คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 6
คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน |
EPISODE06
Alternative Universe 01❖Everything started from 'force'
หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าบัตเตอร์ฟลายมีรูปร่างสูงผอมเพรียว สวมชุดเสื้อเกราะกับกระโปรงยาวพริ้วไปตามลมสีเขียวมรกต ใบหน้าเรียว ริมฝีปากบางเฉียบ แผลกรีดยาวที่ลำคอ ดาบยาวสองเล่มเหน็บอยู่ตรงแผ่นหลัง ทั้งหมดคือส่วนผสมที่ไม่น่าเกลียดและดูลงตัวอย่างประหลาด
หากนางไม่ใช่ 'ไอริ' บัตเตอร์ฟลายคงกล่าวถามด้วยความห่วงใยไปแล้วว่ามาทำอะไรอยู่กลางป่าในเวลาใกล้ค่ำเช่นนี้
ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรก่อน นางเพียงแค่ยกมือขึ้นนวดคลึงต้นคอของตัวเองราวกับกำลังปวดเมื่อย นัยน์ตาสีน้ำเงินเย็นชาจับจ้องเธออยู่แบบนั้น
เสียงคำรามของสัตว์ป่าดุร้ายทำให้บัตเตอร์ฟลายเริ่มกระสับกระส่าย เธออยู่ที่นี่ไม่ได้เพราะมันอันตรายเกินไป
อย่างน้อยหากต้องค้างคืนในป่าเธอก็ควรออกตามหาสถานที่ปลอดภัยเผื่อไว้ก่อน
ที่สำคัญ...เธอเพิ่งคลาดกับราชินีแห่งโอลิมปัส ซึ่งเป็นภารกิจของเธอ
"เจ้ามาทำอะไรที่นี่" บัตเตอร์ฟลายเป็นฝ่ายกล่าวก่อนเพราะเบื่อจะเล่นจ้องตาแล้ว เธอเป็นนักฆ่าที่ความอดทนต่ำในเรื่องไร้สาระ อย่างเช่นการกระทำของไอริเป็นต้น
"มีธุระกับเจ้า" ไอริกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาและห่างเหิน สรรพนามที่ใช้ก็บอกชัดว่านางไม่ได้เห็นความสำคัญของเธอเลย แม้แต่ฐานะ 'อดีตเพื่อน' นางยังให้เธอไม่ได้ "หากไม่เป็นการรบกวนนัก ได้โปรดอยู่กับข้าสักระยะหนึ่ง"
"ตลก" มือของเธอเลื่อนไปจับดาบซึ่งเหน็บอยู่ที่เอวซ้าย
บังเอิญเหลือเกิน ที่ที่เราสองคนยืนอยู่เป็นลานโล่งกว้างเหมาะแก่การต่อสู้ ถึงเธอจะทราบอยู่แก่ใจว่าไม่สามารถสู้ชนะนางได้ก็ตาม แต่หากให้ทำเพื่อความสะใจ และฝากฝังรอยแผลไว้ให้นางได้สักสองหรือสามรอย ทั้งหมดนั่นก็เพียงพอแล้ว
"ไม่จำเป็นต้องสู้กัน ข้ามาในฐานะเพื่อน" คำพูดของนางทำให้เธอชะงัก
"เพื่อนเหรอ" บัตเตอร์ฟลายทวนอย่างไม่เชื่อหู
"..."
"แต่เจ้าทิ้งข้าไปนานแล้วนะ"
เกิดความเงียบขึ้นยาวนาน สีหน้าของไอริเปลี่ยนไป เธอขยับปลายเท้าหันไปอีกด้านหนึ่งเพื่อเตรียมหนี จากที่ไม่ไว้ใจอยู่แล้วก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ นางไม่ได้มาดีแน่ๆ
มวลอากาศเปลี่ยนไป มันบีบตัวเข้าหากันจนเธอเริ่มหายใจไม่ออก เมื่อหรี่ตามองตรงไปข้างหน้าก็พบว่าไอริเปลี่ยนร่างเข้าสู่ร่างที่แท้จริง
บัตเตอร์ฟลายเบิกตากว้าง แต่ก็หนีไม่ทันเมื่อนางพุ่งเข้าใส่จนเธอกระแทกเข้ากับลำต้นของต้นไม้อย่างแรงจนกระอักเลือด เหมือนภายในฟกช้ำจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว
"ความจริงก็คือข้ากลับมาแล้ว" นางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ นัยน์ตาสีทองดูน่ากลัวและน่าเกรงขามไปพร้อมกัน
เธอสำลักเมื่อถูกตรึงไว้บนพื้น ตามร่างกายเจ็บแปลบไปหมด หายใจติดขัด แต่ถึงจะเจ็บแค่ไหนก็ไม่มีน้ำตาบนใบหน้าเธอ
เกล็ดที่สองแขนของไอริกรีดผิวเธอจนเป็นรอยแผล เลือดซึมจางออกมา นัยน์ตาสีทองหลุบสายตามองสภาพของเธอด้วยสายตาที่สมเพชก็ไม่เชิง สงสารก็ไม่ใช่ ปีกมังกรบนแผ่นหลังบางกระพือจนเกิดเสียงดังสนั่น ต้นไม้หักโค่นลง สัตว์ป่าจำพวกนกแตกตื่นบินหนีไป แต่เสียงสัตว์ป่าที่ใหญ่กว่านั้นก็เงียบไปเช่นกัน
เมื่อเผ่าพันธุ์มังกรโบราณปรากฏตัว ทุกสิ่งจำเป็นต้องหลีกทางให้อย่างเสียไม่ได้
"ข้าไม่อนุญาตให้เจ้า..." บัตเตอร์ฟลายพยายามแค่นเสียงออกจากลำคอ "กลับมา"
"เหรอ" นางรับคำอย่างเฉยชาแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดเลือดที่มุมปากให้เธอ
เธอยกมือขึ้นผลักไหล่แข็งยิ่งกว่าหิน แต่ก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
ร่างที่แท้จริงของลูกครึ่งมังกรอย่างไอริคือทั่วทั้งร่างกายจะแข็งดั่งเหล็กกล้าเป็นผลมาจากเกล็ดมังกร ดวงตาเปลี่ยนสี และมีปีกมังกรปรากฏขึ้นกลางหลัง
"อะ ออกไป" เธอพยายามเอ่ยปากไล่ เค้นเสียงทั้งหมดขึ้นมาจากลำคอ "ออกไปให้พ้น..."
