ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #27 : Black N Blue❖I called her 'heroine' 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.45K
      50
      7 ก.พ. 63

    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: The Weeknd- The Hills | Fame On Fire


    EPISODE01

    Alternative Universe 03I called her 'heroine'


    Long Chan's Talk

    @ประเทศญี่ปุ่น


    ลิโป้ :: อย่าให้เจอ


    หลังจากเปิดโทรศัพท์มา ข้อความจากลิโป้เป็นสิ่งแรกที่เห็น ฉันวางพวกขนมและของกินที่เพิ่งซื้อมาไว้บนพื้นห้องก่อนนั่งลง ทบทวนสิ่งที่เห็นอีกรอบแล้วแค่นหัวเราะให้กับการข่มขู่ของเขา กว่าเขาจะตามมาที่นี่ ฉันก็ย้ายไปที่อื่นแล้ว

    ฉันชื่อหลงเตียวชาน แต่มีชื่อเรียกง่ายว่าเตียวเสี้ยน สถานะหนีออกจากบ้าน ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลและพ่อกับแม่คาดหวังให้ฉันแต่งงานกับลูกชายคนรองของตระกูลจาง แต่ฉันไม่ถูกชะตากับพวกขี้อวด ใช้กำลัง ถลุงเงินครอบครัวเป็นว่าเล่น และมีดีอยู่ไม่กี่อย่างแบบเขา แค่คิดว่าต้องทนทั้งชีวิต เลยเลือกหนีตั้งแต่ตอนนี้

    ลิโป้พยายามเข้าหาพ่อกับแม่ฉันตลอด พวกท่านเอ็นดูเขามาก เมื่อฉันหนีมาเลยเป็นลิโป้ที่พวกท่านคาดหวังว่าจะหาฉันเจอ

    พ่อกับแม่คิดว่าพวกเขารู้จักฉัน พวกเขาคิดว่าสามารถควบคุมฉันได้


    เตียวเสี้ยน :: มีผัวใหม่แล้ว ไม่ต้องตาม ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วย


    แต่พวกเขาก็แค่เคยทำได้...

    ฉันปิดเครื่องแล้วโยนมันไว้แถวๆฟูกนอน ที่ที่ฉันมาพักชั่วคราวและแอบเที่ยวไปในตัวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเก่าแก่ของญี่ปุ่น คนเยอะพอสมควร แต่ฉันเลือกจองโฮเต็ลไกลจากพวกย่านเดินเที่ยวกลางคืนอะไรแบบนั้น ราคาเลยถูก และไม่ค่อยมีคน

    "คุณหนู อาหารค่ำพร้อมแล้วค่ะ" เสียงของเจ้าของโฮเต็ลดังขึ้น ฉันขานรับแล้วเดินไปเลื่อนประตูไม้ให้เปิดออก เห็นเป็นคุณป้าอายุเยอะใส่ชุดยูกาตะ "ไม่ทราบว่าจะท่านในห้องหรือห้องอาหารคะ"

    "ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นหรอกค่ะ" ฉันยิ้ม "ส่วนเรื่องอาหารค่ำ หนูทานในห้องดีกว่าค่ะ"

    ที่นี่ลูกค้าไม่เยอะหรอก แต่ฉันก็ไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้นแหละ

    หลังทานอาหารค่ำเสร็จ ฉันวางถาดใส่อาหารไว้หน้าห้องเพื่อให้คนดูแลมาจัดการนำมันไปเก็บ มองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว รออีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงฉันคงได้ไปแช่ออนเซ็นแบบไม่ต้องร่วมบ่อกับใคร

    ระหว่างรอเลยหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูอีกรอบ เห็นเป็นข้อความลิโป้อีกแล้ว แต่ฉันไม่สนใจ เลื่อนไปดูเบอร์โทรเข้าออกเห็นเป็นชื่อพ่อกับแม่รวมกันเกือบสามสิบสาย นอกเหนือจากนั้นเป็นเบอร์ของเพื่อนสนิท ฉันโทรกลับไปทันที

    เสียงของไวโอเล็ตแหวมาตามสาย

    [หลงชาน หนีออกจากบ้านเหรอ!]

