คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : One Chance :: 1519 [ZLHC]
One chance
[1519]
‘ในชีวิตของมนุษย์ เกิดมามีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น’
ผมฟังคำนี้จนสะอิดสะเอียนแล้ว พวกผู้ใหญ่หรือคนกลุ่มมาก ก็ชอบยึดติดกับไอ้คำพูดบ้าๆ พวกนี้ คอยบอกผมว่า ‘เรียนเก่งๆ นะลูก พอโตไปจะได้อาชีพดีๆ อยู่กินสบายๆ’ ทั้งที่สุดท้ายความตายก็มาพรากความสบายของผมอยู่ดี ผิดด้วยเหรอ ? ที่ผมเลือกที่จะไม่เป็นหมอตามที่พวกท่านสั่ง ผิดด้วยเหรอ ? ที่ผมนับถืออารมณ์มากกว่ากฎหมาย ผิดด้วยเหรอ ? ที่ผมจะเลือกดำเนินชีวิตในแบบที่ผมชอบ พวกเขาก็สนใจแค่คำว่า ‘ครั้งเดียวของชีวิต’ เท่านั้นล่ะ รู้ไหม ว่าคำว่า ‘โอกาส’ สำหรับผมน่ะ มันได้มาโคตรง่ายเลยล่ะ ผมจะบอกอะไรให้อย่างนะ แทนที่พวกคุณจะเลือกในทางที่พวกคุณชอบ เลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง พวกคุณกลับก้มหัวให้กฎหมายงั้นเหรอ ? บ้ารึเปล่า...
แต่ตอนนี้ผมเข้าใจหมดแล้ว คำว่า ‘โอกาสมีเพียงครั้งเดียว’ นั่น ทำให้ผมเข้าใจหมดแล้ว
‘You only have one change. You know ?’
ผมจะทำโอกาสที่ผมได้รับในปัจจุบันนี้ ให้ดีที่สุด...
.
.
.
.
“เฮ้ย !~ จุนฮง มึงจะไปไหนวะ ?”
ชายร่างสูงหยุดชะงัก แล้วถอดสมอร์ทอว์กออก เขายืนมองเพื่อนสนิทที่กำลังเดินชิวมาหาเขาอย่างงงๆ ก่อนที่เพื่อนที่ตัวเล็กกว่าเหมือนจะรู้ว่าอีกคนไม่ได้ยิน จึงเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง
“มึงจะไปไหน ? นี่โรงเรียนก็เลิกแล้วนะเว้ย ไปเตะบอลด้วยกันม๊ะ ?”
“โทษทีว่ะไอ้ออบ กูมีธุระอ่ะ”
“อย่างมึงเนี่ยนะมีธุระ ? กับใครวะ ?”
“ยองแจฮยอง”
“โฮ่ว ! แฟนใหม่มึงน่ะเหรอ ?”
“เมียกู”
“ได้กันแล้วไงวะฮะ ?”
“เออ”
“เออ ก็ได้ มึงไม่ไปก็ได้ พรุ่งนี้ห้ามเบี้ยวนะมึง”
จงออบชี้หน้าเพื่อนสนิทตัวสูง ก่อนจะจบบทสนทนาไว้แค่นั้น แล้วเดินจากไป ปล่อยให้ชเวจุนฮงหรือเซโล่ยืนมองเพื่อนสนิทที่เดินออกไปไม่วางตา จนกระทั่งอีกคนหายไปทางมุมรั้วหน้าโรงเรียน เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทไม่อยู่แล้ว ร่างสูงจึงยิ้มไล่หลัง
...มึงรู้จักกูน้อยไปแล้ว ไอ้จงออบ...
จุนฮงเดินหลบมาหลังต้นไม้ของสวนในโรงเรียน มือหนาล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะกดเบอร์ที่ท่องจำได้จนขึ้นใจ แล้วเอาทาบกับหูทันที เมื่อปลายสายรับเขาจึงสแยะยิ้ม
[ฮัลโหล]
“ดีฮะ เฮียกุก ผมชเวจุนฮง”
[สถานการณ์เป็นยังไงบ้างไอ้เซโล่]
“คืนนี้ตอนสองทุ่ม สบายใจได้เลยฮะ”
[เออ อย่าให้พลาดนะมึง]
“หึ เฮียก็รู้ ว่าผมไม่เคยพลาด”
จุนฮงตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกนอกโรงเรียนไป ที่เหลือก็แค่รอเวลาที่เพื่อนสนิท ที่แกล้งสนิทอย่างมุนจงออบจะเลิกเล่นบอลเสร็จเท่านั้น แค่นั้นก็ไม่มีปัญหา
ใช่...ไม่มีปัญหา
ถ้าหากว่าเขาไม่พบเจอกับใครคนนึงก่อน
ร่างสูงต้องหยุดชะงัก แล้วเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปทันที สายตาของจุนฮงจ้องมองที่อีกฟากหนึ่งของถนน เพื่อนสนิทของเขากับใครอีกคนหนึ่งกำลังคุยกันอยู่
“จงออบ ! นี่นายคิดว่าจะกลับซักกี่โมงกันห๊ะ ? นี่ใกล้จะทุ่มแล้วนะ”
“อะไรของฮยองเนี่ย ?! น่ารำคาญชะมัด แค่ทุ่มเดียวเองเนี่ยนะ ?”
“ฉันเป็นห่วงนะ”
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
ฉับพลัน มุนจงออบก็ดึงคู่สนทนาเข้ามาจูบแล้วผละออกอย่างง่ายดาย ก่อนจะทำเป็นเดินหนี ยังไม่วายที่คนถูกจูบจะกอดข้างหลังอีกคน แล้วระบายน้ำตาทั้งหมดออกมา
“ฮึก.. อย่าไปเลยนะ ฉันไม่เหลือใครแล้ว จงออบ...”
คนโดนกอดมีท่าทีอ่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาอีกคน แล้วเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ผิดกับท่าทางที่กระฟัดกระเฟียดเมื่อกี๊ลิบลับ
“โธ่ ฮิมชานฮยอง อย่าร้องไห้สิ”
“ก็ฉันกลัว... ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา”
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ วางใจได้ ผมจะไม่ทิ้งฮิมชานฮยองหรอก”
“นายจะไม่ทิ้งฉันจริงๆ นะ”
“ครับ ผมไปนะ”
จงออบเตรียมผละออกจากคู่สนทนาอีกครั้ง แต่กลับโดนอีกคนดึงมือ ให้หันกลับไป
“จงออบ.. นายรู้ใช่ไหม”
“ครับ”
“ฉันเหลือนาย... แค่คนเดียวแล้วนะ”
“ครับ”
พูดเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มคนขี้แยตรงหน้า
“ผมก็บอกแล้วว่าอย่าร้องไห้ เดี๋ยวไม่สวยนะ ผมรักฮิมชานฮยองที่สุด ฮยองรู้ใช่ไหม ?”
“อือ...”
“เพราะฉะนั้น ฮยองไว้ใจผมนะ ผมจะอยู่กับฮิมชานฮยองตลอดไป จะไม่ทิ้งฮิมชานฮยองแน่นอน ผมสัญญา”
จงออบยิ้มให้คนสำคัญของเขา ก่อนที่จะเดินจากไป โดยไม่ได้หันกลับมาอีกเลย
จุนฮงมองการกระทำของทั้งสองคนทุกฉากทุกตอน...
