ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #41 : Black N Blue❖The destroyer 'six warlords' 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1K
      134
      7 ก.พ. 63


    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Beyoncé - Crazy in Love (From the ''Fifty Shades of Grey'')


    EPISODE04

    Alternative Universe 04The destroyer 'six warlords'


    หนึ่งสัปดาห์หลังจากการรบที่จบไม่สวยจากการแทรกแซงของใครบางคน ไอริซึ่งมาที่คฤหาสน์ของขุนพลลำดับที่หกแทนที่ท่านเซฟีร่าอยู่ที่นี่มาเกือบอาทิตย์แล้ว โดยไร้วี่แววว่าเจ้าของคฤหาสน์จะกลับมา

    แต่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านางจะปรากฏตัวในคฤหาสน์หลังนี้ในรอบหลายเดือน

    หากข้อมูลที่ได้รับจากคนรับใช้เก่าแก่ในบ้านไม่ผิดเพี้ยนไปน่ะนะ

    ตอนนี้เธอกับคนรับใช้อายุมากไม่กี่คนกำลังยืนเรียงแถวอยู่หน้าประตูเพื่อรอคอยการมาของเจ้าของคฤหาสน์

    ปึง!

    ประตูถูกเปิด...

    นายหญิงคนนั้นกลับมาพร้อมกับความโมโหรุนแรงขนาดที่ว่าพังคฤหาสน์ทั้งหลังลงได้ ไอริหลบตาของขุนพลลำดับที่หกแห่งขุมนรก เก็บท่าทางอยากรู้อยากเห็นของตนไว้อย่างมิดชิด แต่ใครจะรู้...ว่าการทำแบบนั้นจะทำให้ตัวเธอเปล่งประกายจนไปจุดความสนใจนางเข้า

    ก่อนจะได้รู้สึกตัว ปลายคางเธอถูกคว้าไว้แล้วดันให้เงยขึ้นสบตากับคนเป็นนายหญิง

    "เจ้าเป็นคนรับใช้คนใหม่หรือ"

    "เพคะ" ไอริฝืนยิ้ม การทำตัวให้น่ารักน่าเอ็นดูยากกว่าที่คิดไว้ เธอในฐานะสปาย ยอมรับว่าครั้งนี้หลุดบุคลิกไปมาก

    "มากับข้า" นายหญิงหลุดยิ้มคลุมเครือออกมา ราวกับนางต้องตาอะไรบางอย่างในตัวเธอ ฉับพลันนั้นบรรยากาศที่เหมือนระเบิดจะลงเมื่อก่อนหน้าก็จางหายไป

    ในภายหลัง ไม่มีใครรู้ว่าการเป็นสปายจะต้องสูญเสียทุกอย่างไป ทั้งอิสรภาพ ร่างกาย และหัวใจ


    "ทำไมช่วงนี้อารมณ์ดีแปลกๆ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอไง"

    คนพูดคือหญิงสาวเจ้าของน้ำเสียงทุ้มหวานระรื่นหู ใบหน้าคมเข้มออกแนวป่าเถื่อน ตัดกับสีผิวขาวกระจ่างใสไร้ซึ่งริ้วรอย นัยน์ตาสีแดงปรือมองตรงมาทางเธออย่างง่วงๆ เส้นผมสีเขียวแก่ไม่เป็นทรงที่ดูก็รู้ว่าเพิ่งไปซอยมาจนความยาวเหลือแค่เลยไหล่ลงมานิดหน่อยเท่านั้น

    คนคนนี้เป็นปีศาจที่ชื่อทาร่า และอาชีพของมันคือนอน...ไม่สิ ขุนพลลำดับที่สอง

    "จะหลับก็หลับไป แอบมองแล้วยังพูดเรื่องไร้สาระอีก" บัตเตอร์ฟลายกล่าวอย่างไม่ใส่อารมณ์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แนวๆ นี้ขึ้น

    "เห็นอารมณ์ดีก็อยากรู้บ้าง...เล่าๆ กันเผื่อจะมีความสุขด้วยกันได้" ขุนพลลำดับที่สอง ตรรกะและความคิดของนางช่างเข้าใจยากจริงๆ

    "ความสุขส่วนตัว แบ่งไม่ได้" เธอเดินไปหยิบหมอนใบเล็กที่วางอยู่บนเปียโน เหวี่ยงมันไปกระแทกหน้าทาร่าเพื่อตัดบทการสนทนา เมื่อได้หมอนไปก็กลายเป็นว่านางเงียบขึ้นจริงๆ

    เงียบคือหลับ

    บัตเตอร์ฟลายเดินกลับไปที่หน้าต่างที่ประจำของตัวเอง นั่งลงบนขอบแล้วมองออกไปยังหมู่บ้านที่ไม่ไกลจากพระราชวังเท่าไหร่นัก เสพสุขกับการอยู่คนเดียวเงียบๆ

