ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบวีรชนข้ามโลกนินจา

    ลำดับตอนที่ #39 : ตอนที่ 39

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12K
      1.03K
      27 ส.ค. 62

    ในเช้าวันรุ่งขึ้น

    หลังจากที่เมื่อวานเรนยะได้ทำการจับคู่แท็คทีมกับเอมิยะไปถล่มฐานของดันโซนั้นทำให้ดันโซสูญเสียหน่วยรากไปมากถึง 70 คนทำให้ตอนนี้เรนยะเขาได้รับตั๋วมาทั้งหมด 140 ใบเลยทีเดียว

    ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นวันที่โรงพยาบาลโคโนฮะกำลังวุ่นวายกันสุดๆเพราะว่าพวกเด็กๆในแคว้นฮิโนะคุนิที่หายตัวไปได้ถูกหาเจอแล้วและจะมีการส่งตัวพวกเด็กกลับบ้านของพวกเขาตามเดิมส่วนใครที่เป็นเด็กกำพร้าทางหมู่บ้านโคโนฮะก็จะมอบให้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าดูแลต่อไป

    และจากที่เรนยะได้ยินมาจากแขนต้องสาปหลังจากที่พวกระดับสูงของหมู่บ้านได้ทราบเรื่องทำให้มีการเปิดประชุมขึ้นมาและดูเหมือนว่าดันโซจะไม่ค่อยถูกใจสิ่งนี้เสียเท่าไหร่เพราะเด็กพวกนั้นเขาอุตส่าห์สั่งหน่วยรากของเขาไปจับมาเพื่อนำมาฝึกเป็นรากรุ่นต่อไปแท้ๆ

    โดยในการประชุมดันโซได้เสนอที่จะขอตัวพวกเด็กกำพร้ามาอยู่ในการดูแลของเขาแต่ก็ได้ถูกปฏิเสธจากซึนาเดะไปทำให้ดันโซต้องยอมถอยอย่างไม่เต็มใจมากนักช่างเป็นลุงที่หัวดื้อและมากด้วยความพยายามโดยแท้

    และผลจากการสอบถามจากพวกเด็กๆนั้นซึนาเดะก็ได้ความว่าคนร้ายที่ลักพาตัวพวกเขามานั้นก็คือคนใส่ชุดสีดำสวมหน้ากากนินจาปกปิดใบหน้าทำให้ไม่รู้หน้าตา

    แต่พอพวกเด็กๆถูกถามว่าขึ้นมาอยู่บนดาดฟ้าของตึกโฮคาเงะได้ยังไงพวกเด็กๆก็ดันตอบมาว่าไม่รู้ทำให้การสอบสวนถึงทางตัน

    ซึนาเดะก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่อาจหาเบาะแสอะไรเพิ่มได้ก็เลยยุติการสอบสวนเอาไว้แค่นี้และมีคำสั่งให้นินจาทุกคนในหมู่บ้านคุ้มครองตัวพวกเด็กๆไปส่งยังบ้านของพวกเขาที่หมู่บ้านละแวกใกล้เคียงกับโคโนฮะ

    ซึ่งเรนยะที่ได้รู้ข่าวว่าพวกเด็กๆที่อยู่โรงพยาบาลกำลังจะได้กลับกันบ้านแล้วนั้นเขาก็ได้ชวนเอมิยะมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลโคโนฮะเพื่อดูเหล่าเด็กๆที่พวกเขาอุตส่าห์ช่วยออกมาจากน้ำมือของดันโซเสียหน่อย

    และเมื่อทั้งสองได้มาถึงโรงพยาบาลแล้วนั้นพวกเขาก็ได้เห็นเหล่าเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นพูดคุยกันอย่างสนุกสนานทำให้เรนยะถึงกับอมยิ้มออกมาเลยทีเดียว

    ส่วนเอมิยะนั้นถึงจะมองไม่เห็นเพราะอยู่ในสภาพวิญญาณก็ตามแต่เรนยะก็รู้สึกได้ว่าเอมิยะพ่อหมีขาวคนนี้กำลังยิ้มอยู่ไม่ต่างจากตัวเขาเองเลยละ

