คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ep.1
17.30 น.
ฮ่องกง
"ไทเลอร์ เมื่อไหร่เราจะได้ไปฝรั่งเศสกันสักทีล่ะ อีกสี่เดือนก็จะถึงวันหมั้นแล้วนะ ถ้าตัดชุดไม่ทันเราจะโกรธเธอจริงๆ ด้วย" นับดาวบ่นใส่แฟนหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านตารางการส่งสินค้าของตระกูลอยู่ข้างๆ ไทเลอร์ ลี ในวัย25ปี เขาเป็นมาเฟียรุ่นใหม่ของตระกูล และกำลังดำเนินรอยตามผู้เป็นอา ที่ตอนนี้แผ่ขยายอิทธิพลของตระกูลลีออกไปทั่วโลกและกำลังต้องการทายาทรุ่นใหม่ๆมาสืบทอดกิจการซึ่งกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดจนไม่มีคู่แข่งรายไหที่จะมาทัดเทียมกับอาณาจักรของพวกเขาได้เลยแม้แต่รายเดียว
โดยหนึ่งในทายาทคนสำคัญของตระกูลลีก็คงหนีไม่พ้น ไทเลอร์ ลี ที่ตอนนี้ได้เข้ามานั่งแท่นผู้บริหารและดูแลในส่วนของธุรกิจนำเข้าส่งออกเป็นหลัก ไทเลอร์เป็นคนมุทะลุดุดัน กล้าคิดกล้าตัดสินใจ และมีภาวะการเป็นผู้นำที่ดีมากคนนึงของตระกูล
ไค ลี รักและเอ็นดูหลานชายคนนี้มากเป็นพิเศษ ความชาญฉลาดของเขาค่อยๆผุดขึ้นมาทีละนิดทีละหน่อย โดยเฉพาะตอนที่ไทเลอร์อายุได้10 ขวบ ไคเคยถามหลานชายของเขาว่า....
'ถ้านายถูกจับตัวไป นายจะเอาตัวรอดออกมาจากเงื้อมมือของศัตรูยังไงหลานรัก'
ไทเลอร์ในวัยสิบขวบฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาที่ใสซื่อแปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่นก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของผู้เป็นอาออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจเป็นที่สุด
'ถ้าศัตรูมันบุกเข้ามาหาผม ผมจะฆ่าพวกมันก่อนที่พวกมันจะจับตัวผมไปครับ'
ตัดมาที่ปัจจุบัน
ไทเลอร์วางแท็บเล็ทที่เต็มไปด้วยงานของเขาลงบนโต๊ะทำงาน แว่นตายี่ห้อหรูถูกถอดออกจากเรือนหน้าคมคาย ก่อนจะช้อนตามองคนรักที่กำลังส่งสายตาเง้างอนมาให้เขาหลังจากที่เธอถูกละเลยเพราะไทเลอร์ไม่ยอมพาเธอไปตัดชุดงานหมั้นที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้เสียที
"เดี๋ยวให้จีน่าจองตั๋วให้เลย เราขอประชุมกับอาไคคืนนี้ก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้ค่ำๆ ก็บินกันเลยดีไหม?"
