ตอนที่ 118 : Error : 0x00000112 กรรไกร สายฝน และดอกกุหลาบ
ERROR Online : Overkill
อนาสตาเซีย บาโธรี่ [Anastasia Bathory] บุตรีคนแรกของเคาท์เตสโชกเลือด ลูกสาวนอกสมรสเพียงคนเดียวของอลิซาเบธ บาโธรี่ กับประวัติศาสตร์ด่างพร้อยที่ทั้งตระกูลบาโธรี่และนาดาสดีต้องการที่จะลบให้หายไปจากโลกนี้
หนึ่งในบุตรสาวเพียงคนเดียวของอลิซาเบธ บาโธรี่ที่ไม่ได้สืบเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้เป็นสามีอย่างเฟเรนซ์ กับความทรงจำที่แม้แต่ตัวเคาท์เตสโชกเลือดเองก็ไม่อยากจะย้อนนึกไปถึง
ความลับอันดำมืดเฉกเช่นเดียวกับตัวตนของอนาสตาเซียที่ถูกส่งไปเลี้ยงดูอยู่ที่ทรานซิลเวเนียนับตั้งแต่เธอยังเป็นทารก ขณะที่บิดาของเธอก็ถูกพ่อบุญธรรมอย่างเฟเรนซ์สำเร็จโทษจนถึงแก่ชีวิต
เรื่องราว...ที่น่าแปลกประหลาดกับการตัดสินใจอันน่าพิศวงของเฟเรนซ์แห่งตระกูลนาดาสดี ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องความโหดเหี้ยมในการไว้ชีวิตอนาสตาเซีย บุตรสาวคนละสายเลือดที่อาจจะเป็นหอกข้างแคร่ของตัวเองได้ในอนาคต
ร่างในชุดสูทเก่าสีดำหรี่ตาลงช้าๆ
หมายความว่าด้วยความทรงจำที่บิดเบี้ยวบางอย่าง...ทำให้หญิงสาวคนนี้
อนาสตาเซีย บาโธรี่คนนี้กลับกลายมาเป็นคนที่รักและเคารพผู้ที่สังหารพ่อแท้ๆ ของตัวเองอย่างเฟเรนซ์ นาดาสดี อัศวินดำแห่งฮังการี่
คงต้องบอกว่าเป็นความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แม้แต่เขาเองยังรู้สึกว่ามันพิศวงกว่าที่คิด
“พี่นาคา คงรู้สึกแปลกใจสินะคะ” แองเจลัสว่า “ถ้าเป็นหนูเองก็คงจะแปลกใจเหมือนกัน กับการโดนปกปิดความลับจากคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนร่วมทางของตัวเองมาตลอด...”
นัยน์ตาสีดำเลื่อนกลับมาสบกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กเจ้าของเรือนผมยาวสีขาว ขณะที่ทางฝั่งหญิงสาวในชุดสีแดงที่ยืนอยู่ข้างเขาก็เพียงแค่ชะงักร่างของเธอถอยหลังเช่นเดียวกับมือของเธอที่เริ่มสันเทา
“การถูกหักหลังจากคนที่เราเชื่อใจเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีใช่ไหมละคะ แถมยิ่งเป็นการปกปิดข้อมูลสำคัญแบบนี้ คงจะพูดได้ว่าไม่ต่างอะไรกับการทรยศเจ้านายของตัวเอง...” คำพูดถูกเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มของนางฟ้าตัวน้อย “ถึงจะเป็นฟอลส์วัน แต่การโกหกกันแบบนี้ มันก็เหมือนกับว่าพี่สาวชุดแดงน่ะไม่ไว้ใจพี่นาคาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมล่ะ”
เคาท์เตสโชกเลือด...ชื่อเสียงเรียงนามที่เขาเคยรู้จักในฐานะ ‘อลิซาเบธ บาโธรี่’ มาตลอด
กับตัวตนที่แท้จริงอย่างอนาสตาเซีย บาโธรี่ ลูกสาวนอกสมรสของเคาท์เตสที่ใครๆ ต่างก็ไม่รู้จัก
“อันคราวน์ประเภทความชั่ว [Malum] ก็เป็นแบบที่หนูอธิบายไปตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ หมายความว่าจริงๆ แล้วผู้หญิงคนนี้อาจจะต้องการหลอกใช้พี่นาคามาตลอดโดยมีเป้าหมายบางอย่างซ่อนไว้อยู่ในใจ รอเวลาที่จะหักหลังแล้วทำลายเงื่อนไขสัญญาของตัวเองก็ได้ค่ะ”
