ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1. ความหมายของขลุ่ย
1. ความหมายของขลุ่ย
ขลุ่ย เป็นเครื่องดนตรีดั้งเดิมของไทยชนิดหนึ่ง แต่จะเป็นเครื่องดนตรีที่คนไทยคิดประดิษฐ์ขึ้นใช้เอง หรือได้รับอิทธิพลจากชาติอื่นไม่มีหลักฐานปรากฏอยู่แน่ชัด เพราะชาติอื่นก็มีเครื่องเป่า ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับขลุ่ยของคนไทยเหมือนกัน ขลุ่ยของประเทศญี่ปุ่นเรียก "ซากุฮาชิ" ซึ่งใช้เป่าเหมือนกับขลุ่ยไทย ขลุ่ยของประเทศอินเดียเรียก "มุราลี" ส่วนของประเทศจีนก็มีขลุ่ยเช่นเดียวกัน แต่ใช้เป่าด้านข้างเรียกว่า "ฮวยเต็ก" ถ้าเป็นแบบที่ใช้เป่าตรงเหมือนแบบของขลุ่ยไทยจะเรียกว่า "โถ่งเซียว" แต่จะต่างกันตรงที่ขลุ่ยของจีนไม่มีดาก การเป่าต้องใช้การผิวลมจึงจะเกิดเสียง
เอกลักษณ์สำคัญของขลุ่ยไทยนั้น คือการทำลายบนเลาขลุ่ยให้เป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งในการทำลายนั้นอาจมาจากการใช้ความร้อนจากตะกั่วที่หลอมละลายหรือการลนไฟ เป็นต้น เพื่อให้ขลุ่ยมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น เช่น ลายน้ำไหล ลายหกขะเมน ลายหิน ลายกระจับ ลายผ้าปูม ลายดอกจิก เป็นต้น แต่ถ้าผิวของไม้ไผ่
ที่นำมาทำขลุ่ยนั้นสวยอยู่แล้ว อาจไม่ต้องทำลวดลายก็ได้
ปัจจุบันขลุ่ยเป็นเครื่องดนตรีที่มีบทบาทสำคัญ วงดนตรีหลายประเภทจึงขาดขลุ่ยไม่ได้เลยทีเดียว เช่น วงมโหรี วงเครื่องสายชิดต่างๆ วงปี่พาทย์ไม้นวม วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ เป็นต้น และเนื่องจากขลุ่ย เป็นเครื่องดนตรีที่สามารถนำติดตัวได้สะดวก เสียงไพเราะ การหัดในเบื้องต้นจึงไม่ยากนัก โดยทั่วไปคนมักจะเข้าใจว่าขลุ่ยนั้นเล่นง่าย แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่เราเห็นว่าง่ายที่สุดกลับเป็นสิ่งที่เล่นยากที่สุด คนที่เป่าขลุ่ยได้ดีในปัจจุบันจึงหายาก นักดนตรีจึงขาดครูผู้แนะนำไปด้วย
ขลุ่ย เป็นเครื่องดนตรีดั้งเดิมของไทยชนิดหนึ่ง แต่จะเป็นเครื่องดนตรีที่คนไทยคิดประดิษฐ์ขึ้นใช้เอง หรือได้รับอิทธิพลจากชาติอื่นไม่มีหลักฐานปรากฏอยู่แน่ชัด เพราะชาติอื่นก็มีเครื่องเป่า ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับขลุ่ยของคนไทยเหมือนกัน ขลุ่ยของประเทศญี่ปุ่นเรียก "ซากุฮาชิ" ซึ่งใช้เป่าเหมือนกับขลุ่ยไทย ขลุ่ยของประเทศอินเดียเรียก "มุราลี" ส่วนของประเทศจีนก็มีขลุ่ยเช่นเดียวกัน แต่ใช้เป่าด้านข้างเรียกว่า "ฮวยเต็ก" ถ้าเป็นแบบที่ใช้เป่าตรงเหมือนแบบของขลุ่ยไทยจะเรียกว่า "โถ่งเซียว" แต่จะต่างกันตรงที่ขลุ่ยของจีนไม่มีดาก การเป่าต้องใช้การผิวลมจึงจะเกิดเสียง
เอกลักษณ์สำคัญของขลุ่ยไทยนั้น คือการทำลายบนเลาขลุ่ยให้เป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งในการทำลายนั้นอาจมาจากการใช้ความร้อนจากตะกั่วที่หลอมละลายหรือการลนไฟ เป็นต้น เพื่อให้ขลุ่ยมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น เช่น ลายน้ำไหล ลายหกขะเมน ลายหิน ลายกระจับ ลายผ้าปูม ลายดอกจิก เป็นต้น แต่ถ้าผิวของไม้ไผ่
ที่นำมาทำขลุ่ยนั้นสวยอยู่แล้ว อาจไม่ต้องทำลวดลายก็ได้
ปัจจุบันขลุ่ยเป็นเครื่องดนตรีที่มีบทบาทสำคัญ วงดนตรีหลายประเภทจึงขาดขลุ่ยไม่ได้เลยทีเดียว เช่น วงมโหรี วงเครื่องสายชิดต่างๆ วงปี่พาทย์ไม้นวม วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ เป็นต้น และเนื่องจากขลุ่ย เป็นเครื่องดนตรีที่สามารถนำติดตัวได้สะดวก เสียงไพเราะ การหัดในเบื้องต้นจึงไม่ยากนัก โดยทั่วไปคนมักจะเข้าใจว่าขลุ่ยนั้นเล่นง่าย แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่เราเห็นว่าง่ายที่สุดกลับเป็นสิ่งที่เล่นยากที่สุด คนที่เป่าขลุ่ยได้ดีในปัจจุบันจึงหายาก นักดนตรีจึงขาดครูผู้แนะนำไปด้วย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น