คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 13
คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน |
EPISODE13
Alternative Universe 01❖Everything started from 'force'
วันที่ลูซิเฟอร์มาหากาลี เขาบอกเธอว่า "หากเจ้าเข้าร่วมกับข้า สิ่งที่เจ้าต้องการจักเป็นจริง"
จากเป้าหมายของเขาซึ่งเป็นลอเรียล ทำให้เธอย้อนนึกไปถึงคำพยากรณ์ที่บอกไว้ว่า 'เขาคนนั้น' ที่เธออาฆาตกลับชาติมาเกิดใหม่ในฐานะบุตรีแห่งเฮร่า มันทำให้เธอตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
เธอรอคอยเพื่อจะแก้แค้นมาโดยตลอด ยอมเข้าร่วมกองทัพของลูซิเฟอร์ ยอมต่อสู้จนเสียเลือดเสียเนื้อ แต่สิ่งที่เธอคาดการณ์ไว้กลับผิดมหันต์ เขาคนนั้นไม่ใช่ลอเรียล
แต่เป็นลินดิส
ภายในห้องขังที่เขรอะไปด้วยคราบสกปรก มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ทั้งแขน ขา และเรือนร่างถูกตรึงด้วยโซ่เวทมนตร์จนขยับไม่ได้ มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวมองตามเสียงฝีเท้าที่กำลังใกล้เข้ามา ปรากฏร่างสูงใหญ่ของทานาโทสขึ้น เขามองมาอย่างเย็นชา ส่วนเธอก็มองตอบกลับไปด้วยสายตาแบบเดียวกัน
"พระแม่กาลี หมดโทษของเจ้าแล้ว" ริมฝีปากสีซีดเอ่ยก่อนจะทำการเปิดกรงขังออกกว้าง เขาเดินเข้ามาแล้วใช้มือปลดโซ่ตรวนให้เธอ
กาลีลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากที่นั่นโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง ตลอดเวลาที่อยู่ในนั้น เธอควบคุมลมปราณของตัวเองตลอด เพื่อให้มันไหลเวียนทั่ว ร่างกายของเธอจะได้ไม่เป็นอัมพาตไปก่อน
ทันทีที่กลับมายืนบนผืนดินและเห็นแสงสว่าง เธอก็ครุ่นคิดถึงเวลาที่ผ่านไปในใจ
สิบปีที่เธอถูกขังอยู่ในคุกนรกของฮาเดส ตั้งแต่ที่แพ้สงครามในวันนั้น มันเป็นบทลงโทษที่อิลูเมียมอบให้
กาลียังอยู่ในอาณาเขตพื้นที่ของพวกเทพโอลิมเปียนอยู่ แต่เธอไม่ได้กลัวเกรงแต่อย่างใด สิ่งที่เธอทำโดยไม่แม้แต่จะคิดก็คือการควานหาพลังของอันนาเพื่อจะหาตัวลอเรียลให้พบ ไม่ว่ายังไงก็ตามเธอจะสานต่อความแค้นลึกๆ ในจิตใจของเธอ
ความแค้นที่เธอมีต่อมนุษย์เพศชายคนหนึ่งที่ตายจากโลกนี้ไปนานนับร้อยปีแล้ว
ไม่นานนักเธอก็เจอตัวอันนาอยู่ในป่า และมีอีกสองคนอยู่กับนางด้วย หนึ่งคือพลังที่เธอคุ้นอยู่เล็กน้อย ส่วนอีกหนึ่งคือพลังที่เธอไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอแฝงเร้นกายไปกับความมืดแล้วเคลื่อนตัวเป็นหมอกควันผ่านป่าขนาดใหญ่ไปยังจุดนั้น เมื่อมาถึงเธอก็พบว่าอันนานั่งอยู่บนต้นไม้ ขณะที่หญิงสาวอีกสองคนกำลังยืนชี้นกชี้ไม้แล้วพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
หนึ่งในนั้นคือลอเรียล
กาลีพิจารณาใบหน้าของเด็กสาวที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มนั้น สังเกตผมสีขาวหิมะของนาง รอยยิ้มน่ารักบนใบหน้า นัยน์ตาเฉี่ยวคมแต่ก็แฝงไปด้วยความหวาน บอกให้ทราบว่านางเจ้าคารมณ์พอสมควร จมูกโด่งคมสัน ร่างกายอรชรได้สัดส่วนพอดีเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะมีได้