    แต่เงียบได้ไม่นานเมื่อขุนพลคนอื่นต่างก็ทยอยเข้ามาในห้องเพื่อประชุมในหัวข้อที่ว่า 'จะเอายังไงต่อดีกับสงคราม'

    "เมื่อแปดวันก่อน บัตเตอร์ฟลายยกทัพไปรบกับพวกมนุษย์" ลินดิสกล่าวเกริ่นเรื่องที่เกิดขึ้น นัยน์ตาสีขาวเหมือนเพชรน้ำงามไร้วี่แววของความรู้สึกอย่างเช่นปกติ "แต่เวเรสไปสร้างความวุ่นวาย ขัดกับกฎที่ว่าไว้ 'ห้ามยื่นมือเข้าไปยุ่งกับการรบของขุนพลอย่างเด็ดขาด' และทำให้บัตเตอร์ฟลายไม่สามารถทำการรบได้และโมโหจนไปถล่มเมืองมนุษย์จนราบไป วันนี้มีโองการสรุปของท่านวีร่าออกมาแล้ว"

    บัตเตอร์ฟลายรอฟัง แม้จะทราบอยู่ลึกๆ ว่าจะไม่มีบทลงโทษอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

    "ทั้งบัตเตอร์ฟลายและเวเรส ทั้งคู่ห้ามโจมตีมนุษย์อีกเป็นเวลาหนึ่งเดือน ยกเว้นป้องกันตัวเท่านั้น"

    "หึ" เธอและเวเรสบังเอิญส่งเสียงออกมาพร้อมกัน

    เราชะงัก เผลอมองหน้ากันหลายวินาทีแล้วเบือนหนี ความจริงก็คือตอนนี้เธอไม่แม้แต่อยากจะมองเวเรส

    เหตุผลหลักๆ มีไม่กี่ข้อเท่านั้น หากอยากรู้จะร่ายให้ฟัง

    ข้อแรก เวเรสไม่ใช่เพื่อน ในที่แห่งนี้มีแค่มีน่ากับทาร่าที่ดูใกล้เคียงคำว่าเพื่อนกับเธอมากที่สุด และบัตเตอร์ฟลายไม่ใช่คนประเภทถือหางใครมั่วซั่ว เธอไม่ใช่คนเป็นมิตรโดยกำเนิด หากไม่ชอบหน้าใครจะเหยียบย่ำไปทั่ว เธอไว้หน้าเฉพาะเพื่อนตัวเองเท่านั้น

    ข้อสอง สืบเนื่องมาจากข้อแรกที่ว่าเวเรสไม่ใช่เพื่อน การที่นางเก็บเซฟีร่าไว้กับตัวทั้งๆ ที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะให้นางเป็นผู้หญิงสาธารณะในหมู่เรา ทำให้เธอคันไม้คันมือหนักมาก สิ่งเดียวที่รั้งไม่ให้เธอกับเวเรสปะทะกันคือ เราสองคนยังอยู่ในช่วงการจับตาดูของราชินีวีร่า

    หากเราสร้างปัญหาในช่วงนี้...เราทั้งคู่จบทันที

    ข้อสาม ข้อนี้เป็นข้อสุดท้ายที่สำคัญมากๆ ต้องถามก่อนว่า 'เคยไหม...กับการมองหน้าใครสักคนแล้วไม่ถูกโรคด้วยทันที อยากเดินหนีไปให้ไกลๆ' และใช่ นั่นคือความรู้สึกแรกที่เธอมีให้เวเรส

    แต่ทว่าความรู้สึกนั้นก็เจือจางไปในตอนที่ใช้เวลากับหกขุนพลมากขึ้น แต่มันไม่ได้หายไปหรอก

    ระหว่างที่บัตเตอร์ฟลายจมอยู่ในความคิดตัวเอง การสนทนายังดำเนินอยู่

    "ช่วงนี้ท่านวีร่าบอกให้พวกเราทำตัวตามสบาย อยากไปไหนก็ไป ย้ำมาหนักเลยว่าอย่าเพิ่งคิดเรื่องสงคราม" ลินดิสกล่าวด้วยความเคร่งครึม

    ทำตัวตามสบาย อยากไปไหนก็ไป ไม่คิดเรื่องสงคราม?

