คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 7
คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน |
EPISODE07
Alternative Universe 01❖Everything started from 'force'
ไอริออกมาจากเรือนนางโลมก่อนที่บัตเตอร์ฟลายจะตื่นเสียอีก
เพราะกลัวว่าจะปั้นสีหน้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ถูก ทั้งๆ ที่เป็นคนยอมเองแต่กลับไม่กล้าสู้หน้าเลยแม้แต่นิดเดียวเลย
ถึงจะมีห้องที่เช่าอยู่ในตัวเมือง แต่เธอใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ในป่า เห็นว่ามันสงบมากกว่าอยู่ในที่ที่มีมนุษย์เยอะจนวุ่นวาย
เธอแวะไปที่ห้องเช่าก่อนมาที่นี่ เพื่ออาบน้ำกำจัดคราบทุกอย่างออกไป แถมด้วยการแวะร้านอาหารเพื่อซื้ออาหารเล็กน้อยมากิน ระหว่างที่ปากเคี้ยวเธอก็มองตรงไปยังภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ไกลหลายกิโลเมตร
มันเป็นภารกิจที่เพิ่งทำไปเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วของเธอ ที่ภูเขาลูกนั้นมีอสูรกายซึ่งมีพลังมากอาศัยอยู่ เกล็ดมังกรเกือบไม่สามารถปกป้องเธอได้ จนกระทั่งได้รับบาดเจ็บเป็นรอยแผลกรีดยาวลงมาจนเลือดไหลโซมแขนขวา เธอจำได้ว่ามันเจ็บมากจนขยับตัวไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เพื่อรอแผลสมาน
ผู้มอบหมายภารกิจนั้นให้บิดาของเธอเป็นเจ้าชายเมืองนี้ หากจำไม่ผิดน่าจะมีชื่อว่าเธน แต่เธออาสาไปทำภารกิจเองเพราะไม่อยากให้บิดาไปเสี่ยง
เงินค่าจ้างทั้งหมดเลยตกเป็นของเธอ ยี่สิบล้านสำหรับอสูรกายที่ทำให้มังกรบาดเจ็บจนเลือดอาบได้
สิ่งที่ไอริวางแผนไว้ในอนาคตข้างหน้าคือเธออาจพาบัตเตอร์ฟลายกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านด้วย เธอใช้เวลาสองอาทิตย์ในการพิสูจน์ความรู้สึกตัวเอง
การสัมผัสคือสิ่งที่ฉาบฉวยและกระตุ้นความคิดได้ดีที่สุด เธอเลยไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกัน การกอดเป็นสิ่งเดียวที่เธอให้ทำ เพราะหากมากกว่านั้นเธอก็อาจไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกตัวเองอีกเลย ว่ามันเป็นเพียงความต้องการที่ฉาบฉวยหรือความรักจริงๆ กันแน่
หลังจากเธอมั่นใจว่ามันคืออะไร เธอเลยยอม
แต่เหมือนจะมีบางคนไม่พอใจกับการตัดสินใจของเธอ
ไอริลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดลงจากต้นไม้อย่างนุ่มนวล เธอมองหน้ามารดาตนแวบหนึ่งก่อนก้มหัวลง อดกังวลไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่จะออกมาจากริมฝีปากของนาง
"ได้ข่าวว่าติดสตรีอยู่หรือ" น้ำเสียงราบเรียบทรงอำนาจทำให้เธอไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้าขึ้น แขนเกร็งจนเส้นเลือดนูนขึ้นมา ใบหูได้ยินเสียงเหยียบกิ่งไม้เดินเข้ามาใกล้ตัวเธอ ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวเชยปลายคางเธอขึ้น "ตอบแม่สิ"
นางมีนัยน์เนตรสีทอง ผมสีดำสนิทยาวจนถึงสะโพกสะพายที่กลมกลึงน่าสัมผัส ร่างออดอ้อนอรชรให้ความรู้สึกน่าถนุถนอม เรียวคิ้วโก่ง จมูกโด่งคม
ท้ายที่สุดนางมีชื่อว่าโอริว เปรียบเสมือนราชินีของเผ่าพันธุ์มังกรโบราณทางตะวันออก นอกจากนั้นนางยังเป็นมังกรที่เป็นจุดศูนย์กลางสวรรค์ของแดนอาทิตย์อุทัย รายล้อมด้วยอสูรปกครองศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ คือมังกรฟ้า เต่าดำ หงส์แดง และเสือขาว
แต่...โลกนี้ไม่ได้มีมังกรอยู่เผ่าพันธุ์เดียวหรอก โอริวเลยเป็นมังกรทองที่เกือบจะมีอำนาจมากสุดในหมู่มังกรด้วยกันเอง
"ใช่เพคะ" ไอริกระซิบตอบมารดาของตนเอง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีทองที่แฝงไปด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่าง
"บิดาของเจ้าสนทนากับข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้" โอริวกระซิบ นางปล่อยมือจากปลายคางเธอ "เขาดูไม่สบายใจที่ปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่ ได้ยินว่านางเป็นหญิงขายตัวหรือ ไอริ"
"ก็..." เธออ้อมแอ้ม อธิบายไม่ถูก บัตเตอร์ฟลายไม่มีสัมพันธ์กับผู้ใดนอกจากเธอ จะเรียกว่าหญิงขายตัวก็ยังไงอยู่ "ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว"
"แต่ก็ใกล้เคียงไม่ใช่หรือไง"
"..."
