ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #31 : Black N Blue❖I called her 'heroine' 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 991
      65
      7 ก.พ. 63

    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: TOUCH IT TILL IT'S NUMB


    EPISODE04

    Alternative Universe 03I called her 'heroine'


    ผู้หญิงคนนั้น... เราเคยจับคู่กันในทินเดอร์

    ผู้หญิงคนนั้น... เปล่งประกายด้วยนัยน์ตาสีมรกต

    ผู้หญิงคนนั้น... ฮอตสุดๆด้วยริมฝีปากและลิ้นของเธอ

    และ 'ผู้หญิงคนนั้น' หายไปหลังคืนนั้นของเรา

    มาวันนี้... เมื่อเรื่องบังเอิญทำให้เธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้า ฉันถามออกไปด้วยใจที่แตกสลายว่า "มีแฟนอยู่แล้วเหรอ"

    "ยัง" 'ใครอีกคนนึง' ตอบกลับมา...


    Violet's Talk

    สองวันก่อนวันวาเลนไทน์

    @รัฐลอสแองเจลิส, สหรัฐอเมริกา

    [จะไม่มาพักด้วยกันจริงเหรอ]

    "อื้ม ไม่อยากรบกวน แค่ชวนมาเที่ยวก็ขอบคุณมากแล้ว"

    [เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหาได้มั้ย คิดถึงจัง]

    "ได้สิ" ฉันตอบเตียวเสี้ยน ระหว่างนั้นก็รับคีย์การ์ดจากพนักงานมาและกล่าวคำ 'ขอบคุณ' กลับไปเบาๆ ส่วนพนักงานหนุ่มที่คุ้นเคยหน้าฉันอยู่บ้างก็ยิ้มกลับมา

    หลังจากวางสาย มีเหตุผลอยู่สองข้อที่ฉันไม่ยอมไปพักกับญาติตัวเอง

    หนึ่ง เธออยู่กับครอบครัวของแฟน

    สอง ฉันมีความหลังกับที่นี่

    เมื่อสามปีก่อนฉันเคยมาที่นี่เพื่อพบผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบมากในทินเดอร์ และยิ่งชอบขึ้นไปอีกหลังจากเราได้ทำความรู้จักกัน ฉันยังไม่คิดว่ามันเป็นความรัก จนกระทั่งเรามีเซ็กซ์กันและเธอหายไป

     ฉันดูเป็นคนที่ติดเที่ยวในสายตาคนอื่น เพราะฉันกลับมาที่นี่ทุกปีหลังจากนั้นโดยใช้ข้ออ้างกับพ่อและแม่ว่าอยากมาเที่ยว

    หลังขึ้นมาบนห้อง ฉันที่เดินทางมาเหนื่อยก็มองนาฬิกา พบว่าเป็นเวลาห้าทุ่มกว่าเลยตัดสินใจนอนพักผ่อน แต่ฉันนอนไม่หลับ ตอนตีสามเผลอก็ตื่นขึ้นมาอีก เลยตัดสินใจลงไปหาอะไรกินที่บาร์เปิด 24 ชั่วโมงของโรงแรม

    แต่ฉันเจอใครบางคนที่ลิฟท์เสียก่อน เสี้ยวด้านข้างของ 'ผู้หญิงคนนั้น' ทำให้ฉันใจหล่นไปกองอยู่ที่ปลายเท้า

    ไม่มีทาง...

    'นาตาเลีย ทิมเบอร์ตัน' หันมามองฉันเหมือนรู้ตัวว่าถูกมองอยู่ นัยน์ตาสีมรกตดูแปลกใจที่เห็นฉัน ขณะเดียวกันข้างกายของเธอก็มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนเหม่ออยู่

    ประตูลิฟท์เปิดออก เธอดันหญิงสาวคนนั้นเข้าไปในลิฟท์แต่ไม่ได้เข้าไปด้วย

    "ลงไปรอข้างล่าง เดี๋ยวตามไป" เธอพูด แต่ไม่ได้พูดกับฉัน

    หลังจากที่คิดว่ามีแค่เธอกับฉัน ฉันถามออกไปด้วยใจที่แตกสลายว่า

    "มีแฟนอยู่แล้วเหรอ"

    เสียงสะท้อนดังขึ้น 'ตึก ตึก' ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นเสียงหัวใจที่เต้นระทึกของฉัน แต่ที่จริงแล้วกลับมี 'ใครอีกคนนึง' เดินมาจากด้านหลัง

    "ยัง" คนคนนั้นตอบคำถามฉัน...

