ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Genshin Impact | Wanderlust (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #1 : Paradise in Underworld ✪ อสรพิษ '1'

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 64


    Content Warning
    เนื้อหาไม่เกี่ยวกับเนื้อหาหลักของตัวเกม
    มีฉากใช้ความรุนแรง กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน

    EPISODE 00


    Yae Michaelson's Talk

    เพราะอาศัยอยู่ในโลกที่ ‘ผู้แพ้กลายเป็นขยะ และผู้ชนะยังถูกกดต่ำ’ ฉันที่ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบหรือมีฐานะทางสังคมอะไรถึงต้องพยายามมากกว่าปกติหลายเท่า

    หรืออย่างน้อย... ก็ต้องพยายามทำคะแนนวิชาประวัติศาสตร์ให้ออกมาในเกณฑ์ดี

    ป้อมปราการทิศเหนือ หรือ ดาเวนพอร์ต เป็นเมืองที่มีอากาศหนาวตลอดทั้งปีแม้ไม่มีหิมะตก ที่นี่ตั้งอยู่บนเกาะขนาดใหญ่ที่ถูกเรียกว่า ทวีปที่เจ็ด มีขนาดใหญ่มากพอจะบรรจุคนเกือบพันล้านเอาไว้ และมีระบอบการปกครองที่แตกต่างจากทุกทวีปบนโลก

    ภายในทวีปที่เจ็ดแบ่งออกเป็นห้าเมือง เมืองลูกทั้งสี่ทิศถูกปกครองด้วยขุนนาง ส่วนเมืองหลวงตกอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์จักรพรรดินี

    คนเหล่านั้นเป็นชนชั้นปกครองที่ไม่มีคำว่าแพ้หรือชนะบัญญัติตามหลัง ไม่เหมือนพวกเราที่เหลือ

    “แต่หนูเคยได้ยินมาว่าพวกขุนนาง รวมถึงองค์จักรพรรดินีด้วย ไม่ใช่มนุษย์จริงหรือเปล่าคะ?” คำถามหนึ่งถูกโพล่งขึ้นมาระหว่างที่อาจารย์กำลังเล่าต่อ ฉันเหลือบมองคนถามและสิ่งแรกที่เห็นคือเส้นผมสีม่วงที่สว่างไสวในแสงแดดกว่าปกติ หากจำไม่ผิดหล่อนชื่อเค่อฉิง

    เค่อฉิงเป็นเด็กฉลาด หล่อนฉลาดที่สุดในรุ่น แต่คำถามบางคำถามไม่ใช่เรื่องที่ควรถาม

    สีหน้าอาจารย์แปรเปลี่ยน ราวกับมันเป็นคำถามที่หากหล่อนตอบออกมาจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ฉันมองเค่อฉิงแล้วยกมือขึ้น

    “มีอะไรรึเปล่า ยาเอะ” อาจารย์หันมาถามด้วยสีหน้าโล่งอก

    “หนูอยากฟังเรื่องของเมืองอื่นบ้าง อาจารย์เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” ฉันแสร้งยิ้มสดใส อย่างน้อยก็อาจพอคลายความตึงเครียดเมื่อครู่ลงไปได้

    อาจารย์เปลี่ยนเรื่องตามคำขอแล้วสอนต่อโดยไร้ความติดขัด เค่อฉิงเองก็คงพอจะสัมผัสอะไรได้เลยนั่งเงียบตลอดการเรียน เมื่อจบคลาสของวันแล้วหล่อนถึงเก็บกระเป๋าแล้วเดินมาหาฉันถึงโต๊ะ ใบหน้าน่ารักและดวงตากลมโตสีเดียวกับสีผมดูไม่มั่นใจ

    “มีอะไร” ฉันเปิดปากถามก่อน

    “ยาเอะช่วยเราทำไมเหรอ” สีหน้าของเค่อฉิงฉายแววโง่งม คล้ายกับไม่ทราบคำตอบจริงๆ

    “ระวังตัวเอาไว้หน่อย” เพราะไม่มีคำตอบว่าทำไมถึงช่วยเอาไว้ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันเลยส่งคำเตือนให้เด็กสาวที่ฉลาดที่สุดแทน “เรื่องพวกขุนนางหรือองค์จักรพรรดินี... ไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะออกมาจากปากเด็กแบบพวกเรา”