    หากให้คิดถึงการพักผ่อน จะเป็นที่ไหนไปได้อีกนอกจากบ้าน แต่เมื่อคิดถึงบ้าน...ดันไปคิดถึงผู้หญิงคนนึงขึ้นมาด้วย

    "ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั่น มีอะไรดีๆ เหรอไง" ประโยคคำถามคล้ายๆ กับทาร่าถูกถามจากมีน่า คนที่หน้าตาดูเป็นมิตรที่สุดในหมู่พวกเรา

    บัตเตอร์ฟลายอดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อจู่ๆ ความสนใจพุ่งตรงมาที่เธอ

    "มีอะไร" เลยถามกลับไปด้วยน้ำเสียงโทนหงุดหงิด

    "เมื่อกี้ถามแล้วไม่ใส่ใจจะฟัง ใจลอยไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?" แต่ทว่าคำตอบที่ได้กับกลายเป็นการกวนประสาทระดับเล็กๆ จากเวเรสแทน สงสัยมันจะอยากโดนเข้าสักทีจริงๆ

    "หาเรื่องไปทั่วเหมือนคนอยากโดนล่อแบบนี้เมียไม่ว่า?" บัตเตอร์ฟลายย้อนกลับไป

    "..." มันเงียบ

    เธอยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ในขณะที่ลิเลียน่ากระแอมเพื่อเรียกร้องความสนใจ

    "ลินดิสถามว่า เจ้าเข้าใจที่ท่านวีร่าอยากให้พวกเราทำใช่หรือไม่ บัตเตอร์ฟลาย" นางกล่าว ส่วนเธอคิดตามแล้วพยักหน้ากลับไป

    หลังจากจบการประชุมที่น่าเบื่อมากๆ ไป ห้องทั้งห้องก็เข้าสู่สภาวะปกติ ทาร่าที่ไม่ตื่นเลยตลอดการพูดคุย ลินดิสกับลิเลียน่าที่หาอะไรทำไปเรื่อย มีน่าเล่นเปียโน ทำนองของมันเพราะเสนาะหู ส่วนเวเรสที่มีผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนอยู่ที่บ้านก็ตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้อง

    ในเสี้ยววินาทีเดียวกัน ความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ

    พูดถึงผู้หญิงที่บ้าน...เธอก็มีเก็บไว้อยู่หนึ่งคน

    คิดได้ร่างกายก็ขยับลุกขึ้นในทันที

    บัตเตอร์ฟลายเดินตามหลังเวเรสออกจากห้อง เห็นว่านัยน์ตาสีดำสนิทของมันเหลือบมองอยู่หลายครั้ง

    "ไม่ได้เดินตาม เดี๋ยวออกนอกอาณาเขตก็ทางใครทางมัน" เธอกล่าว เพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเวเรส และเมื่อมาเดินใกล้ๆ กันก็ได้กลิ่นน้ำหอมติดเสื้อผ้าของมันอยู่อย่างเจือจาง

    มันไม่เคยใช้น้ำหอม ไม่ต้องสืบก็ทราบว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมของใคร

    ความเสียดายผุดขึ้นในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ

    แต่อย่างว่า...ถึงไม่นับว่าเป็นเพื่อน แต่ยังไงก็รู้จักกันแบบผิวเผิน บัตเตอร์ฟลายไม่ชอบแตะต้องอะไรที่มีเจ้าของอยู่แล้ว เพราะมันไม่สนุกและไม่คุ้มค่ากับเวลาของเธอ

    เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ที่แทบจะร้างผู้คนในเมืองเมืองหนึ่งที่อยู่ทางตอนใต้ของอาณาจักรแพนเธีย เธอกวาดสายตาหาคนที่ตัวเองต้องการเจอในทันที

    แต่ทว่า...กลับไม่เจออย่างที่คิดไว้ว่าควรจะได้เจอ

    "นางไปไหน?" บัตเตอร์ฟลายหันไปถามคนรับใช้เก่าแก่คนนึงที่ยืนอยู่ใกล้ตัว

    "นางเสนอตัวไปจ่ายตลาดคนเดียวขอรับ พอทราบว่าท่านบัตเตอร์ฟลายจะกลับบ้านมาก็ตื่นเต้นใหญ่เลย...แถมขอให้กระผมทำความสะอาดห้องนอนใหม่อีกรอบด้วย" คนรับใช้กล่าวอย่างนอบน้อม

    บัตเตอร์ฟลายพยักหน้ากับคำตอบที่น่าพึงพอใจ

    "ไปเอาเบียร์มา" เธอสั่งแล้วนั่งลงบนโซฟาที่เห็นประตูบ้านได้ชัดที่สุด อดทนรอให้นางกลับมาที่บ้าน เมื่อเบียร์แก้วที่สามหมดลง มือที่กำลังเลื่อนไปจับเหยือกขนาดใหญ่หยุดลงเมื่อเห็นบานประตูเคลื่อนไหว

    คนที่ก้าวเท้าเข้ามาเป็นผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าบัตเตอร์ฟลายหลายปี นางมีผมสีน้ำตาลขลับดำ ตาสีม่วงเหมือนดอกลาเวนเดอร์แรกแย้ม จมูกโด่ง ปากบางๆ เป็นคนที่ทั้งดูสวย น่ารัก และน่าถนุถนอม

    เมื่อเห็นนาง เธอเอนพิงโซฟาอย่างผ่อนคลายแล้วเอ่ยถามออกไปหนึ่งประโยค

    "ไปเล่นที่ไหนมา หืม?"