ความคุ้นเคยทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก ทำให้เธอกำหมัดแน่น
"ลินดิส ใกล้ค่ำแล้ว ท่านแม่สั่งให้เจ้ากลับโอลิมปัสก่อนมืด" เสียงของลอเรียลเอ่ยเรียกเด็กสาวคนนั้น
เด็กสาวที่มีนามว่าลินดิสหันไปยิ้มให้ลอเรียลก่อนพยักหน้าอย่างเชื่องช้า ขณะที่ทั้งสองคุยกัน อันนาก็ทำท่าทางราวกับสัมผัสอะไรได้และจะหันมามองเธอ กาลีไม่รอช้าเลยเปลี่ยนตัวเองกลับคืนสู่ร่างเดิมแล้วเคลื่อนตัวไปหลบหลังพุ่มไม้
เธอควบคุมพลังของตัวเองไม่ให้หลั่งไหลออกไปจนนางสัมผัสได้ แล้วพิจารณาเรื่องที่ได้ยินไปพร้อมกัน
ลอเรียลแทนตัวคนคนหนึ่งกับลินดิสว่าท่านแม่ แสดงว่าลินดิสไม่ใช่ลูกสาวของลอเรียลอย่างที่เธอเข้าใจ แต่เป็นน้องสาว
บุตรีแห่งเฮร่า
ความจริงที่ว่าลินดิสอาจเป็นลูกสาวคนที่สองของอิลูเมีย...ทำให้เลือดในกายเธอเย็นเฉียบ ความรู้สึกคุ้นเคยยามมองหน้าลินดิสทำให้เธอรับรู้ว่าที่จริงแล้วเธออาจคิดผิดมาโดยตลอด ไม่ใช่ลอเรียล แต่เป็นลินดิส
เขากลับชาติมาเกิดใหม่เป็นลินดิส
กาลียังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นแม้ทั้งสามจะกลับไปแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีส้มครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจกลับไปที่ที่ตัวเองอยู่ เธอไม่ล้มเลิกความคิดของเธอแน่ ต่อให้ต้องตายหรือโดนทำโทษอีกกี่ครั้ง เธอก็จะทำให้ลินดิสคุกเข่าขอร้องเธอ ขออภัยโทษในสิ่งที่ตัวนางเมื่อก่อนทำกับเธอได้ลงคอ
แต่นางยังดูเด็กมากนัก ยิ่งเด็กมากเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกจับตามองมากเท่านั้น การที่เธอจะเข้าใกล้ก็ยากมากกว่าเดิม
เธอจะรอเวลาที่เหมาะสม แล้วสักวัน...เธอต้องได้สิ่งที่เธอต้องการ
เวลาสิบปีทำให้ลินดิสโตขึ้นไปตามวันเวลา เธอเป็นลูกที่ท่านแม่ทั้งสองภาคภูมิใจมากที่สุด แน่สิ เธอเรียนจบทุกหลักสูตรของท่านอาธีน่าก่อนท่านพี่ลอเรียล เพราะรายนั้นมัวแต่ติดคนรักเลยโดดเรียนบ่อยกว่าปกติ การต่อสู้เองก็เก่งไม่เป็นรองผู้ใด ถึงจะไม่ได้มีพลังอลังการเว่อร์วังอย่างท่านพี่ลอเรียลก็เถอะ
เรื่องหน้าตา หากเธอเกิดมาขี้เหร่สิแปลก ท่านแม่ทั้งสองสวยขนาดนั้น
เธออายุยี่สิบแล้ว และท่านแม่ให้อิสระตั้งแต่เมื่อปีก่อน เธอเลยใช้ชีวิตไปกับการหาความสำราญให้ตัวเองเสียส่วนมาก อย่างเช่นตอนนี้
"ตื่นแล้วหรือ" ลินดิสกระซิบถามแอสทริดหลังจากนางลืมตาขึ้นมา ร่างบอบบางของหญิงสาวซุกเข้าหาเธออย่างต้องการความอบอุ่น ทำให้เธอหันมองหิมะที่ยังตกหนักผ่านทางหน้าต่างบานใหญ่
"ท่านยังไม่หลับหรือ ลินดิส" นางถามกลับมาแล้วจูบแก้มเธออย่างรักใคร่ เธอจูบตอบที่ริมฝีปากพลางลูบแหวนที่สวมอยู่นิ้วนางมือซ้ายนางไปด้วย นางอิงแอบแนบชิดกับไหล่ของเธออย่างหาที่พักพิง
แอสทริดแต่งงานแล้ว แต่ไม่ใช่กับเธอ สถานะของเราคือลักลอบคบชู้
"ข้าไม่จำเป็นต้องหลับ ที่สำคัญหากข้าหลับ ข้าคงหนีออกไปจากที่นี่ไม่ทัน" เธอตอบ