คำพูดถูกเอ่ยด้วยสีหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มของนางฟ้าตัวน้อย
ก้อนเมฆสีดำที่เริ่มก่อตัวบนท้องฟ้าขับบรรยากาศบริเวณด้านหน้าของร้านน้ำชาคุณยายฟรีด้าให้เริ่มหนักอึ้งขึ้นมากกว่าเดิม
นาคายืนใช้ความคิดไปอยู่สักพักก่อนที่ร่างในชุดสูทสีดำจะทรงตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ
“ที่เธอพูดมาก็อาจจะถูก”
นาคาเหลือบไปสังเกตเข้ากับนัยน์ตาของแองเจลัสที่เหมือนจะส่องประกายวาบอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะกลับมาพยายามซ่อนอารมณ์ดังเดิม
“แต่จะว่าไปคนที่อยู่รอบๆ ตัวก็มีแต่ตัวอันตรายที่พร้อมจะหักหลังฉันอยู่แล้วน่ะนะ”
ดวงตาของนางฟ้าตัวน้อยกระตุก เธอเอียงคอไปทางซ้ายเล็กน้อย
“โลงศพสีดำ อสรพิษที่เร็วที่สุดในเอเชียกับแม่มดวิปลาส อดีตแรงค์กิ้งยูสเซอร์ที่มีแต่คนหวาดกลัวไปทั่วเซิร์ฟเวอร์ การที่มี ‘ตัวอันตราย’ อยู่รอบๆ ตัวฉันน่ะ จะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ฉันชินกับมันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วก็คงจะได้น่ะนะ”
เขาพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“มันไม่สำคัญหรอกว่า ‘เคาท์เตสโชกเลือด’ น่ะจะเป็นใคร ไม่ว่าเธอจะเป็นอลิซาเบธหรืออนาสตาเซีย ถึงยังไงมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีตที่เธอเคยช่วยฉันอยู่ดี” นาคาเอ่ย พร้อมกับเลื่อนมือของเขาไปจับเข้ากับมือซ้ายของอนาสตาเซีย กระชับมันแน่นท่ามกลางใบหน้าที่ดูเขินอายของเธอ
“สิ่งสำคัญก็คือฉันเชื่อใจอันคราวน์ของฉัน ต่อให้ฉันจะถูกทรยศตามที่เธอบอกในอนาคตก็ตาม แองเจลัส”
พูดพร้อมกับหันหลังโบกมือ แล้วจึงก้าวเท้าเดินออกไปจากบริเวณหน้าร้านน้ำชาของคุณยายฟรีด้า ทิ้งไว้เพียงแค่ร่างของแองเจลัสและอันคราวน์ ‘เทวดาตกสวรรค์’ ของเธอที่เพียงแค่หรี่ตามองพวกเขาด้วยแววครุ่นคิด
“พี่ชายหน้ากากยิ้มคนนั้น ไม่หลงกลของหนูแฮะ ลูลู่”
อันคราวน์เจ้าของปีกสีดำสนิทยืนกอดอกอยู่สักพัก ก่อนที่เทวดาองค์นั้นจะถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับแววตาที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปอ่อนลงกว่าเดิม
“นั่นสินะ หมอนั่นก็ดูจะเอาเรื่องไม่ใช่เล่น” พูดพร้อมกับยกมือลูบศีรษะของแองเจที่ยืนอยู่ใกล้
“อนาสตาเซีย บาโธรี่...ดูจะเป็นอันคราวน์ที่แข็งแกร่งอยู่เหมือนกัน”
“อื้อ ลูลู่ ขนาดพี่ยูจีนยังมีอันคราวน์แค่หนึ่งตนเองที่เป็น ฟอลส์วัน” เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ
เด็กผู้หญิงเจ้าของวงแหวนนางฟ้ามองตามนาคาและหญิงสาวชุดแดงไปสักพักก่อนที่เธอจะพึมพำออกมาว่า
“เสียดายจริงๆ ไม่งั้นหนูคงจะได้พี่สาวชุดแดงคนนั้นมาเป็นพวกแล้ว...”
