คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 8
คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน |
EPISODE08
Alternative Universe 01❖Everything started from 'force'
เมื่อลอเรียลอายุครบหกขวบปี มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
"แม่ขา สตรีนางนั้นคือผู้ใด" เสียงหวานใสของลูกสาววัยหกขวบถามวีร่า นิ้วเล็กชี้ไปยังอันนาที่กำลังยืนสนทนากับสตรีนางหนึ่งอยู่ตรงสุดทางเดิน ไม่ไกลจากที่วีร่ากับลูกยืนอยู่นัก เธอมองพินิจหญิงคนนั้นเล็กน้อยแล้วตอบ
"นางคือเทพีแห่งสติปัญญา มีนามว่าอาธีน่า" ลอเรียลโตจนเธอไม่สามารถอุ้มได้แล้ว เลยก้มตัวลงไปหอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่แทน
ไม่แปลกที่ลอเรียลจะไม่รู้จัก วีร่าไม่ให้ลอเรียลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเทพโอลิมเปียนนอกจากอันนา ถึงลูกจะเคยเห็นหน้าเทพองค์อื่นผ่านๆ แต่ก็ไม่เคยกล่าวถามชื่ออย่างเช่นตอนนี้ เธอไม่แน่ใจว่าทำไมจู่ๆ ลูกถึงสนใจอยากทราบขึ้นมากะทันหัน
"..." ลอเรียลไม่ตอบอะไร แต่นัยน์เนตรสีฟ้าสดใสเหมือนอิลูเมียหรี่ลงเล็กน้อย
วีร่าเงยหน้ามองสองคนนั้นอีกครั้งแล้วเริ่มเดาอะไรบางอย่างได้
อันนาเหรอ...
"แวนไฮล์ อย่าวิ่งเร็วนักสิ!!" เสียงตะโกนของเด็กสาวคนหนึ่งดังลั่นไปทั่วป่า เหล่าวิหคที่กำลังทำกิจกรรมอยู่ตามประสาแตกฮือบินขึ้นไปบนนภา
แต่เด็กชายที่วิ่งนำหน้าอยู่ไม่ได้หันมาสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว
"อย่าเครียดนักเลย ไวโอเล็ต" ลอเรียลยกมือขึ้นตบบ่าสหายคนสนิทที่อายุเท่ากัน แต่ตัวเล็กกว่าเธอเกือบเท่าตัว "ปล่อยเขาไปเถิด ไม่มีอันตรายใดใดหรอก"
เด็กสาวที่มีนามว่าไวโอเล็ตหอบหายใจอย่างรุนแรงเนื่องจากความเหนื่อยกับการตามตัวน้องชายฝาแฝด นางเหลือบนัยน์ตาสีเขียวมรกตขึ้นมองเธอ
ก่อนหันมองสตรีนางหนึ่งที่ตามมาอย่างเชื่องช้า แต่ก็ดูรวดเร็วกว่าพวกเราทั้งหมดรวมกัน ลอเรียลมองตามสายตาเพื่อนสนิทไปอย่างเย็นชา
เทพีแห่งจันทราสบตากับเธอแล้วเมินไปทางอื่น ทำให้เธอกระแทกลมหายใจออกมาอย่างโมโห สะกดกลั้นอารมณ์ไว้แล้วหันไปจับมือไวโอเล็ต ลากให้ร่างเล็กเดินเข้ามาหลบในพุ่มไม้หนึ่งด้วยกัน ซึ่งไม่ไกลจากแวนไฮล์นัก เพื่อให้พี่สาวมองดูน้องชายสะดวก
"เจ้าโมโหท่านอันนาอีกแล้วหรือ" ไวโอเล็ตกล่าวอย่างรู้ทัน
เท้าความก่อนว่าไวโอเล็ตกับแวนไฮล์เป็นลูกฝาแฝดของสหายมารดาเธอ ที่มีนามว่านาตาเลีย พวกเราก็เลยสนิทกันมานานแล้ว มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่โตเร็วกว่าผู้อื่น
มองภายนอกลอเรียลเหมือนผู้ที่มีอายุยี่สิบปี ทั้งที่แท้จริงแล้วก็เท่าๆ กับสองแฝด ก็คือสิบสาม
"ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมนางต้องตามดูเรา" เธอกระซิบกับเพื่อนสนิทเพื่อไม่ให้อันนาได้ยิน ใช้นิ้วถูแหวนที่ถูกสวมอยู่ที่นิ้วกลางขวาตัวเองไปด้วยระหว่างใช้ความคิด "จะว่าเป็นคำสั่งพวกแม่ก็มิถูก ที่นี่ไม่ได้ไกลจากโอลิมปัสนัก แถมเราก็พอจะปกป้องตัวเองได้"
"ในสายตาผู้ใหญ่ เราอ่อนแอ ลอเรียล" ไวโอเล็ตอธิบาย นางตัวเล็กกว่าเธอ ยังเข้าใจอะไรมากกว่าเธอเลย "พวกแม่คงไม่อยากให้เราเป็นอันตราย"
"..." ไม่ใช่ว่าลอเรียลไม่เข้าใจหรอก แต่เธอก็ไม่อยากให้อันนามาตามดูอยู่ดี
"ข้าเห็นเจ้าแสดงท่าทีว่าไม่พอใจท่านอันนาเกือบทุกครั้งที่เห็นนางอยู่กับเราเลย แท้จริงแล้วมันมีอะไรงั้นหรือ" ไวโอเล็ตสงสัยพลางเอียงคอน่ารักไปด้วย
"เจ้าไม่จำเป็นต้องทราบ..." เธอเหลือบมองอันนาและพบว่าหล่อนยืนอยู่บนต้นไม้ในจุดที่สูงมากเพื่อมองพวกเรา สายตาของนางทำให้เธอไม่พอใจมาก เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจว่าสายตานั้นไม่ได้มองเธอ
แต่เสียงร้องอะไรบางอย่างเรียกความสนใจเธอไว้
โฮก!!
"เหวอ!!" แวนไฮล์ร้องลั่น เด็กชายล้มลงไปกองกับพื้น ขณะยกแขนเล็กขึ้นป้องกันไม่ให้หมีสีดำตัวใหญ่เดินเข้ามาใกล้
"แวนไฮล์" ไวโอเล็ตเบิกตากว้าง
ลอเรียลขยับตัว เธอกำลังเข้าไปช่วยแวนไฮล์เมื่อหมีตัวนั้นยกกรงเล็บขึ้น แต่ฉับพลันนั้นกลับมีบางสิ่งเกิดขึ้นเสียก่อน มีวงเวทขนาดเล็กปรากฏขึ้นใต้เท้าหมีตัวนั้น เมื่อวงเวทหายไปก็กลายเป็นน้ำแข็งที่ลามขึ้นมาจากเท้า หมีร้ายกลายเป็นน้ำแข็งในทันที
ตามด้วยลูกธนูที่ฉีกผ่านอากาศมา กระชากศีรษะของมันให้หลุดออกจากบ่า
"ท่านแม่!!" แวนไฮล์กับไวโอเล็ตตะโกนขึ้นพร้อมกัน เด็กแฝดวิ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของสตรีนางหนึ่งที่มีใบหน้าสง่างามและเส้นผมสีดำขลับยาวถึงสะโพก
ลอว์เรียลยืนนิ่งอยู่กับที่ เธอได้ยินเสียงน้าเตียวเสี้ยนกำลังปลอบใจลูกทั้งสองของนาง
เธอยิ้มให้เมื่อนางหันมามอง ทราบตั้งแต่เห็นสีหน้ากังวลของนางแล้วว่าแวนไฮล์กับไวโอเล็ตต้องถูกนำตัวกลับไปแน่
เธอเลยคิดจะกลับไปหามารดาและราชินีแล้วเช่นกัน
คำว่ามารดาเธอใช้เรียกท่านวีร่า ส่วนราชินีเธอใช้เรียกท่านอิลูเมีย เพราะไม่อยากให้มันซ้ำกัน
ที่สำคัญคือท่านวีร่าเป็นคนให้กำเนิดเธอมา นางดูแลเธอในเรื่องปกติทั่วไป ส่วนราชินีจะกลายเป็นคนที่ว่ากล่าวตักเตือนเธอเสียมากกว่า
มารดาเธอเป็นปีศาจ ส่วนราชินีเป็นเทพเจ้า ฟังดูไม่น่าอยู่ร่วมกันได้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