    พอทั้งสองคนบรรลุวัตถุประสงค์แล้วก็เตรียมที่จะจากไปแต่เรนยะก็ต้องแปลกใจที่จู่ๆก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ทำให้เรนยะต้องหันกลับไปมองก่อนที่เขาจะถามออกไป

    เรนยะ : “มีอะไรกับพี่ชายเหรอ ? หืม ~”

    เรนยะได้ถามเด็กสาวด้วยรอยยิ้มใจดีแต่คำพูดของเด็กสาวคนนี้กลับทำให้เรนยะถึงกับเบิกตากว้างอย่างช่วยไม่ได้

    เด็กสาว : “ข . . ขอบคุณ . . ค่ะ พี่ชายที่ช่วยพวกหนูออกมา”

    !!!



    ถึงเรนยะเขาจะตกใจแต่ต่อมาเขาก็สงบสติอารมณ์ได้ก่อนที่จะยิ้มรับคำขอบคุณของเด็กสาวตรงหน้าก่อนที่เรนยะจะทำท่าจุ๊ปากด้วยนิ้วชี้แล้วพูดกระซิบบอกเด็กสาวไปว่า

    เรนยะ : “เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่าบอกใคร . . สัญญานะ”

    เด็กสาว : “ค่ะ . . หนูสัญญา”

    เด็กสาวได้ยิ้มอย่างดีใจก่อนที่เธอจะโบกมือลาเรนยะอย่างร่าเริงและไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆต่อ

    เอมิยะ : (Master . . เด็กคนนั้น)

    เรนยะ : (อืม . . คงเป็นขีดจำกัดสายเลือดในการรับรู้รูปแบบหนึ่งละมั้งเนี่ย . . พลาดไปหน่อยแฮะ . . แต่คงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ)

    เอมิยะ : (อ่า . . นั่นสินะ)



    เรนยะได้ยืนมองภาพนี้ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะไปที่สนามฝึกซ้อมเพื่อฝึกวิชาต่อ

    ----------- -------------

    ที่สนามฝึกในตอนนี้เรนยะกำลังทดสอบวิชาข่ายเทพอัสนีอยู่โดยเขาได้ทำการเคลื่อนย้ายผ่านทางมิติไปโผล่ยังวงกลมที่เขาได้วาดมันเอาไว้กับพื้นสนามอย่างพอดิบพอดี

    ซึ่งหลักการของวิชาข่ายเทพอัสนีนั้นก็คือการใช้จักระสร้างรอยแยกมิติในชั้นบรรยากาศขึ้นมาก่อนที่จะทำการกระโดดเข้ารอยแยกมิติไปโผล่ในจุดที่ตัวเองต้องการได้ใกล้ไกลตามปริมาณจักระที่ใช้ไป

    ซึ่งแตกต่างจากคาถารุ่นปรับปรุงของโฮคาเงะรุ่น4ที่ใช้การศึกษาคาถาผนึกของตระกูลอุซึมากิมาทำการดัดแปลงวิชานี้โดยการวาดอักขระติดเอาไว้กับมีดคุไนเพื่อลดภาระการใช้จักระในการสร้างรอยแยกมิติของตัวเองเพราะอักขระของรุ่น4นั้นจะทำการสร้างรอยแยกมิติเอาไว้ตลอดเวลาทำให้สามารถเคลื่อนย้ายมิติเหล่านั้นได้ทันทีนั่นเอง

    เรนยะ : “คาถามิติแบบดั้งเดิมนี่มันดีจริงๆเลยแฮะแถมยังสามารถใช้ได้หลากหลายกว่าของรุ่น4อีก”

    พอเรนยะพูดเสร็จที่มือของเขาก็ได้มีก้อนหินก้อนเล็กๆที่อยู่ห่างจากตัวของเขาประมาณ3เมตรมาปรากฏที่ฝ่ามือของเขาทันที

