NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บาปบริสุทธิ์ mpreg ***มี e-Book

    ลำดับตอนที่ #3 : ep.3

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 67


    สองวันผ่านมา
     

    หลังจากจัดการกับศพของนับดาวเสร็จสรรพเรียบร้อย ไทเลอร์ที่เหมือนคนไร้วิญญาณ เขาไม่อยากพบเจอใคร ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวที่เขาอยากจะรู้......


     

    "มันอยู่ที่ไหน!!" เสียงทุ้มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางมุ่งหน้าไปที่สนามบิน บิลลี่ยังคงมีท่าทีอึกอักเนื่องจากข้อมูลที่เขารู้มาอาจจะทำให้แผนการเดินทางในวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันทันทีก็เป็นได้

     

    "เอ่อ ไอ้ซันมันอยู่ที่ปารีสครับ"

     

    "เรื่องนั้นกูรู้อยู่แล้ว กูหมายถึงเมียของมัน ตอนนี้อยู่ที่ไหน!!"

     

    "เด็กข้าวตูนั่น ก็อยู่กับไอ้ซันที่นี่ครับนาย"

     

    "หึ รีบเอาเมียมาไว้ข้างตัวเลยนะมึง คงรู้สินะว่ากูจะพุ่งเป้าไปที่ใคร"

     

    ดวงตาคมฉายแววความเครียดแค้นออกมาอย่างเปิดเผย ตอนนี้ไทเลอร์กำลังคิดแผนการอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และแผนของเขาก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่บิลลี่กำลังกลัวอยู่จริงๆ

     

    "เดี๋ยวมึงไปจัดการศพของนับดาวให้เรียบร้อย เสร็จแล้วรวบรวมบอดี้การ์ดของเราทั้งหมด อีกไม่นานกูมีอะไรสนุกๆจะให้พวกมึงทำ"

     

    บิลลี่ขนลุกซู่กับสิ่งที่ได้ยิน ครั้งล่าสุดที่เขาได้ยินไทเลอร์พูดว่า "อะไรสนุกๆ" วันนั้นพวกเขาแทบจะเอาชีวิตไม่รอดจากลูกกระสุนปืนของฝ่ายตรงข้ามกันเลยทีเดียว ไทเลอร์เวลาเลือดขึ้นหน้าก็ไม่ต่างไปจากยมทูตที่พร้อมจะกระชากวิญญาณของศัตรูได้โดยไม่คิดลังเลให้เสียเวลาเลยสักนิด ความบ้าระห่ำที่ถูกถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมช่างไม่มีผิดเพี้ยนจากบรรดาอาๆ ของเขาเลยแม้แต่น้อยจริงๆ

     

     

    เย็นวันนั้น

     

    ซัน กรวิตร ยืนสูบบุหรี่คุยกับบอดี้การ์ดที่ติดสอยห้อยตามมาดูแลความปลอดภัยให้เขาจำนวนหนึ่ง ชายหนุ่มที่อยากใช้เวลาส่วนตัวอยู่กับข้าวตูได้อย่างเต็มที่ เขาเลือกที่จะขับรถหนีความวุ่นวายออกไปนอกเมือง ส่วนหนึ่งเพราะข้าวตูอยากจะไปสูดอากาศบริสุทธิ์ และอีกส่วนก็เพราะเขารู้ดีว่าอีกไม่นาน สงครามระหว่างเขากับไทเลอร์จะต้องเกิดขึ้นที่นี่อย่างแน่นอน

     

    "สายของเราบอกว่าไอ้ไทเลอร์มันมุ่งหน้าตรงไปสนามบินแล้วครับนาย"

     

    "แล้วได้ขึ้นเครื่องรึเปล่า"

    น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยถามก่อนจะช้อนตาขึ้นมามองลูกน้องที่กำลังยืนก้มหน้าขมวดคิ้วเครียดเนื่องจากตัวเองก็ไม่รู้คำตอบของคำถามที่เจ้านายพึ่งเอ่ยถามออกมาเมื่อครู่นี้เช่นกัน

