คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 17
คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน |
EPISODE17
Alternative Universe 01❖Everything started from 'force'
นานกว่าสองเดือนแล้วที่น้องสาวของลอเรียลไม่ได้เจอกับคนที่นางรัก พี่สาวอย่างเธอช่วยอะไรไม่ได้เลย ถึงจะโกรธนางอยู่ที่คนรักของนางคือกาลี แต่เมื่อเห็นท่าทางใจสลายของนาง เห็นสีหน้าที่เหมือนกับโลกทั้งใบถูกพังลงต่อหน้าต่อตา เธอไม่อาจทนไม่ช่วยเหลือได้อีกต่อไป
"ท่านแม่" ลอเรียลเรียกราชินีที่นั่งดูแผ่นกระดาษหลายใบอยู่ที่โต๊ะทำงานเฉพาะกิจของนาง
"มีอันใด ลอเรียล" นางถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง เธอเลยเหลือบมองผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังของตัวเองอย่างขอความมั่นใจ จนกระทั่งเขาพยักหน้าให้เธอเลยตัดสินใจพูดออกไป
"ท่านแม่โปรดพิจารณาใหม่เถิด ท่านไม่ควรกีดกันลินดิสกับกาลีอีกแล้ว"
เกิดอาการชะงักขึ้น ราชินีเงยหน้าขึ้นจากแผ่นกระดาษในที่สุด และนางก็สังเกตเห็นผู้ที่ยืนอยู่หลังเธอ
ไม่ใช่อันนาหรอก
"ยอร์น" นางเอ่ยปากเรียกชายหนุ่มแห่งดวงอาทิตย์
"..." เขาโค้งคำนับให้ราชินีของเขา
"ยินดีต้อนรับกลับมา"
"เป็นเกียรติที่ได้ยินคำกล่าวนี้จากท่าน" เขายิ้มแย้มอย่างชายหนุ่มอารมณ์ดี
ลอเรียลเจอยอร์นเพราะเขาแวะมาหาอันนาหลังตื่นจากการหลับใหล อยากเจอหน้าน้องสาวใจจะขาด
แต่บังเอิญว่าทั้งเธอกับอันนาอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามองนัก ทำให้เขาเจอแจ็คพ็อตเข้าเอง และเขาก็ทราบว่าน้องสาวฝาแฝดของเขากับเธอเป็นคนรักกันโดยไม่จำเป็นต้องพูดเลยด้วยซ้ำ
ยอร์นคุยกับอันนาว่าจะไปหาราชินี และเธอก็นึกถึงได้ว่าจะไปหาราชินีเหมือนกันในเรื่องของลินดิส ระหว่างทางที่มาเธอเลยเล่าเรื่องลินดิสให้เขาฟัง
เขารับฟังได้สงบมากๆ ทั้งที่กาลีเป็นคนฆ่าเขากับมือแท้ๆ
ลอเรียลแปลกใจตรงที่เขาไม่ได้อคติกาลีเหมือนเธอ เขาไม่ได้โกรธกาลีด้วยซ้ำ
เหตุผลที่เขาบอกเธอคือ 'รบส่วนรบ รักส่วนรัก เวลารบฆ่าใครได้ให้ฆ่า นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่สำหรับรัก หากมันคือรักที่ออกมาจากใจ มันไม่ควรถูกกีดกัน'
เขาไม่เคยเจอลินดิส เขายังขอตัวไปเจอนางเลยด้วยซ้ำ และเมื่อเธอพาเขาแวะไปเขามีสีหน้าสลดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองนาง
เธอเองก็เหมือนกัน
ลินดิสเลิกร้องไห้ไปนานแล้ว แต่เสียงหัวเราะก็ไม่ได้อยู่กับนางเหมือนกัน
"ส่วนเจ้า ลอเรียล" ราชินีหันมามองเธอ "มีอันใดถึงกล่าวเรื่องลินดิสขึ้นมาอีก"