    ‘เด็กแบบพวกเรา’ หวังว่าเค่อฉิงจะเข้าใจคำคำนี้

    แต่เพราะฉันมองออก... หล่อนไม่ใช่คนใสซื่อ หล่อนตั้งคำถามใส่อาจารย์แบบนั้นเพราะมีเป้าหมายบางอย่างซ่อนเร้น และฉันไม่อยากเอาตัวเองไปรู้ว่าเป้าหมายนั้นคืออะไร ทุกคนมีแนวทางการดำเนินชีวิตของตัวเอง มีวิธีเอาตัวรอดในโลกที่ทุกอย่างยากไปหมด ฉันเองก็มีเหมือนกัน

    เพราะฉะนั้นฉันจะปฏิบัติตามวิธีของตัวเองแล้วไม่สอดมือไปช่วยใครอีก

    “ขอตัว” ฉันบอกลาด้วยคำนั้นแล้วเดินจากมา

    ระหว่างทางกลับห้องเช่าเล็กเท่ารูหนู ฉันแวะซื้อขนมปังอบใหม่หนึ่งห่อแล้วทานมัน อากาศที่หายใจออกมาทางจมูกกลายเป็นไอเย็น เพราะที่นี่คือดาเวนพอร์ต เป็นเมืองที่น่ารำคาญในการใช้ชีวิตอยู่ แต่ก็มีสวัสดิการที่ดีพอจะทนอยู่ได้จนกว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่

    ฉันชื่อยาเอะ มิคาเอลสัน เป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในสถานสงเคราะห์ของเมือง ไม่เคยเห็นหน้าพ่อกับแม่ ไม่มีญาติพี่น้อง และไม่มีเพื่อน

    เด็กหลายคนที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับฉันเป็นเด็กกำพร้าเกือบทั้งหมด เค่อฉิงก็ไม่ต่าง แต่พวกเด็กมีฐานะทางสังคมหน่อยจะมีพ่อกับแม่ พวกเขามีครอบครัวที่อบอุ่นรออยู่ทุกครั้งที่เลิกเรียนแล้วกลับบ้าน ฉันเลยเริ่มสังเกตความบิดเบี้ยวของสังคมได้ในที่สุด

    หากคนที่ฐานะไม่ดี ไม่มีความสำเร็จกลายเป็นขยะ แล้วขยะจะเลือกอะไรได้นอกจากถูกกำจัดด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งให้หายไป?

    แม้จะรู้แบบนั้น... แต่เปลวไฟแห่งความกระตือรือร้นเหือดหายไปจากใจฉัน

    แค่พยายามใช้ชีวิตอยู่ให้ผ่านหนึ่งวันไปยังยากเย็นแสนเข็ญ แล้วต้องพยายามหนักแค่ไหนถึงจะเลื่อนชนชั้นขึ้นเป็นผู้ชนะที่ไม่ถูกกำจัดได้

    แต่หากความพยายามของฉันทำได้เพียงแค่เลื่อนระดับจากการเป็นเศษฝุ่นถูกมองข้าม ไปใช้ชีวิตอยู่ใต้เท้าของพวกขุนนางที่มีอำนาจเหลือล้นอีกทอดหนึ่ง ถ้าเช่นนั้นแล้วการใช้ชีวิตไปวันๆ แล้วรอดูว่าอนาคตจะพลิกผันออกมาเป็นแบบไหนก็ไม่ใช่เรื่องแย่

    ส่วนเรื่องของพวกขุนนาง ฉันไม่เคยอยากรู้เกินความจำเป็น ส่วนหนึ่งเพราะไม่เคยเห็นหน้าคนเหล่านั้นเลยสักครั้งด้วย...

    กึก!

