คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #82 : ภาคสัตว์หางพันธุกรรม ตอนที่ 4
คาถาคุกน้ำของเรนยะได้ถูกคลื่นเสียงคำรามของกาอาระฉีกจนกระจายหนำซ้ำเรนยะยังชะงักไปชั่วขณะเพราะเสียงคำรามนี้อีกด้วย
ตูม !!!
กาอาระได้เหวี่ยงแขนที่เริ่มกลายสภาพเป็นหนึ่งหางเข้าใส่ตัวของเรนยะจนเขากระเด็นไปชนกับต้นไม้หักไป 3 ต้น
“อ่อก !” แรงกระแทกอันมหาศาลถึงกับทำให้เรนยะนั้นไม่อาจคงคาถาแปลงร่างเอาไว้ได้จนกลับร่างเดิมแถมเขายังสำรอกลิ่มเลือดออกมาอีกด้วย
“โฮก !!!” ร่างกายของกาอาระได้เริ่มกลายสภาพอีกครั้ง
ร่ายกายของเขาค่อยๆกลายเป็นก้อนทรายและขยายใหญ่ขึ้นจนในที่สุดก็กลายร่างเป็น 1 หางชูคาคุหรือภูติทรายที่มีรูปร่างคล้ายกับทานูกิแบบเต็มตัว
“ฮี้ฮ่า !!! ในที่สุดไอ้หนูนั่นก็หลับทำให้เราออกมาได้เสียที” เสียงแหลมของชูคาคุได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่าจนพวกสัตว์ทั้งหลายต่างพากันวิ่งหนี
เรนยะที่เห็นชูคาคุกำลังอารมณ์ดีที่ได้หลุดออกมาจากผนึกโดยที่ไม่สนใจตัวเองก็เริ่มแสดงความไม่พอใจ
“ถุด !” เรนยะถ่มเลือดออกก่อนที่จะพยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืนแต่เขาก็ต้องขมวดคิ้วเพราะอาการบาดเจ็บของเขาร้ายแรงกว่าที่คิดไว้
“ซี่โครงแตกละเอียดส่วนกระดูกสันหลังร้าวแถมตับกับปอดก็มีเลือดออก . . .” พอสรุปอาการบาดเจ็บของตัวเองเสร็จเรนยะก็เริ่มใช้จักระภายในตัวซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย
“Master . .” หนูเงียบเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรผมยังไหวอยู่” เรนยะส่ายหน้าปฏิเสธความช่วยเหลือจากเหล่า Servant ก่อนที่จะทำการรักษาตัวเองต่อ
“ขอบใจแกจริงๆเจ้าทานุกิที่ทำให้ฉันตาสว่าง” เมื่ออาการบาดเจ็บเริ่มทุเลาลงเรนยะก็ได้พูดขอบคุณอีกฝ่ายที่ทำให้สัญชาตญาณการต่อสู้ของเขาเริ่มตื่นตัวอีกครั้ง
“Master ท่านดูเหมือนวายร้ายมากเลยนะตอนนี้” เสียงเอมิยะทำให้เรนยะชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถามกลับไปว่า
“จริงดิ ?” เรนยะเอียงคอประมาณว่าไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย
“จริงแท้แน่นอน Master เมื่อวานท่านโดนชาวเด็กดีแย้งเรื่องนี้เอาจนความนิยมของท่านลดฮวบลงนะ” เอมิยะเอ่ยยืนยัน
. . . สงสัยคนอ่านจะไม่ชอบความรุนแรง
“งั้นจะลองเจรจากับเจ้าทานุกินั่นดูก็แล้วกัน” เรนยะหวังว่าวิธีนี้จะพอกู้ความนิยมของตนคืนมาได้บ้างไม่มากก็น้อยละนะ
“เฮ้ !!!” เรนยะใช้สองมือป้องปากแทนโทรโข่งเพื่อเรียกชูคาคุให้มาสนใจตน
“หือ ?” ชูคาคุได้หันไปตามเสียงจนได้พบกับเด็กหนุ่มผมสีทองคนหนึ่งเข้า
