ตอนที่ 114 : Error : 0x00000108 ยามนรกและสวรรค์หลอมละลาย
ERROR Online : Overkill
เวสต์โคสต์ [West Coast]
แอเรียชายหาดริมทะเลไร้ผู้คน พื้นที่ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ประเภทสัตว์ทะเลระดับกลางและผืนน้ำทะเลสีครามกับหาดทรายขาวบริสุทธิ์ยาวสุดลูกหูลูกตา กับแสงแดดจ้าในช่วงบ่ายของวัน
กระแสอากาศร้อนอบอ้าวพุ่งมาปะทะใบหน้า ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นไอเย็นๆ จากกระแสน้ำที่เข้าปกคลุมบรรยากาศ แล้วจึงตกลงมาเป็นสายฝนขนาดเล็ก
ภาพที่ช่างขัดกับแสงแดดที่ส่องจ้าอยู่บนท้องฟ้า
ซ่า…
หยาดน้ำจำนวนมากตกลงมาสู่พื้นทรายและผืนน้ำก่อนที่มันจะหายไป คงเหลือไว้เพียงแค่ร่างของผู้เล่นทั้งสองที่กำลังยืนเผชิญหน้ากันบนชายทะเลเวสต์โคสต์แห่งนี้
งูแสมรังเกล็ดเบลเชอร์ [Belcher’s Sea Snake] และเจ้าหญิงแห่งหนาม [Princess of Thorns]
“เจ้าหญิงแห่งหนาม...”
คือสิ่งที่เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสลับขาวเอ่ยพูด ร่างของผู้เล่นทีมอสรพิษเพียงคนเดียวที่ถูกตั้งชื่อตามงูทะเลกับความสามารถอย่างแรกของอีกฝั่งที่เธอพอจะเดาออกได้ทั้งจากการที่หมอนี่นอนหลับบนพื้นน้ำทะเลอย่างสบายใจในตอนแรกหรือแม้กระทั่งภาพที่ดูราวกับเรื่องเหนือธรรมชาติในคัมภีร์ศาสนาตอนนี้
เบลเชอร์ที่เพียงแค่ยกมือปิดปากหาว ขณะที่ตัวเขากำลังนั่งอยู่บนผืนน้ำกลางทะเล
หมอนี่...สามารถเคลื่อนไหวบนน้ำได้ไม่ต่างอะไรจากบนดิน
อลิซหรี่ตาลงช้าๆ
นั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกเท่าไหร่ เพราะความสามารถดังกล่าวเธอเองก็ได้ยินมาจากทางฝั่งคุโร ฮิทสึกิที่เกริ่นไว้ก่อนหน้าอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเรื่องที่ทำให้เธออดรู้สึกไม่ได้คือทักษะที่เป็นสาเหตุให้บุคคลไม่ปกติที่นอนอยู่ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมคนนี้ ‘ตื่นขึ้น’
Autumn Waterfall [น้ำตกในฤดูใบไม้ร่วง]
ทักษะสายเวทมนตร์ทำลายล้าง [Elemental] ระดับกลางกับการโจมตีโดยการระเบิดลูกบอลน้ำขนาดยักษ์บนร่างของศัตรูเพื่ออาศัยมวลมหาศาลของน้ำกระแทกอีกฝั่งให้เสียศูนย์จนได้รับดาเมจจากแรงกระแทก
เวทมนตร์ที่เป็นสาเหตุให้เกิดสายน้ำเย็นคล้ายหยาดฝนที่กระเซ็นมาจนถึงตำแหน่งที่เธอยืนอยู่เมื่อครู่ การโจมตีที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างมากด้วยสาเหตุที่ว่ามวลน้ำมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้นมานั้น
มัน...ไม่สัมผัสกับร่างของเด็กหนุ่มทีมอสรพิษคนนี้แม้แต่สักหยดเดียว
จะมีก็แต่เปลือกหอยที่ถูกดึงขึ้นมาจากน้ำทะเลด้วยเท่านั้นที่กระเด็นตกไปยังใบหน้าจนทำให้หมอนี่ตื่นขึ้นมา
เบลเชอร์...
