คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 9
คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน |
EPISODE09
Alternative Universe 01❖Everything started from 'force'
ลอเรียลโมโห นางคิดจะเหยียบหัวเธอโดยการเอาใจผู้หญิงคนอื่นไปถึงเมื่อไหร่กัน
"เรื่องแค่นั้นเหรอ" แต่อันนาทำราวกับว่ามันเป็นอะไรที่ไม่สำคัญ...ทำให้เธอแค่นหัวเราะอย่างขมขื่น ลืมไปเลย ก็คนมันไม่คิดอะไรสักอย่าง พูดไปไม่เข้าหูอยู่ดี
"ข้าขออภัยแล้วกันที่มารบกวนเวลาแถมถาม 'เรื่องแค่นั้น' กับเจ้า" เธอไม่อยากอยู่ในที่ที่ไม่ต้องการให้อยู่ เธอจะเดินออกมาแล้ว แต่...
นางยันตัวลุกขึ้นนั่ง ใช้มือกุมศีรษะราวกับกำลังมึน ท่าทางนางดูน่าเป็นห่วงจนเธอชะงักไป
"ข้าทำสิ่งนั้นให้ไวโอเล็ตจริง" นางกล่าว นัยน์ตาสีน้ำเงินสบตากับเธอ บังคับให้เธอกลืนความผิดหวังทั้งหมดลงคอไป "แต่มันก็แค่ของเล็กน้อยไม่ใช่หรือลอเรียล เจ้าไม่ควรเก็บมันมาใส่ใจให้มากนัก หากเจ้าอยากได้สักอันไว้ข้าทำให้ใหม่"
"เปล่าเลย" เธอกำมือแน่น "ข้าไม่อยากได้มัน"
"..."
"ข้าไม่ชอบของที่ใช้ซ้ำกับผู้อื่น"
ลอเรียลเม้มริมฝีปากเมื่อเห็นสีหน้าอันนา ถึงนางจะไม่ได้แสดงอะไรออกมามากก็เถอะ แต่ราวกับว่าเธอกำลังทำให้นางน้อยใจ
ไม่บ่อยหรอกที่นางเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่จำความได้เธอก็เห็นหน้านางอยู่ตลอด คอยวนเวียนอยู่ใกล้ คอยดูแล คอยเล่นกับเธอ ยิ่งเธอโตขึ้นมากเท่าไหร่ นางยิ่งก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น ทุกที่ที่เธอไป นางต้องอยู่ไม่ห่างจากที่นั่นเสมอ
บางครั้งเธอก็คิดว่าเราสนิทกันเกินกว่าจะมาเป็นแบบนี้
บางครั้งเธออาจคิดว่าตัวเองเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่นางได้
เปล่า...แต่เธอทำไม่ได้ ไม่ได้เลย
"แต่หากเจ้าอยากให้ข้าก็ยินดีรับ" เธอไม่ได้เรียกนางว่า 'ท่าน' มานานแล้วด้วย ที่จริงเธอควรเรียกแบบนั้น แต่เมื่อนางเปลี่ยนไปเธอก็ไม่เรียกนางว่าแบบนั้นอีก
"มานั่งนี่" นางเรียกเธอ และมันทำให้เธอเกลียดตัวเองที่ทำตัวว่านอนสอนง่ายขึ้นมากะทันหันแล้วเดินไปนั่งบนเตียงกับนาง
"เรียกข้าเพราะเหตุใด" เธอถามเสียงเบา
ทำไมจู่ๆ อารมณ์โมโหก็ดับวูบไปเลย
ผู้หญิงใจง่าย...
"เมื่อนานมาแล้วข้าก็เรียกเจ้าเช่นนี้" อันนากล่าวอ้างถึงเรื่องในอดีตของเรา ตอนที่เธอยังเป็นเด็กไม่รู้เดียงสาและชอบวิ่งเข้าใส่นางทุกครั้งที่ได้ยินเสียง "ตอนนี้ข้าแค่เรียกเจ้าเช่นตอนนั้น ไม่ได้หรือ"
ราวกับนางกำลังคิดถึงเด็กน่ารักคนนั้น ไม่ใช่ผู้หญิงร้ายๆ คนนี้
"เจ้าอยากทำสิ่งใดก็ทำไป" เธอยกมือขึ้นกอดอก
"ได้หรือ" นางขมวดคิ้ว
"ได้"
เธออนุญาต แล้วเกร็งไปทั้งตัวเพราะความตกใจเมื่อนางดึงเธอไปใกล้ตัว ก่อนที่นางจะเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นหมอนหนุนส่วนตัว เธอนิ่วหน้าเมื่อต้นขาสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากหน้าผากมน
"..."
"..."
เราเงียบกันทั้งคู่
อันนานอนหันหน้าเข้าหาตัวเธอ ทำให้เธอสังเกตเห็นแก้มที่ขึ้นสีแดงเลือดฝาดได้ชัดเจน และเพราะชุดที่เธอใส่ค่อนข้างบางมาก ทำให้หน้าท้องร้อนวูบเมื่อสัมผัสกับลมหายใจที่เป่ารินรดอยู่ตรงนั้น
ลอเรียลกัดริมฝีปากอย่างระส่ำระส่าย นางป่วยเหรอ นางได้ยังไง
ปกติเทพเจ้าไม่ค่อยป่วย มันเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ
แต่อันนากำลังป่วยอย่างชัดเจน
เธอเริ่มสังเกตรอบตัว และเห็นเลือดสีทองแห้งกรังเปื้อนอยู่บนที่นอน มองสำรวจร่างกายนางเพื่อหารอยแผลอะไรสักอย่างที่บ่งบอกถึงที่มาที่ไปของเลือด
"อันนา ท่านไปทำอะไรมา" หัวใจเธอตกวูบไปอยู่ที่ข้อเท้า เหงื่อไหลซึมไปตามไรผม มือเธอเย็นเฉียบ ไม่แน่ร่างกายเธออาจกำลังสั่นเพราะกลัวว่านางจะเป็นอะไรไปอยู่ก็ได้ "ผู้ใดทำอะไร..."