    ใช่แล้วคาถาข่ายเทพอัสนีนี้นอกจากจะสามารถทำให้ผู้ใช้เคลื่อนที่ผ่านมิติได้แล้วนั้นมันยังสามารถทำการเคลื่อนที่สิ่งของผ่านมิติไปยังจุดที่ผู้ใช้ต้องการอีกด้วย(คล้ายๆกับคาถามิติของซาซึเกะในตอนที่เบิกเนตรสังสาระ)

    เรนยะ : “เอาละวิชาข่ายเทพอัสนีเราก็เชี่ยวชาญแล้วต่อไปก็ฝึกการใช้เวทมนต์รูนเพิ่มเติมดีกว่า”

    หลังจากฝึกคาถามิติจนชำนาญแล้วนั้นเรนยะก็ได้ทำการฝึกใช้อักษรรูนต่อทันที

    และพอฝึกจนตกเย็นในที่สุดสกิลเวทมนตร์รูนระดับC++ของเรนยะก็ได้เลื่อนเข้าสู่ระดับ B จนได้

    เรนยะ : “ในที่สุดเราก็ทำความเข้าใจกับอักษรรูนเพิ่มได้สำเร็จเสียที . . เอาเป็นว่าวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน”

    เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วนั้นเรนยะก็ได้ตัดสินใจจบการฝึกของวันนี้และกลับบ้านในทันที

    และเมื่อเขากลับมาถึงบ้านแล้วในระหว่างที่รอพวกคุณแม่ทำอาหารเย็นอยู่นั้นเรนยะเขาก็ได้ทำการใช้ตั๋ว 140 ใบสุ่มกาชาฆ่าเวลาโดยการ์ดที่เขาได้รับทั้งหมดมีดังนี้

    การ์ดExpระดับ 4 ดาว(สีทอง)
    Roaring Flames of Wisdom x 139

    การ์ดสกิลระดับ 4 ดาว(สีทอง)
    Eye of the Mind(True) B /ตาแห่งดวงจิต(แท้) ระดับ B
    -ทำให้อ่านการเคลื่อนไหวล่วงหน้าของศัตรู เพื่อหลบเลี่ยงได้ และถ้าใช้จักระร่วมกับสกิลนี้จะสามารถมองทะลุภาพลวงตาได้

    เรนยะ : “ดีนะที่ยังมีการ์ดสกิลออกมาให้เราใบหนึ่งนี่ขนาดเราอัพโชคถึงระดับBแล้วนะเนี่ยยังเกือบเกลือเลย”

    เรนยะได้ทำการใช้การ์ดExpเพิ่มเลเวลให้กับเอมิยะจนเต็มและทำการปลดขีดจำกัดทันทีซึ่งเรนยะก็แอบหวังเอาไว้ว่าพอเลเวลเอมิยะเพิ่มขึ้นอาหารของเขาก็จะอร่อยขึ้นด้วยเช่นกัน

    โดยในตอนนี้เลเวลของเอมิยะได้เพิ่มมาLv.40/50เป็นที่เรียบร้อยแล้วแถมเอมิยะก็ได้ใส่ชุดผ้าคลุมสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาอีกด้วย

    เอมิยะ : “ขอบคุณมาก Master ข้าจะพยายามให้มากขึ้นอีก”

    เรนยะ : “มื้อนี้ขออร่อยๆเลยนะคุณเอมิยะ”

    เอมิยะ : “อ่า รับทราบ”

    ซึ่งการ์ดExpที่เหลือเรนยะเขาก็ได้ทำการใช้มันเพิ่มค่าสถานะของตัวเองต่อโดยเขาได้เลือกอัพค่าMAGหรือจักระเพื่อเพิ่มปริมาณจักระของตัวเองทำให้ค่าสถานะของเขาระดับเพิ่มขึ้นดังนี้

    MAGจักระ : A>>A+

    เรนยะ “นี่ขนาดใช้การ์ดExp4ดาวไปเกือบ90ใบแล้วยังเพิ่มมาได้แค่นี้เองหรือเนี่ย . . ยิ่งค่าสถานะสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้การ์ดExpมากขึ้นเรื่อยๆงั้นสินะ . . ต่อไปก็การ์ดสกิล”

