ตอนที่ 25 : Error : 0x00000021 ปราสาทผีสิง [ทางเลือก]
ERROR Online : Overkill
“นายเคยเรียนศิลปะการป้องกันตัวมาก่อนใช่ไหม นาคา”
“นิดหน่อยน่ะ”
“หืม ว่าแต่นายเรียนศิลปะป้องกันตัวประเภทไหนมาละ”
“มวยไทย, มวยสากล, พื้นฐานการใช้อาวุธระยะประชิดแล้วก็การใช้ปืนสั้นเบื้องต้น”
“...สาบานอีกรอบได้ไหมว่านายไม่ใช่มือปืน”
พวกเขาเดินมุ่งหน้าไปตามบันไดหินผ่านป่าทึบ การเดินเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากนาคาจำเป็นต้องหิ้วเด็กน้อยผมทองที่ยังคงนอนหลับไหลหมดสติภายในอ้อมแขนของตน ในขณะที่แอชเองก็ต้องคอยสังเกตการณ์บริเวณป่ารอบข้างตลอดเวลา เพราะหากมีมอนสเตอร์โผล่มาจะได้บอกเตือน
ราวๆ สิบนาทีทั้งสองก็ลงมาสู่เขตป่าทึบ หมอกยามค่ำลงต่ำทำให้มองอะไรได้ไม่ชัด ยิ่งรวมกับหมู่แมกไม้จำนวนมากยิ่งทำให้การเดินเท้าเป็นไปด้วยความยากลำบาก
“หยุดก่อน...”
แอชพูดพร้อมกับชูมือให้เขาหยุดเดิน หมอนั่นยืนนิ่งไปสักพักก่อนที่จะค่อยๆ ก้าวเท้ากลับมาทางด้านหลังช้าๆ แล้วจึงกระซิบกับเขาว่า
“มีเงาอะไรบางอย่างอยู่ข้างหน้า ราวๆ 30 เมตร”
“มอนสเตอร์หรือไง...” นาคากระซิบกลับ
“ไม่แน่ใจ แต่จากรูปร่างที่ฉันมองเห็นแล้ว ฉันคิดว่าน่าจะเป็นผู้เล่น ราวๆ 3 คน เห็นจะได้”
“มาดักรอผู้เล่นในป่าที่มีหมอกหนาแบบนี้ คงไม่ได้มีเจตนาดีสินะ...”
แอชพยักหน้าให้กับเขาช้าๆ ก่อนที่จะตวัดคมมีดในมือไปข้างหลัง พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าช้าๆ
“นายต้องการให้ฉันช่วยด้วยไหม” นาคาเอ่ยถาม
แอชที่หันหลังให้กับเขาโบกมือปัดๆ ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ไม่เป็นไร ฉันคนเดียวก็เหลือๆ แล้วละ”
สิบห้าวินาทีผ่านไป
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นตามมาด้วยเสียงตะโกนว่า “อ๊าก!!” ของใครบางคนตามมาสอง-สามครั้ง ก่อนที่มันจะเงียบหายไปในที่สุด
นาคายืนอุ้มร่างของไอรินเงียบๆ ไปสักพักก่อนที่นัยน์ตาของเขาจะไปสัมผัสกับเงาดำๆ ที่กำลังเดินตรงมา
“เร็วกว่าที่คิด ไม่รู้ว่าพวกนั้นฉลาดหรือโง่กันแน่ที่ดันดักรอเก็บผู้เล่นกลางหมอกทั้งๆ ที่ไม่มีสกิลตรวจจับ”
“ใช้ได้เหมือนกันนี่”
แอชที่กำลังเดินตรงมายกมือลูบหัวตัวเองเบาๆ
“ขอบคุณที่ชม แต่ฉันยังต้องฝึกอีกเยอะแหละ”
นาคาไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่ยักหน้าช้าๆ ก่อนที่จะพูดต่อว่า
“งั้นก็ไปต่อกันเถอะ”
พวกเขาเดินตัดป่าทึบไปร่วมยี่สิบนาทีก่อนที่จะมาถึงแอเรียปราสาทกว้างที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหลังรั้วเหล็กสีดำและกำแพงหินยาวสุดลูกหูลูกตาเบื้องหน้า
พื้นที่ที่มีชื่อว่า ปราสาทผีสิง แอเรียสุดท้ายในกิจกรรม
“รู้สึกว่าเช็คพอยน์สุดท้ายคือบัลลังก์ที่อยู่ในห้องโถงชั้นในสุดของปราสาท”
“อือ”
ทั้งสองเดินต่อไปจนถึงหน้ารั้ว ก่อนที่นัยน์ตาของพวกเขาจะเหลือบเข้ากับร่างไร้วิญญาณของมนุษย์ที่ถูกวางเกลื่อนกลาดบริเวณหน้าปราสาทจำนวนมาก
