ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบวีรชนข้ามโลกนินจา

    ลำดับตอนที่ #49 : ภาค 12 นินจาองครักษ์ ตอนที่ 6

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.78K
      879
      7 ธ.ค. 62

      ไม่นานนักอเล็กซานเดอร์ก็ได้ขี่ Bucephalus กลับมาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแฉ่งของเขา

        

        “เรียบร้อยแล้วละ Master “ ไม่พูดเปล่าเจ้าโชตะหัวแดงคนนี้ยังหยิบหัวของเน็นจิที่แขวนไว้กับอานม้าออกมาถือโชว์เพื่อหวังคำชมจากเรนยะอีกด้วย

        

        เรนยะที่เห็นอเล็กซานเดอร์ยกหัวเน็นจิขึ้นมาโชว์เขาเหมือนกับแมวที่ชอบคาบงูมาโชว์เจ้านายตัวเองเพื่อหวังคำชมก็ถึงกับยิ้มแห้งๆออกมาก่อนที่จะพูดชมอเล็กซานเดอร์ไปพอเป็นพิธี

        

        “เก่งมากเลยอเล็กคุงเรนยะได้นำร่างไร้หัวที่มีตะขาบห้อยต่องแต่งร่วมทั้งหัวของเน็นจิมาผนึกเอาไว้ในคำภีร์เก็บของของตนด้วยสีหน้ารังเกียจเล็กน้อย

        

        “แล้ว Master จะกลับเมืองหลวงแคว้นไฟเลยไหม ?” อเล็กซานเดอร์ได้ถามเรนยะในขณะที่เขากำลังลูบแผงคอของ Bucephalus 

        

        “ไม่ละฉันจะกลับไปที่โคโนฮะก่อนเรนยะได้ตัดสินใจที่จะไม่กลับเมืองหลวงในทันทีแต่เขาตัดสินใจที่จะไปที่หมู่บ้านโคโนฮะแทนเพื่อสอบถามปู่รุ่นที่ 3 เกี่ยวกับตระกูลมุซัน

        

        “Master จะขี่ Bucephalus ของผมไปไหมรับรองว่าเร็วไม่แพ้ยานเหาะสีทอง (วิมาร) นั่นแน่อเล็กซานเดอร์ได้ทำตาเป็นประกายและถามเรนยะอย่างคาดหวัง

        

        “ก็อยากอยู่หรอกนะแต่คุณเรโอะจะทำยังไงละ ?” ถึงเรนยะอยากจะลองขี่สุดยอดอาชาสีดำอย่าง Bucephalus ดูสักครั้งแต่เขาคิดว่าในสถานการณ์ที่มีคนเจ็บแบบนี้นั่งวิมารไปมันคงจะสะดวกกว่าเพราะภายในยานเหาะมันมีห้องนอนให้คุณเรโอะที่สลบอยู่นอนพักได้

        

        “ไม่เห็นยากเลย Master ก็ให้ผมขี่ Bucephalus แล้วก็ค่อยให้ Master ซ้อนท้ายผมส่วนเจ้านั่นที่สลบอยู่ก็ใช้เชือกมัดเอาไว้กับอานม้าแล้วลากไปไงละอเล็กซานเดอร์ได้พูดขึ้นพร้อมกับใช้นิ้วชี้จัดแจงที่นั่งทุกคนเรียงตัว

        

        คำพูดของอเล็กซานเดอร์ถึงกับทำให้เรนยะคิ้วกระตุกไม่รู้เจ้าโชตะหัวแดงคนนี้มันเอาอะไรคิดถึงจะเอาคนเจ็บอย่างเรโอะผูกเชือกลากไปแบบนี้ถึง Bucephalus มันจะเหาะได้ก็เถอะแต่ใจคอเอ็งจะให้คุณเรโอะแกเล่นบันจี้จัมพ์ไปจนถึงหมู่บ้านโคโนฮะเลยเนี่ยนะ

        

