ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #16 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 16

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.พ. 63


    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: I Am Machine Cover


    EPISODE16

    Alternative Universe 01Everything started from 'force'


    ลินดิสเบิกตาโพลงเมื่อเห็นกาลีมองมาอย่างเฉยชา

    จังหวะเดียวกันนั้นอาธีน่าก็ผละออกไป แต่เธอยังมองกาลีค้างไว้แบบนั้น คาดเดาว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

    จะ...รู้สึกอะไรบ้างรึเปล่านะ

    "มองอะไร" อาธีน่าขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและกำลังหันไปเห็นกาลี แต่เธอทราบดีว่าไม่อาจให้ใครเห็นกาลีได้ ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้หลบเลยก็ตาม เธอยึดใบหน้าอาธีน่าไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วกดริมฝีปากลงไปอีกครั้งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

    เมื่อผละออกมาเธอก็กระซิบ

    "อาธีน่า ข้าจะพักผ่อนท่านออกไปก่อนเถิด" จบคำเธอก็ผลักอาธีน่าไปทางประตูห้อง เทพีแห่งสติปัญญาที่ยังมึนอยู่ก็ทำตามอย่างว่าง่ายโดยการเดินออกไป

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ลินดิสขยุ้มผ้าห่มจนเป็นก้อนในมือเมื่อเห็นกาลีเดินเข้ามา

    เธอยกมือขึ้นทาบหน้าท้องโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นมีดที่เหน็บอยู่ตรงปลอกข้างเอวของนาง แล้วกระซิบออกไป

    "ท่านจะทำร้ายข้าก็ได้ แต่อย่าทำอันใดลูกได้ไหม" เธอกำลังอ้อนวอนอย่างไม่มีหนทางสู้ เธออ่อนแอเกินกว่าจะสู้กับนางได้ "ท่านจะทำร้ายลูกของเราได้ลงคอหรือ"

    "เก็บคำถามนั้นไว้ถามตัวเจ้าเองเถิด" นางตอบกลับมาอย่างเย็นชา นัยน์ตาสีเข้มมืดมนลงแล้วเอ่ยชื่อคนคนหนึ่งที่ลินดิสไม่รู้จักออกมา "...ลาหาร์"

    นางโถมตัวลงบนเตียง ใช้มือกดข้อมือทั้งสองข้างของเธอให้แนบสนิทบนหมอน เธอสบตากับนางแน่นิ่ง พยายามไม่แสดงความหวาดกลัวออกไป นิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากเธอ แทบเรียกได้ว่าขยี้เลยด้วยซ้ำ

    ก่อนที่มันจะสอดแทรกเข้ามาอย่างเชื่องช้า ทำให้เธอเผยอปากออก ปล่อยให้ลิ้นของนางเข้ามาสำรวจภายในของเธอ นัยน์ตาเย็นชาสะกดเธอไว้ได้อยู่หมัด

    แม่ขอโทษนะลูก หากแม่เผลอเปิดช่องว่างให้สตรีคนนี้ทำอะไรหนู

    แม่ขอโทษหากว่าความรักที่ไม่ควรมีของแม่ทำร้ายหนู

    เธอคิดในใจ พูดกับลูกในท้อง มันจริงอย่างที่ว่า...ตอนนี้หากกาลีหยิบมีดมาแทงเธอเธอก็อาจยังไม่ทราบด้วยซ้ำ ช่องโหว่มากมายเหลือเกิน

    สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากจูบนั้นจบลงทำให้เธอวาบหวามในความรู้สึกตัวเอง ริมฝีปากกาลีเลื่อนลงไปแล้วกดจูบที่ไหล่เปลือยของเธอ เลื่อนลงไปยังกลางทรวงอก นางมองหน้าท้องเธอเล็กน้อยขณะเลื่อนลงไปถึงตรงนั้น

    เธอเสียใจวูบหนึ่งเมื่อนางละเลยที่จะจูบหน้าท้องของเธอ

    ไม่ทักทายลูกหน่อยเหรอ...

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลินดิสคิดในใจ เป็นเพราะเธอไม่กล้าพูดออกไป

    เธอข่มความปวดศีรษะของตัวเองจากพิษไข้เอาไว้ ระหว่างที่กาลีดึงเสื้อผ้าเธอให้หลุดออกจากร่างกายโดยไม่ถามสักคำว่าเธอทำมันได้รึเปล่า

    "อะ... อื้อ" ลินดิสครางในลำคอ ริมฝีปากร้อนเอาแต่ใจกดลงมาบนริมฝีปากเธออีกรอบ และอีกรอบโดยไม่ปล่อยให้เธอได้พักหายใจ ร่างกายเปลือยเปล่าหนาวสั่นและเย็นเฉียบ น้ำตาเธอไหลเพราะความอ่อนแอของตัวเธอเอง

    เธอมองกาลีที่ใช้พลังมนต์ดำสร้างอาณาเขตเล็กๆ ในห้องของเธอขึ้นมา แสดงว่าคนอื่นคงไม่สามารถเข้ามาได้

    เมื่อนางถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก เธอทำใจยอมรับชะตากรรม

    นิสัยรักสนุกกลับมาทำร้ายตัวเองในที่สุด

    สิ่งที่ลินดิสสัมผัสได้ไม่ใช่ความสุขเหมือนอย่างปกติ แต่กลับเป็นความเจ็บปวด ราวกับนางเองก็ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมที่จะทำสิ่งนี้ นางแค่อยากทำร้ายเธอเท่านั้น

    ความคับแคบที่ไร้สิ่งหล่อลื่นให้ความรู้สึกที่ฉีกขาดออกจากกัน เธอสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนครูดจากภายในอย่างเจ็บปวด

    ความร้อนจากร่างกายเธอเพิ่มขึ้นสูง แปลกเหมือนกันที่ลินดิสยังไม่สลบ

    "กาลี...เจ็บ" เสียงที่เธอเปล่งออกไปแผ่วเบามาก กลิ่นคาวเลือดทำให้เธอหลับตาลงทั้งน้ำตา ไม่อยากมองอะไรเลย นางไม่สนใจ เพียงแค่เช็ดมือตัวเองแล้วสอดเข้ามาอีกรอบอย่างเลือดเย็น เธอผวาเฮือกอย่างรุนแรง "กะ กาลี..."