"ข้าก็ไม่เห็นควรกับการกีดกันของท่าน" ยอร์นขยับเข้ามาประจันหน้ากับราชินีแทนเธอ ราชินีมองหน้าเขาด้วยสายตาเรียบสนิท "ราชินี ลูกสาวโตจนมีหลานให้ท่านอุ้มแล้วท่านยังคิดเล็กคิดน้อยอยู่อีกเหรอ"
"..." ราชินีไม่ได้ตอบอะไร
ลอเรียลพลอยลุ้นไปด้วยว่านางจะตัดสินใจยังไง
"ท่านกำลังทรมานลูกสาวอยู่ ท่านไม่ทราบหรือ" เขาพูดต่อ
"ทราบ" นางพยักหน้าในที่สุด "แต่ข้าแค่อยากให้ลินดิสและกาลี เจอกันหลังจากที่ลินดิสคลอดลูกแล้วเท่านั้น เป็นการยืนยันความปลอดภัยของหลานข้า"
"แต่ความอบอุ่นระหว่างตั้งครรภ์ก็จำเป็นไม่ใช่หรือไง ข้าคิดว่าท่านควรทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้มากที่สุด ในเมื่อท่านวีร่ามีลูกสาวให้ท่านตั้งสองคนแล้ว" ยอร์นกล่าวต่อ เขามีความกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ทุกคนไม่กล้าพูด
"อีกประมาณสามถึงสี่วันลินดิสจะคลอด" ราชินียกมือขึ้นกอดอก "และข้าอนุญาตให้ครอบครัวอยู่ด้วยกันในวันนั้น"
"..."
"และต่อจากนั้นตลอดไป หากพวกนางต้องการ"
นางทำหน้าราวกับว่าจะไม่พูดอะไรอีก และลอเรียลรู้จักท่าทางนั้นดี เธอเลยยกมือขึ้นจับไหล่ยอร์นไว้เพื่อบอกเขาว่าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เพราะทางที่ราชินีเลือกให้อาจเป็นทางที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้วก็ได้
ช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอลินดิสเป็นยังไง สำหรับกาลี เธอนิยามมันว่าความว่างเปล่า
เธอไม่เคยผ่านเข้าไปในอาณาเขตเทพโอลิมปัสได้ แต่เธอก็ทราบว่าอีกไม่นานลินดิสจะคลอดลูกแล้ว
จนถึงตอนนั้นเธอก็ต้องรอดูว่าราชินีแห่งสรวงสวรรค์จะให้เธอผ่านเข้าไปหาลูกสาวของนางกับลูกของเธอได้หรือยัง
วันนี้กาลีกลับมายังหมู่บ้านที่ลูกชายเธอถูกฝังไว้ เห็นดวงวิญญาณมากมายที่ยังคงถูกกักขัง พวกมันมองเธอด้วยสายตาหวาดกลัว ชิงชัง เคียดแค้น และขอความเห็นใจ
ตั้งแต่วันนั้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อนเธอก็ไม่เคยกลับมาที่นี่ มันเจ็บปวดเหลือเกินที่ยังสัมผัสได้ถึงร่างของลูกชายที่ถูกกลบฝังอยู่
เพียงแค่เธอไม่ได้กลับมาแก้แค้นหรือตอกย้ำตัวเองอีกแล้ว
เธอทาบมือลงไปบนพื้นในจุดที่ร่างของลูกชายถูกฝังอยู่
ปรากฏสร้อยลูกประคำขึ้นมาในฝ่ามือเธอ
พร้อมๆ กับร่างของลูกชายที่สลายหายไปแทบจะทันที
"ข้าปล่อยพวกเจ้าให้เป็นอิสระแล้ว" เธอพูดกับดวงวิญญาณชาวบ้านที่กำลังมองมาอย่างแปลกใจ "ไปซะ"
พวกนั้นลังเลอยู่สักพักก่อนตัดสินใจพนมมือแล้วกราบลงไปบนพื้น เธอมองภาพนั้นแล้วเผยรอยยิ้มขึ้นมานิดๆ วิญญาณชาวบ้านยังเคารพเธอในแบบที่เธอไม่ควรได้รับจากสิ่งที่เธอทำกับพวกเขา