    ปลายเท้าหยุดชะงักอยู่กับที่ ฉันมองตรงไปยังทางเข้าห้องพักของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ตรงนั้นฉันเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ หล่อนยืนอย่างสงบนิ่งและไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิด หัวใจฉันเต้นรัวด้วยความระทึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย เป็นครั้งแรกเลยที่สังเกตว่ารอบตัวไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมาแม้แต่คนเดียว

    คนแปลกหน้าคนนั้นมีเส้นผมสีมรกตที่ยาวถึงกลางแผ่นหลัง ผิวขาวซีดราวไม่เคยโดนแสงแดด โครงร่างไร้ที่ติหลบอยู่ใต้ชุดหนังขนสัตว์อย่างดี ทั้งแข็งแรงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ความเยือกเย็นชวนข่มขวัญพุ่งกระแทกเมื่อดวงตาของหล่อนเหลือบมาทิศที่ฉันยืนตัวแข็งอยู่

    นัยน์ตาสีเหลืองอำพันบริสุทธิ์ คล้ายดวงตาของสัตว์ร้าย

    “คุณมาพบใคร... คะ” ฉันกล้ำกลืนความหยาบกร้านในฐานะเด็กกำพร้าที่ไม่มีผู้ใหญ่สั่งสอนไว้ในลำคอ ยอมสุภาพอย่างจำยอมเพียงโดนจดจ้องด้วยดวงตาคู่นั้น

    ในความเงียบงันชั่วครู่หนึ่ง หล่อนหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาคาบไว้ แล้วใช้ไฟจุด ควันสีขาวเบาบางลอยคลุ้งในอากาศ

    “เธอคือยาเอะเหรอ” หล่อนใช้ปลายนิ้วดึงมวนบุหรี่ออกจากกลีบปาก เพื่อตั้งคำถาม

    “...” ฉันไม่อาจหาคำตอบได้ว่าสุภาพสตรีไร้นามตรงหน้าเป็นใคร เลยยังปิดปากเงียบเพื่อไม่ให้กลายเป็นปัญหาภายหลัง หวังเพียงว่าหากหล่อนเห็นฉันไม่ตอบคงท้อใจและขอตัวกลับไปเอง ทว่าริมฝีปากหยักลึกที่เริ่มมีรอยคล้ำหมองจากการอัดนิโคตินเข้าปอดกลับบิดเป็นรอยยิ้มอะลุ่มอล่วย

    “ฉันชื่อไรเดน นายเหนือหัวของป้อมปราการทิศเหนือ”

    ใช้เวลาวิเคราะห์นิดหน่อย ฉันค้อมหัวลงเพื่อแสดงความเคารพ “ท่านขุนนาง”

    คำถามหลากหลายถูกกลืนลงไปในลำคอ ไม่กล้าแม้แต่จะถามธุระหรือจุดประสงค์ ราวกับสิทธิ์หลายอย่างของความเป็นมนุษย์จะถูกริบคืนไปชั่วคราว

    “เธออายุเท่าไหร่แล้ว” หล่อนคืบคลานเข้ามาใกล้ สุดท้ายก็อยู่ห่างไม่กี่ก้าว ร่างที่สูงเกือบร้อยแปดสิบโน้มตัวลงมาใกล้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของโคโลญจน์ลอยมาแตะจมูก พลอยให้สั่นไหวเกินต้าน

    วินาทีนั้นกลับได้รู้ ฉันช่าง... ไม่เข้าใจรสชาติของการเป็นผู้ใหญ่เลยจริงๆ

    “สิบเจ็ดค่ะ”

    “ถ้ามีงานให้ทำ สนใจไหม?”

    คำว่า ‘งาน’ เรียกความสนใจของฉัน ทำให้เงยหน้าขึ้นสูงจนเผลอสบตากับหล่อน หลวมตัวเข้าไปในการมองที่ล้ำลึกจนหาจุดยืนไม่ได้

    “ฉัน...” ฉันชะงักริมฝีปาก คิดว่าสรรพนามที่ออกไปจากปากมันดูติดขัดพิกล เลยตัดสินใจเปลี่ยนในวินาทีต่อมาพร้อมขอข้อมูลที่มากขึ้น เพื่อประเมินความคุ้มค่าและชั่งน้ำหนักในใจตัวเอง “มีรายละเอียดให้ไหมคะ หนูอยากรู้”

    ไรเดนยิ้มๆ “ข้อตกลงระหว่างเรามีข้อเดียว”

    “...”