    นายหญิงกลับมาบ้านแล้ว เร็วกว่าที่คิดไว้ถึงสองชั่วโมง

    ไอริกระชับถุงผ้าที่นำไปจ่ายตลาดไว้ในมือแน่น หวังว่าคงไม่มีคนรับใช้คนไหนบอกระยะเวลาในการจ่ายตลาดของเธอให้นางฟัง

    เพราะเธอออกจากคฤหาสน์ไปเกือบชั่วโมงครึ่ง เพื่อส่งข้อความให้กับฝ่ายพันธมิตรที่มาเช่าบ้านอยู่ในระแวกเมือง คอยสังเกตการที่นี่และรับข่าวสารสำคัญจากเธอ

    "ไปจ่ายตลาดมาเพคะ" เธอตอบอย่างนอบน้อม เมื่อเดินเข้าไปใกล้กว่าเดิมก็เห็นสายตาดุดันที่นางใช้มองคนรับใช้อีกคน ข้าวของที่จับจ่ายซื้อมาก็ถูกดึงไปถือไว้อย่างรวดเร็วทันทีเลย

    "มานั่งนี่" นายหญิงตบโซฟาใกล้กับตัวเองสองครั้ง ทันทีที่เธอปล่อยให้ร่างกายนั่งลงตรงนั้นก็โดนโอบเอวไว้ กลิ่นเบียร์จางๆ กับกลิ่นหวานของน้ำหอมรูปแบบหนึ่งที่คุ้นเคยแตะจมูกเธอ

    ทำไมจะไม่คุ้น...บังเอิญว่านี่คือน้ำหอมราคาแพงที่เธอได้มาจากเพื่อนสนิทอย่างแอสทริด และเธอฉีดมันในวันแรกที่นายหญิงกลับมาบ้านพอดี

    ไอริจำประโยคแรกที่นางพูดเกี่ยวกับน้ำหอมกลิ่นนี้ได้ จำสิ่งที่นางกระทำตอนพูดถึงมันได้...

    "หอม...นี่อะไร" นางถามระหว่างใช้ปลายจมูกเขี่ยยอดอกเธอไปด้วย

    หลังจากวันนั้นสองวัน เธอได้ยินมาจากคนรับใช้ว่านายหญิงใช้ให้คนไปหาซื้อน้ำหอมกลิ่นนี้มา และนี่คือสาเหตุที่น้ำหอมกลิ่นนี้อยู่บนตัวของนาง เพราะนางคิดว่าเธอชอบมัน

    และใช่ ไม่ผิดหรอก เธอชอบมันมาก แสดงให้เห็นว่านางทราบถึงวิธีการเอาอกเอาใจผู้หญิงและใช้มันได้ร้ายกาจจริงๆ

    "ถ้าชอบก็พิงมา" มือที่เคยจับอยู่ที่เอวเลื่อนขึ้นมาโอบไหล่ แถมยังมีดึงเบาๆ ให้เอนเอียงไปหา

    ไอริทิ้งตัวพิงร่างกายของนาง สัมผัสได้ถึงไออุ่นและชีพจรแบบที่มนุษย์ปกติทั่วไปมี การทำตามที่นางบอกไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นคำสั่งสำหรับคนที่คิดว่าจะใช้ชีวิตใต้จมูกนางเพื่อลวงเอาข้อมูลแบบเธอ

    ความแข็งแกร่งและนุ่มนิ่มในเวลาเดียวกันของผู้หญิงคนนี้ทำให้เธอผ่อนคลายอย่างน่าเหลือเชื่อ

    "ไม่หนักเหรอเพคะ" เธอถามอย่างเอียงอาย

    "ถ้าไปเพิ่มน้ำหนักอีกหน่อยอาจจะหนัก" คำตอบทำให้เธอหวนคิดถึงครั้งแรกในวันนั้นของเรา เธอบอกกับนางว่า 'เจ็บ' และนางตอบกลับมาว่า 'เพราะตัวบางไปเลยเจ็บ'

    ไอริเป็นนักฆ่าโดยสายเลือด ถึงตัวบางแต่ก็ไม่ได้เจ็บง่ายดายขนาดนั้น แค่แรงมือนางเยอะผิดมนุษย์มนาไป