'อย่างไรก็ตาม องค์กาลี... ท่านยังเป็นเทพีของพวกเราเสมอ' หนึ่งในนั้นพูดกับเธอก่อนที่วิญญาณทุกดวงจะสลายหายไปในที่ที่พวกเขาต้องไป
พวกเขามีที่ที่สามารถไปได้
แล้วเธอล่ะ
เธอไม่มี ไม่มีมาได้เกือบสามเดือนแล้ว
กาลีตัดสินใจนั่งลงบนพื้นที่มีหญ้าอ่อนๆ ขึ้นอยู่ประปราย เธอนอนราบลงกับพื้นโดยเงยหน้ามองท้องฟ้า ยกมือขึ้นรองศีรษะของตัวเองไว้ เธอเริ่มใช้ชีวิตเหมือนคนไม่มีอะไรทำบ่อยขึ้นทุกวันจริงๆ
สถานการณ์ที่เมืองอาเธอร์เองก็สงบมาได้สักพักแล้ว แต่ท่ามกลางความสงบก็มีความคุกรุ่นของชาวเมืองอยู่ ไม่แน่ว่าแอสทริดอาจสละราชบัลลังก์และลงจากตำแหน่งราชินีเพราะสิ่งที่นางทำก็ได้ พวกเทพโอลิมปัสมีทั้งส่วนที่ไม่อยากให้ลงและอยากให้ลง
ที่กาลียังเข้าไปสอดแนมในเมืองอาเธอร์ได้เพราะเมืองอาเธอร์ไม่ใช่เมืองที่อยู่ในอาณาเขตของเทพโอลิมปัสเสียทีเดียว
เมืองที่อยู่ในอาณาเขตโอลิมปัสมีชื่อว่าเอเธนส์และโรม แต่ทั้งสองเมืองสงบสุขเพราะอาธีน่าคอยดูแลอยู่ตลอด
พูดถึงอาธีน่า นางยังพยายามจะตีท้ายครัวเธออยู่ไหม
แล้วลินดิสยอมให้นางมาแทนที่เธอรึเปล่า
แต่คิดไปก็ไม่ได้อะไรหรอก เธอหลับตาลงแล้วปล่อยให้ตัวเองนอนหลับอยู่ตรงนั้นตลอดสี่วันเพื่อนับเวลาถอยหลังไปด้วย การเป็นเทพเจ้ามันดีอยู่อย่างหนึ่งคือเธอมักทำอะไรที่อยากทำได้เสมอ
กาลีลืมตาตื่นขึ้นมาและกำลังคิดใคร่ครวญอยู่ว่าลินดิสคลอดลูกหรือยัง
ระหว่างนั้นสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นเทพเจ้าหนุ่มที่เธอเคยฆ่าทิ้งเมื่อยี่สิบก่อนยืนมองอยู่อย่างนิ่งสงบ
"มีอันใด" เธอส่งเสียงถามยอร์นก่อน
"ลินดิสคลอดลูกแล้ว เป็นทารกเพศชาย ท่านอยากมากับข้าเพื่อไปพบหน้าลูกของท่านหรือไม่"
"ข้าได้รับอนุญาตให้เข้าไปในโอลิมปัสแล้วงั้นหรือ" เธอเลิกคิ้วสูง
"แน่นอน องค์กาลี ท่านได้รับอนุญาต"
"ลูกของข้า เขามีชื่อว่าอันใด"
กาลีถามระหว่างเดินไปยังรถม้าศึกสีเพลิงของยอร์น เขาลูบหัวม้าทั้งสองตัวของเขาเล็กน้อยตอนที่เราขึ้นมายืนอยู่ด้านบนแล้วเรียบร้อย รถม้าศึกพาเราเดินทางอย่างรวดเร็วเพื่อตรงไปยังโอลิมปัส หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
"นางไม่ได้บอกผู้ใด นางรอบอกท่าน ท่านโปรดถามนางเองเถิด" ยอร์นตอบอย่างสงวนท่าที ทำให้เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ
"เจ้ายังโกรธเรื่องเก่าๆ อยู่หรือไม่" เธอตัดสินใจถาม