แต่ไอริไม่สนใจคำพูดของเธอเลย สิ่งต่อมาที่เกิดขึ้นคือนางยกมือขึ้นมา กำเป็นกำปั้น แล้วต่อยหน้าท้องเธอในระดับที่ทำให้หมดสติในทันที
ไอริอุ้มร่างไร้สติของบัตเตอร์ฟลายขึ้นหลังจากมั่นใจว่าหล่อนสลบไปแล้ว เธอมองความบอบช้ำซึ่งเกือบทำให้ถึงตายที่เธอเป็นคนทำ
ก่อนตัดสินใจมองตรงไปข้างหน้าแทน
เธอไม่กลับไปยังหมู่บ้าน ไม่อยากให้ใครรู้เห็นว่าเธอมาเจอนางอีก เปลี่ยนทิศตรงไปยังหมู่บ้านของชาวภูตในป่าที่ลึกเข้าไป จนกระทั่งสังเกตเห็นภูตตนหนึ่ง เธอจึงเข้าไปขอความช่วยเหลือ
ตอนแรกชาวภูตปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นว่าเธอเป็นอะไรเต็มสองตา ทุกคนเปลี่ยนใจ
คงไม่มีใครอยากให้มังกรอาละวาดในหมู่บ้าน
มีแค่หมู่บ้านของไอริที่มองมังกรเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเทพ แต่ในสายตาผู้อื่นมังกรเป็นความหายนะ เพราะแข็งแกร่งจนรับมือไม่ได้
"ฝากรักษานางให้หาย" เธอกล่าวกับภูตสาวที่ชื่อ 'คริกซี่' ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของผู้นำที่นี่
หากจำไม่ผิด หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ในความดูแลของเทพีแห่งจันทราที่มีชื่อว่าอันนา
หลังจากคริกซี่พาบัตเตอร์ฟลายหายเข้าไปในบ้านพักหลังหนึ่ง ไอริก็รออยู่สักพักเพื่อให้คริกซี่มาบอกว่าความเสียหายที่เธอทำเลวร้ายแค่ไหน
ไม่นานร่างเล็กที่มีปีกสีสันสดใสอยู่กลางหลังก็ออกมา
คริกซี่แจ้งกับไอริด้วยน้ำเสียงมั่นคงและไร้ความกลัวเกี่ยวกับอาการของบัตเตอร์ฟลาย และบอกว่าจำเป็นต้องใช้เวลาในการรักษาประมาณหนึ่ง เธอเลยกลับคืนสู่ร่างเดิมแล้วเดินเล่นอยู่ในหมู่บ้าน ไม่ยอมไปไหนไกล
ไอริตัดสินใจช่วยชาวภูตในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นการไปตักน้ำที่ลำธาร เพื่อเป็นการตอบแทนความช่วยเหลือ
จนกระทั่งคริกซี่ออกจากที่พักชั่วคราวของบัตเตอร์ฟลายมาแจ้งเธออีกครั้ง
เธอผละจากสิ่งที่ทำค้างไว้ทันที
"เจ้าสามารถเข้าไปหานางได้ แต่กรุณาอย่าเสียงดัง" นัยน์ตาที่คริกซี่ใช้มองเธอมีความไม่พอใจนิดๆ แฝงอยู่ นางอาจมองเธอเป็นมังกรป่าเถื่อนทำร้ายมนุษย์ก็ได้
"ขอบใจเจ้ามาก" เธอกล่าวตามมารยาทแล้วเปิดประตู
เมื่อเข้ามาในห้องมืดมิด ที่มีเพียงแสงจันทร์สาดส่องเข้ามา ไอริเดินมาหยุดอยู่ตรงบริเวณปลายเตียง ใช้มือลูบไล้ใบหน้างดงามของบัตเตอร์ฟลาย ปัดเรือนผมสีบลอนดิที่ปรกอยู่ออกไป เห็นรอยแผลที่โผล่ออกมานอกเนื้อผ้าแล้วอดใจหายวาบไม่ได้
การได้เจอนางและได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งทำให้เธอนึกถึงความหลังของเรา
ความหลังที่ผ่านมานานมากแล้ว และแก้ไขไม่ได้อีก
ซึ่งเรื่องที่เธอทิ้งบัตเตอร์ฟลาย ก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ
[เนื้อเรื่องย้อนอดีต]
เจ็ดปีก่อน ในเมืองหลวงของอาณาจักรที่มีชื่อว่า 'อาเธอร์' ที่นี่มีกษัตริย์เป็นมนุษย์ปกครอง
เธอได้เจอบัตเตอร์ฟลายในวัยสิบห้าปีในชุดเสื้อผ้าน้อยชิ้น ท่อนบนใส่เพียงผ้าพันรอบหน้าอก ท่อนล่างใส่เพียงกระโปรงสั้นสีแดงสด นางนั่งพับเพียบอย่างสำรวมอยู่ในเรือนนางโลมขนาดใหญ่