พวกเขาจึงหยุดเดิน
“ผู้เล่น...น่าจะราวๆ สิบถึงยี่สิบคนได้” แอชพูด
“ปัญหาคงอยู่ที่เป็นฝีมือของยูสเซอร์หรือมอนสเตอร์...” เขาหรี่ตา
“ให้ฉันปีนกำแพงเข้าไปตรวจสอบดีกว่า นายรออยู่นี่ก็แล้วกันนาคา” แอชลองเสนอความคิดเห็น
“จะดีหรือไง เรายังไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้พวกผู้เล่นนั่นเสียชีวิต”
แอชยิ้ม ก่อนที่จะยกมือตบไหล่เขาเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวพอฉันเข้าไปข้างในก็รู้เองแหละ นายไม่ต้องห่วงไปหรอกนาคา ครั้งที่แล้วก็ได้ผลใช่ไหมละ”
ได้ยินดังนั้นนาคาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่พยักหน้าช้าๆ แล้วจึงตอบไปว่า
“งั้นก็เอาตามที่นายว่าละกัน ”
แอชพยักหน้า ก่อนที่หมอนั่นจะย่อตัวลงไปเรียบพื้น แล้วจึงเดินเลียบไปทางกำแพงหินด้านซ้าย ก่อนที่จะหายไปในป่าทึบ
นาคาที่ยืนถือไอรินอยู่ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะเดินหลบฉากไปจากทางเดินเข้าไปในป่า มองหาที่นั่งพักอยู่สักครู่ ก่อนที่จะค่อยๆ วางร่างของไอรินบนผืนหญ้าลงใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ แล้วจึงก้มลงนั่งพิงต้นไม้ดังกล่าวเงียบๆ
อย่ารีบเป็นอะไรไปละ...แอช
จ๊ากกก!!!
เสียงคุ้นหูร้องตะโกนลั่นด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นมาในจังหวะที่นาคากำลังนั่งถือปืนในมือสอดส่องอาณาเขตโดยรอบอยู่เงียบๆ เขานั่งเงี่ยหูฟังเสียงดังกล่าวไปสักพัก ก่อนที่มันจะเงียบหายไปหลังจากที่ดังขึ้นอยู่สองสามครั้ง
“...”
นาคาได้แต่ยกมือกุมขมับ เขาหลุบตาลงต่ำ ก่อนที่จะถอนหายใจเสียงเครียดออกมา
สมาชิก...เหลือสองคนแล้วสินะ
เขานั่งนิ่งๆ อยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจทรงตัวลุกขึ้น
ปัญหาในตอนนี้คือทำยังไงถึงจะเข้าไปในปราสาทนั่นได้? การปีนกำแพงเข้าไปเป็นทางเลือกที่ผิด? แต่ถ้าวิเคราะห์จากสถานการณ์แล้วศพที่อยู่หน้ารั้วเหล็กนั่นก็บ่งบอกว่าเข้าทางข้างหน้าไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง…
หรือว่ามันมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่ทำให้ผู้เล่นที่เข้าไปเสียชีวิต? ไม่ๆ บางทีอาจจะเป็นมอนสเตอร์บางอย่างที่ดักซุ่มผู้เล่นอยู่ก็เป็นได้
“เอายังไงดีนะ…”
นาคานั่งคิดไปสักพัก ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงขยับตัวดังขึ้นมาจากร่างของเด็กผู้หญิงที่นอนอยู่ใกล้ๆ เขาหันไปก็พบกับร่างของไอรินที่กำลังนั่งทำหน้าตาสะลึมสะลืออยู่
ไอรินนั่งหน้ามึนไปสักพักก่อนที่เธอจะยกมือปิดปากหาว แล้วจึงเลื่อนมันมาขยี้ตาอย่างงัวเงีย
“ตื่นแล้วหรือไง ไอริน”
เสียงพูดของนาคาเรียกความสนใจของเด็กผู้หญิงเพิ่งตื่นให้หันหน้ามาหา เธอเอียงคอเล็กน้อย สบตากับเขาไปสักพักก่อนที่จะปรบมือทั้งสองเข้ากันพร้อมกับอ้าปากร้องอ๋อ
“พี่นาคา ใช่ไหมคะ”
“อื้อ”