    เรนยะได้ทำการลากการ์ดสกิลตาแห่งดวงจิตที่เขาพึ่งได้มาใส่เข้าไปในค่าสถานะเพื่อเพิ่มระดับของสกิลนี้ทันทีทำให้สกิลของเขาเพิ่มระดับเป็น

    Eye of the Mind(True) B>>A /ตาแห่งดวงจิต(แท้) ระดับ B>>A
    -ทำให้อ่านการเคลื่อนไหวล่วงหน้าของศัตรูทั้งยังมองทะลุภาพลวงตาได้แถมยังมองเห็นกระแสพลังทุกรูปแบบได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นรวมถึงสามารถมองอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของสิ่งมีชีวิตได้อย่างปรุโปร่ง
    (มองทะลุวิชาของศัตรูได้อย่างทะลุปรุโปร่งเหมือนกับเนตรวงแหวนแต่ไม่อาจลอกเลียนแบบวิชามาใช้ได้ในทันทีผู้ใช้จะต้องมองวิเคราะห์และจดจำวิชาของศัตรูเพื่อนำมาฝึกฝนในภายหลังด้วยตนเองแถมมันยังมีความสามารถมองหัวใจของทุกชีวิตได้อีกด้วย)

    เมื่ออ่านรายละเอียดเสร็จแล้วเรนยะก็ได้ทำการลองใช้ตาแห่งดวงจิตมองสำรวจกระแสพลังในชั้นบรรยากาศทันทีและเขาก็พบว่าถึงไม่ต้องหลับตาตั้งสมาธิเรนยะก็สามารถมองเห็นและรู้สึกได้ถึงกระแสพลังโดยรอบได้อย่างสบายๆถึงขนาดรับรู้ได้ว่าภายในหมู่บ้านโคโนฮะกำลังเกิดอะไรขึ้น

    เรนยะ : (วิเศษมาก ! มองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งเลยแม้แต่พลังงานธรรมชาติก็ด้วยแบบนี้การฝึกวิชาเซียนคงจะง่ายขึ้นเยอะถ้าเรายังเพิ่มระดับตาแห่งดวงจิตได้เต็มถึงระดับEXละก็ดวงตาของเราคงจะสามารถมองเห็นสิ่งนั้นได้แน่ๆสิ่งที่เหล่าจอมเวทย์ทุกๆคนต่างตามหาและสิ่งนั้นจะทำให้ความฝันของเรากลายเป็นจริง !)

    สิ่งที่เหล่าจอมเวทย์ต่างตามหาที่เรนยะพูดถึงนั้นก็คือรากแห่งสรรพสิ่งนั่นเองว่ากันว่ารากแห่งสรรพสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นเวทมนต์ , ชีวิต , ความตายอดีตหรืออนาคตก็ตามว่ากันว่าใครก็ตามที่สามารถไปถึงรากแห่งสรรพสิ่งได้คนๆนั้นก็ไม่ต่างจากพระเจ้าที่มีอำนาจควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามใจคิดก็ไม่แปลกที่เรนยะเขาจะรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้

    พอจัดการอารมณ์ตื่นเต้นของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วเรนยะก็พบว่าพวกคุณแม่ประจำบ้านอย่างเอมิยะและก็ไรโคยังเตรียมอาหารไม่เสร็จก็เลยหาอะไรทำฆ่าเวลาต่อ

    เรนยะ : “เหลือสิทธิ์สุ่มประจำวันอีกครั้งนี่นาเอาไงดีหว่าเรา . . . ช่างแม่งใช้ๆมันไปเถอะ ~”

    เมื่อคิดได้ดังนั้นเรนยะจึงได้ทำการใช้สิทธิ์ประจำวันสุ่มกาชาต่อทันที

    แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าเรนยะเขาจะได้สมาชิกประจำบ้านเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วเพราะว่าการสุ่มครั้งนี้เขาดันได้การ์ดวีรชนสีเงินมาอีกใบเล่นทำเอาเรนยะถึงกับคิ้วกระตุกพร้อมกับคิดอย่างหงุดหงิดว่า

