ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 4. ประเภทของขลุ่ย
4. ประเภทของขลุ่ย
ขลุ่ยไทยที่มีใช้ในประเทศไทยเท่าที่พบมี 9 ชนิดคือ
1. ขลุ่ยหลิบ หรือ ขลุ่ยหลีกเป็นขลุ่ยที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาขลุ่ยไทยมีความยาวประมาณ 25 เซ็นติเมตร กว้างประมาณ 2 เซ็นติเมตร มีเสียงสูงกว่าขลุ่ยเพียงออ 3 เสียง หรือมีเสียงสูงกว่าขลุ่ยเพียงออเป็นคู่สี่ คือปิดหมดทุกนิ้วเป่าเป็นเสียงฟา นิยมใช้เป่าในวงมโหรีเครื่องคู่ เครื่องใหญ่ และวงเครื่องสายคู่ โดยเป็นเครื่องนำในวงเช่นเดียวกับระนาด หรือซอด้วง นอกจากนี้ยังใช้ในวงเครื่องสายปี่ชวา โดยบรรเลงเป็นพวกหลังเช่นเดียวกับซออู้
2. ขลุ่ยเพียงออ เป็นขลุ่ยที่นิยมใช้เป่ามากที่สุด มีความยาวประมาณ 45 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2.5 เซนติเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของไม้ไผ่ มีระดับเสียงอยู่ในช่วงปานกลาง เมื่อปิดหมดทุกรูจะเป่าเป็นเสียง โด คนทั่วไปนิยมเป่าเล่น ใช้ในวงมโหรีหรือวงเครื่องสายทั่วๆไป โดยเป็นเครื่องตามหรืออาจใช้ในวงเครื่องสายปี่ชวาก็ได้
3. ขลุ่ยอู้ เป็นขลุ่ยที่มีขนาดใหญ่มีความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร กว้างประมาณ 4 เซนติเมตร เสียงต่ำกว่าขลุ่ยเพียงออสามเสียง คือปิดหมดทุกรูเป็นเสียงซอล นิยมใช้ในเครื่องปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นดนตรีที่มีระดับเสียงต่ำ แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยได้ใช้เนื่องจากหาคนที่มีความชำนาญในการเป่าได้ยาก
4. ขลุ่ยเคียงออ เป็นขลุ่ยที่มีขนาดใหญ่กว่าขลุ่ยหลิบแต่เล็กกว่าขลุ่ยเพียงออ มีความยาวประมาณ 40 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2.2 เซนติเมตร ระดับเสียงสูงกว่าขลุ่ยเพียงออหนึ่งเสียง แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยนิยมมากนัก
5.ขลุ่ยรองออ เป็นขลุ่ยที่มีขนาดใหญ่กว่าขลุ่ยเพียงออและมีระดับเสียงต่ำกว่าหนึ่งเสียง อาจจะใช้ในวงมดหรีแทนขลุ่ยเพียงออในกรณีที่เต้องการเสียงต่ำ
6. ขลุ่ยกรวด เป็นขลุ่ยที่มีขนาดเล็กกว่าขลุ่ยเพียงออเล็กน้อย มีความยาวประมาณ 40 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2.2 เซนติเมตร และมีระดับเสียงเท่ากับเสียงสากล
7.ขลุ่ยออร์แกน เกิดจากการนำเครื่องดนตรีสากล คือ เปียโนและออร์แกน มาผสมวงกับเครื่องดนตรีไทย ซึ่งต้องปรับเสียงเครื่องดนตรีไทยให้สูงขึ้นเกือบ 1 เสียง ฉะนั้น จึงต้องมีการผลิตขลุ่ยให้มีระดับเสียงดังกล่าวด้วย และเนื่องจากการผสมวงนั้นนิยมผสมออร์แกนมากกว่าเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ จึงเรียกติดปากตามเครื่องดนตรี
ที่มาผสมว่า "ขลุ่ยออร์แกน"
8.ขลุ่ยนก ขลุ่ยชนิดนี้ใช้เป่าเป็นเพลงไม่ได้ เพราะมีเสียงไม่ครบเสียงดนตรี จึงใช้เป่าเป็นเสียงนกประกอบเพลงที่มีเสียงนก เช่น เพลงตับนก แม่ศรีทรงเครื่อง เป็นต้น ขลุ่ยนกมี 4 ชนิดได้แก่