        แน่นอนว่าสุดท้ายข้อเสนอของอเล็กซานเดอร์ก็ได้ถูกเรนยะปฏิเสธไปซึ่งเรนยะก็ได้เปิดเกทเรียกยานเหาะวิมารออกมาเพื่อใช้เดินทางไปหมู่บ้านโคโนฮะ

        

        ซึ่งในระหว่างที่นั่งยานวิมารไปหมู่บ้านโคโนฮะนั้นอเล็กซานเดอร์ก็ได้นั่งจิตตกใช้นิ้วเขี่ยพื้นยานวิมารอย่างน้อยใจที่เรนยะไม่ยอมนั่ง Bucephalus ของเขาไปตลอดการเดินทาง

         

           ----------- -------------

        

        ด้วยความเร็วของยานเหาะวิมารทำให้เรนยะใช้เวลาไม่นานเขาก็ได้มาถึงหมู่บ้านโคโนฮะ

        

        และด้วยที่เคยถูกซึนาเดะสั่งทำโทษให้เขียนรายงานสำนึกผิดข้อหาที่เคยขับยานวิมารชนม่านพลังของหมู่บ้านโคโนฮะจนคนในหมู่บ้านแตกตื่นมาก่อนทำให้เรนยะตัดสินใจที่จะจอดยานเหาะสีทองความเร็วเสียงนี้ห่างจากตัวหมู่บ้านโคโนฮะและค่อยเดินเท้าเข้าทางประตูหน้าเหมือนชาวบ้านชาวเมืองปกติ

        

        เรนยะได้เดินเข้าไปดูที่ห้องนอนในตัวยานเขาก็พบว่าเรโอะนั้นยังไม่ได้สติเลยทำให้เขาต้องแบกเรโอะเข้าหมูบ้านไปอย่างช่วยไม่ได้

        

        ซึ่งทันทีที่เรนยะเดินไปใกล้ประตูทางเข้าหมู่บ้านเขาก็ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไปได้เลยเพราะเรนยะค่อนข้างที่จะมีชื่อเสียงอยู่ในโคโนฮะเหมือนกันยิ่งผ้าคาดเอวรูปสามเหลี่ยมที่มีตัวอักษร ไฟ ที่เป็นสิ่งบ่งบอกว่าเป็นสมาชิก 12 นินจาองครักษ์อีก ทำให้การเข้าหมู่บ้านโคโนฮะง่ายไม่ต่างจากการปอกกล้วยเข้าปาก

        

        โดยเรนยะได้นำตัวเรโอะไปส่งที่โรงพยาบาลโคโนฮะก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าไปที่สำนักงานโฮคาเงะ

        

        “ขอรบกวนหน่อยครับเรนยะได้เปิดประตูหลังจากที่เคาะขออนุญาตแล้ว

        

        “อืมซึ่งเรื่องที่เรนยะกลับมาที่หมู่บ้านโคโนฮะนั้นแน่นอนว่าซึนาเดะได้ทราบเรื่องแล้วเธอจึงได้ก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารกองเท่าภูเขาต่อ

        

        “ท่านรุ่น 5 ปู่รุ่นที่ 3 อยู่ไหมครับ ?” เรนยะได้ถามหาปู่รุ่น 3 จากซึนาเดะ

        

        “ท่านรุ่นที่ 3 อยู่ที่ห้องสมุดน่ะซึนาเดะยังพูดไม่ทันขาดคำเสียงเปิดประตูก็ได้ดังขึ้นอีกครั้งและพอหันไปมองก็พบว่าปู่รุ่นที่ 3 ก็ได้เปิดประตูเข้ามาพอดี

        

        “หือ ? เรนยะทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละ ?” ปู่รุ่น 3 ที่ได้เห็นเรนยะอยู่ในห้องสำนักงานก็แปลกใจเล็กน้อย

        

        เรนยะที่เห็นปู่รุ่น 3 เขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาได้นำม้วนคำภีร์เก็บของกางกับพื้นห้องแล้วคลายคาถาในคำภีร์เรียกศพของเน็นจิออกมาให้โฮคาเงะทั้ง 2 คนดูทันที

        