ได้ยินดังนั้นเธอจึงพยักหน้าช้าๆ ไอรินสะบัดหน้าเรียกสติไปสักพัก ก่อนที่จะหันซ้ายหันขวาสำรวจตำแหน่งโดยรอบ แล้วจึงหันมาเอ่ยคำถามกับเขาออกมาอีกครั้ง
“พี่แอชกับพี่แซ็คไปไหนละคะ”
นาคาถึงกับสะอึกเล็กน้อย
“ทั้งสองคน…”
ดวงตาสีฟ้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังทำเอานาคากลั่นกรองคำพูดออกมาได้อย่างลำบาก เขาสบตากับเธอไปสักพัก ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วจึงเลือกตอบไปตามตรง
“ทั้งสองคน...ออกจากการแข่งขันไปแล้วน่ะ”
ทันทีที่นาคาเอ่ยจบ นัยน์ตาสีฟ้าใสของเธอก็ถูกปกคลุมไปด้วยแววเศร้าสร้อย ไอรินยืนก้มหน้าอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะยกมือทั้งสองข้างตบเข้าไปที่แก้มเสียงดัง แล้วจึงหันมายิ้มให้กับเขาด้วยแก้มที่เริ่มขึ้นสี
“งั้นก็ไปกันต่อกันเถอะค่ะ พี่นาคา”
ตัวเลข 1,068 ที่ขึ้นกลางอากาศบ่งบอกว่านั่นน่าจะค่อนข้างเจ็บพอสมควร นาคาเลื่อนมือไปลูบหัวร่างเล็กเบาๆ ก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า
“อื้อ”
“เธอพอจะเรียก ‘คิตตี้’ ออกมาได้ไหม” นั่นคือคำถามที่นาคาเอ่ยถามหลังจากที่พวกเขาเดินมาหยุดอยู่ที่รั้วเหล็กดัดสีดำที่เบื้องหลังยังคงเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณของยูสเซอร์จำนวนมาก
“ก...ก็น่าจะได้อยู่นะคะ” ไอรินที่ยืนเกาะเสื้อเขาอยู่ข้างหลังพูดออกมา
นาคาเหลือบมองลักษณะของปราสาทภายในรั้ว สันนิษฐานว่าพื้นที่ภายในปราสาทผีสิงน่าจะเป็นเขตอันตราย จุดเริ่มต้นก็คือบริเวณด้านหลังรั้วไปจนถึงอาณาเขตข้างในทั้งหมด
อุปสรรคที่กีดขวางตัวเขาคือกำแพงและรั้วเหล็กดัดขนาดไม่สูงมากที่น่าจะพอปีนป่ายข้ามได้ บังลังก์ของห้องโถงชั้นในสุดคือจุดมุ่งหมายที่เขาต้องไป
เดาว่าอยู่ตรงกลางปราสาท...หมายความว่าคงจะไม่แตกต่างกันหากเลือกที่จะเข้าทางด้านหน้าหรือเข้าทางด้านหลัง
เขายืนสำรวจไปสักพัก ก่อนที่หันไปข้างหลังพร้อมกับเอ่ยคำพูดออกมาว่า
“แล้ว ‘ทอมมี่’ ละ”
สุภาษิตโบราณเคยบอกไว้ว่า ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถา ดังนั้นหากการเข้าประตูหน้าเป็นเรื่องยากลำบาก
ก็ให้พังมันเข้าไปจากด้านบน…
นาคาที่นั่งอยู่บนหลังของแมวปีศาจได้แต่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกับการปีนกำแพงเป็นอย่างดี ทอมมี่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วไปตามตัวปราสาท ไต่ระดับสูงไปเรื่อยๆ เพื่อมุ่งหน้าไปถึงยอด
ด้านในของกำแพงปราสาทมีลักษณะเป็นผืนหญ้ากว้างใหญ่ที่เมื่อมองจากมุมสูงไกลๆ แล้วจะเห็นจุดเล็กๆ หลายจุดกระจายอยู่เต็มพื้นที่
จุดที่คาดว่าน่าจะเป็นซากศพของยูสเซอร์ที่พากันเข้าไปโดนเล่นงานอยู่ข้างใน...
สิ่งพิศดารเพียงอย่างเดียวก็คือนาคากลับมองไม่เห็นพวกปีศาจที่เป็นผู้สังหารยูสเซอร์เลยสักตน
ถ้าเป็นมอนสเตอร์มันก็คงจะเป็นพวกสายลอบโจมตี ไม่ก็มีทักษะล่องหนสินะ...