จากแววตาเง้างอนในตอนแรก กลับกลายเป็นดีอกดีใจจนปิดบังความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่
"จริงนะ เธอสัญญากับเราแล้วนะว่าจะพาเราไปตัดชุดที่ฝรั่งเศสหน่ะ ถ้าผิดสัญญาอีกเราจะโกรธเธอมากๆๆ" แสร้งบู้หน้าใส่ชายคนรักเพราะที่ผ่านมาไทเลอร์ก็เคยผิดสัญญากับเธอมานับครั้งไม่ถ้วน เนื่องด้วยภาระหน้าที่อันหนักอึ้งของมาเฟียรุ่นใหม่อย่างเขา บวกกับธุรกิจสีเทาที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดจึงทำให้ทุกวินาทีของไทเลอร์ ลี อัดแน่นไปด้วยตารางงานและภารกิจมากมาย เขาเรียนรู้การบริหารงานและบริหารคนจากแบบอย่างที่ตัวเองชื่นชอบและชื่นชมนั่นก็คือคุณอาทั้งสองคนของเขา ไทเลอร์ ลี ถอดแบบนิสัยโหดเหี้ยม เด็ดขาดมาจากเควิน ลี เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทว่าความฉลาดและไหวพริบปฏิภาณของเขาก็ถอดแบบมาจาก ไค ลี เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยเช่นเดียวกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างกับคุณอาทั้งสองอย่างเห็นได้ชัดเจนที่สุดนั่นก็คือเรื่องของความรัก ไทเลอร์ไม่ใช่คนที่ชอบเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เหมือนกับอาทั้งสองคนของเขา เรื่องความรักของไทเลอร์ถ้าจะถอดแบบมาจากใครสักคน เห็นทีไทเลอร์น่าจะได้ต้นแบบที่ดีมากจากผู้เป็นพ่อ เขายึดมั่นในความรักและความซื่อสัตย์มาตลอดชีวิต เด็กหนุ่มพบรักแท้ของตัวเองในวัยที่เขามีความพร้อมมากพอที่อยากจะดูแลใครสักคน และในวันนี้มันก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัว และคอยดูแลคนที่เขารักคนเดียวคนนี้ไปตลอดชีวิต
"เราใส่วงเล็บไว้แล้วนะ ว่าถ้าประชุมกับอาไคแล้วไม่มีปัญหาอะไรหน่ะ" ไทเลอร์อมยิ้มเล็กน้อย เขารู้ดีว่านับดาวเข้าใจเขาเสมอตั้งแต่วันแรกที่คบกันหรือแม้กระทั่งตอนนี้ตอนที่ชีวิตของเขาแสนจะวุ่นวายและมีความเสี่ยงติดตัวในฐานะผู้นำรุ่นใหม่ของตระกูลอยู่ตลอดเวลา
ไทเลอร์เคยให้โอกาสนับดาวตัดสินใจในช่วงแรกๆ ที่เขากำลังจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง ชายหนุ่มกลัวว่าแฟนสาวอาจจะไม่ยินดีที่จะต้องเข้ามารับความเสี่ยงในฐานะคู่ครองของมาเฟียที่ต้องมีศัตรูอยู่ทั่วทุกสารทิศอย่างเขา แต่เพราะความรักที่มีให้กันมาอย่างยาวนานจึงทำให้นับดาวตัดสินใจที่จะอยู่เคียงข้างไทเลอร์แม้ว่าเธอมักจะถูกเขาละเลยอยู่บ่อยครั้งก็ตามที
"อีกแล้วนะไทเลอร์ แต่ก็เอาเถอะ ถ้ารอบนี้เธอไปไม่ได้อีก เราจะบินไปคนเดียวจริงๆ ด้วย" คราวนี้นับดาวไม่ได้ทำหน้าเง้างอนใส่ เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ อันที่จริงคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แต่การจะดื้อดึงเอาชนะคนอย่างไทเลอร์มันช่างยากเย็นไม่ต่างไปจากการถมทรายลงในมหาสมุทร ถ้าเลือกที่จะอยู่กับเขาแล้ว นับดาวก็ต้องใช้ความอดทนอย่างมากและจำเป็นที่จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างสูงกับการรับมือกับปัญหาที่มาในรูปของการละเลยเช่นนี้ให้ได้ด้วยเช่นกัน
เช้าวันต่อ