"ข้าไม่อยากให้ท่านไปเลย" นางถอนหายใจ มือเรียวกอดเอวเธอไว้แน่น
แอสทริด โรสคือลูกสาวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของท่านนายพลใหญ่ประจำเมืองอาเธอร์ เห็นว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนที่นี่เคยเกิดสงครามขนาดใหญ่ขึ้น และคนของตระกูลโรสเป็นคนช่วยให้พวกชาวเมืองส่วนมากหลบหนีออกไปได้ เมื่อเมียท่านนายพลให้กำเนิดลูกสาว กษัตริย์เธนเลยแต่งตั้งให้นางเป็นชายาตั้งแต่เพิ่งลืมตาดูโลก
กษัติรย์เธนเป็นกษัตริย์ที่แก่มากแล้ว และเขาคงไม่มีปัญญาทำอะไรแอสทริด เธอเลยอาสาทำแทนให้แบบเงียบๆ
"ข้าทราบว่าเจ้ารักข้า" เธอหัวเราะเบาๆ แล้วเชยปลายคางนางให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา "ใช่หรือไม่ แอสทริด บอกให้ข้าทราบสิ"
"แน่นอนว่าข้าย่อมรักท่าน ยอดรักของข้า" นางกระซิบด้วยน้ำเสียงที่หวานหยาดเยิ้ม มันน่ารักจนเธออดใจไม่ไหวต้องขโมยจูบจากริมฝีปากเล็กอีกครั้งอย่างดูดดื่ม มือที่อยู่ไม่เป็นสุขเลื่อนลงต่ำขณะที่เธอพลิกตัวเกยร่างนางไว้
แอสทริดตอบรับเธอ นางไม่ขัดขืนเลย ราคะระหว่างเราสองคนมันไม่มีจุดจบ
จนเมื่อเวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง เธอมองฟ้าที่เริ่มสว่างขึ้นและพบว่ามันใกล้เวลาเช้าแล้ว เธอจำต้องจากที่นี่ไปแล้ว
ลินดิสลุกขึ้นแต่งตัวจนเรียบร้อย เดินกลับไปที่เตียงแล้วจูบริมฝีปากที่เริ่มช้ำนิดๆ ของแอสทริดอีกรอบ
"ไว้ข้ากลับมาหาเจ้าใหม่เร็วๆ นี้" ตอนที่เธอจะผละออก นางก็รั้งต้นคอเธอไว้ เราจูบกันอีกหลายรอบก่อนที่นางจะกระซิบลาอย่างอาลัยอาวรณ์
"ข้าจะรอ"
ลินดิสกลับไปอาบน้ำที่โอลิมปัส เธอไม่ได้คุยกับใคร เมื่ออาบน้ำเสร็จก็หยิบอาวุธคู่ใจมาถือไว้ เธอมีนัดไปป่าแถบทางใต้สุด ตรงอาณาเขตของพวกเทพฮินดู เห็นว่าที่นั่นมีหญิงงามอาศัยอยู่ในป่า ที่สำคัญมันไม่มีหิมะ
ใช้เวลานานกว่าสองชั่วโมงในการเดินทางมาที่นี่ เธอเหลือบมองอาณาเขตป่าที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างสงสัยใคร่รู้ อาณาเขตของพวกเทพฮินดูอันตรายมาก ป่าในอาณาเขตเองก็มีป่าเดียว ซึ่งมันมีชื่อว่าหิมพานต์
เธอก้าวเข้าไปในอาณาเขตอย่างไม่เกรงกลัว เชื่อว่าหากเกิดอะไรขึ้นเธอก็มีฝีมือมากพอจะรอดออกจากที่นี่ไปได้
ลินดิสหลับตาลงแล้วใช้พลังของตัวเองในการค้นหาสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่สัตว์ที่นี่ มันเป็นความสามารถส่วนตัวของเธอ และไม่นานนักเธอก็เจอผู้หญิงคนนั้น เธอไม่รอช้าที่จะพุ่งไปยังทิศทางนั้นเพราะยังไงเธอก็มาที่นี่เพื่อหาตัวนาง
ก็แค่อยากทราบว่าจะสวยแค่ไหนเท่านั้นเอง
ไม่นานนักเธอก็พบว่าที่ที่นางอยู่เป็นแหล่งน้ำขนาดเล็กที่ใสมาก จนสามารถเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำได้
นางกำลังอาบน้ำ
ลินดิสไม่ได้ตื่นเต้นกับร่างกายของสตรีเพราะเธอเองก็เห็นมามากแล้วเหมือนกัน เธอมองแผ่นหลังของหญิงสาวคนนั้น นางนั่งหันหลังให้เธอ อาจยังไม่ทราบว่ามีคนยืนดูอยู่