ไอริเงียบ นางถอนหายใจแล้วดึงให้เธอยืนขึ้น มือเรียวลูบไล้ใบหน้าเธอ ก่อนที่คำพูดเสียดแทงคำต่อมาจะถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากหยักสวย
"แต่ในเมื่อมันไม่จำเป็นต่อชีวิตก็สละทิ้งบ้าง"
"..."
"ของสกปรกน่ะ ไม่ต้องไปยุ่งให้มากดีกว่า ไอริ"
ประโยคนั้นทำให้เธอปล่อยน้ำตาหยดหนึ่งลงมา...
แล้วมารดาก็ปาดน้ำตาให้เธอ นางส่ายศีรษะเป็นเชิงว่าเธอไม่ควรร้องไห้ให้กับเรื่องพวกนี้ เพราะแบบนั้นเธอเลยไม่ปล่อยให้น้ำตาหยดที่สองไหลตามมา เธอย้อนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นคงเท่าที่จะทำได้
"แม่อยากให้หนูกลับหมู่บ้านตอนนี้เลยเหรอ"
"ใช่"
"..."
"กลับไป และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก"
มันคงเป็นการบอกกลายๆ ว่า 'ไปจากที่นี่ซะ แล้วอย่ากลับมาเจอผู้หญิงคนนั้นอีก' เธอเลยจำใจพยักหน้า ขัดคำสั่งมารดาคือสิ่งสุดท้ายที่เธอคิดจะทำ
แม่ลูบศีรษะเธอ จูบลงบนหน้าผากแล้วจากไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกหนักอึ้งกับสิ่งที่ต้องทำ เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสให้บอกลาเลยด้วยซ้ำ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเธอก็เก็บข้าวของแล้วเดินทางออกจากเมืองหลวงอาเธอร์ในทันที
ระหว่างทาง เหมือนเธอได้ยินเสียงตัวเองอีกครั้ง
'หากคนสองคนอยู่ใกล้กันตลอดสองเดือน ทั้งคู่จะไม่อยากแยกจากกันอีก'
ไอริดีใจมากที่เธอไม่มีโอกาสได้พิสูจน์มัน
เธอทิ้งบัตเตอร์ฟลายไว้ข้างหลัง ส่วนความรัก...
ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นความรักที่ไม่สมหวังต่อไป
ระหว่างทางกลับที่เป็นป่านั้น เธอเดินฉีกออกนอกเส้นทางเพราะไม่อยากเจอผู้คนที่สัญจรไปมา ความรู้สึกพังไม่มีชิ้นดี แต่มันกลับทำให้เธอเจอใครบางคนที่ดักรออยู่
สิ่งแรกที่เธอสังเกตคือนางใส่หน้ากาก
"ข้าชื่ออิลูเมีย" นางแนะนำตัว
"..." ไอริมองอย่างไม่ไว้ใจ
"เจ้าเป็นคนจัดการเจ้ายักษ์บนเขาทิศเหนือมาหรือ" นางเผยยิ้มใจดีบนริมฝีปาก แต่เธอไม่คิดหรอกว่านางใจดี ที่สำคัญกว่านั้นคือนางทราบได้ยังไงว่าเธอไปจัดการอสูรกายบนเขาลูกนั้น
ริมฝีปากของอิลูเมียขยับเล็กน้อย...