     

    "ไม่รู้สินะ ไอ้โง่เอ้ย! ตามมันไปทำเหี้ยอะไรถึงสนามบิน ถ้ามันแอบหนีกลับออกมาป่านนี้คงตามกูมาถึงที่นี่แล้วมั้ง"

     

    ฟาดมือตบลงบนใบหน้าของบอดี้การ์ดจนเสียงดังอั่ก ซันกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันจากความรู้สึกเดือดดานก่อนจะชี้หน้าคาดโทษลูกน้องพร้อมกับสั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนเฝ้าระวังคนของไทเลอร์เอาไว้ให้ดีเพราะตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะขึ้นเครื่องบินบินกลับฮ่องกงไปแล้วจริงๆ หรือเปล่า

     

    หลังจากอยู่เที่ยวแบบมีชนักติดหลังมานานหลายวัน ซันที่พยายามทำตัวให้เป็นปกติเวลาที่อยู่ต่อหน้าข้าวตูก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อยเมื่อไม่มีวี่แววคนของไทเลอร์ให้ได้ยินเลยในช่วงหลายๆ วันที่ผ่านมานี้ แต่ก็แน่นอนว่าคนรอบคอบอย่างซันก็ยังไม่ได้วางใจในเรื่องของความปลอดภัยไปหมดซะทีเดียว เขายังคงสั่งให้บอดี้การ์ดคอยติดตามอารักขาเวลาไปไหนมาไหนตลอด24ชั่วโมง และในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นแต่ทว่าสุดท้ายแล้วเงามัจจุราชก็ยังคงเล็ดลอดเข้ามาในช่องโหว่ของระบบรักษาความปลอดภัยเหล่านั้นได้อยู่ดี

     

     

    18.00 น.

     

    วันนี้ซันมีแพลนที่จะพาข้าวตูไปกินอาหารค่ำที่ร้านอาหารย่านชานเมืองแห่งหนึ่ง ข้าวตูบ่นอยากกินเนื้อย่างของโปรดมาตั้งแต่วันแรกที่เขาเดินทางมาถึงฝรั่งเศส ซันจึงสั่งให้ลูกน้องตามหาร้านเนื้อที่ขึ้นชื่อของเมืองก่อนจะพาเจ้าตัวน้อยไปกินของโปรดอย่างที่ต้องการ ก่อนที่ทั้งคู่จะต้องเดินทางกลับฮ่องกงด้วยกันในเช้าของวันรุ่งขึ้น

     

    "พี่ซันครับ เนื้อร้านนี้อร่อยมากๆ เลย ต่อให้กินทุกวันข้าวก็กินได้ครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะงับเนื้อชิ้นโตเข้าปากโชว์คนพี่ ซันหัวเราะในความเจื้อยแจ้วของคนตรงหน้าก่อนจะยื่นมือไปหยิกแก้มนุ่มจนคนถูกหยิกบู้หน้าใส่อย่างไม่พอใจ

     

    "งื้อ ข้าวเจ็บนะครับ"

     

    "ก็อยากทำตัวน่ารักใส่พี่ทำไมหล่ะครับ หืม"

     

    ข้าวตูฉีกยิ้มกว้าง เขามีความสุขมากๆ กับการมาเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิต เด็กหนุ่มดีใจตั้งแต่วันที่คนพี่เอ่ยปากชวนไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เขาเฝ้านับคืนนับวันที่จะได้ออกเดินทางและเมื่อถึงวันเข้าจริงๆ ข้าวตูก็อยากจะเก็บบรรยากาศของที่นี่เอาไว้ให้อยู่ในความทรงจำของเขามากที่สุดเท่าที่เจ้าตัวจะทำได้

     