มือข้างขวากำแน่น คิ้วมนขมวดกันเป็นปม สายตายังไม่ละออกจากสองคนตรงหน้า จนกระทั่งจงออบเดินออกไป เขาก็ยังจดจ้องไปที่จุดเดิม ที่ๆ ร่างบางยืนอยู่
...คบกัน... ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
จุนฮงยืนมองคิมฮิมชานยืนร้องไห้ใจจะขาดอยู่ที่เดิม ไม่คิดจะละไปไหน ไม่คิดจะเดินหนีไปไหน ถ้าถามว่าสนุกไหม ? ไม่หรอก มันไม่สนุกเลย ที่จะมายืนมอง ‘อดีต’ ของเขาร้องไห้
...แต่อย่างน้อย ก็ขอแค่ได้มอง เท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่ให้เขามีโอกาสได้มองคนๆ นี้...
ร่างสูงเบิกตากว้างทันที ที่อยู่ๆ ร่างบางที่ยืนร้องไห้เหมือนเด็กขี้แย ก็ล้มพลั่บไป จนเขาต้องรีบวิ่งเข้าไปดู
...ร้องไห้จนเป็นลมงั้นเหรอ ?...
ร่างสูงมองคนที่สลบไปอย่างเนิ่นนานจนรู้สึกตัว มือหนากำลังเอื้อมไปสะกิดร่างบางให้ตื่น กลับต้องหยุดชะงัก
...จะดีเหรอ ? เขาจะแตะต้องคนๆ นี้ได้งั้นเหรอ ?...
แต่ก็แค่ความคิดเท่านั้นแหละ มือหนาเอื้อมไปอิงหน้าผากของอีกคน ที่ตอนนี้ร้อนเหมือน The roof is on fire จนเขาต้องรีบผละมือออก ร่างกายย่อมเร็วกว่าความคิด รีบอุ้มเจ้าตัวขึ้น แล้วโบกรถแท็กซี่ทันที
“พี่ฮะ ไปที่คฤหาสน์ชเว ! รีบหน่อย แฟนผมไม่สบาย !”
ทันทีที่รถแท็กซี่ออก ร่างสูงก็เริ่มสงบอารมณ์ตัวเองลง
...รู้หรอกว่า เขาไม่ควรมาเจอหน้าคนๆ นี้อีก...
...แต่ตอนนี้ ขอทีเถอะนะ โอกาสเพียงครั้งเดียว ที่เขาจะได้ปรับความเข้าใจกับชายคนนี้...
.
.
.
.
ฮิมชานตื่นขึ้นมาในสภาพสลึมสลือ เขาอดที่จะกุมหัวตัวเองไม่ได้ อาการปวดที่หัวกับตัวร้อนนี่บ่งบอกได้เลยว่าเขาคงมีไข้แน่ๆ สายตาสวยมองไปทั่วห้องที่ไม่คุ้นเคย
...ที่ไหนกันล่ะเนี่ย ?...
ร่างบางค่อยๆ พยุงตัวเองลงจากเตียงนอนนุ่มแสนหรู นี่ไม่ใช่บ้านของเขาแน่ๆ เพราะบ้านของเขาไม่ได้หรูหราขนาดนี้ แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงนะ ?
ฮิมชานลากสังขารตัวเองจนมาถึงบันไดวน หน้าสวยหวานราวกับผู้หญิงชะโงกออกไปดูข้างล่าง ที่เหมือนว่าจะมีเสียงดังอยู่ สงสัยคงต้องมีใครอยู่ข้างล่างนี่แน่ๆ
เพราะร่างกายที่ยังปรับสภาพไม่ได้ และความอ่อนแรงทั้งกายใจ บวกกับอาการที่ไม่สบาย ทำให้ร่างบาง เกิดอาการหน้ามืดเล็กน้อย จนแทบตกลงไปสู่พื้นเบื้องล่าง
หมับ !
ถ้าไม่มีใครอีกคนดึงเขาเข้าไปกอดเอาไว้ก่อน
กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิมปลุกให้ร่างบางเบิกตากว้าง น้ำหอมที่เขาไม่เคยได้กลิ่นหลังจากปีครึ่งที่ผ่านมา แขนแกร่งที่โอบรัดเขาอยู่ สัมผัสที่เคยเป็นอดีต ตอนนี้เขาได้รับสัมผัสนั่นมาแล้ว
“ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก”
เสียงนุ่มที่ดูดุๆ เหมือนจะสั่งสอนไปด้วยทำให้ฮิมชานผลักอกคนตรงหน้าออกอย่างขยะแขยง ถึงแม้เขาจะยอมรับว่าสัมผัสเมื่อกี๊มันรู้สึกดีแค่ไหน แต่นั่นมันก็แค่ในอดีตเท่านั้นล่ะ สำหรับตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว
ร่างบางเบิกตากว้าง เมื่อได้เห็นหน้าอีกคนตรงๆ ใบหน้าที่เขาไม่ได้เจอมาปีครึ่ง ยังคงเหมือนเดิมชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง ร่างสูงยืนมองหน้าร่างบางซึ่งตอนนี้ดูผอมลงกว่าก่อนจนเรียกได้ว่าเกือบซูบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยลดน้อยลงแต่อย่างใด กลับกัน เขาโหยหาคนตรงหน้านี้เหลือเกิน
“น่ะ..นาย นาย...”
“หัดทำตัวให้อยู่เฉยๆ บ้างได้ไหม ? เกือบตายแล้วเห็นรึเปล่า”
“...อย่ามายุ่งกับฉัน”
ร่างบางพยายามเดินหนี แต่ก็ยังไม่วายที่ร่างสูงจะรั้งข้อมือของเขาไว้
“กลับไปนอนเดี๋ยวนี้”
“ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งไง !”
“อย่าดิ้นสิ !”
“ปล่อยฉัน !”
จุนฮงอุ้มร่างบางขึ้นอย่างง่ายดาย โดยที่คนโดนอุ้มก็เอาแต่ดิ้นไม่หยุด จนกระทั่งจุนฮงอุ้มฮิมชานมาถึงห้องเดิมแล้วโยนลงบนเตียงอย่างแรงจนฮิมชานอดที่จะปวดเอวไม่ได้ ร่างสูงกดลงกลอน แล้วยืนพิงประตูห้องพลางกอดอกจ้องมองร่างบางบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์
“ผมอยากจะถามอะไรพี่อย่างหนึ่ง”
“ฉันจะไม่ตอบ”
“ก็ลองไม่ตอบดูสิ...”
ฮิมชานลอบกลืนน้ำลายทันทีที่จุนฮงมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วสแยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มที่ฮิมชานแสนเกลียด
“พี่คบกับไอ้จงออบตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
“มันไม่เกี่ยวกับนาย”
“ถามว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่ !!”
ฮิมชานสะดุ้งจนตัวปลิวเมื่ออีกคนตะคอกใส่เสียงดัง พร้อมส่งหน้าจริงจังมาให้ ก็รู้ได้ว่า อีกคนต้องการคำตอบจริงๆ
“ตะ...ตั้งแต่ปีที่แล้ว”
“เลิกกับมันซะ”
“ได้ยังไง ! ฉันกับจงออบ พึ่งเป็นแฟนกันได้ปีเดียวเองนะ แล้วฉันก็รักจง...!”