เป็นครั้งแรกที่เธอกลับมาเรียกหล่อนว่าท่านอีกครั้ง
"เห็นเหรอ" อันนาเปิดเปลือกตาขึ้นมามอง
"..." เธอเม้มริมฝีปากขณะสะกดกลั้นความร้อนผ่าวที่ขอบตา
"ไม่ได้ร้ายแรงอะไร อย่าร้องไห้"
"..." นางพูดได้สิ แต่เธอห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้...
"ลอเรียล" อันนายันตัวลุกขึ้นนั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มสังเกตจริงจังว่านางลุกขึ้นนั่งลำบากแค่ไหน มีบาดแผลที่เอวเหรอ? "อย่าเสียน้ำตาให้เรื่องเล็กน้อย"
เรื่องเล็กน้อยเหรอ...มันไม่ใช่นะ ดูยังไงก็ไม่ใช่
อันนาจับไหล่เธอ พยายามปาดน้ำตาให้ แต่เธอดึงมือนางออก
"เหตุใดท่านถึงไม่ไปหาแพทย์สวรรค์เล่า"
"..."
"เหตุใดท่านถึงไม่ทำอะไรสักอย่างกับบาดแผลนี่..." เธอเลื่อนไปจับชายเสื้อของนางอย่างแผ่วเบา ดึงมันให้เลิกเปิดจนเห็นแผลบาดยาวตรงเอวซ้ายของนาง
มันเหมือนมีฤทธิ์กัดกร่อนอะไรสักอย่างที่ทำให้แผลไม่สมานตัว
"ลอเรียล เจ้าอย่าตื่นตระหนกไป" อันนาพยายามปลอบประโลมเธอ
"เหตุใดท่านถึงใจเย็นอยู่เล่า!?" ลอเรียลกรีดร้องออกไปดังมาก นางต้องยกมือขึ้นปิดหู ใบหน้านางเหยเกจากพลังที่เธอปล่อยออกมา
สิ่งที่ควบคุมไม่ได้ไหลไปตามร่างกายของเธอ ไอสีดำสนิทปกคลุมเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอเลื่อนสายตาที่พร่าเลือนจากหยาดน้ำตาลงมองแหวนของตัวเอง
เธอมีแหวนสองวงสวมอยู่ที่นิ้วกลางและนิ้วนางของมือขวา ราชินีเคยกล่าวว่าเธอไม่สามารถถอดมันได้ และก็เป็นจริงดังคำนั้น เธอไม่เคยถอดแหวนทั้งสองวงออกได้เลย แต่ครั้งนี้แหวนวงหนึ่งมันกลับกำลังแตกสลายเป็นเสี่ยงด้วยตัวของมันเอง
เธอลุกขึ้นจากเตียง ถอยห่างตัวนางมากที่สุด ตอนนี้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้...
พระราชวังโอลิมปัสสั่นสะเทือน มีปีกสีดำคู่หนึ่งปรากฏขึ้นมาบนแผ่นหลังเธอ ชุดเธอเปลี่ยนไป ใบหน้าช่วงล่างถูกปกคลุมด้วยหน้ากากสีดำ ผิวของเธอซีดขึ้นราวกับสีผิวของคนตาย
"ลอเรียล" เป็นราชินีที่โผล่มาก่อนผู้ใด นางเรียกเธอด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
แต่เธอไม่สนใจ เธอสาวเท้าไปใกล้อันนาที่ยังนั่งอยู่บนเตียง
"ผู้ใดทำอะไรท่าน" ลอเรียลกระซิบถามเสียงเยือกเย็น
เธอไม่ปล่อยมันไว้แน่ ไม่มีวัน!
"ลอเรียล ได้โปรด สงบ" นางยกมือขึ้นกุมบาดแผลแล้วลุกขึ้นยืน พยายามเดินมาหาเธอ แต่เธอก้าวถอยหลังหนีนาง
"หากท่านไม่บอก ไม่ต้องมาแตะตัวข้า อย่าพยายามห้าม..." เสียงเธอสั่น สั่นมากจนแทบกลายเป็นเสียงสะอื้นแทน
เธอรู้ว่าราชินียืนมองอยู่ และตอนนี้คงไม่ได้มีแค่ราชินีอีกแล้ว ทั้งโอลิมปัสคงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ อาจแห่กันมาดูแล้วก็ได้
หากจะจัดการคนที่มาทำร้ายอันนา เธอต้องไปตอนนี้ ตอนที่นิกซ์กับเฮเมร่ายังโผล่มาหยุดเธอไม่ได้
ลอเรียลหันหลังไปยังหน้าประตูห้อง สบตากับนัยน์ตาสีอะเมทิสต์ของมารดาก่อนหลบตาไปทางอื่น เธอเดินตรงไปโดยส่งสายตาเป็นการเตือนทุกคนที่ไม่ใช่ราชินีกับมารดาว่าให้หลีกทางไป อย่ามาขวางทางเธอ
หมับ!