    "ประมาณนั้น อย่าเสียงดังสิ" ฉันกลัวว่าพ่อกับแม่ของไวโอเล็ตจะได้ยิน นอกจากจะเป็นเพื่อนสนิทแล้ว เธอยังเป็นญาติฉัน พ่อของเธอเป็นน้องชายพ่อของฉัน

    [ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครได้ยินหรอก ฉันแอบมาคุยคนเดียว] ปลายสายถอนหายใจ [จะไปทำไมไม่ปรึกษา เผื่อฉันไปด้วยได้ ไปสองคนจะได้ช่วยเหลือกัน]

    "ฉันไม่ได้อยากลากใครมาลำบาก" ฉันตอบแล้วเดินไปนั่งที่ระเบียงห้อง เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่สว่างไสวอยู่ท่ามกลางความมืด "ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงกลัวว่าพ่อกับแม่พวกเราจะอกแตกตายกันก่อน ลูกสาวกับหลานสาวหนีออกจากบ้านทั้งคู่"

    [แต่เธอก็ควรบอกกันก่อน] ไวโอเล็ตตำหนิกลายๆ

    "ขอโทษ" ฉันพูดได้แค่นั้น

    [ช่างมันเถอะ แล้วหนีไปแบบนั้นเธอจะกลับมาวันตรุษจีนมั้ย รวมญาติขนาดนั้นกลัวพ่อกับแม่เธอจะปิดญาติๆไม่ไหวว่าลูกสาวหนีออกจากบ้าน]

    "ฉันตอบไม่ได้ว่าจะกลับไปรึเปล่า อีกไม่ถึงสัปดาห์แล้ว" ฉันเผลอกำมือแน่น "จะเสียหน้าก็เสียไป เสียให้คุ้มค่ากับการที่ฉันโดนบังคับมาตั้งแต่เด็กแล้วกัน นี่ไม่ได้ตั้งใจจะเจ้าคิดเจ้าแค้นผู้มีพระคุณ แต่คิดแล้วมันก็ขมขื่นอยู่ดี"

    [เข้าใจ ดีหน่อยที่พ่อฉันได้แม่ฉันมาเป็นเมีย ไม่อย่างนั้นฉันคงปวดหัวไม่แพ้เธอ]

    แม่ของไวโอเล็ตเป็นคนอเมริกันลูกครึ่งรัสเซีย สวยอย่างกับนางแบบ

    "ดีใจด้วยแล้วกัน"

    [ไม่ต้องมาประชดประชัน เอาเป็นว่าฉันหวังว่าจะเห็นเธอวันนั้นนะ]

    "..." ฉันไม่ได้ตอบ

    [แล้วก็เรื่องที่เธอส่งข้อความมาหาลิโป้น่ะ หมอนั่นเพิ่งมาโวยวาย พ่อกับแม่เธอจะเป็นลมกันให้ได้ตอนได้ยิน ขอให้หาได้จริงๆแล้วกัน] ไวโอเล็ตหัวเราะขึ้นจมูก

    สายถูกตัดไป ฉันมองโทรศัพท์ เธอคงพูดถึงเรื่องผัวใหม่ที่ฉันเมคขึ้นมาเอง

    ถึงหูพ่อกับแม่แล้ว?

    ขี้ฟ้องไม่มีที่ตินี่ต้องยกให้ลิโป้

    ไปอาบน้ำดีกว่า

    ฉันลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง หยิบชุดนอนของตัวเองไปเพื่อเปลี่ยน ที่นี่เป็นห้องอาบน้ำแยกชายหญิง และส่วนในสุดก็เป็นออนเซ็น ฉันว่าจะไปแช่ออนเซ็นให้สบายใจก่อนแล้วค่อยมาจัดการอาบน้ำจริงๆจังๆทีหลัง

    เมื่อถอดเสื้อผ้าออกไปใส่ผ้าขนหนูที่ยาวเท่าขาอ่อนตัวเดียวเสร็จแล้ว ฉันเข้าไปข้างใน บรรยากาศค่อนข้างอบอุ่นเพราะบ่อน้ำพุร้อน

    เพราะอารมณ์อยากแช่น้ำ ฉันเดินเร็วๆเข้าไปก่อนเหยียบโดนอะไรบางอย่างจนตัวเองสะดุด ใจหายวูบเมื่อร่างเอนไปข้างหน้าและกำลังล้มลงไปในบ่อน้ำเพราะทรงตัวไม่อยู่ แต่กลับมีแขนของใครบางคนคว้าเอวฉันไว้

    หมับ!

    ฉันถูกกระชากเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเธอ

    ตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงสบถคำหยาบคายสำเนียงอเมริกันสุดเซ็กซี่

    นัยน์ตาสีเทาควันบุหรี่เหยียดต่ำลงมามอง มันดุดันจนไม่กล้าสบตาด้วย และฉันก็จำเธอได้ตอนที่เอวของตัวเองโดนบีบขย้ำไว้

    เซียร์ซี กอร์ดอน... ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

    "เธอเหยียบแขนฉัน" เสียงแหบต่ำกระซิบหงุดหงิด ร่างโปร่งที่ฉันกึ่งนั่งกึ่งนอนทับอยู่ขยับเล็กน้อย ทำให้เมื่อครู่ฉันรู้ว่าตัวเองสะดุดอะไร เพราะเธอดันมานั่งอยู่หลังก้อนหินใหญ่ ฉันเลยไม่เห็นว่ามีคน

    "ขอโทษค่ะ" ฉันพูดตามมารยาทและกำลังเลื่อนตัวออก แต่ติดที่แขนสองข้างของเซียร์ซียังพันรอบเอวเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

    เมื่อเหลือบมอง ก็พบว่าเธอกำลังหรี่ตาลง แล้วใช้สายตาดุๆพิจารณาฉันอยู่

    ฉันแตะมือของเธอเป็นเชิงบอกให้ปล่อย จังหวะนั้นเธอก็กลับยื่นมือมาบีบปลายคางของฉันแล้วบังคับให้เชิดขึ้น คิ้วเรียวย่นลงเล็กน้อยราวกับเธอกำลังพยายามจะนึกให้ออกว่าฉันเป็นใคร กลายเป็นว่ามีแค่มือข้างเดียวของเธอที่ยังคงกอดเอวฉันไว้

    "เซียร์ซี คุณควรปล่อยฉัน" ฉันกดปลายนิ้วลงบนมือข้างนั้น

    มือข้างนั้นคลายออกในที่สุด ฉันขยับออกมาจากร่างกายเธอ และเสียงของเธอก็ดังตามมา

    "เธอรู้จักฉันเหรอ" เซียร์ซี กอร์ดอน หญิงสาวอายุยี่สิบแปดปีที่ตอนนี้ติดอันดับสิบเก้าของมหาอำนาจของวงการธุรกิจโลก มันสมองของเธอเด็ดขาดและเฉียบแหลม วงศ์ตระกูลกอร์ดอนไม่เคยติดหนึ่งในห้าสิบด้วยซ้ำ แต่เมื่อลูกสาวคนโตอย่างเซียร์ซีรับธุรกิจต่อมา เซียร์ซีเป็นกระแสและเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ผลักดันทุกอย่างให้ไปสู่จุดที่ตึงเครียด

    ทำไมจะไม่รู้จัก... ในเมื่อพ่อกับแม่ของฉันเคยเครียดแทบตายตอนที่เซียร์ซีลงทุนในตลาดของจีน มันเหมือนกับว่าทุกอย่างตอนนั้นอยู่ในกำมือของเธอ

    ไม่เคยมีใครกล้าดูถูกเซียร์ซี พวกเขาลองกันมาหมดแล้ว ทั้งทดสอบหญิงสาวเช่นเธอว่าทำอะไรได้บ้าง ผลสรุปออกมาว่าเธอไร้ที่ติจนไม่สามารถโจมตีตรงๆได้ หลังจากนั้นคนพวกนั้นเลยเปลี่ยนไปเล่นงานในมุมอับแทน

    เซียร์ซี กอร์ดอนโจมตีโดยการเล่นสกปรกกลับ แถมยังตีแผ่จนเป็นข่าวครึกโครมอยู่พักนึง

    ฉันพยักหน้าแทนการตอบ แล้วเธอก็เหมือนนึกขึ้นได้

    "ไม่นึกว่าเด็กแบบเธอจะดูข่าวธุรกิจ" มือของเธอถูกยกขึ้นมากระชับผ้าขนหนูผืนน้อย สงสัยมันคงเกือบหลุดตอนกอดฉัน ริมฝีปากอวบอิ่มเหยียดขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่ไม่ว่าจะยิ้มยังไง มันก็ไม่ได้ทำให้เธอดูเป็นมิตรขึ้นมาเลย "ว่าแต่เธอ..."

    "..." ฉันเลิกคิ้ว

    "หน้าคุ้นๆ"

    "เราไม่เคยเจอกัน" ฉันปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด สถานการณ์ที่เฉียดใกล้ที่สุดของเราคือเมื่อสามปีก่อน วันที่เซียร์ซีมาร่วมงานประมูลที่จีน ฉันถูกพ่อกับแม่พาไปเหมือนกัน ถึงเธออาจจะเคยเห็นหน้าฉันผ่านๆ แต่แปลกที่เธอยังจำได้

    "แสดงว่าเคย" เซียร์ซีทำสีหน้าเบื่อหน่าย "นึกออกแล้ว..."