“หุบปาก ! ผมไม่อยากได้ยิน”
ฮิมชานเริ่มขมวดคิ้วใส่คนที่เอาแต่ใจทันที
“ผมบอกให้เลิกก็คือเลิก”
“นายไม่ใช่เจ้าชีวิตฉัน”
“เพราะพี่จะต้องเสียใจแน่ ถ้าไม่ยอมเลิกกับมันตอนนี้”
“ย่ะ...อย่าบอกนะ”
ฮิมชานเริ่มเสียงสั่น คงไม่ใช่ที่เขาคิดใช่ไหม ? จงออบคงไม่ใช่...
“หึ ใช่...”
“.....”
“ไอ้จงออบ คือเหยื่อรายล่าสุด ที่ผมได้รับรายงานมาจากบอส”
“.....”
“แล้วผมก็จะฆ่ามัน”
ฮิมชานแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความรู้สึกของเขาเหมือนหลุดลอยออกไปนอกกาแล็ตซี่แล้ว คงมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมา และใบหน้าที่ช็อกค้างเท่านั้น ที่บอกได้ว่า เขากำลังเสียใจ และเสียใจถึงที่สุด
“ฮึก..ฮึก..ฮือ”
จุนฮงมองหน้าร่างบางอย่างสงสาร ใจหนึ่งเขาก็อยากไว้ชีวิตไอ้เพื่อนสนิทนั่น แต่อีกใจหนึ่งเขาต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ และเพื่อเงินที่เขาต้องใช้ชีวิตร่วมกับยูยองแจ เงิน...ที่เขาตั้งใจจะไปขอยูยองแจแต่งงาน
“ทำไม...นายถึงต้องทำแบบนี้ ?”
“มันเป็นหน้าที่”
“นายเรียกการปิดชีวิตคนอื่นว่าหน้าที่งั้นเหรอ ? รู้มั๊ย...มันน่าสมเพชที่สุด !”
“หึ ! จะด่าอะไรก็ด่ามาเลย ใครกันแน่ที่น่าสมเพช พี่เองไม่ใช่เหรอ ? ที่สุดท้ายแฟนตัวเองก็ต้องโดนยิงตาย แล้วก็มานั่งไม่เหลือใครน่ะ ! น่าสมเพชกว่าตั้งเยอะ !”
บางทีจุนฮงก็อยากจะถอนคำพูด...
เขาเบิกตาขึ้นอย่างตกใจที่เผลอพูดดูถูกคนตรงหน้าไปแบบไม่ได้ตั้งใจ ฮิมชานช็อกมาก เขาไม่คิดเลยว่าอีกคนจะด่าเขาได้ลงคอ ไม่คิดเลยว่าเซโล่จะเป็นคนแบบนี้ น้ำตาที่ไหลลงมายิ่งไหลออกมาเข้าไปใหญ่ จนเขาต้องปิดหน้าเพราะไม่อยากให้ร่างสูงตรงหน้าเห็น ไม่อยากให้คนที่เขาเกลียดมาเห็นมุมที่อ่อนแอของเขา
“ฮึก ! ใช่สิ ! เป็นนายก็พูดได้นิ !”
“.....”
“คนที่ไม่เคยโดนทอดทิ้งอย่างนายจะไปเข้าใจอะไรฉัน ! คนอย่างนายไม่เคยเห็นอะไรมีคุณค่าเลยซักนิด นอกจาก บอส เงิน และยูยองแจของนาย !!”
“.....”
“ชีวิตของฉันมันเป็นแบบนี้ก็เพราะนาย ! พ่อแม่ฉัน ตระกูลของฉัน ชื่อเสียง เงินทอง ความสุขและชีวิตปกติของฉัน ก็ถูกตัวนายพรากไปหมด ย่ำยีจนฉันป่นปี้ รวมถึงเซโล่ ! คนที่ฉันรักที่สุดนายก็พรากเค้าไปจากฉัน ! ก็เพราะหน้าที่บ้าๆ เกี่ยวกับการฆ่าคนของนายไงล่ะ !! ไอ้บอสบังยงกุกของนายที่สั่งให้นายฆ่าคนในตระกูลของฉันจนหมด !!!”
“.....”
“แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่มีใครจะเหลือแล้ว ไม่เหลือใครแล้วนอกจากจงออบ คนที่ฉันรักที่สุด ไว้ใจที่สุด ห่วงที่สุดในตอนนี้ ! นายก็คิดจะพรากเค้าไปจากฉัน นายทำมันไปได้ยังไง ?!!”
ฮิมชานระบายโทสะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หมดแล้วชีวิตของเขา
“ฉันเสียใจจริงๆ ที่ได้รู้จักนาย ! ทั้งที่ฉันไว้ใจนายแท้ๆ ! แต่นายกลับหักหลังฉันได้ลงคอ ! ในวันที่ฉันไม่เหลือใครเลย นายกลับเป็นคนที่ทอดทิ้งฉันแล้วไปหายูยองแจ...”
“.....”
“ฉันเกลียดนายจริงๆ ! ฉันโคตรจะเกลียดนาย !! ได้ยินรึเปล่าว่าฉันบรมเกลียดนาย เกลียดที่สุดในชีวิต !!!”
“หุบปาก !! พอได้แล้ว !”
“ไม่ !! อย่ามาพูดแบบนั้นถ้านายไม่ใช่คนที่สูญเสียทุกอย่าง !!”
ฮิมชานก้มหน้าลงกับหมอนเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นของเขา เสียใจ เสียใจมาก เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
ตื๊ดดดด ตื๊ดดดด~
ร่างสูงรีบดึงโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ใครเขาก็รีบกดรับทันที ตั้งใจเปิดลำโพงให้อีกคนในห้องได้ยินด้วย
“ครับ ที่รัก~”
[จูนง~ นายอยู่ไหนแล้ว ? ฉันมารอหน้าร้านแล้วนะ]
“ผมยังไม่ได้ออกจากคฤหาสน์เลยอ่า”
[โธ่~ อะไรกัน ถ้าไม่รีบออกมา จะงอนละนะ]
“ลองงอนดูสิ คืนนี้ผมจัดหนักนะ”
[บะ..บ้า ! อย่ามาทะลึ่ง !]