    เรนยะ : (ทีตอนเราสู้กับเพนดันไม่มาสักคนทีอย่างนี้ตอนเราอยู่บ้านสบายๆดันมากันไม่หยุดเชียวนะไอ้ระบบกวนประสาทนี่)

    และการ์ดสีเงินใบนี้ก็ได้เผยให้เห็นตัวของวีรชนออกมาให้เห็นซึ่งวีรชนคนนี้ก็คือ



    Servant Class Rider

    Alexander / อเล็กซานเดอร์มหาราช / ชื่อเล่น อเล็ก , หนูอเล็ก ,อเล็กโชตะ
    (อเล็กซานเดอร์ ก็คือร่างเด็กของ ราชาผู้พิชิต อิสกันดาร์ทั้งสองเป็นคนๆเดียวกัน โดย Iskandar หรือ Eskandar เป็นชื่อของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชในภาษาอาราบิกนั่นเอง)

    การ์ดได้ทำการสร้างรูปร่างของวีรชนออกมาก่อนที่อเล็กโชตะคนนี้จะลืมตาขึ้นมาแล้วก็พูดทักทายเรนยะด้วยรอยยิ้ม

    อเล็ก : “ชื่อของผมคือ อเล็กซานเดอร์ จะเรียกผมว่าอเล็กซานเดอร์ที่สามก็ได้แน่นอนว่าจะเรียกผมด้วยชื่อเล่นก็ได้นะผมไม่ถือ”

    เรนยะก็ได้ทำการทักทายเด็กชายตรงหน้ากลับไปด้วยเช่นกัน

    เรนยะ : “ยินดีที่ได้รู้จักนะอเล็กคุงชื่อของผมคือ อาคุสะ เรนยะ ต่อจากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”

    ในขณะที่เรนยะได้แนะนำตัวเสร็จแล้วไรโคเธอก็ได้เดินเข้ามาพอดี

    !!!



    ซึ่งภาพตรงหน้าของเธอมันช่างดาเมจแรงเสียเหลือเกินเล่นทำเอาตัวเธออดใจไม่ไหวพุ่งเข้าไปกอดโชตะทั้งสองคนทันที

    ไรโค : “อ้าย ~ น่ารักน่าเอ็นดูจังเลยทั้งสองคนแม่ทนไม่ไหวแล้วละขอเอาไปนอนกอดทั้งคืนเลยนะ !”

    ด้วยที่อเล็กกับเรนยะทั้งสองคนมีสกิล Charm หรือเสน่ห์เหมือนๆกันทำให้เวลาทั้งสองคนอยู่ใกล้กันนั้นสกิลจะมีผลรุนแรงมากยิ่งขึ้นก็ไม่แปลกที่คุณแม่ไรโคเธอจะตบะแตกแบบนี้

    ทั้งเรนยะกับอเล็กได้ถูกไรโคจับกอดจนหัวจุมเข้าไปในหน้าอกของเธอเล่นทำเอาทั้งสองคนที่ถูกกอดหายใจไม่ออกดีดดิ้นจนเรนยะต้องใช้มือแตะๆที่แขนของไรโคเพื่อเป็นการบอกยอมแพ้ช่วยปล่อยเขาได้แล้ว

    เรนยะ : “คุณไรโค . . ผ . . ผมหายใจ . . ไม่ออก . .”

    อเล็ก : “Master . . ช . . ช่วยผม . . ด้วย . . อ่อค”

    สุดท้ายไรโคเธอก็ยอมปล่อยโชตะทั้งสองคนทันทีที่เธอรู้ตัวว่าเผลอตัวกอดทั้งสองคนแรงเกินไป

    แฮ่ก ! แค่ก !

    เรนยะ : “โอ๊ย ~ ออกซิเจน ~”

    เรนยะเมื่อรอดจากหน้าอกมหาประลัยของไรโคได้แล้วนั้นเขาก็ได้ทำการหายใจเข้าอย่างแรงเพื่อทำการสูดอากาศเข้าปอดของตัวเองทันที

    เมื่อปรับลมหายใจได้แล้วเรนยะก็พบว่าอเล็กคุงได้นอนตาเหลือกแถมยังนิ่งไม่ขยับตัวอีกด้วย

    เรนยะ : “อเล็ก !!! ไม่นะ ! นี่นายจะถูกส่งกลับบัลลังก์วีรชนเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้นะเฟ้ย ! ตื่นขึ้นมานะ !”

