ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบวีรชนข้ามโลกนินจา

    ลำดับตอนที่ #66 : ภาค 12 นินจาองครักษ์ ตอนที่ 23

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.82K
      521
      3 ก.พ. 63

    ข้อสรุปจากการที่เรนยะออดอ้อนขอกระสุนจากมามี้เอมิยะนั้นก็คือ

                    

        “Master เอาไว้ข้าจะสอนท่านยิงปืนทีหลังส่วนในตอนนี้ท่านควรจะไปทำหน้าที่ของท่านก่อนตกลงไหม ?” หลังจากไตร่ตรองอยู่นานสุดท้ายเอมิยะก็ตัดสินใจที่จะสอนเรนยะยิงปืนในที่สุด

                    

        . . . ในเมื่อห้ามไม่ได้ก็สู้สอนให้ Master ของตนใช้ปืนไปเลยคงจะเป็นวิธีที่ดีกว่าเพราะอย่างน้อยก็ยังคุมให้อยู่ในสายตาผู้ใหญ่อย่างเขาได้ช่างรอบคอบสมกับเป็นมามี้เอมิยะจริงๆ

                    

        ถึงสุดท้ายจะไม่ได้กระสุนจากเอมิยะมาก็ตามแต่เรนยะก็ยังคงมองปืน  thompson Arms contender ในมือของตนพร้อมกับครุ่นคิดว่า

                    

        ถ้าไม่มีกระสุนงั้นใช้จักระแทนดูจะเป็นยังไงนะ . . .

                    

        “แต่ก่อนที่จะทำแบบนั้นเราคงจะต้องสลักเวทรูนลงในปืนนี่เสียก่อนไม่งั้นมีหวังปืนระเบิดคามือเราแน่ๆ

                    

        แต่ในขณะที่เรนยะกำลังจะทำการสลักรูนนั้นเสียงพลุอันเป็นสัญญาณรวมตัวของกลุ่ม 12 นินจาองครักษ์ก็ได้ดังขึ้นบนท้องฟ้าทำให้เรนยะจำต้องลืมเรื่องปืนในมือของตนไปก่อนแล้วไปรวมตัวกับสมาชิกในทีมโดยเร็ว

                    

        “ช่วยไม่ได้แฮะเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน หืม ?” เรนยะบ่นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นแสงสะท้อนตรงจุดที่เซงาว่าละลายหายไปเขาจึงเข้าไปดูด้วยความสงสัย

                    

        “หลอดยาเหรอ คงเป็นของเซงาว่าสินะเรนยะได้ก้มลงหยิบหลอดยาตัวอ่อนของตะขาบมาถือเล่นในมือครู่หนึ่ง

                    

        “ของไร้สาระสุดท้ายเรนยะก็ได้ลงมือทำลายหลอดยาที่เป็นดังมรดกสุดท้ายของตระกูลมุซันทิ้งโดยการโยนมันลงกองไฟบริเวณนั้นอย่างไม่แยแส

                    

        เพราะของน่าขยะแขยงแบบนี้ยังห่างไกลจากความเป็นนิรันดร์ที่ตัวเขาตามหา . . .

                    

        “Master ทำไมตัวท่านถึงได้แสวงหาชีวิตนิรันดร์ ?” จู่ๆสกาฮะก็เอ่ยถามเรนยะขึ้นมาด้วยความอยากรู้

                    

        จริงอยู่ที่ความเป็นนิรันดร์หรือความเป็นอมตะสำหรับคนทั่วไปแล้วมันอาจจะฟังดูหอมหวานจนไม่ว่าผู้ใดก็อยากจะไขว่คว้ามันมาครอง

                    

        แต่สำหรับสกาฮะนั้นมันไม่ใช่เลย . . .

                    

        เพราะสำหรับตัวเธอแล้วชีวิตอมตะมันไม่ต่างจากคำสาปที่ทำให้ตัวเธอต้องทุกข์ทรมาน

        

        ตัวสกาฮะนั้นรู้ซึ้งแล้ว

                    

        เพราะความอมตะเธอจึงได้แต่เฝ้ามองคนใกล้ตัวเธอค่อยๆแก่ชราลงไปเรื่อยๆโดยที่ตัวเธอยังเหมือนเดิมราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้และพอรู้ตัวอีกทีสุดท้ายเธอก็พบว่าเธอนั้นเหลือตัวคนเดียวเสียแล้ว

                    

        ด้วยความโศกเศร้าและรู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วสกาฮะเธอจึงปลีกตัวไปคอยเฝ้าดินแดนแห่งเงาและตัดขาดจากโลกภายนอกคอยฝึกฝนเหล่าผู้กล้าหาญรวมถึงยอดนักรบมากมายที่สามารถผ่านบททดสอบของดินแดงแห่งเงาได้ด้วยความฝันลมๆแล้งๆว่าสักวันหนึ่งจะมีคนที่สามารถฆ่าเธอเพื่อจบช่วงเวลาที่ไม่มีสิ้นสุดของเธอเสียที