ผู้เล่นที่มีรุ่นราวคราวเดียวกับเธอและนาคา กับความสามารถที่แม้แต่คุโระเองยังบอกว่าเป็นผู้เล่นที่เผชิญหน้าด้วยตรงๆ ลำบากสุดๆ
ความสามารถ ‘พิเศษ’ ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่โลงศพสีดำบอกให้ผู้เล่นอย่างนาคา หลีกเลี่ยงหมอนี่ให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้
แม้จะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาไม่ถึงวินาที แต่เธอเองก็สังเกตเห็นมันได้ดี กับปฏิกิริยาบางอย่างที่เกิดขึ้นในจังหวะที่กระแสน้ำจำนวนมากกำลังเข้าใกล้กับร่างกายของเด็กหนุ่มผู้นี้
กระแสน้ำที่ระเหยกลายเป็นไอไปในอากาศ
“ฮ้าว...แสดงว่าแอชไปสู้กับหน้ากากยิ้มนั่นจริงๆ ด้วยแฮะ” เสียงพูดถูกเอ่ยพร้อมกับร่างของเบลเชอร์ที่ชันตัวขึ้นมายืน จังหวะเดียวกันกับที่เด็กสาวจะปักหอกไทรเดนท์ในมือลงกับพื้น เรียกใช้ไอเท็มลูกเต๋าลักกี้ไดซ์ แล้วจึงสลับอาวุธเปลี่ยนเป็นดาวกระจายปาใส่อีกฝั่งด้วยความรวดเร็ว
ฟุ่บ!
ดาวกระจายสามเล่มพุ่งไปตามวิถีของมันอย่างแม่นยำก่อนที่จะละลายหายไปในอากาศ หลอมเหลวเสียจนราวกับว่าถูกปฏิกิริยาทางเคมีบางอย่างทำให้มันสลายไป
ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้อลิซได้แต่เบิกตากว้างขึ้นอีกครั้ง
รอบตัวของหมอนี่...มีอะไร ‘บางอย่าง’ ครอบคลุมอยู่อย่างที่คิด ถ้าให้เดาน่าจะกินอาณาเขตอยู่ที่ราวๆ 2-3 เมตรรอบตัว
ทักษะที่ไม่ต่างอะไรไปจากบาเรียร์ป้องกันการโจมตีระยะไกลอย่างสมบูรณ์แบบ
“เป็นไปได้ก็ไม่อยากจะใช้ท่านี้กับผู้หญิงเท่าไหร่...แต่ถ้าไม่สู้เต็มที่เดี๋ยวพี่เบลกับแอชก็จะไม่พอใจกันอีก” คือเสียงที่ดังขึ้นจากริมฝีปากของเบลเชอร์ คำพูดพร้อมกับเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่ายใจ
ราวกับว่าบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปเป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ต้องการจะให้มันเกิด
“โทษทีละกัน เจ้าหญิงแห่งหนาม”
นั่นคือบทพูดสุดท้ายที่ดังขึ้น ก่อนที่เสียงเอ่ยใช้ทักษะจะถูกเรียกจากริมฝีปากของร่างงูแสมรังเกล็ดเบลเชอร์ที่กำลังยืนอยู่กลางทะเลขึ้นมาว่า
A ‘Metal-Corrosive’ Calamity
[ภัยพิบัติขั้น ‘กัดกร่อนโลหะ’]
ทักษะที่ถูกเรียกใช้ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ความรู้สึก ‘อันตราย’ อย่างที่อลิซไม่เคยสัมผัสมาก่อนเริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเด็กสาว
บรรยากาศริมหาดทะเลที่เริ่มบิดเบี้ยวพร้อมกับผืนน้ำทะเลและทรายที่เริ่มสั่นไหว ขณะที่บนท้องฟ้าก็ปรากฏนกนางนวลที่เริ่มลอยทิ้งดิ่งลงกับพื้นทรายและผืนน้ำ
ภาพของการเรียกใช้ทักษะที่ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาตอบรับเหนือธรรมชาติเฉกเช่นเดียวกับยามที่เธอเผชิญหน้ากับแม่มดวิปลาส