    เธอโอบรอบต้นคอของนางไว้แน่น เผลอจิกเล็บลงไปอย่างไม่ตั้งใจ

    เบลอเกินกว่าจะรู้สึกได้มากกว่านี้...

    นางขยับร่างกายเสียดสีกับร่างกายของเธอ

    ไม่กี่อึดใจต่อมาทุกอย่างก็จบลง นางลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า ก่อนจะหยิบมีดออกมาถือไว้ แต่เหมือนกับว่าถือไว้เฉยๆ

    นางมองดูเธอแวบหนึ่งแล้วทำท่าจะจากไป

    ลินดิสใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตัวเองกับการลุกขึ้นยืนแล้วเดินซวนเซไปหานาง

    "ได้โปรด อยู่ด้วยกันกับข้าและลูกได้ไหม" เธอกำชายเสื้อนางแน่นมากเพื่อรั้งไม่ให้นางไป

    กล้าพูดกับคนที่ทำร้ายแบบนั้นได้ยังไง...นะ

    "..." ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ลินดิสแนบใบหน้าตัวเองเข้ากับแผ่นหลังของนาง สติดับวูบ เรียวขาอ่อนแรงจนทรุดไปกองกับพื้นแทบเท้านาง


    กาลีหลุบสายตามองลินดิสที่นอนกองอยู่บนพื้น ความร้อนจากร่างกายของนางแทบเปลี่ยนให้ห้องนี้กลายเป็นกองเพลิง เธอมองมีดในมือตัวเอง เก็บมันไว้เหมือนเดิม แล้วพยุงร่างไร้สติของลินดิสกลับไปที่เตียง

    นางขอให้เธออยู่ด้วยกัน

    เธอไม่ได้ปฏิเสธคำขอนั้น แต่ก็ไม่ได้ตอบตกลง

    แต่แน่นอนว่าเธอจะไม่อยู่

    สิ่งสุดท้ายที่เธอทำได้คือการคลายอาณาเขตตัวเอง เปิดประตูออกไปเพื่อตามหาหมอของที่นี่ให้มาดูลินดิส เธอปล่อยให้นางตายไม่ได้หรอก เธอยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการเลย ที่เธอมาวันนี้แค่มาดูลาดเลา แต่...เธอก็ทำแบบนั้นลงไปแล้ว

    ลินดิสไม่แม้แต่จะโกรธเธอเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้รังเกียจเธอสักนิดเดียว

    ก็ดี จะได้รู้ว่าผลของการรักคนผิดมันเป็นยังไง

    คนแรกที่เธอเจอคือสตรีที่จูบกับลินดิส อาธีน่า

    นางมองเธอด้วยสายตาอ่านไม่ออก ความคิดของเทพีแห่งสติปัญญายากเกินจะเข้าใจอยู่แล้ว

    "ข้าทราบตั้งแต่เห็นสีหน้าลินดิสตอนนั้นแล้วว่าเป็นเจ้า" นางเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน เธอชักสีหน้าเหยียดออกไป รู้ดีไม่เข้าเรื่อง "เป็นเช่นไรบ้าง การเสพความสุขครั้งสุดท้ายของเจ้า"

    "..." เธอไม่ตอบอะไร แค่หลุบสายตามองหอกในมือของนางเท่านั้น

    "อย่าหวังเลยว่าหลังจากนี้ข้าจะยอมให้เจ้าเข้าหาลินดิสได้ง่ายเช่นครั้งนี้"

    "สู้ไหม" เธอถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย "จะได้หยุดปากดีเสียที"

    "ข้าใช้เวลาสองวันในการค้นหาสาเหตุว่าเจ้าเข้าหาลินดิสเพราะเหตุใด" อาธีน่าไม่สนใจคำพูดของเธอ นางกล่าวต่อด้วยสายตาที่กรุ่นไปด้วยโทสะ "เจ้าสูญเสียลูกชายไปเพราะคนรักเก่าของเจ้า ซึ่งเขาตายไปแล้ว และเขาคือลินดิสตอนนี้"

    "..." กาลีกำหมัดแน่นเมื่อนางเริ่มพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด

    "ข้าไม่เห็นควรกับการตามล้างแค้นลินดิสอย่างที่เจ้ากระทำอยู่ เหตุใดนรกทุกขุมไม่ว่าจะของเจ้า ของข้า พวกเทพแดนอาทิตย์อุทัย หรือพวกเทพนอร์สถึงเลือกให้วิญญาณทุกดวงลบความทรงจำเก่าทั้งหมดก่อนกลับมาเกิดใหม่ เพราะต้องการให้วิญญาณเล่านั้นเริ่มต้นชีวิตใหม่ไง"

    "..." เธอเริ่มเดาความคิดของอาธีน่า ว่าตกลงแล้วมันฉลาดจริงหรือแค่สอดรู้สอดเห็นไม่เข้าเรื่องกันแน่

    "แต่จงประจักษ์ถึงสิ่งที่ลินดิสได้รับเถิด มันสมควรแล้วหรือที่เจ้ามาตามล้างแค้นนาง นรกย่อมชำระโทษให้แก่นางแล้ว" อาธีน่าพยายามหว่านล้อมให้เธอเลิกรังควานลินดิส "องค์กาลี เจ้า..."

    "ข้าไม่ขึ้นตรงต่อผู้ใด" เธอกล่าวตอบอย่างเชื่องช้า สูดลมหายใจเพื่อข่มโทสะของตัวเอง "ข้าไม่ศรัทธาในสิ่งใด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นไปตามความคิดของข้า"

    "..."