"ใช่" และอะไรบางอย่างก็ดลบัลดาลให้เธอตอบ
"เจ้าทราบหรือไม่ว่าข้าคือใคร"
"ราชินีแห่งเทพโอลิมเปียน"
"ทราบก็ดีแล้ว ข้ามีเรื่องจักตกลงกับเจ้า" อิลูเมียสาวเท้าเข้ามาใกล้ ขณะที่ร่างกายเธอแข็งทื่อขยับไม่ได้ ทั้งมือทั้งแขนหนักอึ้งไปหมด ศีรษะเธอเองก็เหมือนถูกทุบซ้ำๆ ด้วยอะไรสักอย่างจนเจ็บและเบลอ
"สิ่งใด" เสียงที่ออกจากริมฝีปากเธอแผ่วเบา
"ข้าอยากให้เจ้าช่วยมาเป็นนักรบของข้า" นางยกมือขึ้นแตะหน้ากากตัวเอง วูบหนึ่งที่ไอริหวังว่านางจะถอดมันออก เธออยากเห็นใบหน้าใต้หน้ากากของนางว่ามันจะเป็นแบบไหน สุดท้ายแล้วนางก็เพียงค้างมือไว้แบบนั้น
เธอคิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ในทันใด "ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน"
"ว่ามา" อิลูเมียแสดงให้เธอเห็นว่าต่อให้มันเป็นข้อเสนอที่ยากแค่ไหน นางพร้อมจะทำมันเพื่อให้ได้เธอไปเป็นนักรบของนาง
"ช่วยพาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากเรือนนางโลม"
"..."
"ข้าขอเพียงแค่นั้น..."
พูดจบ นางก็ส่ายศีรษะทั้งรอยยิ้ม ราวกับมันเป็นข้อเสนอที่โง่มาก นางสะบัดมือวูบหนึ่งก็เหมือนมีพลังมหาศาลกดให้เธอเข้าสู่ห้วงนิทรา
บัตเตอร์ฟลายไม่แน่ใจว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เธอหันมองรอบข้าง ก่อนเลื่อนสายตากลับมามองเจ้าชายหนุ่มอีกรอบ
"เหตุใดเจ้าถึงไปอยู่ในที่แห่งนั้น" เธนตรัสถามเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เขาดื่มชาไปด้วยระหว่างที่เราคุยกัน แก้วชาของเธอก็ตั้งอยู่ข้างหน้า แต่เธอไม่อยากดื่ม
"ท่านหมายถึงรากฐานครอบครัวข้าหรือ" เธอถามอย่างระมัดระวัง
"ใช่ เล่ามาเถิด ข้าแค่อยากทราบเท่านั้น"
ก่อนหน้านี้เธนบอกเธอว่ามีคนสั่งให้เขาไปเอาตัวเธอออกมาจากที่นั่น และเธอก็ต้องมาอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้บอกว่าคนที่สั่งเป็นใครด้วยซ้ำ
"พ่อข้าเป็นหนี้ที่นั่นตั้งแต่ก่อนข้าเกิด" บัตเตอร์ฟลายเล่า "เมื่อข้าเกิดมาเลยจำต้องอยู่ที่นั่นเพื่อทดแทนบุญคุณนายหญิงที่ชุบเลี้ยงมา และเพื่อใช้หนี้ให้พ่อด้วยเพคะ"
เขาพยักหน้าอย่างเชื่องช้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจแล้ว
"เอาเถิด อยู่ที่นี่ข้าจะปั้นเจ้าเป็นนักฆ่า" เขากล่าว "เจ้ามีฝีเท้าที่เงียบยิ่งนัก"
เธอเม้มริมฝีปาก มันเป็นแค่ความสามารถพิเศษเท่านั้น
ตอนนี้จิตใจเธอพะวงค์อยู่กับไอริ สงสัยว่านางหายไปไหน แล้วจะตกใจรึเปล่าว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่
"แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน" เจ้าชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด "ไม่ว่าเจ้ากำลังรอผู้ใดอยู่ก็ตาม แต่ผู้ที่ออกคำสั่งให้ข้าเอาตัวเจ้ามาจากที่นั่น...บอกว่าคนที่เจ้ารออยู่จะไม่กลับมาให้เจ้าเจออีกแล้ว"
เธอชะงักค้าง วิงเวียนศีรษะ เมื่อมวลอากาศรอบข้างหยุดนิ่ง
ตึง!
"เจ้า...!"
"..." พื้นรอบข้างเย็นเฉียบ...
"ทหาร ไปตามแพทย์หลวงมา เร็วเข้า!!"
ไอริ...ท่านจะหายไปหรือ?