    ฉันจำเสียงนั้นได้ดีไม่มีวันลืม


    "นาตาเลีย เธอคิดว่าเธอจะกกผู้หญิงคนนั้นไว้ได้อีกกี่วัน" เสียงหงุดหงิดไม่คุ้นเคยดังขึ้นในห้องพักแห่งนี้ มันน่ารำคาญและปลุกให้ฉันตื่นขึ้นจากความฝัน

    "นานเท่าที่ต้องการ" นาตาเลียพูดอย่างราบเรียบ ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร

    ฉันลืมตาขึ้นมานิดหน่อย คิดว่ายังเช้ามากอยู่และอยากนอนต่อ

    "กี่วัน!" เสียงนั้นตะคอก

    "ทำไมถึงเป็นเดือดเป็นร้อนนักล่ะ" นาตาเลียยกมือขึ้นกอดอก ฉันเห็นมันจากเงาสะท้อนในกระจกของหน้าต่าง

    คู่สนทนาของนาตาเลียเป็นผู้หญิงตัวสูง สวย และมีใบหน้าที่ไม่เชิงเข้มเหมือนคนยุโรป แต่ก็ไม่อ่อนเหมือนคนเอเชีย แต่ฉันมองไม่เห็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างอื่น

    ฉันพยายามข่มความง่วงและเพ่งมอง จนสุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็ดันมาสบตากับฉันผ่านกระจกที่ฉันมองเธอ

    เธอเบือนหน้าหนีเหมือนฉันเป็นแค่อากาศธาตุที่ไร้ค่าและไม่น่าสนใจ

    "ฉันไม่ชอบผู้หญิงคนนี้... แค่เห็นหน้าก็เกลียดแล้ว" ผู้หญิงคนนั้นตอบนาตาเลีย

    เพราะฉันคิดว่าเธออยากให้ฉันได้ยิน ฉันก็เลยจะไม่ฟัง ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร แต่เราไม่รู้จักกัน ฉันไม่จำเป็นต้องแคร์

    ฉันหลับต่อและได้ยินเสียงนาตาเลียไม่ชัด...

    "อื้ม วันนี้ก็ได้..."


    ถึงจะแค่การมองเห็นที่ไม่ชัดในกระจกบานนั้น แต่...

    'เทล อันนาส ทิมเบอร์ตัน' ญาติคนสนิทของนาตาเลีย

    "ฉันโสด" ผู้หญิงที่บอกว่าแค่เห็นหน้าก็เกลียดฉันเข้ากระดูกดำพูดกับฉัน

    "ฉันไม่ได้ถามเธอ" ฉันเบือนหน้าหนีเมื่อเธอเดินผ่านไปหานาตาเลีย

    ไม่เคยคิดจะถามและไม่เคยคิดอยากคุยด้วย

    "ใช่ เธอถามนาตาเลีย" อันนาสพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ

    "พี่ยัง" ในที่สุดนาตาเลียก็ตอบคำถามฉันมา สายตาเธอที่มองมานิ่งสงบ ส่วนฉันกำโทรศัพท์กับกระเป่าตังค์ที่ถืออยู่แน่นขึ้น

    "ไปเถอะนาตาเลีย กลับบ้านไปซะ" อันนาสเอ่ยปากพูดด้วยรอยยิ้ม ฉันตาฝาดไปเองแน่ที่เห็นว่าสายตาที่ใช้มองนาตาเลียมีความอำมหิตแฝงอยู่ภายใน มันเป็นสายตาที่ฉันไม่เคยเห็นจากใครมาก่อน

    นาตาเลียหันหลังเดินกลับไป ส่วนฉันมีคำถามที่อยากถามอีกเยอะ มือเลยเผลอยื่นไปเพื่อจะจับแขนของเธอไว้ แต่อันนาสไม่ปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น

    หมับ!