ความสามารถที่ทรงพลังเสียจนทำให้เกิด ‘ความผิดปกติทางธรรมชาติ’
Heaven and Hell, Metaphysical Meltdown
[ยามนรกและสวรรค์หลอมละลาย]
คำพูดที่ดังขึ้นพร้อมกับบรรยากาศที่เริ่มปริแตก เช่นเดียวกับสายลมและทุกสิ่งที่เริ่ม ‘หลอมละลาย’ ลงไปต่อหน้าต่อตาของเธอ
ปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่ต่างอะไรไปจาก ‘กรด’ ที่กัดกร่อนทุกสิ่งมากกว่าจะถูกเรียกว่าการใช้พิษตามความสามารถปกติของงู
งูแสมรังเกล็ดเบลเชอร์…
คือความคิดที่เกิดขึ้นในหัวก่อนที่มันจะถูกขัดขื้นเมื่อตัวเด็กสาวสัมผัสได้ถึงผลของทักษะดังกล่าวที่ดูเหมือนว่าจะส่งมาถึงตัวเธอ แม้ตำแหน่งที่อยู่ของอลิซกับเบลเชอร์นั้นจะห่างกันพอสมควร
อาการคลื่นไส้อาเจียนและมึนหัวอย่างรุนแรงที่ทำเอาอลิซเกือบจะต้องทรุดล้มลงไปกับพื้น
เหตุการณ์ที่น่าประหลาดจากตัวเธอที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นครึ่งอาร์คเดม่อนจนถึงราวๆ ⅓ ส่วนแล้วก็ยังสามารถรู้สึกได้ ความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ภายในอากาศ กับความสามารถที่รุนแรงจนสามารถส่งผลทางลบให้กับเผ่าพันธุ์จากใต้ผืนพิภพได้
ดวงตาที่เริ่มแห้งเหือด ริมฝีปากที่เริ่มแห้งผาก ขณะที่บาดแผลผิวหนังอักเสบก็ปรากฏขึ้นที่ร่างของเธอช้าๆ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในระยะไกล กับรูปแบบของผลเสียดังกล่าวที่ไม่ต่างอะไรไปจากปฏิกิริยาเคมียามเมื่อร่างกายมนุษย์สัมผัสกับพิษของกัมมันตรังสีเข้มข้น
พิษที่สามารถกร่อนทำลายทุกอย่างที่เข้าถึงในอาณาเขตรอบตัว ขณะที่ระยะไกลก็สามารถทำให้เกิดความผิดปกติทางกายภาพต่อผู้เล่นจนไม่สามารถที่จะสู้ต่อได้
“รู้สึกแย่แฮะ ทางนี้ไม่ได้มีงานอดิเรกชอบดูคนทรมานเหมือนพี่เดธกับพี่เบลซะด้วย เอาเป็นว่าจะรีบทำให้มันจบเร็วที่สุดละกัน” คือสิ่งที่อีกฝั่งพูดขณะที่สองเท้าก็ก้าวผ่านผืนน้ำลงมาสัมผัสผืนทราย ตรงมาใกล้ตัวเธอขึ้นเรื่อยๆ
จังหวะเดียวกันกับที่ร่างของอลิซจะค่อยๆ ทรุดลงไปกับพื้น สำลักโลหิตสีข้นออกมาจากลำคอพร้อมกับเส้นผมจำนวนมากที่เริ่มร่วงหล่นออกมาจากศีรษะของสาวน้อย
ร่างที่เริ่มพังทลายจากพิษร้ายของ ‘ยามนรกและสวรรค์หลอมละลาย’
ทุกๆ ย่างก้าวที่ใกล้เข้ามากับผลร้ายทางกายภาพที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เล็บที่เริ่มหลุดออกมาจากฝ่ามือ เหงือกที่เริ่มหลวมจนฟันกรามของเธอค่อยๆ หลุดออกมา
น่าแปลกที่เด็กสาวไม่ได้ใช้ทักษะโต้ตอบอะไร เธอเพียงแค่เหลือบตาไปยังใต้พื้นน้ำเบื้องหลังของเบลเชอร์เงียบๆ
ความรู้สึกเวียนหัวเพิ่มมากเสียจนเธอเริ่มจะสูญเสียทักษะพื้นฐานอย่างการมองเห็นจากภาพของท้องทะเลและผืนทรายที่ลายตาไปหมดจนมองไม่ออกว่าเป็นอะไรกันแน่