ไม่ช้าเจ้าทอมมี่ก็พาเขาและไอรินกระโดดทะยานแหวกอากาศหยุดอยู่ข้างบนหอคอยสูงก่อนที่ เขาจะหันไปบอกให้ไอรินให้สั่งทอมมี่ให้ทำลายหลังคาหอคอยและพังลงไป
ครืด...กึง
ปราสาทผีสิงนั้นดูจะแข็งแกร่งกว่าโบสถ์ปีศาจเป็นอย่างมาก ไม่ว่ามันจะพยายามใช้กงเล็บทั้งสองข้างตะปบแรงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำลายหลังคาของปราสาทหินเบื้องหน้าได้
งั้นก็ได้เวลาแผนสอง
เมื่อการพังหลังคาไม่ได้ผล นาคาจึงตัดสินใจที่จะให้ทอมมี่ปล่อยพวกเขาลงตรงหน้าต่างในหอคอยสูงซึ่งดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าประตูหน้าหรือประตูหลังที่เต็มไปด้วยศพ
เพียงแต่...ในช่วงเวลาที่ขาทั้งสองข้างของเขาแตะยังด้านในของหอคอยสูงนั่นเอง
ปัญหาบางอย่างก็เกิดขึ้น
ตึกตั่ก! ตึกตั่ก!
เสียงฝีเท้าสองคู่ของนาคาและไอรินกำลังจ้ำเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะวิ่งหนีจากกองทัพพาเหรดปีศาจด้านหลังสุดชีวิต
และหากถามว่าทำไมละก็ สาเหตุมันก็เพราะทันทีที่พวกเขาเข้าสู่ห้องภายในหอคอย นาคาก็พบว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยปีศาจนานาชนิดที่ปกคลุมอยู่หนาแน่น เหตุการณ์หลังจากนั้นคือหนอนน้อยน่ารักหนึ่งในบรรดาปีศาจก็เริ่มที่จะขยับเข้ามาแนะนำตัวเองกับพวกเขาโดยการยิ้มทักทาย อ้าปากขนาดมหึมาเผยให้เห็นถึงซี่ฟันนับร้อยซี่ในปาก
และนั่น...คือจุดที่พวกเขาเริ่มวิ่ง
ระเบียงทางเดินภายในปราสาทถูกตกแต่งด้วยโถโบราณขนาดใหญ่ โคมไฟระย้าหรูหราและรูปปั้นอันแสนวิจิตรงดงามซึ่งทั้งสองอาจจะไม่มีเวลาพอที่จะมายืนชื่นชมเนื่องจากเหล่าปีศาจอัศวินในชุดเกราะ ซอมบี้ผีดิบ โครงกระดูกสีแดง กล่องสมบัติกระโดดได้รวมไปถึงเหล่าวิญญาณอาฆาตที่กำลังวิ่งไล่ตามมาเป็นขบวน
พวกเขาวิ่งต่อไปได้สักพัก ก่อนที่นาคาจะเริ่มสังเกตได้ถึงเสียงหอบหายใจถี่ของไอริน เด็กหนุ่มจึงรีบไล่สายตามองหาที่หลบภัย ก่อนจะไปพบเข้ากับประตูสามประตูที่อยู่บริเวณปลายสุดทางเดิน
พวกมันมีลักษณะเป็นประตูไม้โบราณสีเทาซีดสองบานไร้ลูกบิดเหมือนกันหมดแตกต่างกันที่รูปสลักหินด้านบนแต่ละบานประตู
บานซ้ายสุดเป็นรูปสลักของอัศวินที่ถูกหอกปักกลางอก ขณะที่ประตูบานกลางมีรูปสลักเป็นรูปหัวกระโหลกจำนวนมาก ส่วนบานประตูสุดท้ายเป็นรูปนักปราชญ์ไร้ศีรษะที่นอนอยู่บนกองหนังสือ
ต้องเลือกอย่างเดียวสินะ…
นาคาคิดพร้อมกับตัดสินใจเอื้อมมือขวาไปช้อนร่างของไอรินขึ้นมา เธออุทานด้วยความตกใจเล็กน้อยแต่ก็ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์
นาคาเริ่มเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเพื่อสลัดฝูงปีศาจพร้อมกับพุ่งตัวไปใช้มืออีกข้างผลักประตูบานขวาสุดออกก่อนที่จะปิดมันอย่างรวดเร็ว
ปัง...แกร๊ก!