แต่อันนาไวกว่า นางกอดเธอจากด้านหลัง ก่อนที่วงแขนคู่นั้นจะเลื่อนตกลงมายังเอวของเธอ นางทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นราวกับหมดเรี่ยวแรง
ถึงตอนนี้จะเต็มไปด้วยพลังมหาศาลเพราะพันธนาการที่เหนี่ยวรั้งถูกทำลายลง แต่ร่างกายเธอก็ยังอ่อนปวกเปียกเมื่ออยู่ในวงแขนของอันนา
"ลอเรียล" นางกระซิบเสียงอ่อนระทวย
"..."
"อยู่กับข้า"
จบคำพูดนั้นของนาง เธอปล่อยให้น้ำตาให้ร่วงหล่นเป็นหยดสุดท้ายแล้วค่อยๆ คลายมือที่กำแน่นออกอย่างเชื่องช้า หันกลับไปพยุงนางที่ใกล้สลบเอาไว้
"เพียงแค่ท่านเอ่ยปาก" เธอกระซิบเสียงแผ่วให้เราได้ยินกันสองคน ถึงนางดูไม่มีสติรับฟังแล้วก็ตาม
"เฮอร์มีส เจ้าไปตามแพทย์สวรรค์มาที่นี่" ได้ยินเสียงราชินีสั่งการอยู่เบื้องหลัง ไหล่ของเธอถูกบีบเอาไว้เบาๆ เมื่อเหลือบไปมองก็พบว่าเป็นมารดา นางเหมือนมีเรื่องจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จนเมื่อราชินีเดินเข้ามาในห้อง เสียงทรงอำนาจกล่าวสั่งขึ้น
"ส่วนลอเรียล ข้าขอให้เจ้าออกไปจากห้องก่อน"
"แต่ข้าอยากอยู่ที่นี่" เธอพยายามหัวรั้น...
"วีร่า พาลูกไป"
แต่ราชินีไม่สนใจ มารดาเลยบีบไหล่เธอแล้วให้เธอลุกไปด้วยกัน ลอเรียลหันไปมองอันนาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโดนดึงออกจากห้องในที่สุด
"เหตุใดข้าถึงอยู่กับท่านอันนาไม่ได้เล่า" เธอกระซิบถามมารดาเมื่อนางพลิกตัวให้หันไปประจันหน้ากัน มือทั้งสองข้างถูกกระชับไว้แน่น และเธอมองเห็นแล้วว่ารูปร่างภายนอกเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ราวกับปีศาจร้ายไม่มีผิด
"เชื่อใจอิลูเมียเถิดลอเรียล นางเองก็ไม่ได้อยากพรากอันนาไปจากเจ้าหรอก"
นางกระซิบแล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมเธอ แต่เธอยังคิดเรื่องร่างที่แท้จริงของตัวเองอยู่
เธอไม่เคยเห็นร่างที่แท้จริงของมารดาเลยสักครั้ง เลยไม่ทราบว่ามันเป็นแบบไหน
ดูเหมือนราชินีไม่อยากให้ท่านแม่กลับคืนสู่ร่างที่แท้จริงเท่าใดนัก ราชินีปกป้องเราสองคนมาตลอด ไม่เคยให้เจออันตรายที่ไหนเลย แต่บางครั้งมันก็ช่วยไม่ได้ที่เธอต้องพาตัวเองเข้าสู่อันตราย
คนที่ทำร้ายอันนาได้...มันคือใครกัน
"ข้าดูน่าเกลียดหรือ" ลอเรียลกล่าวถามเสียงแผ่วระหว่างมองผิวสีซีดของตัวเอง
"ไม่" มารดาตอบ นางจูบหน้าผากเธอ "ไม่น่าเกลียด ลอเรียล"
"..."
"ลูกไม่เคยน่าเกลียดในสายตาเรา"
"..."