    “มีเด็กให้ฉัน และทุกสิ่งที่เธออยากได้จะเป็นของเธอ”

    “ทุกสิ่งแบบไหน?” ฉันตื่นเต้นจนลืมลงท้ายประโยคด้วยคำสุภาพ เพราะกำลังวาดหวังอะไรบางอย่างที่ตัวเองยากเกินจะเอื้อมถึง

    ที่นอนอุ่นๆ อาหารดีๆ ชีวิตที่ไม่ต้องไขว่คว้าอะไร ไม่ลำบาก ไร้ซึ่งการดิ้นรน

    “ทุกสิ่งแบบที่... ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น”

    และเพราะคำพูดแค่นั้น ฉันกลับมีคำตอบให้ตัวเองแบบที่ไม่จำเป็นต้องคิดซ้ำสอง ไม่จำเป็นต้องคิดว่าการมีลูกในวัยรุ่นจะส่งผลเสียอะไรให้ร่างกาย และไม่ได้พิจารณาว่าเพิ่งตอบรับใครเข้า

    “ตกลงค่ะ”

    ไรเดน นายเหนือหัวแห่งป้อมปราการทิศเหนือ ขุนนางผู้ไม่เคยปรากฏตัวตนให้ประชาชนเห็น หล่อนกลบเกลื่อนกลิ่นอายอำมหิตของผู้ที่ผ่านประสบการณ์นองเลือดหลากหลายแบบมาอย่างโชกโชนเอาไว้ได้มิดชิดมาก

    เป็นตัวฉันในอีกหลายปีต่อมาที่ตระหนักถึงอันตรายของมันได้ดีกว่าใคร


    “ไวน์ไหม?” แก้วใบสวยถูกยื่นให้ ในนั้นมีของเหลวสีใสที่เพิ่งถูกบรรจุไหลวนอยู่

    ฉันรับมันมาถือไว้ ดื่มอย่างเก้กังและโง่งมนิดๆ เพราะไม่เคยได้สัมผัสของราคาแพงระดับนี้ พบว่ามันมีรสชาติที่นุ่มกว่าที่จินตนาการ

    ตอนนี้เราสองคนอยู่ในห้องพักแห่งหนึ่ง คาดว่าเป็นหนึ่งในบ้านพักของไรเดน มันหรูหราจนฉันทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ อยู่บนเตียงหลังอาบน้ำเสร็จ บนร่างกายสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำสีขาว อดปลอบใจตัวเองไม่ได้ว่าเรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นแค่ไม่กี่ครั้ง และหลังจากนั้นฉันแค่อุ้มท้องไม่ถึงปี

    อิสระอยู่ใกล้แค่เอื้อม

    “อยากให้หนูเรียกคุณว่าอะไรเหรอคะ” เมื่อเห็นว่าหล่อนเดินไปเดินมา ไม่ยอมนั่งลงเสียที เลยหวังให้บรรยากาศผ่อนคลายด้วยคำถาม “ต้องเรียกว่าคุณไรเดนหรือท่านขุนนาง...”

    “ปกติเธอเรียกคนที่อายุมากกว่าว่าอะไร”

    “อาจารย์?” ฉันไม่ค่อยรู้จักคนอายุมากกว่านักหรอก

    “...เรียกพี่ก็ได้”

    หากหล่อนว่าแบบนั้นก็ต้องตามนั้น น่าแปลกนักที่พี่ไรเดนไม่มีรังสีน่ากดดันเหมือนที่อยู่ข้างนอกเลยแม้แต่น้อยในระหว่างที่อยู่ในห้องกันสองคน ชวนให้ฉันเชื่อว่าการแสดงออกก่อนหน้าอาจไม่จริง อาจเป็นฉันเองที่คิดมาก

    สายตามองตามการกระทำของหล่อน ขณะในหัวคิดว่าหล่อนช่างเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาจริงๆ มีทั้งเสน่ห์ ทั้งอำนาจและเงินทอง หากเลือกได้ฉันคงอยากเกิดมาเป็นแบบเธอ

    เพราะในบรรดาคนทั้งหมดบนโลก เหมือนว่าหล่อนคือคนที่เกิดมาพร้อมกับคำว่า ‘สมบูรณ์แบบ’