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ บัตเตอร์ฟลายก็พบว่าเธนพูดเรื่องจริง ไอริไม่โผล่เข้ามาในชีวิตเธออีกเลย ราวกับว่าเรื่องก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องหลอกลวง นางอาจไม่มีตัวตนจริง คงเป็นแค่ภาพลวงที่บังตาเธอ
แต่ทุกคำลวงที่เธอใช้กับตัวเองทำให้เธอเจ็บมากกว่าเดิม
ทุกๆ วัน เธอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากฝึกซ้อมต่อสู้ มันเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำให้เธอลืมไอริได้ในระยะหนึ่ง
ทุกๆ วัน ช่างยาวนานราวกับเป็นสิบปี
ทุกๆ วัน ทรมานเกินรับไหว ราวกับเธอติดอยู่ในช่วงเวลาที่มีไอริตลอด
จนกระทั่งมาถึงวันงานอภิเษกเธนขึ้นเป็นกษัตริย์ที่แท้จริง เขาเข้ามาคุยกับเธอถึงในห้องแต่งตัวว่า...
"องค์ชายจากเมืองข้างเคียงอยากผูกไมตรีกับเจ้า"
"..." บัตเตอร์ฟลายเงียบระหว่างปล่อยให้นางกำนัลม้วนผมตัวเองขึ้นเป็นมวย
"หากเจ้าต้องการ เจ้าสามารถแต่งงานกับเขาได้"
"..." เธอชำเลืองมองเธน
"ทิ้งอดีตไปซะเถิด"
และแล้วเจ็ดปีต่อมา วันที่ท่านอิลูเมียกลับมาหาไอริอีกครั้งก็มาถึง...
ราชินีแห่งราชวงศ์โอลิมเปียนมีสีหน้าซีดเซียวราวกับคนเหนื่อยล้า นางดูอ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นัยน์ตาสีฟ้ามองเธออย่างประเมิน
"ท่านประสงค์ให้ข้าทำสิ่งใด องค์ราชินี" เธอถาม ไม่สนว่าบิดาจะให้เธอทำภารกิจของนางหรือไม่ ก็เธอสาบานจะเป็นนักรบให้นางแล้ว เธอควรทำตามสัญญา
"ช่วยกีดกันนักฆ่าที่มีนามว่าบัตเตอร์ฟลายออกให้ห่างข้า" ชื่อที่ออกมาจากริมฝีปากนางทำให้เธอชะงัก
บัตเตอร์ฟลาย...คือชื่อที่เธอไม่ได้พูดถึงมันมานานมากแล้ว
ซึ่งท่านอิลูเมียดูเหมือนไม่รู้จักบัตเตอร์ฟลาย เพราะวันนั้นนางไม่ได้ไปหาบัตเตอร์ฟลายเอง นางเป็นเทพ ให้เปิดตัวต่อหน้าผู้คนก็คงไม่ดี
"น้อมรับคำสั่ง" เธอโค้งคำนับนาง
บิดาเธอเงียบไป ท่านอิลูเมียกล่าวสั่งเรื่องเล็กน้อยอีกสองสามประโยคก็จากไป เธอเลยเดินเข้าไปในบ้านเพื่อเก็บของ ตามที่เล่ามา บัตเตอร์ฟลายตามดูท่านอิลูเมียอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นก็ต้องอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แน่
แต่ผู้เป็นบิดาก็เดินตามเข้ามา
"รอพ่อก่อน" เขาแก่ขึ้นมากในช่วงเวลาเจ็ดปี เดินหายเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวแล้วกลับมาอีกครั้ง เขายื่นบางสิ่งให้เธอ
ไอริรับมันมาถือไว้ เธอกำมันแน่นมากจนรู้สึกเจ็บ
แล้วเขาก็ถามเธอเพียงคำถามเดียวเท่านั้น
"ยังรักอยู่หรือเปล่า"
[จบเนื้อเรื่องย้อนอดีต]
"ข้าคงทำใจทิ้งเจ้ารอบที่สองไม่ได้" ไอริกระซิบกับตัวเอง แล้วผละออกมา เธอตัดใจไปสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกบ้านพัก เหล่าภูตส่วนมากก็ยังไม่นอนกัน
คริกซี่เองก็ยังไม่นอน นางกำลังยืนคุยกับหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่งอยู่ มองอยู่สักพักเธอถึงเข้าใจว่าอีกคนคืออันนา เทพีแห่งจันทราที่เป็นคนดูแลที่นี่ นางอาจแวะมาทุกกลางคืนก็ได้
นัยน์ตาสีน้ำเงินเหลือบมองเธอ สีตาของนางเป็นสีเดียวกับไอริ
เพียงแค่เธอกระพริบตาครั้งเดียว...นางก็มายืนอยู่ตรงหน้า