    หลังจากกินอาหารค่ำกันเสร็จ เด็กหนุ่มก็วิ่งออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ตรงริมแม่น้ำซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามของร้านอาหาร ดวงตาสดใสทอดมองแสงไฟลิบๆ ของบ้านเรือนที่ส่องสว่างท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างหนาวเหน็บกลางเดือนธันวาคม ซันเดินตามข้าวตูมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เขา ที่ตรงนี้ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาสักเท่าไหร่ ชั่วขณะที่ซันคิดอยากจะทำบางสิ่งบางอย่างกับคนที่เขารัก บรรยากาศที่แสนโรแมนติกบวกกับคนรักที่เขาเฝ้าทนุถนอมฟูมฟักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมากำลังยืนส่งยิ้มหวานให้เขาอยู่ตรงหน้า มาเฟียหนุ่มค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบพวงแก้มนุ่มของข้าวตูก่อนจะโน้มตัวลงมาประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของอีกคนด้วยความรักและความปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจของเขามานานแสนนาน

     

    ปัง!

     

    กระสุนปริศนานัดหนึ่งพุ่งเข้าใส่ลำแขนขวาของซันเข้าอย่างจัง ข้าวตูที่ยืนสติหลุดได้แต่เบิกตามองผู้มีพระคุณที่กำลังชักปืนออกจากเอวแต่ทว่าการเคลื่อนไหวของซันกลับช้าเกินไปเมื่อกระสุนนัดที่สองยิงผ่าทะลุหน้าต้นขาของเขาก่อนที่เจ้าของร่างจะล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นแล้วรีบผลักตัวข้าวตูให้หนีออกไปจากพื้นที่อันตรายตรงนี้ให้เร็วที่สุด

     

    "รีบไปเร็ว รีบหนีไปเร็วเข้า"

     

    ยังไม่ทันที่ข้าวตูจะได้สติคิดตามสิ่งที่ซันพูด ไทเลอร์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขา มาเฟียหนุ่มรุ่นพี่อย่างไทเลอร์ชี้ปากกระบอกปืนไปที่หัวของคู่อริ ก่อนที่เสียงใสของข้าวตูจะดังห้ามขึ้นมาพร้อมกับคนตัวเล็กที่พุ่งตัวเข้าไปขวางวิถีกระสุนอย่างไม่มีท่าทีจะเกรงกลัวต่อความตายเลยแม้แต่น้อย

     

    "อย่านะ อย่าทำอะไรพี่ซันนะ!" ดวงตากลมโตเอ่ยห้ามด้วยท่าทางจริงจัง ข้าวตูมองซ้ายมองขวาหาคนช่วยแต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ลูกน้องของไทเลอร์ที่กำลังยืนล้อมพวกเขาอยู่เต็มไปหมด

     

    "มองหาบอดี้การ์ดไอ้ซันเหรอ ฮ่าๆๆ กูส่งพวกมันลงนรกไปหมดแล้วหล่ะ?" น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยบอกพร้อมกับยกปากกระบอกปืนขึ้นจ่อขมับของข้าวตูช้าๆ ซันที่ใกล้จะหมดแรงรีบแย่งความสนใจจากไทเลอร์ด้วยการท้าทายเขาให้หันกลับมาทำร้ายตัวเองแทนอีกคน แต่ทว่าไทเลอร์กลับไม่ติดกับและยังคงพุ่งเป้าความสนใจไปที่ข้าวตูดังเดิมอยู่ดี

     

    "อย่าทำอะไรข้าวตู จะทำก็มาทำที่กูนี่"

     

    "หึ เรื่องนั้นมึงไม่ต้องห่วง กูทำมึงแน่ไอ้ซัน คนสารเลวอย่างมึงกูไม่ปล่อยเอาไว้อยู่แล้ว สิ่งที่มึงทำกับนับดาววันนี้กูจะชำระหนี้แค้นให้สาสมเลยคอยดู"

     

    "ไม่! ถ้าจะทำพี่ซันก็มาทำผมแทน..."