สติที่เริ่มหลุดลอยออกจากร่าง กับชั่ววินาทีสุดท้ายของชีวิตและความคิดในสมองที่ย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องในอดีตตอนที่เธอคุยกับโลงศพสีดำ
ช่วงระยะเวลาสุดท้ายก่อนที่นัยน์ตาสีแดงจะเหลือบไปเข้ากับมือของอีกฝั่งที่ค่อยๆ เอื้อมเข้ามาสัมผัสกับที่ลำคอของเธอว่า
“ถ้ามีโอกาส พวกเราคงจะได้สู้กันอีก...เจ้าหญิงแห่งหนาม”
ย้อนกลับไปก่อนที่การแข่งขันในรอบสุดท้ายของสายที่ 4 จะเริ่ม ช่วงระยะเวลาเตรียมตัวในห้องรับรอง 1014 กับบทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างอลิซกับคุโรฮิทสึกิในห้องรับแขก
“หมายความว่าไงที่นายบอกว่า จุดอ่อนของหมอนั่นคือตัวเองน่ะ คุโร ฮิทสึกิ”
เด็กสาวทวนคำ
เจ้าของร่างในชุดรัดรูปสีดำพยักหน้า
“อื้อ องค์หญิง ศัตรูที่อันตรายที่สุดสำหรับหมอนั่นก็คือตัวเอง”
คุโระเลื่อนดวงตาสีหมอกมาสบกับตัวเธอก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“ไพ่ตายของเบลเชอร์ต้องการความคงที่ของพลังชีวิตในการเรียกใช้ ก็คือหากหมอนั่นสูญเสียพลังชีวิตไปมากกว่า 50% จากพลังชีวิตทั้งหมด หมอนั่นจะโอเวอร์ฮีทแล้วก็จะทำลายตัวเองโดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงน่ะ”
“ทำลายตัวเอง?”
“อธิบายง่ายๆ ก็คือทักษะยามนรกและสวรรค์หลอมละลายของหมอนั่นจะเข้าสู่โหมดไม่คงที่ [Unstable] เปลี่ยนสภาพกลายเป็นระเบิดที่มีประสิทธิภาพร้ายแรง กินอาณาเขตกว้าง...พอๆ กับที่เกิดขึ้นตอน ‘คณะละครสัตว์คนตาย’ ที่นาคาไปละนะ”
“...คนในกิลด์นายนี่มีแต่พวกเป็นอันตรายต่อผู้เล่นและสิ่งแวดล้อมหรือไง คุโร ฮิทสึกิ”
“ฮะๆ ก็ประมาณนั้น แต่เธอเองก็คงจะคิดว่ามันน่าสนใจเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ทักษะนั่นน่ะ”
เธอชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดตรงจุดของอีกฝั่ง ก่อนที่เด็กสาวจะพยักหน้าลงช้าๆ
“ถ้าเป็นตามที่นายบอกมา คุโร ฮิทสึกิ แสดงว่าสไตล์การต่อสู้ของหมอนั่นคงจะไม่เหมือนกับยูสเซอร์คนไหนที่ฉันเคยสู้มาเลย...”
“หมอนั่น...คงจะเป็นตัวอันตรายอันดับ 1 ในกิลด์จริงๆ นั่นแหละ” คุโระพูดเสริม ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วจึงเอ่ยทิ้งท้ายไว้เพียงแค่ว่า “ถ้าตัดนิสัยง่วงตลอดเวลาไปได้น่ะนะ”
ผู้เล่นที่ถูกคนอย่างโลงศพสีดำยกให้เป็นตัวอันตรายมากที่สุดในกิลด์
พิษที่กัดกร่อนแม้กระทั่งโลหะ ผลร้ายที่ทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงของร่างกายไปจนถึงการระเบิดที่สามารถแปรสภาพแอเรียทุกชนิดให้ราบเรียบเป็นหน้ากลอง
ความสามารถที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเตาปฏิกรณ์ฟิวชั่นมีชีวิต...
