ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สะพานสายรุ้ง

    ลำดับตอนที่ #2 : สะพานสายรุ้ง ๐๒

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 43
      0
      21 ธ.ค. 51

    ๒.

    น้ำใสเดินไวจนแทบกลายเป็นวิ่ง ทอดทิ้งยายผู้เชื่องช้างกเงิ่นไว้เบื้องหลังอย่างไม่ยี่หระ ช่วยไม่ได้นะ ใครบอกให้ช้า ถ้าหากว่ายายอยากจะคุมเธอให้อยู่ ยายก็ต้องไวพอๆกับเธอ

    สักพัก ก็มาถึงหน้าห้องพักผู้ป่วยของแม่ ความลังเลจู่โจม เธอจะเปิดเข้าไปตอนนี้ เพื่อเผชิญหน้ากับอารมณ์แปรปรวนของแม่ตามลำพัง หรือรอยายก่อน เผื่อว่าแม่เห็นยายแล้วจะเกรงใจ ไม่กล้าว่าเธอหนักๆ ดั่งเช่นเคย

    แต่ก็อีกนั่นแหละ อย่างยายจะช่วยอะไรเธอได้ บนโลกใบนี้ เธอต้องช่วยเหลือตัวเอง

    น้ำใสเอื้อมมือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อบิดลูกบิดประตูแล้วผลักเข้าไป ประตูเปิดออก มวลความเครียดที่กดดันรอบห้องพรั่งพรูเข้าใส่ ปราศจากหนทางหลีกเลี่ยง

    ภายในห้องแลดูสว่างไสว แสงแดดสีขาวส่องผ่านกระจกทำให้ทุกอย่างมีชีวิตชีวา ผิดแผกจากแม่ของเธอที่นอนแซ่วบนเตียง สภาพเหี่ยวเฉา ผมดำเข้มแผ่สยายคลุมหมอนหนุน เผยให้เห็นใบหน้ารูปหัวใจที่สองแก้มซูบตอบ สีผิวขาวซีด และริมฝีปากก็แตกแห้ง

    “ไปไหนมา”

    นั่นคือคำทักทายของแม่ แม้น้ำเสียงจะระโหยอ่อน หากก็ยังแฝงซึ่งความขึ้งโกรธไม่พอใจอันรุนแรง

    “หลับสักตื่นเหอะนุ่น พูดมากเดี๋ยวแกก็หมดแรงอีก” น้าทัศนีย์ซึ่งนั่งบนโซฟาด้านในเอ่ยปราม

    น้าทัศนีย์เป็นคนรูปร่างสูงระหง ใบหน้านั้นก็เฉี่ยวสอดรับกับผมซอยสั้น แต่สิ่งที่น้ำใสชอบมองดูที่สุดเห็นจะเป็นลำคอของน้า ลำคอที่ยาว ขาว เนียน

    “ฉันถามว่าไปไหนมา ทำไมเพิ่งโผล่หัวมาให้เห็น”

    แม่ถามซ้ำอีกรอบหลังจากที่น้ำใสไหว้น้าทัศนีย์เสร็จแล้ว

    “มันก็ไม่สำคัญนี่คะ ว่าหนูจะอยู่ไหน เพราะยังไง แม่ก็ฆ่าตัวตายอยู่ดี”

    “น้ำใส!” แม่เอ็ดใส่ น้าทัศนีย์เองก็ส่ายหน้า แล้วรีบไล่

    “น้ำใส กินข้าวกินปลามารึยัง ไปหาอะไรกินก่อนไป๊”

    แต่น้ำใสไม่ไป เธอเลือกที่จะขยับเก้าอี้ใกล้ๆ เตียงมานั่งหน้าตาเฉย ใจนั้นอยากยั่วโมโหแม่ให้หนักๆ ให้แม่โกรธมากๆ นั่นแหละดี

    เธอเกลียดแม่หรือ... คงงั้นมั้ง สิ่งที่เธอรังเกียจที่สุดเห็นจะเป็นการใช้ชีวิตของแม่นี่แหละ แม่ไม่เคยสร้างความอบอุ่น แม่ผู้ขวนขวายหาความรักแต่ไม่เคยมอบความรักให้กับเธอ แม่ที่เอาแต่จะฆ่าตัวตายเพื่อจะทิ้งให้เธออยู่บนโลกนี้ตามลำพัง

    แม่ใจร้าย...