“ฮ่าๆ ครับที่รัก จะรีบออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
[รีบมานะ ~ วันนี้วันครบรอบของเรานะ ห้ามพลาดล่ะ คุณสามี]
“ครับ คุณภรรยา <3”
จุนฮงกดตัดสาย หันมองคนบนเตียงที่นั่งกอดเข่าเหม่อเหมือนหุ่นกระบอกไม่มีชีวิต
“ไปสิ... ยูยองแจรอนายอยู่นะ”
“แล้วถ้าบอกว่า.. จะไม่ไปล่ะ”
“ฉันไม่หนีหรอกน่า นายก็รู้ว่าหนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว”
“สัตว์ตัวเล็กๆ มักจะบ่นพึมพำแบบนี้ทั้งหมดนั่นแหละ สุดท้ายมันก็ดิ้นหลุดออกมาได้กันแทบทุกราย”
“ถ้าห่วงว่าฉันจะหนี ไปไหนล่ะก็.. ฆ่าฉันเลยสิ”
“มันยังไม่ถึงเวลา”
“เวลาน่ะ.. หมดไปแล้วต่างหาก”
จุนฮงมองอีกคนที่นั่งกอดเข่าบนเตียงอยู่ดีๆ ก็ล้มแหมะนอนลงไปกับเตียง แต่ใบหน้าสวยยังคงไว้เหมือนเดิม จะมีก็แต่น้ำตาที่ไหลลงมาอีกครั้ง จุนฮงเดินเข้าไปใกล้ร่างบาง ร่างสูงเอื้อมมือไปหมายจะลูบหัวของอีกคน แต่มือของเขากลับถูกปัดออกอย่างแรง จากคนบนเตียง ฮิมชานหันหน้าหนีอีกคน เพราะไม่อยากมองหน้าแสนเอียนนั่นที่ชอบส่งรอยยิ้มแสนเย้ยยัน และคำพูดที่คอยแดกดันเขา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เซโล่ที่เขารัก จะกลายมาเป็นคนแบบนี้
เซโล่ยังคงไม่ไปไหน เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฮิมชานถึงได้เกลียดเขาถึงขนาดนี้ ร่างสูงล้มตัวลงนอนข้างๆ ร่างบาง แล้วกอดอีกคนจากทางด้านหลัง เขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกสั่นๆ ของคนข้างหน้า ไม่มีจุดยืนให้ฮิมชานแล้ว การที่ให้คนๆ นี้ทุกข์ทรมานมาตลอด ไม่ใช่สื่งที่ร่างสูงอยากจะทำเลย
“ฮึก... ได้โปรดอย่ากอดฉัน ฉันไม่อยากได้รับกอดจากนายอีกแล้ว ฉันไม่อยากยุ่งกับนายอีกแล้ว ขอร้องล่ะ... ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีกแล้ว ไม่อยากเจอนายอีกแล้ว อย่ามายุ่งกับฉัน ออกจากชีวิตของฉันไปเลยได้ไหม อย่ากลับมา... ฉันเกลียดนายจริงๆ แล้ว ฉันไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเซโล่ ฉันทนรับมันต่อไปไม่ไหวแล้ว ได้โปรด ปล่อยฉันไป...”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฮิมชานกำลังร้องไห้ นั่นทำให้ร่างสูงกอดแน่นขึ้นมากกว่าเดิม เขาเสียใจจริงๆ เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของฮิมชานจะลงเอยแบบนี้ เขาไม่เคยนึกถึงจิตใจของคนๆ นี้เลยจริงๆ ทุกครั้งที่เขาทำผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องไหน เขาก็จะได้รับโอกาสสำหรับคนๆ นี้เสมอ แต่เขากลับทำโอกาสนั่นสูญเปล่า กลับใช้โอกาสนั้นทำร้ายคนๆ นี้ยิ่งกว่าเดิม จนตอนนี้โอกาสที่จะได้รักคนตรงหน้านี้ยังไม่มีเลย ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายเกลียดเขามากแค่ไหน โอกาสที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมยิ่งเลือนลาง
...และมันคงสายไปแล้ว ถ้าเขาจะลองขอโอกาสอีกซักครั้ง โอกาสแก้ตัวและแก้ไขเรื่องราวในอดีตทั้งหมด...
เขาทำร้ายคนที่เขารักขนาดนี้ได้ยังไงกัน...
“ฮิมชานฮยอง”
“อย่าเรียกฉันแบบนั้น เราไม่ได้สนิทกันซักหน่อย”
“ผมรักฮิมชานฮยองมากนะ...”
“.....”
“ผมรักฮิมชานฮยองจริงๆ”
“ถ้านายรักฉันจริงๆ... ทำไมวันที่ฉันไม่เหลือใคร นายกลับเป็นคนที่ทิ้งฉันล่ะเซโล่ !”
“ผมไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะอธิบายยังไง ...ผมรักฮิมชานฮยองจริงๆ นะ”
“อย่าพูดแบบนั้น ตอนนี้นายกับยูยองแจกำลังไปด้วยกันได้ดี ถ้ารักฉัน... นายก็ควรปล่อยฉัน”
“….”
“...ได้โปรด อย่าฆ่าจงออบ เขาคือคนสุดท้ายที่ฉันมีอยู่ ฉันรักจงออบมาก ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีจงออบ”
จุนฮงขมวดคิ้วยุ่ง เขารู้สึกไม่พอใจที่ร่างบางกล่าวเช่นนั้น
“ได้ ! รักกันมากใช่ไหม ?! รักมันมากใช่รึเปล่า ?!!”
“!!!”
ร่างสูงขึ้นคร่อมร่างบางทันที ฮิมชานเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เมื่ออีกคนเริ่มจู่โจมลงมาที่ซอกคอขาวของเขา ร่างบางพยายามผลักคนที่คร่อมอยู่ออก แต่มันกลับไม่เป็นผล
“อย่านะ ! ออกไปนะ !”
“รังเกียจมากนักเหรอ ? ขยะแขยงมากขนาดนั้นเลยรึไง ?! เกลียดผมขนาดนั้นเลยสินะ !!”
“ใช่ !! ฉันเกลียดนายมาก อยากฟังอีกไหมล่ะ !!?”
“หึ ! ได้ ! งั้นดูสิว่าไอ้จงออบมันจะรับได้ไหม ?!”
“นายจะทำอะไร !!?”
“ยัดเหยียดความเป็นสามีให้พี่ไงล่ะ !!”
“ไม่นะ !! ช่วยด้วย !! ออกไปนะ !! อ๊ะ !”
.
.
.
.
จงออบเดินออกมาจากสนามใจกลางเมือง กว่าเขาจะเล่นบอลเสร็จก็ปาไปเกือบสองทุ่ม ฮิมชานจะต้องนอนรอกร่อยอยู่ที่บ้านแล้วแน่ๆ ความจริงถึงแม้วันนี้จะไม่มาเล่นบอลกับเพื่อนต่างสถาบัน เขาก็จำเป็นต้องกลับดึกอยู่ดี
มือเล็กหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วยิ้มให้กับมัน กล่องกำมะหยี่สีแดงสดขนาดเล็กในมือของเขา วันนี้ละที่มันจะกลายเป็นของคิมฮิมชาน นึกแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ถ้าลองสมมุติว่าลองเปลี่ยนนามสกุลให้คนตัวบางนั่นแล้ว
..มุนฮิมชาน งั้นเหรอ ?...
...มันดูตลกแปลกๆ ป๊ะวะ ?...
คิดแบบนั้นก็เผลอหัวเราะออกมา เอาเป็นว่าตอนนี้เขาควรรีบเดินกลับไปหาภรรยาในอนาคตจะดีกว่า อดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ ที่จะได้เห็นฉากที่ร่างบางตกใจกับกล่องแหวนนี่ เขาจะดีใจไหมนะ ?
ตื๊ดดดด ตื๊ดดดด~
จงออบหยุดยืนซักครู่ก่อนจะรับโทรศัพท์เมื่อเห็นว่าคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่พอดีโทรเข้ามา ร่างเล็กยิ้มแก้มปริ แล้วตอบรับปลายสายไป
“ครับ ฮยอง”
[ไง~ ไอ้ออบ]
...ไม่ใช่.. เป็นไปได้ไง ? เขาดูผิดรึเปล่า ?...
