บรรยากาศรอบข้างมืดทะมึนชวนให้ขนลุก ป่ารอบข้างยามกลางคืนดูเหมือนมันสามารถกลืนกินทุกสิ่ง ในบริเวณแห่งนั้นปรากฎบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าและเหล่าแมกไม้
มันเป็นบ้านชั้นเดียวที่มีขนาดเล็กพอสมควร สังเกตจากขนาดแล้ว ครอบครัวที่อยู่น่าจะมีกันไม่เกิน 4 คน
สายลมเย็นยะเยือกล่องลอยไปปะทะกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ส่งผลให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางบิดขี้เกียจ สะบัดแข้งสะบัดขาเพื่อตั้งสติ
เขาหันไปหายังหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ควรจะปิดอยู่กลับถูกเปิดออก
ซึ่งมันเป็นที่มาของสายลมเย็นยะเยือกนั่นเอง
แปลก...แปลกมาก จำได้ว่าเราปิดหน้าต่างไปแล้วนะ ทำไมมันถึงเปิดเองได้ละ
หรือว่ามีขโมยเข้ามาในบ้าน!
เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวามองไปมาด้วยความเสียขวัญระคนหวาดกลัว ในความมืดสายตาของเขาสอดส่องไปทั่วบริเวณห้อง แม้จะมองเห็นได้ไม่ชัดนักแต่ว่าตู้ไม้สีน้ำตาลของเขายังคงตั้งอยู่ที่เดิม ทีวีจอแบนพลาสมายังคงติดกับกำแพง เผยให้เห็นหน้าจอสีดำสนิท ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าหน้าต่างเท่านั้นที่เลื่อนเปิดอย่างไร้สาเหตุ!
ส่วนลึกของจิตใจของเขาเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย เด็กหนุ่มเดินไปยังหน้าต่างเพื่อที่จะปิดมัน
พลันสายตาของเขาได้สอดส่องไปเห็นเงาสีดำแปลกๆอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่
เงานั้นดูรูปร่างคล้ายกับ...คล้ายกับ เงาของมนุษย์ ! และเมื่อเขาเพ่งสายตาไปยังมัน ราวกับว่า...เงานั้นกำลังกวักมือเรียกเขาอยู่
ทีแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่อุปาทาน แต่ว่าเงานั้นยังคงยกมือขึ้นเรียกเขาอย่างไม่หยุด
เด็กหนุ่มปิดหน้าต่างด้วยความลุกลี้ลุกลน เขาวิ่งไปยังเตียงแล้วล้มตัวลงนอนพร้อมกับเอาผ้าห่มคลุมโปงอย่างรวดเร็ว
ร่างของเขาภายใต้ผ้าห่มนั้นสั่นระริกด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ เขาเลื่อนผ้าห่มขึ้นนิดนึงเพื่อที่จะสังเกตว่าเงานั้นหายไปหรือยัง
ปรากฏว่าเงานั้นหายไปจากต้นไทรใหญ่นั้นแล้ว เพียงแต่ว่า...
เงาสีดำนั้นมันกำลังตรงมายังหน้าต่างบ้านเขา!
เด็กหนุ่มกรีดร้องอย่างสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว เขารีบตะโกนร้องเรียกแม่ของเขา
“แม่!!!”
เป็นเวลาไม่กี่วินาทีก่อนที่ประตูห้องของเขาได้ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ร่างของผู้หญิงวัยกลางคนยกมือขึ้นเปิดสวิทซ์ไฟ แล้วก้าวเท้าตรงมาหาเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“เป็นอะไรลูก เรียกแม่ทำไม”
“ผมเห็น...ผมเห็น เงาอะไรไม่รู้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างขวัญเสีย
เด็กหนุ่มรีบเข้าไปซบแม่ของเขา แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว
“โอ๋ ไม่เป็นอะไรแล้วลูก แม่อยู่นี่แล้ว” แม่ของเขากล่าวพลางเอามือลูบหัวลูกของเธอช้าๆ
ลูกของเธอยังคงสะอึกสะอื้นต่อไป ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขึ้นมาว่า
“ไม่เป็นอะไรแล้วละลูก ถ้างั้น แม่ไปทำงานบ้านก่อนนะ” พร้อมกับสาวเท้าเดินเพื่อที่จะออกจากห้องนอนของลูกชาย
เด็กหนุ่มยังคงร้องเรียกเธอ “แม่...ผมกลัว” แล้วเดินไปหาแม่อีกครั้ง
“ลูกไม่ต้องกลัวหรอก แม่ก็อยู่ในบ้าน ถ้ามีอะไรก็เรียกแม่ได้” แม่ของเขากล่าวยืนยันช่วยให้ความกลัวลดลงไปได้เล็กน้อยแต่ในใจของเขาก็ยังคงหวาดหวั่น
เธอเดินไปเปิดประตูก่อนที่จะออกไปจากห้องนั้น...