    น้ำใสมองแม่ตาวาว ขณะที่แม่ก็แสยะปากอย่างรังเกียจ

    “ไปไกลๆเลย แค่ได้กลิ่นขี้คุกฉันก็รู้แล้วว่าแกไปไหนมา”

    น้ำใสสะอึก แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่แม่ ราวกับกำลังเล่นสงครามจิตวิทยากัน จนน้าทัศนีย์ต้องเอ่ยปรามอีก

    “แม่ลูกคู่นี้นี่อะไรกันนักกันหนา พอได้แล้ว น้ำใสออกไปรอน้าข้างนอกก่อนไป เดี๋ยวน้าพาไปส่งที่บ้าน แล้วเดี๋ยวไปรับยายที่สนามบินกัน”

    ทั้งน้ำใสและแม่ต่างพากันหันไปหาน้าทัศนีย์อย่างพร้อมเพรียง จนน้ากระอักกระอ่วน

    “ไม่ต้องมามองกันแบบนี้เลยนะ จะให้ทำยังไงล่ะ คนหนึ่งก็กินยาตาย อีกคนก็โดนจับ ฉันคิดอะไรไม่ออกก็เลยโทรไปหาคุณยายที่เชียงรายน่ะสิ เห็นบอกว่าจะขึ้นเครื่องบินมา ไม่รู้ถึงรึยัง”

    น้ำใสเบือนหน้ามองน้ำเกลือที่ใกล้จะหมด ที่ยายมาก็เพราะน้าทัศนีย์โทรศัพท์ไปเรียกนี่เอง

    “น้ำใส” เสียงแม่แข็งขึ้น “กลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ แล้วไอ้ผมทรงพั้งค์ของแกน่ะ ทำให้เหมือนผู้เหมือนคนหน่อยได้ไหม หรือถ้าทำไม่ได้ ก็ไปโกนทิ้งซะ แม่ยังไม่อยากให้ยายหัวใจวายตอนเห็นแก”

    น้ำใสรู้สึกว่าเดือดปุดๆอยู่ข้างๆใน จากคำพูดของแม่ จากท่าทางหมางเมินของแม่ ทำให้เธอสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว

    “จะเป็นอะไรไปคะ ถ้ายายจะช็อกอีกครั้งเพราะเห็นหัวของหนู เพราะยังไง ยายก็คงช็อกเรื่องของแม่มาก่อนแล้ว”

    ฉับพลัน ก็มีเสียงดังเพี้ยะซึ่งเกิดจากฝ่ามือของแม่ฟาดเข้ากับแก้มของเธอ พร้อมๆกันนั้น ประตูห้องก็เปิดออกและยายก็ก้าวเข้ามา

    น้ำใสร้อนชาตรงบริเวณที่โดนตบ เธอมองหน้าแม่ มองหน้าน้าทัศนีย์ แล้วก็ตวัดสายตาไปมองยาย สิ่งเดียวที่เธอจะไม่มีวันทำก็คือร้องไห้ เพราะนั่นหมายถึงการพ่ายแพ้

    เจ็บอย่างนี้แหละดี เจ็บให้หนัก เธอจะได้จำเอาไว้ ว่าแม่ทำอย่างไรกับเธอ

    น้ำใสลุกพรวดขึ้น เก้าอี้ถอยเลื่อนแล้วล้มดังโครม สายตาของเธอตอนนี้คงวาวโรจน์ดั่งเปลวไฟ

    “หนูจะบอกแม่ให้ ยายนั่นแหละที่เป็นคนไปเอาตัวหนูออกมาจากคุก แม่รู้ไว้ด้วยนะ ว่ายายเป็นคนพาหนูออกมาจากคุก!”

    น้ำใสตวาดลั่นแล้วผลุนผลันวิ่ง แต่เพราะเธอไม่ระวังให้ดี จึงชนยายที่ยืนขวางประตูจนยายล้ม

    “โอ๊ย!”