8.1 ขลุ่ยนกกางเขน ไม่มีรูนับเสียงรูปร่างลักษณะเป้นกระบอกไม้รวก ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร กว้างประมาณ 3 เซนติเมตร และมีหลอดไม้ซางกลมๆ ขนาดพอๆ กับหลอดกาแฟ เป็นที่เป่าเสียบติดทะลุด้านข้างด้านหนึ่งของกระบอกเสียง เวลาเป่าต้องใส่น้ำลงในกระบอกให้ปลายหลอดส่วนล่างอยู่ในน้ำจึงจะเกิดเสียง
8.2 ขลุ่ยนกโพระดก หรือ ขลุ่ยโฮกป๊ก ไม่มีรูนับเสียงเช่นเดียวกับขลุ่ยนกกางเขนรูปร่างลักษณะเป็นกระบอกไม้รวก ยาวประมาณ 18 เซนติเมตร กว้างประมาณ 5 เซนติเมตร เวลาเป่าต้องใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งอุดปลายส่วนล่างไว้จึงจะเป่าเป็นเสียง "โฮกป๊ก"
8.3 ขลุ่ยนกกาเหว่า มีลักษณะเหมือนกับขลุ่ยเพียงออทุกประการ ถ้านำมาตัดเป็น 2 ท่อนให้เหลือรูนับไว้ 4 รูบน ก็จะได้ขลุ่ยนกกาเหว่า เวลาเป่าจะเป็นเสียง "กาเหว่า" ขั้นแรกเอานิ้วมือปิดรูนับทั้ง 4 รู และปิดนิ้วหัวแม่มือที่อยู่ด้านล่าง แล้วเป่าจะได้เสียง "กา" และหากเปิดนิ้วชี้บน นิ้วกลางบน นิ้วนางบน และนิ้วหัวแม่มือด้านล่าง
พร้อมกับเป่าก็จะได้เสียง "เหว่า" เป็น "กาเหว่า"
8.4 ขลุ่ยไก่ เป็นขลุ่ยที่ใช้เลียนเสียงไก่ ไม่มีรูระบาย ระดับเสียงยาว มีความยาวประมาณ 13 เซ็นติเมตร กว้างประมาณ 3 เซ็นติเมตร มีกำพวดปี่เสียบทะลุด้านข้าง กระบอกเสียง ความเป็นจริงควรเรียกว่า "ปี่ไก่" แต่เนื่องจากอยู่ในชุดของขลุ่ยนก จึงเรียกว่า "ขลุ่ยไก่"
9. ขลุ่ยพล เป็นขลุ่ยที่ไม่สามารถจัดเป็นขลุ่ยชนิดใดได้ มีราคาถูก ใช้เป่าเล่นได้ แต่ระดับเสียงไม่แน่นอนและใช้ผสมวงไม่ได้
ขลุ่ยไทยที่มีใช้ในประเทศไทยเท่าที่พบมี 9 ชนิดคือ
1. ขลุ่ยหลิบ หรือ ขลุ่ยหลีกเป็นขลุ่ยที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาขลุ่ยไทยมีความยาวประมาณ 25 เซ็นติเมตร กว้างประมาณ 2 เซ็นติเมตร มีเสียงสูงกว่าขลุ่ยเพียงออ 3 เสียง หรือมีเสียงสูงกว่าขลุ่ยเพียงออเป็นคู่สี่ คือปิดหมดทุกนิ้วเป่าเป็นเสียงฟา นิยมใช้เป่าในวงมโหรีเครื่องคู่ เครื่องใหญ่ และวงเครื่องสายคู่ โดยเป็นเครื่องนำในวงเช่นเดียวกับระนาด หรือซอด้วง นอกจากนี้ยังใช้ในวงเครื่องสายปี่ชวา โดยบรรเลงเป็นพวกหลังเช่นเดียวกับซออู้
2. ขลุ่ยเพียงออ เป็นขลุ่ยที่นิยมใช้เป่ามากที่สุด มีความยาวประมาณ 45 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2.5 เซนติเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของไม้ไผ่ มีระดับเสียงอยู่ในช่วงปานกลาง เมื่อปิดหมดทุกรูจะเป่าเป็นเสียง โด คนทั่วไปนิยมเป่าเล่น ใช้ในวงมโหรีหรือวงเครื่องสายทั่วๆไป โดยเป็นเครื่องตามหรืออาจใช้ในวงเครื่องสายปี่ชวาก็ได้
3. ขลุ่ยอู้ เป็นขลุ่ยที่มีขนาดใหญ่มีความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร กว้างประมาณ 4 เซนติเมตร เสียงต่ำกว่าขลุ่ยเพียงออสามเสียง คือปิดหมดทุกรูเป็นเสียงซอล นิยมใช้ในเครื่องปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นดนตรีที่มีระดับเสียงต่ำ แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยได้ใช้เนื่องจากหาคนที่มีความชำนาญในการเป่าได้ยาก