ขอเท้าความสักนิดก่อนแล้วกันว่าทำไมไอริถึงมาอยู่ที่นี่
บิดาของเธอแวะมาที่นี่เพื่อปลดปล่อยความต้องการในแบบของบุรุษเพศ เธอไม่ได้รังเกียจเพราะเห็นมาตลอดว่าตอนที่เธอยังเด็ก เขาไม่เคยมีใครนอกจากแม่ที่อยู่สูงเกินเอื้อมถึง ไม่เคยคิดไปยุ่งกับสตรีคนไหนนอกจากดูแลเธอ ซึ่งหากพ่อเลือกสตรีและเดินเข้าไปในห้องพัก เธอก็จะไปจากที่นี่ ไปเดินเล่นในเมืองหรือทำสิ่งที่อยากทำ
ไอริไม่เคยสัมผัสกับประสบการณ์ร่วมกามากับใครสักคนมาก่อน
ทำให้เธอขมวดคิ้วเมื่อมองเด็กหญิงคนนั้นแล้วรู้สึกสนใจ
ตัวเธอเองยังไม่แน่ใจเลยว่ามองนางแล้วรู้สึกแบบไหน แต่เธอก็เอี้ยวใบหน้าไปกระซิบกับบิดาที่ยืนอยู่ข้างกันเพื่อบอกความประสงค์
"พ่อ" เธอเรียกเขา "ไอริอยากได้เด็กคนนั้น"
เธอปรายตามองเด็กหญิงสิบห้าที่นั่งเงียบอยู่คนเดียว ผู้เป็นบิดาดูแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้ทักท้วงนอกจากคุยกับเจ้าของเรือนโลมแล้วเรียกตัวคนที่เธอต้องการมาให้
จำได้อีกทีเธอก็เข้ามานั่งในห้องที่มีแสงสว่างสลัวๆ กับเด็กหญิงที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแล้ว
"เจ้ามีชื่อว่าอะไร" ไอริถามแล้วมองสำรวจนางไปด้วย
"บัตเตอร์ฟลายเพคะ ท่านหญิง" นางอ่อนน้อมถ่อมตน ดูน่ารักในสายตาเธอ แต่เธอก็มั่นใจว่านางถูกฝึกมาให้ทำแบบนี้กับทุกคน
บัตเตอร์ฟลายนั่งอยู่ใกล้เธอมาก ผ้าน้อยชิ้นเหมือนพร้อมหลุดอยู่ตลอดเวลา และเกินกว่าจะรู้ตัวทัน ไอริยื่นมือไปสัมผัสกับใบหน้าเล็กแล้วเชยปลายคางนางขึ้น ให้เธอสังเกตนัยน์ตาสีเทาพายุกับริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มได้เต็มตา
"เจ้าทำงานอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้ว" เธอกระซิบ
"ข้าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด แต่เพิ่งเริ่มทำงานวันแรกเพคะ" นางตอบแล้วระบายรอยยิ้มน่าหลงใหลบนใบหน้าไปด้วย แปลกดีที่เด็กอายุเท่าหล่อนควรกลัวเรื่องพวกนี้ แต่ดูเหมือนนางจะไม่กลัวเท่าไหร่นัก
ไอริสังเกตเห็นความเย็นชาที่แฝงเร้นอยู่ในตัวบัตเตอร์ฟลายผ่านท่าทางน่าเอ็นดูที่นางแสดงออกมาได้
"ที่สำคัญ...ท่านอย่านั่งจ้องตากับข้าเลย ท่านหญิง" นางสัมผัสแขนเธออย่างนุ่มนวลราวกับระวังไม่ให้เธอตื่นตระหนก ราวกับนางมองออกว่าเธอไม่เคยกระทำอะไรพวกนี้มาก่อน "ท่านควรสัมผัสข้าให้สมกับเงินที่ท่านเสียไปเพื่อซื้อข้ามา"
"เจ้าเคยกระทำเช่นนั้นแล้วหรือ" เธอถาม และรู้ว่ามันเป็นคำถามโง่ๆ
รอยยิ้มของบัตเตอร์ฟลายแทนคำตอบในสิ่งที่เธอสงสัย
ร่างกายของเธอแข็งทื่อเมื่อถูกดันให้ล้มตัวลงนอนราบไปกับฟูก นางแกะปมผ้าที่พันอยู่บนหน้าอกตัวเองออกจนร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า
ความสวยงามในระยะประชิดเกือบทำให้เธอเป็นลมเนื่องจากความอ่อนประสบการณ์ของตัวเอง
แต่ก่อนอะไรๆ มันจะเลยเถิด ไอริกลั้นใจคว้าแขนนางแล้วบีบไว้แน่น
"ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นให้ข้า"
"..."