    “แม่!” เสียงแม่ร้องขึ้นพร้อมๆกับเสียงอุทานของน้าทัศนีย์

    ยายลงไปนั่งกับพื้น น้ำใสเองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันในตอนนี้ ยิ่งได้เห็นแววตาของยาย ก็ยิ่งรู้สึกว่าความไม่ดีของตัวเองทวีทบ

    “เป็นบ้าไปแล้วเหรอน้ำใส”

    น้ำใสหันกลับไปมองแม่ เห็นแม่ที่กำลังโมโหลุกจากเตียงด้วยความทุลักทุเล ในขณะที่น้าทัศนีย์ก็ลังเลว่ามาช่วยทางยายหรือทางแม่ก่อนดี

    หมัดที่กำแน่นนั้นสั่น หัวใจเต้นระรัว น้ำใสขบฟันแน่น แล้วก้มตะคอกใส่หน้ายายที่เงยมองเธอ

    “ใครใช้ให้มาขวาง!”

    พูดจบก็สะบัดหนี ไม่ดูดำดูดีใครทั้งสิ้น

    นอกห้อง ระเบียงทางเดินยาวไกล และมีผู้คนเดินสวนทางกันไปมา

    แต่โลกใบนี้มีเธอเพียงคนเดียว

    +++++++++++++++++

    ชุติมานั่งนิ่งบนเตียง ในขณะที่แม่นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนทัศนีย์ ตอนนี้ก็หลบฉาก นั่งตรงโซฟา ก้มหน้างุด ทำตัวราวกับว่าไร้ตัวตน

    “หมอเปิ้นว่าจะใดพ่อง” แม่หันไปถามทัศนีย์

    “สักวันสองวันก็กลับได้แล้วล่ะค่ะ แต่ตอนนี้ต้องนอนให้น้ำเกลือก่อน เพราะนุ่นเขายังเพลียอยู่ ทัศน์ต้องขอโทษแม่ด้วยนะคะ ที่โทรไปรบกวนตอนดึกๆ”

    “บ่เป็นหยัง” แม่ตอบเรียบๆ ตามประสาคนพูดน้อย

    ชุติมานึกคิดว่าจะพูดอะไรดี เธอนึกไม่ออกเลยว่าควรจะพูดอะไรกับแม่ พูดถึงชีวิต ความเป็นไป หรือพูดถึงอะไรอื่น ช่างน่าปวดหัว มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่หนอ บางทีอาจเริ่มมาตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน เมื่อตอนที่เธอแต่งงาน แม่ไม่เคยพึงพอใจในตัวลูกเขยคนไหนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนสุดท้าย... ดิลก และด้วยเหตุนี้เองล่ะมั้ง ที่ทำให้เธอไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับแม่โดยตรงสักครั้ง

    “แม่คะ... หนู...” ชุติมาเริ่ม คำพูดตะกุกตะกัก

    “ปิ๊กเชียงรายตวยกันเทอะ”

    ประโยคสั้นๆของแม่ประโยคเดียว ทำให้เธอสะดุ้งรู้สึกตัว เชียงราย เป็นสถานที่แห่งเดียวที่เธอเกลียดชัง เธอดิ้นรนที่จะหนีมันมาตลอดชีวิต

    ไม่อยากกลับไปอยู่ใต้ปีกที่กางโอบของแม่อีกต่อไปแล้ว

    “ไม่ค่ะ หนูจะอยู่กรุงเทพ”

    “แต่นุ่นต้องรักษาตัว อยู่ที่นี่ ไผจะดูแล”

    “หนูดูแลตัวเองได้นี่คะ แล้วหนูก็ยังมีดิลก...”

    พูดไปแล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เธอไม่ได้มีเขาอีกต่อไปแล้ว เขามีผู้หญิงอื่น และเขาจะกลับมาอีกแค่เพียงครั้งเดียว เพื่อขอให้เธอหย่า

    หย่า... เป็นครั้งที่สามแล้วนะที่เธอต้องเจอะเจอเรื่องราวแบบนี้ ทำไมชีวิตเลวร้ายต้องเกิดขึ้นกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย

    ความเหงาและกลัววูบผ่านเข้ามาในจิตใจ กลั่นเป็นน้ำตาใสๆ อุ่นๆ รื้นตรงขอบตา

    “แม่คะ... หนูไม่เหลือใครอีกแล้ว”

    ชุติมาเอนลงซบกับบ่าของแม่ สองมือเล็กๆ เหี่ยวย่นโอบกอดปลอบประโลมเบาๆ ละม้ายเธอยังเป็นเพียงเด็กน้อยๆ ที่กำลังใจเสีย

    “มีก่า นุ่นมีแม่ มีน้ำใส นุ่นจำบ่ได้แล้วก๋า”