"รวมถึงอันนา"
คำพูดของนางทำให้เธอรู้สึกว่า...นางทราบความจริงบางอย่างที่เธอไม่เคยทราบมาก่อน
"ข้าขอตัวลงไปเบื้องล่างในสภาพเช่นนี้" เธอสูดลมหายใจแล้วพยายามระบายรอยยิ้มขำขันออกไปเพื่อให้มารดาสบายใจ "คงไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายข้าหรอก หรือหากมีข้าคงได้มีโอกาสพิสูจน์พลังของตัวเอง"
"อย่าเลย" มารดากระซิบเตือน "หากไม่จำเป็นอย่าใช้พลังของเจ้าดีกว่า"
"เพคะ" เธอไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็พยักหน้าตกลง
เรื่องบางเรื่องถามต่อไปก็คงไม่มีคำตอบอยู่ดี สู้ให้เธอค้นหาคำตอบนั้นเองคงจะเร็วกว่ามากนัก
อันนาตื่นขึ้นมาตอนช่วงพลบค่ำ เธอสอดสายตามองไปรอบๆ แล้วเห็นเพียงท่านอิลูเมียที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงเท่านั้น
"ข้าหลับไปนานมาก" เธอใช้สายตาลงมองบาดแผลของตัวเองอย่างสำรวจ "ท่านวีร่ากับลอเรียลอยู่ที่ใดหรือ"
คำถามนั้นมาพร้อมกับการคาดหวังว่าทั้งสองจะอยู่ด้วยกัน ล่าสุดที่เธอทราบคือท่านอิลูเมียมาเห็นลอเรียลอยู่ในห้องเธอ และไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า เธอสลบไปนานมากจริงๆ
"อาการของเจ้าแย่มาก" ท่านอิลูเมียไม่ได้ตอบคำถามเธอในทันที "พิษเช่นนั้นเท่าที่ข้าทราบมีเพียงนาตาเลียที่มีมันในครอบครอง เหตุใดเจ้าถึงโดนเล่นงาน"
"..." เธอทบทวนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในหัว
"เจ้าต่อสู้กับผู้ใดกันแน่ อันนา และทำไปเพื่อสิ่งใด"
อันนารู้สึกได้ถึงลางหายนะ เธอคลี่ริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มที่แห้งที่สุดในชีวิต แต่ไม่ใช่เรื่องการต่อสู้ เป็นเรื่องของลอเรียล หากท่านอิลูเมียทราบว่าเธอลงไปหาไวโอเล็ต และนี่เป็นเรื่องที่บุตรีของนางเสียใจ นางจะคิดยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เธอเพิ่งทราบอย่างแท้จริงว่าลอเรียลโกรธเธอเกือบตลอดเวลาเพราะเหตุใด
เธอทราบแล้วว่าเด็กหญิงคนนั้นคิดอะไรกับเธออยู่
เพราะแบบนั้น...เธอยอมให้ลอเรียลไปสู้กับคนที่เธอสู้ด้วยไม่ได้
เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าลอเรียลเป็นยังไง ตบได้ตบ ตีได้ตี ถ้าลงไม้ลงมือได้ต้องเอาให้สาแก่ใจ คำพูดไม่สำคัญเพราะนางไม่แคร์
นางยังเด็กมากนัก ยังโตไม่มากพอสำหรับโลกที่กว้างขวางใบนี้
"ข้าต่อสู้กับคนจากโลกอื่น" เธอตัดสินใจบอกท่านอิลูเมียไปตามตรง โดยละการเล่าว่าทำไมเธอถึงไปต่อสู้กับคนคนนั้น "เป็นสหายของท่านนาตาเลีย"
"..."
"หากจำไม่ผิด นางมีนามว่าไดอาน่า"
มีไม่กี่คนที่ทราบว่าราชินีแห่งเผ่าพันธุ์โบราณสามารถเดินทางข้ามมิติเวลาได้ เตียวเสี้ยนเองก็มาจากโลกอื่นเช่นกัน โลกที่ไม่มีเทพ ไม่มีปีศาจ และไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรมากมาย แต่มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกเรียกว่า 'ฮีโร่' อยู่
ไดอาน่ากับไวโอเล็ตเป็น...อืม เธอก็ไม่แน่ใจ แต่ไดอาน่าดูหัวเสียที่เธอมอบมงกุฎอันนั้นให้ไวโอเล็ต
ที่จริงเธอลงไปหาไวโอเล็ตเพราะสัมผัสได้ถึงพลังแปลกๆ ของไดอาน่า เรื่องมงกุฎเป็นข้ออ้างว่าเธอลงไปหาไวโอเล็ตเพียงเท่านั้น
ลอเรียลเองก็คิดมากเรื่องไวโอเล็ต เธอดูแลลอเรียลมาตั้งแต่นางเกิด สิบสามปียาวนานจนเธอชายตาดูเด็กคนอื่นโดยที่ให้รู้สึกแบบเดียวกับที่มองนางไม่ได้หรอก
ส่วนเรื่องมนุษย์ที่นางกล่าว เธอไม่ปฏิเสธ แต่ขอไม่พูดถึงแล้ว
"เหรอ" ท่านอิลูเมียขมวดคิ้ว "แปลก...ข้าไม่นึกว่านาตาเลียจะเอาคนจากโลกนั้นมาที่นี่อีก"
เธอโล่งใจที่นางไม่ได้ถามถึงสาเหตุ "ท่านยังไม่ตอบข้าเลยว่าท่านวีร่ากับลอเรียลอยู่ด้วยกันหรือไม่"
"เปล่า" นางส่ายศีรษะ "ลอเรียลลงไปเบื้องล่างสักพักแล้ว ยังไม่ขึ้นมาเลย"
"แต่นี่มืดค่ำแล้ว..." เธอขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง หยิบกระบอกธนูกับคันธนูมาสะพายไว้ที่ไหล่ "ข้าลงไปตามเอง ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป"