เธอมองราชินีปรสิตที่ลงมารับครอบครัวตัวเอง นางเพิ่งขึ้นไปสนทนากับมารดาเธอและราชินีที่พระราชวังบนยอดเขาโอลิมปัส
เธอเห็นนางส่ายศีรษะเล็กน้อยแล้วใช้พลังเคลื่อนย้ายตัวเองกับครอบครัวหายไปเลย
"กลับได้แล้ว" หลังจากนั้นอันนาก็เดินมาหาเธอ นางกำลังคว้ามือเธอไว้
"อย่าริอาจมาแตะตัวข้า" เธอกล่าว ดึงมือกลับ แล้วตวัดตามองอย่างกราดเกรี้ยว
"ได้ แต่เจ้าต้องมากับข้า" นางมองเธอด้วยสายตาเอือมระอา
"..." ลอเรียลน่าเบื่อในสายตาอันนาเสมอ
เมื่อเรากลับมายืนอยู่ในพระราชวังด้วยกัน เธอสะบัดตัวเดินหนีทันที
ตรงกลับไปยังห้องนอนของราชินีที่มีเธอกับมารดาเป็นผู้อาศัยอยู่ด้วย ที่จริงเธอถูกเสนอให้ย้ายไปนอนห้องอื่นเพราะโตเป็นสาวแล้ว ถึงจะโตแต่ตัวก็เถอะ
แต่ลอเรียลก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงสนทนาดังมาจากในห้องน้ำ
"อิลูเมีย เดี๋ยวลูกกลับมา..." นี่เสียงมารดาเธอ ท่านวีร่า
"ไม่หรอก ก็อันนาพาลงไปเล่นเบื้องล่างแล้ว" เสียงราชินีมาพร้อมกับเสียงทุบดัง 'ปึก' ที่ฟังดูแล้วน่าจะเจ็บ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ
ลอเรียลรู้สึกเกร็งและหน้าร้อนฉ่าเมื่อได้ยินเสียงครางลอดออกมาให้ได้ยิน เธอสูดลมหายใจลึกแล้วหันหลังเดินออกมา
เกือบแล้ว เธอเกือบเข้าไปทำให้ตกใจจนได้ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินบทสนทนาประมาณนี้จากสองคนนั้น เธอก็ยังประหม่ามากอยู่ดี
อาจเพราะ...เธอเป็นก้างขวางคอเสมอ ต่อหน้าเธอราชินีมักทำเพียงแค่จูบเท่านั้น เรื่องที่มากกว่านั้นทั้งสองไม่อยากให้เธอรับรู้
แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่ไปอยู่ห้องเดี่ยว เพราะห้องที่ราชินีเสนอย้ายเธอไปดันเป็นห้องที่อยู่ใกล้กับห้องอันนา เธอไม่อยากไปอยู่ใกล้นางในทุกกรณี
ที่แย่กว่านั้นคือเสียงพวกนั้นมักปลุกอะไรบางอย่างในตัวเธอทุกครั้ง
ลอเรียลเดินไปตามโถงทางเดินอย่างเร่งรีบ เธอตั้งใจจะลงไปเยือนป่าเบื้องล่างอีกครั้งเพราะอาจมีบางคนช่วยเธอในเรื่องนี้ได้
หมับ!
"ไปไหน" ข้อมือเธอถูกจับไว้ ตามมาด้วยเสียงดุที่กระซิบอยู่ใกล้ตัว
แล้วเธอก็หันไปเห็นอันนา
อีกแล้วเหรอ?
"ข้าจักเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่ามาจับตัวข้า!" เธอกระแทกเสียงใส่ เตรียมสลัดนางให้หลุดออกไป ร่างกายร้อนรุ่มไปหมด จนต้องเบือนหน้าหนีเพื่อไม่ให้เผลอสบตากับนางเข้า
"ข้าไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าจะกล่าวบอกข้าว่า คิดจะไปไหน" เสียงของนางถูกย้ำชัด นัยน์ตาสีน้ำเงินเรืองแสงขึ้นเล็กน้อยเพื่อข่มขู่เธอ
นี่นางคิดว่าเธอกลัวมากนักเหรอไง!
เพียะ!
เธอตบนางด้วยหลังมือของมือที่ว่างอยู่เต็มแรง...