    "..."

    "ใช่คุณหนูตระกูลหลงมั้ย"

    ฉันเกร็งไปทั้งตัวเมื่อโดนมองออกทะลุปรุโปร่ง

    "แล้วพ่อกับแม่เธอปล่อยมาเที่ยวง่ายขนาดนี้เลย ลูกสาวคนเดียวไม่ใช่?" เธอถามต่อเป็นวรรคเป็นเว้น แสดงท่าทีสงสัยเพียงแวบเดียวเท่านั้น เธอคงมองออกแล้วว่าคนที่ถูกจับตามองเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างฉันหนีออกจากบ้านมา นัยน์ตาสีเทาควันบุหรี่เงยมองดวงจันทร์และเงียบไป

    "คิดว่าอยากรู้เรื่องคนอื่นแล้วตัวเองจะไม่เล่าก็ได้เหรอคะ" ฉันถอนหายใจ นิสัยที่ซักถามเรื่องคนอื่นแต่ตัวเองปริปากเงียบนี่ไม่แฟร์เลย "คุณมาทำอะไรที่นี่"

    "เที่ยวพักผ่อน เลือกโฮเต็ลนี้เพราะดูไม่น่าจะมีใครรู้จักฉัน" เซียร์ซีตอบ ไม่ปิดบัง "และเลือกที่จะแช่บ่อน้ำพุร้อนตอนดึกเพราะคิดว่าคงไม่มีใครมาแช่หรอก"

    ฉันเม้มริมฝีปาก ขณะที่ความคิดตัวเองคงตรงกับความคิดเธอ

    แล้วเราก็บังเอิญมาเจอกัน...

    "แล้วอะไรทำให้เธอหนีมา" นัยน์ตาสีเทาเกรี้ยวกราดสะกดฉันไว้อยู่หมัด

    "เพราะถูกจับคู่" ฉันพึมพำ

    เซียร์ซีพยักหน้า เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปภายใน คิดว่าคงไปอาบน้ำ ปล่อยให้ฉันนั่งแช่ออนเซ็นอยู่คนเดียว เวลาผ่านไปสักพักจนฉันคิดว่าเธอน่าจะอาบน้ำเสร็จแล้ว ฉันลุกขึ้นแล้วเข้าไปข้างในบ้าง

    แต่เซียร์ซียังอยู่

    แผ่นหลังเปลือยเปล่าที่มีรอยสักรูปแมงป่องชัดเจนในสายตา ผิวขาวเนียนชวนให้ลูบไล้ เธอไม่ได้หันมามองฉันระหว่างถูสบู่ไปตามสัดส่วนของตัวเอง

    ฉันข่มใบหน้าที่แดงจัดของตัวเองไว้แล้วหันเดินไปอีกฟาก จัดการเปิดฟักบัวแล้วปล่อยให้มันรดลงบนศีรษะทั้งๆที่ยังไม่ได้ถอดผ้าขนหนู

    ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆนั้น เซียร์ซีมายืนอยู่ด้านหลังโดยที่ฉันไม่รู้สึกตัว เธอยื่นมือผ่านฉันไป ทาบลงบนผนัง

    ฉันเหลือบไปมอง พยายามไม่คิดอะไรมาก

    "ฉันช่วยเธอได้นะ" เธอพูดประโยคนั้นออกมา พร้อมกับที่ฉันรู้สึกถึงสันมือที่ฟาดลงบนต้นคอ โลกดับวูบลงอย่างรวดเร็ว


    หลังจบประโยค 'ฉันช่วยเธอได้นะ' เมื่อคืน สิ่งที่ฉันรับรู้ได้หลังจากตื่นคือร่องรอยทั่วตัวที่ชวนให้ปวดหนึบ ร่างกายเปลือยเปล่าตั้งแต่หัวจรดเท้า มีแค่ผ้าห่มเท่านั้นที่คลุมอยู่ แต่เดาว่าเซียร์ซีคงเห็นทุกซอกทุกมุมไปแล้ว

    คิดว่านี่เป็นห้องของเธอ โทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้หมอนเองก็คงเป็นของเธอด้วย มันเปิดให้ฉันเห็นถึงข้อความล่าสุดที่เธอส่ง

    ข้อความที่ส่งไปหาลิโป้ มันเป็นรูปของฉันตอนที่กำลังหลับ... เป็นรูปหน้าท้อง ที่มีแต่รอยแดง