"เจ้าทำภารกิจที่ได้รับจากท่านอิลูเมียเสร็จแล้วหรือ"
"ทำอยู่" เธอส่งสายตาไปยังประตูบ้านพักเพื่อบอกว่าบัตเตอร์ฟลายอยู่ในนั้น
"..." อันนามองตามไป
"เกิดอะไรขึ้นกับท่านอิลูเมียหรือ เหตุใดนางถึงมีสีหน้าย่ำแย่เช่นนั้น" เธออดถามไม่ได้ ขอใช้สิทธิ์ความเป็นนักรบส่วนตัวเพื่อเอาคำตอบ
"ท่านอิลูเมีย..." นางเงียบราวกับไม่อยากพูด แต่สักพักดันเปลี่ยนใจพูด "กำลังดูแลลูกกับ...คนรัก ข้าคิดว่าเช่นนั้น เพราะถึงนางไม่รู้ตัวแต่นางแสดงออกมาชัดเจนมากว่าคิดอะไรอยู่ภายใน รวมถึงข้าเองทราบเรื่องราวอยู่ส่วนหนึ่ง"
"คนรัก?" เธอสงสัยจนต้องทวนคำพูดนั้น
"ราชินีแห่งขุมนรก วีร่า" แล้วนางก็โน้มใบหน้ามากระซิบ อาจเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้ใครได้ยิน
"เข้าใจแล้ว" เธอพยักหน้า เล่าเท่านี้ก็พอแล้ว
"ท่านอันนา" เสียงเรียกของคริกซี่ดังขึ้นเบื้องหลังแอนนา ไอริขยับตัวเพื่อให้ภูตสาวได้มามีส่วนร่วมในวงสนทนา แต่เมื่อเข้ามา... "ท่านจะเสวนากับมังกรป่าเถื่อนไปเพื่ออันใด"
เธอถอนหายใจ ไม่น่าให้เข้ามาเลยจริงๆ
แต่มันกลับทำให้อันนาหลุดขำ "ไม่ใช่หรอก นางเป็นนักรบของท่านอิลูเมีย"
"ไม่มีทาง" คริกซี่ดูไม่เชื่อ "ท่านอิลูเมียควรหาคนที่นิสัยดีกว่านี้ นางทำร้ายมนุษย์แล้วพาเข้ามาในอาณาเขตข้า"
ท่าทางของนางดูชิงชังไม่น้อย ไม่แน่ใจว่าเกลียดเธอหรือเกลียดมนุษย์อย่างบัตเตอร์ฟลาย
"หนักหัวเจ้ารึไง" เธอย้อนกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่อยากเสวนากับคนพาลที่ไม่รู้เรื่องที่แท้จริง เธอเองก็ไม่อยากอธิบายด้วยว่าอะไรมันเป็นมายังไง "อยู่เงียบๆ อาจไม่ได้ทำให้เจ้าตาย แต่หากพูดมาก คงทราบโดยทั่วกัน"
"ท่านอันนา!" แล้วคริกซี่ก็เลื่อนไปหลบหลังอันนาในทันที
ไอริเบะปากอย่างหมั่นไส้ ถือว่าเธอจะให้เกียรติเทพีที่ยังยืนอยู่ตรงนี้แล้วกัน
แอด...
เสียงเปิดประตูอย่างแผ่วเบาทำให้เธอหันไปมอง เพราะสัมผัสได้ว่ามันดังมาจากบานประตูด้านหลัง
บัตเตอร์ฟลายโซเซออกมา นางมองเธอด้วยสายตาพร่าเลือน
"แผลของนางยังไม่หายดีเลย" คริกซี่ขมวดคิ้ว แต่เมื่อเข้าไปห้ามก็โดนคนเจ็บผลักออกมา บัตเตอร์ฟลายเดินอย่างเชื่องช้าไปยังทางออกหมู่บ้าน "ให้ตายเถอะ นางคิดจะไปไหนกัน"
"บัตเตอร์ฟลาย" เธอเรียกชื่อของนักฆ่าสาวเอาไว้ จนนางหยุดเดิน
"..." ไร้ซึ่งเสียงตอบรับกลับมา
"เจ้าจะไปที่ใดกัน"
"ไม่ใช่เรื่องของเจ้า..." เสียงแหบพร่ากระซิบตอบกลับมา นางเดินด้วยความเร็วที่เชื่องช้า แต่เร็วกว่าที่มนุษย์ธรรมดาเดิน
ไอริปล่อยให้นางไปไม่ได้ เพราะแบบนั้นเลยเดินไปคว้าแขนของนางไว้ ดึงนิดดึงหน่อยร่างบอบบางก็เซกลับมาหาเธอ บ่งบอกให้รู้เลยว่านางยังอ่อนแอมาก
"ดูเหมือนนางจะไม่อยากทำร้ายเจ้า" เทพีแห่งจันทรายกมือขึ้นกอดอกแล้วพูด ไอริเลยหลุบสายตามองมือของบัตเตอร์ฟลายที่กำดาบไว้หลวมๆ
ในระยะนี้ หากนางคิดจะฆ่าเธอ เธอตายแน่ๆ แต่นางไม่ได้ทำ เหมือนกับที่เธอไม่คิดป้องกันตัว
"กลับไปเสวนากันก่อน" เธอพูดเสียงอ่อนเพื่อหว่านล้อม
"..." บัตเตอร์ฟลายขยับปากแต่ไม่มีเสียงหลุดออกมา เธอพออ่านออกอยู่นิดหน่อยว่านางพูดอะไร นางพูดว่า 'ไม่มีเรื่องที่เราต้องเสวนากัน'
"มีสิ" เธอยืนยัน "มีแน่ๆ หากเจ้ายอมตามข้ามา"
ฟุบ!
