คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 10
คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน |
EPISODE10
Alternative Universe 01❖Everything started from 'force'
ลอเรียลตื่นขึ้นมาในยามเช้าเพราะรู้สึกร้อน เธอเลื่อนสายตาขึ้นมองอันนาที่ใช้แขนกอดรัดเธอไว้แน่น
ใบหน้าของนางอยู่ใกล้มาก แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้เราจูบกันโดยมองว่าเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะแบบนั้นเธอเลยมองสำรวจริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดด้วยสายตาที่พร้อมกลืนกิน
เธออยากจูบนาง แต่กลัวว่าหากทำแบบนั้นนางจะตื่นขึ้นมาเสียก่อนและเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคงหายวับไปกับตา
หลังจากนอนนิ่งให้นางกอดอยู่สักพักเธอก็รู้ตัวว่าควรลุกได้แล้ว เลยยกมือข้างหนึ่งแตะแขนของนาง
สัมผัสเพียงนิดเดียวทำให้นางลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้าและวงแขนนั้นก็เลื่อนออกไปเมื่อนางพลิกตัวไปทางอื่น
"อันนา ท่านควรตื่น" เธอขมวดคิ้วเมื่อนางหันหนีไปเพื่อนอนต่อ
"..." ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่เธอสนทนาด้วย
"อันนา" เธอเรียกอีก และกำลังยื่นมือไปแตะแขนนางอีกรอบ
แต่เสี้ยววินาทีนั้นนางหันกลับมาแล้วใช้วงแขนกดเธอไว้กับที่นอน ความนุ่มนวลของผิวกายสตรีแต่ก็ดูแข็งแกร่งทำให้หัวใจเธอเต้นแรงไม่เป็นส่ำ
"นอนก่อน" นางยังไม่ตื่นดีแน่ๆ เสียงยังงัวเงียมากด้วย การกระทำก็...หากมีสติเต็มร้อยคงไม่ทำแบบนี้ "หลับซะ"
ลอเรียลเม้มริมฝีปาก นี่เธอกำลังโดนสั่งอยู่ใช่ไหม
เธอถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ถือว่าจะทำตามก่อนแล้วกัน เพราะเธอควรว่านอนสอนง่ายให้นางเอ็นดูไปนานๆ ไม่ใช่พยศใส่จนนางหลบหน้าไปอีกรอบ
เธอหลับตาลงแล้วปล่อยให้ตัวเองเผลอไถลอยู่ในอ้อมกอดของนาง จากตอนแรกที่คิดว่าคงงีบสักพัก ตื่นมาอีกครั้งกลับกลายเป็นตอนเกือบสิบโมงเช้า
อันนาลุกขึ้นไปแล้ว นางยืนอยู่ริมหน้าต่าง ปล่อยให้แสงแดดสาดส่องใบหน้าขณะมองลงไปเบื้องล่าง เธอไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมสีหน้านางดูตึงเครียด
"เราต้องไปแล้ว ลุกขึ้นลอเรียล" นางเดินมาจับมือเธอ เธอที่กำลังบิดขี้เกียจไม่อยากถามอะไรมากเลยลุกตามไปอย่างง่ายดาย
"เกิดอะไรขึ้นหรือ" เธอกระซิบถาม ระหว่างนางหยิบของทั้งหมดที่เธอซื้อเมื่อคืนมาให้เธอถือไว้
แต่ฉับพลันนั้นเธอกลับสัมผัสได้เหมือนที่นางสัมผัส เธอหันขวับไปมองที่หน้าต่างเมื่อรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองเข้ามาจากที่ไหนสักแห่ง
"อย่าเพิ่งถาม" นางกล่าวโดยที่มือเย็นเฉียบ "ข้าเรียกยอร์นมาแล้ว"
หากให้สรุปเรื่องโดยง่ายคือ...ตอนนี้มีใครบางคนมองเราอยู่ และเราก็ต้องหนี
อันนาหลับตาลงตอนที่เรามาหยุดอยู่หน้าที่พัก นางกำลังสนทนาทางกระแสจิตกับฝาแฝดตนเองอยู่
ลอเรียลหลุบสายตามองแหวนวงที่ยังสวมอยู่ เพียงชั่ววูบเดียวก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น เธอสะดุ้งเฮือกขณะที่นางเองก็ดึงมือเธอให้วิ่งทันที เธอเหลือบมองที่มาของเสียงทั้งๆ ที่ยังวิ่งตามนางไปด้วย
ร่างกายสีแดงและใหญ่โต ไม่เหมือนมนุษย์เลย มันคือปีศาจเหรอ
เธอขนลุกเกรียวเมื่อสบตากับมันเข้า
นางพาเธอวิ่งลัดเลาะไปตามตรอกซอยแคบๆ ดูจากทิศทางแล้วอาจหลบเข้าไปในป่าก็เป็นได้ แต่เมื่อเลี้ยวออกมาจากซอยที่ใกล้ป่ามากที่สุดเราก็ต้องหยุด
ผลัก!
นี่คือเสียงที่เธอวิ่งชนหลังนางเพราะไม่ทันระวัง
"มาลอช" เสียงอันนาดูเครียดกร้าวมากกว่าเดิม นางดันให้เธอไปหลบอยู่ด้านหลัง แต่เธอก็ยังสังเกตเห็นปีกอันใหญ่โตของปีศาจที่มีชื่อว่ามาลอชได้ชัดสายตา "เจ้ากล้าดีเช่นไรถึงมาตามไล่ล่าเรา"
"มันคือคำสั่ง" เสียงเย็นชาทุ้มห้าวตอบกลับมา
ลอเรียลสัมผัสได้ถึงความวุ่นวายของชาวเมืองที่กรีดร้องลั่น เสียงระเบิดดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าปีศาจตนนี้ไม่ได้มาเพียงตนเดียว แต่มาเป็นกองทัพ
อันนาดึงกริชเล่มเล็กออกมาถือไว้ นางเหมือนเตรียมพุ่งเข้าต่อสู้อยู่ตลอดเวลา และมันทำให้เธอเม้มริมฝีปาก เธอควรทำอะไรสักอย่าง ที่ไม่ใช่การปล่อยให้นางสู้อยู่คนเดียว เธอควรกลับคืนสู่ร่างปีศาจ
"อย่า" แต่นางพูดขัดเธอ "อย่าใช้พลังของเจ้า"
"..." เธอกำมือแน่น
"หากเจ้าใช้พลังของเจ้า มนุษย์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ความอาจต้องตายกันเป็นจำนวนมาก"
เธอไม่ทราบเลยว่าพลังของเธอมันร้ายแรงขนาดไหน ทั้งราชินี ทั้งมารดา แม้กระทั่งอันนายังห้ามไม่ให้เธอใช้มัน
"ส่งตัวนางมาให้ข้า" มาลอชกล่าวแล้วชี้มายังเธอ ทำให้อันนาเหลือบมามองแต่ก็ไม่ขยับหลบไปไหน นางยังคงยืนบังตัวเธอเอาไว้ "เจ้าคงไม่อยากให้เกิดความเสียหายร้ายแรงกว่านี้ใช่หรือไม่ เทพีแห่งจันทรา"
"แน่นอนว่าไม่ แต่ข้าก็ขอปฏิเสธการส่งตัวลอเรียลให้เจ้า" นางสูดลมหายใจลึก
โดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ลอเรียลตัวชาเมื่อนางพุ่งเข้าไปปะทะกับปีศาจตนนั้น
เสียงกริชเล่มเล็กปะทะกับดาบเล่มใหญ่ดังมากระแทกหูเธอ
อันนาใช้เวลาเสี้ยววินาทีในการหลบคมดาบ เพราะกริชไม่สามารถรับการโจมตีระดับนั้นไว้ได้ นางเลยต้องอาศัยความไวของร่างกายเพื่อคอยหลบหลีกและโจมตีในจุดที่มันไม่มีการป้องกัน
นางหันมาสบตาเธอ ในสายตานั้นมีคำพูดหนึ่งแฝงอยู่
'หนีไปซะ'
แต่เธอกลับก้าวขาไม่ออก สิ่งที่คิดอยู่คือเธอต้องหาทางช่วยนางให้ได้
เหมือนมาลอชทราบว่าอันนาคิดอะไรอยู่ เขาละสายตาจากนางแล้วหันดวงตาดุร้ายมาสนใจเธอในทันที สิ่งที่เธอเห็นเป็นอันดับถัดมาคือคมดาบนั้นมันกำลังพุ่งเข้ามาเพื่อปลิดชีพเธอ
อันนาพุ่งตัวตามมา เธอได้ยินเสียงนางหวีดร้อง
"อย่า!!"