        ซึนาเดะกับปู่รุ่น 3 ที่ได้เห็นศพก็รู้สึกตกใจและก่อนที่ทั้ง 2 คนจะได้เปิดปากถามอะไรเรนยะเขาก็ได้ยกตะขาบยักษ์ขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นว่าบอกผมเกี่ยวกับตระกูลมุซันหน่อยสิปู่

        

        พอปู่แกได้ยินชื่อตระกูลมุซันเรนยะก็สังเกตเห็นเลยว่าปู่แกตกใจอย่างมาก

        

        “นี่มันหมายความว่ายังไงเรนยะ !” ซึนาเดะได้ถามถึงที่มาที่ไปเกี่ยวกับศพประหลาดที่เรนยะนำออกมาจากคำภีร์เก็บของ

        

        ซึ่งเรนยะก็ได้พูดอธิบายเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่เมืองหลวงแคว้นไฟรวมถึงจุดประสงค์ที่คนร้ายต้องการควบคุมไดเมียวด้วยตะขาบทำเอาโฮคาเงะทั้ง 2 คนมีสีหน้าเคร่งเครียดกันเลยทีเดียว

        

        “ก็อย่างที่เล่าไปผมเลยกลับมาที่นี่เพราะคิดว่าปู่น่าจะมีข้อมูลของพวกตระกูลมุซันเผื่อว่าจะมีวิธีรับมือตะขาบพวกนี้ได้บ้างน่ะเรนยะได้ถอนหายใจออกมาหลังจากที่เล่าเรื่องเสร็จถ้าเขารู้ว่าถ้ามาเป็นนินจาองครักษ์แล้วจะต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้เขาขออยู่หมู่บ้านโคโนฮะแบบเดิมดีกว่า

        

        “แต่แรกเดิมทีตระกูลมุซันไม่ใช่ตระกูลนินจาดั้งเดิมของแคว้นไฟหรอกนะหลังจากเงียบไปพักหนึ่งปู่รุ่นที่ 3 ก็ได้พูดออกมา

        

        “หมายความว่ายังไงกันน่ะปู่ที่ว่าไม่ใช่ตระกูลนินจาดั้งเดิมของแคว้นไฟน่ะเรนยะกับซึนาเดะที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

        

        “แต่แรกเดิมทีตระกูลมุซันเป็นตระกูลนินจาที่อยู่ในแคว้นซึชิโนะคุนิ(แคว้นพื้นดิน)แถมยังเป็นตระกูลนินจาที่สังกัดหมู่บ้านนินจาอย่างอิวะงาคุเระ(หินผา)ด้วยปู่รุ่น 3 ได้พูดบอกต้นกำเนิดของตระกูลมุซันให้เรนยะกับซึนาเดะฟัง

        

        “หมู่บ้านอิวะงั้นเหรอเรนยะได้พึมพำเสียงเบาอย่างคาดไม่ถึงว่าตระกูลมุซันจะไม่ใช่ตระกูลในแคว้นไฟตั้งแต่แรกแบบนี้ ถึงว่าข้อมูลมันถึงได้น้อยนัก

        

        “ในสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 พวกเขาได้แอบหนีออกจากหมู่บ้านอิวะเพราะหมู่บ้านอิวะใกล้ที่จะพ่ายแพ้ในสงครามโดยพวกเขามาขอลี้ภัยอาศัยอยู่กับแคว้นไฟอย่างลับๆกับทางไดเมียวแต่กลับถูกท่านโฮคาเงะรุ่นที่ 2 ปฏิเสธ . . ส่วนเหตุผลที่ปฏิเสธก็อย่างที่เจ้าเห็นเพราะวิชาของพวกเขามันอันตรายเกินไปปู่รุ่น 3 ได้พ่นควันออกมาในขณะที่เขาเล่าเรื่องไปด้วย

        