    “พี่ไรเดน ทำไมถึงเลือกหนูทำงานนี้เหรอ” ฉันถามอย่างสงสัยขณะวางแก้วเปล่าลงบนพื้น เพราะเห็นว่าสะดวกที่สุดแล้ว

    “ไว้ผ่านคืนนี้ไปได้ เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง... ดีไหม?” หล่อนเหลือบมองพร้อมรอยยิ้มลึกลับ นัยน์ตาสีอำพันที่เคยมองว่าน่ากลัว ภายใต้แสงไฟสลัวมันกลับดูมีมนตร์ลึกลับบางอย่างอย่างยากจะเบือนหนี โดยเฉพาะเมื่อมันเลื่อนลงราวกับสำรวจเรือนร่างของฉัน

    “...” ฉันเอาแต่เฝ้าถามว่ามาอยู่จุดนี้ได้ยังไงเพื่อแก้ความอับอาย

    ไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าหล่อนวางแก้วในส่วนของตัวเอง แล้วขยับมาอยู่ใกล้เตียงตั้งแต่เมื่อไหร่

    “กลัวรึเปล่า” ปลายคางถูกเชิดขึ้นพร้อมกับคำถาม

    “เปล่าค่ะ” ที่ตอบว่าไม่กลัวอาจเป็นเพราะว่า... ฉันไม่เคยรู้เลยว่ามันรู้สึกยังไงมากกว่า

    “เหรอ” น้ำเสียงของหล่อนราวขนขันปนเอ็นดู “ถ้าอย่างนั้นพี่คงไม่ต้องออมมือแล้ว”

    “...”

    “ถูกไม่ถูก?”

    ฉันส่งเสียงหวีดร้องในลำคออย่างตกใจเมื่อขาทั้งสองข้างถูกดึงขึ้นจากพื้น มันตั้งชันบนเตียงในท่าที่ล่อแหลมมาก และตัวการก็ขยับเข้ามาแนบชิด ตรึงให้ฉันตกอยู่ในสภาพที่สมยอม

    ริมฝีปากหล่อนเย็นเฉียบจนน่าขนลุก มันแตะลงบนเนื้อหนังของฉัน ชุดคลุมอาบน้ำของฉันหละหลวมและถูกคลายออกอย่างง่ายดาย

    “ดะ... เดี๋ยว” ความตระหนักรู้ตีตื่นมาในหัวฉัน ตื่นตัวในร่างกายฉัน ฉันพยายามดันให้พี่ไรเดนถอยไปข้างหลัง แต่ทว่ากลับใช้สองมือไขว่คว้าได้แค่ชุดคลุมอาบน้ำของหล่อน ปลายนิ้วซุกซนแตะลงบนต้นขาข้างใน ใกล้จุดลึกลับ

    “พี่มีความลับบางอย่าง” มือข้างหนึ่งของฉันถูกคว้าไปจับไว้ พี่ไรเดนถดถอยใบหน้าที่เมื่อครู่เล้าโลมอยู่แถวลำคอ แล้วสบตาฉัน

    “...”

    “ไม่รู้เธอจะรับได้ไหม”

    มือฉันถูกดึงให้เลื่อนต่ำ ถูกชักนำอย่างไร้ทางสู้ให้สัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่หลบซ่อนใต้ร่มผ้า

    ตรงนั้น... จุดอ่อนไหวนั่น มีลักษณะที่ไม่คล้ายของฉันแม้แต่น้อย

    “พี่ไม่ใช่มนุษย์” บางอย่างสะกิดเขี่ยส่วนที่ไหวต่อสัมผัสข้างบนของฉัน มือใหญ่บีบคลึงมัน พร้อมกับบังคับให้ฉันโอบล้อมของของตัวเองไว้เต็มมือ

    คำพูดของหล่อนบ่งชี้ชัดว่าเหตุใดร่างกายถึงไม่เหมือนกับสตรีเพศทั่วไป

    แล้วเป็นตัวอะไร เป็นอะไรกันแน่...