ไอริเคยคิดว่ามันคงมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่เธอสามารถถอนตัวจากการต่อสู้ได้และใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาสักวันสองวันกับบัตเตอร์ฟลาย แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิดเดียว ใบหูเธอยังได้ยินเสียงการระเบิดและข้าวของที่พังทลายอย่างต่อเนื่อง
ราวกับมีสงครามไม่ผิด
"บัตเตอร์ฟลาย" เธอจับไหล่คนรักของตัวเองไว้ ใบหน้านางดูวิตกกังวลมากเช่นกัน "ข้าขอตัวไปดูตัวการก่อนว่ามันคือผู้ใด ระหว่างนี้...เจ้าช่วยดูแลความปลอดภัยของชาวเมืองด้วยแล้วกัน"
เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งในร้านอาหารแล้วพุ่งตัวออกมา หันซ้ายหันขวาเพื่อที่จะได้ใช้ประสาทสัมผัสของมังกรสัมผัสถึงที่มาของต้นเสียงได้ถูกตำแหน่ง
ไม่ช้าเธอก็สัมผัสได้ถึงพลังความมืดที่รุนแรงมากสี่ตำแหน่ง
แต่ตำแหน่งที่ใกล้ที่สุดเธอสัมผัสถึงพลังเทพด้วย
ไอริพุ่งไปยังตำแหน่งนั้นอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เห็นอย่างแรกคือหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนเป็นเป้าการโจมตีคมดาบขนาดใหญ่ ขณะที่บนอากาศนั้นก็มีคนที่เธอคุ้นเคยดีกำลังพุ่งลงไปเพื่อหยุดยั้งการโจมตีนั้นเช่นกัน
ตามสัญชาตญาณ เธอเปลี่ยนร่างคืนสู่ร่างมังกรของตัวเองในทันทีแล้วพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่า
ผลัก!
"หลบไป!!" เธอผลักอันนาแล้วตรงไปโอบหญิงสาวผมสีทองไว้ในอ้อมแขน ก่อนใช้แขนของตัวเองที่มีเกล็ดมังกรรับการโจมตีจากดาบนั้น แรงกดมหาศาลที่กดลงมาทำเธอแทบล้มทั้งยืน แต่เธอก็ต้านแรงเอาไว้
ก่อนยกปลายเท้าขึ้นเตะปีศาจตัวแดงออกไปอย่างรวดเร็ว มันกระแทกเข้ากับอาคารอิฐขนาดเล็กด้านหลังจนพังทลายลงมา
"ข้าไม่ถามเจ้าหรอกว่ามันเกิดอันใดขึ้น" เธอกล่าวกับอันนา "แต่ข้าคิดว่าในป่าเองก็มีพวกมันดักรออยู่เช่นกัน อย่าเข้าไปเลย ตอนนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัยอีกแล้ว ข้าคิดว่ายังมีผู้อื่นที่สู้อยู่เช่นเดียวกับเรา กลับไปรวมกับพวกเขาก่อน"
ไอริเหลือบมองใบหน้าซีดเผือดใกล้เป็นลมของสตรีในอ้อมแขนและพบว่าใบหน้าของนางคล้ายนายเหนือหัวของเธอมากเลยทีเดียว
ราซถูกส่งลงมาดูสถานการณ์ในบ้านเมืองที่เขาเป็นผู้พิทักษ์ เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติบางอย่างขึ้น และมันสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้อาณาจักรที่นายเหนือหัวของเขาเป็นผู้ปกครอง
เขาพร้อมสู้รบอยู่เสมอ...ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลที่ได้จากไฟไหม้ จนไฟกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเขา อาวุธของเขาแขวนอยู่ตรงเอวขวา เป็นนวมสีแดง และมันพร้อมเป็นพลังให้เขา
โดยเฉพาะตอนที่เขาประจันหน้ากับศัตรูเฉกเช่นตอนนี้
ราซสวมมันโดยไม่พูดอะไร นัยน์ตาของเขามุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญเมื่อมองไปยังผู้บุกรุก มันมีร่างกายสูงใหญ่สมส่วนเช่นบุรุษ ใบหน้าถูกปกปิดไว้ด้วยหน้ากาก สีของดวงตาเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เห็นชัด สีม่วงและไม่มีตาขาว ไม่ใช่มนุษย์
เขาลงความเห็นในใจว่ามันคือศัตรูที่เขาต้องกำจัดทิ้ง
"จงเอ่ยนามของเจ้าให้ข้าฟัง" ราซเอ่ยออกไป เขาตั้งท่าเตรียมพร้อมตอนที่มันชักหอกทั้งสองของมันออกมา แหลมคมและอันตราย หากพลาดพลั้งอาจถึงชีวิตได้
"ข้ามีนามว่าเซฟิส" ปีศาจร้ายบิดริมฝีปากเป็นการยิ้มแสยะ
ก่อนที่พวกเขาจะพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว...โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือชิงชัยเอาชีวิตของฝ่ายตรงข้าม
ตอนที่อันนาเรียกยอร์นลงไปหาในเมืองของพวกมนุษย์นั้น เขากำลังเกี้ยวพาราสีเทพีองค์เล็กๆ อยู่
แต่เพราะเป็นน้องสาว เขาถึงต้องละจากสิ่งที่ทำแล้วขี่รถม้าศึกของตัวเองลงไปยังโลก ตอนแรกเขาคิดว่ามันคือเรื่องไร้สาระ ซึ่งหลังจากที่สายตาของเขาประเมินสภาพบ้านเมืองที่เปลี่ยนไปของที่นี่ เขาคิดผิด
ยอร์นหย่อนตัวลงในป่า เขาหยิบอาวุธของตัวเองออกมาถือเตรียมไว้ ที่ขัดมันจนเงาวับเมื่อคืนก่อนไม่เสียแรงเปล่าแต่อย่างใด
แต่เมื่อสาวเท้าเข้าไปในอาณาเขตเมืองได้ไม่กี่ก้าว เขาก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นกองทัพปีศาจกำลังเคลื่อนเข้าไปในตัวเมือง สิ่งที่เรียกความสนใจเขาได้คือแม่ทัพของพวกมันต่างหาก
"พระแม่กาลี" เขาพึมพำเสียงแผ่ว หน้าซีดเผือด ได้แต่อุทานอยู่ในใจ เขาไม่อยากสู้กับนาง
ราวกับว่านางเองก็ทราบว่ามีผู้เรียกชื่อ
นัยน์ตาสีอะเมทิสต์หันมองตามมา แขนทั้งหกของนางถืออาวุธอยู่คนละอย่าง เรียงจากมือซ้ายบนคือดาบ รองลงมาคือตรีศูล และที่อยู่ล่างสุดคือกงจักร
ส่วนมือขวานั้นไล่จากบนสุดคือหัวอสูรอะไรสักอย่างที่เขาไม่ทราบชื่อมัน รองลงมาคือโล่ และท้ายสุดคือธนูและลูกธนู
"เจ้าเป็นศัตรู" พระแม่กาลีพึมพำกับตัวเองราวกับทบทวน ทำให้ยอร์นอยากตอบกลับไปว่า 'ใช่แล้วแม่นาง ข้าเป็นศัตรู' แต่ก็ต้องยิ้มแฉ่งกลบเกลื่อนไป เผื่อนางเปลี่ยนใจ
กองทัพปีศาจด้านหลังพูดอะไรสักอย่างที่เขาฟังไม่ได้ศัพท์เพราะมันหลายเสียงเหลือเกิน แต่พระแม่กาลีก็เพียงแค่หันไปกล่าวกับลูกน้องในบังคับบัญชาเสียงเย็นชา
"ข้าจักจัดการเอง อย่ามาสอด"
ยอร์นเปลี่ยนจากยิ้มแฉ่งเป็นยิ้มแห้งอย่างเชื่องช้า...