“ไอ้หนูเรียกข้าต้องการอะไรไม่ทราบ” ชูคาคุได้ใช้สายตาที่เหมือนมองขยะชิ้นหนึ่งจ้องมองมนุษย์ตัวจ้อยตรงหน้า
แถมชูคาคุยังปลดปล่อยแรงกดดันจักระอันมหาศาลเพื่อข่มขู่เรนยะอีกด้วย
. . . นี่เฮียทานูกิแกเกลียดมนุษย์ถึงขั้นไหนกันละเนี่ย
“ขอ สัมผัส หน่อย สิ”
เรนยะพูดเน้นย้ำทีละคำจนชูคาคุรู้สึกขนลุก
“สัมผัสนี่แทนไปไอ้กร๊วกเอ้ย !!!” ชูคาคุตอบเรนยะด้วยการเหวี่ยงกำปั้นเข้าใส่เพราะหลงนึกว่าเรนยะพูดกวนประสาทตัวเอง
เรนยะได้ใช้ข่ายเทพอัสนีเพื่อหลบการโจมตีนี้ไปโผล่ด้านหลังชูคาคุ
“เห็นยัง ? ขอดีๆแล้วก็ไม่ให้สุดท้ายก็ต้องซัดกับมันก่อนอยู่ดี” เรนยะเกาหัวเซ็งๆพร้อมบอกผลลัพธ์แก่เอมิยะ
“Master ข้าว่าปัญหามันอยู่ที่วิธีขอของท่านมากกว่า” เอมิยะพูดอย่างเหนื่อยใจกับวิธีสื่อสารของ Master ตัวเอง
“ตายซะไอ้มนุษย์ !” คราวนี้ชูคาคุได้ปล่อยทรายออกมาเป็นบริเวณกว้างเพื่อดักจับตัวของเรนยะ
“คราวนี้จะได้เอาจริงเสียที” ว่าเสร็จเรนยะก็ได้ทำการเปิด Gate of Babylon จนทั่วทั้งท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีทองในตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกแล้ว
อาวุธระดับสูงมากมายได้ถูกยิงเข้าใส่ชูคาคุจนมันถอยร่น
“เจ็บๆๆ เจ็บโว้ย !!!” ในตอนแรกที่เห็นอาวุธชูคาคุก็นึกดูถูกว่าของแค่นั้นไม่มีทางทำอะไรเขาได้แน่
แต่เจ้าทานูกิคงจะนึกไม่ถึงหรอกว่าพวกอาวุธภายในคลังสมบัติทุกชิ้นนั้นมันเป็นของวิเศษที่มีอำนาจสร้างความเจ็บปวดให้แกตัวมันเองได้แบบนี้
“ว่ายังไงจะยอมแพ้ได้รึยัง !” เรนยะตะโกนถามอีกฝ่ายไป
“อย่าได้ใจไปนะเจ้าหนู !!!” จะให้สัตว์หางที่ทรงพลังอย่างมันยอมแพ้ต่อมนุษย์เนี่ยนะฝันไปเถอะ !
ชูคาคุได้ทำการเปลี่ยนร่างตัวเองให้กลายเป็นทรายแล้วเคลื่อนที่ออกห่างจากตัวเรนยะ
โดยเป้าหมายของชูคาคุนั้นก็คือการล่อเรนยะเข้าไปในแคว้นคาเสะโนะคุนิที่เต็มไปด้วยทะเลทรายเพื่อเพิ่มความได้เปรียบแก่ตัวเอง
“จะหนีไปไหน !” พอเห็นอีกฝ่ายคิดจะหนีเรนยะก็ได้เคลื่อนไหวตามไปในทันที
การไล่ล่าของเรนยะค่อนข้างจะลำบากเล็กน้อยเนื่องจากชูคาคุนั้นได้เปลี่ยนตัวเองเป็นพายุทรายทำให้เรนยะสกัดอีกฝ่ายได้ยาก
“สมแล้วที่เป็นทานูกิเจ้าเล่ห์นักนะ” พอเห็นทิศทางของอีกฝ่ายเรนยะก็พอจะเดาเป้าหมายของทานูกิตัวนี้ได้
เรนยะได้ทำการรวบรวมจักระที่มือเพื่อสร้างเป็นเมล็ดต้นไม้เรืองแสงก่อนที่จะปาดักหน้ากลุ่มทรายของชูคาคุพร้อมทั้งผสานอินกระตุ้นเมล็ดเหล่านั้นทันที
“จนแตกหน่อพฤกษาแสง !!!” เมล็ดได้เริ่มเติบโตเป็นพฤกษาแสงอันแหลมคมโดยเรนยะได้ทำการควบคุมให้พฤกษาแสงก่อตัวเป็นกำแพงปิดกั้นทางหนีของชูคาคุ
!!!