    ฉันสูดลมหายใจลึก ไม่ว่าเธอไปสรรหาเบอร์ลิโป้มาจากไหน แต่ฉันไม่อยากรู้

    ฉันไม่สนว่าตัวเองจะเปลือยเปล่าอยู่รึเปล่า

    ฉันลุกขึ้นไปหาเซียร์ซีที่กำลังดื่มกาแฟอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    แล้วประเคนฝ่ามือลงไปบนใบหน้าร้ายกาจเต็มแรง

    "นี่คุณคิดว่าคุณเป็นใครถึงมาทำแบบนี้" ฉันถามอย่างโกรธเคือง

    เซียร์ซีถ่มน้ำลายที่ปนไปด้วยเลือดสดๆลงไปในแก้วกาแฟ นัยน์ตาสีเทาควันบุหรี่ให้ความรู้สึกเหมือนเธอกำลังกลืนกินฉันทีละน้อย "ก็ผัวใหม่เธอไง"

    "..."

    "Lunar New Year เตรียมพาฉันไปพบพ่อกับแม่ได้เลย"

    หลังจากนั้น... เซียร์ซีทำให้ฉันรู้ว่าผัวที่นิสัยร้ายกาจที่สุดในโลกเป็นยังไง


    "เดินเข้าไป เธอกลัวอะไร" เสียงแหบต่ำทำให้ฉันเริ่มไม่พอใจพิกล มือเรียววางลงบนไหล่ของฉันอย่างถือวิสาสะขณะดันให้ฉันเดินเข้าไปในบ้านของฉันเอง

    วันนี้เป็นวันตรุษจีน รถที่จอดเรียงรายอยู่บอกเลยว่าญาติๆมากันเยอะแค่ไหน

    หลังจากวันนั้นเซียร์ซีไม่เคยเข้าใกล้ฉันอีกเลย ไม่เคยแตะตัว แทบจะไม่เคยพูดด้วย แต่เธอคุมฉันอยู่เงียบๆ ว่าฉันห้ามหนีไปไหนเด็ดขาด เธอจองตัวเครื่องบินไว้สองใบแล้วเราก็บินมาจีนก่อนวันตรุษจีนวันนึงแล้วอยู่ค้างที่โรงแรม

    "คุณถามมาได้ยังไงว่าฉันกลัวอะไร" ฉันว่าเสียงติดโมโหปนกังวล "คุณไม่มาเป็นฉันคุณไม่รู้หรอก"

    "เธอไม่มีอะไรต้องกลัว" เซียร์ซีเลื่อนมือที่ไหล่ลงมากุมมือฉันแทน "เธอมีฉันอยู่ตรงนี้"

    ฉันเม้มริมฝีปากแล้วผ่อนคลายท่าทีของตัวเองลง พยายามทำตัวสบายๆระหว่างที่เดินเข้าไปในบ้าน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอทำให้ฉันสบายใจขึ้นนิดหน่อย

    เมื่อเราเดินเข้าในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ด้วยกัน ฉันตัวลีบเหลือสองนิ้วเมื่อสายตาญาติๆหันมามองโดยพร้อมเพรียง หนึ่งในนั้นมีไวโอเล็ตนั่งอยู่ด้วย นัยน์ตาสีดำที่ซุกซนมองมาราวกับมีเรื่องสนุกให้ชม

    แต่สายตาที่มองมา... เหมือนกำลังไม่ไว้วางใจเสียมากกว่า แถมเอนเอียงไปทางหวาดกลัวด้วยซ้ำ

    "มองทำไมคะ คุยกันไปสิ ไม่ได้พกปืนมายิงใคร" สำเนียงอเมริกาแท้ของเซียร์ซีน่าฟังและนุ่มลึกอยู่เสมอ แต่ประโยคที่พูดออกไปไม่ได้น่าฟังเลย อาจเพราะรัศมีความน่ากลัวที่แผ่อยู่รอบตัวผู้หญิงคนนี้ก็ได้ที่ทำใจให้สบายไม่ลง หากไม่ได้เป็นนักธุรกิจ เธอคงผันตัวเองเข้าหนทางมาเฟียก็เป็นได้

    ฉันกล่าวสวัสดีญาติๆเป็นภาษาจีน แล้วเลยไปมองทางพ่อกับแม่ที่นั่งหน้าอึมครึมอยู่ตรงหัวโต๊ะ