"เราเป็นเพื่อนกัน...ก็เพียงพอแล้วสำหรับเงินที่ข้าเสียไป"
"เพื่อน..." นัยน์ตาของนางหลุบต่ำเมื่อได้ยินคำพูดเธอ "ข้าไม่เคยคิดอยากมีเพื่อน ท่านหญิง อย่าเล่นตัวนักเลย หากข้าอยู่ที่นี่ข้าไม่ได้มีหน้าที่เป็นเพื่อนกับผู้ใด"
"เช่นนั้นคราหน้าเราไปเจอกันที่อื่น...เฮือก!" ไอริสะดุ้งเมื่อกลีบปากสวยขบเม้มใบหูเธออย่างแผ่วเบา แต่สัมผัสเพียงแค่นั้นกลับทำให้เธอร้อนรนไปหมด ท้องไส้ปั่นป่วน เธอพยายามห้ามนางอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ
"เรื่องที่ไม่สำคัญไว้พูดหลังจบเรื่องสำคัญ" บัตเตอร์ฟลายแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากสนทนาผ่านคำพูดกับเธออีก
นางผละออกจากเธอเล็กน้อยเพื่อปลดชุดของตัวเองออก แล้วก็ปลดชุดของเธออย่างชำนาญ
ไอริไม่ถึงกับขัดขืน แต่ก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือ
เธออายุมากกว่าบัตเตอร์ฟลายสามปี แต่กลับทำอะไรเพื่อขัดขืนไม่ได้ ตอนนี้ได้แต่ปล่อยให้นางควบคุม ร่างกายร้อนผ่าวราวกับกำลังถูกเผาไหม้ ทุกสัมผัสที่นางมอบให้ชวนให้รู้สึกถึงสิ่งที่แปลกประหลาดแต่ก็สวยงาม
ซึ่งความรู้สึกดีกลับมีความอันตรายซ่อนอยู่เช่นกัน
ทำให้เธอได้สติ และรู้ว่าควรหยุด
"บัตเตอร์ฟลาย" เธอเรียกชื่อนางแล้วกุมมือเล็กไปด้วย "ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอก ข้าพูดจากใจ"
นางเงียบไปและมองเธอด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง แต่สักพักมันก็จางหายไป ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ดังออกมา
"ท่านเป็นคนแปลก" นางกระซิบแล้วล้มตัวลงนอนข้างเธอ ตัวเราเบียดเสียดกัน แต่ร่างกายที่เปลือยเปล่าทำอะไรเธอไม่ได้ "แปลกเหลือเกิน"
"แปลกที่ปฏิเสธเจ้านะหรือ" ไอริย้อนถามกลับไป
"ไม่เคยมีใครปฏิเสธข้า ท่านหญิง" บัตเตอร์ฟลายย้ำกับเธอเสียงดังขึ้นราวกับว่าเธอกำลังทำเรื่องที่ผิดพลาดสุดๆ แต่มันทำให้เธอเผยยิ้ม เอียงใบหน้าไปมองนาง ก่อนยื่นมือไปลูบเส้นผมนุ่มสลวย
"ข้าคิดว่าไม่มีอะไรผิดพลาดหรอก บัตเตอร์ฟลาย ข้าแค่กำลังให้เกียรติเจ้าในแบบที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งสมควรได้รับมัน"
ในเผ่าพันธุ์มังกร แม่สอนเธอมาว่า 'เกียรติยศ' สำคัญกว่าชีวิต เสียชีวิตได้แต่ห้ามเสียเกียรติเด็ดขาด และคนที่ไม่เห็นค่าของเกียรติถือว่าเป็นคนที่ทรยศต่อตนเอง
"ที่นี่ไม่มีเกียรติ ท่านหญิง มีเพียงความใคร่และกามารมณ์เท่านั้น" ความแข็งกร้าวเล็กๆ ที่บัตเตอร์ฟลายแสดงออกมาทำให้เธอแอบส่ายศีรษะ มองออกว่านางเกลียดสิ่งที่นางทำอยู่มากจนเกิดอาการประชดประชัน
"สงบสติอารมณ์เสีย แค่นอนอยู่นิ่งๆ คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้า" เธอกล่าว ทำให้นางหรี่ตาลงอย่างไม่พอใจ
แต่นางก็ยอมทำตามคำพูดของเธอ เรานอนนิ่งๆ อยู่แบบนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อน เธอมองเพดานลายสวยขณะซึบซาบความรู้สึกของผิวกายที่แนบสนิทกันเอาไว้ ทำให้เธอนึกถึงความเป็นมนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง
ไอริไปอยู่กับมารดาช่วงหนึ่ง ฝึกฝนกับเผ่าพันธุ์มังกรโบราณจนแข็งแกร่ง แต่ก็ลืมความเป็นมนุษย์ไปเกือบหมด หากไม่ได้บิดากับคนในหมู่บ้าน เธออาจจะลืมไปแล้วว่าวิธีสานสัมพันธ์กับคนรอบตัวเป็นยังไง หรือวิธีคุยกับคนแปลกหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเนื้อตัวที่สัมผัสกับใกล้ขนาดนี้เลย
ความนุ่มนิ่มของบัตเตอร์ฟลายทำให้เธอขยับไปกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน โดยที่นางดูแปลกใจแต่ไม่ได้ขัดขืนอะไร
"ท่านไม่ใช่มนุษย์หรือ ท่านหญิง" หล่อนถามระหว่างวางมือลงบนแขนเธอ ใช้ปลายนิ้วลูบไล้อย่างแผ่วเบา
"ข้าเป็นมนุษย์แค่ครึ่งเดียว" คำถามของนางไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับเธอนัก "แล้วเจ้าทราบได้อย่างไรว่าข้าไม่ใช่มนุษย์เต็มตัว"
"ท่านควบคุมอารมณ์เก่ง"
"..."