จบประโยคนั้น บัตเตอร์ฟลายก็ทำท่าจะล้มกองไปกับพื้นทราย ดีหน่อยที่ไอริรู้ตัวทันเลยคว้าร่างบางเอาไว้ได้ก่อน นางไม่ได้สลบ ดูเหมือนว่าแค่ไม่มีเรี่ยวแรงที่ใช้ค้ำยันตัวเองให้ยืนอยู่ได้
"ไว้ค่อยเสวนากันใหม่" ไอริบอกกับแอนนาและคริกซี่
ระหว่างเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง เธอได้ยินเสียงนางหัวเราะดูแคลนในลำคอพลางพูดว่า 'ความรักอีกแล้วหรือ' ส่วนคริกซี่พูดว่า 'ดูแลนางดีๆ' ปิดท้าย
เธอวางบัตเตอร์ฟลายไว้บนเตียง แล้วนั่งลงที่ปลายเท้านาง ใช้นิ้วบีบนวดขา ไล่ย้ำไปยังส่วนต่างๆ เพื่อให้นางผ่อนคลาย ได้ยินเพียงเสียงหายใจสม่ำเสมอของนางเท่านั้นระหว่างที่ก้มหน้าอยู่
"เหตุใดเจ้าถึงทิ้งข้าไป" นางเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย
"..." ไอริเงยหน้ามอง หยุดทุกสิ่งที่ทำไว้
"เจ้าปล่อยให้ข้าสัมผัสเจ้า...แล้วเจ้าก็ทิ้งข้าไป" เพราะมองอยู่ เธอถึงได้เห็นว่านางกำลังร้องไห้อย่างเงียบเชียบ น้ำตาเม็ดโตไหลออกมาจากดวงตาคู่งาม ไม่มีเสียงสะอื้นให้ได้ยิน "ทราบหรือไม่ เจ้าทำอะไรกับข้า"
"..."
"ข้าเจ็บเหมือนตาย มันยิ่งกว่าการถูกศรปักอกเสียอีก"
"..."
"มันเหมือนกับว่า...เจ้าจงใจฆ่าตายทั้งเป็น แต่ข้าไม่ตาย" นางซุกใบหน้าเข้ากับฝ่ามือของตัวเอง ร่างกายบางสั่นเทาและดูขลาดกลัว "ข้าอยากตาย อยากมานานแล้ว ไม่มีผู้ใดปล่อยให้ข้าตายเลย ทำไม..."
"..."
ไอริรู้ได้ว่านางกำลังพร่ำเพ้อถึงอดีต เธอนิ่ง ปล่อยให้นางพูดออกมาให้หมด
"ทั้งพ่อ ทั้งนายหญิง ทั้งเธน ทั้งคู่หมั้นแย่ๆ หรือเตียวเสี้ยน"
เท่าที่ฟังมา เธอรู้จักแค่นายหญิงเท่านั้น
"ปล่อยข้าเถิด..."