"มานี่!" ทันทีที่นางตั้งสติได้ นางก็เป็นฝ่ายกระชากเสียงใส่เธอบ้าง ตามด้วยการบีบข้อมือเธอจนแทบแหลกแล้วลากเธอเข้าไปในห้องที่อยู่หลังพวกเรา เธอรู้ดีว่ามันคือห้องของนาง
ยังไม่ได้คิดอะไร ไม่แม้แต่จะอาละวาดทัน
ซ่า!
น้ำอะไรบางอย่างถูกสาดเข้าที่ใบหน้าเธออย่างแรง
ลอเรียลยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างเชื่องช้า เมื่อปาดน้ำออกไปได้บางส่วน เธอก็ใช้สายตามองมือของนางที่ถือแก้วอยู่ใบหนึ่งไว้ ซึ่งภายในนั้นว่างเปล่า
เพล้ง!
เสียงต่อมาคืออันนาปล่อยให้แก้วใบนั้นหลุดออกจากมือ...จนมันร่วงหล่นและแตกละเอียด
ในสายตาของนางมีแต่คำถามเต็มไปหมด หล่อรวมอยู่กับความโมโหที่แทบจะระเบิดออกมาได้
"หายบ้ารึยัง" เสียงที่อ่อนลงแต่ก็แฝงความตำหนิติเตียนเอาไว้ทำให้เธอหันมองไปทางอื่น น้ำที่นางสาดใส่หน้าทำให้เธอไม่สบอารมณ์มากก็จริง แต่มันไม่ช่วยดับความรู้สึกร้อนรุ่มของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ดังคำกล่าวที่ว่า 'ปีศาจมีความปรารถนาที่แรงกล้า' ซึ่งเธออ่านเจอในหนังสือ
ลอเรียลหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้อง แต่แขนก็ถูกคว้าไปบีบแน่นเสียก่อน บ่งบอกให้ทราบเลยว่าอันนาไม่ปล่อยเธอแน่ จนกว่าเธอจะตอบคำถามนาง
"ลอเรียล เจ้าควรตอบข้า" นางกระซิบในระยะใกล้ แผ่นหลังรับรู้ถึงเนินอกของนางที่เบียดเสียดเข้ามาเล็กน้อย ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงหัวใจจอมปลอมที่กำลังเต้นตึกตักอยู่ในอกเจ้าของมัน
"อันนา เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้กับข้า" เธอย้ำเตือนกับนาง แกะมือที่บีบอยู่ตรงแขนออกไป "เจ้าไม่ได้เป็นเจ้าของตัวข้า ข้าจะไปไหนก็ได้ตามต้องการโดยไม่ต้องรายงานเจ้า"
"เจ้าควรทราบว่าข้าปล่อยให้เจ้าไปเจออันตรายไม่ได้ เจ้าปกป้องตัวเองยังไม่ได้เลย" อันนาพลิกตัวเธอให้หันไปคุยด้วย เธอเลยช้อนสายตาขึ้นสบตานาง
ให้นางได้เห็นดวงตาที่แดงก่ำของเธอจากน้ำพวกนั้น รวมถึงแก้มที่ร้อนผ่าวจนเธอยังอับอายตัวเองชัดสายตา
"..." ลอเรียลหวังว่านางควรเข้าใจสักทีว่าต้องปล่อยตัวเธอไป
ที่เธอตั้งใจจะทำคือการลงไปหาเพื่อนสนิทรุ่นแม่ของเธอที่ชื่อ 'เพย์น่า' ให้นางรักษาอาการพวกนี้ให้เธอ เธอไม่เคยคิดไปนอนกับใครหรอก
"ลอเรียล เจ้า..." นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเบิกกว้างเล็กน้อย
"ปล่อย" เธอจิกเล็บลงไปบนฝ่ามือ หมดแรงจะต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว
"ยิ่งข้ารู้ ข้ายิ่งปล่อยเจ้าไปไม่ได้" อันนาส่ายศีรษะ
"เพราะเหตุใดกัน เจ้าจะช่วยข้าหรือไง" เธอพ่นคำพูดออกมาอย่างดูแคลน นางเป็นคนสุดท้ายที่กล้าแตะต้องเธอ และนางก็เป็นคนแรกที่เธอไม่ยอมให้ทำแบบนั้น
เธอรังเกียจ...มากๆ
มันมีสองความรู้สึกที่ตีกันอยู่ในหัว และเธอบอกใครไม่ได้
"ไม่" นางกล่าวออกมา ไม่ได้ผิดคาดจากที่เธอคิดอยู่นัก
"หากไม่ ก็ปล่อย" เธอพูดเสียงต่ำ หากอันนาปฏิเสธอีกเธอจะไม่แคร์ผลการกระทำของตัวเองอีกแล้ว ความรู้สึกเธอที่มีต่อนาง หากทำร้ายได้ก็ทำ
"ไม่..."