รอพี่ก่อนแล้วกันอันนา หากรอดไปได้พี่จะไปหาน้องเอง สาบานด้วยเกียรติของพี่ชายเลย
ไดอาน่าคอยสังเกตการณ์ทุกอย่างอยู่กับที่ เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาคนคนหนึ่งที่เธอรอมันมามากกว่าสองชั่วโมง ตั้งแต่การต่อสู้ยังไม่เริ่ม จนกระทั่งเริ่มไปสักพักแล้ว
และไม่นานนัก เธอก็เห็นมันในสายตา
มันกำลังเดินอย่างไม่รู้สึกรู้สากับศพชาวเมืองรอบข้างและหยิบของกินจากร้านค้าต่างๆ ที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างหนีตายไปแล้วมากินหน้าตาเฉย
เธอเปิดหน้าต่างและกระโดดลงไปดักหน้าไว้
"เจอตัวแล้ว โจ๊กเกอร์" เธอพูดกับชายหนุ่มที่ใบหน้าถูกตกแต่งจนพิศดาร แล้วมันก็ฉีกยิ้มที่กว้างที่สุดเท่าที่ริมฝีปากของมนุษย์ปกติจะฉีกได้ออกมา มันขวักปืนมาถือไว้แล้วเล็งมายังเธอ แต่เธอรู้ทันยกโล่ขึ้นบังตัวเองไว้
ปัง!
แกร๊ง!
เสียงแรกคือเสียงปืน ส่วนเสียงที่สองคือเสียงลูกกระสุนที่ถูกดีดไปโดนสิ่งอื่น
"คิดถึงฉันไหม ฉันอุตส่าห์ตามแกมาถึงที่นี่" ไดอาน่าหยั่งเชิงชายหนุ่มวายร้ายตรงหน้า "แบทแมนฝากฉันให้มาลากคอแกกลับไปยังโลกที่แกสมควรอยู่ แกคิดว่า...แกมีอำนาจมาจากไหนถึงมาก่อปัญหาที่โลกนี้"
"ไม่มี และ..." มันปฏิเสธ แล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง "ไม่กลับ!!"
"..." เธอขมวดคิ้ว ยกโล่ขึ้นแล้วชักดาบออกมาถือไว้
เห็นว่าการพูดดีไม่มีวันใช้กับคนแบบมันได้
"จะสู้กับฉันเหรอ Wonder Women ว่าไง ว่าไง ว่าไง?" มันทำท่าเยาะเย้ย โยกหัวไปมาราวกับมีน้ำในหู "หรือฉันควรเรียกแกว่าไดอาน่าดี"
"ตามใจ" เธอกระซิบแล้วไม่ปล่อยให้มันพูดอีกต่อไป หากปล่อยไว้นานมันต้องหาวิธีหนีออกจากตรงนี้ได้แน่ๆ "ยังไงฉันก็จะลากคอแกกลับไปให้ได้ โจ๊กเกอร์"
ใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงในการหนีไปยังใจกลางเมือง และสู้กับมาลอชไปด้วย อันนาหอบหายใจ สภาพเธอตอนนี้มีบาดแผลตามตัวและเหนื่อยหอบ
ส่วนไอริยังดูสบายๆ มากกว่าเพราะนางมีเกล็ดมังกรซึ่งเปรียบเสมือนเกราะติดตัว
แต่ที่น่าห่วงคือสภาพจิตใจของลอเรียลมากกว่า
ตอนนี้ไอริกำลังถ่วงเวลามาลอชให้เธอพาลอเรียลหนี แต่เด็กสาวกลับทรุดฮวบลงกลางถนนหลังจากเดินออกมาได้ไม่เท่าไหร่ บ่งบอกว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว
ร่างกายของนางสั่น นัยน์ตาเหม่อลอย บางครั้งนางก็กัดปากตัวเองจนปากแตก เลือดไหลซิบออกมา เธอคิดว่ามันเป็นอาการช็อค
เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันจะบุกโจมตีถึงในเมืองของมนุษย์ ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่ลอเรียลไม่อยู่ในการดูแลของท่านอิลูเมียกับท่านวีร่า แต่...มันกล้ามากเกินไป กล้ามากจนบ้าบิ่น ราวกับมันมั่นใจมากว่ามันต้องชิงตัวลอเรียลไปได้แน่ และเธอก็ปล่อยให้มันทำแบบนั้นไม่ได้
ความรับผิดชอบหนักอึ้งอยู่บนบ่าของเธอ
เธอพลาดไม่ได้
เธอยอมให้ชีวิตของคนที่เธอรักต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะความอ่อนแอของเธอไม่ได้
อันนาลูบใบหน้าลอเรียลระหว่างที่ประคองนางไว้ เธอหันซ้ายหันขวา มีแต่ซากศพเต็มไปหมด เธอไม่แน่ใจว่ากษัตริย์เธนจัดการยังไงกับที่นี่ แต่มันไม่มีมนุษย์อยู่แล้ว ทุกคนถูกย้ายไปหมด
เหลือแค่ใครบางคนที่ยังต่อสู้อยู่ ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าใครบ้าง
ยอร์นยังไม่มาให้เธอเห็นเลย เธอคิดว่าเขาคงติดพันการต่อสู้อยู่เหมือนกัน
สิ่งสำคัญคือเธอเชื่อมั่นว่าท่านอิลูเมียต้องลงมาหาเธอกับลอเรียลแน่ แต่เธอไม่แน่ใจว่ามันอีกนานแค่ไหนกว่านางจะรู้ตัวว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
พรึ่บ!
อันนารีบหันกริชไปทางนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงผิดปกติ สิ่งที่เห็นทำให้เธอต้องชะงักเมื่อพบว่ามนุษย์คนนั้นคือคือไดอาน่า อดีตคู่ต่อสู้ของเธอ
นางบาดเจ็บประปรายและกำลังยืนหยัดสู้อยู่กับใครสักคนที่เธอไม่ทราบชื่อ แต่หน้าตาของมันหน้ากลัวเกินกว่าที่จะเรียกว่ามนุษย์ปกติได้
ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรต่อ ก็มีผู้ชายอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นในสภาพบาดเจ็บไม่แพ้กัน หนึ่งคือพี่ชายของเธอ ส่วนอีกหนึ่งเธอไม่รู้จัก แต่คาดว่าคงเป็นนักรบ
มันเป็นเรื่องดีที่เธอเจอคนที่สามารถช่วยเธอปกป้องลอเรียลเพิ่ม แต่มันไม่โอเคตรงที่ต่างคนต่างลากศัตรูที่ตัวเองสู้ด้วยมารวมอยู่ที่เดียวกัน
เธอขมวดคิ้วอย่างตึงเครียดเมื่อทั้งสามพร้อมใจกันหันมามองเธอ
เห็นพ้องกันโดยไม่ได้นัดหมายว่าควรอยู่รวมกัน
สุดท้ายไอริก็ตามมาสมทบ ร่างของนางปลิวมาและไถลไปกับพื้น ก่อนยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
ถึงจำนวนจะมากกว่าอยู่หนึ่งคนหากไม่นับลอเรียล...แต่ว่าทุกคนล้วนบาดเจ็บสาหัสไม่แพ้กัน มีเพียงไอริที่ดูสมบูรณ์ที่สุด และอันนาก็รู้สึกเป็นห่วงพี่ชายอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นเลือดที่ไหลโซมกายของเขา ราวกับเขาเพิ่งโดนดาบฟันตั้งแต่ไหล่ลากยาวมาถึงช่วงสะโพก
ยอร์นหันมามองเธอ แล้วส่งยิ้มแฉ่งตามสไตล์มาให้ เพื่อบอกว่าเขายังไหว
อันนาเม้มริมฝีปากแล้วเบือนสายตาหนีเขา
ทนดูอาการบาดเจ็บของพี่ชายฝาแฝดไม่ได้ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะเธอ
เธอพยุงลอเรียลให้ลุกขึ้นยืน ตอนนี้เธอกับนางยืนอยู่ตรงจุดกึ่งกลาง คนทั้งสี่ยืนเป็นสี่เหลี่ยม หันหน้าไปคนละทิศ เตรียมเข้าฟาดฟันกับคู่ต่อสู้ของตัวเองอีกรอบ
"ถึงกับต้องให้คนพวกนั้นช่วยเลยเหรอ ไดอาน่า" ชายหน้าตาแปลกประหลาดขำออกมาชุดใหญ่ ถึงกับปาอาวุธตัวเองลงพื้นแล้วกระทืบเท้าอย่างชอบใจ
เธอมองเขาและรู้สึกว่าไม่ชอบขี้หน้าเขาเลย
คนที่ถูกมันกล่าวถึงกระชับโล่กับดาบของตัวเองไว้แน่น
"แกก็มากับพวกมันนี่ ใช่ไหม โจ๊กเกอร์" ไดอาน่าปรายตาไปมองศัตรูที่ยืนล้อมรอบอยู่รอบตัว ประโยคนั้นทำให้อันนาทราบชื่อของชายโรคจิตคนนั้น
"มันจบแล้ว อันนา" ร่างกายมาลอชเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เขาก็ยังแข็งแรงกว่าเธอ เขาชี้ปลายดาบมาหาเธอ "ส่งเด็กลูกครึ่งปีศาจมาให้ข้าเสีย ไม่เช่นนั้นเรื่องมันคงจบไม่สวยนัก ข้าจะเผาเมืองนี้ให้เป็นเศษธุลี"
นักรบหนุ่มผู้ใส่นวมที่มือทั้งสองข้างกัดฟันกรอดอย่างหัวเสีย
"เจ้าต้านทานการโจมตีของเรารวมกันไม่ได้หรอก" พระแม่กาลีพูดเสียงเนิบนาบ
"ยอมส่งนางมาเสียเถิด" ชายในหน้ากากพูด หากอันนาจำไม่ผิด เขาน่าจะเป็นเซฟิส
ทุกคนเหลือบมามองลอเรียล ยกเว้นยอร์นกับไอริ
"ข้าขอปฏิเสธ" เธอกล่าวกับเซฟิสแล้วตวัดสายตามองสองคนที่เหลือ หากนักรบหนุ่มกับหญิงสาวต่างโลกบังคับให้เธอส่งลอเรียลไป เธอจะเชือดมันสองคนก่อน
เมื่อไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างตกอยู่ในความกดดัน เธอเลยกระซิบกับลอเรียล
"ลอเรียล เจ้าได้ยินข้ารึเปล่า"
"..." ไม่มีเสียงตอบรับ
"ได้โปรด"
อันนากอดนางเอาไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอเหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ภาวนาให้ใครสักคนมาช่วย ก่อนที่มันจะสายเกินไป
"อันนา..." จังหวะนั้นลอเรียลก็ส่งเสียงแผ่วเบาออกมา
นางลืมนัยน์ตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาขึ้น
"ตั้งสติ" เธอแนะนำวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่คิดได้ออกไป
"..."