    เธอจับข้อมือฉันด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างยกขึ้นปิดปากหาว

    "เธอคุยกับนาตาเลียไม่ได้ คุยกับฉันแทนแล้วกัน" อันนาสโน้มมากระซิบข้างหู เธอกดลิฟท์อีกตัวที่นาตาเลียไม่ได้ใช้ "ถ้าเธอกล้าคุยกับฉัน เราลงไปหาอะไรกินที่บาร์ด้วยกันได้"

    "แล้วถ้าฉันไม่กล้าล่ะ" ฉันพูดเสียงขรึม ระวังตัวจากผู้หญิงคนนี้พอสมควร

    "เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ เธอต้องกลัวฉันด้วยเหรอ"

    ฉันไม่คิดว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้

    ไม่คิดว่าเราจะนั่งคุยเฉยๆแบบคนรู้จักกันได้

    "มันไม่ใช่ความกลัว แต่มันคือความเกลียด" ฉันกระซิบ เพราะเธอเคยพูดว่าเกลียดฉันต่อหน้าฉัน ตอนนี้ฉันก็กำลังทำแบบนั้น

    จู่ๆเธอก็ยิ้มออกมาอย่างเงียบเชียบหลังได้ยินคำพูดฉัน

    โรคจิต

    ฉันขมวดคิ้วแล้วเตรียมหันหลังกลับเข้าห้อง ล้มเลิกความคิดจะลงไปนั่งบาร์แล้ว

    "เธอชื่อไวโอเล็ต คิงสตันใช่มั้ย" อันนาสปรายตามองโลโก้ K.S บนเสื้อฉัน ที่จริงแม่ของฉันเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าชั้นแนวหน้า เสื้อผ้าที่ฉันใส่เลยได้รับอิทธิพลมา

    ฉันหันไปเผชิญหน้ากับเธอ

    "แค่เดินลงลิฟท์ไปไม่ได้ยากหรอกอันนาส" ฉันไล่

    "..."

    "..."

    เรามองหน้ากัน แล้วเธอก็เปิดปากก่อน

    "เราเกลียดกัน แต่ทำความรู้จักกันไม่ได้เหรอไง?" เธอถาม สายตาเย็นเฉียบ "ไม่แน่เธออาจจะชอบฉันก็ได้"

    "เหอะ" ฉันพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดกับคำพูดนั้น "งั้นไปก็ไป"

    ฉันตัดสินใจ และเดินชนไหล่อันนาสไปกดลิฟท์ แอบเห็นริมฝีปากเธอที่ลอบยิ้มอยู่

    "แต่อย่าคิดว่าไปเพราะอาจจะชอบเธอ" ฉันกระซิบเมื่อเราเข้ามาอยู่ในลิฟท์ด้วยกัน

    อันนาสยิ้มล้อเลียน "ฮึ ไม่กล้าคิดหรอก"

    หลังจากเรามานั่งอยู่ที่บาร์ด้วยกันก็พบว่าคนไม่เยอะนักหรอก มีทั้งแขกที่พักและไม่ได้พัก อันนาสแค่บอกว่าบาเทนเดอร์ของที่นี่มิกซ์เหล้าเก่งเลยมีคนแวะเวียนมาตลอด ฉันสั่งเครื่องดื่มหลังจากนั่งลงที่โต๊ะ

    อันนาสเป็นคนเลือกโต๊ะ ไม่ใช่มุมอับ และไม่ได้อยู่ในสายตาจนเกินไป ตรงนี้เสียงดนตรีเบาๆดังคลอชัดเจนด้วย

    "ชอบกินวอดก้าเหรอ ของแรงนะนั่น" เธอพูดเมื่อมองแก้วในมือฉัน ส่วนฉันไม่ตอบแล้วหันไปมองอย่างอื่น คนที่นั่งแถวๆนี้น่ามองกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉัน

    ไม่นานเมื่อเห็นว่าฉันไม่สนใจจะคุยด้วย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด

    ชั่ววูบนั้น ทันทีที่วอดก้าในแก้วหมดลงไป ฉันเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วเผลอมองสำรวจอันนาส เสี้ยวหน้าคมคายให้ความรู้สึกอ้างว้างแต่ก็น่าหวั่นเกรง เหมือนพวกนางราชสีห์อะไรแบบนั้น ดวงตาเธอไร้แววและดูเฉยชา

    ฉันเขี่ยพาสต้าในจานไปมาเพราะหมดอารมณ์อยากอาหารไปแล้ว

    "อยากไปข้างนอกมั้ย" อันนาสถาม

    เธอปรายตามองไปทางอื่น มองตามไปก็พบผู้ชายสามคนยืนเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน สองในสามจ้องมาทางนี้ด้วยท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตร

    "..." ฉันปรายตามอง ไม่ได้ตอบในทันที

    "แลกกับฉันจะเล่าเรื่องนาตาเลียบางเรื่องให้ฟัง เป็นไง?"