เพียะ!
ฝ่ามือเธอชาและแสบเมื่อฟาดมันลงบนใบหน้าของนางอีกครั้งจนหน้าหัน เห็นเลือดสีทองของเทพเจ้าไหลลงมาจากมุมปาก จากสีหน้าของนางทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่านางก็เจ็บเหมือนกัน แต่หากเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี
เธอใช้ปลายนิ้วโป้งของมือข้างเดียวกันกับที่ตบนางเช็ดเลือดให้
"ปล่อยไม่ปล่อย" ลอเรียลเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงตั้งคำถาม
อันนาเหมือนจะฉลาดขึ้นนิดหน่อย นางไม่พูดออกมาสักคำว่าไม่ แต่ไม่ปล่อยให้เธอเดินหนีไปได้
ก่อนที่เธอจะได้กวนประสาทนางต่อ เธอก็ต้องรู้สึกเสียดท้องวูบขึ้นมาเมื่อนางวางมือลงบนเอว ทำให้ร่างกายเธอลอยขึ้นจากพื้น แต่ยังอยู่ในอ้อมกอดของนาง
แผ่นหลังลอเรียลกระแทกกับเตียงนอนหนานุ่มที่มีกลิ่นหอมลาเวนเดอร์ อันนาขึ้นมาคร่อมด้านบนแล้วใช้สองมือกดข้อมือเธอให้แนบลงไป เธอเงยหน้าขึ้นมองแก้มที่ช้ำเป็นรอยมือของนางอย่างเหลือเชื่อ
"กล่าวดี ไม่เคยฟังหรอก" นางสูดลมหายใจ "ทำดี ก็ไม่เคยเห็นค่า"
"..."
"แบบไหนเล่า เจ้าถึงจักพอใจ"
แบบไหนเหรอ...
"เป็นทาสข้าสิ" เธอกำมือแน่นอย่างประหม่า ทั้งระงับสติตัวเองไม่ให้เลยเถิด ทั้งยังต้องควบคุมให้ตัวเองทำท่าทางโอหังใส่อันนาให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
"ทาส?" นางทวนแล้วนิ่งไปเลย
"ทำไม่ได้ใช่หรือไม่ ไม่ได้ก็ไปไกลๆ ข้า"
ถ้าทำไม่ได้แล้วยังอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ เธอก็รังเกียจอยู่ดี แต่ไม่ใช่ว่าจู่ๆ ก็รังเกียจ เธอมีเหตุผลลึกอยู่ในใจ
"หากปฏิเสธ ข้าอยู่ใกล้เจ้าไม่ได้?"
"ใช่"
เธอเหยียดยิ้ม แม้สถานการณ์ด้านร่างกายจะเป็นรองอยู่มาก แต่สถานการณ์ทางคำพูด เธอชนะใสอย่างไม่ต้องมากความ หากนางตอบรับเธอคงสนุกกับการทำนางให้เป็นทาสที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งหากนางปฏิเสธ เธอคงไม่ต้องทนเห็นสายตาวิบวับที่ใช้มองไวโอเล็ต
อันนาใช้สายตามองเธอเหมือนเธอเป็นเพียงเด็กโง่คนหนึ่งเท่านั้น
"เจ้าต้องบอกข้าก่อนว่าเหตุใดเจ้าถึงต้องมีท่าทีก้าวร้าวใส่ข้า"
"..." ลอเรียลขมวดคิ้วเมื่อนางมีทริคในการต่อรอง
"หากการสังเกตของข้าไม่ผิด เจ้ามีท่าทางแบบนั้น 'กับข้าคนเดียว' มันเป็นเพราะเหตุใด?"