"ข้าไม่ห่วงลอเรียลหรอก" นางถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน "ห่วงตัวเจ้าก่อนดีกว่า อันนา"
"ข้าสบายดี" เธอกล่าวแล้วเดินตรงไปยังระเบียง ตอนนี้กลางคืนแล้ว และเธอมีพลังมากที่สุดในเวลากลางคืน เพราะแสงจันทร์เสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายของเธอ
อันนามองลงไปยังเบื้องล่างก่อนกระโดดจากระเบียง ระหว่างที่ลอยค้างอยู่ในอากาศนั้นก็ปรากฏรถม้าศึกสีน้ำเงินมารองรับตัวเธอไว้
เธอลูบหัวม้าศึกที่เป็นผู้ขับเคลื่อนรถม้าของตัวเอง แล้วใช้พลังควานหาตัวลอเรียล ใช้เวลาไม่นานก็พบเพราะพลังความมืดของนางรุนแรงมาก ซึ่งนี่เป็นอีกเรื่องที่เธอคาดไม่ถึง ท่านอิลูเมียกล่าวกับเธอไว้ตั้งนานแล้วว่าลอเรียลมีสองร่าง เลยใช้พลังสร้างแหวนผนึกมาสองวงให้ลอเรียลสวม
ร่างเทพกับร่างปีศาจ
ร่างปีศาจมีพลังมากเพราะท่านวีร่าเป็นผู้คลอดลอเรียลออกมา
แต่ร่างเทพที่ยังคงถูกผนึกไว้แข็งแกร่งที่สุด เพราะท่านอิลูเมียเป็นผู้ให้พลังกับลอเรียลโดยตรงตั้งแต่แรก
หลังจากมาถึงสถานที่ที่ต้องการเธอก็ให้รถม้าศึกกลับไปยังที่ที่มันควรอยู่ ตัดสินใจเดินต่อเข้าไปในป่าด้วยตัวเอง
ป่าเป็นอาณาเขตของอันนา นอกจากจะเป็นเทพีแห่งจันทราแล้ว เธอยังเป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์อีกด้วย ซึ่งส่วนมากทุกสิ่งที่นี่ล้วนเป็นมิตรกับเธอ
ยิ่งเข้าใกล้เจ้าตัวมากเท่าไหร่ พลังแห่งความมืดก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
จนในที่สุดเธอก็เดินมาหยุดหลังต้นไม้ต้นหนึ่งและได้ยินประโยคสนทนาของสองคนที่อยู่บนเถาวัลย์ซึ่งก่อตัวหนาแน่นมากจนนั่งได้
"ข้าเล่าให้ท่านฟังหรือยังเพย์น่า" เสียงหวานของลอเรียลติดแหบเล็กน้อย ราวกับนางเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆ คู่สนทนาของนางคือเพย์น่า...เป็นสัตว์อสูรที่มีอำนาจมากจนแปลงเป็นมนุษย์ได้ เพย์น่าดูแลป่าแถบนี้ "เรื่องที่ตลกจริงๆ สำหรับข้าคือ อันนาโดนไวโอเล็ตปฏิเสธ"
"..." เธอกับเพย์น่าเงียบทั้งคู่เพราะรอฟังคำพูดต่อไป เสียงธรรมชาติที่นี่ค่อนข้างสงบทีเดียว
"ไวโอเล็ตยัดมงกุฎอันนี้คืนมาให้ข้า..." คำพูดนั้นทำให้เธอแอบเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนพบว่าลอเรียลก็ยังคงเก็บสิ่งที่เธอให้ไวโอเล็ตไว้กับตัว
ทั้งๆ ที่บอกว่าไม่ชอบใช้อะไรซ้ำใคร แต่ก็ยังเก็บไว้นานขนาดนั้น
"นางทำหน้าราวกับจักใกล้ร้องไห้ในเพลาอันใกล้ นางกล่าวว่า 'ฝากสิ่งนี้ไปคืนท่านอันนาด้วย บอกนางว่าข้าดีใจมากที่ได้รับมัน แต่ข้าคงรับมันไว้ไม่ได้' กับข้า"
อันนายกมือขึ้นลูบปลายคางของตัวเอง เริ่มนึกออกลางๆ ว่าตอนนั้นไวโอเล็ตร้องไห้จริงๆ และนางเป็นคนที่มอบพิษอันนั้นให้ไดอาน่า
เธอไม่ได้กล่าวโทษไวโอเล็ต เราย่อมช่วยคนที่เรารักก่อนผู้อื่นอยู่แล้ว
"แต่ทราบหรือไม่เพย์น่า" ลอเรียลเริ่มสะอื้นอีกครั้ง ทำให้เธอแข็งทื่อกับเสียงนั้น เธอไม่เคยชอบเลยจริงๆ ที่นางต้องเสียน้ำตา... "หากข้าเป็นไวโอเล็ต ข้าคงไม่ปฏิเสธสิ่งที่อันนามอบให้ ถึงแม้มันจะเป็นของเล็กน้อยก็ตาม"
"..."
"แต่เสียดาย ข้าไม่เคยได้รับมัน"
"อย่าโศกเศร้าเลย เทพตัวน้อย" เพย์น่าปลอบประโลมลอเรียล เธอแอบมองอีกครั้งก่อนพบว่าทั้งสองกำลังกอดกัน "เจ้ายังเด็กมากนัก เด็กเกินกว่าจะโศกาให้ความรักมากมายถึงเพียงนี้"
เพย์น่าพูดถูก เธอไม่ได้อยากให้ลอเรียลต้องมาร้องไห้เพราะเรื่องแบบนี้
"ข้าคิดว่าดึกมากแล้ว เจ้ากลับโอลิมปัสเถิด เดี๋ยวท่านแม่เจ้าจะเป็นห่วงเสียเปล่า"
อันนายืนนิ่ง จนเมื่อทั้งสองร่ำลากันเสร็จ เธอเหลือบมองลอเรียลเมื่อนางกำลังเดินผ่านเธอไป แต่อาจเป็นเพราะพลังใหม่ที่นางเพิ่งได้สัมผัส นางถึงหันนัยน์ตาสีฟ้ามืดหม่นมามองเธอ
"ท่าน...อันนา" นางเบิกตากว้าง จู่ๆ เมื่อมองหน้าเธอน้ำตาก็ไหลนองบนใบหน้าของนางอีก
ลอเรียลหันกลับไปแล้วจะเดินหนีไปทางอื่น แต่เธอเดินไปประชิดตัวนางแล้วจับข้อมือนางไว้
"จะไปไหนหรือ เจ้าต้องกลับแล้ว" เธอเตือนนาง
"ปล่อยข้าไว้ลำพังเถิด ได้โปรด" นางขอร้องอย่างอ่อนแรง...