    “แต่แม่คะ หนูกลัวจริงๆนะ หนูอยากตายๆไปเสีย ถ้าหนูตาย เขาอาจจะรู้สึกผิด หนูต้องการให้เขารู้สึกผิด”

    “นุ่น” แม่เอ่ยเสียงปรานี “ฟังอีแม่หนา เขาอาจจะรู้สึกผิดกับนุ่น ก๊ะว่าบ่รู้สึกอะหยังเลยก็ได้ แต่ที่แน่ๆ แม่กับน้ำใสนี่เนาะ จะเป็นคนที่เสียใจนักที่สุด”

    น้ำตาหยาดรินลงมา หยดแล้ว หยดเล่า และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จริงของแม่ เธอยังเหลือน้ำใส จะมีก็แต่น้ำใสนี่แหละ ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวของเธอ แต่ลูกก็ทำให้เธอเจ็บช้ำไม่ต่างจากผู้ชายพวกนั้น หรือบางที อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ น้ำใสดื้อ น้ำใสเกเร ที่สำคัญ น้ำใสติดยา เธอส่งลูกเข้าสถานบำบัด แต่นี่เพิ่งออกมายังไม่ทันจะถึงเดือน น้ำใสก็กลับไปหาเพื่อนกลุ่มเดิมจนถูกจับ แล้วต้องให้ยายเป็นคนไปประกันตัว

    หมดแล้ว ไม่เหลือแรงใจใดๆจะสู้ต่อไปอีกแล้ว

    “ปิ๊กเชียงรายกับแม่เนาะ ปิ๊กบ้านเรา”

    แม่ยังย้ำคำเดิม หรือนี่ก็คือเจตนาที่แท้จริงของแม่

    แม่ลงมากรุงเทพครั้งนี้เพื่อพาเธอกลับบ้าน...

    ชุติมาผละจากอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น น้ำตาของเธอ แปะเปื้อนบนเสื้อของแม่เป็นวงโต

    “แม่คะ หนูไม่อยากกลับไปที่นั่น หนูจะอยู่ที่นี่”

    “แล้วนุ่นจะหื้อแม่เยียะจะใด ลูกของแม่ฆ่าตัวตาย หลานของแม่ก็ติดยา ลูกจะหื้อแม่ทนผ่อครอบครัวของตัวเก่าเป็นจะอี้ก๊ะ”

    “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”

    “บ่แม่นจะอี้แล้วเป็นจะใด”

    ไม่มีคำตอบ เธอเองไม่อาจบอกเหตุผลไปกับแม่ตรงๆได้

    “แม่เคยสัญญา ถ้าหากแม่มีลูก แม่ก็จะผ่อลูกของแม่หื้อดี แล้วถ้าหาก ลูกของแม่มีลูก แม่ก็จะผ่อลูกของลูกแม่หื้อดีตวย นี่คือคำมั่นที่แม่ต้องรักษา” แม่ถอนใจคล้ายกับหมดความอดทน “เอาเทอะ นุ่นก็ลองตัดสินใจละกัน แต่ที่แน่ๆ แม่จะเอาน้ำใสไปตวย”

    “แม่!” ชุติมาส่งเสียงค้าน

    “แม่ปล่อยนุ่นมาคนหนึ่งแล้ว นุ่นก็เลยเป็นจะอี้ ถ้าน้ำใสยังอยู่กับนุ่น น้ำใสก็จะกลายเป็นอะหยังก็บ่รู้”

    แม่บอกเจตนารมณ์ชัดเจน ก่อนจะลุกขึ้นด้วยท่าทีที่สุภาพ เรียบร้อย

    “และบ่ว่า นุ่นจะตัดสินใจจะใด แม่ก็อยากจะขอหื้อลูกทำตัวดีๆ หื้อน้ำใสได้ภูมิใจในตัวนุ่นสักน้อยเทอะ แม่ขอร้อง”

    แม่สอนเสร็จ ก็เอ่ยลา ฝากฝังเธอไว้กับทัศนีย์และบอกว่า วันพรุ่งนี้จะมาใหม่ จากนั้นก็เดินกระงกกระเงิ่นออกไปจากห้อง

    ชุติมาหลับตาลง... คำแม่สอน จี้แทงใจดำของเธอ

    +++++++++++++++++
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×