4. ขลุ่ยเคียงออ เป็นขลุ่ยที่มีขนาดใหญ่กว่าขลุ่ยหลิบแต่เล็กกว่าขลุ่ยเพียงออ มีความยาวประมาณ 40 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2.2 เซนติเมตร ระดับเสียงสูงกว่าขลุ่ยเพียงออหนึ่งเสียง แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยนิยมมากนัก
5.ขลุ่ยรองออ เป็นขลุ่ยที่มีขนาดใหญ่กว่าขลุ่ยเพียงออและมีระดับเสียงต่ำกว่าหนึ่งเสียง อาจจะใช้ในวงมดหรีแทนขลุ่ยเพียงออในกรณีที่เต้องการเสียงต่ำ
6. ขลุ่ยกรวด เป็นขลุ่ยที่มีขนาดเล็กกว่าขลุ่ยเพียงออเล็กน้อย มีความยาวประมาณ 40 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2.2 เซนติเมตร และมีระดับเสียงเท่ากับเสียงสากล
7.ขลุ่ยออร์แกน เกิดจากการนำเครื่องดนตรีสากล คือ เปียโนและออร์แกน มาผสมวงกับเครื่องดนตรีไทย ซึ่งต้องปรับเสียงเครื่องดนตรีไทยให้สูงขึ้นเกือบ 1 เสียง ฉะนั้น จึงต้องมีการผลิตขลุ่ยให้มีระดับเสียงดังกล่าวด้วย และเนื่องจากการผสมวงนั้นนิยมผสมออร์แกนมากกว่าเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ จึงเรียกติดปากตามเครื่องดนตรี
ที่มาผสมว่า "ขลุ่ยออร์แกน"
8.ขลุ่ยนก ขลุ่ยชนิดนี้ใช้เป่าเป็นเพลงไม่ได้ เพราะมีเสียงไม่ครบเสียงดนตรี จึงใช้เป่าเป็นเสียงนกประกอบเพลงที่มีเสียงนก เช่น เพลงตับนก แม่ศรีทรงเครื่อง เป็นต้น ขลุ่ยนกมี 4 ชนิดได้แก่
8.1 ขลุ่ยนกกางเขน ไม่มีรูนับเสียงรูปร่างลักษณะเป้นกระบอกไม้รวก ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร กว้างประมาณ 3 เซนติเมตร และมีหลอดไม้ซางกลมๆ ขนาดพอๆ กับหลอดกาแฟ เป็นที่เป่าเสียบติดทะลุด้านข้างด้านหนึ่งของกระบอกเสียง เวลาเป่าต้องใส่น้ำลงในกระบอกให้ปลายหลอดส่วนล่างอยู่ในน้ำจึงจะเกิดเสียง
8.2 ขลุ่ยนกโพระดก หรือ ขลุ่ยโฮกป๊ก ไม่มีรูนับเสียงเช่นเดียวกับขลุ่ยนกกางเขนรูปร่างลักษณะเป็นกระบอกไม้รวก ยาวประมาณ 18 เซนติเมตร กว้างประมาณ 5 เซนติเมตร เวลาเป่าต้องใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งอุดปลายส่วนล่างไว้จึงจะเป่าเป็นเสียง "โฮกป๊ก"
8.3 ขลุ่ยนกกาเหว่า มีลักษณะเหมือนกับขลุ่ยเพียงออทุกประการ ถ้านำมาตัดเป็น 2 ท่อนให้เหลือรูนับไว้ 4 รูบน ก็จะได้ขลุ่ยนกกาเหว่า เวลาเป่าจะเป็นเสียง "กาเหว่า" ขั้นแรกเอานิ้วมือปิดรูนับทั้ง 4 รู และปิดนิ้วหัวแม่มือที่อยู่ด้านล่าง แล้วเป่าจะได้เสียง "กา" และหากเปิดนิ้วชี้บน นิ้วกลางบน นิ้วนางบน และนิ้วหัวแม่มือด้านล่าง
พร้อมกับเป่าก็จะได้เสียง "เหว่า" เป็น "กาเหว่า"
8.4 ขลุ่ยไก่ เป็นขลุ่ยที่ใช้เลียนเสียงไก่ ไม่มีรูระบาย ระดับเสียงยาว มีความยาวประมาณ 13 เซ็นติเมตร กว้างประมาณ 3 เซ็นติเมตร มีกำพวดปี่เสียบทะลุด้านข้าง กระบอกเสียง ความเป็นจริงควรเรียกว่า "ปี่ไก่" แต่เนื่องจากอยู่ในชุดของขลุ่ยนก จึงเรียกว่า "ขลุ่ยไก่"
9. ขลุ่ยพล เป็นขลุ่ยที่ไม่สามารถจัดเป็นขลุ่ยชนิดใดได้ มีราคาถูก ใช้เป่าเล่นได้ แต่ระดับเสียงไม่แน่นอนและใช้ผสมวงไม่ได้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น