        เรนยะได้คิดตามที่ปู่แกเล่าให้ฟังซึ่งถ้าเขาเป็นรุ่นที่ 2 ในเวลานั้นก็คงทำแบบเดียวกันไม่ต้องพูดถึงวิชาของอีกฝ่ายที่ดูอันตรายเกินไปเลย จะให้ไว้ใจอีกฝ่ายที่เป็นตระกูลนินจาในแคว้นศัตรูได้ยังไงกันแถมจะปล่อยให้ตระกูลมุซันกลับไปเป็นกำลังรบให้หมู่บ้านอิวะงาคุเระก็คงจะดูไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก

        

        ถ้าให้เรนยะคาดเดาละก็คนที่เด็ดขาดอย่างรุ่นที่ 2 คงจะไม่ยอมปล่อยโอกาสดีๆที่จะลดกำลังรบของหมู่บ้านนินจาอิวะไปแน่ ซึ่งคำพูดต่อมาของปู่รุ่น 3 ก็ยืนยันว่าสิ่งที่เรนยะคิดนั้นใช่จริงๆ

        

        “สุดท้ายแล้วท่านรุ่นที่ 2 ก็ได้ทำการโน้มน้าวให้ท่านไดเมียวปฏิเสธคำขอลี้ภัยของตระกูลมุซันและออกคำสั่งกวาดล้างพวกตระกูลมุซันจนหมด ซึ่งในตอนนั้นข้าก็เข้าร่วมการกวาดล้างในครั้งนั้นด้วยแต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังมีคนตระกูลนี้เหลือรอดอยู่อีกพอปู่รุ่น 3 เล่าจบภายในห้องก็เกิดความเงียบขึ้น

        

        ซึนาเดะได้ถอนหายใจออกมาหลังจากที่เธอได้ฟังวีรกรรมของท่านปู่โทบิรามะซึ่งเธอก็พอที่จะรู้นิสัยอยู่ว่าท่านปู่โทบิรามะของเธอนั้นจะทำทุกอย่างเพื่อหมู่บ้านโคโนฮะถึงแม้วิธีจะดูรุนแรงไปหน่อยก็ตาม(แต่ก็ถือว่าดีกว่าดันโซเยอะละนะ)แตกต่างจากท่านปู่ฮาชิรามะของเธอที่ใช้สันติวิธี

        

        สำหรับตัวเรนยะนั้นเขาไม่คิดว่าโฮคาเงะรุ่นที่ 2 ทำผิดแต่ก็ไม่คิดว่าเขาทำถูกด้วยเช่นกันทุกการกระทำมันมักจะมีผลตามมาเสมอ

        

        รุ่นที่ 2 ฆ่าล้างตระกูลมุซันเพราะความไม่ไว้ใจผลที่ตามมาจากการกระทำนี้ก็คือผู้รอดชีวิตของตระกูลมุซันกลับมาแก้แค้นหมู่บ้านโคโนฮะและไดเมียวแคว้นไฟ ก็ถือว่าเป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อแล้วซึ่งสำหรับตัวเรนยะเขาไม่ได้รู้สึกเห็นใจฝ่ายใดทั้งนั้นเรนยะเขาก็แค่เข้าใจทั้ง 2 ฝ่ายก็เท่านั้นเอง

        

        ฝ่ายไหนจะถูกหรือฝ่ายไหนจะผิดก็ช่างไม่ว่าโลกไหนก็ตามความถูกต้องมันมักจะมีจุดบกพร่องเสมอนั่นแหละถ้าไม่มีพลังและอำนาจความถูกต้องมันก็เป็นแค่ลมปากเท่านั้นเอง

        

        สำหรับตัวเรนยะเองนั้นเป้าหมายและความฝันของเขาก็ยังคงเหมือนเดิมนั่นก็คือการหาวิธีเอาชนะและอยู่เหนือความตายเขาต้องการที่จะสนุกไปกับชีวิตแบบนี้ตราบนานเท่านาน

        

        “ท่านรุ่นที่ 5 เพื่อนนินจาองครักษ์อีกคนที่มากับผมอยู่ที่โรงพยาบาลโคโนฮะแล้วก็ยังไม่ได้สติถ้าเขาฟื้นแล้วฝากบอกเขาด้วยนะครับว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะกลับมาเรนยะได้ทำการเก็บศพของเน็นจิผนึกเอาไว้ในคำภีร์เก็บของตามเดิมก่อนจะเตรียมตัวที่จะออกจากห้องโฮคาเงะ