จงออบลองดูหน้าจอบนโทรศัพท์อีกครั้ง ชื่อที่โทรเข้ามาเป็นของคิมฮิมชานแน่นอน แต่ทำไมเสียงนี่กลับเป็นชเวจุนฮงเพื่อนของเขาได้ล่ะ ?
“ทำไมแกถึงใช้โทรศัพท์ของฮิมชานฮยองโทรเข้า แล้วแกไปเอาโทรศัพท์ของแฟนฉันมาได้ยังไง ?”
[มีแฟนก็ไม่เคยจะบอก ทีฉันยังอุส่าห์บอกแกเลย]
“ไอ้จุนฮง แฟนฉันอยู่ไหน ?”
[ที่ฉันได้โทรศัพท์ของแฟนแกมานี่ แกคิดว่าแฟนแกจะทำตกไว้ แล้วฉันบังเอิญมาเห็นเข้างั้นเหรอ ? นอกซะจากว่าแฟนแกจะอยู่กับฉันน่ะ]
“ไอ้จุนฮง !”
[แกรู้ไหมจงออบ ฮิมชานฮยองของแกแมร่งโคตรหวานเลยว่ะ แกเคยลองรึยัง ? หึหึ]
“แกทำอะไรฮิมชานฮยอง ?!”
[ฉันทำอะไรงั้นเหรอ ? อยากรู้ก็มาเองสิ คฤหาสน์ของฉันคาดว่าแกคงจำได้นะ]
จงออบกดตัดสายทิ้งแล้วรีบวิ่งออกจากตรงนั้นทันที เพราะที่นี่อยู่ห่างจากคฤหาสน์ของชเวจุนฮงไม่ไกลนัก วิ่งไปคงประมานเกือบๆ 30 นาทีก็ถึง นึกอดที่จะเครียดไม่ได้เลยจริงๆ ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ เขาไว้ใจไอ้เพื่อนสนิทที่ไม่รู้ที่มานี่มากเกินไปแล้ว
.
.
.
.
ฮิมชานนั่งจุติอยู่ข้างล่างของคฤหาสน์ เขาอาจจะเป็นบ้าไปแล้วก็ได้ นมร้อนบนโต๊ะอาหารหรูๆ ในห้องครัวไม่ได้ให้ความรู้สึกดีเลยจริงๆ เขาได้แต่นั่งนิ่งมองมันอย่างไม่มีความรู้สึก เรื่องเมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังคงติดอยู่ในมโนของเขา คราบเลือด และคราบน่าขยะแขยงทั้งหลาย ความรู้สึกเมามันส์เมื่อตะกี๊ กับสิ่งที่ร่างสูงหยิบยื่นให้ เขาแทบอยากนึกหยิบมีดมาเสียบทะลุหัวใจตัวเองซะให้ได้
แปะ แปะ แปะ
ซักพักน้ำตาก็ไหลออกมา นี่อาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาหลงเหลืออยู่ก็ได้ ถ้าจงออบรู้จงออบจะคิดยังไง เขาอาจจะไม่เหลือใครแล้วจริงๆ ถ้าจงออบเลือกที่จะทิ้งเขา
“พี่คิดอะไรอยู่เหรอ ?”
ใบหน้าของร่างสูงที่พึ่งเดินเข้ามาคลอเคลียแถวคอของเขาจากด้านหลัง ทำให้ฮิมชานขมวดคิ้ว
...ทั้งหมดเป็นเพราะมัน ! เพราะชเวจุนฮงคนเดียว !...
พลั่ก !
“โอ๊ย ! Shit !”
“อย่ามายุ่งกับฉัน นายต้องการอะไรกันแน่ ! นายทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง นายทำมันไปได้ยังไง นายทำมันไปเพื่ออะไร !!”
“หึ ! เพื่ออะไรงั้นเหรอ ?”
“.....”
“ไม่รู้สินะ ก็แค่อยากทำ...”
เพียะ !
ความอดทนของฮิมชานหมดลง เขาเลือกที่จะตบหน้าร่างสูงอย่างไม่ลังเล แค่นี้มันยังไม่พอแน่กับการที่เขาต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานแบบนี้ ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งมองอีกคนที่ก็เอาแต่ร้องไห้ เขาเองก็ผิด ผิดเต็มประดา ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นแบบนั้น แต่จุนฮงกลับสแยะยิ้ม
“อีกเดี๋ยวไอ้จงออบมันก็มา พี่ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวมันก็ได้ไปสบายแล้ว”
“ว่ะ...ว่ายังไงนะ”
“ไอ้จงออบรู้เรื่องหมดแล้ว หึหึ”
จุนฮงพึ่งรู้ว่าไม่ควรพูดแดกดันคนอื่น และไม่ควรเห็นคนล้มแล้วกระทืบซ้ำก็วันนี้
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด !!~ หยุดพูดได้แล้ว ไม่เอาแล้ว ฉันไม่อยากฟังมันอีกแล้ว !!”
ฮิมชานกรีดร้องออกมาอย่างอัดอั้น เขาไม่รู้จะบรรยายความเจ็บปวดนี่ยังไงดี รู้แค่ตอนนี้เขาคงกำลังจะเป็นบ้า เขาอาจจะกลายเป็นคนโรคจิตไปแล้วก็ได้ เขาอยากตาย เขาอยากหายไปจากโลกนี้ อยากไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ต้องมาเจอคนๆ นี้อีก
“พี่ ! หยุดได้แล้ว ใจเย็นๆ สิ !”
“ใจเย็นงั้นเหรอ ?! นายบอกให้ฉันใจเย็นงั้นเหรอ ?!!”
ร่างบางที่กำลังอาละวาดวิ่งไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่ใกล้มือที่สุด ก่อนจะถือมันไว้ แล้วสแยะยิ้มมองหน้าร่างสูง จุนฮงเบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาไม่คิดว่าฮิมชานจะทำมันจริงๆ
“พี่ฮิมชาน วางมีดลงเดี๋ยวนี้นะ !”
“ไม่ ! ฉันไม่มีทางเลือกแล้ว ไม่มีโอกาสไหนที่ให้ฉันได้มากกว่านี้อีกแล้ว !”
ฮิมชานมองมีดในมือในมือตัวเองที่สะท้อนเงาของเขา ก่อนที่จะถือมันมาประชิดคอ กดลงไปเพื่อเรียกเลือด ร่างสูงมองเหตุการณ์นั้นอย่างตกใจ ขายาวก้าวเข้าไปหาร่างบางแล้วปัดมีดออกก่อนที่จะสวมกอดร่างบางทันที
“ฮึก...ฮือ”
แปลก... ที่เสียงนี้ไม่ใช่เสียงสะอื้นของฮิมชาน
ร่างบางขมวดคิ้วบางๆ ที่พึ่งได้สติ เขาตกใจไม่น้อยที่คนตัวสูงที่กอดเขาอยู่นี่ร้องไห้
“ซะ...เซโล่”
“ฮึก..ถ้าเกิดตายขึ้นมาจะทำยังไง !! ผมเป็นห่วงพี่มากนะรู้รึเปล่า ?!”
ฮิมชานเกือบจะหลุดขำ อะไรของมัน ? เมื่อกี๊ยังแดกดันเขาอยู่เลย ทำไมตอนนี้กลับตบหัวแล้วลูบหลังซะได้
“ร้องไห้ทำไม ? คนที่ควรร้องไห้มันควรเป็นฉันด้วยซ้ำ !”