จนกระทั่งร่างบางเอี้ยวใบหน้ามามองเธอ นัยน์ตาสีดำสนิทที่ดูลึกลับเรียกความสนใจเธอไปได้อย่างหมดจด
นางเป็นหญิงสาวที่ไว้ผมสีดำยาวตรงมาถึงสะโพก มีหน้าม้าเรียบๆ แต่ก็ทำให้นางดูน่าข่มเหงมากขึ้น ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว นางยกมือขึ้นปิดทรวงอกเพื่อไม่ให้เธอเห็น แต่เสียดายที่เธอเห็นมันไปแล้ว
น่าเอามาเชยชมทั้งวันทั้งคืนสมคำร่ำลือจริงๆ
นัยน์ตานางสั่นไหว ดูเป็นหญิงสาวบอบบางน่าถนุถนอมพอสมควร
"เจ้า...เป็นใคร" นางถามเสียงแผ่วเบา
"ข้าชื่อลินดิส" เธอเอ่ยนามของตัวเองไปให้นางทราบ แต่เธอไม่บอกนางว่าเธอเป็นเทพ เพราะมันไม่จำเป็นที่จะต้องให้รู้ ร่างบางกัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย ท่าทางนั้นเชิญชวนให้เธอเข้าไปตะครุบเสียจริง "แล้วเจ้ามีนามว่าอันใด"
ลินดิสชอบความท้าทายและความตื่นเต้น เธออยากลองของแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญเธอทราบดีว่าตัวเองเจ้าชู้และค่อนข้างมักมาก ไม่แปลกใจที่อารมณ์ความชอบพอในตัวหญิงสาวตรงหน้าจะมีมากมายขนาดนี้
นางดูลังเลที่จะบอกเธอ แต่เธอเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าที่วางอยู่บนพื้นเลยหยิบมันขึ้นมาถือไว้ ส่งสายตาไปบอกนางว่า 'อยากได้ไหม หากอยากได้ก็แลกกับชื่อ' เพื่อขู่ให้นางคายชื่อของตัวเองออกมา
"กาลี" นางพูดเสียงเบาราวกับกลัวคนอื่นที่ไม่ใช่เธอจะได้ยิน "ข้ามีนามว่ากาลี"
ลินดิสมองเสื้อผ้าในมือของตัวเองอีกครั้งหลังได้สิ่งที่ต้องการ เธอเริ่มไม่มั่นใจว่าควรเข้าหากาลียังไงในเมื่อนางดูอ่อนต่อโลกเช่นนั้น
"เจ้าอาศัยอยู่ในป่าคนเดียวหรือ" เธอเป็นฝ่ายก้าวลงไปในน้ำที่สูงไม่ถึงหัวเข่า เดินเข้าไปหานางที่ผงะจนเกือบถอยหลังไป มือที่ปิดหน้าอกอยู่ก็เกือบเลื่อนออกแล้วเช่นกัน เธอรู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
"เจ้าจำเป็นต้องทราบด้วยหรือ" นางขมวดคิ้ว ริมฝีปากสีพีชล่อตาล่อใจเธอมาก
"ก็ข้าอยากทราบ เจ้าบอกข้าหน่อยไม่ได้หรือ"
จังหวะเดียวกันลินดิสก็เข้าประชิดตัวร่างบอบบางได้พอดี เธอใช้แขนรวบนางเอาไว้แล้วเลื่อนกายไปแนบชิด เป็นหลักประกันกลายๆ ว่าเธอจะไม่เห็นเรือนร่างของนางเพราะเราใกล้กันมาก
"ข้าอยู่คนเดียว" กาลีกระซิบแล้วหลบตาเธอ ทำสีหน้าเหมือนใกล้ร่ำไห้ในเวลาอันใกล้
ลินดิสยิ้มเอ็นดู หากเธอกำลังอาบน้ำอยู่คนเดียวอย่างสุนทรีย์ แล้วมีคนที่ไม่รู้จักโผล่มาทำท่าทางแบบนี้ใส่เป็นเธอเองก็คงกลัว แต่ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายกระทำกับนางไปแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร
"ใส่ชุดซะ" เธอวางเสื้อผ้าลงบนมือของนางแล้วหันหลังเดินกลับไปบนพื้นดิน
เธอหันหลังให้ รั้งรอให้นางแต่งตัวจนเสร็จขณะใช้ความรู้สึกสัมผัสนางไปด้วย เพราะเกรงนางจะวิ่งหนีไป และมันก็เป็นจริงดังคาด
ลินดิสหันขวับกลับไป ยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาแล้วก็เล็ง
พรึ่บ!