"สปีด… ค่อนข้างสูงเลยแฮะ"
เสียงแรกดังขึ้นจากชายในชุดผ้าคลุมฮู้ดของอัลเคมิสต์กับแว่นสายตา
"น่ากลัวอยู่เหมือนกัน ผู้เล่นสมัยนี้น่ะ"
เสียงที่สองดังขึ้นมาจากนักปราชญ์หญิงในชุดผ้ากระโปรงยาว
“ผู้เล่นชื่อจิลล์นั่น คงจะมีเงื่อนไขอะไรสักอย่างในการทำดาเมจคงที่ 444,444 นั่นอยู่ใช่ไหม ไอริส”
“เดาว่าน่าจะเป็นเงื่อนไขประเภทโจมตีเฉพาะส่วน ไม่ก็โจมตีโดยอีกทีฝั่งมองไม่เห็น [Stealth Attack] อะไรพวกนั้นน่ะ ฟาเรน”
บทสนทนาของสมาชิกทีม ‘พาเหรดแห่งเหล่ากุหลาบ’ ดังขึ้นภายในห้องรับรองหมายเลข 777 ฟาเรนไฮต์และไอริสที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาห้องโถง ขณะที่สมาชิกทีมอีกคนอย่างเคย์ก็นั่งกินแซนวิชเงียบๆ คนเดียวอยู่ที่โซนโต๊ะอาหาร
โดยที่ทั้งสามคนต่างก็เปิดหน้าต่างสีฟ้าโฮโลแกรมที่แสดงให้เห็นถึงรีเพลย์การต่อสู้รอบก่อนหน้าของจิลล์แห่งทีมโปรโตชิเทล
“จะว่าไป...ตอนที่เธอสู้กับอลิซ ฝีมือของเด็กคนนั้นพัฒนาขึ้นเยอะไหม” อัลเคมิสต์เจ้าของแว่นสายตาถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน พอดีว่าไม่ทันสู้จบก็มีมือที่สามเข้ามายุ่งก่อนน่ะ” นักปราชญ์หญิงตอบ
ฟาเรนไฮต์พยักหน้ารับ ก่อนเขาจะเหลือบไปสังเกตเข้ากับเคย์ที่สะดุ้งตัวเล็กน้อยในยามที่พวกเขาเอ่ยชื่อของสาวน้อยผู้มีนามว่า ‘อลิซ’ ออกมา
“โทษที เคย์ ลืมไปว่านายมีความหลังไม่ค่อยดีเกี่ยวกับเด็กคนนั้น” เขาพูดพลางยกมือลูบศีรษะของตัวเอง
ทางฝั่งไอริสที่นั่งอยู่ข้างฟาเรนไฮต์ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า
“ยังทำใจไม่ได้อีกหรือไงเคย์ ผ่านไปตั้ง...”