"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ"
ลอเรียลทำตามอย่างเชื่องช้า นางเริ่มกลับมายืนด้วยตัวเองได้
และเมื่อพวกมันเห็นว่านางฟื้นคืนสติแล้ว พวกมันก็พุ่งเข้ามา
เธอปล่อยลอเรียลในทันที
นางเซ แต่ก็ทรงตัวได้ ยังดูมึนงงกับหลายๆ อย่าง แต่เธอไม่มีเวลาสนใจแล้ว
สิ่งสุดท้ายที่คิดตอนนี้คือการส่งลอเรียลกลับบ้าน
ขอแค่ให้นางกลับไปได้ก็พอ
เธอใช้กริชปัดลูกธนูของพระแม่กาลีออกไป ได้แต่สบถอยู่ในใจว่าทำไมนางถึงใช้อาวุธได้หลากหลายขนาดนั้น มือเยอะเลยได้เปรียบเหรอไง
สายตาของเธอจดจ่ออยู่ที่มาลอช
เขาต้องเป็นหัวหน้าแน่ หากเธอจัดการเขาก่อน...
ทุกคนมีคู่ต่อสู้ของตัวเอง มีแต่ยอร์นที่สภาพไม่ไหวแล้ว เขาปัดลูกธนูที่พุ่งเข้ามา ใช้คันธนูปะทะกับดาบ และยังต้องเอี้ยวตัวหลบหอกที่พร้อมแทงเข้าไปในกายหนา
เขาต่อสู้กับพระแม่กาลีมาตลอดทางมาที่นี่ แถมโดนอาวุธขนาดนั้น...ยังไม่ร่วงก็ถือว่าโชคช่วยมากแล้ว
อันนากับยอร์นเป็นสองฝาแฝดที่ขยับเคลื่อนไวได้เร็วดั่งลมกรด
มันเป็นความสามารถพิเศษ
แต่เขากลับทำท่าทางราวกับว่าไม่สามารถหลบการโจมตีใดๆ ได้อีกแล้ว
"พี่ข้า พักก่อนเถิด" เธอพุ่งไปประคองร่างพี่ชายที่กำลังล้มลงเอาไว้
ไอริเห็นสถานการณ์ดังนั้นเลยเปลี่ยนคู่ต่อสู้ของตัวเองมาเป็นพระแม่กาลีแทน
ปล่อยให้ไดอาน่ารับมือกับทั้งมาลอชและโจ๊กเกอร์ไปก่อน
ยอร์นหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน อะไรสักอย่างทำให้เธอคิดว่า...เขากำลังจะตาย มือหนาที่เปื้อนเลือดยกขึ้นลูบแก้มเธอ
"อันนา ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้าไม่ใช่หรือ" ยอร์นพยายามหัวเราะแต่เขาสำลักออกมาเป็นเลือด "ข้าเป็น..."
"เจ้าเป็นพี่ชายข้า ข้าจำได้" เธอใช้มือปิดริมฝีปากเขา นำร่างเขาไปนอนพิงใต้กองอิฐที่ถล่มลงมาหมดแล้ว "และโปรดอย่าเป็นภาระ"
"..." เขาฝืนยิ้ม
"เจ้าต้องปลอดภัย" เธอปลอบเขา
"ข้าทราบ..." ยอร์นเหมือนตอบรับไปอย่างนั้น เขาไม่ได้ดูเชื่อ "แต่รักษาตัวเจ้าไว้ให้ดี สิ่งที่แย่กว่าข้าตาย...คือการเห็นเจ้าตาย"
เสียงเขาแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
เธอพยักหน้าแล้วกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ สายสัมพันธ์ฝาแฝดมันตัดกันไม่ขาด ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเธอเองก็กลัวว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
อันนาปล่อยให้พี่ชายนอนอยู่ตรงนั้นแล้วลุกขึ้นยืน เธอมองลอเรียล พบว่าสติของนางกำลังกลับคืนมาเรื่อยๆ
เธอส่งสายตาไปหานาง เตือนนางว่าหากรู้ตัวแล้วก็ควรทำสิ่งที่ควรทำ คือการหนีไป ไม่ใช่รั้งรออยู่ที่นี่
ในสถานการณ์แบบนี้ นางอยู่กับเธอไม่ได้
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ขยับตัวไปหยุดอยู่ตรงหน้ามาลอชเพื่อไม่ให้เขาหันไปสนใจลอเรียลมากนัก
เขาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอ
"เจ้าคิดว่าเจ้าสู้ข้าได้เหรอ" เสียงหัวเราะเล็กๆ ดังออกมา
ไม่หรอก แต่ถ่วงเวลาได้
เธอถีบตัวออกห่างมาลอชตอนที่เขาเหวี่ยงดาบลงมา ก่อนจะสวนกริชกลับไป กริชเล่มนี้ห่อหุ้มพลังเวทเท่าที่เธอสามารถบรรจุลงไปได้เอาไว้ มันเลยจมมิดเข้าไปในผิวเนื้อสีแดงของปีศาจร้าย ก่อนที่เธอจะถอยออกมาอีกรอบ
อาวุธเพียงอย่างเดียวที่สามาถรองรับพลังของเธอได้อย่างเต็มที่คือธนูและลูกธนูของเธอ
เธอตั้งสติให้จดจ่อ เสียงการต่อสู้รอบตัวไม่ทำให้เธอเสียสมาธิเท่าไหร่นัก เธอใช้ความเร็วหลบคมดาบบ่อยจนมันฟันลมไปหลายครั้ง
แต่เธอยังคิดหาวิธีเอาชนะไม่ได้เลย
เธอทำแบบนั้นอยู่ราวๆ สิบนาทีก็เริ่มเหนื่อย การต่อสู้รอบด้านก็ดูดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
แอนนาเหลือบมองลอเรียลเป็นระยะ..นางหลับตาลงเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่าง อาจพยายามกลับคืนสู่ร่างปีศาจ นางกัดริมฝีปากของตัวเอง แค่มองก็ทราบแล้วว่านางทำไม่ได้
เสี้ยววินาทีเดียวกันนั้นมาลอชก็เข้าประชิดตัวเธอสำเร็จ
เธอกำลังหันไป พยายามถีบตัวออกห่าง แต่ความพยายามล้มเหลว
"อึก...!" เธอส่งเสียงออกมาเมื่อถูกมือใหญ่บีบร่างกายเอาไว้
"จับได้แล้ว" เขากระซิบเสียงเหี้ยม
วินาทีเดียวกันนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงพลังของราชินีแห่งสรวงสรรค์ เธอเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าและเห็นนางยืนอยู่ตรงนั้น กำลังมาพร้อมกับกองทัพจากสวรรค์
"ราชิ... นี" เธอเอ่ย แต่เสียงสุดท้ายออกมาจากริมฝีปากแผ่วเบามากเพราะความเจ็บปวดแทรกเข้ามาอย่างรุนแรง
ดาบของมาลอชแทงทะลุหน้าท้องเธอไป เธอเบิกตาโพลงและพยายามบังคับให้ตัวเองหายใจบนความเป็นบนตาย เลือดสีทองไหลอาบใบดาบ เมื่อมันถูกดึงออกจากร่างกาย เธอก็ทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
เสียงกรีดร้องปานใจจะขาดของลอเรียลดังขึ้นพร้อมกับเสียงสั่งการของมาลอช
"ราชินีแห่งโอลิมเปียนมาแล้ว ถอย เอาเด็กนั่นไปด้วย!!"