ปรากฏเชือกขนาดเล็กขึ้นมาพันรอบข้อเท้าของกาลีไว้ นางไม่ได้ล้ม แค่เสียการทรงตัวจนนั่งลงกับพื้น
ลินดิสยกอาวุธขึ้นพาดไหล่ขณะมองภาพนั้นอย่างเหนื่อยใจ ความสามารถส่วนตัวของเธอคือการจับสัมผัสตัวบุคคลโดยเฉพาะ ไม่ใช่แบบที่เทพองค์อื่นๆ มักจะสัมผัสถึงใครคนนึงเพราะพลังของคนคนนั้น แต่เธอแตกต่างและโดดเด่นกว่า เพียงแค่นึกถึงคนคนนั้นในหัว เธอเห็นได้แม้กระทั่งภาพของคนคนนั้นว่าทำอะไรอยู่ในระยะสั้นๆ
ต่อให้อยู่ไกลกันครึ่งซีกโลก ขอแค่มีอะไรบางอย่างที่สื่อถึงตัวบุคคลที่ต้องการจะหาได้ ยังไงเธอก็หาเจอ
หากเธอเล็งใครและไม่ต้องการจะปล่อย คนคนนั้นไม่มีทางหนีพ้นอีกเลย
"วิ่งหนีทำไม" เธอกระซิบเสียงเบาขณะเอื้อมมือไปดึงให้ร่างบางลุกขึ้นยืน "ข้าไม่ได้มาทำร้ายเจ้าเสียหน่อย"
"แล้วเจ้ามาเพื่อสิ่งใดเล่า" นางมองเธออย่างเคลือบแคลงสงสัย เธอยังไม่ตอบและก้มลงแกะเชือกที่ข้อเท้าของนางให้แล้วโยนมันทิ้งไว้แถวๆ นั้น เสียงฟ้าร้องดังขึ้นระหว่างที่เรามองหน้ากัน
กาลีดูตื่นตกใจที่ได้ยินเสียงนั้น นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดครึ้ม ที่จริงมันมืดตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในอาณาเขตป่าแล้ว
นางจับมือเธอแล้วเป็นฝ่ายดึงให้เธอเดินตามไปเรื่อยๆ ลินดิสมองรอบข้าง เห็นสัตว์ป่าแปลกๆ มากมายที่ไม่เคยเห็น พวกมันมองเธอด้วยสายตาดุร้าย แต่กลับไม่มองหญิงสาวตรงหน้าเธอด้วยสายตาแบบนั้น เธอคิดว่าตัวเองตาฝาดเมื่อนางเหลือบไปมองพวกมัน และพวกมันก็เป็นฝ่ายหนีเข้าป่าไปเลย
ความคิดที่ว่าพวกมันกลัวนางช่างไร้สาระ หญิงสาวบอบบางเช่นนางคงไม่อาจทำอะไรพวกมันได้
ลินดิสเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นบ้านหลังหนึ่งในสายตา ไม่ใช่หลังเล็กๆ เลย หลังใหญ่เกินกว่าที่นางจะสร้างคนเดียวได้ด้วยซ้ำ ทุกอย่างดูสวยงามและน่าเกรงขาม
"ตกลงว่าเจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวหรือ หรือหลอกข้ากันแน่" จังหวะเดียวกับที่ถาม เธอก็ถูกดึงเข้าไปในบ้านเมื่อฝนเม็ดหนึ่งตกลงมากระทบแขน
"ข้าเคยมีครอบครัว" นางกล่าวตอบระหว่างมองผ่านเธอไปยังนอกบ้าน ฝนเทลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ "เคยมีลูกชายและสามี หากเจ้ามาที่นี่เพื่อหวังในร่างกายข้าเฉกเช่นที่ข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ก็โปรดคิดไว้ว่าข้ามิใช่หญิงบริสุทธิ์ที่เจ้าใฝ่หา"
เป็นอันว่านางอยู่ที่นี่คนเดียว แค่เคยมีครอบครัวเฉยๆ
ตามมารยาทที่ควรพึงปฏิบัติ เธอจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของนาง
"แล้วเจ้าพาข้ามาที่บ้านของเจ้าเพราะเหตุใด" เธอกระซิบถาม มองแผ่นหลังนางที่เดินเข้าไปภายในบ้าน
"ข้าไม่อยากทิ้งให้เจ้าตายเพราะพิษไข้อยู่ข้างนอก" กาลีตอบกลับมา "ข้าคิดว่าเจ้าคงมาที่นี่เป็นครั้งแรก ฝนที่นี่นานๆ ครั้งจะตกสักครั้ง แต่ฤทธิ์ของฝนรุนแรงมาก เพียงแค่โดนไม่กี่เม็ดมันก็อาจทำให้เจ้าเป็นไข้ได้"
ดูนางทำใจยอมรับได้แล้วว่ายังไงก็ต้องคุยกับเธอ ถึงพูดมากขึ้นกว่าเดิม
"แล้วฝนจะหยุดตกเมื่อใด" เธอเชื่อนาง เพราะตั้งแต่ก่อนมา เธอตระหนักดีอยู่แล้วว่าที่นี่อันตราย
"อีกสักพัก อาจถึงหนึ่งคืน" นางพูดขณะหยิบผ้าขนหนูมาหาเธอ สีหน้าออกแนวเป็นห่วงเธออยู่ไม่น้อย "เมื่อสักครู่เจ้าโดนฝนหรือไม่ หากโดนก็เช็ดเสียก่อน เดี๋ยวข้าไปหาเสื้อผ้าใหม่มาให้เจ้า"
"ไม่จำเป็นหรอก" เธอยึดข้อมือของนางไว้ "เหตุผลที่ข้ามาที่นี่คือเจ้า"
"..." นางฟชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไป
ลินดิสแตะริมฝีปากตัวเองลงไปบนริมฝีปากนาง เสน่ห์หาในความงามจนเกินระงับไหว เธอไม่แคร์สิ่งใดอยู่แล้ว เลวมากพอที่จะทำตามหัวใจปรารถนามากกว่าสนใจความรู้สึกของนาง
นางสะท้านเฮือกในครั้งแรก มือเรียวพยายามยกขึ้นแต่เธอก็กดมันเอาไว้ข้างกาย
เสี้ยววินาทีที่เธอผละริมฝีปากออกมา...