เสียงปัง! ของประตูตามมาด้วยเสียงที่มีลักษณะเหมือนกับการล็อค มันส่งเสียง ตึง! ตึง! เล็กน้อย คาดว่าน่าจะเป็นเสียงของมอนสเตอร์ที่พุ่งชนกับประตูอย่างรุนแรง
ดูเหมือนว่าประตูนี่จะแข็งแรงพอ
การวิ่งเต็มฝีเท้าทำเอาเขารู้สึกเหนื่อยอยู่ไม่น้อย เขายืนหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางร่างเล็กในมือลงกับพื้นอย่างทะนุถนอม
“ขอบคุณค่ะ พี่นาคา”
เท้าแตะถึงพื้นไอรินก็เอ่ยคำขอบคุณ นาคาหันไปพยักหน้ารับก่อนจะเปลี่ยนความสนใจไปมองสำรวจห้องที่ตัวเองอยู่
“นี่มัน...ห้องสมุดสินะ”
จึงได้ความว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีชั้นหนังสือจำนวนมากเรียงรายกันอยู่ในห้อง
ห้องสมุดกว้างสองชั้นที่มีแสงจันทร์สลัวๆ จากหน้าต่างยาวที่อยู่อีกฝั่ง
เขากระชับแว่นสายตาตัวเองเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจหยิบน้ำยารีเซ็ทคูลดาวน์ที่เขาได้รับตั้งแต่แรกออกมาดื่ม
หนึ่งชั่วโมงที่เหลือ น่าจะพอละนะ
Eagle Eye [นัยน์ตาอินทรี]
นาคาเอ่ยปากเรียกใช้สกิล ก่อนที่ภาพสลัวๆ ภายในห้องจะเปลี่ยนไปชัดเจนกว่าเคยจากโทนสีที่เข้มข้นขึ้น เขาใช้ดวงตาสอดส่องรอบข้างอยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าทุกอย่างปลอดภัยดีจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ดวงตาพี่นาคาสวยจัง”
คือสิ่งที่ไอรินพูดหลังจากที่เขาเหลือบมาสบตากับเธอที่กำลังมองหน้าเขาด้วยสายตาที่แวววาวด้วยความประหลาดใจ
เขาหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนที่ไอรินจะพูดต่อไปว่า
“เป็นสีทองสว่างเลยค่ะ”
คงจะเป็นผลมาจากเอฟเฟคของทักษะ
รับรู้ดังนั้น เขาจึงหันมายิ้มให้กับเธอบางๆ
กุก...กัก...กุก...กัก
จู่ๆ เสียงอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นภายในห้อง มันเป็นเสียงที่คล้ายกับสิ่งของกระทบกัน พวกเขายืนนิ่งอยู่สักพักก่อนที่จะหันมามองหน้ากันช้าๆ
นาคาค่อยๆ เลื่อนนิ้วชี้ขึ้นปิดปากเป็นสัญญาณให้อย่าสงเสียงดัง ก่อนที่เขาจะเลื่อนดวงตาสองข้างเพื่อสังเกตพื้นที่โดยรอบ
น่าแปลกที่เขาไม่พบสิ่งแปลกปลอมแต่อย่างใด สิ่งที่เขาเห็นก็มีเพียงแค่ชั้นหนังสือที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบกับพื้นที่มีสภาพเป็นพรมสีแดงทั้วทั้งสองชั้นเท่านั้น
เแล้วเมื่อกี้มันเสียงอะไร?
เขาคิด ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นสะกิดเข้ากับอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในชั้นหนังสือ เพียงแต่ทันทีที่เขาหันหน้าไปทางนั้นสิ่งที่เขาเห็นก็มีเพียงแค่หนังสือจำนวนมากที่ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเท่านั้น
“…”
หรือว่า...
ความคิดชั่ววูบทำเอาเขาถึงกับต้องชะงักกึก นาคาไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนเขาจะค่อยๆ พยายามเอื้อมมือไปผลักประตูที่อยู่ด้านหลังเพื่อลองเปิดมันออก
กึก...
แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้ผล เสียงประตูติดขัดบ่งบอกอย่างชัดเจนว่ามันถูกล็อค
แย่ละ…
ภาพนั่น รู้สึกว่าจะเป็นนักปราชญ์ไร้ศีรษะที่นอนบนกองหนังสือสินะ
นาคาคิดพลางสูดหายใจเข้าปอดเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปสะกิดถามเด็กสาวคนข้างๆว่า
“เธอมีปีศ...เพื่อน ที่ตัวเล็กกว่า ‘คิตตี้’ ไหม”
“ทำไมเหรอคะ”
สิ้นสุดคำพูด ชั้นหนังสือภายในห้องก็เริ่มจะทยอยกันล้มลงกระแทกตึงกับพื้นด้วยความรวดเร็ว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องหนูมีแมวกี่ตัวเนอะ
Aphrodite
ปล. มาต่อไวๆ นะคะท่านไรต์ ช้าได้พร้าเล่มงาม แตต่ถ้าเร็วล่ะก็ได้ควายธนูนะคะ