    แต่นางก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะหมดหรอก พอเห็นว่าเธอเจ็บก็เลยอ่อนโยนขึ้น

    "เบียร์ไหม เดี๋ยวข้ารินให้" เธอถามอย่างเอาใจ

    "อืม" ได้คำตอบเป็นเสียงครางเบาๆ นัยน์ตาสีฟ้าที่ออกโทนเขียวเล็กน้อยจับจ้องเธอทุกการกระทำ หลังรินเสร็จเธอก็ส่งแก้วให้นางถือไว้

    นายหญิงดื่มไม่กี่อึกแล้วเป็นฝ่ายไถหัวตัวเองลงบนไหล่ของเธอบ้าง

    "อยากนอนหน่อย" นางกระซิบเสียงพร่า

    ไอริเข้าใจว่ามันคือการนอนที่ไม่ใช่การหลับนอน เธอเลยพยักหน้าแล้วกำลังจะขยับไปนั่งที่ปลายโซฟาอีกด้านเพื่อให้นางนอนตัก เหมือนที่เธอมักจะให้แอสทริดนอน

    แต่ไม่ใช่...นายหญิงนอนลงแล้วดึงให้เธอไปนอนทับอยู่ข้างบน

    "ดีขึ้นเยอะ" นางพึมพำออกมาแล้วไม่นานก็หลับไป

    ไอริตัวแข็งทื่อ เธอสัมผัสได้ถึงวงแขนแข็งแกร่งที่โอบกอดเธอไว้ทั้งตัว

    เธอมาที่นี่เพื่อหาข้อมูล แต่นอกจากจะไม่ค่อยได้ข้อมูลอะไรแล้วยังรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกตที่ใหญ่มากยังไงก็ไม่รู้ และการเดินในเขาวงกตมันง่ายมากที่จะหลง

    นอกซะจากว่าเธอจะบินสูงมาก สูงจนสามารถทำให้เขาวงกตนี้อยู่ใต้เท้าได้

    แต่กว่าจะถึงวันนั้น...เธอจะทำตัวเป็นลูกแมวน้อยให้นายหญิงเอ็นดูแบบนี้เยอะๆ ไปก่อน

    ฟุบ...

    ผ่านไปหลายชั่วโมงทีเดียวกว่าไอริจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว เธอลืมตาขึ้นแล้วเห็นด้วยสายตาที่ยังเลือนลางว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเราอยู่สองคนอีกต่อไป

    "ลุกได้รึยังล่ะ" คนแรกเป็นผู้หญิงที่สูงเกือบร้อยแปดสิบ มีใบหน้าที่อ่อนโยน ทว่าตอนนี้กลับเรียบตึงและเย็นชา ท่าทางการมองนั้นคล้ายจะพิจารณา คนคนนี้มีนัยน์ตาสีเดียวกันที่หายากเหมือนของเธอ

    ส่วนผู้หญิงอีกคนมีนัยน์ตาสะลึมสะลือสีแดงเลือด ยืนด้วยท่าทางเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย มือใหญ่ยกขึ้นสางผมที่ปรกหน้าของตัวเองแล้วหรี่ตามองมาที่โซฟาจากตรงนั้น

    ไอริรับทราบโดยสัญชาตญาณว่าสองคนนั้นคือแขกของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้

    มื่อมองไปยังนายหญิงก็พบว่านางตื่นแล้ว กำลังมองเธอด้วยสายตาลุ่มลึกเข้าใจยาก ริมฝีปากอิ่มบิดยิ้มน้อยๆ ขณะใช้มือประคองให้เธอลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะลุกตามมาจนร่างกายเราสัมผัสกันอย่างแนบชิดอีกครั้ง

    "ยืนรอมาสิบนาทีแล้ว" หญิงสาวคนที่สองกล่าวแล้วหาวอย่างน่ารัก

    "มารบกวนเวลาคนอื่นนอนก็อย่าเรียกร้องให้มาก" ยามที่นายหญิงพูดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ไอริ เสียงของนางมักจะเข้มและดูดุอยู่เสมอ

    "นี่จะบอกว่าที่ไม่ลุกตั้งแต่แรกเพราะโอ๋หญิงอยู่?" สายตาข้องใจที่ถูกส่งมาจากหญิงสาวหน้าตาใจดีทำให้เธอแอบสะดุ้งอยู่ในใจ

    "อืม" และนี่คือการตอบรับที่ไม่ใช่การปฏิเสธจากนายหญิง มือเรียวยกขึ้นเพื่อลูบหัวเธอเบาๆ "กำลังโอ๋หญิงอยู่...แล้วที่โผล่มาขัดจังหวะนี่มีอะไรเป็นพิเศษ? หรือเกี่ยวกับงาน?"