วันนี้ไทเลอร์ ลี ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่ จากที่ประชุมกับอาไคเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าคนของศัตรูอันดับหนึ่งอย่างซัน กรวิตร กำลังส่งคนเข้ามาสอดแนมอยู่ในโกดังเก็บสินค้าของเขาที่ฮ่องกง และแน่นอนว่าถ้ำเสือของตระกูลลีไม่ได้มีเอาไว้เพื่อปล่อยให้เจ้าหนูสกปรกแอบย่องเข้ามาหาเศษซากอาหารออกไปได้ง่ายๆอย่างที่ใจคิด
"ฝากบอกนับดาวทีว่าคืนนี้กูคงกลับไม่ทัน ให้จีน่าจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้เธอด้วย เคลียร์งานเสร็จเมื่อไหร่กูจะรีบบินตามไปให้เร็วที่สุด" กำชับบอดี้การ์ดให้ส่งสารถึงว่าที่นายหญิงของตระกูลหลังจากที่เขาจะต้องเดินทางไปทำงานสำคัญและอาจจะไม่มีเวลาว่างมากพอสำหรับการมานั่งอธิบายว่าทำไมคืนนี้เขาถึงต้องผิดนัดกับเธออีกครั้ง
"ครับนาย"
ในขณะที่กำลังจะออกจากบริษัทไปที่โกดัง จู่ๆบิลลี่ บอดี้การ์ดคู่ใจของเขาก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับยื่นซองเอกสารซองหนึ่งให้กับไทเลอร์ก่อนจะอธิบายถึงสิ่งที่อยู่ภายในนั้นให้กับเจ้านายรับทราบด้วยท่าทางที่ดูกระตือรือร้นอยู่ไม่น้อย
"นายครับ นี่เป็นประวัติของเด็กผู้ชายคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไอ้ซันในรูปที่สายของเราเคยแอบถ่ายเอาไว้ได้ครับนาย มันชื่อข้าวตู สายของเราบอกว่ามันเป็นแค่เด็กในร้านบาร์โฮสที่ไอ้ซันมันเคยไปใช้บริการครับ"
"หึ อะไรวะ กูก็นึกว่ามันจะหาเมียดีๆมาประดับบารมีสักคน ที่ไหนได้ก็คว้าเอาผู้ชายขายตัวมาทำเมีย"
"นายจะให้ผมสะกดรอยตามมันไหมครับ"
"หึ ไม่ต้องหรอก เด็กนี่มันก็คงเป็นของเล่นชั่วคราวของไอ้ซันเหมือนกับที่ผ่านๆมาก็เท่านั้นแหละ กูให้เดือนนึงเดี๋ยวมันก็เบื่อ เสียเวลาจะไปสะกดรอยตามมันเปล่าๆ"
บิลลี่ยืนยุกยิกๆ เหมือนยังมีเรื่องอะไรที่อยากจะพูดกับเจ้านายของเขาอีกแต่ทว่าบอดี้การ์ดหนุ่มกลับรู้สึกลังเลจนไม่กล้าที่จะเอ่ยบอกเรื่องสำคัญกับเจ้านายออกไปตรงๆ
"มึงมีอะไรก็พูดมา กูไม่ได้มีเวลามายืนรอฟังมึงทั้งวันหรอกนะบิลลี่!!"
"ขอโทษครับนาย แต่คนของบาร์โฮสบอกว่า ไอ้ซันมันรู้จักกับเด็กคนนี้มานานหลายปีแล้วนะครับ ทุกครั้งที่ไปบาร์โฮสไอ้ซันมันจะไม่ให้บอดี้การ์ดติดตามเข้าไปเลย บางทีก็หายไปกับเด็กนี่ทั้งคืน ผมว่าเด็กข้าวตูนี่ต้องรู้ความลับอะไรบางอย่างของไอ้ซันบ้างแน่ๆครับนาย"
สายตาที่ดูผ่อนคลายลงในตอนแรกเริ่มกลับมาขมวดตึงเข้าหากันอีกครั้งเมื่อข้อมูลล่าสุดที่ได้รู้มากำลังทำให้เขาไม่กล้าที่จะปล่อยหมากตัวสำคัญไปโดยที่ตัวเองก็ยังไม่ทันที่จะสืบหาความจริงให้มันชัดเจนเสียก่อน
"งั้นมึงส่งคนไปสะกดรอยตามมันสักอาทิตย์นึงก่อน ถ้าไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรก็ค่อยเลิกตาม" เพื่อเป็นการอุดช่องโหว่ให้ครอบคลุม ไทเลอร์จึงเลือกที่จะติดตามชีวิตของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับซัน กรวิตรให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ มาเฟียหน้าใหม่อย่างไทเลอร์แม้จะถนัดเปิดเกมส์เร็วแต่ก็ยังคงไม่หลงลืมคำสอนของผู้เป็นอาที่เคยสอนให้เขามองสถานการณ์ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างลงไป
วันถัดมา
24.00 น.