     

    "ข้าว พี่บอกข้าวแล้วไงครับ ว่าอย่าเอาชีวิตของตัวเองมาแลกกับชีวิตของพี่หน่ะ ข้าวจะผิดคำพูดกับพี่เหรอ"

     

    ในวินาทีแห่งความเป็นความตาย ไทเลอร์ได้เห็นจุดอ่อนของศัตรูอย่างชัดเจนและรับรู้ได้อย่างง่ายดายว่าการฆ่าซัน กรวิตร ด้วยวิธีไหนที่จะทำให้อีกฝ่ายนึงทรมานมากที่สุด

     

    "หึ อุตส่าห์เอาเมียมาเก็บเอาไว้ข้างตัวเพราะคิดว่าอยู่กับมึงแล้วจะปลอดภัยสินะ ทีมึงทำร้ายเมียของกูทั้งๆ ที่เขาไม่รู้เรื่องเหี้ยอะไรด้วยเลย ถามจริงเหอะว่ามึงไม่คิดจริงๆ เหรอวะว่ากูจะกลับมาทำร้ายเมียของมึงบ้างอ่ะ!"

     

    "ก็กูไม่คิดว่านับดาวจะฆ่าตัวตายหนิ กูยอมรับว่ากูทำร้ายเขา กูก็แค่อยากให้มึงเจ็บ แค่อยากให้มึงไม่มีความสุขกับคนที่มึงรักก็แค่นั้น กูไม่เคยคิดว่าเขาจะคิดสั้นฆ่าตัวตายไปง่ายๆ แบบนั้น กูไม่เคยบอกนับดาวว่ากูจะปล่อยคลิปของเขาให้คนอื่นดู กูแค่ขู่ว่าจะส่งให้มึง...."

     

    ปัง!

    ไทเลอร์ทนฟังไม่ได้อีกต่อไป เขาส่งกระสุนนัดที่สามเข้ากลางหน้าท้องของซัน ข้าวตูสติหลุด เขาพยายามวิ่งเข้ามาหาคนพี่แต่กลับถูกบอดี้การ์ดคนหนึ่งโปะยาสลบจนหมดสติคาอ้อมแขนของศัตรูไปเสียก่อน

     

     

    เช้าวันต่อมา

    ข้าวตูที่นอนหมดสติข้ามวันเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความปวดหัวจากฤทธิ์ของยาสลบ สายตาพร่ามัวทอดมองไปทั่วบริเวณก่อนจะได้สติจนรื้อฟื้นความทรงจำได้ว่าก่อนที่เจ้าตัวจะสลบไปนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขาแล้วบ้าง

     

    "พี่ซัน!!" เอ่ยเรียกพลางพุ่งตัวลุกขึ้นจากที่นอน แต่ขาน้อยๆ กลับถูกตรึงเอาไว้ด้วยโซ่เส้นหนึ่ง ข้าวตูพยายามร้องเรียกให้คนช่วย แต่เมื่อส่งเสียงโวยวายออกไป คนที่เดินเข้ามากลับกลายเป็นใครอีกคน ซึ่งเป็นคนที่ข้าวตูไม่อยากจะพบหน้าเขามากที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้

     

    "ตื่นมาก็เรียกหาผัวเลยนะ มันยังไม่ตายหรอกไม่ต้องห่วง"

     

    "แล้วตอนนี้พี่ซันอยู่ที่ไหน?"

     

    ไทเลอร์แสยะยิ้มขำ สายตาโกรธเคืองของเด็กนี่ดูจะทำให้เขาพอใจกับฝีมือการล้างแค้นของตัวเองอยู่ไม่น้อย

     

    "รู้แค่ว่ามันยังไม่ตายก็พอ แต่ถ้าวันนี้มึงไม่กลับฮ่องกงไปพร้อมกับกู ไอ้ซันมันได้ตายอยู่ที่ปารีสนี่แน่ๆ"

     

    ข้าวตูจุกอกจนหายใจแทบไม่ออก ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นหมากอยู่ในเกมส์ระหว่างสองแก๊งมาเฟียใหญ่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วจนได้