"ไม่" ไอริกล่าวออกมาเป็นคำแรก เธอขยับตัวไปเช็ดน้ำตาให้นาง ดึงมือนางมากุมไว้ "ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าตาย"
"แม้แต่เจ้าก็โหดร้ายกับข้า" เสียงนางสั่นเครือ
"ความรักโหดร้ายเสมอ" เธอกระซิบ "และข้าเองก็คงเป็นคนโหดร้าย หากว่าข้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้าตาย เพราะข้ารักเจ้า"
"..." บัตเตอร์ฟลายมองเธออย่างว่างเปล่า แต่ภายในความว่างเปล่านั้น...ราวกับกำลังมีอะไรบางอย่างแตกสลายออกมา บางอย่างที่นางเก็บกลั้นไว้นานนับเจ็ดปี
"เจ้าอยู่กับข้าได้หรือไม่" เธอถามอย่างอ้อนวอน "เราอยู่ด้วยกันได้ไหม"
ไอริจะไม่พูดเรื่องอดีตขึ้นมาอีก เพราะเธอรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว
แม่ของเธอ โอริว เคยชุบเลี้ยงมนุษย์ไว้ เป็นหญิงสง่างามคนหนึ่ง และนางก็ทำงานอยู่ในเรือนนางโลม โอริวรักนางมากในแบบเชิงชู้สาว ตอนนั้นไอริเกิดมาได้ประมาณสองปีเศษแล้ว
แต่หญิงคนนั้นกลับท้องลูกของผู้ชายคนหนึ่ง
ใช่ นางคือแม่ของบัตเตอร์ฟลาย แต่แม่ของบัตเตอร์ฟลายตายไปนานแล้ว ตั้งแต่บัตเตอร์ฟลายลืมตาดูโลก
ที่โอริวพูดถึงของสกปรก ไม่ใช่เพราะตัวบัตเตอร์ฟลาย แต่เพราะว่าบัตเตอร์ฟลายเป็นลูกของผู้หญิงที่แม่เคยรัก
"แม่ของลูกพูดกับพ่อว่า หากลูกกับหญิงคนนั้นหวนกลับมาเจอกันอีกเพราะคำสั่งของใครสักคน ถือว่าลูกและนางเป็นคู่แท้ที่ไม่มีผู้ใดสามารถเอ่ยปากห้ามได้" ผู้เป็นบิดาพูดหลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบ
"...ทำไมถึงต้องเพราะคำสั่ง" เธอถามกลับไป
"อาจเป็นเพราะว่าลูกจำต้องแยกจากนางด้วยคำสั่งกระมัง และเพราะแม่ทราบดีว่าลูกไม่มีวันขัดคำสั่งของนาง นอกจากได้รับคำสั่งจากผู้อื่นที่สำคัญต่อตัวลูกเหมือนกัน"
"..."
"หากลูกยังรักบัตเตอร์ฟลายก็สวมแหวนวงนี้ให้นาง แม่ลูกเป็นคนให้มา โอริวบอกว่ามันคือแหวนวงเดียวกับที่นางเคยให้แม่ของบัตเตอร์ฟลาย"
"..."
"แม่ฝากบอกว่า...จะไม่กีดกั้นอันใดอีกต่อไปแล้ว"
"ข้าขอโอกาสอีกสักครั้งได้หรือไม่" ไอริถามบัตเตอร์ฟลายที่ยังคงนิ่งเงียบ "เลิกยึดติดกับอดีต แล้วเรามาเริ่มกันใหม่"
"..."
"เราสองคน" เธอย้ำและเริ่มใจเสียที่นางไม่ตอบอะไรกลับมาเลย
ได้โปรดเถอะ ไอริได้แต่ภาวนา
"ท่านจะไม่ทิ้งข้าไปแล้วใช่ไหม" นางตอบกลับมา ดูเหนื่อยอ่อน ราวกับว่าตอนนี้นางพร้อมจะหยุดวิ่งหนีความจริงแล้ว แถมสิ่งที่เรียกใช้แทนตัวเธอก็กลับมาเป็นเช่นเดิมแล้วด้วย "ท่านโปรดให้สัตย์สาบานกับข้า ท่านหญิง"
"ข้าสาบานว่าจะไม่ทิ้งเจ้าไปอีก" เธอให้คำมั่น "ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางเราได้อีกแล้ว"
ไม่มีใครอีกแล้วที่สามารถทำแบบนั้นได้ ต่อให้มี...เธอจะไม่ยอม
"ข้ารักท่าน" บัตเตอร์ฟลายหลุดคำพูดที่ทำให้หัวใจเธอพองโตออกมา "รักท่านมาตลอด รักท่านตั้งแต่เห็นหน้าท่านครั้งแรก"
ไอริเองก็เหมือนกัน
"ไม่ว่าตอนนี้เจ้าจักทำสิ่งใดอยู่ ข้าขอให้เจ้าหยุดมันเพื่อข้าได้หรือไม่" เธอใช้มองนางอย่างคาดหวัง และชะงักไปนิดๆ เมื่อนางมอบจุมพิตบนริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบาจนแทบไม่รู้สึก "หยุดมัน และอยู่กับข้า"
"ข้า..." นางดูลังเล ไอริทราบดีว่านางอาจรับใช้ใครสักคนอยู่ ใครสักคนที่สั่งให้นางตามดูท่านอิลูเมีย
แต่ไว้ไอริจะแวะไปเคลียร์ด้วยวันหลัง
ในมือของเธอถือแหวนวงนั้นไว้อยู่ แหวนที่ประดับไปดาด้วยพลอยสีแดงเพลิงและมีหัวมังกรรายล้อม อาจดูประหลาดไปบ้าง แต่ในความประหลาดก็ยังมีความขลังของมันแฝงซ่อน
"แต่งงานกับข้าได้ไหม"
หมับ!