        

        “เรนยะเจ้าคิดจะไปไหน ?” ปู่รุ่น 3 ได้ถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจว่าเรนยะคิดจะทำอะไรกันแน่

        

        “ผมคิดว่าที่แคว้นพื้นดินคงจะมีเบาะแสเกี่ยวกับตระกูลมุซันอยู่ก็ได้ผมเลยจะลองไปที่นั่นดูน่ะเรนยะได้หันมาตอบปู่แกแต่ก็ถูกซึนาเดะเรียกเอาไว้เสียก่อน

        

        “เดี๋ยวก่อนเรนยะ นี่ถือว่าเป็นวิกฤตของแคว้นไฟเพราะงั้นถ้าเธอจะไปหาเบาะแสที่แคว้นพื้นดินละก็ เอาทีม 8 ที่เชี่ยวชาญด้านสะกดรอยไปด้วยจะดีกว่าซึนาเดะได้เสนอให้เรนยะนำทีม 8 ที่ถนัดและเชี่ยวชาญการสะกดรอยไปกับเขาด้วย

        

        ใช่แล้วทีม 8 ทีมของคุเรไน  ยูฮิ ที่มีสมาชิกอย่าง ฮิวงะ ฮินาตะ อินุซึกะ คิบะพ่วงด้วยหมาน้อยอากามารุ และคนสุดท้ายที่เรนยะไม่ค่อยจะถูกโรคด้วย อาบุราเมะ ชิโนะ

        

        ที่บอกว่าไม่ค่อยถูกโรคด้วยก็ตามที่บอกเพราะตั้งแต่ที่จบการสอบจูนินนั้นเจ้าชิโนะผู้ใช้แมลงบทจืดจางคนนี้มันก็ยังคงไม่หายงอลที่ถูกเรนยะไล่ออกจากห้องสอบจูนินเลยด้วยซ้ำพอเรนยะจะง้อขอโทษหมอนี่ทีไรสิ่งที่ได้กลับมาก็คือเจ้าชิโนะจะเงียบใส่ไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้นแถมเงียบใส่ตลอดยังไม่พอเจ้าชิโนะมันยังจ้องกดดันเรนยะจนตัวเกร็งทุกทีที่เจอหน้ากันในหมู่บ้านโคโนฮะอีกด้วย

        

        เอาตรงๆเรนยะเองก็สามารถใช้ตาแห่งดวงจิตแท้มองหาร่องรอยเองได้ส่วนเรื่องพรรคพวกรอบตัวของเรนยะก็มีเหล่า Servant ที่พร้อมรบตลอดเวลาเขาไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งทีม 8 เลยสักนิดแต่เรนยะก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้เพราะเขารู้ว่าพูดไปยังไงซึนาเดะกับปู่รุ่น 3 คงจะไม่ฟังแน่ๆอีกทั้งเรื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของแคว้นและหมู่บ้านเอากำลังคนไปเยอะๆก็คงจะดีกว่า ดีเสียอีกที่เรนยะเขาจะได้ไม่ต้องออกแรงมากนัก . . คิดซะว่าทำให้ 2 โฮคาเงะสบายใจก็แล้วกัน

        

        ซึนาเดะได้สั่งให้หน่วยลับไปแจ้งให้พวกทีม 8 มาที่ห้องโฮคาเงะซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานที่คุเรไนจะนำลูกทีมของเธอมาพบซึนาเดะ

        

        “ขออนุญาตค่ะคุเรไนได้นำลูกทีมของเธอทั้ง 3 เข้ามาในห้อง

        

        “เฮ้ย ! เจ้าบ้าเรนยะทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ละไม่ใช่ว่าไปเป็น 12 นินจาองครักษ์หรือยังไง ?” พอเข้ามาเจ้าคิบะก็โวยวายตามนิสัยของมันโดยมีหมาน้อยอากามารุเห่าอยู่บนหัว