เธอกรอกตาไปมา มันใช่เรื่องที่เธอต้องบอกเหรอ โง่นักก็ไม่ต้องรู้
"สิ่งที่ข้าอยากทราบเพียงแค่ เจ้าตกลงหรือไม่ตกลง"
"..."
"อันนา"
"ได้" อันนาตอบรับอย่างไม่ยินยอมนัก นางดูหงุดหงิดที่โดนเธอบีบให้ไม่มีทางเลือกอะไรเลย
"แล้วทราบหรือไม่ เจ้าควรทำอะไรเป็นสิ่งแรก" เธอร้อนจนเบื่อตัวเอง และอยากหายจากอาการพวกนี้เสียที จินตนาการในหัวเตลิดจนฉุดไม่อยู่ "ช่วยข้าจากความรู้สึกเช่นนี้"
อันนาชะงัก "ให้ข้าทำอย่างไรโดยไม่ให้เกิดพันธสัญญาโบราณ"
ลอเรียลทราบอยู่แล้วว่านางต้องพูดแบบนี้
นางไม่อยากโดนผูกมัด...
แต่ที่แย่คือเธอดันรู้ว่าทำยังไง เมื่อไม่นานมานี้เธอเคยสนทนากับท่านอะโฟรไดต์ไป แล้วนางก็แนะนำวิธีหนึ่งมาให้
"ลิ้น" เธอกระซิบ สบตากับหล่อน "ลิ้นเจ้าไง"
"ลิ้นเหรอ..." อันนาทวนอย่างแผ่วเบา นัยน์เนตรสีน้ำเงินเลื่อนลงมองช่วงล่างของร่างกายเธอ นางปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระในวินาทีนั้นเอง "เจ้าล้อเล่นหรือเปล่า"
ลอเรียลส่ายศีรษะเป็นคำตอบ นางเห็นเธอตลกเหรอ
"ทำไมเจ้าถึงลังเลเล่าอันนา" เธอกล่าวแล้วเอื้อมมือไปโอบล้อมรอบต้นคอนาง รั้งให้นางโน้มใบหน้ามาใกล้จนเส้นผมสีเงินตกลงมาคลอเคลียแก้มของเธอ ร่างของคนด้านบนเกร็งมากจนเธอสัมผัสได้ "ทั้งๆ ที่เจ้ายังมัวเมากับมนุษย์ได้ไม่เว้นวัน"
"..." นางขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเธอทราบเรื่องนี้
"แล้วข้าแตกต่างกับพวกมันตรงไหน" ในใจเธอเริ่มรู้สึกว่า...มันคือการตัดพ้อที่แสดงออกไปโดยไม่รู้ตัว "เหตุใดเจ้าถึงเลือกปฏิบัติ"
"เจ้าสงบได้โดยไม่ต้องให้ข้าช่วย ลอเรียล" แต่อันนาตอบนอกเรื่อง ทำให้เธอกำหมัดแน่นอย่างโกรธเคือง
"เจ้าเป็นทาสที่ไม่รู้ฟังเลย" เธอผลักอันนาออกไปแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่นางยังนั่งคร่อมทับขาของเธออยู่ "หรือข้าควรหลับนอนกับมนุษย์แบบที่เจ้าทำบ้าง ดีหรือไม่"
"หยุดพูดเช่นนั้นเสียที ลอเรียล" หล่อนทำสีหน้าเหมือนไม่อยากฟัง "เข้าใจเสียบ้างว่าข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้ หากท่านอิลูเมียทราบ..."
ปึก!