    "จงรับรู้ไว้เสียเถิด ข้าคือ 'กรรม' ของนาง ข้าคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของนาง และนางไม่มีวันหนีจากข้าพ้น"

    "แต่ถ้าเช่นนั้น..." อาธีน่าพยายามอ้าปากแย้ง

    กาลีชูมีดเล่มนั้นขึ้นมา จ่อตรงไปยังใบหน้าของเทพีแห่งสติปัญญา เล็งที่ดวงตา

    "เจ้าก็ทราบอยู่แล้วว่าข้ากับลินดิสมีความสัมพันธ์เช่นไรกัน จงหยุดความสอดรู้สอดเห็นของเจ้าในเรื่องครอบครัวข้าได้แล้ว"

    "..." นางทำปากเป็นคำว่า 'เหอะ' โดยไม่ออกเสียง แต่เธอยังสังเกตเห็นมัน

    เธอไม่ใส่ใจแล้วพูดต่อ

    "หากเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะส่งเจ้าไปนอนในโลงเคียงข้างเทพแห่งดวงอาทิตย์เสียเดี๋ยวนี้"

    กาลีรอให้อาธีน่าเป็นฝ่ายเดินหนีออกไปก่อน เธอมองตามแผ่นหลังแข็งแกร่งและโดดเดี่ยวของเทพีแห่งสติปัญญาไปก่อนยักไหล่

    ช่วยไม่ได้ นางเข้ามายุ่งเรื่องในครอบครัวเธอเอง

    เรื่องลูก เธอ 'อาจจะ' ไม่ฆ่าแล้ว เพราะเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังกระทำตัวเช่นเดียวกับลาหาร์อยู่ เธอเข้าใจความรู้สึกที่สูญเสียลูก แต่เธอก็ยังไม่อาจให้อภัยลินดิสได้อยู่ดี

    นางคนเดียวที่ต้องรับกรรม ไม่ใช่ลูกของเรา

    เธอหงุดหงิดจากการโต้เถียงกับอาธีน่า เลยสะบัดตัวเดินกลับไปยังห้องของลินดิสเหมือนเดิม ไม่ต้องไปพามันมาแล้วหมอ

    เมื่อเข้ามาในห้องก็พบว่านางกำลังขดตัวนอนหลับสนิทอยู่ ใบหน้าตอนนอนไร้เดียงสาและใสซื่อ เม็ดเหงื่อผุดพรายอยู่เต็มหน้าผากทั้งที่ร่างกายสั่นเทา

    เธอขยับขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วยกผ้าห่มมาคลุมร่างเราไว้

    กาลีสวมกอดลินดิสแล้วกระซิบเบาๆ

    "ข้าจะอยู่กับเจ้าก็ได้ แต่อย่าตายแล้วกัน"


    ลินดิสกำลังฝัน

    ในฝันเธอยืนอยู่ในบ้านของกาลีที่ป่าหิมพานต์ กำลังยืนอยู่บนชั้นสอง ข้างๆ เตียงนอน เธอกำลังมองตรงไปยังหญิงสาวร่างบางคนหนึ่ง นางมีร่างกายอรชรและตัวเล็กมาก เส้นผมสีดำสนิทสยายตามแรงลม

    "เมื่อใดกาลีจะกลับมา" เสียงของเธอแหบห้าว เป็นเสียงของชายหนุ่มวัยผู้ใหญ่

    ลินดิสชะงัก เธอก้มลงมองร่างกายของตัวเอง เห็นว่าเป็นร่างกายของชายหนุ่มที่กำยำและแข็งแรงมากคนหนึ่ง ส่วนคำพูดที่พูดออกไป มันหลุดออกไปเองโดยที่เธอไม่สามารถควบคุมได้

    แต่ประโยคที่เธอพูดเกี่ยวกับกาลี ไม่ผิดแน่

    "ข้าอยากเจอนาง" เธอในร่างชายพูดออกไปอีกครั้ง

    "ลาหาร์...กาลีตกอยู่ในความพิโรธแล้ว ไม่ว่าเจ้าจักกล่าวสิ่งใด นางก็คงไม่ฟัง" สตรีคนนั้นเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลราวกับกำลังยืนอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ "และสิ่งที่เจ้าทำก็ไม่อาจให้อภัยได้โดยง่าย"

    ลาหาร์ นางพูดว่าลาหาร์เหรอ

    กาลีก็เหมือนจะเคยเรียกเธอว่าลาหาร์เหมือนกัน

    แต่...ฝันนี่เหมือนเป็นแค่นิมิตอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นไปแล้วเลย ลินดิสยังมีความคิดของตัวเอง เธอควบคุมความคิดตัวเองได้

    "หากข้าไม่เชื่อท่าน ทุกอย่างคงไม่เกิดขึ้นสินะ" เสียงแหบห้าวแค่นสบถออกมา "ยังไงก็ตามต่อให้ข้าถูกฆ่าตาย ข้าก็ยอมชดใช้ให้กาลีทั้งหมด"

    หญิงสาวคนนั้นหันเสี้ยวหน้าของตัวเองมามองเธอ หัวใจของลินดิสเต้นแรงแทบหลุดออกจากอก

    ต่อจากนั้นลินดิสก็สะดุ้งตื่นขึ้นจากฝัน เหงื่อไหลโซมกาย เธอหอบหายใจอย่างตื่นตระหนก ฝันนั่นมันอะไรกัน ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น แล้วทำไมเธอถึงฝัน หรือเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชายที่ชื่อลาหาร์

    แต่เมื่อเธอเห็นกาลีนอนหลับสนิทอยู่ข้างหน้า วงแขนนางกอดเธอไว้ เธอสงบลง

    "ท่านยังไม่จากข้าไปจริงๆ ใช่ไหม" เธอน้ำตาไหลแล้วซุกใบหน้าเข้ากับทรวงอกของนางเพราะนางนอนสูงกว่าเธอเล็กน้อย

    ทำไมหลังจากตื่นจากความฝัน เธอถึงรู้สึกราวกับว่ากาลีเคยจากเธอมาแล้ว และเธอไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นอีก

    "ท่านต้องอยู่กับข้าตรงนี้เข้าใจรึเปล่า กาลี"