"ไม่มีวัน" เธอโอบเอวนางไว้แล้วพลิกให้นางหันมาสบตาด้วย "เจ้าอยู่ที่ไหน ข้าต้องอยู่ที่นั่น เข้าใจหรือไม่"
จากที่พระเจ้าพูดไว้ เป็นชะตากรรมเธอตั้งแต่แรกแล้วที่ต้องคอยปกป้องลอเรียล
ปกป้อง ไม่ใช่ครอบครอง
เธอไม่อาจเห็นแก่ตัวได้เลย สิ่งที่เธอกระทำทำให้นางเสียน้ำตามามากพอแล้ว
ต่อจากนี้ไป...หากไม่จำเป็น เธอจะไม่เกินเลยกว่านั้นอีกแล้ว
"ผู้ใดส่งท่านให้มาตามข้า" นางดูโกรธและอับอาย มือเล็กยกขึ้นเตรียมทุบเธอ "ใครบังอาจส่งท่านมาให้ข้าเห็นหน้าตอนนี้..."
นางอาจหมายถึงที่เธอได้ยินสิ่งที่นางเล่ากระมัง
"ข้ามาเอง" เธอตอบไปตามตรงแล้วจับมือข้างนั้นของนางไว้ รู้สึกดีเมื่อมือเล็กของนางกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง "ทำตามที่เพย์น่าบอกเถิด"
"..."
"อย่าเสียน้ำตาให้กับ..." เธอกำลังจะกล่าว แต่นางดันขัดไว้ก่อน
"ข้านอนกับท่านได้หรือไม่ คืนนี้"
"ไม่"
"ต่อให้มันเป็นคำสั่งนะหรือ ท่านอย่าลืมสิว่าท่านเป็นทาสข้า" นางเชิดริมฝีปากเล็กน้อย ทำให้เธออยากยื่นมือไปหยิกแก้มนิ่มมากจริงๆ
แต่...
"ไม่" เธอตอบพลางกอดนางเอาไว้แน่น ส่วนนางก็ซุกใบหน้าเข้ากับไหล่ของเธออย่างใจสลาย "สำหรับเรา การเว้นระยะห่างคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วลอเรียล"
"ฮึก..." นางสะอื้นแล้วกอดเอวเธอไว้แน่น
อันนาลูบศีรษะหอมกรุ่นอย่างแผ่วเบา
มันเจ็บนะที่นางพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน แต่เธอกลับไม่สามารถไขว่คว้านางไว้ได้เลย
ลอเรียลกำลังคิดว่าเธอทำอะไรกับสถานการณ์ตรงหน้าตอนนี้ไม่ได้เลยเหรอ
ทั้งๆ ที่สัมผัสได้ว่าอันนากำลังโกหกอยู่ แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ นะเหรอ...
สองวันแล้วที่เราไม่ได้คุยกัน แม้แต่หน้าก็ยังไม่มอง ลอเรียลรู้สึกว่าอันนากำลังหลบหน้าเธออยู่ด้วยสาเหตุที่เธอเองก็ไม่ทราบ และมันคงบังเอิญที่ตอนนี้เธอนั่งอยู่ในสวนของพระราชวังเพียงคนเดียว แต่นิกซ์ก็เดินเข้ามา
เธอมองหน้าบรรพบุรุษของตัวเอง ส่วนนางนั่งลงเคียงข้างเธอ มองลงไปยังก้อนเมฆสีขาวบดบังทัศนียภาพเบื้องล่างไว้
"เรื่องใดสร้างความมิสบายใจให้เจ้า" หล่อนตรัสถามอย่างเหม่อลอย เป็นการถามที่ดูไม่สนใจ แต่ก็แฝงไปด้วยความสนใจในคราเดียวกัน
"..." เธอไม่ได้ตอบในทันที แค่เงียบเพื่อครุ่นคิด ตลอดมา...นิกซ์เองก็เป็นอีกคนที่ดูแลเธออยู่ห่างๆ ปกตินางไม่ค่อยยื่นมือมาช่วยหากราชินีสามารถจัดการปัญหาเองได้ แต่นางก็เอ็นดูเธอเสมอ
"เรื่องความรักหรือ" นางถาม แต่ก็ไม่ได้ถาม "ทราบหรือไม่ว่า อิลูเมียแม่ของเจ้าเองก็เคยมีปัญหาเช่นนี้เหมือนกัน อยากฟังหรือไม่"
"เพคะ" เธอเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมคายของนิกซ์แล้วตอบรับ
ที่จริงราชินีกับมารดาเองก็ไม่เคยเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟังเหมือนกัน
"เรื่องมันมีอยู่ว่า...ตอนนั้นพวกเทพที่เป็นลูกหลานของข้าต้องการกำราบเหล่าปีศาจให้สิ้น" นิกซ์เริ่มเล่า จากประโยคแรกทำให้ลอเรียลไม่รู้เลยว่าตกลงว่าราชินีกับมารดามารักกันได้ยังไง "พวกเขาคิดแผนอย่างรอบคอบ ต้องการสร้างเด็กที่มีสายเลือดเทพกับปีศาจขึ้นมา เพื่อทำลาย"
"..." เธอชะงัก เป็นเธอเหรอ...