"ในสนามรบ การชิงชัยเอาชีวิตศัตรูถือเป็นความสำเร็จสำหรับสงคราม ไม่ใช่ความผิดของท่านในเรื่องชีวิตของข้า หากว่าข้าสามารถเอาชนะท่านได้ในตอนนั้นข้าย่อมทำแบบที่ท่านทำโดยไม่ลังเลใดๆ"
"ถือว่าเราไม่มีเรื่องอันใดโกรธเคืองกัน" เธอกระซิบอย่างโล่งใจ
สักวันกาลีอาจจะเล่าให้ลินดิสฟังทั้งหมดในเรื่องของอดีต และเธอเองก็ไม่อยากสู้กับยอร์นอีกแล้ว
ระหว่างทางเราไม่มีอะไรต้องเสวนากัน เธอหลุบสายตาลงมองป่าไม้เบื้องล่างอย่างหาความสงบให้จิตใจ เธอตื่นเต้นจนแทบอยู่นิ่งไม่ได้แล้วจริงๆ และเมื่อยอร์นแวะส่งเธอลงที่ระเบียงห้องนอนของลินดิส คนในห้องทั้งหมดชะงัก
ลินดิสหันมามองเธอ นัยน์ตากลมโตน่าเอ็นดูทำให้เธอเผลอยิ้มออกมา
"กาลี" เสียงของนางทำให้หัวใจเธออบอุ่นจริงๆ
ราชินีแห่งโอลิมปัสกับอดีตราชินีแห่งขุมนรกมองหน้ากัน ทั้งคู่ทำสีหน้าเหมือนกับว่าหลังจากนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันแล้วเดินออกไป อาธีน่ามองเธออย่างนิ่งสงบแล้วออกไปโดยไม่พูดอะไร ที่เหลือก็มีเพียงอันนาและลอเรียล
กับเด็กทารกตัวเล็กที่กำลังกินน้ำนมแม่
"เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน" ลอเรียลเป็นผู้ทำลายความเงียบ นางยกมือขึ้นลูบศีรษะของลินดิส ดึงอันนาให้ออกจากห้องไปจนในที่สุดทั้งห้องก็เหลือแค่ครอบครัวที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกหลังถูกผลัดพราก
กาลีใจเต้นราวกับเด็กสาวที่เพิ่งมีรักแรกขณะนั่งลงบนเตียง ใช้ปลายนิ้วสัมผัสข้อเท้าของลินดิส
"เจ้าตั้งชื่อลูกว่าอันใด" เธอกระซิบเสียงเบา
"ทูเลน" นางกระซิบตอบ ในดวงตาคู่นั้นมีเพียงความเหนื่อยล้า ความซูบเซียวที่เธอสัมผัสได้ทำให้เธออยากคว้านางมากอดไว้แน่นๆ มองเพียงแค่เปลือกนอกก็ทราบแล้วว่านางผอมลงมากแค่ไหนในช่วงที่เราไม่ได้เจอกัน "ท่านชอบหรือไม่ หากท่านไม่ชอบเราสามารถเปลี่ยน..."
"ไม่จำเป็น" เธอส่ายศีรษะแล้วยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าเนียน ใช้เรียวนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกอยู่บนแก้มของนางออกไป "ข้าย่อมตามใจเจ้า"
"ขอบพระทัย องค์กาลี" นางก้มศีรษะลงเล็กน้อย
กาลีชะงักและหยุดนิ่ง จนกระทั่งนางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง
"อาธีน่ายัดความรู้เกี่ยวกับเทพฝั่งท่านให้ข้าทราบเสียจนเก็บไว้ไม่หมด"
"..." เธอหน้าเสีย ตกลงว่าอาธีน่าได้ใช้เวลากับลินดิสที่กำลังตั้งครรภ์มากกว่าที่เธอได้เสียอีก
"แต่ท่านไม่ต้องกังวลไป ข้าบอกนางแล้วว่าข้ากับนางไม่สามารถไปต่อมากกว่านี้ได้ เรื่องของข้ากับนางเป็นแค่อดีต รวมถึงเรื่องของข้ากับทุกคนด้วย"
"..."
"ยกเว้นท่าน" นางกล่าว
"..."