    เธอขวัญเสียและกล่าวออกไปโดยไม่ทันคิด

    ยังไงนางก็คงไม่ได้ยินหรอก

    ลินดิสพยายามตั้งสติอีกครั้ง เธอมัวมาเป็นแบบนี้ไม่ได้

    อีกสิ่งหนึ่งที่เธอพบก็คือไข้ของเธอลดลงแล้วอย่างอัศจรรย์ใจ ได้แต่ย่นคิ้วว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น หรือจะเป็นเพราะนางอยู่ตรงนี้ด้วยกันกับเธอ

    เมื่อดีขึ้น สิ่งแรกที่คิดถึงคือเรื่องของเมืองอาเธอร์

    จากการนอนป่วยสองวัน เธอฉุกคิดขึ้นได้ว่าการกระทำของเธอสร้างความลำบากให้คนนับแสน

    คิดขึ้นได้ว่าเธอกำลังทำให้มารดาทั้งสองของเธอผิดหวังในตัวเธอมากแค่ไหน

    ลินดิสขโมยจูบกาลีอย่างแผ่วเบา เธอลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้วหยิบอาวุธของตัวเองมาถือไว้ หากไม่ต้องสู้หนักนักมันก็คงไม่มีอะไรต้องห่วง

    เธอมุ่งตรงไปยังเมืองอาเธอร์โดยทันที สิ่งแรกที่เธอทำเมื่อเห็นกองทัพของทาร่ากำลังพักกันอยู่ในป่า นี่ใกล้ค่ำแล้ว แสดงว่าทัพนี้เพิ่งตีเสร็จและทัพของอาร์ดูอินกำลังเข้าตีต่อ

    "ทาร่า" เธอเรียกแม่ทัพสาวในชุดเกราะเอาไว้เพื่อให้นางหันมาสนใจเธอ

    แม่ทัพฝ่ายปีศาจหลุบสายตามองเธอที่ตัวเล็กกว่าก่อนจะยกมือถอดหมวกเกราะของตัวเองออก ทำให้เธอได้เห็นใบหน้าภายในที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้

    ทาร่ามีเส้นผมสีฟ้าสว่างและมีดวงตาสีดำสนิท ใบหน้านางดูดี และมีรอยตำหนิเล็กๆ ที่หางคิ้วกับมุมปากขวา เป็นรอยแผลเป็นบางอย่างที่ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสเกือบซีดของนางดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

    "มีอะไร" น้ำเสียงของนางห่างเหินมาก

    "ข้าอยากให้ทัพของเจ้าเลิกตีเมืองอาเธอร์เดี๋ยวนี้" เธอออกคำสั่งหน้าเคร่งเครียด แต่นางกลับเมินไปทางอื่น

    "เหตุใดเจ้าถึงเปลี่ยนใจ"

    "..." เธอตอบไม่ได้ หากเธอตอบไปว่า 'เพราะข้าเพิ่งทราบว่ามันผิดเอามากๆ' เธอจะโดนนางเอาค้อนที่นางถืออยู่ทุบไหม

    เธอทราบดีว่าเป็นเธอเองที่ผิด แต่หากกษัตริย์เธนยังไม่ตาย ทุกอย่างก็ไม่สายเกินแก้

    "ข้าคงไม่สามารถหยุด คืนนี้...ข้าต้องได้ฆ่ากษัตริย์เธน" ทาร่ากล่าวออกมา นางโน้มใบหน้ามาจนชิดแล้วกระซิบกับเธอ ให้เราได้ยินกันสองคน "และเมื่อข้าได้แอสทริด ข้าจะออกจากการเป็นข้ารับใช้ลูซิเฟอร์เสีย"

    "เหตุใดเจ้าถึงจักทำเช่นนั้นเล่า" เธอถามอย่างสงสัย

    "..." ทาร่าไม่ตอบ

    "เอาเถิด หากเจ้าตัดสินใจทำเช่นนั้นและจะหยุดอยู่แค่ฆ่ากษัตริย์เธน ข้าสามารถคุ้มครองเจ้าจากลูซิเฟอร์หลังจากนั้นได้" ลินดิสกล่าว

    ที่จริงเธอทำได้ที่ไหน ส่วนมากผู้ที่ทำเช่นนั้นได้จะต้องเป็นผู้มีพลังเวทเท่านั้น

    ไว้เธอไปอ้อนวอนท่านเฮเมร่าเอาก็ได้

    "แล้วแต่เจ้าแล้วกัน" ทาร่ายักไหล่เหมือนไม่แคร์

    ลินดิสขอตัวจากตรงนั้นแล้วมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง เพื่อไปขอเข้าพบแอสทริดตรงๆ แบบไม่ปิดบังจากคนอื่น

    ตอนนี้เธอบริสุทธิ์ใจแล้ว เธอมีคนที่เธอรักแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปปิดบังอะไร

    ทหารยามหน้าวังหนาแน่นมากจนเธอแทบไม่ทราบว่าต้องขออนุญาตใครเข้าไปภายใน สุดท้ายลินดิสก็สังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูมีอายุและดูภูมิฐานมากกว่าผู้อื่น เขาสวมถุงมือนักมวยด้วย

    "ขออภัย ท่านสามารถอนุญาตให้ข้าเข้าไปภายในได้หรือไม่" เธอกล่าวถามอย่างสุภาพ

    "เจ้าเป็น..." ชายหนุ่มหรี่ตาลงอย่างสงสัย แล้วมองสำรวจทั่วร่างกายของเธอ เขาสังเกตว่าเธอมีอาวุธ "เจ้ามีอาวุธ"

    "ข้าไม่ได้นำมันมาเพื่อไปทำร้ายใคร" เธอกล่าวปฏิเสธ ชูอาวุธขึ้นมาเพื่อให้เขาสบายใจ

    "หากเช่นนั้นเราคงต้องให้ทหารติดตามเจ้าไปด้วย" เขาพูด

    ลินดิสยิ้มกว้าง เธอกำลังกล่าวขอบคุณ แต่เสียงของคนผู้หนึ่งดังขัดไว้เสียก่อน

    "เดี๋ยวก่อน ท่านราซ!" เสียงนั่นทำให้ทุกคนรวมถึงเธอหันไปมอง

    "..."