“ผมรักพี่ผมเป็นห่วงพี่จริงๆ นะ”
“นายรักฉัน แต่นายกลับทำร้ายฉันเนี่ยนะ !”
บรรยากาศในห้องครัวตอนนี้ เหมือนสงครามแห่งการร้องไห้ เพราะต่างคนต่างร้อง ฮิมชานไม่ได้เลือกที่จะผลักจุนฮงออก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะยอมจำนนเพียงแต่ตอนนี้ไม่มีแรงแล้วจริงๆ แต่เพราะรู้ว่าไม่ควรทำ ร่างบางจึงค่อยๆ ถอยห่างจากตัวอันตราย ซึ่งจุนฮงที่ดูเหมือนจะหยุดร้องไห้แล้ว เอ่ยออกมาอย่างดื้อๆ
“พี่... ไม่ชอบกอดของผมเหรอ ?”
“ถ้าถามว่าใช่รึเปล่า ก็ใช่ และเพราะนายยังมียูยองแจอยู่ ฉันไม่อยากทำให้พวกนายบางหมางกัน และฉันก็ยังมีจงออบอยู่ ถึงแม้ว่าสุดท้ายนายจะมาพรากเขาไปก็ตาม”
“.....”
“นายไม่ได้รักฉันหรอกเซโล่ นายอาจจะแค่สงสารฉัน เรื่องของเรามันเป็นอดีตไปแล้ว นายยังมีอนาคตของนาย ยังมีหลายสิ่งที่นายต้องทำ หลายสิ่งที่นายต้องปกป้องรักษา ยังมีโอกาสที่นายจะใช้ชีวิต ส่วนฉันไม่มีแล้ว... ไม่มีใครหยิบยื่นโอกาสอะไรให้ฉันอีกแล้ว ฉันไม่เหลือใครแล้ว”
ร่างสูงยืนมองร่างบางที่ยิ้มหัวเราะกับสภาพชีวิตของตัวเอง ชีวิตของคิมฮิมชานช่างโหดร้าย เขาทรมานขึ้นทุกวันกับการสูญเสียครอบครัวและชื่อเสียง กลับกันกับจุนฮงที่มีความสุขขึ้นทุกวันกับชื่อเสียงเงินทองที่เขาได้รับจากการตามเก็บครอบครัวของฮิมชาน
...แต่ใครว่า เวลาที่ไม่เหลือใคร จะไม่มีโอกาสหยิบยื่นมาให้...
จุนฮงอยากหยิบยื่นโอกาสให้ฮิมชาน แต่โอกาสที่เหมือนเศษเดนของเขา ฮิมชานคงจะรับไว้ยาก เพราะก็เป็นเขาเนี่ยล่ะที่ทำให้ฮิมชานกลายเป็นแบบนี้ การรับขอเสนอของคนทำลายชีวิตตัวเอง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจมาก
“พี่อยากได้ไหมล่ะ...”
“.....”
“โอกาสน่ะ”
ร่างบางสเดาะตามองร่างสูงด้วยสายตาว่างเปล่า สายตาที่บ่งบอกถึงความสูญเสียและความรู้สึกต่างๆ นานา ถาถมกัน ร่างสูงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนี้
“เมื่อปีครึ่งก่อนหน้านี้ พี่เคยให้โอกาสผมไว้ตั้งมากมาย ตอนนี้ผมจะให้มันกับพี่บ้าง ไม่รู้ว่าพี่จะอยากได้มันรึเปล่า”
“.....”
“ถ้าพี่ยอมรับโอกาสของผม ผมจะเลิกกับยองแจฮยอง ผมจะเลิกงานผิดกฎหมายพวกนี้ แล้วผมจะหันมาใส่ใจพี่ ผมจะรักพี่แล้วจะอยู่กับพี่ จะไม่ทิ้งพี่ไปไหน เราจะอยู่ด้วยกัน...”
ฉึก !
ฮิมชานเบิกตากว้าง มองร่างสูงอย่างใจหาย จุนฮงเบ้หน้านิดๆ แล้วดึงมีดทางด้านหลังของตัวเองออก ร่างสูงหันกลับไปหาตัวการ ก่อนจะถูกหมัดเล็กๆ เสยเข้ามาที่ข้างแก้มจนเขาเผลอเซห่างออกไป
“ฮิมชานฮยอง ! เป็นอะไรรึเปล่า ?!”
“จะ..จงออบ !”
ร่างเล็กวิ่งเข้าไปกอดร่างบางเอาไว้ ความรู้สึกอบอุ่นที่แล่นเข้ามาทำให้ฮิมชานยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย
“ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่เป็นไรนะ...”
“ฮือ.. จงออบ จงออบ ฮือ..”
“อย่าร้องไห้สิครับ”
“ฉันกลัว.. ฉันคิดถึงนายจังเลย”
จุนฮงมองคู่รักเบื้องหน้า ความรู้สึกของฮิมชานที่มีให้จงออบมากจนเขาสัมผัสได้ มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่ร่างบางตรงหน้านี้ให้กับเขาเลยซักนิด
หึ.. เนี่ยแหละโอกาสของเขา
แกร๊ก !
เสียงกระดกนกสับขึ้นทำให้มุนจงออบเสียวสันหลังวาบ สัมผัสเย็นๆ ของวัตถุสีเงินทำให้เขาปล่อยกอดออกจากร่างบาง แล้วยืนนิ่ง
“ลูกผู้ชายน่ะ ไม่แทงคนอื่นจากด้านหลังหรอกนะ”
“แกมันไอ้สารเลว...”
“ด่ามาเลยยังไงแกก็ต้องตายอยู่แล้ว”
“เอาสิ ถ้าแกอยากให้มันจบแบบนี้ก็ยิงฉันเลย ซักวันสังคมจะต้องลงโทษแก”
“งั้นเหรอ ? ฉันรอจนทนไม่ไหวแล้วล่ะ หึ !”
จงออบหันมาสู้หน้าเพื่อนสนิท ร่างสูงผลักร่างเล็กจนกระเด็นไปชนกับประตูห้องครัว แล้วเล็งปืนไปที่หัวของอีกคนทันที นิ้วเรียวสอดเข้าไปในไกปืน พร้อมที่จะลั่นเมื่อไหร่ก็ได้
“อย่านะ !!”
“ฮิมชานฮยอง !”
“พี่ฮิมชาน !! ถอยไปซะ อย่าเข้ามายุ่ง ผมจะฆ่ามัน !!”
“ถ้าจะฆ่าจงออบก็ฆ่าฉันไปก่อนสิ !”
“ถอยออกมาซะ ! ผมบอกให้ถอยออกมาไม่ได้ยินเหรอ ?!!”
“ฮึก ! ไม่ ! ไหนๆ ก็สูญเสียทุกอย่างไปหมดแล้ว กับแค่ชีวิตน่ะฉันไม่ถือ !!”
“แต่ผมถือ !!”
ปัง !
จุนฮงเล็งปลายกระบอกปืนไปใกล้เท้าร่างบางก่อนจะลั่นไกปืนอย่างอารมณ์เสีย สายตาสุกสะกาวจ้องตาสวยนิ่ง เพื่อเจาะลึกความคิดของอีกคน
“ฮิมชานฮยอง ถอยไปเถอะครับ”
“ไม่จงออบ ! ฉันจะอยู่กับนาย เราจะอยู่ด้วยกัน”
“หุบปากทั้งคู่นั่นแหละ !!”