ยอร์นหรี่ตาขึ้นมองทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น เขากำธนูของตัวเองแน่นแล้วหยิบลูกธนูออกมาจากกระบอก เล็งตรงไปยังผู้ใดก็ตามที่คิดจะเข้าใกล้ลูกสาวของท่านอิลูเมีย
เขาเห็นอันนา ไม่ใช่ว่าไม่เห็น...
แต่เขาก็ต้องเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เขาต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป สานต่อสิ่งที่นางพยายามทำอยู่
เขาสะสมพลังในลูกธนูดอกนี้จนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนปล่อยลูกธนูออกไปเมื่อเห็นเซฟิส
ฉึก!
ธนูดอกนั้นปักเข้ากลางอกของอริราชเต็มแรงจนกระเด็นออกไป
แต่ขณะเดียวกันเขาก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด...
สิ่งสุดท้ายที่นัยน์ตาพร่าเลือนของเขาสังเกตเห็นคือดวงตาของพระแม่กาลีที่มองมายังเขาอย่างสมเพช
พร้อมกับดึงหอกที่ปักอยู่กลางอกเขาออกไปอย่างรุนแรง
พรากลมหายใจสุดท้ายของเขาไปอย่างเลือดเย็น...
ราซเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่พยายามหยุดยั้งพวกนั้นไม่ให้เอาตัวลอเรียลไป ความพยายามครั้งสุดท้ายของเขา
บ้านเมืองของเขาไม่มีเหลืออีกแล้ว
สิ่งที่เขาปกป้องมันมาตลอดพังทลายไปจนสิ้นแล้ว
การช่วยเหลือสหายที่ร่วมรบกับเขาคือสิ่งสุดท้ายที่เขาพร้อมจะทำเพื่อมัน
ราซใช้นัยน์ตาที่พร่ามัวของตัวเองมองไปเบื้องหน้า ภาพตรงหน้าเลือนเลือนลาง สิ่งนี้คืออุปสรรคของนักมวยยามที่เลือดจากศีรษะที่แตกไหลอาบลงมา แต่เขาเห็นสตรีหลายมือกำลังได้ตัวคนสำคัญที่สหายเขาพยายามปกป้องอยู่ไปแล้ว
เขาไม่รอช้า พุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็วและกำลังปล่อยหมัดออกไป
มันคงเป็นหมัดสุดท้ายแล้ว...
ปึก!
แต่เขากลับชกโดนอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่เป้าหมาย เขาเลื่อนนัยน์ตาของตัวเองขึ้นมองร่างสูงใหญ่ผิวสีแดง ปีกสีแดงของมันสยายขึ้นบดบังแสงแดดจากสายตาเขา
ไม่มีไฟสำหรับราซอีกแล้ว เขาไม่มีแม้แต่ความรู้สึกตอนที่ใบดาบนั้นถูกยกขึ้นสูง
ตัดแขนข้างหนึ่งของเขาให้ขาดออกจากกัน...
ไอริมั่นใจว่าลอเรียลคือลูกสาวของท่านอิลูเมีย
เธอสูดลมหายใจลึก ไม่อาจทรยศต่อนายเหนือหัวได้
ยังไงเธอก็ต้องช่วยนาง
เธอกระชับดาบในมือตัวเองไว้แน่นก่อนพุ่งเข้าไปหามาลอชอย่างแรง
เมื่อเขาไม่ทันได้ตั้งตัวเธอก็หมุนตัวขึ้นไปบนฟ้าแล้วจัดการตัดเขาของเขาออกมาถือไว้ รีบดีดตัวออกเมื่อเขาตวัดใบดาบมาอย่างกราดเกรี้ยว
ปีศาจร้ายกู่ร้องคำราม เขาพยายามจับตัวเธอให้ได้
เธอฉีกยิ้มยียวน กวนอารมณ์คู่ต่อสู้
สายตาของเธอเผลอเลื่อนไปมองลอเรียลพอดีก่อนพบว่าพระแม่กาลีจับนางไว้ได้แล้ว ถึงนางจะพยายามอย่างหนักที่จะขัดขืน แต่เมื่อโดนตรีศูลแหลมคมจ่อคอไว้ก็ต้องเงียบเหมือนกัน
ไอริพุ่งลงไปอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่ควรทำคือการปัดอาวุธนั่นออกไปซะ
แต่...
เธอเสียวสันหลังวูบเมื่อเหลือบไปมองมาลอช
ลืมสังเกตไปเลยว่า ณ ขณะนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยถ่วงเวลาให้เธอได้แล้ว
หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ยังยืนอยู่ได้กำลังแย่เช่นกัน
"เมื่อสักครู่เจ้าตัดเขาของข้า" เสียงของเขาโหดร้ายโดยไม่จำเป็นต้องขึ้นเสียง มันทำให้เธอพยายามหลบ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเขาจับปีกของเธอเอาไว้ "เจ้าจักทำเช่นนั้นก็ย่อมได้ แต่มันมีสิ่งแลกเปลี่ยนเสมอ"
พูดจบเธอก็ต้องกรีดร้องออกมาสุดเสียง
ปีกของไอริถูกดึงจนขาด ก่อนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ด้วยมือใหญ่โตสองข้างนั้น
ไดอาน่าใกล้หมดแรงเต็มทนแล้ว เธอเหลือบมองสถานการณ์รอบข้างและพบว่าไม่มีผู้ใดสามารถยืนหยัดสู้ได้อีกแล้ว
เธอพยายามยกโล่ขึ้นบังการโจมตีของโจ๊กเกอร์ แต่ว่า...มันกลับใช้เท้าถีบมาเสียเต็มแรงจนเธอเซถอยไปด้านหลังจนทรุดตัวนั่งลงกับพื้นในที่สุด ขาทั้งสองข้างสั่นเนื่องมาจากอาการเกร็งตลอดเวลา มันเจ็บเกินกว่าจะลุกขึ้นยืนได้อีก
เธอกำมือแน่นเมื่อมันจงใจวางเท้าบนศีรษะเธอ ทำให้เธอต้องก้มหน้าแทบเท้ามัน
"แกแพ้แล้วนะ" โจ๊กเกอร์แสยะยิ้มอย่างร่าเริง
ไดอาน่าโกรธ...เธอเลื่อนสายตาขึ้นมองเมื่อเท้าข้างนั้นผละออกไปแล้ว สิ่งที่พบคือโจ๊กเกอร์ผละออกไปพยุงชายสวมหน้ากากอย่างไม่ยินยอมนัก
ก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะเดินไปยังจุดจุดหนึ่ง และแผ่นดินตรงจุดนั้นก็แยกออกเป็นสองส่วนแล้วดูดกลืนตัวตนกลับสู่ที่ที่พวกมันมา
พวกมันหายไปพร้อมกับเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้สะอื้นราวกำลังขาดใจ
และหายไป...พร้อมกับความพ่ายแพ้ของเธอ
อันนายังไม่ตาย เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นให้ได้ นัยน์ตาสองข้างพร่าเลือน ใบหูได้ยินเสียงอะไรเต็มไปหมดจนจับใจความไม่ได้ ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามา ได้ยินเสียงลอเรียลร้องไห้ และมันดังไกลจากตัวเธอเรื่อยๆ
จนจู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ
"ไม่..." เธอส่งเสียงออกไป พยายามลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องทรุดตัวลงนั่งอีก
เธอเห็นยอร์นที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น เห็นนักรบหนุ่มที่แขนขาดไปข้างหนึ่ง เห็นไดอาน่าที่หอบหายใจอยู่บนพื้นด้วยบาดแผลเต็มทั้งร่างกาย และเห็นไอริที่ปีกขาดทั้งสองข้างกำลังนั่งคุกเข่าอยู่อย่างไร้เรี่ยวแรง
เธอได้ยินเสียงโวยวายของกองทัพทหารเทพ เสียงพูดของผู้นำทัพ
อาธีน่ามองเธอด้วยสายตาสงสาร
ท่านอิลูเมียเป็นคนที่เดินเข้ามาพยุงเธอที่กำลังนั่งอยู่ไว้ในอ้อมแขน
"ไม่เป็นไร" หล่อนกระซิบเสียงแผ่ว "เจ้าทำดีแล้ว"
"..."