"สีหน้า แววตา รวมถึงท่าทางของท่านบ่งบอกถึงการฝึกฝนมาอย่างหนัก มีแต่พวกวีรชนเท่านั้นที่สามารถทำได้เท่าเทียมกับท่าน" นางกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบามากจนเกือบไม่ได้ยิน "ท่านสงบสติอารมณ์ต่อหน้าร่างที่เปลือยเปล่าได้"
"ไม่ใช่เรื่องยากอะไร" เธอกล่าวแล้วปล่อยให้นางสัมผัสร่างกายอยู่แบบนั้น
"ท่านรู้จักบาปเจ็ดประการหรือไม่" มือของนางสอดเข้ามาในเส้นผมของเธอ ดันให้ริมฝีปากของเธอเฉียดใกล้ริมฝีปากตัวเอง "สำหรับข้า ข้าคิดว่าราคะคือสิ่งที่หยุดยากที่สุดสำหรับมนุษย์ เพราะมนุษย์ธรรมดาไม่มีอำนาจเช่นเหล่าเทพ ปีศาจ หรืออสูร"
เธอเข้าใจความหมายของคำพูดบัตเตอร์ฟลาย เพราะมนุษย์ธรรมดาไม่มีอำนาจ ไม่มีพลัง บาปใหญ่อย่างเช่นโอหังเลยไม่สามารถทำอะไรได้
แต่หากเป็นราคะ โทสะ อิจฉา ตะกละ โลภะ พวกนี้เรืองอำนาจมากในหมู่มนุษย์
"แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า..." ประกายในสายตาของนางเปลี่ยนไป "หากมนุษย์ไร้ซึ่งบาปเจ็ดประการคอยควบคุม คำว่าชีวิตก็คงจืดชืดยิ่งนัก"
"เด็กสาวเช่นเจ้าทำราวกับว่าผ่านโลกมามากมายนัก" ไอริเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ "ข้าจักบอกว่ามันก็ไม่ได้ผิดจากที่เจ้าพูดไปนักหรอก แต่อย่ามองโลกในแง่เลวร้ายเกินเสียดีกว่า"
"เหตุใดท่านหญิงถึงกล่าวเช่นนั้น" นางขมวดคิ้ว
"ข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่ก่อนวัยอันควร แค่สิ่งที่เจ้าทำอยู่มันก็มากเกินพอแล้ว" เธอประทับจุมพิตลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อ "ข้ายังยืนยันว่าพูดจริงเรื่องที่อยากเป็นเพื่อนกับเจ้า เพราะฉะนั้นโปรดรับไว้พิจารณา"
"..."
"เชื่อใจข้า ข้าจักทำให้โลกของเจ้าสดใสขึ้นมาเอง"
บัตเตอร์ฟลายไม่ได้ตอบอะไร เธอมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย ทั้งๆ ที่นางหลับไปแล้ว และยังนอนมองอยู่แบบนั้นตลอดหนึ่งชั่วโมง
เหมือนนางเหนื่อยมากแต่ก็ยังฝืนความเหนื่อยล้าของตัวเองไว้ เธอเห็นนางตั้งแต่เดินเข้ามาในเรือนนางโลม
เมื่อสองวันก่อนก็เห็นนางอยู่ในป่า เธอบังเอิญไปเจอเพราะออกไปเดินเล่นเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์
นางมีเกล็ดตามเนื้อตัว เกร็ดสีทอง นัยน์ตาสีทอง และปีกสีทอง
แต่ไม่ใช่ปีกแบบเดียวกับพวกเทพหรือปีศาจแน่
เหมือนปีกของสัตว์โบราณอะไรสักอย่างที่เธอเคยเห็นผ่านๆ ในหนังสือ
วินาทีแรกที่เห็นนาง เธอกำลังจะเดินหนีเพราะถูกสอนไม่ให้ไปยุ่งกับอะไรพวกนี้ เธออยู่ในโลกที่มีเทพ ปีศาจ อสูร และสัตว์ที่ทรงอำนาจต่างๆ อยู่มากมาย ถึงมีสนธิสัญญาที่จะไม่ทำร้ายมนุษย์อยู่ แต่พวกเขาก็ไม่น่าไว้ใจเลย
แต่นางก็แค่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงนั้น หันหลังให้เธอ ดูไม่รู้สึกตัวว่าเธอแอบมองอยู่ และเธอก็สังเกตเห็นว่าแขนขวาของนางมีเลือดไหลโซม
ตอนแรกเธอเกือบเข้าไปช่วย แต่ก็เปลี่ยนใจหันหลังกลับเพราะใกล้ค่ำเต็มทนแล้ว
สงสัยโชคชะตาเล่นตลก มาวันนี้เธอก็เจอนางอีก