จุนฮงตะโกนเสียงดัง ก่อนจะก้าวขายาวดึงตัวร่างบางออกจากร่างเล็ก ฮิมชานได้แต่ทุบตีร่างสูงอย่างขัดขืน ในขณะที่จุนฮงยังคงกอดร่างบางเอาไว้ด้วยมืออีกข้าง ส่วนอีกข้างก็เล็งไปที่ร่างเล็กอย่างแน่วแน่
“ไอ้บ้าเซโล่ ! ฉันเกลียดนาย เกลียดนายที่สุด ! ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน”
“ไอ้จุนฮงปล่อยฮิมชานฮยองนะเว้ย !!”
“มึงไม่รู้เรื่อง มึงก็อย่าสอด !”
“.....”
“พี่ฮิมชาน ฟังผมก่อนได้ไหม ?”
“.....”
“ผมไม่ได้ละเลยโอกาสของพี่ แต่ผมทำในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของผม ปีครึ่งที่ผ่านมา ผมคิดถึงพี่มาก ผมอยากขอโทษพี่ แต่ผมหาพี่ไม่เจอผมไม่รู้ว่าพี่อยู่ไหน ผมรู้ว่าผมทำร้ายพี่มากแค่ไหน ผมรู้ว่าพี่ทรมานแค่ไหน ผมรักพี่มากจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้ได้ไหม ? ขอแค่ผ่านคืนนี้ไปให้ได้ ผมจะไม่ทำร้ายพี่อีก”
“.....”
“ผมขอโอกาสนึงอีกครั้งได้ไหม แค่โอกาสเดียว โอกาสที่ผมจะทำให้พี่กลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมจะทำให้พี่ยิ้ม ผมจะทำให้พี่มีความสุข ผมจะไม่ทำร้ายพี่ ผมจะอยู่กับพี่ตลอดไป ทดแทนโอกาสที่พี่ให้ผม ทุกสื่งที่พี่มอบมันให้กับผมตลอด เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ผมไม่อยากให้พี่มองผมแล้วร้องไห้ ผมไม่อยากให้พี่อคติกับผม ไม่อยากให้พี่เกลียดผมอีกต่อไปแล้ว แค่โอกาสเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมรู้ว่าผมทำผิด ที่คอยแดกดันพี่มาตลอด แต่ที่ผมพูดทำร้ายพี่ออกไป ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย ผมคิดถึงพี่ และรักพี่มากจริงๆ...”
“.....”
“กอดของผม ไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกดีเลยใช่ไหม ? ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ได้โปรดยกโทษให้ผม มอบโอกาสอีกซักครั้งให้ผม”
“.....”
“อย่าร้องไห้ให้ผมเห็น โอกาสที่ผมจะได้รักพี่ และชดใช้ทุกสิ่ง ผมขอได้ไหม ?...”
จุนฮงทิ้งปืนลงก่อนจะใช้สองแขนกอดร่างบางเอาไว้ ตัวของเขาสั่นเหมือนคนขี้กลัวและคนปกติคนหนึ่ง ฮิมชานยืนนิ่งซักพัก ก่อนจะกอดอีกคนตอบ ร่างบางซุกหน้าลงกับหน้าอกของอีกคน แล้วจุนฮงก็ค่อยผละอ้อมกอดออก ร่างสูงยิ้มบางๆ ให้อีกคน แล้วเช็ดน้ำตาให้ฮิมชาน ร่างบางมองร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ จนกระทั่งร่างสูงก้มลงมากระซิบข้างหูของเขา
“Baby , don’t cry. Give one chance for me. I’ll make it best for tonight.”
“เซโล่...”
Chu~
ร่างสูงจูบหน้าผากคนร่างบาง ก่อนจะคว้าโทรศัพท์จากในกระเป๋าตัวเอง แล้วกดโทรออก ไม่ลืมที่จะเปิดลำโพงให้อีกสองคนได้ยิน
[ฮัลโหล จูนง ทำไมมาช้าจังล่ะ จะสี่ทุ่มแล้วนะ]
“ขอโทษนะ ยองแจฮยอง เลิกกันเถอะ”
[น่ะ.. นายว่ายังไงนะ ?!]
“เลิกกันเถอะ ผมมีคนที่รักอยู่แล้ว”
[ฉัน..]
“ไม่ คนที่ผมรักไม่ใช่พี่ ไม่ใช่ยูยองแจ เขาชื่อฮิมชานฮยอง”
[นายกล้าหักอกฉันเหรอ จูนง ?!!]
“ลาก่อน”
จุนฮงตัดสายแรกทิ้ง แล้วเปิดลำโพงสำหรับสายต่อไปต่อ
[ว่าไง ไอ้เซโล่ แกเก็บไอ้จงออบไปรึยัง]
“โทษทีนะฮะ เฮียกุก แต่ผมจะลาออก”
[แกว่าไงนะ !! ทั้งที่อุส่าห์ฆ่าคนตระกูลคิมทั้งหมดได้แล้ว กลับอีแค่ไอ้มุนจงออบคนเดียว แกกลับฆ่าไม่ได้งั้นเหรอ ?!]
“มันควรจะจบได้แล้วล่ะเฮีย ฮิมชานฮยองเหลือมุนจงออบแค่คนเดียวแล้ว เลิกทำตัวกร่างได้แล้ว”
[นี่แกหาว่าฉันกร่างงั้นเหรอ ?! กล้าปฏิเสธตำแหน่งมือขวาและเงินของฉันงั้นเหรอ ?!!]
“ฮะ อย่างที่เฮียคิดนั่นแหละ เก็บเงินภารกิจนั่น ไปตัดเหงือกเฮียก่อนละกัน”
จุนฮงกดตัดสายทิ้ง แล้วมองหน้าสวยยิ้มๆ ร่างบางมองร่างสูงอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่าจุนฮงจะทำแบบนั้นจริงๆ
“นาย...”
“ขอบคุณมากนะครับ ฮิมชานฮยอง เอ๊ะ ! ผมเรียกพี่แบบนั้นได้ใช่ไหม ?”
“.....”
“ขอบคุณสำหรับโอกาสนะครับ ผมจะไม่ทำร้ายพี่อีกแล้ว โอกาสของพี่มีค่ามากจริงๆ”
“.....”
“แล้วทีหลังก็อย่าพูดว่าตัวเองไม่มีค่าอีกนะ เพราะพี่มีค่าสำหรับผมเสมอ”
“.....”
“ไอ้จงออบ ฉันฝากฮิมชานฮยองด้วย ดูแลให้ดีๆ นะมึง”
“อ่ะ..เอ่อๆ รู้แล้วเว้ย”
“เซโล่..”
“ครับ”
“อย่าไปได้ไหม ?”
“ไม่ได้หรอกครับ พี่เกลียดผมซะขนาดนี้”
“ถ้าฉันรั้งนายไว้ล่ะ ? อยู่กับฉันได้ไหม ?”
“แผลในจิตใจของมนุษย์น่ะ ไม่สามารถลบมันออกไปได้ง่ายๆ หรอกครับ ผมเองก็เหมือนกัน”
“.....”