ทว่าก่อนที่เธอจะได้เอ่ยมันออกมาจนจบ คำพูดดังกล่าวก็ต้องหยุดชะงักลงจากมือขวาของฟาเรนไฮต์ที่ยกขึ้นมาสัมผัสกับไหล่ของเธอ พร้อมกับใบหน้าภายใต้กรอบแว่นที่ส่ายหน้าช้าๆ
“เห็นใจน้องของเธอหน่อยเถอะ...เคย์น่ะเป็นคนที่สนิทกับเด็กคนนั้นมากที่สุดในกิลด์น่ะนะ”
ไอริสชะงัก เธอนั่งนิ่งอยู่สักพักก่อนที่จะพยักหน้าลงช้าๆ แล้วจึงหันไปพูดกับเคย์ที่นั่งอยู่บนโต๊ะกินอาหารห่างไปว่า
“พี่ขอโทษ เคย์”
คำพูดถูกเอ่ย ก่อนที่ยูสเซอร์ผู้ถูกเรียกว่าเคย์จะค่อยๆ ทรงตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ ตอบกลับมาว่า
“ไม่เป็นไร พี่ไอริส ผมขอตัวก่อนละกัน จะได้ไปซื้อของเตรียมตัวด้วย”
คำพูดถูกเอ่ย พร้อมกับแซนวิชที่ถูกกัดเข้าปากคำสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินตรงไปยังประตู โบกมือลาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะลับหายออกไปข้างนอก
ทั้งสองเพียงแค่นั่งมองไปยังประตูห้องรับรองเงียบๆ อยู่สักพักก่อนที่จะเป็นฝ่ายฟาเรนไฮต์ที่พูดออกมาว่า
“กลับเข้าเรื่องการแข่งขันรอบที่กำลังจะถึงนี่ดีกว่า จะว่าไปเธอมีความเห็นว่าไงนะไอริส เกี่ยวกับผู้เล่นที่ชื่อจิลล์นั่นน่ะ”
“ยังเป็นคนที่เปลี่ยนเรื่องไม่เก่งเหมือนเดิมเลยนะ ฟาเรน”
“ฮะๆ อย่างน้อยฉันก็พยายามแล้วน่ะนะ” อัลเคมิสต์แห่งผืนดินพูดพร้อมกับยกมือลุบศีรษะของตัวเอง ขณะที่ไอริสก็เพียงแค่ยิ้มจางๆ ออกมา
“ผู้เล่นที่ชื่อจิลล์นั่น ความเห็นของฉันในฐานะ ‘อดีตที่ปรึกษาของกิลด์วันเดอร์แลนด์’ ก็คงจะเป็น...” เธอพูด นัยน์ตาสีมรกตเผยแววครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาช้าๆ ยามที่ได้คำตอบ
“ก็คงจะต้องบอกว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถที่จะจัดการกับฉัน นายรวมทั้งเคย์...สามคนได้ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที ในกรณีที่พวกเราไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้น่ะนะ”
คำพูดที่แม้จะดูเป็นไปในแง่ลบแบบสุดๆ แต่ทางฝั่งฟาเรนไฮต์ก็เพียงแค่พยักหน้าลงช้าๆ โดยที่ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“แถมจะว่าไปเงื่อนไขแบบนั้่นก็อาจจะเกิดขึ้นได้จริงๆ ด้วยนี่นะ ยกตัวอย่างเช่นถูกซุ่มโจมตีในช่วงไม่กี่วินาทีหลังจากที่วาร์ปไปแอเรียเข้าแข่งขัน...หรือแอเรียที่วาร์ปลงไปไม่สามารถใช้คำพูดเพื่อร่ายเวทย์ได้อะไรแบบนั้น” เขาพูด “ลำบากกว่าที่คิดจริงๆ แฮะ คงจะต้องได้แต่หวังว่าจะไม่เจอเงื่อนไขแบบนั้นในรอบต่อไปละนะ”
“แต่ถึงยังไง ต่อให้จิลล์แห่งทีมโปรโตชิเทลนั่นจะเก็บพวกเราสามคนทั้งหมด ซึ่งก็คงจะเป็นไปได้แค่ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด มันก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่แล้ว”
ฟาเรนไฮต์พยักหน้า
“เพราะยังไงพวกเราก็บรรลุเป้าหมายในการแข่งขันกิจกรรมแล้วนี่นะ”
“อื้อ”
ไอริสเองก็หันมาพยักหน้าให้กับเขาเช่นเดียวกัน
“เพราะยังไงการแข่งขันรอบนี้”
เธอพูด เหลือบสายตาไปยังห้องส่วนตัวของหัวหน้าทีม ‘พาเหรดแห่งเหล่ากุหลาบ’ ที่อยู่ด้านในสุดของห้องโถง
แล้วจึงถอนหายใจออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
“ทั้งหมดก็ขึ้นกับฟรานคนเดียวอยู่แล้วน่ะนะ”
“การแข่งขันแบบทีมรอบสุดท้ายของสายที่ 7 จะเริ่มขึ้นในอีก 10 นาที ขอให้สมาชิกผู้เข้าแข่งขันของทีมโปรโตชิเทล’ [Potroshitel’] และทีมพาเหรดแห่งเหล่ากุหลาบ [The Parade of Roses] เตรียมตัวให้พร้อมค่ะ”
พาเหรดแห่งเหล่ากุหลาบ...