วันนี้เป็นวันแรกที่นับดาวเดินทางมาถึงประเทศฝรั่งเศส เธอมีล่ามที่จีน่า เลขาส่วนตัวของไทเลอร์จ้างมาให้เพื่อคอยช่วยเหลือในการสื่อสารและพาเธอไปเลือกซื้อชุดตามร้านต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่านับดาวมีตัวเลือกอยู่ในใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพียงแค่เธอยังอยากที่จะเปรียบเทียบราคาและคุณภาพที่คิดว่ามันจะเหมาะสมกับงานหมั้นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตของเธอมากที่สุดก็เท่านั้น
"คุณนับดาวคะ ยังมีอีกร้านนึงที่เป็นดีไซเนอร์มือใหม่ แต่ผลงานของดีไซเนอร์คนนี้มีดาราดังๆ ซื้อไปใส่ออกงานค่อนข้างเยอะเลยนะคะ"
ล่ามสาวเอ่ยบอกก่อนจะยื่นมือถือที่เปิดเว็บไซด์ของทางร้านเอาไว้ให้นับดาวดูเป็นตัวอย่างก่อนที่เธอจะเหลือบไปสะดุดตาเข้ากับชุดสีขาวชุดหนึ่งซึ่งประดับเพชรพลอยระยิบระยับ ดูสวยงามแต่ก็เรียบหรูเข้ากับสไตล์ของเธอแบบไม่มีที่ติเลยแม้แต่นิดเดียว
"สวยมากเลยค่ะ ชุดนี้สวยมากจริงๆ แต่ราคาแพงอยู่นะคะเนี่ย"
"ดีดี้รู้จักกับเจ้าของร้านค่ะ ถ้าคุณนับดาวสนใจจริงๆ ดีดี้จะช่วยติดต่อคุณเจ้าของร้านเอาไว้ให้ดีไหมคะ"
ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายทันทีที่ล่ามสาวยื่นข้อเสนอมาให้ ความจริงนับดาวก็อยากจะให้ไทเลอร์มีส่วนช่วยในการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอด้วยเช่นกัน แต่ตั้งแต่เธอเดินทางมาถึงฝรั่งเศสแฟนหนุ่มของเธอกลับยังไม่เคยติดต่อมาหาเธอเลยสักครั้ง ตอนนี้เขาคงมีงานยุ่งรัดตัวอยู่แน่ๆ และมันคงจะฟังดูไร้สาระเกินไปถ้านับดาวจะโทรไปรบกวนเวลาของงานของเขาด้วยคำถามที่ว่าเธอควรจะเลือกชุดจากร้านไหนดี
"วันนี้ตอนเย็น เจ้าของร้านว่างอยู่นะคะ เห็นว่าผู้ถือหุ้นจากฮ่องกงกำลังมาตรวจงานอยู่ที่ร้านตอนเช้า ถ้าคุณนับดาวสะดวกตอนเย็นก็สามารถเข้าไปลองชุดที่ร้านดูได้เลยค่ะ"
"เร็วจังเลยนะคะ งั้นไปเย็นนี้เลยก็ดีค่ะ ถ้าถูกใจจะได้จองเอาไว้เลย"
ตกลงกันเสร็จสรรพ เธอจึงตัดสินใจที่จะใช้ความชอบของตัวเองในการเลือกชุดสำหรับใส่ในงานหมั้นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า และหากมีเวลาเหลืออยู่นิดหน่อยนับดาวก็ตั้งใจที่จะอยู่เที่ยวฝรั่งเศสต่อเพื่อให้คุ้มค่ากับที่เธออุส่าดั้งด้นบินมาซื้อชุดไกลถึงยุโรปในครั้งนี้
เย็นวันนั้น
ณ ร้านเสื้อ JEA (เจ-อา)