    "คุณจะทำอะไร ผมไม่เคยรู้จักกับคุณสักหน่อย แล้วก็ไม่เคยทำอะไรให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจด้วย ทำไมจะต้องจับผมมาแบบนี้ด้วยหล่ะครับ"

     

    "หึ ทีนับดาวก็ไม่เห็นเคยทำอะไรให้ผัวมึงเหมือนกัน มันยังฆ่าเธอได้เลย หยุดพร่ำเพ้อเจ้อไร้สาระได้แล้วกูรำคาญ"

     

    ข้าวตูก้มหน้าหงุด จากเรื่องเมื่อคืนเขาก็พอจะเดาออกว่าซันคงจะเป็นคนทำร้ายคนรักของมาเฟียคนนี้จนเธอตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองลงอย่างน่าสงสาร แต่ถึงเขาจะรู้สึกผิดหวังกับการกระทำของคนพี่มากเพียงใด แต่พอเห็นซันต้องมาตกอยู่ในอันตรายแบบนั้น ข้าวตูกลับเต็มใจที่จะปกป้องเขาด้วยชีวิตของตัวเองและไม่คิดยี่หร่ะต่อความตายทั้งๆ ที่ชีวิตของเด็กจนๆ คนหนึ่งพึ่งจะได้มีความสุขกับการมาเที่ยวเมืองนอกเป็นครั้งแรกไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เองแท้ๆ

     

    "ถ้าคุณจะให้ผมไปกับคุณ งั้น...ผมขอดูหลักฐานว่าพี่ซันยังปลอดภัยก่อนครับ"

     

    "มึงไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง" ไทเลอร์กดเสียงต่ำข่มอีกคนที่กำลังเชิดหน้าสู้สายตาแข็งกร้าวของเขาอยู่อย่างไม่เกรงกลัว

     

    "ผมไม่ได้ต่อรอง แต่ผมจะเชื่อคุณได้ยังไงว่าตอนนี้พี่ซันจะยังปลอดภัยดีอยู่อย่างที่คุณพูดจริงๆ หน่ะ"

     

    "ถ้าไม่เชื่อก็เรื่องของมึง เลือกเอาว่าจะไปกับกูดีๆ หรืออยากจะอยู่รับศพไอ้ซันที่นี่ก็ตามใจ"

    ให้ทางเลือกที่ดูเหมือนจะไม่ได้มีทางเลือกอะไรให้กับข้าวตูเลยสักทาง เด็กหนุ่มลังเลกับการตัดสินใจ ถ้าเขาเลือกที่จะกลับฮ่องกงกับไทเลอร์ โอกาสที่ซันจะรอดอย่างน้อยก็มีห้าสิบๆ แต่ถ้าเขาเลือกที่จะไม่ไป โอกาสที่ซันจะตายคงกลายเป็น100%ทันที

     

    "แล้วคุณจะทำอะไรกับผมเหรอครับ ถ้าผมไปกับคุณคุณจะฆ่าผมแก้แค้นแทนภรรยาของคุณงั้นเหรอ" ยอมรับในชะตากรรมเพราะรู้ดีว่าหากเขาเลือกที่จะปกป้องซันเอาไว้ ตัวเองก็คงจะมีจุดจบไม่ต่างไปจากคนรักของอีกฝ่ายนึงเป็นแน่

     

    "แค่ตายมันง่ายไป ไอ้ซันมันจะต้องได้เห็นคนที่มันรักเจ็บปวดทรมานเหมือนที่กูเห็นนับดาวตอนที่เธอกำลังจะสิ้นใจตายไปต่อหน้าต่อตา" ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อนึกถึงภาพของนับดาวในตอนที่เธอตกลงมานอนหายใจรวยรินและหมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตาเขา ไทเลอร์สาบานได้เลยว่าเขาจะทำให้ข้าวตูซึ่งจุดอ่อนเดียวของซัน กรวิตร ต้องเจ็บปวดและมีจุดจบที่เลวร้ายแบบเดียวกันกับที่นับดาวเคยเจอให้จงได้

     