นางชะงักแล้วหยุดพูดเมื่อโดนเธอทุบไหล่อย่างแรง เธอคิดว่านางเข้าใจดีแล้วว่าเธอเกลียดการที่นางพูดว่าอยู่กับเธอเพราะคำสั่ง เมื่อรู้ตัวนางเลยปรับจังหวะลมหายใจแล้วเปลี่ยนเรื่อง
"ข้าไม่ทำเพราะ...ข้ารู้ว่าจะห้ามตัวเองไม่ได้" นางกระซิบ ความหมายของคำพูดนั้นคือ 'หากทำ ไม่หยุดอยู่แค่ลิ้นแน่' "เจ้าทราบดีไม่ใช่หรือไงว่าข้าเป็นคนแบบไหน ทำไมถึงยังกล้าเสี่ยง"
ประโยคหลังแฝงความประชดประชันเอาไว้เต็มเปี่ยม แต่มันกลับทำให้เธอหลุดขำออกมา นางเป็นคนยังไง? ทำไมเธอจะไม่รู้ ในเมื่อเธอเฝ้ามองนางมาห้าปีเต็ม เห็นอยู่ตลอดกับพฤติกรรมมั่วไม่เลือกกับมนุษย์เพศหญิงน่ะ
ไม่สิ เธอคิดว่านางเลือก เลือกเฉพาะคนที่ถูกใจ
"ข้าเบื่อแล้ว อันนา" เธอยื่นคำขาดเป็นครั้งสุดท้าย
ได้ยินนางส่งเสียง 'หึ' ในลำคอเบาๆ เห็นนางเป็นคนดีต่อหน้าราชินียังไง แต่ก็มีมุมที่ซ่อนไว้ไม่ให้ใครรู้อีกเยอะ
"หากให้ข้าทำ ถอดเสื้อผ้าสิ ลอเรียล" อันนามองอย่างหยังเชิง สงสัยคิดว่าเธอไม่กล้า แต่สายตาแบบนั้นกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เธอปลดชุดที่ใส่อยู่ออกจากร่างกายจนเปลือยเปล่าหัวจรดเท้า
เธอไม่เคยถอดเสื้อผ้าต่อหน้าใครเลยนอกจากมารดากับราชินี ไม่เคยมีใครเคยเห็น...และนางกลายเป็นคนแรก
ลอเรียลเบียดเสียดร่างเปลือยของตัวเองเข้าหาอันนา ได้ยินเลยว่าลมหายใจของนางสะดุดไป
คนเจ้าชู้แพ้ให้ร่างกายที่สวยงามเสมอ...
ชุดที่นางใส่เป็นชุดสำหรับล่าสัตว์ที่ค่อนข้างสั้นและดูวาบหวิว เปิดเผยให้เธอเห็นหน้าท้องขาวสะอาดของนางได้ชัดสายตา
วินาทีต่อมาเธอฉวยโอกาสประทับริมฝีปากลงไปบนนั้น ลากปลายลิ้นเลียขึ้นไปจนถึงกลางทรวงอก
"แค่ลิ้น อันนา" เธอกระซิบเสียงแผ่ว "จำไว้"
ลอเรียลถูกผลักให้ลงไปนอนราบกับเตียงอีกครั้ง อันนาถาโถมตัวเข้ามาราวกับพายุที่ดุร้าย เธอสะดุ้งเฮือกเมื่ออันนาประกบริมฝีปากจูบเธอ ลิ้นร้อนสอดลึกเข้ามาในโพรงปากแล้วเกือบทำให้เธอสำลัก ความวาบหวามดูดดึงสติและเรี่ยวแรงของเธอไปจนหมด
นางแสดงให้เธอเห็นว่าคนมีประสบการณ์เขามีสัมพันธ์กับแบบไหน
เธอสะท้านไปทั้งร่างกายเมื่อมือของนางทาบลงบนขาอ่อน
ปลายนิ้วของเธอจิกดึงเส้นผมหล่อนไว้เมื่อความนุ่มหยุ่นแตะลงมา...