"หยะ..."
ริมฝีปากนางถูกปิดทับอีกรอบเมื่อเธอกดริมฝีปากลงไปใหม่ ไม่รุนแรง แต่ก็รุกแรงพอสมควร ความนุ่มหยุ่นทำให้หัวใจเต้นแรงจนอยู่ไม่สุข
เธอผละริมฝีปากออกมาอีกรอบเมื่อเริ่มหายใจไม่ออก
"บะ บอกว่า..." เมื่อนางจะพูดอีกครั้งเธอก็ไม่ฟัง
"เงียบซะ" ลินดิสตัดบทแล้วอุ้มร่างบางขึ้นมาไว้ในวงแขน เธอหันไปเห็นบันไดเลยเดินขึ้นไปชั้นสอง เมื่อขึ้นมาถึงก็พบว่าบนชั้นสองถูกทำเป็นห้องนอนของนางทั้งหมด และมีระเบียงเล็กๆ อีกส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ยื่นออกจากตัวบ้าน มันอาจมีไว้ชมวิวก็ได้
แต่ก่อนอื่น...เธอวางร่างนางลงบนเตียงแล้วจูบอีกรอบ ริมฝีปากเธออาจจะช้ำแล้วก็ได้ เพราะเธอเพิ่งผ่านการจูบอย่างหนักหน่วงมากับแอสทริด ยังไม่ถึงสามชั่วโมงเลยด้วย
ร่างกายบอบบางเกร็งเครียดไปหมด เธอผละออกมาแล้วเช็ดน้ำตาให้นาง ก่อนใช้ปลายนิ้วปลดชุดออกจากร่างกายของนาง
นางดูอ่อนโอนที่จะทำตามสิ่งที่เธอต้องการมากขึ้น เมื่อทราบว่าขัดขืนไม่ได้ก็ไร้การขัดขืนอีกต่อไป ในความเงียบมีเพียงแค่เสียงฝนกับเสียงหอบหายใจหนักๆ เมื่อสองร่างคลอเคลียกันบนเตียงเท่านั้น
ลินดิสผละร่างชื้นเหงื่อของตัวเองออกมาเมื่อเสร็จสิ้น แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆ กาลี
นางเงียบแล้วมองเธอโดยไม่พูดสิ่งใด
เธอเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะกล่าวอะไรออกไป อย่าลืมว่าเธอยังไม่ได้นอนด้วยซ้ำ ยิ่งมาทำเรื่องเช่นนี้หลายครั้งติดกัน หากยังไม่สลบก็ถือว่าเก่งมากแล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยกอดนางเอาไว้ ประทับริมฝีปากลงบนหน้าม้าของนางอย่างแผ่วเบา
"หลังจากสามีเจ้าตายไป ข้าเป็นคนแรกของเจ้าหรือเปล่า" เธอกระซิบถาม
นางลูบใบหน้าเธอ "ใช่ เจ้าเป็นคนแรก"
"เจ้าเยี่ยมมาก" เธอกล่าวชมกับรสสวาทของนาง ไม่สัมผัสเองคงไม่มีผู้ใดทราบว่าแม่ม่ายผู้นี้จะร้อนแรงขนาดนี้ ผิดกับหน้าตาเรียบร้อยลิบลับ
"..." นางๆๆยิ้มอย่างเขินอาย
"นี่ถือว่าเจ้าไม่ได้นอกใจสามีเจ้าหรอก ใช่ไหม" เธอถามอย่างไม่ใส่ใจ นอกใจหรือไม่นอกใจเธอก็ทำไปแล้วอยู่ดี
ลินดิสหลับก่อนจะได้ฟังคำตอบนั้นด้วยซ้ำ แต่คนที่ถูกถามยังตื่นอยู่ นัยน์ตาสีดำสนิทดูเลือดเย็นขึ้น ริมฝีปากหุบยิ้มลงเมื่อไม่มีสายตาของลินดิสจ้องมองอีกต่อไป
"ไม่หรอก ลินดิส ข้าไม่ได้นอกใจสามีของข้า"
"..." แม้นไร้เสียงตอบรับ แต่นางยังกล่าวต่อ กล่าวถึงเหตุผลที่ว่าทำไมนางถึงยอมลินดิส ทั้งๆ ที่ควรขัดขืนมากกว่านี้
"เพราะเจ้า...ก็คือเขา"
"ฝนยังไม่หยุดตกอีกหรือ" คือคำถามแรกหลังจากลินดิสลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าฝนก็ยังคงตกอยู่ เธอมองแผ่นหลังเปลือยของกาลีที่ยืนอยู่ตรงระเบียง นางใส่ชุดที่โชว์สัดส่วนพอสมควร แต่ใส่แล้วก็ดูดีมากๆ เหมือนกัน
แวบหนึ่งที่เธอรู้สึกคุ้นเคยระหว่างมองภาพนั้น