    "นางเป็นสปายให้ฝ่ายศัตรูขอรับ ข้าแอบไปสอดแนมทัพของทาร่าและพบนางกำลังสนทนากับทาร่าอยู่ขอรับ!!"

    เกิดเสียงฮือฮาขึ้น ทุกคนยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาทันที ลินดิสคาดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้ เธอพยายามปฏิเสธและขออธิบาย แต่ไม่มีใครฟัง

    ชายหนุ่มที่ชื่อว่าราซเองก็กำลังเงียบเพื่อพิจารณาเรื่องทั้งหมดอยู่

    "ยิงเลย อย่าไปลังเล!" ชายหนุ่มอีกคนพูด เขาดูมีฐานะสูงพอสมควร และประโยคนั้นทำให้ลินดิสกัดฟันแน่นแล้วโดดขึ้นไปบนอากาศ เธอยิงตะขอไปที่หลังคาบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วเหวี่ยงตัวเองไปทางนั้นทันที

    แต่จากตรงนั้นถึงตรงนี้ เธอก็ยังคงเป็นเป้าโจมตีอยู่

    เสียงหัวใจสะท้อนอยู่ในอก ลำคอเธอแห้งผาก ภาวนาอย่าให้พิษไข้กำเริบ

    เหมือนคำภาวนาจะไม่ได้ผล

    จากแรงเหวี่ยงเมื่อสักครู่ ลินดิสเซไปมาด้วยความมึนหัว จังหวะเดียวกันลูกธนูติดไฟก็ถูกเล็งมายังเธอ มันพุ่งมาหาเธอราวกับมัจจุราชแห่งความตาย

    ลูก ลูกของเธอ

    ลินดิสพยายามหันหลังให้การโจมตีนั้นเพื่อไม่ให้มันโดนหน้าท้อง ด้วยสายตาที่ไวมากของเธอทำให้เธอเห็นว่าลูกธนูที่พุ่งออกมามีหกดอกด้วยกัน

    ฉึก!

    เสียงลูกธนูปักเข้ามาในเนื้อทำให้เธอสะดุ้งเฮือก

    แต่เธอไม่ได้บาดเจ็บ...

    วงแขนอบอุ่นช้อนร่างเธอไว้ ก่อนที่กาลีจะสร้างอาณาเขตสีดำขึ้นเพื่อไม่ให้ลูกธนูชุดหลังสามารถยิงผ่านเข้ามาได้อีก

    "ทำตัวโง่ๆ" นางด่าเธอ

    ลินดิสหันกลับไป ไม่ได้สนใจคำด่า แต่เห็นว่าลูกธนูทั้งหกปักอยู่ตามร่างกายของกาลี มีที่แขนขวาสามดอก ดูเหมือนนางจะยกแขนขวาบังไว้ มีที่ไหล่ เอว แล้วก็ต้นขาอีกอย่างละดอก

    "ปกป้องลูกด้วยตนเองยังไม่ได้ แล้วจะมาที่นี่ทำไม" นางพูดต่อ นัยน์ตาคมมีแต่การกล่าวโทษ

    "ข้าทราบดีว่าข้าเป็นตัวปัญหา แต่ท่านช่วยเงียบก่อนได้หรือไม่" เธออดพูดออกไปไม่ได้แล้วตัดสินใจดึงลูกธนูทั้งหกดอกออกจากร่างกายของกาลี เพราะหัวของธนูพวกนั้นเป็นไฟ จึงมีรอยแผลไฟไหม้ปรากฏอยู่บนผิวของนาง เธอเป่าแผลเบาๆ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่ามันช่วยอะไรไม่ได้

    "..." นางมองการกระทำของเธอเงียบๆ ไม่มีเสียงร้องของความเจ็บปวดสักนิด

    "ท่านมาช่วยข้าหรือ" เธอถามอย่างมีความหวัง

    "แล้วผู้ใดเป็นคนพูดว่า 'ท่านต้องอยู่กับข้าตรงนี้' ตอบข้าหน่อย" กาลีกล่าวออกมาเป็นเชิงตำหนิ ทำให้เธอชะงัก ตกลงแล้วนางได้ยินหรือ "หากไม่ใช่มาช่วยเจ้า ข้าจะมาอยู่ที่นี่ทำไม"

    "ไม่ใช่ว่าท่าน...เกลียดข้าหรือ" เธอคว้ามือนางมาแนบแก้มตัวเอง เงยหน้าขึ้นสบตากับนาง

    "คนที่ฆ่าเจ้าต้องเป็นข้าคนเดียว ลินดิส" นางกระซิบกล่าวเหตุผลที่ช่วยเธอ

    เธอถอนหายใจ เธอคงหวังมากไปอีกแล้ว

    "ก่อนอื่นเราควรหนีเสียก่อน" พูดจบลินดิสก็คว้ามือกาลีให้เดินมาด้วยกันกับเธอ

    อาณาเขตที่นางสร้างเหมือนเป็นอาณาเขตที่อยู่ติดกับตัวนาง หากนางเดินไปไหนอาณาเขตก็จะอยู่ตรงนั้น ทำให้เหล่าทหารแห่งอาเธอร์จำต้องล่าถอยกลับไปในที่สุดเพราะเราเดินเข้ามาในป่า

    เธอให้กาลีนั่งพิงต้นไม้ไว้ สัมผัสได้ว่าสหายของท่านพี่ลอเรียลอยู่ใกล้ๆ เธอต้องไปตามนางมาให้ได้

    "ท่านอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้าจะไปตามผู้ที่สามารถรักษาท่านมาให้" พูดจบเธอก็มุ่งไปยังทิศทางที่สัมผัสได้ถึงพลังความอ่อนโยนนั้น เมื่อมาถึงก็พบเพย์น่ากำลังมองเข้าไปในเมืองอาเธอร์ด้วยสีหน้ากังวล

    นางหันมาเห็นเธอ ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ แต่เธอไม่มีเวลายิ้มตอบ