บัตเตอร์ฟลายพุ่งเข้ามากอดเธอเต็มรัก
นางกระซิบ "ค่ะ"
[เนื้อเรื่องในส่วนของบัตเตอร์ฟลาย เมื่อสองปีก่อน]
บัตเตอร์ฟลายกำลังเร่ร่อนอยู่ในป่าอะไรสักอย่างที่เธอไม่รู้จัก แต่สัญชาตญาณทำให้เธอก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างไม่ย่อท้อ
อย่าหยุด เธอเตือนตัวเอง
เป็นเวลาสามวันแล้วที่เธอเดินทางอยู่ในป่า หาน้ำตามลำธารแล้วเก็บของป่ากินไปเรื่อย แต่อย่างน้อยเธอก็มีความสุขที่ได้ทำ ดีกว่าฝึกซ้อมอยู่ในพระราชวังของเธนไปอย่างไร้ความหมาย
เธอขอแยกตัวออกมาได้แล้วหลังจากเพิ่งยกเลิกสัญญาหมั้นกับองค์ชายหนุ่มเมืองข้างเคียงไป
เธนยอมปล่อยเธอไปตามทางของเธอ เพราะเขาทราบว่าเธอเปรียบดั่งสายลมที่เขาจับต้องไม่ได้
ลมมีความต้องการของตัวเอง และจะหยุดพัดในที่ที่ควรหยุดเท่านั้น
เสียแต่ว่า...ป่าแถบที่เธอเดินอยู่ตอนนี้แตกต่างจากป่าที่เดินอยู่เมื่อสองวันก่อนมากนัก ที่นี่ไม่มีผลไม้กินได้ น้ำที่ไหลผ่านเป็นน้ำพิษ ทำให้เธอไม่สามารถดื่มกินได้เช่นกัน ที่แย่คือเสบียงเธอหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
เธอเดินต่อได้อีกสองชั่วโมงก่อนจะล้มตัวลงเพราะความเหนื่อยอ่อน
ตายแบบนี้ก็ไม่เสียใจหรอก บัตเตอร์ฟลายคิดในใจ
เธอหลับตาลงเพราะเหนื่อยมากแล้วจากการเดินมานานมาก เพียงแค่หากเธอหลับไป อาจไม่ตื่นขึ้นมาอีกก็ได้...
แกร๊บ!
เสียงเหยียบกิ่งไม้ที่ดังขึ้นในระยะใกล้ทำให้เธอสะดุ้งเฮือกจนลืมตาขึ้น สัมผัสต่อมาคือมีแขนคู่หนึ่งโอบตัวเธอ ให้เธอลุกขึ้นนั่ง
เธอสอดส่องมองหญิงสาวที่กำลังพยุงเธอไว้ด้วยสายตาเคลือบแคลง นางเป็นหญิงสาวที่สวยมากและดูอ่อนเยาว์ อะไรบางอย่างที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนางช่างดูทรงอำนาจเกินกว่าเธอจะจับต้องได้
นางมีใบหน้าที่สวยงามจนแม้แต่หญิงเช่นเดียวกันอย่างเธอยังต้องอาย
"เจ้าเป็นอันใดหรือ" เสียงตื่นตระหนกอย่างน่ารักหลุดออกมาจากเรียวปากจิ้มลิ้ม
"..." เธอเงียบ
"เจ้าชื่ออะไร" นางถามอีก
"บัตเตอร์ฟลาย"
"บัตเตอร์ฟลายหรือ...เจ้ามาทำอะไรที่นี่"
"..." เธอไม่ตอบ
"เจ้าหลงทาง พลัดหลงกับครอบครัว?" นางคาดเดาไปเองต่างๆ นานา ทำให้เธอส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ แต่แล้วนางก็ถามเธออีกครั้ง "หากเจ้าไม่มีที่ไป จะไปอยู่กับข้าก็ได้"
"..." เธอเงียบ แต่ถามทางสายตา 'เจ้าชื่ออะไร?'
แล้วนางก็ระบายรอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นออกมา...
"เตียวเสี้ยน ข้าชื่อเตียวเสี้ยน"
ความคิดเห็น