นับดาวเดินทางมาถึงร้านตอนประมาณ5โมงเย็น เธอสวมใส่ชุดเดรสสีแดงเลือดนก สะพายกระเป๋าชาแนลที่ไทเลอร์เป็นคนซื้อให้ และสวมใส่รองเท้าราคาแตะหกหลักที่พึ่งซื้อตอนไปชอปปิ้งเมื่อวันก่อนเข้ามาภายในร้าน
รสนิยมของหญิงสาวค่อนข้างหรูหราและทันสมัย เธอเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย รวยจนติดอันดับมหาเศรษฐีแนวหน้าของฮ่องกง เติบโตขึ้นมาในวัย18ปีก็ยังได้เป็นถึงคู่หมั้นของมาเฟียรุ่นใหม่อย่างไทเลอร์ ลี เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และบริษัทนำเข้าส่งออกสินค้าต่างๆมากมาย ถึงนับดาวจะไม่ได้มีงานประจำหรือทำธุรกิจของตัวเองแต่เธอก็ยังคงมีเงินทองมากมายสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อย่าว่าแต่กระเป๋าหรูๆหรือเสื้อผ้าราคาแพงๆที่เธอมีอยู่เลย กระทั่งบ้านหรือรถยนต์ที่เธออยากจะได้ ต่อให้มันจะมีราคาที่แพงมากขนาดไหน เพียงแค่นับดาวบอกไทเลอร์ว่าอยากได้ คู่หมั้นหนุ่มของเธอก็สามารถที่จะเนรมิตทุกสิ่งทุกอย่างมาให้กับเธอได้ทันทีโดยที่นับดาวแทบจะไม่เคยต้องอ้อนวอนเขาให้เสียเวลาและเสียความรู้สึกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
"สวัสดีค่ะ คุณแดนกับคุณซันเพิ่งจะคุยงานกันเสร็จ เดี๋ยวเชิญคุณนับดาวนั่งรอสักครู่ก่อนนะคะ"
นับดาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินมานั่งลงบนโซฟารับแขกที่ดูแว็บเดียวก็รู้ว่าเป็นของแบรนด์หรูชื่อดังจากประเทศอิตาลี เธอเบนสายตามองสำรวจไปทั่วร้านก่อนจะพบว่าภายในร้านแห่งนี้ประดับประดาตกแต่งไปด้วยข้าวของเครื่องใช้จากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก ซึ่งแต่ละชิ้นก็มีราคาที่ค่อนข้างสูงและล้วนแต่เป็นของหายากที่บางชิ้นแทบจะหาซื้อไม่ได้แล้วในปัจจุบันนี้
"คุณนับดาวคะ นี่คือคุณแดนเจ้าของร้าน ส่วนอีกท่านคือคุณซันหุ้นส่วนของร้านเจอาค่ะ" ดีดี้แนะนำเจ้าของร้านกับหุ้นส่วนที่กำลังเดินออกมาต้อนรับแขกคนสำคัญของพวกเขา นับดาวที่กำลังนั่งมองนู้นมองนี่ไปทั่วก็รีบหันหน้ากลับมามองคนมาใหม่ก่อนจะต้องตกตะลึงเมื่อคนที่เธอกำลังสบตาอยู่กลับเป็นใครบางคนซึ่งเธอไม่ควรที่จะต้องมาเจอกับเขาที่นี่และก็ไม่ควรที่จะต้องติดต่อกับเขาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนทั้งนั้น
"บังเอิญจังนะครับ นี่คุณนับดาวคู่หมั้นของไทเลอร์เหรอครับเนี่ย"
ซันแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาที่มุมปาก บ่อยครั้งที่เขาเจอไทเลอร์ในงานประมูลเครื่องเพชรและแน่นอนว่าคู่หมั้นสุดรักสุดหวงของไทเลอร์ก็ต้องเคยเจอกับเขามาก่อนบ้างอยู่แล้วเพียงแค่ทั้งคู่แทบจะไม่เคยทักทายกันต่อหน้าไทเลอร์ก็เท่านั้นเอง
"สวัสดีค่ะ คุณซัน กรวิตร"
นับดาวรู้สึกแปลกใจปนหวาดระแวง ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งเธออาจจะโชคดีที่ได้เจอกับผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลา สูงสง่าและร่ำรวยจนติดอันดับมหาเศรษฐีที่มีรายได้สูงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ แต่หากเป็นการพบกันในฐานะของคู่หมั้นของมาเฟียอย่างไทเลอร์ ลี คงพูดได้คำเดียวว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเธอคงกำลังเดินเฉียดอยู่บนเส้นทางแห่งความตายแบบไม่มีทางหนีรอดได้เลยด้วยซ้ำ
"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ผมไม่ได้วางแผนที่จะมาฆ่าคุณที่นี่สักหน่อยนะ ฮ่าๆ" แกล้งอำมุกตลกร้ายที่ทำเอาหญิงสาวถึงกับยืนหน้าเจื่อน ซัน ยกยิ้มพอใจกับสีหน้าท่าทางของหญิงสาวก่อนจะช่วยผ่อนคลายความกังวลของเธอด้วยการปล่อยให้คู่หูทางการค้าอย่างแดน เป็นคนพาเธอไปดูชุดที่หญิงสาวต้องการจะซื้อ และยอมปลีกตัวออกมาทันทีโดยไม่คิดที่จะแกล้งนับดาวให้เธอต้องรู้สึกกลัวเขามากไปกว่านี้อีก
2 ชั่วโมงผ่านไป
นับดาวที่ลองชุดทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย เธอตกลงที่จะซื้อชุดที่หมายปองทันทีแม้ว่าราคาของมันจะสูงลิบจนสามารถซื้อรถซุปเปอร์คาร์ได้ทั้งคันเลยทีเดียว
"ฉันจะได้ชุดเมื่อไหร่เหรอคะ?"
ในขณะที่กำลังเอ่ยถามพนักงานหน้าร้าน สายตาก็พลันมองสำรวจหาใครบางคน และเป็นคนที่เธอไม่อยากจะพบหน้ามากที่สุดในเวลาที่ไม่มีไทเลอร์คอยอยู่ปกป้องเธอข้างกายเช่นตอนนี้
"พรุ่งนี้เย็นๆค่ะคุณนับดาว"
"อ่อ ค่ะ แล้วฉันต้องจ่ายมัดจำเท่าไหร่เหรอคะ?"
พนักงานสาวเงยหน้าขึ้นมามองลูกค้าคนสวยด้วยท่าทางอึกอัก ก่อนจะค่อยๆเบนสายตาไปมองเจ้าของร้านที่กำลังยืนสังเกตการณ์อยู่ข้างๆราวกับอยากจะให้เขาเป็นคนที่แจ้งราคากับนับดาวด้วยตัวเองแทน
"เอ่อ คุณนับดาวไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเลยครับ พอดีคุณซันท่านจ่ายทุกอย่างเอาไว้ให้หมดแล้ว คุณซันฝากบอกว่านี่เป็นของขวัญสำหรับงานหมั้นของคุณนับดาวหน่ะครับ"
____________________________
ความคิดเห็น