“ถ้ามีโอกาส พวกเราคงจะได้สู้กันอีก...เจ้าหญิงแห่งหนาม”
คำพูดที่ดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่เอื้อมเข้ามาสัมผัสกับลำคอของอลิซ ช่วงระยะเวลาสุดท้ายกับร่างกายที่เริ่มหลอมละลายจากผลของทักษะสกิลระดับเหนือธรรมชาติ
ความตายที่กำลังจะมาถึง ยามที่แขนของอีกฝั่งสัมผัสเข้ากับลำคอ จังหวะที่เธอพอจะคาดเดาตำแหน่งของอีกฝั่งได้ ริมฝีปากของเด็กสาวที่แห้งผากก็เริ่มค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็น ‘บางอย่าง’ ที่ดูคล้ายๆ การแสยะยิ้มช้าๆ พร้อมกับการเอ่ยคำพูดที่ดังขึ้นมาว่า
Artifact Release! [ปลดปล่อยอาร์ติแฟกซ์]
เสียงเอ่ยใช้สกิลดังขึ้นมาจากริมฝีปากพร้อมกับหอกไทรเดนท์ที่พุ่งแทงทะลุเข้าใส่บริเวณหน้าอกของเบลเชอร์
“ดิ้นรนเฮือกสุดท้ายหรือไง แต่พลังชีวิตที่เหลืออยู่แค่นิดเดียวของเธอน่ะ ต่อให้เป็นร่างอวตารของราชันย์ใต้ทะเลลึก ก็ไม่พอที่จะเอาชนะหรือทำให้ฉันโอเวอร์ฮีทได้หรอก”
“ทักษะของนาย...หลอมละลายอาร์ติแฟกซ์ไม่ได้สินะ”
น่าประหลาดที่คำตอบของเด็กสาวกลับมีเพียงแค่คำพูดดังกล่าวและการแสยะยิ้มออกมาอย่างเดิม
จะว่าไปมันก็ค่อนข้างแปลกที่เธอถึงยังสามารถควบคุมสติตัวเองได้ รวมไปถึง ‘การหลอมละลาย’ ที่เกิดขึ้นช้าจนน่าแปลกใจทั้งๆ ที่ตัวเขาอยู่ใกล้กับเธอมากขนาดนี้
เบลเชอร์หรี่ตาลงช้าๆ ก่อนที่เขาจะได้แต่เอ่ยถามออกมาด้วยความฉงนว่า
“ทำไมเธอถึง...ยังไม่ตาย”
คำตอบมีเพียงแค่รอยยิ้มเช่นเดิม
“ฉันไม่ได้บอกสักคำ...ว่าหอกนี่น่ะ...คือไทร์เดนท์ราชันย์ใต้ทะเลลึก...น่ะ”
สิ้นสุดคำพูดนัยน์ตาของเบลเชอร์ก็เบิกกว้างภาพของตัวหอกที่เริ่มแปรเปลี่ยนไปช้าๆ กลับสู่สภาพปกติของมันเผยให้เห็นถึงรูปทรงที่แท้จริงของตัวหอกที่แทงทะลุทรวงอกของเบลเชอร์
Thunderlord’s Verdict
[คำพิพากษาจ้าวอัสนี]
จ้าวอัสนี บอสระดับเดียวกับราชันย์ใต้ทะเลลึกที่ถูกจัดอยู่ในหมวดภัยธรรมชาติ [Force of Nature] เช่นเดียวกัน
อาวุธระดับอาร์ติแฟกซ์ที่ถูกเด็กสาวซ่อนไว้ด้วยรูปลักษณ์หอกไทร์เดนท์ของราชันย์ใต้ทะเลลึก [The Great Trident of the Deep Sea Kind] ด้วยทักษะภาพลวงไร้เสียง [Silent Image] เช่นเดียวกับร่างกายที่ไม่เสื่อมสภาพไปมากจากการใช้ทักษะการควบคุมสนามแม่เหล็ก [Magnetic Field] จากหอกจ้าวอัสนีเพื่อปกป้องต่อพิษกัมมันตรังสี [Radiation] ของเบลเชอร์มาตลอด
ถึงจะได้ผลแต่มันก็ไม่สมบูรณ์แบบจากร่างกายของเธอที่เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
“อีกเรื่องก็...ระวังหลังของนาย...ไว้ด้วยละ”
คือเสียงที่ดังขึ้นมาจากริมฝีปากของเด็กสาวอย่างอ่อนแรง คำเตือนที่ถูกเพิ่มความหมายของมันอย่างมากจากภาพของอาวุธนานับชนิดที่ปรากฏขึ้นในจังหวะเดียวกันกับที่เบลเชอร์หันไปด้านหลัง
การโจมตีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากหอกคำพิพากษาจ้าวอัสนีที่กำลังปักทะลุทรวงอกของเขาอยู่
ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก!
ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก!
ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก! ฉึก...ฉึก!
โลหะขึ้นสนิมนับพันที่พุ่งขึ้นมาจากท้องทะเลเข้าสัมผัสกับบริเวณแผ่นหลังของเบลเชอร์ การโจมตีที่ต่อเนื่องเสียจนทักษะที่สามารถหลอมละลายโลหะไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ของมันได้ทัน
ปริมาณที่มากเกินไปทำให้แม้แต่เกราะป้องกันที่ไร้เทียมทานก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งได้
“เจ้าสิ่ง...ที่หล่นมาใส่หน้าฉันตอนนั้น...ไม่ใช่เปลือกหอยธรรมดา...สินะ” คือคำพูดที่เอ่ยออกมาจากร่างของเบลเชอร์ที่กำลังสำลักโลหิตออกมาจากปาก
“ถูก...ต้อง”
บางทีถ้าหมอนี่สะกิดใจตั้งแต่แรกว่าทำไมของแบบนั้นถึงไม่สลายไปก่อนที่จะกระทบกับใบหน้า สิ่งที่เธอเตรียมการมาทั้งหมดก็คงจะไม่ได้ผล
มันไม่ใช่เปลือกหอย หรือพูดตามตรงมันคือลูกแก้วแม่เหล็กขนาดเล็กที่มีชื่อว่า [Tesla Orb] ลูกแก้วหายากที่มีสนนราคาอยู่ราวๆ สองถึงสามแสนซิลที่ถูกปิดบังด้วยทักษะลวงตา นอกจากนั้นมันยังถูกเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นไปอีกโดยหอกจ้าวอัสนีที่เธอถืออยู่ เปลี่ยนประสิทธิภาพให้มันกลายเป็นแม่เหล็กใต้น้ำที่ทรงพลังมากพอที่จะดูดอาวุธโลหะที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นทราย
นั่นคือ ‘การพนัน’ ของอลิซกับการเดาว่าใต้แอเรียอย่างเวสต์โคสต์ที่เคยเป็นสมรภูมิให้กับสงครามในอดีตที่ทำเอาทวีปเอ็นโทร่าแห่งนี้ถึงกับเกือบล่มสลาย น่าจะยังคงมีซากอาวุธของเหล่า NPC และผู้เล่นหลงเหลืออยู่ในผืนทราย
การพนันที่ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลอย่างน่าทึ่งกับเหล่าบรรดาอาวุธที่ถูกดูดจากพลังแม่เหล็กหลักของหอกจ้าวอัสนีพุ่งใส่ร่างของเบลเชอร์พร้อมกับตัวเลขสีแดงเข้มที่ขึ้นมาบนอากาศมากเสียจนนับไม่ถ้วน
“เก่งกว่าที่คิดนี่ แต่แบบนี้มันก็หมายถึง...เธอจะต้องเสียชีวิตไปพร้อมกันกับฉันน่ะนะ เจ้าหญิงแห่งหนาม”
คือคำพูดที่ดังขึ้นพร้อมกับเครื่องหมายที่เป็นตัวแทนของปฏิกิริยาการแตกตัวของอะตอม [Ionizing Radiation] ปรากฏขึ้นบนอากาศ
ภาพที่เกิดขึ้นพร้อมกับคำพูดแจ้งเตือนจากระบบว่า
Initiate Fusion Core Meltdown Sequence in 10 Seconds
[การหลอมละลายจะเริ่มขึ้นในอีก 10 วินาที]
เสียงนับถอยหลังของระบบดังขึ้น พร้อมกับร่างของเบลเชอร์ที่เริ่มค่อยๆ เปล่งประกายแสงออกมาจากตัวเองช้าๆ
หอกอัสนีและมือของเด็กสาวถูกร่างของเบลเชอร์ที่เต็มไปด้วยอาวุธขึ้นสนิมที่กำลังละลายอยู่จับมันแน่น ก่อนที่เขาจะพูดทิ้งท้ายออกมาว่า
“มาจากโลกนี้ไปด้วยกันเถอะ เจ้าหญิงแห่งหนาม”
ไม่มีคำอะไรถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากที่แห้งเหือดของเด็กสาว เธอเพียงแค่มองดูภาพที่กำลังบิดเบี้ยวของตัวอีกฝั่งด้วยนัยน์ตาสีแดงเรียบสนิทอยู่สักพักหนึ่ง