เธอทำทีเป็นไม่รู้จัก กลบท่าทางกับความสงสัยของตัวเองไว้ แต่ก็ยังเผลอถามไปจนได้ว่านางไม่ใช่มนุษย์เหรอ แต่นางดูไม่ถือสาอะไร
แผลที่นางได้มา ซึ่งควรเป็นแผลเป็น ก็ไม่มีแล้ว
คืนนั้นบัตเตอร์ฟลายหลับไปพร้อมกับความสงสัยในตัวนาง หลับอยู่ในอ้อมกอดของอมนุษย์ แต่ในวันรุ่งขึ้นเธอก็ยังตื่นก่อนนางอยู่ดี
ไม่นานนักนางก็ตื่น ท่าทางงัวเงียดูน่ารักมาก แต่เธอต้องแจ้งไปว่านางควรออกไปจากที่นี่ได้แล้วเพราะมันเกินเวลาที่นางอยู่ได้แล้ว
ก่อนจากกัน...นางแนะนำตัวว่าชื่อไอริ แล้วบอกว่าจะกลับมาหาเธอใหม่
เธอถอนหายใจหลังจากนางเดินออกไป เมื่อหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังห้องพักของตัวเองที่อยู่ส่วนในของที่นี่ก็พบกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง
"บัตเตอร์ฟลาย เหตุใดเจ้าถึงไม่จับนางเอาไว้เลยเล่า"
"..." จับ?
"นายหญิงกล่าวกับข้าว่านางต้องมีฐานะพอสมควร นายหญิงเรียกเงินเยอะมากกับครั้งแรกในการรับแขกของเจ้า หากเจ้าใช้เสน่ห์มัดใจนางเอาไว้ก็คงไม่ยากที่เจ้าจักได้ออกไปจากที่นี่...แล้วเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีหรือเปล่า"
"..." เธอเดินผ่านโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
จะตอบอะไรกลับไปได้ ในเมื่อครั้งแรกในการรับแขกของเธอยังไม่เกิดขึ้นเลย
ส่วนเรื่องจับ...เธอไม่สนใจมัน
เพราะคิดว่าไอริดีเกินกว่าจะลงมาเกลือกกลั้วกับผู้หญิงเช่นเธอ
วันต่อมาบัตเตอร์ฟลายพบว่านางโผล่มาหาเธออีกครั้งจริงๆ และนายหญิงก็ไปรับหน้านางด้วยสีหน้าชื่นมื่น
ทำให้เธอหรี่ตาลง พอจะรู้ความคิดนายหญิงอยู่หรอก
หากนายหญิงขายเธอให้ไอริ เธอมีค่ามากน้อยแค่ไหน?
สำหรับคนธรรมดาแค่หนึ่งล้านก็ยากเกินกว่าจะจ่ายไหวแล้ว เธอเลยส่ายศีรษะเป็นเชิงปลง มั่นใจว่าเธอไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่หรอก
นายหญิงเดินนำไอริมาหาเธอ
"บัตเตอร์ฟลาย ลุกไปสิ" เสียงหวานกระซิบเป็นเชิงสั่งและตำหนิที่เห็นเธอยังนิ่ง
บัตเตอร์ฟลายขยับตัวลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก เพราะวันนี้เธอใส่ชุดกระโปรงยาวมาก ได้ยินเสียงซุบซิบจากคนอื่นประมาณว่า 'สตรีนางนั้นมาหาบัตเตอร์ฟลายอีกแล้วเหรอ หรือติดใจกันนะ?'
จะติดใจหรือไม่ติดใจก็ไม่จำเป็นต้องสอดรู้หรอก เธอนึกในใจ
หลังจากเข้ามาอยู่ในห้องกับไอริสองคนอีกครั้ง เธอก็กอดอกแล้วนั่งนิ่งในท่าพับเพียบ ไม่เห็นจำเป็นต้องทำอะไร ในเมื่อนางไม่ได้ปรารถนาในร่างกายของเธอ
"วันนี้รับแขกไปเหรอ" นางถาม ขณะนั่งอยู่บนฟูกข้างหน้าเธอ
เธอส่ายศีรษะเป็นคำตอบ แล้วกล่าวกลับไป "ข้าต้องถามท่านเสียมากกว่าว่าจ่ายให้นายหญิงไปเท่าไหร่ เหตุใดนายหญิงถึงต้องกักให้ข้ารอท่านเพียงคนเดียว"
"ข้าแค่บังเอิญเจอกับนายหญิงของเจ้าในร้านน้ำชาใกล้ๆ เลยมีการพูดคุยกันนิดหน่อยเท่านั้น" นางหลุดยิ้มออกมา ใบหน้าของนางเมื่อมีรอยยิ้มดูดีอย่างร้ายกาจ
"ท่านรวยนักหรือไง" เธออดแขวะไม่ได้...