ใบหน้าของเธอหมองหม่นลงไปกว่าเดิม ก่อนที่อลิซจะเหลือบสายตาไปยังหน้าต่างห้อง เหม่อมองยังชั้นบรรยากาศที่เริ่มถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีดำทะมึนกับเสียงครืน...ครืนเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
หน้าต่างถ่ายทอดสดถูกเรียกขึ้นมาภายในห้องส่วนตัว เธอที่นั่งอยู่บนเตียงนอนเลื่อนดวงตาสีแดงกลับมองมันไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
ครั้งแรกในรอบหกเดือนที่เธอจะได้เห็นผู้หญิงคนนั้นต่อสู้อีกครั้ง ท่วงท่าที่สง่างาม เวทมนตร์ที่หลากหลาย สไตล์การต่อสู้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ ‘เจ้าหญิงแห่งหนาม’ ถือกำเนิดขึ้นมาภายในโลกแห่งความผิดพลาด
น่าประหลาดที่ถึงแม้อลิซจะหวั่นเกรงชื่อดังกล่าวเพียงใด ถึงแม้ความทรงจำในอดีตจะเป็นสิ่งที่เธอมองกลับไปด้วยความเจ็บปวดแค่ไหน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในขณะนี้ แม้แต่ตัวเด็กสาวเองก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมามากกว่าเดิมภายในจิตใจลึกๆ
ครั้งแรก...นับตั้งแต่ที่กิลด์วันเดอร์แลนด์ถูกทำลาย
ครั้งแรก...ที่เธอจะได้เห็นอดีตหัวหน้ากิลด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดภายในเกมวันเดอร์แลนด์ต่อสู้ด้วยความสามารถทั้งหมดที่มีอีกครั้ง
ใบหน้าที่ไม่อาจห้ามรอยยิ้มของตัวเองให้ขึ้นมาแตะบนริมฝีปากได้ ทั้งๆ ที่ตัวเธอเองก็ยังคงรู้สึกไม่ดีกับหญิงสาวคนดังกล่าวอยู่
อลิซยกมือขึ้นกุมใบหน้า ก่อนที่เธอจะรู้สึกได้ถึงหยาดน้ำใสๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา
ปฏิกิริยาที่เด็กสาวได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ หงายหลังลงไปยังที่นอนนุ่มๆ พึมพำออกมากับตัวเองว่า
“ไม่ว่าจะตอนไหนก็หนีเธอไม่พ้นจริงๆ...ฟรานเชสก้า”
Welcome to the LAST Round
[ขอต้อนรับเข้าสู่รอบสุดท้าย]
Seventh Bout Potroshitel’ VS The Parade of Roses
[คู่ที่เจ็ด โปโตรชิเทล’ ปะทะ พาเหรดแห่งเหล่ากุหลาบ]
Finished Generating Special Area ‘And rain fell on the earth forty days and forty nights”
[เสร็จสิ้นการสร้างแอเรียพิเศษ “และสายฝนก็ตกลงบนโลกสี่สิบวันสี่สิบคืน”]
ครืน…
ก้อนเมฆสีครึ้มส่งเสียงคำราม
หยาดฝนพรำปะทะกับใบหน้าเรียกสติเข้ามาอยู่กับตัว
เด็กผู้หญิงเจ้าของชุดเสื้อโค๊ทยาวสีเทาค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นไปจับหมวกคอสแซ็คทรงสูง สัมผัสกับขนสัตว์ที่เปียกชุ่มบนศีรษะของตัวเองแล้วจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเก็บมันลงไปในหน้าต่างอุปกรณ์