เขาค่อยๆขยับขาก้าวเท้าไปยังเตียง ล้มตัวลงนอนพลางเขยิบผ้าห่มขึ้นคลุมร่างแล้วปิดเปลือกตาเพื่อที่จะนอนหลับในที่สุด
เด็กหนุ่มขยับพลิกตัวไปมาอย่างกังวลใจ เขาพยายามข่มตาหลับอย่างสุดความสามารถ
แต่ก็ยังไม่สามารถนอนหลับได้ เนื่องจากความหวั่นวิตกที่อยู่ในใจของเขามันกำลังจะกลายเป็นความหวาดกลัวอย่างคนเสียสติ
ตู้สีน้ำตาลยามนี้แลดูมืดมิดน่ากลัว ราวกับว่า...ยามเขาหันหลังมันสามารถมีชีวิตขึ้นมาแล้วจับเขาเป็นอาหาร ทีวีสีหน้าจอแก้วแวววาวสีดำเหมือนกับจะสะท้อนให้เห็นภาพมัจจุราชยามเงื้อเคียว กระทั่งหน้าต่างที่ปิดสนิทแต่ก็ยังอดหวาดหวั่นไม่ได้
เขาพยายามไม่สนใจกับสิ่งของรอบข้างที่แลดูน่ากลัวอย่างลึกลับแล้วนึกถึงสิ่งอื่นที่อย่างน้อยก็ ’อบอุ่น’ กว่าตอนนี้
เด็กหนุ่มจินตนาการถึงทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่มกับแสงแดดอันสว่างไสว พลางนับลูกแกะที่กระโดดข้ามรั้ว เพื่อที่จะได้นอนหลับพักผ่อนซักที
แกะตัวที่หนึ่ง...แกะตัวที่สอง...แกะตัวที่สาม...แกะตัวที่สี่......
เขานอนนับแกะไปเรื่อยๆ ด้วยความลำบากลำบน
แกะตัวที่หนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบหก...แกะตัวที่หนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบเจ็ด
...มันอะไรกันฟะ ทำไมนอนหลับไม่ได้ซักที นับแกมาเป็นพันๆตัวแล้วนะ
เด็กหนุ่มคิดพลางหันไปมองหน้าต่างด้วยความเหน็ดเหนื่อยใจ และแล้วเขาก็เห็นเงาสีดำใต้ลำต้นไทรต้นเดิม แต่ตอนนี้มันกลับมองเห็นได้ชัดขึ้นกว่าเดิม
เงาลางๆนั้นเป็นของหญิงผู้หนึ่ง จากที่เขามองดูตรงนี้ เหมือนเธอคนนั้นกำลังนั่งพับเพียบอยู่ตรงใต้ต้นไทร เพียงแต่ว่า... หญิงคนนั้นไม่มีเงาขา!
เธอคนนั้นกลับหันมามองเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว พลางตั้งตัวตรง แล้วยกมือขึ้นชี้มายังเขา
เขายืนหยุดนิ่งสักพักด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า ’กลัวจนขี้หดตดหาย’
ริมฝีปากของเขาขยับขึ้นขยับลง พยายามที่จะออกเสียง แต่ลำคอของเขากลับแห้งผาก
เหมือนกับมีเม็ดทรายเล็กๆมากระจุกอยู่บริเวณนั้น
เธอตรงมายังหน้าต่างของเขา ร่างบางค่อยๆขยับเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้าแต่น่าหวาดหวั่น
เด็กหนุ่มรวบรวมความกล้าพยายามมองหาสิ่งของเพื่อป้องกันตัวเอง เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วควานหาของที่พอจะเป็นอาวุธได้
สายตาของเขาสอดส่องไปเจอไม้แขวนเสื้อสีเงินอันใหม่ที่แม่เพิ่งซื้อมา
หึๆ... ผีก็ผีละวะ เจอไม้แขวนเสื้อปราบมารนี่ซะหน่อย เสร็จแน่เอ็ง!