"ข้ามีพรของท่านเฮเมร่าที่สามารถเลือกคู่ครองเองได้มาตั้งแต่เกิด ข้าไม่เคยเลือกผู้ใด แต่ตอนนี้หากว่าข้าเลือกท่าน..."
"..."
"ท่านจะเป็นของข้าหรือไม่?"
กาลีหลุดหัวเราะ ประโยคนั้นเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผู้ใดควรเป็นผู้พูดมันออกมา แต่ลินดิสกำลังพูดมันด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับแสดงกิริยาอ่อนโยนในฐานะมารดาที่มีต่อลูกชายในอ้อมอกไปด้วย
"แน่นอน" เธอกระซิบ
"ท่านวางมือของท่านลงบนมือของข้า" นางออกคำสั่ง เธอหลุบตามองมือของนางที่ยื่นออกมา ถึงมันจะทำให้นางอุ้มลูกลำบากก็เถอะ "เร็วๆ สิ"
เดี๋ยวนี้กล้าออกคำสั่ง จำได้ว่าสามเดือนที่แล้วอ่อนแอจะเป็นจะตาย
"แล้วเช่นไรต่อ" เธอถามหลังจากวางมือของตัวเองลงบนมือของลินดิส
นางไม่ได้ตอบ แค่พลิกมือเธอให้หงายแล้วกดนิ้วชี้ลงมา วาดสัญลักษณ์อะไรที่มองแล้วคล้ายจะเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวลงมา ตามด้วยการขีดฆ่าและตัวอักษรโบราณที่เธออ่านออกว่ามันเป็นชื่อของเธอกับนาง
แล้วด้ายแดงก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างเชื่องช้า ถักถอขึ้นจนมันพันแน่นอยู่รอบนิ้วก้อยเราสองคน
นางผละมืออกไปแล้วมองหน้าเธอ ส่วนเธอหลุบสายตามองเนินอกนาง
ก็ขาวดี...
"ให้เวลาห้าเดือน ทูเลน" เธอพูดกับลูก "ที่จะได้ดูด..."
เพียะ!
เธอพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องสะดุ้งเมื่อลินดิสฟาดมือลงบนต้นแขนเธอ
"อย่ากล่าวเช่นนั้นกับลูกเชียว" นางเขินจนแดงไปทั้งหน้า
"ได้" เธอถอนหายใจแล้วรับปาก ยื่นมือไปลูบศีรษะลินดิสอย่างแผ่วเบา "ลูกใกล้หลับแล้ว เจ้าควรพักผ่อน"
ลินดิสหลุบสายตาลงมองทูเลนที่กำลังเคลิ้มจะหลับมากจริงๆ
"ท่านจะอยู่กับข้าที่นี่ใช่หรือไม่ ไม่ไปไหนแล้วนะ"
"ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วลินดิส" เธอกระซิบตอบ เผลอเห็นลาหาร์ซ้อนทับลินดิสขึ้นแวบหนึ่ง แต่เธอก็สลัดมันออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว ตรงหน้าเธอมีแค่ลินดิส ผู้ชายคนนั้นไม่มีวันกลับมาแล้ว "ข้าไม่ทิ้งครอบครัวเป็นครั้งที่สองหรอก"
ลินดิสค่อยๆ วางทูเลนลงบนเตียงในระยะที่ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ห่างมากนัก นางใส่เสื้อผ้าของตัวเองจนเรียบร้อยแล้วยืดตัวมาจุมพิตเธอเบาๆ
"นอนเถอะ เดี๋ยวข้าดูลูกไว้ให้ระหว่างที่เจ้าหลับ ข้าไม่จำเป็นต้องนอนก็ได้ ข้าคิดว่าเวลาสี่วันที่ข้านอนไปมันเพียงพอแล้ว"
"สาบานกับข้าก่อนว่าท่านจะรักษาสัญญา ท่านจะไม่ไปไหน"
"ข้าสาบานว่าจะไม่มีใครมาพรากเราได้อีก" เธอจูบหน้าผากของเมียเด็กเพื่อปลอบประโลมนาง "ตลอดกาล"
ความคิดเห็น