    เซียร์ซีวางตัวสบายเหมือนเป็นบ้านตัวเอง เธอดึงให้ฉันไปนั่งลงข้างไวโอเล็ตแล้วตัวเองก็นั่งลงข้างๆฉันด้วย

    เธอไม่ได้กินอะไร แค่นั่งอยู่เฉยๆแล้วมองไปรอบๆเท่านั้น ส่วนฉันเองก็ไม่ได้แตะอาหารบนโต๊ะ วินาทีนั้นไวโอเล็ตดึงฉันให้เขยิบไปใกล้แล้วกระซิบ

    "ไปทำกันอีท่าไหนล่ะนั้น?" เสียงของเพื่อนสนิทกวนประสาทเอาเรื่อง "รูปที่ส่งมานี่รอยเต็มท้อง ถามจริง... วางโทรศัพท์ฉันเสร็จเธอก็ไปเจอเซียร์ซี กอร์ดอนเลยเหรอไง ผิดคาดอยู่เหมือนกันที่หล่อนยอมเล่นกับเธอ"

    "เล่นบ้าไรล่ะ ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันได้มั้ย" ฉันหยิกแขนไวโอเล็ตแรงๆหนึ่งครั้ง

    "อีกสิบนาทีไปเจอกันห้องครัว" เธอนัดทันที

    "ไปไม่ได้" ฉันส่ายศีรษะ "ทิ้งคุณเซียร์ซีไว้ตรงนี้เดี๋ยวก็เป็นเรื่องพอดี"

    ฉันพูดเรื่องจริง ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ทั้งเซียร์ซีและพ่อกับแม่ รวมถึงญาติๆด้วย

    "ก็เอาไปซ่อนไว้ในห้องก่อนสิ" เธอขมวดคิ้ว

    "ไม่ใช่ความคิดที่ดีเหมือนกัน" ฉันกัดฟันตอบกลับไป ไม่อยากให้เธอรุกล้ำไปถึงอาณาเขตห้องนอน กะว่าจะไล่เธอกลับไปนอนโรงแรมอยู่

    ทุกคนเข้าใจว่าเราเป็นคนรักกันไปแล้ว แต่จริงๆมันใช่เหรอไง?

    "ให้ตายเถอะ จะตัวติดกันตลอดเลยเหรอไง"

    ไวโอเล็ตดันเข้าใจไปอีกแบบซะได้

    "เปล่า!" ฉันเลยกระแทกเสียงใส่ ตัดจบบทสนทนาไปแค่นั้น

    ดูเหมือนว่าเซียร์ซีเองก็มองสำรวจบ้านในมุมนี้จนพอใจแล้วเหมือนกัน เธอถึงเปรยคำพูดขึ้นมาเป็นภาษาที่ไม่มีใครฟังออก น่าจะภาษากรีก

    ณ ที่นี้ มีแค่แม่ของฉันเท่านั้นที่พูดและฟังภาษากรีกได้

    "Πρέπει να μιλήσουμε ο ένας στον άλλο. Σκεφτείτε, κυρία?"

    "..." ทุกคนมองเซียร์ซีด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่เซียร์ซีไม่สนใจ เธอมองตรงไปยังแม่ของฉันด้วยสายตาเฉียบคม

    "Είστε κολλημένοι μαζί μου"

    "เซียร์ซี" ฉันขัดเธอเอาไว้ กระตุกมือเรียวให้หยุดพูดได้แล้ว นัยน์ตาสีเทาควันบุหรี่หันมามองฉัน "คุณพูดอะไรอยู่"

    ฉันรู้ว่ามันเป็นความลับตั้งแต่เธอจงใจพูดเป็นภาษาอื่นแล้ว แถมพูดภาษาที่มีแม่คนเดียวที่รู้มันอีกต่างหาก แต่ฉันก็จงใจถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ หากแม่ตอบกลับแล้วทั้งคู่มีปัญหาแล้วเถียงกันเป็นภาษากรีก คงปวดหัวตาย

    "ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไร" เธอยกมือขึ้นลูบหัวฉัน

    ทีอยู่กันสองคนไม่เห็นจะอ่อนโยนแบบนี้

    "เตียวเสี้ยน" แม่เรียกฉัน

    "คะ?" ฉันสะดุดแล้วดึงมือของเซียร์ซีออกจากผมของตัวเอง

    "ไปจัดห้องให้พี่เค้าสิลูก"

    'พี่เค้า' ที่ว่ายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยที่มุมปาก ราวกับว่าคำพูดเมื่อสักครู่มันส่งผลแล้ว