    “อะ อื้อ” พี่ไรเดนถูไถฉัน รุกรานหนักหน่วงจนบรรเทาความอยากรู้อยากเห็นไปจนหมด

    ปลายนิ้วเรียวคลี่ส่วนอ่อนไหวฉันให้แยกออก นัยน์ตาสีอำพันดูฉ่ำไปด้วยอารมณ์บางอย่างเมื่อฉันล้มลงนอนและหล่อนก็ถาโถมมาทับอย่างเต็มตัว

    สัญชาตญาณทางใจฉันขาดผึง หลงเหลือเพียงการตอบสนองทางกายเท่านั้น

    “...” หล่อนประกบปากจูบ สอดลิ้นและดูดกลืนบางสิ่งจากลำคอฉันไป การขยี้ที่หนักหน่วงทำฉันทั้งตื่นเต้นและตื่นกลัวอย่างไร้ที่มาที่ไป

    ในจังหวะที่ฉันเผลอตัวกับการเบี่ยงเบนความสนใจ หล่อนกลับ...

    “โอ๊ย...” ฉันโอดครวญให้กับการโดนแทงทะลุในครั้งแรก น้ำตาไหลปริ่มอย่างเจ็บปวด แต่เพราะได้ยินคำปลอบใจจากคนบนร่างกายซ้ำๆ ‘เด็กดี อย่าเกร็ง...’ พร้อมกับความแนบชิดที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลึกเสียจนหัวใจวูบโหว่งและสมองขาวโพลนว่างเปล่า “พะ... พี่ไรเดน”

    ในคืนนั้น ฉันถูกกำราบและยอมปล่อยตัวไปกับความหอมหวานของหล่อนอย่างง่ายดาย...


    พนาเวศ.

         ส่วนตัวไม่ค่อยทอร์คในฟิคที่ตัวเองเขียนเลย แอบมีเขินๆ บ้างเหมือนกัน แต่ถ้าใครอ่านบทแรกจนจบและอ่านมาถึงตรงนี้อย่างอดทน ขอบคุณนะคะ

         ก่อนอื่นอาจจะต้องชี้แจงอะไรหลายอย่างก่อน จะไล่ไปทีละประเด็นค่ะ

         1.เราแต่งฟิคเป็น Au (Alternate Universe) เขียนจากจินตนาการล้วนๆ เพียงแค่หยิบยืมตัวละครที่ชอบมากๆ มาแต่งคู่กันเฉยๆ ค่ะ และ Au แรกจะใช้ชื่อว่า Paradise in Underworld คู่ที่ถูกเขียนจะมีเนื้อหาและเนื้อเรื่องเชื่อมโยงกันหมด

         2.ช่วงแรกของฟิคอาจมีความงง เพราะกักข้อมูลเอาไว้ แต่จะค่อยๆ ทยอยเฉลยไปเรื่อยๆ ไม่งงนานแน่นอนค่ะ

         3.เราแต่งฟิคเน้นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกมากเป็นพิเศษ อย่างเช่นในเรื่องที่ยาเอะยังเด็ก มีพื้นฐานลำบาก ก็จะแสดงออกถึงความต้องการในการอยากสบายในระดับหนึ่ง เลยยอมไรเดนง่ายๆ ถ้าดำเนินไปเรื่อยๆ ตัวละครนี้จะโตและเปลี่ยนแปลงแน่นอนค่ะ

         4.เราเขียน Content Warning ในตอนทุกตอน แต่เตือนแบบกว้างๆ หากใครอยากรู้ว่าเตือนอะไรบ้างสามารถหาอ่านจากหน้าฟิคหลักได้เลยค่ะ จะรวบรวมไปเขียนไว้เรื่อยๆ จะเตือนทุก Au ที่เขียนและอาจเพิ่มขึ้นตอนที่เนื้อหาเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ

         เราอาจจะพูดเยอะไปหน่อย แต่อยากชี้ชัดให้รับรู้ไว้เลย (ตอนอื่นจะได้ทอร์คน้อยหรือไม่ทอร์คเลย แหะๆ)

         ยังไงก็ขอบคุณสำหรับการติดตามและซัพพอร์ตของหลายๆ คน

         Enjoy reading with วิจารณญาณค่า

         Contract @ZXFires

         ติดตามได้ คุยเล่นได้ แต่ไม่ค่อยอัพเดทอะไรเกี่ยวกับฟิคนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×