    "คิดว่าเรื่องแบบนั้นล่อลวงฉันได้จริงๆเหรอ" ฉันยังฟอร์ม ที่จริงมันก็น่าสนใจจริงๆ

    นาตาเลีย ทิมเบอร์ตัน... ผู้หญิงที่ฉันรู้จักแค่ผิวเผิน แต่ก็อยากรู้จักมากกว่านี้ ใจฉันบอกแบบนั้น

    "คิดว่าได้" วินาทีที่ฉันมองตาอันนาส ฉันเห็นความไม่พอใจในดวงตาเธอ ราวกับเธอก็ไม่ได้อยากใช้เรื่องนี้มาดึงความสนใจฉัน ถึงฉันจะไม่รู้ว่าเธอทำไปทำไมก็เถอะ

    "งั้นก็ได้" ฉันเป็นฝ่ายเหยียดยิ้มบ้าง ถึงจะยังเดาไม่ออกว่าทำไมอันนาสถึงต้องเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูดเพื่อให้ฉันไปกับเธอ แต่ก็รู้สึกดีที่เธอเหมือนจะหงุดหงิดเมื่ออยู่ใกล้ฉัน

    เมื่อเช็คบิลเดินออกมาด้วยกัน อันนาสไม่แม้แต่หันไปมองกลุ่มชายหนุ่ม ฉันตามออกมาจนถึงหน้าโรงแรมแล้วเอ่ยปากถาม

    "แล้วเราจะไปไหน"

    เธอยักไหล่

    "ไม่รู้ ฉันไม่ได้คิดแผนอะไรไว้เป็นพิเศษ"

    "แล้วก่อนหน้านี้คิดจะไปไหน?" ฉันย่นคิ้วขณะมองแผ่นหลังเธอที่เดินนำหน้า ตอนตีสาม... จู่ๆฉันก็ต้องมาเดินอย่างไร้จุดหมายกับคนที่แทบไม่รู้จักเลย

    "กลับคอนโด หาอะไรดื่ม เตรียมนอนตอนเจ็ดโมง" เสียงนั้นยังแฝงแววขุ่นเคือง แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้โกรธ เหมือนกับว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ในหัวแล้วโมโหความคิดตัวเองอยู่มากกว่า

    "เจ็ดโมง?" ฉันทวน

    ไม่มีเสียงตอบรับ

    เรามาหยุดอยู่ที่สวนเล็กๆ ซึ่งเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ตรงข้ามเป็นเป็นร้านสะดวกซื้อแบบเปิด 24 ชั่วโมง

    "อย่ายุ่งกับนาตาเลียดีกว่า" อันนาสเปิดปากเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนฉันยืนห่างออกมาหน่อย กวาดสายตามองไปรอบๆ หาที่นั่งให้ตัวเอง ซึ่งสามารถคุยกับเธอได้แบบไม่ต้องนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน

    "ทำไม" ฉันถาม

    "ถือว่าเตือนแล้วกัน ผู้หญิงคนนั้นไม่มีแฟนก็จริง แต่..."

    "..." การเว้นจังหวะทำให้ฉันนึกถึงอะไรร้ายๆ

    "แต่ก็ใช่ว่าจะไม่โกหกนี่ จริงมั้ย" อันนาสพ่นลมหายใจรุนแรง

    ฉันจับโกหกเก่งนะ ตอนแรกเธอจะพูดอีกอย่างแน่ๆ แต่ก็เปลี่ยนใจ

    "ฉันไม่ได้มากับเธอเพราะอยากฟังเรื่องโกหก" ฉันขัด มองเข้าไปในดวงตาสีมรกตร้ายกาจและเย็นเยียบเหมือนสายน้ำใต้มหาสมุทร

    "ฉันไม่ได้โกหก" เธอโต้กลับ

    ฉันกำลังจะเถียง แต่สุดท้ายก็เลื่อนมือเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู

    เบอร์แปลกโทรเข้ามา...

    [กลับห้องได้แล้ว] ประโยคสั้นๆ น้ำเสียงอบอุ่น ไม่คุ้นหู แต่ไม่เคยลืม

    "นาตาเลีย?" ฉันพูดอะไรไม่ถูก นึกอะไรไม่ออก ได้แต่อ้าปากพะงาบๆพึมพำชื่อเจ้าของเสียงออกไปเท่านั้น

    [กลับห้องได้แล้ว ไวโอเล็ต] ปลายสายย้ำอีกครั้งก็ตัดสายไปเลย

    ฉันมองเบอร์ที่โทรเข้ามาอีกครั้งแต่ตัดสินใจไม่เมมมันเอาไว้ รู้สึกแปลกๆกับมันพอสมควร... คิดว่ามันไม่ใช่เบอร์นาตาเลีย

    "ต้องกลับแล้ว" ฉันหันไปบอกอันนาสแล้วหันหลังให้

    หมับ!

