด็กสาวกล่าวสรุป
นาคาเลื่อนสายตามองภาพของแอเรียทุ่งหญ้ารอบกำแพงเมืองเรมิน่าหลังจากที่เขาหายเมาและกำลังจะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย มอนสเตอร์ที่เมืองนี้มีลักษณะเป็นมังกรสีแดงตัวเล็กๆ และปีศาจดอกไม้เดินได้ แตกต่างกับหมู่บ้านในหุบเขาสีน้ำเงินที่อลิซพาเขาไปอยู่พอตัว
ดูจากสายตาคร่าวๆ ผู้เล่นที่เก็บเลเวลอยู่แถวนี้น่าจะมากกว่าผู้เล่นในแถบหมู่บ้านอยู่พอสมควร ดูๆ ไปแล้ว แทนที่จะได้ตีมอนสเตอร์น่าจะกลายเป็นตีกับผู้เล่นคนอื่นเรื่องการแย่งกันจัดการมอนสเตอร์มากกว่า
เมืองใหญ่แบบนี้ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสมอไป ดังนั้นที่อลิซเลือกเมืองชนบทแบบหมู่บ้านในหุบเขาสีน้ำเงินนั่นน่าจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว
พวกเขามุ่งหน้ามาทางตะวันตกของเมืองแห่งการค้ามาได้สักพัก ทางฝั่งคุโระที่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นทางเข้าดันเจี้ยน จึงยกนิ้วชี้ไปยังเป้าหมายที่อยู่ไกลลิบๆ ให้กับเขาที่เดินตามอยู่ด้านหลัง
“นั่นไง แอเรียที่เราจะเข้าไปกัน”
ปลายนิ้วของคุโระคืออุโมงสีดำขนาดใหญ่ที่ถูกตะแกรงเหล็กขึ้นสนิมปิดกั้นไว้ในบริเวณสุดปลายถนนที่เขากำลังจะมุ่งหน้าไป
อุโมง...ที่ดูมืดมิดคล้ายกับไร้ที่สิ้นสุด
“พวกเจ้ามีใบอนุญาตจากทางราชวังหรือไม่”
คำถามที่ถูกเอ่ยขึ้นจากยามรักษาการณ์หน้าทางเข้าทำเอานักฆ่าชุดดำยกมือเกาหัวอย่างงงๆด้วยความแปลกใจ
“ครั้งที่แล้วไม่เห็นจะต้องใช้เลยนี่พี่ชาย”
“ครั้งที่แล้วก็ส่วนครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ก็ส่วนครั้งนี้ หากไม่มีใบอนุญาต ข้าก็ปล่อยพวกเจ้าเข้าไปไมได้หรอก...”
นาคาเหลือบสายตามองไปยังแผ่นไม้หน้าบริเวณหัวทางเข้าที่เขียนตัวอักษรสีแดงเด่นหราว่า No Entry [ห้ามเข้า] ก่อนจะหันมาสบตากับคุโระที่กำลังยืนถอนหายใจทำหน้าตาผิดหวังอยู่
“เอ่อ...เห็นว่าต้องมีใบอนุญาตอะไรสักอย่างจากทางราชวังน่ะ”
“...”
ได้ยินดังนั้นอลิซก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ ด้วยความผิดหวัง
“นายนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ คุโร ฮิทสึกิ” สาวน้อยบ่นด้วยความหงุดหงิด ดันร่างสูงของคุโระที่ขวางทางอยู่ออกไป ก่อนที่จะพูดทิ้งท้ายไว้แค่ว่า
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เธอเดินตรงไปสนทนากับยามรักษาการณ์อยู่สักพัก จากนั้นจึงชูนิ้วสองนิ้วคล้ายกับกำลังยื่นข้อเสนออะไรบางอย่าง ก่อนที่ยามคนนั้นจะยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ ให้กับเธออย่างอารมณ์ดี
“เอ้า จะไปกันได้หรอยัง เขาอนุญาตแล้ว” เธอตะโกนเรียกพรรคพวกสองคนพร้อมกับสะบัดฝีเท้ามุ่งหน้าเข้าไปยังอุโมงอย่างไม่รีรอ ในขณะที่คุโระกับนาคาหันมามองหน้ากันอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจเดินตามสาวน้อยนักเจรจาเข้าไปยังอุโมงดันเจี้ยนแห่งนั้นเงียบๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แม้กระทั่งในเกม???
ผมชอบพี่ Soldevi Sage เหมือนกันครับ พี่แกเขียนมุขฮาแทบทุกมุขเลย
ปล.สมัยยังเด็กผมเอาวีคลี่ กับคอมเกมเมอร์ ไปนั่งอ่านที่โรงเรียนจนบางทีก็แทบไม่ได้เรียนเลยละ ฮ่าๆ
ครับผม มาล่า Golden Gear กันเถอะครับ ฮ่าๆๆ