เขากระชับไม้แขวนเสื้อในมือแน่นในขณะที่ผี(ในความคิดของเขา)เข้าใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆ
เขาค่อยๆก้าวเท้าไปที่หน้าต่างพลางเปิดมันออกแล้วกระโจนไปยังเธอผู้นั้นแล้วยกศาสตราวุธในตำนาน?ฟาดรัวแบบไม่ยั้ง
“ตายซะเถอะ! ไอผีบ้า” เด็กหนุ่มร้องตะโกนขึ้นในขณะที่มือของเขากำลังใช้อาวุธโจมตี ผี? ตนนั้นอยู่
“เดี๋ยวก่อน!!!“ ร่างนั้นกล่าวในขณะที่กำลังโดนเด็กหนุ่มใช้ไม้แขวนเสื้อปราบมารตี
เธอลุกขึ้นมาแสดงให้เห็นถึงขาสองข้างที่เหมือนคนปกติแล้วแสดงสีหน้าไม่พอใจ
เด็กหนุ่มหันหน้าไปสังเกตอย่างชัดเจน ก่อนที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความเสียขวัญมากกว่าครั้งไหนๆ
“เฮ้ย!!! อาจารย์ฝ่ายปกครองนี่หว่า”
จบเถอะ
.
เกริ่นท้ายเรื่อง : นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเอาไม้แขวนเสื้อไปไล่ฟาดคนแปลกหน้า
เอิ้กๆ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์
บ้าบอเถอะ 5555555
55555+
ตกใจตอนจบมากค่ะ =w= อึ้งไป 10 วินาที แล้วถึงหัวเราะออกมา ฮ่าๆๆ
55
ป.ล.บรรยากาศตอนแรกนึกว่ากำลังอ่านแฟนตาซีอยู่(ซะงั้น)
อ่านตอนแรกก็เรื่อยๆไม่มีอะไรมาก (แค่หวั่นๆนิดหน่อย)
พอมาถึงตอนจบตะลึง เลยงี้เลยเหรอท่าน! =[]='
ชื่อหนุ่มครับ~
ใช่ครับเดาถูกแล้ว...
สรุป
กรี๊ดๆๆ ลอสบ้า งึ่มๆๆ
/ขนลุกตอนบอกว่าเจอเงา
ว่าแต่เงากับอาจารย์ฝ่ายปกครองใครน่ากลัวกว่ากัน หึหึหึ
ผิดคาดอ่ะ นึกว่าท่านลอส จะบุกเบิกแนวทางฟิคเทศกาล Y
ท่าทางคงเกิดสงคราม ไม้แขวนเสื้อ Vs ไม้เรียว
ดราม่าๆๆ~~ 0.0
อยากปิดบังความผิดจริงๆ
แต่ไม่ทัน...
ที่จริงเรื่องนี้ยาวไม่ถึงสี่หน้าเอสี่นะ เพราะมีแค่ส่วนเกริ่นท้ายเรื่องเท่านั้นที่ถึงหน้าสี่
แต่ถ้าเคาะลบบรรทัดลงไป มันจะได้ราวสามหน้าเอสี่เท่านั้น
แนะนำให้แก้ไข เพราะกรรมเกรียนอาจรับไม่ได้
ครับ ท่านบี้
เรื่องเนื้อหาผมรับรอง คิดเองสลดๆ เอ๊ย.. สดๆ
เหมือนโดนหลอกอ่านเลย เนื้อหาดำเนินเร็วดี ภาษารวบรัดดี
แต่ผมว่าเรื่องนี้ขาดจุดประสงค์ของเรื่องไปนะ แบบว่ารู้สึกเหมือนมันเป็นเนื้อหาที่ไปตัดตอนมาจากบทๆหนึ่ง(ไม่ได้บอกว่าก๊อบนะ) คือถึงเป็นเรื่องสั้นก็จริง แต่ก็ควรหาที่มาที่ไปของเรื่องให้ชัดเจน เริ่มที่อะไร เพื่ออะไร ประมาณนี้แหล่ะมั้ง ^^
ถ้าพูดถึงอาจารย์ปกครองมาที่บ้านแล้วนะครับ...
ให้คิดไว้เลยว่า โดนเล่นแน่เอ็ง!!!
มาทำอะไรที่บ้านนักเรียนหว่า?
ป.ล.บรรทัดที่สองนับจากจบเถอะ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเด็กไทยกลัวอาจารย์ฝ่ายปกครองมากกว่าผี=w=
ข้าพเจ้าโดนท่านลอสท์ทำพิษเสียแล้ว- -
ให้รางวัลรั่วที่สุดตอนนี้เลยจะได้มั้ย