"ยังเลย" นางหันกลับมาสบตาเธอ "เจ้าจะรีบกลับบ้านของเจ้าหรือเปล่า"
"ก็ไม่แน่" เธอซุกร่างที่เปลือยเปล่าของตัวเองเข้าไปใต้ผ้าห่ม มองท้องฟ้าก็พบว่าค่ำแล้วด้วย "ท่านแม่อาจไม่ว่าหากข้าจะหายจากบ้านสักวันสองวัน"
กาลีฟังคำพูดของเธอแล้วหันมองออกไปเหมือนเดิม "ข้าเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าฝนนี่จะตกไปถึงเมื่อใด ทั้งที่ความจริงมันควรซาลงแล้ว แต่นี่มีแต่จะหนักขึ้นเรื่อยๆ"
ลินดิสตัดสินใจลุกขึ้นทั้งที่ร่างเปลือยเปล่า แต่ที่นี่คงไม่มีใครอยู่แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร เมื่อเดินไปถึงตัวนางก็ใช้วงแขนโอบล้อมรอบเอวคอดไว้ วางใบหน้าลงบนไหล่ของนางอย่างออดอ้อน
"เจ้า...แต่งตัวรึยัง" แก้มของนางแดงซ่านขณะที่หันเสี้ยวหน้ามามองเธอ
"ไม่" เธอตอบกลับระหว่างมองเข้าไปในป่า "ข้าอยู่กับเจ้า เราสองคนไม่จำเป็นต้องใช้เสื้อผ้าหรอก"
"ลามก" นางพึมพำเสียงเบา
"ได้ยินนะ" ส่วนเธอกระซิบตอบกลับไปพร้อมพลิกตัวนางให้หันมาประจันหน้ากัน ก่อนใช้ริมฝีปากกดลงไปบนแก้มนางเบาๆ
"ข้าพูดให้เจ้าได้ยิน อยู่ใกล้กันเพียงแค่นี้เจ้าจักไม่ได้ยินได้อย่างไร" นางกล่าวโดยไม่ขัดขืนการกระทำเธอ เพียงแค่มองเงียบๆ ลินดิสเลยมองตอบ หญิงสาวที่เธอเจอมามีอยู่สองประเภทเสียส่วนใหญ่หลังได้เสียกัน
หนึ่งคือ ต่อล้อต่อเถียงมากขึ้น
สองคือ เอาใจเธอมากขึ้น
ดูเหมือนกาลีจะเป็นประเภทแรก ซึ่งเธอไม่ปลื้ม
แต่นางสวย ให้อภัยก็ได้
เธอกำลังพิจารณานางอยู่ในใจเช่นเดียวกัน เสียงฝนรอบด้านทำให้จิตใจเธอสงบมากขึ้น
เราเพิ่งเจอกันไม่ถึงวันก็จริง แต่นางใช้ใจกับเธอเหมือนหญิงสาวบางคนของเธอรึเปล่า อย่างเช่นแอสทริด รายนั้นใช้ใจในการมีอะไรกับเธอ เพราะรักเธอถึงยอม แต่เธอไม่ได้ใช้ใจตอบกลับไป
เธอไม่ได้โง่ ยังสัมผัสได้ลึกๆ ว่าในสายตาใสซื่อขี้อายและน่ารักนั้นยังมีความเย็นชาแฝงอยู่
ลินดิสตัดสินใจผิดรึเปล่าที่สำหรับกาลี เธอแง้มใจของเธอออกเล็กน้อย เพียงแค่เล็กน้อยก็มากกว่าทุกๆ คนที่เธอเคยนอนด้วย
เพียงแค่เล็กน้อยก็ชักโยงไปถึงความรักได้
"เจ้าเป็นคนเจ้าชู้หรือ" นางถามด้วยน้ำเสียงติดน้อยใจ ทำให้เธอหลุดจากภวังค์แล้วเผยยิ้มเอ็นดู กระชับเอวคอดกิ่วไว้แน่นกว่าเดิม
"ก็ใกล้เคียงจะแบบนั้น" เธอตอบแล้วกวนประสาทนางเล็กน้อย "ถามทำไม หรือเจ้าหึงข้า"
กาลีชะงักแล้วหลุบสายตาลงมองพื้น แก้มแดงร้อนไปหมด เธออมยิ้มแล้วจูบลงบนริมฝีปากนางเบาๆ นางดูเป็นหญิงสาวที่ถนัดการใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนพอสมควร แต่เสียดายที่เธอไม่ได้รังเกียจ เธอชอบเสียด้วยซ้ำ
เพราะแสดงว่าหญิงประเภทนี้มักเอาใจเก่งเป็นพิเศษ
"กาลี" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าชอบเจ้ามากนะ"
"..." นางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ
"ข้าไม่อยากให้เจ้ามีใคร"