"ทำดีมากแล้ว อาร์เทมีส" นางเอ่ยนามที่แท้จริงของเธอออกมา มือเรียวบีบไหล่ของเธออย่างปลอบประโลม
สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือการมองหน้านาง
เธอเจ็บและปวดร้าวจนทำไม่ได้แม้กระทั่งร้องไห้ ทำไม่ได้แม้กระทั่งปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลลงมาบนใบหน้า เพื่อที่จะบอกให้มารดาของหญิงสาวที่เธอรักรู้ว่า เธอเสียใจแค่ไหนที่ปกป้องลูกสาวนางไว้ไม่ได้
"อย่าให้...ข้าหลับ" เธอกระซิบออกไปอย่างยากลำบาก
เวลาพูดคนบางคนมักเค้นเสียงออกมาจากหน้าท้อง เพียงแต่ตอนนี้ตรงจุดนั้นของอันนามีบาดแผลที่ทำให้เมื่อยิ่งขยับ มันก็ยิ่งเจ็บมากขึ้น
"ข้าขอปฏิเสธ" นางส่ายศีรษะ ยกมือขึ้นลูบใบหน้าเธอก่อนจะเลื่อนมือมาปิดตาทั้งสองข้างไม่ให้มองเห็นสิ่งใดอีก "เจ้าจำเป็นต้องหลับเพื่อพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายที่เสียหายไปขึ้นมาใหม่"
"..." เธอขยับปลายนิ้วอย่างไม่ยินยอม ทำได้เพียงแค่นั้นจริงๆ
"ส่วนเรื่องพี่ชายเจ้า ข้าจะจัดการเอง"
เธอได้ยินเสียงนางพึมพำอะไรบางอย่าง ก่อนที่ศีรษะของเธอปวดตุบราวกับถูกตีจากภายในจนสลบไป
ฟุบ...
มือสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของเตียงนอน
อันนาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอขยับเคลื่อนไหวร่างกายลำบาก แต่ละครั้งที่พยายามกลับต้องหอบหายใจเหนื่อยล้าทุกครั้งไป หลังจากพยายามลุกขึ้นนั่ง ก็โดนมือของใครบางคนผลักให้ลงไปนอนอีกรอบ ร่างกายเจ็บร้าวเกินทานทน
"เจ้าเพิ่งหลับไปเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น...ที่สำคัญข้าสั่งมะกังก้าทำยาสลบชนิดที่ทำให้สลบไปหนึ่งคืนให้เจ้ากินแล้วแล้ว เหตุใดเจ้าถึงฟื้นขึ้นมาได้อีกเล่า" เสียงหวานติดแหบบ่นยาวเหยียดจนเธอแทบจับจำความมันไม่ได้
ท่านอิลูเมียขยับผ้าห่มให้เธอใหม่
"..." เธอเงียบ ไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับไป
"ข้ากับวีร่าเองก็เสียใจไม่แพ้เจ้าสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับลอเรียล" นางกล่าวราวเห็นความคิดเธอแปะอยู่บนหน้าผาก ทำให้เธอถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอผิดหวังในตัวเองจริงๆ
แต่ประโยคนั้นทำให้เธอหันไปเห็นว่าท่านวีร่าก็นั่งอยู่ในห้องเช่นเดียวกัน นางนั่งอยู่บนโซฟาขนสัตว์ของเธอ มองออกไปนอกหน้าต่าง น้ำตาไหลนองหน้า
สำหรับท่านอิลูเมียนั้น นางเข้มแข็งเกินกว่าจะร้องไห้ และเพราะเป็นคนเข้มแข็ง บางครั้งเลยเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุดโดยไม่มีผู้ใดรับรู้
"เรื่องบัดซบที่เกิดขึ้นมาจากฝีมือลูซิเฟอร์ใช่หรือไม่" เธอควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่งมากที่สุด
"ใช่" อดีตราชินีแห่งขุมนรกยืนยันด้วยตนเองด้วยน้ำเสียงที่ไม่สั่นแม้แต่น้อย มีแต่น้ำตาเท่านั้นที่บ่งบอกถึงทุกอย่าง
"..." อันนาเริ่มละอาย เธอจะฟูมฟายมากกว่าราชินีกับมารดาของลอเรียลไม่ได้
"ข้าทราบดีว่าเขาไม่ฆ่าลอเรียลทิ้งหรอก แต่..."
"..." เธอมองท่านวีร่า
"เขาทราบดีว่าจะทรมานลอเรียลยังไงให้เจ็บปวดที่สุด"
"มันคือสิ่งที่แย่ที่สุดที่ข้าไม่อยากให้เกิดขึ้น" ท่านอิลูเมียตอบรับ นางเดินไปนั่งกับท่านวีร่า เธอเลยพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง ฝืนความเจ็บปวดอีกครั้งเพื่อดูสารรูปตัวเอง จนกระทั่งเห็นนั่นแหละ
น่าสมเพชที่สุด...
ท่อนบนเธอมีเพียงแค่ผ้าพันเพื่อปกปิดทรวงอก นอกนั้นถูกพันด้วยผ้าพันแผลเพื่อรอให้แผลสมาน ส่วนท่อนล่างสวมใส่กระโปรงตัวสั้นเพียงตัวเดียว
นอกเหนือจากแผลที่หน้าท้องก็ยังมีแผลประปราย
เป็นมนุษย์ธรรมดาคงตายไปแล้ว
"ข้าขออภัยที่ไม่แจ้งท่านทั้งสองว่าจะพาลอเรียลลงไปเบื้องล่าง" เธอกล่าวออกไป มองหน้าท่านอิลูเมียกับท่านวีร่าอย่างรู้สึกผิด "พวกท่านไม่ต้องให้อภัยข้าก็ได้ เพราะข้าก็ไม่ให้อภัยตัวเองเช่นเดียวกัน"
ท่านวีร่ามองเธออยู่แวบหนึ่งก่อนเบือนสายตามองไปทางอื่น ร่างบอบบางของอดีตราชินีแห่งขุมนรกซุกเข้าหาท่านอิลูเมียอย่างหาที่พึ่งพิง
"วันนั้นลอเรียลชวนข้าลงไปงานเทศกาลของพวกมนุษย์ เป็นข้าที่ผิดเอง" เธอไม่ได้แก้ตัวแทนหรอก แต่มันคือความจริง
ยังไงหน้าที่ของเธอคือการรายงานทุกอย่างให้ท่านอิลูเมียรับทราบอยู่แล้ว
"อย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเสียทีเดียว" ท่านอิลูเมียเป็นคนพูด
นางเหมือนไม่ได้ปลอบเธอ
แต่คำพูดนั้นทำให้เธอคล้อยตามอย่างแปลกประหลาด
เมื่อเห็นว่าเธอเงียบ นางพูดต่อ
"เมืองหลวงอาเธอร์ถูกทำลายย่อยยับ...กษัตริย์พวกมนุษย์กำลังวิ่งวุ่นแก้ปัญหาอยู่ ชาวเมืองไม่มีที่พักอาศัย จนเทพองค์อื่นๆ จำต้องลงไปช่วยเพื่อให้อะไรหลายอย่างเข้าที่มากขึ้น ปัญหาจะได้ไม่แย่ไปมากกว่าที่เป็นอยู่"
"..."