"แต่ในแผนการที่รอบคอบนั้น...ก็มีช่องโหว่ใหญ่ในตัวมันเอง คือการที่พวกเขาให้อิลูเมียเป็นผู้ทำภารกิจนั้น"
"..."
"เป็นเรื่องที่โชคชะตาลิขิตไว้แล้ว มันผูกอิลูเมียกับวีร่าให้กลายเป็นคู่ชีวิตกันตั้งแต่แรกเจอ เพราะแบบนั้นหลังจากที่อิลูเมียหลงรักวีร่า นางเลยไม่สามารถจะฆ่าเจ้าได้ลงอีกต่อไป"
"..."
"ถึงเจ้าจะถูกเกิดมาเพื่อถูกฆ่าในทีแรก แต่เจ้าเกิดมาด้วยความรักของสองคนนั้น ลอเรียล" นิกซ์เลื่อนนัยน์ตาสีแดงเลือดมามองเธอ ก่อนที่มุมปากสวยบิดยิ้มบางๆ "อิลูเมียอ้อนวอนขอพลังจากข้ากับเฮเมร่าเพื่อปกป้องวีร่ากับเจ้า นางหักหลังทุกคนที่เป็นครอบครัวทางสายเลือด หักทุกสายสัมพันธ์เพื่อให้เจ้ามีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้"
"ข้าทราบดีว่าราชินีรักข้ากับท่านแม่มากขนาดไหน" ลอเรียลเอ่ยเสียงเบา "ข้าทราบมาตลอด"
"หากเช่นนั้นเจ้าพอจะทราบหรือยังว่า 'ความรักแบบไหน' ที่เรียกว่าความรักที่แท้จริง" นางกล่าวถาม แต่เธอนิ่งเงียบ เธอยังตีความหมายของมันไม่ออก มันลึกซึ้งเกินกว่าที่จะคาดเดาได้
"ข้าไม่ทราบ" เธอตอบไปตามตรง รู้สึกถึงลมเย็นที่พัดผ่านมา
"สักวันเจ้าต้องทราบแน่" นิกซ์ลูบศีรษะเธอ "แล้วเจ้าจะไปหาอันนาหรือเปล่า ข้าคิดว่านางอยู่ในห้อง"
"แต่นางไม่อยากเจอหน้าข้า" เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ สองวันที่ผ่านมาเธอไม่ลงไปเบื้องล่างเพราะไม่อยากให้อันนาลำบากใจจนต้องตามลงไป
เธอไม่อยากสร้างปัญหา ถือว่าเพื่อความสบายใจของนางแล้วกัน
"รักที่ผิดหวังคือรักที่ไม่พยายาม" นิกซ์กระซิบ "ไปเถอะ เดี๋ยวเจ้าจักทราบเอง"
ลอเรียลพิจารณาแล้วลุกขึ้นยืน เมื่อเดินออกมาจากตรงนั้นเธอก็ถอนหายใจอีกรอบ ที่เธอยอมไปเพราะอยากเจอหน้าอันนาหรอก ยังไงความรักของเธอ...พยายามไปก็ผิดหวังอยู่ดี
เธอลังเลขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อมาหยุดอยู่หน้าห้องนาง แต่สุดท้ายเธอก็เดินเข้าไป
"อันนา ไม่รบกวนใช่ไหมหากข้าอยากสนทนาด้วย" เธอกล่าวกับเจ้าของห้องที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเล็กอยู่บนโซฟาขนสัตว์
"สนทนาเรื่องอันใด" นัยน์ตาสีน้ำเงินเหลือบขึ้นมองเธอแวบหนึ่ง แล้วก้มลงอ่านหนังสือเหมือนเดิม
"ท่านหันมาสนใจข้าหน่อยได้หรือไม่" เธอขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นกอดอก อยากแสดงท่าทางงอนเป็นเด็กๆ แต่เธอไม่แน่ใจว่าหากเธอทำ นางจะง้อเธอเหมือนเดิมรึเปล่า หากไม่ เธอกลัวตัวเองจะเจ็บกว่าที่เป็นอยู่
"ก็...สนใจอยู่" ครั้งนี้นางหันมามองเธอเต็มสายตา
"ข้าอยากลงไปเที่ยว" เธอปริปากบอก และนางก็หันมองไปยังท้องฟ้า
"แต่ใกล้มืดค่ำแล้ว"
"ข้าอยากให้ท่านไปกับข้า" เธอสาวเท้าไปใกล้อันนา โดยไม่ให้นางมีสิทธิ์ขยับตัวหนีไปไหนได้ "นี่คำสั่ง"
"บอกราชินีหรือยัง" นางถามกลับมาแล้วลุกขึ้นยืนเดินเลี่ยงไปอีกทาง "หากยังข้าจักไปบอก"
"ไม่" เธอรั้งแขนนางไว้ "แค่ท่านกับข้า ไม่จำเป็นต้องบอกผู้อื่น"
ลอเรียลแค่อยากไปเที่ยวกับอันนาโดยไม่มีใครรับรู้ อยากให้มันคือความลับที่เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองขอมากไปรึเปล่า แต่ตอนนี้เธอก็ใช้สายตาข่มขู่นางให้ทำตาม
นางเม้มริมฝีปากอย่างลำบากใจ ก่อนพยักหน้าอย่างเชื่องช้า
เธอระบายรอยยิ้ม จับมือนางไว้จนกระทั่งเรามาหยุดอยู่บนพื้นดินในที่สุด