    "ไม่เป็นไรค่ะ" ครั้งนี้เซียร์ซีตอบกลับเป็นภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว "เดี๋ยวฉันนอนห้องเตียวเสี้ยนเอง ไม่ต้องเสียเวลาหรอกค่ะ"

    ฉันแอบเห็นพ่อแสดงสีหน้าโกรธอยู่แวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันมาพูดกับฉัน

    "เดี๋ยวลิโป้จะมาที่บ้านเรา เราก็ไปต้อนรับพี่เค้าด้วยนะลูก"

    สายตาเซียร์ซีลุกวาวทันทีที่ได้ยินชื่อของลิโป้ แม่หันไปตีแขนพ่อแล้วพึมพำอะไรกันสองคน ในขณะที่ฉันรู้สึกว่าร่างกายของเซียร์ซีเกร็งขึ้นอย่างกะทันหัน

    พ่อนะพ่อ จะจงใจพูดให้นางเสือได้ยินทำไม

    "เมื่อวานนอนไม่พอไม่ใช่เหรอ ขึ้นไปนอนได้แล้ว" เซียร์ซีเอ่ยปากไล่ ส่งสายตาไปหาไวโอเล็ตให้พาฉันไป ส่วนเพื่อนตัวดีก็ยิ้มร่าเพราะอยากคุยกับฉันอยู่ก่อนแล้ว พอสบโอกาสก็เลยรีบดึงแขนฉันให้ลุกตรงไปยังห้องนอนทันที

    "เดี๋ยวสิ!" ฉันกำลังเอ่ยปากห้าม

    "มาเถอะเตียวเสี้ยน ปล่อยคุณเซียร์ซีไว้ตรงนั้นยังไงก็ไม่มีใครทำอะไรหล่อนได้อยู่ดี เธอต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเค้า"

    "..."

    "ถ้าไม่มีคุณเค้ามาด้วยคิดเหรอว่าพ่อกับแม่เธอจะนิ่งอยู่แบบนั้น"

    "ก็คงไม่..."

    "งั้นก็เชื่อใจคุณเซียร์ซีเถอะ เป็นคนรักกันไม่ใช่เหรอ" จบประโยคนั้น ฉันโดนลากเข้าไปในห้องนอนทันที


    Searcy Gordon's Talk

    ฉันคอยช่วยแม่ของเตียวเสี้ยนรับแขกอยู่หลายชั่วโมง เด็กสาวที่ไปกับเตียวเสี้ยนลงมาแล้ว เธอบอกฉันว่าเตียวเสี้ยนหลับอยู่ เมื่องานเลี้ยงเลิกราและทุกคนกลับไป ฉันเดินตามแม่ของเตียวเสี้ยนขึ้นไปยังห้องทำงานของเธอ

    ไม่สิ เรียกว่ามาดามหลง จะดีกว่า

    มาดามหลงเดินไปยังโต๊ะทำงานแล้วหยิบบุหรี่ออกมายื่นให้ฉัน เธอจุดสูบ ส่วนฉันก็รับไฟแช็คมาจุดสูบบ้างตามมารยาท

    ส่วนประโยคภาษากรีกที่ไม่มีใครฟังออกนอกจากเธอนั้น มันมีใจความว่า

    'ฉันคิดว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะคะ มาดาม'

    '...'

    'เรื่องที่คุณติดค้างพ่อของฉันไว้'

    "ทำไมเธอถึงยังรื้อฟื้นมันขึ้นมาอยู่" มาดามหลงเกริ่นเสียงเรียบ

    "เพราะมันเป็นความต้องการของพ่อฉันไงคะ" ฉันคีบบุหรี่ด้วยปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลาง สบตากับเธอจากตรงนี้ "คุณสัญญาว่าตระกูลของเราต้องเกี่ยวดองกัน ด้วยลูกของคุณ กับลูกของพ่อ"

    "..."