                    

        ดังนั้นสกาฮะจึงไม่เข้าใจ Master ของเธอเลยว่าทำไมเขาถึงต้องการไขว่คว้าความเป็นอมตะ

                    

        ความอมตะมันไม่แย่หรอกแต่สิ่งที่ตามมาหลังจากที่ได้ครอบครองมันนั้นต่างหากที่แย่ยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

                    

        . . . ความโดดเดี่ยวยังไงละ

                    

        ดังนั้นสกาฮะจึงมองว่าอายุขัยนั้นเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นคนเราควรจะดีใจที่มีมันมากกว่าที่จะเสียใจกับมัน

                    

        นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ตัวเธอนั้นเกลียดชีวิตนิรันดร์และปรารถนาที่จะตายอย่างมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งซึ่งเป็นคำขอของเธอที่มีต่อจอกศักดิ์สิทธิ์

                    

        “แล้วทำไมคุณถึงอยากที่จะตายกันละ ?” เรนยะได้ถามสวนกลับสกาฮะ

                    

        แต่ยังไม่ทันที่สกาฮะจะอ้าปากตอบเรนยะก็ชิงพูดสวนขึ้นก่อน

                    

        “ผมน่ะเข้าใจดีอยู่แล้วว่ามันมีอะไรรอเราอยู่หลังจากที่ได้ชีวิตอมตะเรนยะได้พูดต่อทันทีที่เห็นสกาฮะกำลังจะตอบคำถามของเขา

                

        เพราะแค่เขามองหน้าสกาฮะก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอกำลังจะสื่ออะไร

                    

        “ตัวผมในโลกก่อนน่ะเห็นความตายของพ่อแม่จนเกิดกลัวฝังใจ . . . ดังนั้นผมจึงหวาดกลัวความตาย

                    

        “ผมน่ะตั้งแต่นั้นมาก็พยายามหาวิธีเอาชนะเจ้าสิ่งที่เรียกว่าความตายมาตลอดแต่พอกาลเวลาผ่านไปผมก็รู้สึกตัวว่ามันเป็นไปไม่ได้เรนยะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงช่วงวัยเด็กในโลกก่อนของเขา

                    

        “เหมือนกับเด็กไร้เดียงสาที่ตื่นเต้นที่ได้เห็นไดโนเสาร์ในจอทีวี แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังเมื่อเขามารู้ความจริงทีหลังว่าพวกไดโนเสาร์นั้นมันสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว . . ช่างเป็นตลกร้ายจริงๆเรนยะพูดอย่างขำๆ

                    

        “อาจารย์ถามว่าทำไมสินะว่าเสร็จเรนยะก็ได้ชี้นิ้วไปที่หัวของตัวเอง

                    

        “เพราะคนที่จากเราไปแล้วจะมีชีวิตอยู่ได้แค่ในความทรงจำของเราเท่านั้นดังนั้นถ้าผมตายไปใครจะเป็นคนจดจำพวกเขากันละนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เรนยะนั้นไม่อยากที่จะตายเพราะเขาอยากที่จะจดจำพ่อแม่ที่จากไปรวมถึงคนสำคัญของเขานับจากนี้เอาไว้ในความทรงจำตลอดกาลนั่นเอง

                    

        ทุกครั้งที่ตัวเขาระลึกถึงช่วงเวลาที่ยังมีคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ตัวเขาจะไม่มีวันรู้สึกโดดเดี่ยว ช่วงเวลาที่มีความสุขทรงคุณค่าแบบนั้นตัวเขาอยากที่จะจดจำมันเอาไว้ตราบนานเท่านาน


        . . .ใช่เรนยะยังเชื่อว่าพ่อแม่ยังคงอยู่กับตัวเขาเสมอ

                

        ถึงจะบอกว่าเมื่อถึงเวลาเดี๋ยวเราก็จะได้ไปพบพวกเขาในโลกหลังความตายเองแต่ใครจะรู้และพิสูจน์ได้กันละว่าถ้าเราตายไปแล้วเราจะได้พบกับพวกเขาเหล่านั้นอีกครั้ง 


        . . . ใช่ ไม่มีใครบอกเราได้หรอก

        

        ต่อให้เรนยะขอพรต่อจอกศักดิ์สิทธิ์ภายในตัวเพื่อชุบชีวิตพ่อแม่ของเขาก็ตามแต่นั่นก็คงจะไม่ใช่พ่อแม่ของเขาจริงๆคงเป็นสำเนาดวงวิญญาณที่จอกศักดิ์สิทธิ์คัดลอกออกมาเสียมากกว่า


        ซึ่งเรนยะไม่ต้องการแบบนั้น


        “ดังนั้นต่อให้ชีวิตนิรันดร์มันจะทำให้ผมต้องทุกข์ทรมานถึงจิตวิญญาณก็ตาม . . . แต่ถึงแบบนั้น