ลอเรียลเหยียดยิ้มหยัน คอยดูแล้วกัน เธอจะทำให้คนมากประสบการณ์อย่างนางโงหัวไม่ขึ้นเอง
"เมื่อคืนลูกไม่ได้กลับห้อง ลูกไปนอนที่ไหนมา ลอเรียล" มารดากล่าวกับเธอขณะใส่น้ำตาลในแก้วกาแฟของตัวเอง ใส่เสร็จก็คีบไปใส่ในแก้วราชินีที่นั่งอยู่ข้างกันต่อ
ตอนนี้ลอเรียลนั่งอยู่ในสวนกับมารดาและราชินี ท่านทั้งสองมองเธอ ต้องการคำตอบจากสิ่งที่ถามไป โดยเฉพาะราชินีที่มองราวกับจ้องจับผิดเธอเสียอย่างนั้น หากเธอแก้ตัวพลาดสักประโยค ราชินีอาจรู้ทันก็ได้
"ข้าไปนั่งเล่นอยู่ในห้องนอนของข้าเองที่ราชินีจัดเตรียมไว้ให้แล้วเผลอหลับไปเลยเพคะ" เธอยิ้มน้อยๆ แล้วใช้มือกำแก้วน้ำชาของตัวเองไว้แน่น
เมื่อคืนเธอหลับไปเลยหลังปลดปล่อยอารมณ์ทุกอย่างออกไปได้ หลับอยู่ในห้องอันนา ไม่แน่ใจว่านางทำอะไรรึเปล่าระหว่างที่เธอหลับ ตื่นมาเธอก็เห็นนางนอนอยู่ข้างกันแล้ว
แต่เธอมั่นใจว่าหากมารดาถามมาเช่นนั้น แสดงว่าทั้งสองไม่ได้ตามหาเธอเหมือนกัน อาจจะเหนื่อยจนหลับทั้งคู่ ก็เมื่อเช้าตอนที่เธอเข้าห้องไปเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นทั้งสองยังนอนหลับกอดกันอยู่บนเตียงอยู่เลย
"เจ้ายอมย้ายแล้วหรือ" ราชินีหรี่ตาลง
เธอพยักหน้า จงใจดื่มชาจนหมดแล้วลุกขึ้นยืน
"ข้าขอตัวลงไปพบไวโอเล็ตก่อน"
ลอเรียลเดินออกมาเลยโดยไม่รอให้ใครอนุญาต
"เจ้าอย่าไปจับผิดลูกหน่อยเลย อิลูเมีย" วีร่าเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ
อิลูเมียใช้มือค้ำยันปลายคางของตัวเองเอาไว้ระหว่างมองแผ่นหลังของลอเรียลที่เดินออกไป เธอทราบดีว่านางโตพอที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว และนางก็ดูหัวรั้นขึ้นเยอะ
"เจ้าไม่เห็นรอยบนคอลูกหรือ วีร่า" เธอถามกลับไป รอยนั่นเธอเห็นมัน แต่ลูกคงไม่เห็น เพราะมันอยู่ในจุดที่ยากจะมองเห็นได้
"เห็นสิ" เมียรักของเธอยังดูกระฟัดกระเฟียดอยู่หน่อยๆ ที่เธอจับผิดลูก
เราลงความเห็นโดยไม่ต้องเอ่ยปากถามกันว่าใครทำ เพราะมันไม่มีใครหรอกนอกจากอันนา แต่อิลูเมียยังไม่ทราบเบื้องลึกเบื้องหลังของรอยนั่น หากลอเรียลผูกพันธสัญญาด้ายแดงกับอันนา เธอต้องทราบแล้ว
แต่นี่ไม่...
"เจ้าก็ทราบดีว่าลอเรียลหลงรักอันนามานานแล้ว" วีร่ากระซิบย้ำเตือนเธอ
"ข้าทราบ วีร่า" เธอกดริมฝีปากลงบนแก้มของนาง
"..."
"แต่อย่าให้ความรักนั้นเป็นตัวจุดชนวนให้ลอเรียลปลดปล่อยพลังของนางออกมาแล้วกัน"
ลอเรียลไม่ได้ลงไปด้านล่างตามที่บอกกับมารดาและราชินี แต่เธอแฝงเร้นเข้าไปอยู่ในห้องอันนาอีกครั้งโดยไม่ให้ใครเห็น เห็นว่านางนอนอยู่บนเตียง แต่ไม่ได้หลับ
ที่จริงเธอลงไปหาไวโอเล็ตตั้งแต่เมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว และดันได้อะไรดีๆ มาด้วย
เธอปาสิ่งนั้นใส่นาง จนนางเลื่อนนัยน์ตาสีน้ำเงินมาสบตาเธอ
มันที่ว่าเป็นมงกุฎขนาดเล็กที่ทำจากดอกลาเวนเดอร์
"เจ้าทำสิ่งนี้ให้ไวโอเล็ตหรือ" เมื่อวานมันไม่มี แสดงว่าอันนาน่าจะเอาไปให้ไวโอเล็ตก่อนที่เธอจะลงไป คงเป็นตอนที่เธออาบน้ำอยู่เมื่อเช้า
ลอเรียลโมโห นางคิดจะเหยียบหัวเธอโดยการเอาใจผู้หญิงคนอื่นไปถึงเมื่อไหร่กัน
ความคิดเห็น