    "เพย์น่า ได้โปรดมากับข้าหน่อย" เธอดึงนางให้ตามมาแทบจะทันที ไม่ปล่อยให้นางตั้งคำถาม แล้วกลับไปยังจุดที่ปล่อยให้กาลีนั่งคอยไว้

    ลินดิสโล่งใจเมื่อเห็นว่ากาลียังคงนั่งรออยู่ นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่ได้สนใจสิ่งใดรอบตัว

    เพย์น่าดูตกใจที่เห็นกาลี รวมถึงสภาพของกาลีด้วย

    เธอจับมือกาลีไว้ระหว่างปล่อยให้เพย์น่ารักษาอาการบาดเจ็บของนาง

    กาลีนั่งนิ่งเฉย ไม่พูดอะไรสักคำจริงๆ

    เพราะแบบนั้นเธอเลยปล่อยให้กาลีนั่งเงียบไปคนเดียวหลังรักษาเสร็จ แล้วชวนเพย์น่าคุย

    "ท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ" ลินดิสกล่าวถาม

    "ข้ามาดูสถานการณ์ของสงคราม ได้ยินมาคร่าวๆ ว่าแม่ทัพทั้งสองตัดสินใจตีล้อมเมืองจากคนละปีกเพื่อเข้าไปยังพระราชวังตรงกึ่งกลาง อาร์ดูอินตีปีกตะวันตก ส่วนทาร่าตีปีกตะวันออก"

    "แล้วผลเป็นเช่นไรบ้าง" เธอถามด้วยความอยากรู้ เธอเข้าไปในเมืองทางปีกตะวันออกของทาร่า เพราะฉะนั้นเลยเห็นว่าทาร่าตีเมืองเข้าไปได้มากแล้ว

    "อาร์ดูอินช้ากว่าทาร่ามากนัก" เพย์น่าถอนหายใจ "สงครามทำให้มนุษย์เสียชีวิตกันไปมาก แถมป่าของข้ายังโดนรุกรานเพื่อตั้งเป็นที่พำนักชั่วคราวของกองทัพปีศาจอีกด้วย"

    "ทุกอย่างใกล้จบแล้วเพย์น่า" เธอจับมือให้กำลังใจนาง หากว่าทาร่าสามารถฆ่ากษัตริย์เธนอย่างที่ตั้งใจไว้ได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นมันต้องจบแน่

    "ข้าหวังว่าเช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน" เพย์น่าก้มหัวให้แล้วลุกขึ้นยืน "โปรดดูแลรักษาตัวด้วย สาวน้อย"

    แล้วนางก็จากไป ปล่อยเธอทิ้งไว้กับกาลีที่ยังนิ่งเหมือนหลับไปแล้ว

    "กาลี..." ลินดิสขยับไปนั่งตรงหน้านาง แล้วตัดสินใจถามออกไป "ข้าอยากทราบว่าบุรุษเพศที่ชื่อลาหาร์เป็นใครหรือ"

    นางเหลือบมองเธอ คาดอยู่แล้วกระมังว่าเธอต้องถาม

    "เขาเป็นสามีข้า"

    ลินดิสชะงักจนตัวแข็งทื่อ หัวใจเธอเต้นช้าลงจนแทบหยุดเต้น

    "แต่เขาตายไปแล้ว กลับมาเกิดใหม่แล้ว คือสตรีที่นั่งอยู่หน้าข้า" นางกล่าวต่อโดยหันมองไปทางอื่น ไม่สบตาเธอ "ลาหาร์คือเจ้า ลินดิส"

    เธอเม้มริมฝีปาก กำลังทำความเข้าใจกับสิ่งใหม่ที่ได้รับรู้ การเวียนว่ายตายเกิดมีกันอยู่ตลอด และเธอก็เชื่อกาลี

    "แล้วเขา...ไม่ใช่สิ แล้วข้าเคยทำอะไรให้ท่านโกรธแค้นหรือเปล่า" เธอถามอย่างไม่แน่ใจ "ข้าเคยทำใช่ไหม มันคือสิ่งที่ทำให้ท่านต้องการทำร้ายข้าด้วยหรือเปล่า ได้โปรดตอบข้าเถิดกาลี"

    "ใช่ เจ้าฆ่าลูกของข้า ลูกที่ข้ามีกับเจ้า" กาลีไม่ปิดบังแววตาตัวเองอีกต่อไป ลินดิสตื่นตระหนกเพราะดวงตาเศร้าสร้อยแต่ก็แฝงไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย แต่นางก็ยังคุมตัวเองไม่ให้หยิบอาวุธขึ้นมาฆ่าเธอตอนนี้ได้

    "ยังไงก็ตามต่อให้ข้าถูกฆ่าตาย ข้าก็ยอมชดใช้ให้กาลีทั้งหมด"

    เธอทวนคำพูดในฝันของตัวเอง

    หมับ!

    นางคว้าข้อมือเธอเอาไว้ บีบแน่นมากจนเธอเจ็บระบมไปหมด

    "เจ้าพูดเช่นนั้นออกมาทำไม!" นางตวาดเธอ

    เธอเก็บอาการตกใจกลัวของตัวเองเอาไว้แล้วกล่าวอธิบาย

    "ข้าฝันถึงตอนที่ข้ายังเป็นลาหาร์ และเขาพูดเอาไว้เฉกเช่นนี้ตอนกำลังสนทนากับสตรีนางหนึ่ง"

    "นางคือผู้ใด" นัยน์ตาของกาลีลุกวาวขึ้นมาทันที ราวกับว่าหากเธอบอกว่าคนที่ลาหาร์สนทนาด้วยเป็นใครออกไป นางก็พร้อมจะไปเด็ดหัวมันตอนนี้

    "ข้าไม่แน่ใจ" เธอส่ายศีรษะ "แต่นางมีใบหน้าคล้ายคลึงกับท่านมาก กาลี"

    "อุมาเทวี..."