    นายหญิงกำลังพูดถึงตำแหน่งขุนพลลำดับที่หกและหน้าที่ของนางอย่างคลุมเครือ เพราะมันไม่ใช่ข้อมูลที่คนนอกรับรู้ได้ ส่วนไอริรับฟังคำตอบของแขกผู้มาเยือนสองคนอย่างใจจดใจจ่อ

    "เปล่าหรอก แค่มายืมห้องอยู่ 2-3 วัน ช่วงนี้มีธุระที่นี่บ่อย" แขกคนแรกกล่าวตอบ ส่วนคนที่สองไม่ได้พูดว่ามาทำไม

    ในที่สุดหลังจากนั่งนึกอยู่นานว่าสองคนนี้พอจะเป็นใครได้บ้าง ไอริก็เริ่มจดจำรายละเอียดบางส่วนที่ท่านเซฟีร่าเคยเล่าให้ฟังได้ในที่สุด คนที่ท่าทางใจดีและเป็นมิตรนั้นชื่อมีน่า ส่วนอีกคนที่ไม่ได้เผยตัวว่าเป็นคนยังไงตั้งแต่แรกจะชื่อทาร่า

    ทั้งสองเป็นขุนพล เป็นทั้งเพื่อนและพันธมิตรของนายหญิง

    แต่เป็นศัตรูกับไอริ

    "สงสัยการเดินทางไปมาจะลำบาก" นายหญิงกล่าวและแฝงไปด้วยความเห็นใจ นางพยักหน้าแล้วหันมามองเธอ ด้วยความที่เราอยู่ใกล้กันมาก ปลายจมูกโด่งเป็นสันเลยเฉียดแก้มเธอ ความรู้สึกราวกับกำลังโดนน้ำแข็งเย็นเยียบลูบไล้ตามตัวเกิดขึ้น "ช่วยไปเตรียมอาหารกับเครื่องดื่มให้หน่อยสิ"

    "ได้เพคะ" ไอริรีบลุกขึ้น

    เกรงว่าถ้ายังอยู่ในอ้อมกอดของนางจะทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ไปมากกว่านี้

    หลังเดินมาที่ส่วนของห้องครัวได้ก็ถอนหายใจหนึ่งรอบ เธอกวาดสายตามองห้องครัวที่ค่อนข้างประกอบด้วยเครื่องมือทำอาหารหรูหรา ต้นตระกูลของนายหญิงคงต้องร่ำรวยมากแน่ๆ

    ระหว่างที่ทำอาหาร ไอริเผลอนึกไปถึงตอนที่อาสาจะมาที่นี่กับร่างโคลนที่สร้างขึ้นจากเวทมนตร์ของท่านเซฟีร่า เธออ้างไปว่าเป็นคนรับใช้และผู้ติดตามร่างโคลนท่านเซฟีร่า แต่ร่างโคลนน่ะ...หากพลังเวทในตัวหมดไปร่างของมันก็จะสลาย เธอในตอนนั้นเล่นละครหลายบทบาททีเดียวว่าเจ้านายหายไป เธอไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไหน ขอทำงานอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้

    พวกคนรับใช้ทดสอบเธอหลายอย่าง ทั้งทำอาหาร ทั้งทำงานบ้าน แต่เธอทำได้ดีอยู่แล้ว

    หากเธอทำไม่เป็นขึ้นมาคงโดนเฉดหัวทิ้งและต้องเดินทางกลับไปรายงานให้พวกสภาผู้นำฟังอย่างน่าผิดหวังแน่ๆ

    ระหว่างรอให้เนื้อปลานุ่มนิ่มได้ที่ในน้ำที่กำลังเดือด ไอริรู้สึกได้ถึงเงาที่คืบคลานมาทางด้านหลัง

    "อ๊ะ!" เธอครางอย่างมึนงงเมื่อโดนโอบกอดไว้จากด้านหลัง แต่สัมผัสที่เริ่มคุ้นเคยทำให้สงบลงไปมาก เมื่อได้รู้ว่าคนที่แอบย่องมาเป็นใครเธอจึงกล่าวออกไปอย่างนุ่มนวล "มีอะไรเหรอเพคะ นายหญิง"

    "มาตามหาเครื่องดื่ม" นางคงหมายถึงเครื่องดื่มมึนเมาที่เธอลืมไปเสียสนิทว่าต้องเอาไปเสิร์ฟ