นัยน์ตาสีเงินเหลือบมองสภาพภูมิประเทศโดยรอบ ก่อนที่เธอจะไปสะดุดเข้ากับซากปรักหักพังของวิหารที่ตั้งตระหง่านอยู่ใกล้ๆ
วิหารหินทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสกับขั้นบันไดที่ทอดยาวไปสู่ทางเข้าวิหารจุดสูงสุดกับตำแหน่งของเธอ ณ ที่ราบบนยอดเขาสูงที่ถูกปกคลุมด้วยผืนน้ำมหาสมุทรกว้างไปสุดเส้นขอบฟ้า
เด็กผู้หญิงเจ้าของเรือนผมสีขาวมองสังเกตรอบข้างอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะรู้สึกได้ถึงอากาศที่เริ่มบิดเบี้ยวพร้อมกับกับเสียงของศาสตราวุธปลายแหลมที่พุ่งแหวกสายลมตรงมาสู่ใบหน้า
ฟุ่บ!
เท้าทั้งสองข้างดีดตัวกับพื้นหญ้า หลบคมหอกสีแดงขนาดใหญ่ที่พุ่งผ่านใบหน้าของเธอไปอย่างเฉียดฉิวก่อนที่มันจะปักลงกับพื้น เข้าสู่เงาดำของตำแหน่งที่เธอยืนอยู่อย่างแม่นยำ
นัยน์ตาสีเงินหันขวับไปมองหาศัตรู ก่อนที่มันจะไปสะดุดเข้ากับร่างของหญิงสาวในชุดเดรสกระโปรงยาวสีแดงสดของดอกกุหลาบ
หญิงงาม...ผู้ที่กำลังยืนอยู่บนดาบยักษ์สีแดงที่ลอยอยู่กลางอากาศ
วินาทีเดียวกันนั้นเองที่เธอจะสังเกตไปถึงการกระทำของอีกฝ่ายที่เกิดขึ้น นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองของหญิงสาวที่ถูกดึงกลับมาทางด้านหลัง
เพียงแต่มันก็สายไปเสียแล้ว
ฉึก!
หอกสีแดงพุ่งทะลุทรวงอกส่งผลให้ของเหลวสีแดงข้นไหลทะลักออกมาจากภายในร่างกาย
การโจมตีกับความเสียหายที่ถ้าหากเป็นมนุษย์ปกติ มันก็คงจะเพียงพอแล้วที่ทำให้เขาคนนั้นทรุดหมดสติลงไปกับพื้นก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา หรือแม้แต่ลงไปนอนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เพียงแต่น่าประหลาดที่ใบหน้าของเด็กผู้หญิงคนนี้กลับอยู่ในสภาพนิ่งสนิท ไม่ต่างอะไรไปจากตุ๊กตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึก
ร่างของเด็กผู้หญิงกระตุก เซไปทางด้านหลังเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับมายืนตรงอยู่ในสภาพเดิม
เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเงยขึ้นไปมองยังร่างของหญิงสาวในชุดเดรสกุหลาบบนอากาศ
เจ้าของเรือนผมยาวสีบลอนด์สลวย กับนัยน์ตาสีแดงคมกริบที่มองตรงมาหาเธอ
“ทักษะของคุณนี่…”
เธอพูด เอียงคอไปทางขวา
ทั้งสองยืนสบสายตากันไปสักพักก่อนที่อุปกรณ์ที่ดูแปลกตาอย่างกรรไกรจะถูกยกตวัดขึ้นมาถือที่ฝ่ามือ
พร้อมกับเสียงพูดของเด็กผู้หญิงร่างบางที่ดังขึ้นมาว่า
“แปลกดีเหมือนกันนะ…”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นาคาแกไม่เเข็งนี่เตรียมเจ๊งยับ
#สู้ๆนะไรท์