"ก็..." ไอริขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดอยู่สักพัก "บิดาของข้าก็มีฐานะดี แต่ที่หมดไปกับเจ้าเป็นเงินที่ข้าหามาเองจากภารกิจต่างๆ ที่รับมา"
"ค่าจ้างมากเพียงพอหรือ"
"เจ้าทราบเพียงแค่ว่ามันเยอะเท่านั้นพอ"
บัตเตอร์ฟลายพยายามไม่ทำสีหน้าอะไรออกไป คำพูดนางแสดงออกมาชัดเจนว่าอย่างน้อยเราก็ยังอยู่ในฐานะที่เธอไม่สามารถสอดรู้อะไรในชีวิตนางได้ ซึ่งมันควรเป็นความสบายใจอย่างมากของเธอ
"ท่านต้องการดื่มเครื่องดื่มอะไรสักหน่อยหรือไม่ ท่านหญิง" เธอถาม
"ข้าว่าเรามานอนคุยกันเหมือนเดิมดีกว่า" นางเปลี่ยนเรื่องแล้วดึงรั้งให้เธอลงไปนอนข้างกาย เธอช้อนสายตาขึ้นมองเสี้ยวหน้าไอริจากมุมข้าง
เห็นความดุร้ายที่ไม่แสดงออกตรงๆ ของนางชัดสายตา
ทำให้เธอทราบว่าไม่ควรขัดใจนาง
ความสัมพันธ์เราตอนนี้ในสายตาเธอคือ 'คู่นอนก็ไม่ใช่ เลี้ยงไข้ไว้ก็ไม่เชิง' ความหมายของมันสำหรับเธอคือเราไม่ใช่คู่นอนกัน ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นแบบนั้น และตัวเธอเองไม่ได้ขอให้นางอยู่ ไม่ได้โปรยเสน่ห์เพื่อฉุดรั้งนางไว้
ซึ่งอ้อมกอดของนางเองก็เป็นยาพิษร้ายที่ทำให้ร่างกายเธอไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เธอเลยซุกใบหน้าลงบนไหล่ของนาง ระหว่างที่เรากำลังถามคำตอบคำกันอยู่อย่างว่างเปล่า...
ตลอดสองสัปดาห์ที่เราเจอกัน ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์อะไรเลย ไอริไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่าต้องการอะไร นางแค่เข้ามาทำดีกับเธอ ทำให้เธอรู้สึกดีกับคำพูดบางคำที่นางพูดออกมา และจากไปในรุ่งเช้า
บัตเตอร์ฟลายไม่อยากยอมรับ ว่าเธอกำลังเปิดใจให้นางอย่างเชื่องช้า
คืนนี้เป็นอีกคืนที่นางปากหวานกว่าทุกครั้ง
"เจ้ามีกลิ่นกายที่หอม" ไอริกระซิบข้างหูเธอ ตอนนี้เรากำลังนั่งคุยกันอยู่ริมระเบียงทางเดินที่สามารถมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นดวงดาวได้ จมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียอยู่แถวซอกคอของเธอ พ่นลมหายใจร้อนกรุ่นที่ทำให้เธอขนลุกวาบ
"ท่านหญิงกล่าวเกินไป" เธอตอบ อยากหยิกผิวขาวๆ ของนางข้อหาทำให้เธอเขินอาย
"ก็มันคือเรื่องจริง" นางกดหน้าท้องเธอไว้เบาๆ ด้วยมือข้างหนึ่ง ทำให้ร่างกายเราใกล้กันเท่าที่จะใกล้ได้ "น้ำหอมกลิ่นซากุระของเจ้าทำให้ข้านึกถึงหมู่บ้าน"
อีกเรื่องหนึ่งที่เธอเพิ่งรู้เกี่ยวกับไอริคือเธอเป็นลูกสาวของผู้นำหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่บูชามังกร ทำให้เธอเดาไปเองว่านางคงเป็นลูกครึ่งมังกรแน่
"หากท่านคิดถึง ก็กลับไปเถิด" เธอไม่ได้ไล่ แค่กำลังแสดงความคิดเห็น "อย่าอยู่กับข้านานนักเลย"
บัตเตอร์ฟลายพูดแบบนั้นเพราะตัวเธอเอง อย่าให้นางอยู่ที่นี่นานนักเลย เธอไม่อยากตกหลุมรักใครตอนนี้หรอก
"ข้าจักกลับไปเมื่อข้าพอใจ" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้แสดงท่าทางที่ดูไม่พอใจคำพูดเธอ หรือเห็นด้วยแต่อย่างใด
ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกันทำให้เธอรู้ว่านิสัยนางค่อนข้างเป็นผู้นำ นางรับฟังได้ แต่ไม่ชอบเปลี่ยนความคิดตัวเอง
หัวรั้น แต่ก็ดูเป็นนิสัยที่เข้ากับตัวนางอย่างมาก
"ท่านจักพอใจในสิ่งใด" เธอขมวดคิ้ว เอี้ยวหน้าไปมอง
"สิ่งที่ชอบ" แล้วนางก็บิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยที่มุมปาก...