    "ขออภัยด้วย ข้าจะนำออกไปให้เดี๋ยวนี้..." เธอกล่าว แต่นายหญิงไม่ปล่อย

    ความรู้สึกขนลุกวาบแทรกเข้ามาเมื่อนางใช้จมูกซุกไซ้ซอกคอเธอ

    "น...นายหญิง" เธอเรียกนางไม่เต็มเสียงอีกต่อไปเมื่อมือเรียวสอดเข้ามาในเสื้อขนาดพอดีตัวที่เธอใส่อยู่

    "เสื้อคับไปนะ" นางกระซิบข้างใบหูอย่างนุ่มนวล "พรุ่งนี้ให้มาเอาเสื้อที่ห้องข้า กลางวันออกไปซื้อชุดใหม่ด้วยกัน"

    "คับเหรอ" เหมือนเธอกำลังโดนนายหญิงรังแกยังไงก็ไม่รู้ "คับตรงไหนคะ"

    "ถ้าคนอื่นจ้องนานแสดงว่าคับ" นางกล่าว ทำให้เธอย้อนนึกไปถึงตอนที่โดนทั้งท่านมีน่าและท่านทาร่ามอง "วันนี้ก็ไม่รู้ออกไปเดินให้ใครมองบ้าง"

    "..."

    "ข้าหวง...เจ้าช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย"

    "หวงเหรอคะ..." เรื่องแบบนั้นใครจะไปรู้ล่ะ ถ้าไม่บอกออกมาตรงๆ ใครจะคิดไปเองกัน

    "กระโปรงก็สั้นเหมือนจะไปอ่อยใคร " นายหญิงกระซิบด้วยน้ำเสียงร้ายลึก มืออีกข้างของนางสัมผัสขอบกระโปรงของเธอ "ตอนนี้ไม่หวงแล้ว เจ้าต้องโดนลงโทษก่อน ไว้จะหวงใหม่"

    "ข้าไม่อยากโดน" ไอริหลบซ่อนใบหน้าของตัวเองจากสายตานาง ให้นางเห็นเพียงแค่ใบหน้าเสี้ยวเดียวที่เศร้าหมองมากของเธอ "ไม่อยากโดนจริงๆ"

    ไม่ใช่ที่นี่ ไม่ใช่ตรงนี้ ไม่ใช่ในระหว่างที่เธอกำลังทำอาหารอยู่

    แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนพลผู้มีอำนาจ คำพูดที่น่าเห็นใจจากหญิงรับใช้เหรอจะเข้าหูนาง

    "ไม่มีใครบอกว่าเจ้าปฏิเสธได้เสียหน่อย" นางกล่าวจบร่างเธอก็ลอยวืดขึ้นมาอยู่บนเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ทันที

    มือเรียววางลงบนหน้าตักของเธอแล้วกดให้ขาเธอเบี่ยงลงด้านล่างอย่างน่าเจ็บปวด ใบหน้าสวยฉบับร้ายกาจยื่นเข้ามาใกล้ ตามมาด้วยการที่ริมฝีปากเธอรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มที่รุ่มร้อนของนาง

    ริมฝีปากไอริเกร็งเครียดเมื่อสัมผัสได้ถึงการรุกรานอย่างเชี่ยวชาญ เป็นการจูบที่ไม่อ่อนโยนต่อความรู้สึก แต่หัวใจกลับเต้นรัวขึ้นเมื่อกลีบปากถูกบดขยี้จนบอบช้ำ

    ลมหายใจที่คลอเคล้าด้วยกลิ่นความมึนเมาเป่าลงบนใบหน้าเธอ ทำให้เธอเห่อร้อนด้วยความเขินอายตรงแก้มทั้งสองข้าง

    "อะ...อื้อ" เธอครางอย่างอึดอัดในลำคอเมื่อใบลิ้นที่ร้อนเร่ารุกลึกเข้ามาสัมผัส มือที่ยกขึ้นดันไหล่กว้างก็ถูกกำไว้หลวมๆ อย่างสู้แรงไม่ได้

    หลังจากจูบอย่างดูดดื่มมากจนพอใจ นายหญิงผละออกไปเล็กน้อย แต่ยังใกล้มากพอที่จะถูไถปลายจมูกของเราเข้าด้วยกัน

    "ควรทำมากกว่านี้รึึเปล่า" ประโยคนี้...เหมือนจะเป็นคำถาม แต่ก็ไม่ใช่แน่ๆ

    "มะ..." เสียงของเธอถูกดูดกลืนไปเมื่อเห็นรอยยิ้มร้ายลึก

    "ควรสินะ"

    ยังไม่ได้ตอบเลย นายหญิงเอาแต่ใจจนไม่สนใจแม้แต่จะฟังคำตอบ

    "ข้ายังทำอาหารไม่เสร็จเลย" เธอเบนสายตาไปมองปลาที่ยังต้มอยู่ในหม้อ นางมองตามแล้วดับไฟที่กำลังลุกโชนให้มอดไปอย่างไร้เยื่อใย