    ไรโค : “ว้าย ! ตายแล้วข้าขอโทษด้วยค่ะ Master ขอโทษค่ะๆ”

    เรนยะได้เขย่าตัวของอเล็กเพื่อปลุกให้เขาฟื้นขึ้นมาในขณะที่ไรโคเธอได้แต่ขอโทษไม่หยุดที่เธอเผลอตัวแบบนี้

    เอมิยะ : “นี่คุณไรโคทำไมช้าจังเลยละครับแค่มาตาม Master มาทาน . . . ข้าว . . . “

    เอมิยะที่เห็นว่าไรโคมาตามเรนยะนานเกินไปเขาก็เลยได้มาเรียกด้วยตัวเองแต่เขาก็ได้เห็น Servant ตนใหม่ที่กำลังนอนตาเหลือกอยู่ที่พื้นแถม Master ของเขายังเขย่าตัวเด็กคนนั้นและไรโคกำลังขอโทษไม่หยุดอยู่อีกด้วย

    เอมิยะที่เห็นแบบนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดีก็เลยถอนหายใจออกมาก่อนที่จะออกไปเข้าครัวอีกครั้ง

    เอมิยะ : “เฮ้อ ~ ต้องทำอาหารเพิ่มอีกที่หนึ่งสินะเนี่ย . . ของเด็กนั่นเอาเป็นไก่คาราเกะก็แล้วกัน”

    และแล้วเอมิยะเขาก็ได้ทำอาหารเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งที่สำหรับเด็กคนนั้นทันที

    ----------- -------------

    หลังจากที่อเล็กซานเดอร์ได้ฟื้นขึ้นมาหลังจากที่เรียนรู้ถึงคุณค่าน้ำนมพร้อมกับเรนยะแล้วนั้นก็ได้มาทานอาหารฝีมือเอมิยะที่โต๊ะทานข้าวพร้อมหน้ากันกับ Servant ตนอื่นๆ

    อเล็ก : “อร่อย !!!”

    ก็อาหารของเอมิยะนี่นะอร่อยก็ไม่แปลก

    เมื่อทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเรนยะที่กำลังนั่งย่อยอาหารอยู่นั้นก็ได้ถูกอเล็กซานเดอร์ถามคำถามหนึ่งเข้า

    อเล็ก : “นี่ Master ช่วยเล่ารายละเอียดของโลกนี้ให้ผมฟังหน่อยสิ”

    เรนยะ : “อ้อ . . ได้สิคือมันเป็นโลกที่ บลาๆๆ”

    เรนยะเมื่อถูกถามเขาก็ตอบอีกฝ่ายไปจนหมดเปลือกพร้อมทั้งอธิบายเรื่องของโลกนี้และเรื่องของพวก5หมู่บ้านนินจาที่ทรงอำนาจที่สุดในตอนนี้

    ซึ่งอเล็กที่ได้ฟังแล้วเขาก็ได้ทำการขอบคุณเรนยะก่อนที่เขาจะเปลี่ยนตัวเองเป็นร่างวิญญาณหายไป

    เรนยะ : “เอาละมาลองดูดซับพลังงานธรรมชาติดูดีกว่าแฮะ”

    เรนยะได้ทำการใช้ตาแห่งดวงจิตในการมองหาพลังงานธรรมชาติที่อยู่รอบตัวและค่อยๆใช้จักระของตัวเองชักนำพลังธรรมชาติบนชั้นบรรยากาศเข้าสู่ร่างกายของเขา

    แต่เรนยะเขาก็พบว่าพลังงานธรรมชาติในชั้นบรรยากาศรอบตัวได้ถูกเขาดูดกลืนจนหมดสิ้นอย่างรวดเร็ว

    ติ้ง !!!