    ตัวผมก็พร้อมน้อมรับมัน” 

            

        หลังจากนั้นเรนยะก็ยื่นมือราวกับต้องการที่จะคว้าดวงดาวบนท้องฟ้าก่อนที่เขาจะยิ้มอ่อนออกมาพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย

                    

        “อีกอย่างถ้าผมตายผมก็ต้องจากกับพวกคุณน่ะสิเพราะงั้นผมไม่ยอมตายหรอกนะ ฮะ ฮะสุดท้ายเรนยะก็ได้หัวเราะออกมาอุตส่าห์มีเหล่าไวฟุรอบตัวแบบนี้ทั้งทีใครมันจะยอมตายกันละ

                    

        “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ Master ข้าจะไม่จากท่านไปไหนแน่นอนหนูเงียบได้ตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่วินาทีที่เรนยะสามารถสัมผัสกับตัวเธอแล้วไม่ตายดังนั้นเรนยะจะเป็น Master ของเธอไปตลอดกาล

                    

        “ก็ตามนั้นแหละนะ Master” เสียงของเหล่า Servant เอ่ยเห็นด้วย

                    

        ทางด้านจุดรวมตัว

                    

        เมื่อเรนยะมาถึงเขาก็พบว่านอกจากสมาชิก 12 นินจาองครักษ์แล้วก็ยังมีท่านไดเมียวรวมถึงนินจาหน่วยลับจากหมู่บ้านโคโนฮะอีกด้วย

                    

        “เกิดอะไรขึ้น ?” เรนยะที่เห็นทุกคนกำลังทำหน้าตาเคร่งเครียดก็เลยเอ่ยถามออกมา

                    

        “หมู่บ้านอิวะงาคุเระ ซึจิคาเงะรุ่นทึ่ 3 ได้ประกาศสงครามกับทางโคโนฮะแล้วสิ้นคำพูดของกามาจิบรรยากาศก็เริ่มหนักอึ้ง

                    

        แต่เรนยะก็ยังคิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแย่สักเท่าไหร่ถึงตาแก่โอโนกิจะร้ายกาจก็จริงแต่สงครามน่ะเขาวัดกันที่กองทัพ

                    

        ใครๆก็รู้ดีว่าหมู่บ้านโคโนฮะนั้นมีทรัพยากรที่มากที่สุดต่อให้ทำสงครามกันจริงๆโคโนฮะก็ยังคงได้เปรียบหมู่บ้านอิวะของตาแก่โอโนกิอยู่ดี

                    

        . . . แต่ประโยคต่อมาเนี่ยสิ

                    

        “ไม่ใช่แค่นั้นทางหมู่บ้านคุโมะงาคุเระ ไรคาเงะรุ่นที่ 4 เองถึงจะไม่ได้ประกาศทำสงครามอย่างเป็นทางการแต่มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้ง 2 หมู่บ้านจะจับมือกันโจมตีโคโนฮะหน่วยลับจากโคโนฮะได้บอกข้อมูลเพิ่มเติม

                    

        คราวนี้แหละที่เรนยะเริ่มเหงื่อออกของจริง

                     

        . . . ต่อให้เป็นโคโนฮะก็เถอะเจอ 2 รุม 1 แบบนี้ก็ลำบากอยู่เหมือนกันนะ

                    

        ชักจะอิจฉาเจ้านารูโตะซะแล้วสิที่ออกไปดี๊ด๊าฝึกวิชานอกแคว้นสบายใจเชิบผิดกับตัวเองที่ต้องมีเรื่องปวดหัวมาไม่หยุดแบบนี้

        

        คิดผิดหรือเปล่านะที่มาตกลงรับหน้าที่ 12 นินจาองครักษ์เนี่ย . . .

                    

        “อีกฝ่ายจะจัดเตรียมกองทัพนินจาเสร็จเมื่อไหร่ ?” เรนยะได้ถามอย่างจริงจัง

                    

        หน่วยลับที่มาแจ้งข่าวได้ตอบเรนยะไปว่า

                    

        “อีก 10 วัน

                    

        แต่แทนที่เรนยะจะวิตกเขากลับยิ้มออกมาแทน

                    

        . . . 10 วันสินะเวลาเตรียมตัวเหลือเฟือ


        (ลงจ้า)

        

        

        

        ปืนก็มาแล้วคราวหน้าเอมิยะอาจจะ Trace อะไรแปลกๆออกมาอีก ก็ ~ เป็น ~ ได้ 


        ในที่สุดอีเว้นท์นี้ผมก็ไต่หอคอย 100 ชั้นไม่สิต้อง 200 ชั้นสำเร็จ ทาสหมีลินผมนี่ต้องบอกเลยว่าแช่บ่อน้ำร้อนจนตัวเปื่อยอะงานนี้ ฮ่าๆ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×