"ที่นี่คงไม่มีสิ่งนั้นให้หรอก" เธอส่ายศีรษะ "ท่านมาที่นี่เพื่ออยู่กับข้า และข้าเองก็ไม่ใช่สิ่งที่ท่านชอบ ท่านหญิง"
"เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้นเล่า" สัมผัสได้ถึงมือที่รวบเก็บเส้นผมเธอไปไว้ข้างหน้า เธอเย็นวาบที่ต้นคอเมื่อนางจรดริมฝีปากลงบนนั้น หากไม่นับการกอดกันทั้งที่กายเปลือยเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่นางแสดงท่าทีแบบนี้ใส่เธอ
"เพราะ..." บัตเตอร์ฟลายอึกอักขึ้นมากะทันหัน
"เจ้ายังคิดว่าการที่ข้าไม่ได้สัมผัสร่างกายเจ้าเป็นความไม่ชอบพอหรือ"
"ใช่"
เธอคิดว่าเธอทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับ ก็มันจริง...ทำไมเลือกเธอมาแล้วไม่ทำอะไรเธอเลยเล่า
"เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าหากคนสองคนอยู่ใกล้กันตลอดสองเดือน ทั้งคู่จะไม่อยากแยกจากกันอีก" ไอริพูดอะไรสักอย่างที่ตีความหมายไม่ได้กับเธอ มันคงเป็นความเชื่ออะไรสักอย่าง เสียแต่เธอไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
สำหรับงานที่เธอทำอยู่ ความเชื่อเช่นนั้นช่างหาสาระไม่ได้
"ไม่เชื่อหรอก" เธอตอบ
"ข้าก็ไม่เชื่อ" นางหัวเราะนิดๆ
"..."
"แต่พยายามทำให้ตัวเองเชื่ออยู่"
"ยังไง" เธอถาม คราวนี้ไม่ได้เป็นคนเอี้ยวใบหน้าไปมองนาง แต่นางกลับจับปลายคางของเธอเอาไว้ บังคับให้หันไปมอง
"ก็...แบบนี้" นางพูดจบก็ประกบริมฝีปากลงมา
บัตเตอร์ฟลายเบิกตากว้าง เธอตัวแข็งทื่อเมื่อได้สัมผัสริมฝีปากนุ่มละมุนของไอริ ความไม่คาดฝันทำให้เธอตกใจจนไปไม่เป็น ประสบการณ์ทั้งหลายที่ถูกบังคับให้เรียนรู้มาถูกลดเหลือจนแทบไม่มีค่าอะไรเลยในตอนนี้ และเกินกว่าจะควบคุมตัวเองไหว เธอพลิกตัวกลับไปแล้วนั่งทับขาอ่อนของนางไว้ในท่วงท่ายั่วยวน
รู้ตัวอีกที...เธอก็กำลังใช้ริมฝีปากตัวเองกดจูบลงไปอย่างหนักหน่วง
"อื้อ..." หนักมากจนได้ยินเสียงครางในลำคอของไอริ...
"หากข้าจะทำ ท่านจะห้ามข้าหรือไม่" เธอคิดว่าความอดทนใกล้หมดลงเต็มทน
ปฏิเสธสิ ปฏิเสธตอนนี้ยังทัน เธอพร่ำภาวนาในใจ
บัตเตอร์ฟลายไม่อยากเป็นฝ่ายทำลายนางก่อน...นางเป็นหญิงเลอค่าและบริสุทธิ์
"ไม่" แล้วนางก็ตอบ "ข้าไม่ห้าม..."
เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง พานางเข้าไปในห้องด้วยวิธีไหน ผลักให้นางล้มตัวลงนอนบนฟูกด้วยแรงมากน้อยเท่าไหร่ แทบไม่มีสติหลงเหลือ ความรู้สึกที่ตกค้างอยู่คือความร้อนของร่างกายเรา อัตราการเต้นของหัวใจ สายตาที่นางใช้มองเธอ รวมถึงความคับแน่นและความเจ็บปวดที่แทบทำให้เธอเจ็บตาม
เธอเริ่มรู้สึกตัวหลังทุกอย่างจบลง พายุแห่งความร้อนแรงได้พัดผ่านไป เธอกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของไอริอีกครั้ง ซุกใบหน้าเข้ากับเนินอกที่เจ้าของร่างหลับไปแล้ว
เหมือนนางเปิดโอกาสให้เธออยู่ในจุดที่สูงกว่าในชั่วขณะหนึ่ง ทำให้เธอลำพองว่าควบคุมนางได้ และหล่อนก็ดึงเธอกลับมาอยู่ในจุดที่จำต้องเป็นรองเหมือนเดิม
แต่ไม่ว่าจะแบบไหน เธอไม่สนใจมันอีกแล้ว เธอหยัดตัวขึ้นแล้วจูบปลายคางมนอย่างแผ่วเบา
เธอไม่คิดว่าวันหนึ่งจะหลงผู้หญิงคนนึง...มากขนาดนี้
ความหมายของคำว่าวีรชน วีร = วีรบุรุษ , วีรสตรี - ชน = คน , มนุษย์ วีรชนคือมนุษย์ที่ได้รับการยกย่องว่ามีความกล้าหาญ เก่งกาจ ช่วยเหลือผู้คน และทำความดี
ความคิดเห็น