        

        ถึงคุเรไนเธอจะแปลกใจที่เห็นเรนยะเช่นเดียวกันกับลูกทีมของเธอแต่คุเรไนก็เลือกที่จะคุยธุระกับโฮคาเงะก่อน

        

        “ทีม 8 มาตามคำสั่งของท่านโฮคาเงะแล้วค่ะคุเรไนได้หันไปคุยกับซึนาเดะเพื่อเข้าเรื่อง

        

        “อ่า คุเรไนฉันมีภารกิจระดับ S ให้ทีมของเธอทำภารกิจระดับ S ที่ซึนาเดะได้พูดออกมาทำให้พวกทีม 8 ทุกคนมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที

        

        และหลังจากที่ซึนาเดะบอกรายละเอียดของภารกิจให้ทีม 8 ฟังเสร็จแล้วเธอก็ยังสั่งเพิ่มไปอีกว่าในภารกิจนี้พวกเธอจะต้องช่วยสนับสนุนเรนยะเพื่อหาร่องรอยด้วยเข้าใจไหม ?”

        

        “ทราบแล้วค่ะคุเรไนได้ตอบรับคำสั่งของซึนาเดะ

        

        ทุกคนในทีม 8 พอได้รับคำสั่งให้สนับสนุนเรนยะก็หันมามองเจ้าตัวทันที

        

        “ฝากตัวด้วยละส่วนคนที่ถูกมองอย่างเรนยะก็ได้ส่งรอยยิ้มแล้วก็โบกมือทักทายทุกคนไป

        

        “ . . ฝากตัวด้วยนะจ๊ะ . . เรนยะคุงฮินาตะได้โบกมือตอบกลับมาตามประสานิสัยสาวขี้อายของเธอ

        

        “เฮอะจะช่วยก็แล้วกันสำนึกบุญคุณด้วยละเจ้าบ้าเรนยะคิบะได้พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่จะได้ทำภารกิจสำคัญแบบนี้

        

        ส่วนเจ้าชิโนะหมอนี่ก็ยังคงเงียบใส่เหมือนเดิมทำเอาฮินาตะกับคิบะหัวเราะแห้งๆออกมาจากปฏิกิริยาแบบนี้เรนยะเดาได้เลยว่าเจ้าชิโนะมันยังคงงอลเขาอยู่

        

        “เอ่อ . . คุณชิโนะครับ . . คือว่าเรนยะอยากจะบอกชิโนะเหลือเกินว่าให้พูดอะไรสักคำเถอะ ได้โปรดอย่าทำร้ายกันแบบนี้เลย

        

        แถมพอเรนยะลองใช้ตาแห่งดวงจิตมองความคิดของชิโนะก็ปรากฏว่า . . .

        

        เพื่อนกันน่ะ . . เขาไม่ไล่เพื่อนออกจากห้องสอบกันหรอก

        

        ทุกคนก็เหมือนกันตอนที่เราเข้าโรงพยาบาลเพราะสู้กับผู้ใช้หุ่นเชิดจากหมู่บ้านซึนะก็ไม่เห็นจะมีใครมาเยี่ยมกันเลยสักคน

        

        ตอนที่ซาซึเกะหนีออกจากหมู่บ้านก็เหมือนกันทำไม . . . ทำไม . . . ทำไมเราถึงไม่ได้ไปด้วยละ

        

        ทุกคนลืมเรางั้นสินะ . . เพื่อนกันทำกันได้ ~

        

         เรนยะที่ได้ดูความคิดของชิโนะก็ถึงกับเหงื่อตก สรุปว่าเจ้าหมอนี่มันไม่ได้งอลแค่ตัวเขา . . มันงอลเพื่อนชายทั้งหมู่บ้านเลยนี่หว่า

        

        (ลงจ้า



        

    เมดูซ่าโลลิน่ารักจัง . . น่ารักจนอยากจะเปิดกาชาหา

        

        

    กลับมาพร้อมโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×