"สหายที่สู้รบกับเจ้า ชายหนุ่มผู้มีนามว่าราซซึ่งเป็นมนุษย์ถูกดูแลโดยมะกังก้า"
"..."
"ไดอาน่าหลังจากรักษาเสร็จเบื้องต้นก็ถูกส่งตัวกลับไปให้นาตาเลีย"
"..."
"ส่วนไอริกลับไปให้หมอจากเผ่าพันธุ์มังกรรักษาให้"
"...ข้าเป็นหนี้บุญคุณพวกเขา" อันนากระซิบ
"พวกมังกรโกรธมากถึงมากที่สุด พวกเขาพร้อมช่วยเหลือหากว่าเราขอร้อง" ราชินีกล่าวพลางลูบแขนท่านวีร่าไปด้วย "ก็ไม่แปลกใจนักหรอก...โอริวกราดเกรี้ยวมาก ยังไงไอริก็เป็นลูกสาวคนโปรดของนาง"
"ข้าแนะนำท่านว่าอย่าเอาพวกเขามาเสี่ยงด้วยเลย ข้าไม่อยากให้..." ภาพอาการบาดเจ็บของเหล่าคนที่สู้รบร่วมกับเธอลอยเข้ามาในหัว
เธอไม่อยากมองภาพแบบนั้นอีกครั้ง
"ข้าเองก็ไม่อยากให้พวกเขาต้องเสี่ยงเช่นเดียวกัน" ท่านอิลูเมียกล่าวเสียงเครียด
"แล้วท่านนิกซ์กับท่านเฮเมร่า..." เธอถามถึงสองเทพรุุ่นแรก
"..." ท่านอิลูเมียส่ายศีรษะ
"อาจน่าห่วงหน่อย" เธอถอนหายใจ
"เรางอมืองอเท้ามิได้หรอก ท่านทั้งสองไม่ใช่ผู้ที่ต้องจัดการทุกปัญหาที่เราเผชิญอยู่ นั่นเท่ากับว่าเรากำลังขลาดเขลาและหลบอยู่หลังผู้มีอำนาจ"
ราชินีเหมือนกำลังเตือนสติเธอ
สายตาของนางบอกกลายๆ ว่า 'อย่าให้สงครามพรากความกล้าหาญของเจ้าไป'
"สิ่งที่น่าห่วงคือ...ลูซิเฟอร์จะ 'เปลี่ยน' ลอเรียลก่อนที่เราจะไปถึงหรือไม่" ท่านอิลูเมียกล่าวต่อ แต่ไม่ได้ขยายความคำว่าเปลี่ยน ทำให้เธอหลุบสายตามองผ้าห่มของตัวเอง กำหมัดแน่นจนสั่นไปทั้งร่างกาย
"เราต้องไปคืนนี้" ท่านวีร่าเอ่ยอย่างวิตกกังวล
"ข้าจะไปกับพวกท่าน" เธอเงยหน้าในที่สุด "ให้ข้าไปด้วย"
"แต่เจ้า..." ท่านวีร่ามองสภาพร่างกายเธอ
"ให้โอกาสข้าไปแย่งชิงคนรักคืนเถิด"
อันนากล้าพูด...เพราะถึงตอนนี้เธอจะอยู่ไกลกับลอเรียล ผืนนภากับขุมนรกที่มีพื้นดินขวางกั้น แต่เธอก็ยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของนางอยู่
ความรู้สึกที่กำลังร่ำร้องหาเธอ
ท่านอิลูเมียพยักหน้าอนุญาต เธอเลยขยับตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ปฏิเสธที่จะให้ท่านทั้งสองช่วยเหลือแล้วกล่าวออกมา
"ข้าอยากเจอยอร์น"
"เจ้าคงไม่เห็นเขา" ราชินีลุกขึ้น จับมือท่านวีร่าเดินไปด้วยกัน ส่วนเธอเดินรั้งท้าย
เดินลำบาก แต่เธอก็ไม่อยากให้คนอื่นช่วย
จนเมื่อมาถึง 'สถานที่ศักดิ์สิทธิ์' ในพระราชวังแห่งนี้
ที่ที่ถูกเก็บซ่อนไว้มิดชิด
สถานที่แห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยทองคำและรูปสลักลายอย่างปราณีต
อันนามองโลงศพสีทองของพี่ชาย เดินไปใกล้ ใช้มือลูบสัญลักษณ์พระอาทิตย์ของเขา
สำหรับโลงของเหล่าเทพนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ใครสามารถมาเอาร่างกายที่เหมือนกลายเป็นศพไปได้ โลงนี้จึงถูกออกแบบมาให้เปิดได้จากภายในเท่านั้น
"สักวันเขาจะฟื้นขึ้นมาใช่หรือไม่" เธอถามเสียงเบา
เทพตายอย่างถาวรไม่ได้ หากตายไปก็จะรวบรวมกำลังและกลับมาใหม่อีกครั้ง
แต่...อีกนานแค่ไหนสำหรับเขา
"ใช่ สักวัน" ท่านอิลูเมียยืนยัน
เธอประทับริมฝีปากลงไปบนสัญลักษณ์พระอาทิตย์ของเขา
"อย่าหลับไปนานนักเลย" เธอกระซิบ "อย่าทิ้งน้องสาวของเจ้าไว้คนเดียวเช่นนี้"
"..." ไม่มีเสียงตอบรับ
"ข้ารอเจ้าอยู่เสมอ พี่ชาย"
สุดท้ายอันนาก็กลับมายืนอยู่ในห้อง เธอมองไปรอบๆ
เหนื่อยจนแทบทรุดให้ได้
"ข้าอยากไปพบพระเจ้า" เธอเปรยแล้วหันไปมองท่านอิลูเมียที่เดินตามมาดู
ท่านวีร่ากลับห้องไปแล้ว อาจไปเตรียมตัวสำหรับคืนนี้
"ไหว?" นางถามเพียงแค่นั้น
"ไหว" เธอยืนยัน
"คนเดียว?"
"ใช่ ข้าจะไปคนเดียว ไม่ต้องเป็นห่วงไป ข้าสบายดี" เธอยืนยัน "แล้วมาดูกันว่า...ชะตากรรมของข้ากับลอเรียลมันเป็นเช่นไรกันแน่"
หันไปหยิบคันธนูกับลูกธนูมาสะพายไหล่ ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมประมาทอีกแล้ว
ใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าเธอจะกลับมายืนอยู่ในที่ที่เคยเดินเมื่อสิบหกปีก่อนได้ ตอนที่มากับท่านอิลูเมีย แต่ครั้งนี้เธอโดดเดี่ยว
อันนาเดินตรงไปยังทางเดินมืดสนิท ก่อนมาพบกับห้องห้องเดิม ชายในหน้ากากอีกาหันมามองเธอ ครั้งนี้เขานั่งอยู่คนเดียว ไม่มีจตุอาชาแห่งวันโลกาวินาศคอยติดตามเหมือนครั้งที่แล้ว
"ข้าทราบแล้วว่าเจ้าต้องมาในสักวันหนึ่ง" เขาเป็นฝ่ายเริ่มสนทนา "นั่งสิ"
เธอนั่งลงแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างรุนแรงเพราะความเจ็บ
"ข้าอยากทราบเกี่ยวกับเรื่องราวของข้า และลอเรียล" หลังตั้งสติและระงับความเจ็บปวดได้ก็ถามออกไป
เธอมาเพื่อยอมรับความจริงทั้งหมด หากมันไม่มีอะไร มันก็จะไม่มีอะไร แต่หากมันมี...เธอจะทำทุกอย่างให้มันมี
"เจ้าทราบอยู่แล้วว่านางเกี่ยวพันกับเจ้า" เขาเกริ่น "แต่ข้าไม่ได้บอกว่านางจะเกี่ยวพันกับเจ้ามาตั้งแต่วันที่นางลืมตาดูโลกนี้ ไม่ใช่เลยอันนา ทุกอย่างมักเริ่มในเวลาที่สมควรเริ่มเท่านั้น"
"..."
"มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจ้าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของนาง"
อันนาหลุบสายตาลง คาดไว้อยู่แล้ว
"ข้าทราบว่าเจ้าสองคนเผชิญสิ่งใดอยู่" เขากล่าวต่อแล้วใช้นิ้วลูบไล้หน้ากากของตัวเอง "เจ้าทราบใช่หรือไม่ ว่าตัวเจ้าไม่สามารถเอาชนะลอเรียลได้"
"ข้าทราบดี" อันนาตอบรับ
เธอไม่ได้แข็งแกร่งอลังการเหมือนเหล่าราชินีทั้งหลายหรอก ยิ่งสองราชินีมีลูกด้วยกันอีก หากลอเรียลไม่แข็งแกร่งจริงเธอจะคอยห้ามอยู่ทำไมว่าอย่าใช้พลังของนาง
ถามว่ากลัวลอเรียลไหม มันก็ใช่ แค่บางครั้ง
"ข้าช่วยเจ้าได้เล็กน้อย" เขาผายมือ
บ่ออะไรสักอย่างปรากฏขึ้นมาแทนที่โต๊ะ เธอชะงักเมื่อมองสิ่งที่อยู่ภายในนั้น พลังความมืดระดับนี้มัน...
"รับมันไปสิ ที่นี่ไม่มีผู้ใดต้องการมันหรอก"
"มันคือสิ่งใด"
"พลังของเหล่าเซราฟิมที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นความมืด" เขาอธิบายแล้วจ้องนิ่งอยู่ที่เธอ "มันเป็นพลังสกปรกสำหรับเรา แต่มันก็เป็นพลังที่มีอำนาจมากเช่นกัน หากเจ้าไม่รังเกียจที่จะรับไว้ก็ได้โปรดเอามันไป"
"ข้าต้องทำเช่นไร" เธอถาม
"ยื่นมือของเจ้าลงไปในนั้น ให้มันดูดซับเจ้าเข้าไป"
อันนาชะงัก เขาใช้คำพูดว่า 'ให้มันดูดซับเธอ' ไม่ใช่ 'ให้เธอดูดซับมัน'
แต่เธอไม่มีโอกาสให้ลังเล
เธอยื่นมือซ้ายของตัวเองลงไป...สิ่งที่สัมผัสได้จากพลังนี้คือความเวทนา ความเจ็บปวด ความหิวกระหาย ความสกปรกโสมมและน่ารังเกียจ
มันไหลวนอยู่รอบฝ่ามือของเธอ ค่อยๆ ซึมเข้าสู่ผิวเนื้อของเธอ ปล่อยให้เธอสัมผัสถึงพลังอันหนาวเหน็บที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ขั้นตอนการแปรสภาพเป็นไปอย่างเรียบง่ายจนเธอไม่คาดคิด จนกระทั่งรู้สึกวูบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอยกมือกุมศีรษะของตัวเองไว้ แล้วเงยหน้ามองชายผู้สวมใส่หน้ากาก
"มันแค่ลิ้มรสเลือดของเจ้า ผู้กลายเป็นเจ้าของใหม่ของมัน" เขากล่าว ก่อนลุกขึ้นยืน เสกชั้นหนังสือขึ้นมา มือหนาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งส่งมาให้ บนหน้าปกเขียนคำว่าต้องห้ามเอาไว้ชัดเจน "หน้าที่หนึ่งร้อย ย่อหน้าแรก"
อันนากวาดสายตาอ่านมัน แล้วรู้สึกมือเย็นเฉียบ
"วิธีจัดการลอเรียล" เขากล่าว เงียบไปสักพักก่อนกล่าวต่อ
"..."
"มีผู้หนึ่งรอคอยเจ้าอยู่ด้านนอก"
"..."
"ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้ ต่อจากนี้ไป หากเจ้าไม่สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับมาถูกต้องได้ มันก็จะเป็นไปตามนั้น"
เธอฟังคำพูดของเขาแล้วพิจารณามือของตัวเองไปด้วย ตอนนี้มือซ้ายของเธอกลายเป็นสีดำสนิทที่มีลวดลายสีเงินเหมือนสีของดวงจันทร์ อาจดูแปลกตาไปบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่มากนัก ยังเป็นเรื่องที่พอรับได้อยู่
"ขอบพระทัยเพคะ" เธอลุกขึ้นยืนแล้วโค้งคำนับเขา
ลอเรียลหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนที่มืดมิด สองแขนถูกล็อคไปด้วยโซ่ตรวนอะไรสักอย่างที่ทำให้ร่างกายเธอเจ็บจนแทบขาดเป็นส่วนๆ แต่ความเจ็บปวดที่หัวใจแทบทำให้เธอเสียสติ
ตึก...
เสียงอะไรบางอย่างดังกระทบพื้นหินอ่อน มันดังเข้ามาใกล้เธอ
ตึก...
เธอพยายามหรี่ตามองไปยังต้นเสียง
ตึก!
ครั้งนี้ต้นเสียงมาหยุดอยู่ข้างเตียงที่เธอนั่งอยู่แล้ว เสียงดีดนิ้วดังขึ้น ก่อนที่คบเพลิงตามมุมต่างๆ ของห้องจะถูกจุดไฟขึ้นมา ทำให้เธอมองเห็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
แหวนที่นิ้วกลางขวาบีบรัดจนปวดร้าวไปหมด แต่เธอพยายามปลอบตัวเอง
ยังไม่ใช่ตอนนี้ อย่าเพิ่งปลดมัน
"เจ้าสวยเหมือน..." เขากระซิบแล้วก็หยุดไป
ราวกับเขามองหน้าเธอแล้วกำลังนึกถึงใครคนหนึ่งอยู่
มารดาของเธอเคยเป็นราชินีแห่งนรกภูมิ
หากเดาไม่ผิด ที่นี่คือนรกภูมิ
แสดงว่า...เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือลูซิเฟอร์เหรอ?
"เจ้าไม่เหมือนวีร่าเลย" เขาเปลี่ยนคำพูดตัวเองในท้ายที่สุด ใช่ ลอเรียลไม่มีอะไรเหมือนมารดาเลย เธอเหมือนราชินีเสียมากกว่า
"ท่านชิงตัวข้ามาเพราะเหตุใด" เธอถามเสียงกร้าว นึกถึงภาพของอันนาแล้วบีบรัดหัวใจจนแทบหายใจไม่ออก "ท่านทำร้ายท่านอันนาไปเพื่ออันใด"
"นางไม่ยอมหลีกทางเอง" ลูซิเฟอร์กล่าว นัยน์ตาสีแดงโลหิตเลือดเย็นมากถึงมากที่สุด
"ท่านต้องการสิ่งใดจากข้า" เธอพยายามดีดดิ้น แต่ก็ขยับไม่ได้เลย...
"..."
"ต้องการอะไร ลูซิเฟอร์!"
"ฆ่าเจ้าทิ้ง" เขาตอบกลับมาในที่สุด คำตอบนั้นทำให้เลือดของเธอแทบหยุดไหลเวียนไปชั่วขณะหนึ่ง แต่สิ่งต่อมาที่เขาพูดต่างหากที่ทำให้เธอหยุดหายใจ
"..."
"แต่ในเมื่อเจ้าสวยเช่นนี้ ข้าอาจเปลี่ยนใจมอบตำแหน่งราชินีคนใหม่ของข้าให้เจ้าก็เป็นได้"
** เทพีองค์เล็กๆ คือเทพีที่ตำแหน่งไม่ใหญ่และอาศัยอยู่ในโอลิมปัส (ประมาณว่าไม่ค่อยมีใครรู้จัก ไม่ค่อยปรากฏในตำนาน)
** พระแม่กาลี อิงจากความเป็นจริงและเกมรวมกัน สิ่งที่อิงจากความเป็นจริงคืออาวุธที่พระแม่ถืออยู่ในมือ ส่วนที่อิงจากเกมคือมีแค่หกแขน แต่พระแม่กาลีจริงๆมีสิบแขน ก็คือตัดอาวุธออกไปสี่ชนิดด้วยเช่นกัน อีกอย่างก็คืออุปลักษณะนิสัยจะอิงจากเกม เพราะพระแม่กาลีจริงๆเป็นเทพที่คอยฆ่าแต่ปีศาจ อสูร และมนุษย์ที่กระทำตนไม่ดี แต่จากเนื้อเรื่องเกมพระแม่กาลีเป็นเทพที่มีแต่ความเคียดแค้นในจิตใจ
ความคิดเห็น