    "แต่คุณไม่ทำตามสัญญา คุณทิ้งเพื่อนสนิทของคุณในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดของเขา"

    "เธอจะให้เตียวเสี้ยนแต่งงานกับเธอเหรอไง" มาดามหลงถามอย่างสงบ นัยน์ตาคู่นั้นมีความแข็งกร้าวแอบแฝงอยู่ ฉันเหยียดยิ้มเมื่อเห็นมัน

    "พ่อไม่ได้บอกสักหน่อยว่าต้องเป็นลูกคนโตเท่านั้น คุณกีดกันเพราะรับไม่ได้ตั้งแต่เตียวเสี้ยนเกิดมาเป็นผู้หญิง เพราะตอนแรกคุณมั่นใจมาก ว่าคนที่จะได้แต่งงานกับฉันต้องเป็นลูกชายของคุณ คุณพยายามหนักมากเพื่อให้ได้ลูกชาย แต่น่าเสียดายนะคะ ที่อะไรๆมันก็ไม่ได้ดั่งใจคุณเลย"

    เพราะตอนที่พ่อกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง หลังจากเขว่ไปเพราะถูกเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งเกือบยี่สิบปีอย่างมาดามหลงทิ้งไปง่ายๆ

    เขาก็มีลูกชาย

    น้องชายของฉันชื่อว่า จัสติน คริกแนค กอร์ดอน

    "ใช่ ทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมด" มาดามหลงยอมรับ "แล้วเธอจะกลับมาแก้แค้นอะไรเอาตอนนี้ ตอนที่ฉันจะยกเตียวเสี้ยนให้ลูกชายตระกูลจาง"

    "ไม่ได้กลับมาแก้แค้นสักหน่อย" ฉันส่ายศีรษะอย่างละเหี่ยใจ "เรียกว่ากลับมาทวงสัญญาจะดีกว่าค่ะ"

    "..."

    "และคุณจะไม่มีโอกาสยกเตียวเสี้ยนให้ใครทั้งนั้น เธอเป็นของฉัน"

    "นี่เธอคิดว่าเธอเป็นใครถึงได้มาสั่งฉัน!" มาดามหลงเลือดขึ้นหน้าจนได้ เธอคงไม่ยอมง่ายๆอย่างที่คิดจริงๆ "คิดเหรอว่าแค่เธอบังเอิญไปเจอเตียวเสี้ยนตอนที่ลูกสาวฉันหนีออกจากบ้านไปจะทำให้เธอมีสิทธิในตัวลูกสาวฉันมากกว่าฉัน..."

    "คิดจริงๆเหรอคะว่ามันคือเรื่องบังเอิญ" ฉันขัด "ไม่คิดอีกแบบเหรอคะว่าฉันจับตาดูลูกสาวคุณอยู่ตลอด"

    "ว่าไงนะ" เธอหน้าซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด

    "ถึงคุณยังไม่ยอม แต่ฉันก็มีวิธีอีกเยอะที่จะทำให้เตียวเสี้ยนยอมเป็นของฉัน"

    "..."

    "จำไว้นะคะมาดาม" ฉันขยี้ปลายบุหรี่ที่สูบจนเกือบหมดมวนลงบนที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะทำงานของเธอ "ต่อให้เตียวเสี้ยนหนีไปในที่ที่ไม่มีใครหาพบ มันก็จะเป็นฉันคนเดียวที่หาเธอเจออีกครั้ง... และอีกครั้ง"

    "..."

    "หากยังไม่มีชื่อฉันกับเธออยู่บนทะเบียนสมรส การตามล่านี้ก็จะไม่มีวันจบ"

    "..."

    "ฉันให้เวลาคุณคิดสองอาทิตย์"

    ฉันเดินออกมาจากห้องทำงานของมาดามหลงแล้วเดินตรงไปอีกทิศทางหนึ่ง ขึ้นไปยังชั้นสองแล้วเดินไปหน้าห้องที่เห็นว่าไวโอเล็ตเดินออกมา เมื่อเปิดประตูเข้าไปเสร็จก็จัดการล็อคจนเรียบร้อย

    ฉันเปิดไฟ ก่อนปรายตามองไปยังร่างบางที่นอนขดตัวเป็นเด็กอยู่บนเตียง

    หลังนั่งลงก็ใช้ปลายนิ้วสัมผัสแก้มเนียนเบาๆ เป็นครั้งที่สองที่ฉันได้นั่งมองเธอหลับ ถึงครั้งแรกมันจะไม่น่าจดจำนักก็เถอะ

    ฉันรู้อยู่เต็มอกว่าทั้งหมดก็เพื่อทำให้พ่อพอใจ

    แต่ฉันก็ทำตามที่ตัวเองต้องการเหมือนกัน

    ฉันก้มหน้าลงไปแล้วขโมยจูบเธออีกครั้ง... ตอนที่เธอกำลังหลับ


    ฉันไม่ได้รักเตียวเสี้ยน

    ไม่เคยรักเธอด้วยซ้ำ 

    แต่จากนี้ไป... นับจากวันนี้ ฉันจะรักเธอ







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×