    "..." ลินดิสเงียบเมื่อได้ทราบชื่อของสตรีคนนั้น

    "กลับไปยังโอลิมปัส" กาลีลุกขึ้นโดยไม่สนใจสภาพร่างกายตัวเอง นางใช้เวลาไม่นานก็พาเธอกลับมาส่งที่ห้องนอนอีกครั้ง เธอมองภาพที่นางหันหลังเดินออกไปแล้วใจหายวาบ

    "ท่านจะกลับมาใช่ไหม" เธอกระซิบถาม

    นางเหลือบมามอง

    "ข้าต้องกลับมาแน่ ลินดิส"

    เธอยิ้มทั้งน้ำตา ในสายตาของนางมีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่แฝงอยู่ 'ครอบครัว' คือคำที่นางหมายถึงและตั้งใจจะสื่อให้เธอเห็น

    หลังจากมองจนแผ่นหลังของกาลีหายลับไป เธอก็พยุงตัวเองให้เดินไปนั่งที่เตียง แต่ยังไม่ได้ล้มตัวลงนอนประตูห้องก็ถูกเปิดออก เป็นท่านแม่วีร่าที่เดินเข้ามาพร้อมกับท่านแม่อิลูเมีย

    "เจ้าไปไหนมา" ท่านแม่วีร่าถามด้วยน้ำเสียงติเตียนปนกับความเป็นห่วง

    "..." เธอหลบสายตาท่านแม่ทั้งสอง

    ก็...ทั้งคู่ยังเกลียดกาลีอยู่ไม่ใช่เหรอ

    เธอจะบอกได้ยังไง

    "ข้ารับรายงานมาจากอาธีน่าแล้ว" ท่านแม่อิลูเมียกล่าวเมื่อเธอไม่ตอบ "กาลียังเข้าหาเจ้าอยู่เพื่อทำร้ายเจ้า เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปอาณาเขตของเทพโอลิมเปียนทั้งหมด เทพและปีศาจฝ่ายอื่นจะไม่สามารถเหยียบย่างเข้ามาได้สักระยะ โดยผู้ที่กางอาณาเขตให้คือนิกซ์กับเฮเมร่า"

    นิกซ์กับเฮเมร่าเหรอ...ลินดิสกำหมัดแน่น ต่อให้เป็นกาลี นางก็ผ่านนิกซ์กับเฮเมร่าเข้ามาไม่ได้แน่

    "เหตุใดท่านถึงปักใจเชื่อว่ากาลีทำร้ายข้า" เธอกล่าวถามออกไป "ท่านเชื่ออาธีน่าได้อย่างไร"

    "แล้วข้าจักเชื่อคนที่ปกป้องกาลีได้อย่างไร" ท่านแม่อิลูเมียย้อนถามกลับมา คำพูดนั้นทำให้เธอชะงักแล้วก้มหน้าลง น้อยเนื้อต่ำใจมากจนถึงที่สุด

    สุดท้ายเธอเหลือบไปเห็นสายตาท่านแม่วีร่าว่ากำลังมองอะไร

    เธอมองตามแล้วพบว่ามันคือคราบเลือดในตอนนั้น

    "ท่านทราบหรือไม่ว่าท่านกำลังทำสิ่งใด" ลินดิสร้องไห้ เธอสะอื้นขณะยกมือปิดหน้าตัวเองไว้ "กาลีจะไม่ทำร้ายข้าหรอก"

    "..." ท่านแม่ทั้งสองเงียบไป

    "มีแต่พวกท่าน...ที่กำลังทำเช่นนั้น"


    กาลีตรงไปยังเรือนพำนักของพระแม่อุมาเทวีทันที หัวใจของเธอสุมไปด้วยความโกรธปะปนกับความไม่เข้าใจ เมื่อมาถึงเธอก็เดินเข้าไปโดยไม่สนใจผู้ใด เห็นว่านางกำลังบรรทมอยู่

    เธอเดินเข้าไปใกล้ แล้วนางก็ลืมตาขึ้นมามองเธอ

    "เจ้าเป็นผู้กล่อมให้ลาหาร์ฆ่าลูกของข้าหรือ" กาลีถามออกไป ความกราดเกรี้ยวบนสีหน้าเธอปิดไม่มิดอีกแล้ว "เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนั้น!"

    พระแม่อุมาครุ่นคิดอยู่สักพัก ราวกับนางกำลังทบทวนความทรงจำของตัวเอง

    ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเธอทำให้เธอโมโหขึ้นไปอีก

    "เจ้าจำได้หรือไม่ว่าองค์ตรีมูรติลงไปเตือนเจ้าเกี่ยวกับเด็กที่จะเกิดมา" นางพูดโดยไม่ต้องการคำตอบ "แต่เจ้าไม่ฟัง และข้าก็ไม่อาจทนเห็นความกังวลของสวามีได้"

    "เพราะเช่นนั้นเจ้าเลย..."

    "ฟังข้าก่อน" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เจ้าควรเลิกกล่าวโทษลาหาร์ได้แล้ว ข้าทราบมาตลอดว่าครานี้เจ้ากำลังตามล้างแค้นลินดิสซึ่งนางคือลาหาร์ที่กลับชาติมาเกิดใหม่อยู่ ข้าจะบอกเจ้าว่าทั้งหมดผิดที่ข้า ข้าเป็นคนขู่ลาหาร์ว่าหากเขาไม่ทำข้าจะจับเจ้าไปขังไว้ในเขาหิมาลัยสักหมื่นปี"

    "..."

    "แล้วเขาจะยอมให้เมียรักเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ถูกไหม เขายอมแลกอิสรภาพเจ้ากับการฆ่าลูกชายที่เกิดมาเพียงหนึ่งวันและยังไม่ผูกพันมากนัก ข้าแนะนำให้เขาฝังทั้งเป็นเนื่องจากหากเด็กตาย เจ้าจะทราบได้ทันที"

    "..."