ก่อนที่เธอจะพูดบางอย่างออกมาในจังหวะที่การนับถอยหลังมาถึงวินาทีที่ 5 เพียงแค่ว่า
“ฉันมีคนที่ฉันอยากจะ ‘จากโลกนี้ไป’ ด้วยอยู่แล้ว…”
อลิซพูด พร้อมกับมือทั้งสองข้างที่ค่อยๆ ปล่อยออกมาจากหอกในมือช้าๆ จังหวะเดียวกันกับที่เบลเชอร์จะรู้สึกได้ถึงแรงผลักมหาศาลของบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเขา ร่างของเด็กหนุ่มผมขาวสลับดำที่เริ่มจะพุ่งถอยหลังไปในอากาศ เช่นเดียวกับหอกจ้าวอัสนีที่ยังคงปักคาอยู่ที่ทรวงอกของตัวเอง
“แต่คนๆ นั้นไม่ใช่นายน่ะนะ”
คือคำพูดที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างของอีกฝั่งที่พุ่งไปตามผืนน้ำทะเลราวกับเรือสปีดโบ๊ทที่ทะยานผ่านผืนน้ำด้วยความเร็วสูง ภาพของร่างที่เต็มไปด้วยแท่งอาวุธโลหะขึ้นสนิมและหอกจ้าวอัสนีที่พุ่งด้วยอัตราเร็วที่เหนือธรรมชาติ ผลักร่างของเบลเชอร์ให้ไกลจากริมฝั่งชายทะเลเวสต์โคสต์มากขึ้นไปเรื่อยๆ
เด็กสาวมองภาพดังกล่าวอยู่ชั่วขณะจึงล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนแรง เธอแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามของเวสต์โคสต์ไปได้สักพักก่อนที่เสียงของระบบจะดังขึ้นอีกครั้งว่า
Initiate Fusion Core Meltdown Sequence
[การหลอมละลายได้เริ่มขึ้นแล้ว]
คำพูดที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดทำลายล้างอย่างรุนแรงพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนของมวลน้ำและผืนทรายไหวมาจนถึงตำแหน่งที่ตัวเธออยู่
ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นเพียงแค่ไม่นานก่อนที่เด็กสาวจะรู้สึกได้ถึงหยาดฝนที่ตกลงมาสู่ใบหน้าที่แห้งผาก
เบลเชอร์...
ไอเย็นจากกระแสน้ำที่พุ่งเข้ามาสู่ร่างกาย พร้อมกับคำพูดเบาๆ ของเด็กสาวที่ดังขึ้นมาว่า
“เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจดีนี่”
บันทึกข้อมูลลับ [Secret Data Entry]
สมาชิกกิลด์อสรพิษ [The Serpent Member]
User : เบลเชอร์ [ฺBelcher]
Alias : งูแสมรังเกล็ดเบลเชอร์ [Belcher’s Sea Snake]
Class : ??? Level : ???
Evaluation [ประเมินความสามารถ]
Strength : B Agility : C+
Endurance : C- Range : S
Ability : EX+ Magic : C
Luck : C Growth Potential : A+
Forte [ความถนัด] : Deep Sea Dweller [ผู้อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึก] Heaven and Hell, Metaphysical Meltdown [ยามนรกและสวรรค์หลอมละลาย] A Walking Calamity [ภัยพิบัติเดินได้]
Weakness [จุดอ่อน] : Fusion Core ‘Unstable’ [ปฏิริยาฟิวชั่นที่ ‘ไม่คงที่’]
หากท่านใดชื่นชอบผลงาน ทางไรท์เตอร์ก็อยากจะเชิญชวนช่วยเข้าไปกดไลค์เพจด้านล่างด้วยนะครับ
หรือหากไม่สะดวกก็สามารถคอมเมนท์หรือกดติดตามในหน้านิยายแทนกำลังใจได้ครับผม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มันขึ้นเตือนด้วยรึ
#อยากดูนาคาแว้วววว
#สู้ๆนะไรท์