“บัดซบนี่มันคาถาไม้ของเจ้าเซนจูนั่น !!!” ชูคาคุกล่าวอย่างตกใจต่อคาถาไม้ตรงหน้าที่รำ่ลือกันว่าเคยปราบปรามสัตว์หางแทบทุกตัวมาแล้ว
ถึงรูปแบบและความรู้สึกของคาถานี้จะแตกต่างกันตรงที่คาถาไม้คราวนี้มีธาตุสายฟ้าเพิ่มเข้ามาก็ตามแต่นี่ย่อมเป็นคาถาไม้ของตระกูลเซนจูแน่ๆ
กลุ่มทรายได้ก่อตัวรวมเป็นชูคาคุตามเดิมก่อนที่มันจะหันไปถามเรนยะที่กำลังไล่ล่ามันว่า
“ไอ้หนูแกเป็นคนตระกูลเซนจูสินะ ?”
“เปล่าชื่อของฉันคืออาคุสะ เรนยะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเซนจู ฮาชิรามะหรอกนะ” เรนยะสับสนกับท่าทีของชูคาคุเล็กน้อย
พอได้รับคำตอบตัวชูคาคุก็นิ่งค้างไปจนเกิดเป็นความเงียบระหว่างทั้งสอง
“ไม่หนีต่อแล้วหรือไง ?” เรนยะถามอย่างงุนงง
อะไรของเจ้าทานุกิตัวนี้กันเนี่ย
“แกจะมาจับฉันงั้นหรือ ?” ชูคาคุกล่าวถาม
“เปล่าหรอกฉันก็แค่อยากบันทึกสิ่งมีชีวิตแปลกๆอย่างพวกพวกนายทุกตัวก็เท่านั้น” เรนยะบอกความต้องการของตัวเองออกไป
พอได้ฟังคำตอบชูคาคุก็มองเรนยะราวกับมองตัวประหลาด
เพราะตั้งแต่มันถือกำเนิดในยุคของเซียนหกวิถีนี่นับเป็นครั้งแรกที่มันได้พบกับมนุษย์ที่ต้องการจะทำความเข้าใจสัตว์หางอย่างมัน
มนุษย์ที่มันเจอมาตลอดช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาบ้างก็ต้องการกำจัดมันเพราะมันเป็นปีศาจ บ้างก็ต้องการจับมันผนึกลงในสถิตย์ร่างเพื่อใช้เป็นอาวุธสงคราม
หนำซ้ำในตอนที่ถูกผนึกในสถิตย์ร่างมันก็พบเห็นแต่ด้านมืดของมนุษย์ทั้งการกลั่นแกล้งและการที่สถิตย์ร่างถูกมองเป็นตัวน่ารังเกียจทำให้อารมณ์ความรู้สึกด้านลบของสถิตย์ร่างเหล่านั้นก็ได้ถูกส่งตรงมาที่มัน
ดังนั้นความรู้สึกที่ชูคาคุมีต่อมนุษย์จึงมีเพียงแค่ความเกลียดชังเท่านั้น
แต่พอมันได้ฟังคำพูดพร้อมกับพิจารณาเรนยะดีๆอีกครั้งมันก็ต้องประหลาดใจหลายๆอย่าง
หนึ่งคือมนุษย์คนนี้มีนิสัยแตกต่างจากมนุษย์ที่มันรู้จัก
สองคือกลิ่นอายของมนุษย์คนนี้นั้นแตกต่างจากมนุษย์ทั้วไปอย่างเห็นได้ชัดกลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์ที่เรนยะปล่อยออกมาแบบไม่รู้ตัวมันให้ความรู้สึกคิดถึงอย่างน่าประหลาด
ส่วนข้อสามสัตว์หางมีความสามารถสัมผัสกับอารมณ์ของมนุษย์ได้ดังนั้นมันจึงแยกแยะได้ว่าใครพูดจริงใครพูดโกหกซึ่งน่าแปลกที่มนุษย์คนนี้ไม่มีท่าทีโกหกเลยแม้แต่น้อย
มันราวกับว่าตอนนี้ชูคาคุกำลังพูดคุยกับตาแก่เซียนหกวิถีผู้ให้กำเนิดไม่มีผิด