    มือเรียวบีบลงบนแขนของฉันแล้วรั้งไว้

    "เธอได้ฟังที่ฉันพูดบ้างมั้ย" คำพูดของอันนาสก็คงเกี่ยวกับเรื่องที่อย่ายุ่งกับนาตาเลีย

    ฉันไม่ได้หันไปมอง เพียงแค่ปล่อยให้คำตอบหลุดออกไปจากริมฝีปาก

    "ไม่ใช่เรื่องของเธอ"


    Annas's Talk

    "ถึงขนาดต้องกลับมาที่นี่เพื่อคุยกับฉันเลยเหรอ" เสียงเยาะเย้ยของนาตาเลียดังทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์ของทิมเบอร์ตัน

    ร่างผอมบางยั่วยวนของน้องสาวนอกสายเลือดนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา วางมาดเป็นราชินีผู้กุมทุกอย่างเช่นเคย

    นาตาเลีย ทิมเบอร์ตัน อยู่ในอันดับหนึ่งของแบล็คลิสต์ฉันมาตลอดหลายปี

    "หยุดยุ่งกับเด็กคนนั้นได้แล้ว" ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงรำคาญใจปนหงุดหงิด

    ความสัมพันธ์ของฉันกับนาตาเลียน่ะ เต็มไปด้วยความหลอกลวงที่ไร้ที่สิ้นสุด ตั้งแต่วันแรกที่แม่ฉันเสียและพ่อรับฉันมาอยู่ด้วย จริงอยู่ที่ฉันเป็นพี่สาวของนาตาเลียเพราะฉันเกิดก่อนเกือบปี แต่แม่น่ะเป็นเมียน้อย คนที่ได้สานต่อทุกอย่างของทิมเบอร์ตันเลยเป็นนาตาเลีย

    เพราะแบบนั้นฉันเลยเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ

    ถึงแม้เธอจะชอบตามใจฉันก็เถอะ

    นาตาเลียน่ะสันดานเสีย เธอชอบคิดว่าตัวเองควบคุมคนอื่นได้และทุกคนต้องตกเป็นรองเสมอ

    "ฉันต้องทำแบบที่เธอพูดด้วยเหรอ" เธอไม่มีอาการหัวเสียเหมือนฉัน แค่ระบายรอยยิ้มแล้วตอบกลับมาเท่านั้น

    "ชอบตามใจฉันไม่ใช่?" ฉันย้อน ยืนนิ่งๆแล้วโต้ตอบ ไม่อยากเฉียดใกล้คฤหาสน์หลังนี้เลย

    "ชอบปั่นหัวเธอด้วย" นาตาเลียหัวเราะหึ "พี่สาว"

    "อยู่ตรงนี้รู้สึกเหมือนอยู่ในนรกชะมัด กลับล่ะนะ" ฉันเหยียดตามองต่ำ พูดอะไรไปก็เสียเวลาเปล่าจริงๆ

    พูดกับนาตาเลียก็ยาก พูดกับเด็กคนนั้นก็ยาก

    จะอธิบายยังไงให้เข้าใจ... 'อยู่กับนาตาเลียไปก็รู้สึกเหมือนตกนรกตลอดเวลา' แต่ไวโอเล็ตไม่ฟังอะไรฉัน

    อคติที่ฉันเคยไปก่อไว้ในอดีตกลับมาเล่นงานได้อย่างเจ็บแสบ

    "เดี๋ยว" นาตาเลียรั้ง ฉันเหลือบมองเล็กน้อยแต่เท้าไม่ได้หยุดเดิน "ถ้าอยากจะหยุดฉัน ทำไมไม่บอกไปล่ะว่าทินเดอร์ตอนนั้นเป็นเธอที่เล่น ไม่ใช่ฉัน"

    "..."

    "ทำไมไม่บอกล่ะ ว่าที่คุยข้อความงุ้งงิ้งๆกันตอนนั้นเป็นเธอ"

    ฉันถอนหายใจ ไม่อยากพูดอะไรอีก เรื่องมันผ่านมานานแล้ว... ฉันชินแล้วที่นาตาเลียมักได้ทุกอย่างที่ควรเป็นของฉัน

    เด็กโง่คนนั้นควรเป็นของฉัน...

    ไม่ใช่ตอนนั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นตอนนี้







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×