    "ถึงผมจะรับผิดแทนพี่ซันแต่ผมก็ไม่เคยทำอะไรให้คุณสักหน่อย ถ้าอยากแก้แค้นพี่ซันจริงๆ ก็ฆ่าผมให้มันจบๆไปสิครับ จะมัวเสียเวลายืดเยื้อกันไปแบบนี้ทำไม"

     

    "ก็เพราะกูพอใจที่จะแก้แค้นแบบนี้ยังไงหล่ะ กูอยากทรมานมึงให้เจ็บปวดไปเรื่อยๆ อยากเห็นไอ้ซันมันตายทั้งเป็นแบบที่กูกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ไง"

    จากที่คิดว่าตัวเองจะสามารถอดทนต่ออารมณ์ที่อ่อนไหวของตัวเองได้ แต่เขากลับคิดผิดถนัด ไทเลอร์ยังคงเสียใจและรู้สึกเจ็บปวดกับการสูญเสียจนบางทีคำพูดบางคำของคนตรงหน้ามันก็ทำให้เขาเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาได้ง่ายๆ ชายร่างสูงหน้าผู้มีหน้าตาหล่อเหลาและผิวพรรณขาวผ่องตามแบบฉบับชาวฮ่องกง เขาเดินเข้ามายืนตรงหน้าเด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายก่อนจะจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์โกรธเคืองเป็นที่สุด

     

    "คนที่เลวคือผัวของมึง อย่างน้อยกูก็ยังให้โอกาสมึงเลือก แต่นับดาวเธอไม่มีแม้โอกาสที่จะเลือกอะไรเลยสักอย่าง ถ้ามึงยังยืนยันว่าจะชดใช้แทนมันมึงก็ต้องรับให้ได้ถ้าจะต้องตกนรกทั้งเป็นไปจนกว่ากูจะพอใจ"

     

    ข้าวตูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ถึงเขาอยากจะปกป้องคนพี่เพียงใดแต่สุดท้ายข้าวตูก็คือเด็กหนุ่มวัย20ต้นๆ ที่ยังอยากจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความสุข แต่เพราะชีวิตของเขามันถูกขีดมาให้ต้องแลกกับชีวิตของใครอีกคน และตอนนี้เขาก็เลือกแล้วที่จะใช้ชีวิตอันแสนต้อยต่ำนี้ตอบแทนบุญคุณของซัน กรวิตร บุคคลซึ่งคอยดูแล ปกป้องและช่วยเหลือเขามาตลอดโดยไม่สนใจว่าจุดจบของตัวเองมันจะลงเอยที่ตรงไหนก็ตาม

     

    "งั้นถ้าผมยอมคุณ คุณก็ต้องรับปากกับผมก่อนว่าคุณจะไม่ฆ่าพี่ซันจริงๆ"


     

    อาจเพราะสมเพชเวทนาในความคิดโง่เง่าของอีกฝ่าย บวกกับความหมั่นไส้ในความจงรักภักดีของข้าวตูที่มีต่อคู่อริของเขา จึงทำให้ไทเลอร์เกิดอยากจะสั่งสอนเด็กหนุ่มให้รู้จักบทลงโทษของการเป็นหมารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ให้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดในแบบที่คนรักของเขาเคยได้เจอมากับตัวดูสักที


     

    "ได้!! กูจะไม่ฆ่าไอ้ซัน แต่มึงต้องทำทุกอย่างที่กูต้องการ แล้วตอนนี้...กูก็กำลังต้องการอยู่พอดี" พูดจบก็ค่อยๆ ปลดตะขอกางเกงออกจากตัวอย่างช้าๆ ไทเลอร์จ้องมองดวงตากลมโตที่ม่านตากำลังเบิกกว้างจากความรู้สึกตกใจและหวาดกลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้

     

     

    "โฮสอย่างมึงคงน่าจะถนัดเรื่องอย่างว่าอยู่แล้วนี่ บทลงโทษแรกของกู มึงน่าจะทำได้ดีเลยทีเดียวหล่ะ หึๆ"

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×