"คนเจ้าชู้มักพูดกันเช่นนี้" นางกระซิบ ไม่ได้ดูเขินอายแล้ว แต่เธอไม่สามารถรับรู้ได้ว่านางรู้สึกเช่นไร "เป็นเจ้าต่างหากที่หึงข้า"
"หากว่าข้ายอมรับแล้วเจ้าไม่มีใคร ย่อมได้" เธอหัวเราะเบาๆ
"ข้าไม่มีใครหรอก" นางเบือนใบหน้าไปทางอื่น "หากข้าจะมีข้าคงมีนานแล้ว ที่นี่ใช่ว่าคนนอกจะสามารถเข้าแลออกได้ง่ายๆ"
"เป็นเช่นนั้นก็ดี" ลินดิสตอบรับ ยอมรับกันตรงๆ ว่าเธอหวงคนของเธอ ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เลย
"แล้วเจ้าจะไม่แต่งตัวจริงหรือ" กาลีถามเสียงเรียบ
"ไม่" เธอส่ายศีรษะเล็กน้อย "ข้าอยากยั่วยวนเจ้าเช่นนี้ไปเรื่อยๆ"
"เจ้าคิดว่าข้าจักหลงกลหรือไง" นางกล่าวเสียงเหลือเชื่อ คิ้วคมเข้มเลิกสูง เธออดใจไม่ไหวต้องประทับจุมพิตลงตรงนั้นเล็กน้อยจนนางดูตกใจ "สำหรับเจ้า คงเป็นข้ามากกว่าที่กำลังยั่วยวนเจ้า"
"พูดอีกก็ถูกอีก" เธอเลื่อนริมฝีปากลงมาแล้วแตะมันเข้ากับกลีบปากนุ่มนิ่มของนาง
ระหว่างนั้นเธอเลยช้อนตัวกาลีขึ้นแล้วพานางกลับไปที่เตียงอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่งก็มีอิลูเมียที่กำลังประสาทจะกิน เนื่องจากลูกสาวคนสุดท้องหายหัวไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบได้ แถมเมียรักก็ดูจะกังวลเหลือเกิน งอแงไปพลางมือก็ทุบตีเธอไปพลางบอกให้หาลูกให้เจอ
เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบที่วีร่าเป็นเช่นนี้เพราะเรื่องของลินดิส และคนรับเคราะห์ก็มักจะเป็นเธออยู่เสมอ
ถึงจะบอกว่าปล่อยลูกได้ แต่ยังไงลูกก็ต้องกลับมานอนที่โอลิมปัสทุกวัน หรือไม่ก็กลับมาให้เห็นหน้าก็ยังดี
แต่ลินดิสหายไปครบวันแล้ว เห็นมีคนบอกว่าเมื่อเช้าเห็นลินดิสกลับมาแล้ว และก็ออกไปอีก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจริงเท็จประการใด
อิลูเมียกอดวีร่าไว้ กาลเวลาไม่สามารถจะทำให้คนงอแงเก่งเปลี่ยนไปเลยจริงๆ แบบไหนแบบนั้น ระหว่างกอดปลอบเธอก็ต้องค้นหาพลังของลินดิสไปด้วย
ลินดิสเป็นเด็กเจ้าชู้ ไม่แน่ใจว่าได้นิสัยใครมา แต่นิสัยนี้ทำให้โอลิมปัสเกือบแตกเป็นเสี่ยงๆ มาแล้ว เนื่องจากลินดิสนอนกับอาธีน่า ถึงจะแค่สองสามครั้งแต่ก็ทำให้เทพองค์อื่นโมโหเลือดขึ้นหน้าเอาเหมือนกัน
เหตุผลที่ลูกสาวเธอกล้านอนกับคนอื่นไปทั่วคือ วันที่ลินดิสคลอด เฮเมร่าเป็นคนให้พรลินดิสว่า 'สามารถเลือกคู่ครองเองได้' เพราะฉะนั้นต่อให้นางหลับนอนกับใคร ต่อให้คนคนนั้นจะมีอำนาจมากขนาดไหน ยังไงก็ไม่สามารถทำลายพรข้อนี้ของเฮเมร่าลงได้
จากประสบการณ์แล้วผู้ใดที่ได้รับพรประเภทนี้มักจะเจ้าชู้เสียส่วนมาก อย่างอันนากับยอร์นเป็นต้น
แต่เรื่องการค้นหาพลังของลินดิสนั้น ทำอย่างไรเธอก็หาไม่เจอ
อิลูเมียขมวดคิ้วแล้วผ่อนลมหายใจ รอคอยให้วีร่าสงบและหลับไป ก่อนหยุดการค้นหาลง เธอไม่ได้เก่งเหมือนลินดิสเรื่องหาตัวคน แต่ก็มั่นใจว่าพยายามต่อไปก็คว้าน้ำเหลวอยู่ดี
เพราะเธอเริ่มรู้สึกว่ามีใครบางคนจงใจซ่อนลินดิสจากเธอ
ความคิดเห็น