“คิดจะทำความเข้าใจสัตว์หางอย่างฉันงั้นเรอะ” ชูคาคุถามอีกครั้ง
“ก็ประมาณนั้นละนะ แฮะๆ” เรนยะตอบเลี่ยงๆขืนบอกไปว่าจะทำการโคลนนิ่งสร้างสัตว์หางทุกตัวเพื่อไขว่คว้าพลังอำนาจมีหวังได้เปิดศึกกันอีกรอบแหงๆ
“หึ ! ครั้งนี้จะยอมให้ก็ได้สำนึกขอบคุณกันซะด้วยละเจ้ามนุษย์ที่ได้ทำความรู้จักกับข้าสัตว์หางผู้หล่อเหลาคนนี้” ชูคาคุเชิดหน้าอย่างถือดีถึงมันจะแอบดีใจลึกๆก็เถอะ
“จ้าๆ” เรนยะตอบอย่างขอไปทีก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ๆอีกฝ่ายแล้วนำ Genetic Dream ขึ้นมาสัมผัสไปที่ท้องของชูคาคุพร้อมกับกดปุ่มที่ไม่ว่าใครๆก็รู้จัก
. . . ใช้ง่ายดีแฮะ
เมื่อกดปุ่ม Ctrl C ลูกบาศก์ Genetic Dream ก็เริ่มสแกนร่างอันใหญ่โตของชูคาคุ
ถึงชูคาคุจะสงสัยและสนใจลูกบาศก์ในมือของเรนยะก็ตามแต่มันก็เลือกที่จะยืนอยู่เฉยๆและเฝ้าดูการกระทำของมนุษย์ตรงหน้า
อ่าห์ ~
Genetic Dream ในมือของเรนยะได้ส่งเสียงอันเป็นสัญญาณว่าการคัดลอกสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเสร็จสิ้นแล้ว
“เรียบร้อยแล้วละ 1 หาง” ถึงเสียงตอนสแกนเสร็จจะดูแปลกๆไปหน่อยก็เถอะแต่การทำงานไม่มีปัญหาก็ถือว่าโอเคแล้วละนะ
“ชูคาคุ . .”
“อะไรนะไม่ยินเลย ?” เรนยะเอ่ยถามอีกครั้งเนื่องจากอีกฝ่ายพูดเสียงเบาจนเกินไป
“ชูคาคุเฟ้ยชื่อของข้าน่ะ !!!” จู่ๆก็ถูกสัตว์หางตะโกนกรอกหูเอาแบบนี้ทำเอาแก้วหูของเรนยะเกือบกระเด็นออกมาเลยทีเดียว
“โอ๊ย ~ หูฉัน” เรนยะเขย่าหัวจูนสมองตัวเองอยู่พักใหญ่เลยกว่าจะหายมึน
เรนยะแอบตกใจเล็กน้อยว่าทำไมชูคาคุถึงได้เชื่อใจบอกชื่อกับเขาแบบนี้ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังลงไม้ลงมือกันอยู่เลย
ชูคาคุควบคุมยกทรายตรงจุดที่เรนยะยืนอยู่ให้สูงขึ้นมาประจันหน้ากับตัวเองก่อนที่มันจะก้มหน้าให้เรนยะเล็กน้อย
“อะไรอีกละ” สงสัยได้ไม่นานคำตอบก็ได้ออกมา
เพราะว่าทรายตรงกลางหน้าผากของชูคาคุนั้นค่อยๆแยกออกจนทำให้เรนยะมองเห็นร่างของกาอาระที่กำลังสลบอยู่ตรงกลางหน้าผาก
“ปลุกหมอนี่สิ” คำพูดของชูคาคุนั้นสร้างความประหลาดใจให้แก่เรนยะเป็นอย่างมาก
“ไม่ใช่ว่านายอยากเป็นอิสระหรอกเรอะ ?” เรนยะถามชูคาคุด้วยความฉงนเขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าชูคาคุเกิดชอบกาอาระขึ้นมา
“ใครบ้างละจะไม่อยากเป็นอิสระแต่ว่านะ . . .”
ชูคาคุหลับตาเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ข้าน่ะรู้ตัวดีว่าอีกไม่นานเจ้ากาอาระก็จะได้สติและพอถึงตอนนั้นข้าก็ต้องกลับไปถูกผนึกอยู่ดี”
สำหรับชูคาคุเขารู้ตัวดีว่าการออกมาครั้งนี้ของเขานั้นมันก็แค่ชั่วคราวการฆ่ากาอาระที่เป็นสถิตย์ร่างนั้นมันไม่ช่วยอะไรเลยก็แค่ทำให้เขาตายไปด้วยกันเท่านั้น
ถึงสัตว์หางจะตายก็ตามแต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานก็จะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
ถ้าถามว่างั้นทำไมไม่ตายไปเลยละพอฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ก็จะได้เป็นอิสระ
ก็ขอให้รู้ไว้เลยว่าสัตว์หางเองก็มีอารมณ์ความรู้สึกไม่ต่างจากมนุษย์อย่างเราเหมือนกันและมันไม่มีใครชอบความเจ็บปวดเวลาตายกันหรอกนะ
และถึงชูคาคุจะเป็นอิสระจริงๆสุดท้ายก็คงไม่พ้นต้องมาถูกพวกนินจาหมู่บ้านซึนะไล่ล่าแล้วจับผนึกอีกครั้งอยู่ดี
“ยังไงซะการที่ข้าได้เจอและพูดคุยกับมนุษย์แบบแกก็ถือว่าคุ้มมากแล้ว” น้ำเสียงของชูคาคุเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ทั้งน่าเศร้าและน่าคิดถึงในเวลาเดียวกัน
ราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในตอนที่พวกสัตว์หางทุกตนนั่งล้อมวงตาแก่เซียนหกวิถีอีกครั้ง
“สักวันจะมีมนุษย์ที่พวกเจ้าเหล่าสัตว์หางเชื่อใจได้อย่างแน่นอน” นี่คือคำสั่งเสียของเซียนหกวิถีผู้ให้กำเนิดเหล่าสัตว์หาง
“งั้นไม่เกรงใจละนะ” ในเมื่อเรื่องมันง่ายขนาดนี้แล้วเรนยะก็ย่อมไม่ปล่อยผ่านไปให้โง่เขากำหมัดต่อยเข้าหน้าของกาอาระไปเต็มหน้าอีกฝ่ายทันที
ผัวะ !!!
พอถูกกำปั้นของเรนยะเข้าไปกาอาระก็เริ่มได้สติทำให้ชูคาคุถูกส่งกลับผนึกอีกครั้ง
ร่างของกาอาระได้ล่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงแต่เรนยะก็ได้พุ่งเข้าไปอุ้มร่างของกาอาระเอาไว้ในท่าอุ้มเจ้าสาวก่อนที่จะพาลงพื้นทรายอย่างปลอดภัย
ถึงกาอาระจะได้สติแล้วก็ตามแต่เปลือกตาของเขามันหนักจนแทบจะลืมไม่ขึ้นทำให้มองเห็นหน้าของเรนยะไม่ชัด
“นายเป็นใครกันแน่ . .” เสียงอ่อนแรงของกาอาระถามบุคคลที่กำลังอุ้นตนอยู่
“โทษทีวะฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย” ว่าเสร็จก็ปล่อยร่างของกาอาระลงพื้นดังโครม !
“อึก !” กาอาระที่ถูกปล่อยลงพื้นกระทันหันก็ร้องจุกออกมา
“ส่วนนี่พี่สาวของนายฉันคืนให้” เรนยะเปิดคลังสมบัติก่อนที่ร่างของเทมาริที่ถูกจับมัดในเงื่อนกระดองเต่าจะปรากฏขึ้นบนอ้อมแขนของเรนยะ
เรนยะค่อยๆวางร่างของเทมาริที่กำลังสลบอยู่อย่างเบามือลงนอนข้างๆกาอาระ
“ลาก่อนกาอาระเจ้าแห่งทะเลทราย . . และก็ลาก่อนชูคาคุ” ประโยคหลังเรนยะเอ่ยอย่างแผ่วเบา
กล่าวลาเสร็จเรนยะก็หันหลังเดินโบกมือจากไปทันทีทิ้งให้กาอาระนอนหอบหมดสภาพอยู่แบบนั้นกับเทมาริผู้เป็นพี่สาว
(ลงจ้า)
กิล : นี่เอนคิดูเจ้ารู้ไหมว่าฮัดชิ้ว !!!
กิล : เออเมื่อครู่ข้าไม่ได้ตะโกนใส่เจ้านะข้าแค่จามเองออกมาเถอะเพื่อน
เอน : หลบหลังชิดูริตัวสั่นระริก
ฮัดชิ้ว !!! สงสัยเอนคิดูกลัวติดโรค
ความคิดเห็น