“ลาก่อนครับฮิมชานฮยอง ผมหวังว่าต่อจากนี้ พี่จะมีความสุข”
จุนฮงเดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกจากประตูห้องครัวไป โดยที่มีสายตาสวยของอีกคนมองตามอย่างสับสน
จงออบมองท่าทีของร่างบางฮิมชานกำลังตัวสั่น เขารู้สึกได้ถึงมือที่เย็นเหยียบของอีกคน และสายตาที่มองไปทางร่างสูงอย่างคาดหวัง สายตาที่มีแต่ความรู้สึกมากมาย จงออบไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของอีกคนได้จริงๆ เขาไม่รู้อดีตของสองคนนี้ ถึงได้เข้ามาพัวพันอย่างงงๆ
หน้าที่ของเขาในตอนนี้คืออะไร จงออบรู้ดี เขารู้แล้วล่ะ...
“ไปสิ...”
“จงออบ ?”
“ผมรู้ว่าพี่ต้องการไอ้จุนฮง”
“.....”
“พี่รักไอ้จุนฮงใช่ไหมล่ะ ?”
“ฉันรักนาย”
“อย่าโกหกตัวเองครับ คำพูดของพี่อาจทำร้ายคนๆ นึง ได้เลยนะ”
“.....”
“ผมอยู่ได้ ไปเถอะ... เลือกทางของพี่เอง ทำมันให้ดีที่สุด ผมให้โอกาสพี่เลือกแล้วนะ”
“.....”
“.....”
“ขอบใจนายมากนะจงออบ นายคือน้องชายที่ฉันรักที่สุด”
จงออบยิ้มให้ร่างบาง ที่ยิ้มตอบให้เขาก่อนจะวิ่งตามร่างสูงไปติดๆ ความจริงเขาก็เสียใจ ถามว่าทำไมถึงได้ปล่อยฮิมชานไปงั้นเหรอ ? ก็ไม่ได้อยากปล่อยไปหรอก คนเขารักกันอย่างมีความสุขได้น่ะ ต้องเกิดจากความรักจริงๆ ไม่ใช่การคบกันเพื่อลืมอีกคน
...ขอให้รักกันนานๆ นะ...
ปัง !!
.
.
.
.
ฮิมชานเหมือนรู้สึกได้ถึงเสียงไกปืน แต่ว่าเขาคงหูฝาดไปเองล่ะมั๊ง จงออบคงไม่ทำแบบนั้นแน่ ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว เขาต้องไปหยุดจุนฮง
ร่างบางก้าวออกมาหน้าคฤหาสน์ มองหาร่างสูงที่ขับรถออกไป แล้วจึงรีบวิ่งตาม
“เซโล่ !! หยุดก่อน เซโล่ !!”
ร่างสูงสะกิดใจถึงเสียงที่คุ้นเคยแล้วสะเดาะตามองกระจก ก็ต้องเบิกตาขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นอีกคนวิ่งตามมา จุนฮงรีบหยุดรถทันทีก่อนที่จะเปิดประตูแล้ววิ่งไปดูร่างบางที่วิ่งตามมา
“แฮ่ก แฮ่ก ! อะ...ไอ้เด็กบ้า !! มันเหนื่อยรู้ไหม ?”
“ทะ..ทำไม ?”
“ทำไมงั้นเหรอ ? เพราะ นายมันเลว นายมันชั่ว นายมันตัวซวย ฉันโคตรจะบรมเกลียดนายที่สุด !!”
จุนฮงขมวดคิ้วอย่างงงๆ ก็แน่นอนล่ะ ฮิมชานคงจะเกลียดเขามาก ถึงขนาดวิ่งมาตามด่าเลยมั๊ง
“ก็เพราะฉันโคตรบรมเกลียดนายเลย นายมันขี้ขโมย ! เอาคืนมานะ !”
“ขโมย ? ผมขโมยอะไร ?”
จุนฮงถามอย่างมึนๆ ให้ตายเหอะ ใส่ความกันชัดๆ
“หัวใจของฉันน่ะ !! เอาคืนมาเลยนะ !”
“ห๊ะ ?”
“เพราะฉันโคตรจะบรมเกลียดนาย เกลียดมากเลยกับการกระทำของนาย แต่ก็เพราะฉันโคตรจะบรมรักนาย ได้ยินไหมว่าฉันโคตรจะรักนาย เพราะงั้นหัวใจของฉันน่ะ ฉันจะให้มันง่ายๆ ก็ได้ แต่ต้องแลกข้อเสนออย่างหนึ่งกับฉัน”
จุนฮงมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ อะไรนะ ? เมื่อกี๊ฮิมชานบอกชอบเขา ฮิมชานจะบอกว่ารักเขางั้นเหรอ ?
“อะ..อะไร ?”
“นายอยากได้โอกาสไหม ?”
“โอกาสอะไร ?”
“โอกาสที่จะได้ตัดสินใจกับข้อเสนอนี้ที่ฉันจะยื่นให้”
“ก็ได้ ว่ามาสิ ข้อเสนอของพี่น่ะ”
“ตื่นเต้นหน่อยสิ !”
“= = คนพึ่งจะผ่านเรื่องลำบากมาแท้ๆ พี่จะให้ผมตื่นเต้น ?”
“เอาล่ะๆ ข้อเสนอของฉันคือ นายจะเอาหัวใจของฉันไปฟรีๆ เลยก็ได้ แต่ว่านายต้องรักฉัน แต่งงานกับฉันและ...”
“.....”
“อยู่กับฉันตลอดไปนะ...”
จุนฮงดึงตัวอีกคนเข้ามากอดทันที เขาไม่ได้หูฝาด เขาไม่ได้ตาบอด คนๆ นี้ยอมให้อภัยเขาแล้ว คนๆ นี้ยอมให้โอกาสเขาปรับปรุงตัวแล้วจริงๆ ใช่ไหม ?
“ผมจูบพี่ได้ใช่ไหม ?”
“ฉันเปล่าห้ามนี่นา”
ร่างสูงอมยิ้มให้กับหน้าแดงๆ ของอีกคน ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ก้มหน้าลง จนปลายจมูกแตะกับปลายจมูก ก่อนที่ปากจะแตะกับปาก และลิ้นจะแตะกับลิ้น สัมผัสที่ร่างสูงได้รับ และการจูบตอบของร่างบางทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน
“อืม... ฮิมชานฮยอง”
“ว่า ?”
“แต่งงานกันนะ”
“.....”
“.....”
“เหอะ..”
“ไม่ซึ้งบ้างเลยเหรอ กำลังโรแมนติกแท้ๆ”
“มันเป็นหน้าที่ของนายอยู่แล้วนิ”
“=[]=”
“แต่ยังไงก็.. ขอบใจนะ ฉันรักนายมากจริงๆ”
ร่างบางกดคอร่างสูงลงมาจูบอีกระลอก จบแล้วกับการสูญเสียทุกอย่าง พอแล้วกับชีวิตแย่ๆ ที่เขาต้องทรมานมาตลอดปีครึ่ง คนๆ นี้ปล่อยวางเขาแล้ว ขอบคุณนะ...โอกาสของฉัน
...โอกาสนี้น่ะ ได้ยินรึเปล่าสวรรค์ ? ผมทำมัน ให้ดีที่สุดได้แล้วล่ะ...
:: THE END ::
ความคิดเห็น