    เสียงของระบบได้ดังขึ้นทำให้เรนยะได้ทำการตรวจสอบระบบดูและเขาก็พบว่าหน้าต่างค่าสถานะของเขาได้มีตัวเลขเปอร์เซ็นต์ขึ้นมาว่า

    มวลอีเธอร์ในตัว 0.01 / 100 เปอร์เซ็นต์

    เรนยะ : “โห ~ ชาติไหนมันจะเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ละเนี่ยสงสัยเราคงต้องหาสถานที่ที่มีพลังงานธรรมชาติเยอะๆเหมือนอย่างภูเขาเมียวโบคุเอาสินะ”

    หลังจากที่เรนยะดูดพลังงานธรรมชาติหรือว่ามวลอีเธอร์จนหมดบ้านแล้วเขาก็ทำการอาบน้ำนอนทันที

    ----------- -------------

    วันต่อมาเรนยะได้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปลงฟันและใช้ตาแห่งดวงจิตสำรวจรอบๆห้องเขาก็พบว่าพลังงานธรรมชาติได้ฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว

    เรนยะที่เห็นแบบนั้นเขาก็ได้ทำการดูดพลังเหล่านั้นเข้าตัวในทันทีทำให้มวลอีเธอร์ในตัวของเขาเพิ่มขึ้นมาอีก 0.01 ทำให้ในตัวของเขาในตอนนี้มีมวลอีเธอร์อยู่ 0.02 เปอร์เซ็นต์

    เรนยะ : “วันละ 0.01 เปอร์เซ็นต์เนี่ยนะ . . . ตลกตายละ”

    พอเจอแบบนี้เข้าไปมันก็ทำให้เรนยะได้ตัดสินใจที่จะใช้ตาแห่งดวงจิตของเขามองหาสถานที่ทั่วทั้งหมู่บ้านโคโนฮะว่าที่ไหนมีพลังงานธรรมชาติให้เขาดูดซับได้บ้าง

    เมื่อได้กำหนดการในวันนี้แล้วเรนยะเขาก็ได้เดินไปที่ห้องครัวเพื่อรับประทานอาหารเช้าแต่ในระหว่างทางไปที่ห้องครัวเรนยะเขาก็ดันไปเจอกับอเล็กซานเดอร์กำลังกางดูแผ่นที่ของโลกนินจาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    และด้วยความสงสัยเรนยะก็เลยได้เปิดปากถามออกไป

    เรนยะ : “นี่ อเล็กคุงนายทำอะไรอยู่ถึงได้ทำหน้าเครียดซะขนาดนั้นน่ะ”

    อเล็กซานเดอร์ได้ตอบคำถามเรนยะไปด้วยท่าทางที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่า

    อเล็ก : “ผมกำลังคิดที่จะยึดหมู่บ้านโคโนฮะนี้น่ะเพื่อเอาไว้เป็นฐานหลักเพื่อการพิชิตโลกแห่งนี้ยังไงละ Master”

    เรนยะที่ได้ฟังแบบนั้นเขาก็ถึงกับเหงื่อแตกเลยทีเดียว

    เรนยะ : (นายจะห้าวเป้งเกินไปแล้วเฟ้ย ! แค่นมไรโคนายยังสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำนี่นายถึงกับคิดการใหญ่ที่จะยึดหมู่บ้านนี้เลยเรอะฟ่ะ)

    เรนยะทำได้แค่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เพราะเรนยะเขาก็รู้ดีว่าถึงอเล็กซานเดอร์จะเป็นเด็กก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็ยังคงเป็นราชาผู้พิชิตอยู่ดีจะมีความปรารถนาที่จะพิชิตโลกก็ไม่แปลกละนะ

    เรนยะได้ตัดสินใจที่จะเมินสิ่งที่อเล็กกำลังทำอยู่และไปทานข้าวเช้าก่อนและเดี๋ยวค่อยมาว่ากล่าวตักเตือนอเล็กซานเดอร์เอาทีหลังก็ได้

    ----------- -------------



    ได้โชตะมาอีกคนละ


    True Wallet 0830743639

    ค่าอบรม อเล็กคุง ขอบคุณผู้ติดตามด้วยครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×