ที่นี่คือป่าใกล้ๆ กับเมืองอาเธอร์ เธอกับนางใช้เวลาสิบนาทีในการเดินตัดเข้าไปในเมือง ไม่มีใครพูดอะไรกัน แต่เธอก็ยังจับมือนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
"มีงานเทศกาล" เธอกระซิบบอกนาง
เราสองคนไม่มีใครเอาอาวุธมา เธอเองกลับคืนสู่ร่างธรรมดามาสองวันแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องห่วงว่าผู้อื่นจะรู้ว่าเธอกับนางไม่ใช่มนุษย์ แต่ยังไงเราก็ยังมีออร่าที่แตกต่างจากมนุษย์คนอื่นมากอยู่ดี
เธอชักชวนให้อันนาซื้อนู้นซื้อนี้ให้ ส่วนมากเป็นอาหารแบบมนุษย์ทั้งสิ้น จนเธอสัมผัสได้ว่านางคลายความตึงเครียดของตัวเองลง
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลอเรียลเดินผ่านร้านขายเครื่องประดับ
เธอเหลือบไปเห็นกำไลข้อมืออันหนึ่งที่สวยมากๆ เลยดึงนางให้เดินมาด้วยกันทันที
"สวยไหม" เธอกระซิบถามแล้วหยิบมันยื่นไปให้นางดู เราสองคนยืนใกล้กันมากเพราะกลัวว่าเสียงผู้คนจะดังมากจนไม่ได้ยินเสียงกันและกัน แต่นั่นทำให้เธอได้สบตากับนางในระยะประชิดด้วยเช่นกัน
"สวย" นางกล่าวทั้งๆ ที่ยังมองตาเธอ ก่อนหลุบสายตาลงแล้วเอ่ยต่อ "เหมาะกับเจ้าดี"
เธอชะงักอย่างเขินอาย เมื่อตั้งตัวได้ก็ยืดตัวแตะริมฝีปากลงกับแก้มนิ่มของนางอย่างแผ่วเบา มันทำให้นางนิ่งไปเลย
"ขอบคุณ" เธอเอ่ยออกมา
ในที่สุดลอเรียลก็ได้กำไลข้อมืออันนั้นมาสวมอยู่ที่ข้อมือ เธออารมณ์ดีมากเป็นพิเศษเลยเดินต่ออีกหน่อย หลังจากเดินวกไปวนมาจนเหนื่อยเธอก็ใช้การอ้อนเพื่อให้ได้สิ่งสุดท้ายในคืนนี้ เธอกอดแขนอันนาเอาไว้แน่น
"อันนา เรานอนที่นี่ได้ไหม" เธอถาม จงใจย้ำคำว่าเรา เพื่อให้นางทราบว่าควรนอนกับเธอด้วย
"..." นางเงียบ
"ได้โปรด ขอแค่ครั้งเดียว ท่านต้องเหนื่อยกับการปฏิเสธข้าแน่ๆ เพราะฉะนั้นท่านควรตอบตกลง" มันเป็นการมัดมือชกที่สุดเท่าที่เธอเคยกล่าวออกไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนได้ผล นางส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยใจ
"ได้" แล้วตอบตกลงในที่สุด
อันนาลูบศีรษะลอเรียลอย่างเบามือ ตอนนี้นางหลับไปแล้ว และจงใจจะนอนเบียดเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะเบียดได้ แต่เธอก็ไม่รังเกียจเลยใช้แขนกอดนางเอาไว้
ที่นี่เป็นที่ที่หรูที่สุดเท่าที่หาได้แล้ว มันมีเตียงเดียว และนางก็ดูชอบใจมากด้วย
เธอได้กลิ่นเส้นผมหอมกรุ่นของนางที่มีกลิ่นลาเวนเดอร์ในห้องนอนของเธอติดอยู่เล็กน้อย ก่อนใช้ริมฝีปากกดลงไปบนนั้น จูบลงตรงกลางศีรษะอย่างเอ็นดู ณ เวลานี้เธอไม่สนใจหรอกว่าผู้อื่นจะคิดยังไง
อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งคืนที่มีค่า
ความเงียบทำให้เธอนึกถึงเรื่องเมื่อวันก่อน ตอนที่ท่านวีร่ามาหาเธอเพราะลอเรียลทำตัวซึมๆ ไป ใบหน้าของอดีตราชินีแห่งนรกดูดุตลอดเวลาอยู่แล้ว และมันทำให้เธอเกร็งมากกว่าเดิมไปอีก
"สำหรับเจ้า ลอเรียลคือสิ่งใดกันแน่ อันนา" นางถามออกมา
แล้วเธอก็ตอบกลับไป...โดยไม่จำเป็นต้องคิดเลยด้วยซ้ำ
"คนที่ข้าสามารถตายเพื่อนางได้"
"ต่อให้เจ้าไม่สามารถตายได้?"
"ใช่"
"..."
"ต่อให้ข้าไม่สามารถตายได้ ข้าก็ยอมตาย ข้ายอมทำทุกสิ่งเพื่อให้ลอเรียลได้มีชีวิตอยู่ต่อ"
เธอไม่รู้หรอกว่าวันนั้นมันจะมาถึงเมื่อไหร่ ลอเรียลเองก็ไม่รู้หรอกว่ามีอันตรายรายล้อมตัวนางมากแค่ไหน
แต่อันนาพร้อมสำหรับวันนั้นเสมอ
ความคิดเห็น