    "ข้าเป็นผู้ช่วยให้เขาออกมาจากเพลิงพิโรธของเจ้าในครานั้น และพาเขาไปยังบ้านที่เจ้าสร้างไว้ เขากล่าวโทษตัวเอง บอกว่าเขาไม่น่าเชื่อข้าเลยหลังจากเห็นอาการของเจ้า แต่เขาก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เขายอมแลกชีวิตของเขาหากว่าเจ้าต้องการ"

    "แล้วเขาอยู่ไหน ข้าพลิกแผ่นดินหาตัวเขา แต่ข้าไม่เคยพบ" เธอถามออกไป

    "เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่ากาลี ระหว่างที่เจ้าพลิกแผ่นดิน เดินทางทั่วโลกเพื่อหาตัวเขา แต่ความจริงเขาควรอยู่ที่ไหน" พระแม่อุมาถอนหายใจเฮือกใหญ่

    กาลีพิจารณาสิ่งที่นางพูด และเมื่อตระหนักได้เธอก็หน้าซีดเผือด

    ทิ้งตัวลงนั่งไปกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ใช่แล้ว เธอมองข้ามบ้านของเธอกับลาหาร์ไป เพราะหลงคิดไปเองว่าเขาไม่มีทางกลับไปที่นั่นหากเขากำลังหนีจากเธออยู่

    "ลาหาร์ก็รอคอยเจ้าให้กลับไปหาอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด รอจนกระทั่งความตายเดินทางมาเพื่อจบชีวิตเขาลง"

    "..." เธอน้ำตาไหลเงียบๆ จากความจริงที่เพิ่งได้รับรู้

    ตกลงแล้ว...เธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

    แก้แค้นคนที่รักเธอมากกว่าชีวิตของตัวเองอย่างนั้นหรือ

    "ข้าเป็นคนสั่งให้หมอผีของเจ้านำร่างลาหาร์ไปเผา และข้าสั่งให้หมอผีนั่งรออยู่หน้าบ้านจนกว่าเจ้าจะกลับมา ข้าฝากคำพยากรณ์ไปให้เจ้า เพราะหวังว่าหากลินดิสจำได้เมื่อไหร่นางคงบอกเจ้าเอง"

    "เจ้าเป็นคนเนรมิตฝันนั้นให้ลินดิสได้เห็น" เธอกระซิบออกไปอย่างแผ่วเบา

    "เป็นเช่นนั้น" พระแม่อุมาพยักหน้า "ดับความแค้นในใจเจ้าเสีย กาลี ไม่มีเหตุอันใดอีกแล้วที่เจ้าต้องตามจองเวรลินดิสอีกต่อไป หากอยากโกรธก็จงโกรธข้าเถิด"

    "เหตุใดข้าต้องโกรธเจ้า" เธอสะอื้น "เจ้าก็คือข้า"

    "เช่นนั้นเราคงไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีกต่อไปแล้ว" พระแม่อุมาลุกขึ้นนั่ง "จงกลับไปหาลินดิสเสียเถิด"

    "แล้ว...ข้าเพิ่งทำร้ายนาง ข้าเพิ่งพูดว่าจะฆ่านาง ข้า..." เธอกล่าวกับตัวเองอย่างสับสน

    "ข้าว่าลินดิสต้องทราบอยู่ลึก ๆแล้วว่าเจ้าไม่มีทางฆ่านางกับลูกหรอก" นางกล่าว "หากเจ้าจะทำเช่นนั้น เจ้ามีโอกาสมากมาย เหตุผลก็คือเจ้ารักนางตั้งแต่ที่เจ้าได้เจอนางตอนอายุสิบขวบแล้วกาลี ทันทีที่เห็นหน้านางเจ้าก็ทราบว่านางคือลาหาร์ นางคือชายที่ตอนนั้นเจ้าทั้งรักทั้งเกลียด และตามหาเขามาตลอด"

    "..." กาลีหลุดหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา

    ทำไมองค์อุมาถึงดูรู้ดีกว่าเธอนักนะ

    "ตอนนี้ก็เหลือแค่รักแล้ว เจ้าไม่ได้เกลียดลินดิสแล้ว ไปทำเรื่องทุกอย่างให้ถูกต้องซะ ข้าไม่อยากให้อดีตทำลายครอบครัวเจ้าเป็นหนที่สองหรอก"

    เธอพยักหน้า ความเคียดแค้นพังทลายลงในที่สุด เธอมุ่งหน้ากลับไปยังโอลิมปัสเพื่อไปหาลินดิส ตั้งใจจะบอกกับนางว่าเธอรักนางและลูกของเรามากแค่ไหน

    แต่เมื่อกาลีมาถึงเส้นแบ่งอาณาเขตนั้น เธอกลับไม่สามารถผ่านเข้าไปได้

    เธอขมวดคิ้ว ลองแตะมือลงไปบนนั้นก็พบว่ามันแข็งแกร่งมาก

    ตอนที่วีร่ามาเอาลินดิสไปจากเธอ วีร่าฉีกกระชากอาณาเขตเธอเป็นชิ้นๆ ด้วยตัวนางเอง แต่เธอทราบว่ากับอาณาเขตนี้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้

    กาลีพยายามทำทุกวิถีทาง ทั้งสาดพลังเวทไปอย่างบ้าคลั่ง ทั้งใช้พลังกายภาพของตัวเองพยายามทำลายอาณาเขตนั้น แต่มันกลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย

    เธอกัดฟันแน่นเมื่อร่างกายเต็มไปด้วยรอยเลือดและอาการบาดเจ็บ

    จากตรงนี้ มองผ่านเข้าไปเธอก็เห็นโอลิมปัส

    ครอบครัวเธออยู่ห่างกันแค่เอื้อม แต่เธอคว้าไว้ไม่ได้...

    คงถึงคราวนรกลงโทษเธอในสิ่งที่เธอกระทำแล้ว


    **เทพนอร์ส อาทิเช่น โอดิน ธอร์ โลกิ เป็นต้น

    **พระแม่ปารวตี หรือ ปาราวตี หรือชื่อที่รู้จักกันโดยทั่วไป พระแม่อุมาเทวี หรือ เจ้าแม่อุมา (ในเรื่องใช้ชื่อหลัง) เป็นชายาขององค์พระศิวะ องค์กาลีเป็นอีกภาคร่างของพระแม่อุมาที่แยกออกมา





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×