    "พักไว้ก่อน"

    และความเอาแต่ใจของนางจบลงด้วยที่เราใช้เวลาอยู่ในห้องครัวมากกว่าสี่สิบนาที เธอที่โดนกระทำทั้งช้ำ เหนื่อย และเห่อร้อนไปทั้งตัว แต่ดูคนกระทำจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่

    ส่วนเหตุผลที่นางเลิกเสพสมตัวเธอเป็นเพราะว่าโดนท่านทาร่าตะโกนด่ามาแต่ไกลว่า 'คนตรงนี้หิวกันหมดแล้วนะ ไปเอาเหล้าหรือไปเอาน้ำอะไรกันแน่!!'

    คำพูดนั้นทำให้เธอยิ่งอายเข้าไปกันใหญ่เลยล่ะ ไม่กล้าสู้หน้าขุนพลอีกสองคนแล้ว

    "นายหญิงไปนั่งเถอะ เดี๋ยวข้านำอาหารไปให้" ไอริเอ่ยปากไล่นาง มือจัดอาหารที่ทำเสร็จแล้วถึงสองอย่างใส่จาน แต่เมื่อกำลังเปิดหม้อดูว่าปลาที่ต้มไว้สุกได้ที่แค่ไหน อาการมึนหัวอย่างรุนแรงก็เข้าแทรก

    เคร้ง!

    เธอปล่อยช้อนลงบนพื้น มืออ่อนแรง...

    หมับ!

    "เป็นอะไรรึเปล่า" นายหญิงคว้าตัวเธอที่ใกล้กระแทกพื้นเอาไว้ได้ทัน น้ำเสียงของนางฟังดูกังวล "ไม่ไหวก็พักเถอะ เรื่องอาหารเดี๋ยวข้าจัดการเอง"

    นี่คือผลข้างเคียงจากการมีอะไรที่หนักหน่วง ช่างน่าอึดอัด เหนื่อยล้า และไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัวจริงๆ

    "ไม่เป็นไรเพคะ เดี๋ยวข้าทำเอ...ง" เธอเงยหน้าสบกับดวงตาที่ดุดันเข้า

    "ไม่ได้" นางช้อนตัวเธอขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขน แล้วเดินออกจากห้องครัว เมื่อเราผ่านห้องโถงใหญ่ก็เห็นท่านมีน่ากับท่านทาร่าที่มองมาอย่างสงสัย

    "เกิดไรขึ้น" รายหลังถามอย่างไม่เข้าใจ

    แต่นายหญิงไม่ตอบ นางปิดปากเงียบจนกระทั่งเรามาถึงห้อง ที่นี่คือห้องของเธอ ส่วนห้องของนายหญิงอยู่อีกด้านนึงของคฤหาสน์ เรียกได้ว่าอยู่คนละฝั่งเลย

    เธอถูกวางลงบนเตียงนอนหนานุ่ม

    "พักผ่อนซะ"

    นายหญิงทิ้งท้ายคำพูดไว้หนึ่งประโยคก็เดินออกจากห้องไป

    ไอริไม่มีแม้แต่แรงจะใช้ความคิด ไม่ถึงหนึ่งนาทีเธอก็ผล็อยหลับอย่างรวดเร็วเพราะความอ่อนล้าที่สะสมมาทั้งวัน

    แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...กลางดึกคืนนั้นเธอถึงได้กลิ่นเมามาย ทำไมถึงสัมผัสได้ถึงร่างกายที่ร้อนมากของใครอีกคนบนเตียงนี้

    ร่างกายเธอถูกกดทับ เสื้อผ้าไม่อยู่กับตัวอีกต่อไป และเหตุการณ์ 'โดนรังแกอย่างไม่มีทางสู้' ก็เกิดขึ้นอีกหนึ่งครั้ง...





    - Butterfly -
    6th Warlord
    Cast By Juju ivanyuk



    - Airi -
    Leader of Dragon clan
    Cast By Seunghyo



    (จากบนซ้าย - ขุนพลลำดับที่สอง ทาร่า, ขุนพลลำดับที่หนึ่ง ลินดิส, ขุนพลลำดับที่สาม มีน่า)

    (จากล่างซ้าย ขุนพลลำดับที่สี่ เวเรส, ขุนพลลำดับที่ห้า ลิเลียน่า, ขุนพลลำดับที่หก บัตเตอร์ฟลาย)

    ขอบคุณพี่ซิกเลอร์สำหรับแฟนอาร์ตสวยๆ งับ > <
    ทวิตคนวาด งานสวยแบบนี้ต้องไปชมเยอะๆ
    Twitter : @NOTZiegler

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×