ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Private Personal Privy;

    ลำดับตอนที่ #25 : ลำดับตอนที่ 25

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 56


     

    Milky’ BUNNY

     

                ถ้าพวกเรายืนจับมือกันใจกลางเมืองแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้า ~

                    ผมนอนฟังเพลงของไอดอลสาวจากไอพอดพร้อมอ่านหนังสือการ์ตูนในมืออย่างสำราญใจ ถัดไปไม่ถึงเมตรมีถ้วยราเม็งที่เส้นอืดจนบานเต็มถ้วยวางคู่กับแก้วน้ำเย็นชืด ไม่ไกลกันเท่าไหร่มีจานผสมสีกับกระดาษเอสี่ที่ถูกผมขยำทิ้งกองพูนเป็นยอดดอยตั้งเด่นสง่าอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก

                    เซฮุนเสร็จหรือยังลูก พี่เค้ามารอแล้วนะ

                พี่ไหน ..แล้วรอกูทำไมวะ?

                ทันทีที่หญิงวัยกลางคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่เปิดประตูเข้ามาเห็นสภาพของผมในตอนนี้ก็ทำหน้าตกใจอย่างกับภูเขาไฟฟูจิกำลังจะประทุขึ้นอีกรอบ ผมได้แต่ทำหน้างงเกาหัวแกรกๆ กับปฏิกิริยาที่ดูท่าทางโอเวอร์เสียเหลือเกิน

                    รออะไรกันแม่

                    ถ้าผู้มีพลังรับรู้อนาคตคงจะไม่พูดประโยคนี้ออกไปแน่ๆ จากผู้หญิงวัยกลางคนที่แสนอบอุ่นกำลังกลายร่างเป็นคุณครูสุดโหดที่คอยไล่ตีเด็กนักเรียนที่หลับในห้องเรียนไปในทันที

                    ลืมไปแล้วหรือไงว่าลูกต้องกลับเกาหลี รีบเก็บของได้แล้ว!!”

                    ในขณะที่ผมกำลังตกอยู่ในภาวะช็อคเข้าขั้นโคม่า แม่ก็เดินมาดึงคอเสื้อจากทางด้านหลังให้ผมลุกขึ้นพร้อมหยิบกระเป๋าเดินทางโยนมาให้แล้วยืนกอดอกมองท่าทีของผมนิ่งๆ

                อยากจะบอกว่ากูไม่อยากกลับ แต่ดูจากสายตาแม่ตอนนี้คงต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าให้เร็วไว

                    แล้วแม่ซื้อบ้านที่นู่นไว้ให้ผมแล้วหรอ

                    ผมทำเป็นถามถ่วงเวลาพยายามใช้เวลากับการพับเสื้อแต่ละตัวให้นานที่สุดเพื่อยื้อเวลากับการใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นที่รักสักวินาทีหนึ่งก็ยังดี

                    แม่กลัวลูกอยู่คนเดียวไม่ได้ จงอินเค้าเลยให้ลูกไปอยู่ด้วยน่ะ

                    ใครวะ ..

                    เหมือนแม่จะเห็นสีหน้ามึนงงของผมซึ่งไม่เข้าใจว่า จงอิน ที่ตัวเองพูดมาคือใคร เลยเริ่มเปิดปากอธิบายให้ผมกระจ่างแจ้งในทันใด

                    ก็เพื่อนบ้านเราตอนอยู่ฟุกุโอกะไงจ๊ะ

                เดี๋ยว .. คิมจงอิน รักแรกของเขาน่ะหรอ!







    Milky’ BUNNY

     

                    ตึกรามบ้านช่องยามค่ำคืนของประเทศเกาหลีไม่ค่อยแตกต่างจากประเทศญี่ปุ่นมากเสียเท่าไหร่ เพียงแต่คนมักใช้รถยนต์ส่วนตัวกับรถไฟฟ้าใต้ดินมากกว่าการเดินเท้าเท่านั้น ผมมองดูทัศนียภาพใหม่ผ่านทางกระจกสีใส          ของรถมินิคูเปอร์คันหรูที่เพื่อนของคิมจงอินขี่มารับ

                    เป็นจิตกรหรอ เจ๋งแฮะ!”

                    ปาร์คชานยอลเบนสายตาจากถนนหันมายกนิ้วโป้งให้ผมพร้อมยิ้มชอบใจ ผมได้แต่พยักหน้ารับเป็นทำนองขอบคุณ ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะชอบทำอะไรโอเว่อร์ไปเสียทุกอย่างแถมยังพูดมากเป็นต่อยหอยอีกด้วย

                    หุบปากแล้วขับไปเถอะมึงน่ะ

                    บุคคลที่แทบจะไม่มีตัวตนเลยเอ่ยขัดขึ้นด้วยความรำคาญ สารถีจำเป็นจิ๊ปากขัดใจนิดหน่อยแต่ก็ยอมทำตามคำสั่งของอีกคนอย่างว่าง่าย พอบรรยากาศเริ่มเงียบพาลทำให้หนังตาผมแทบจะปิดอยู่รอมร่อ ไม่รู้ว่าเส้นทางอีกยาวไกลแค่ไหนแต่สติของผมก็ได้เลือนหายไปกับแอร์เย็นๆ ของรถคันนี้ซะแล้ว

                    พอรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนชานยอลหันมาปลุก ส่วนอีกคนที่รับคำกับแม่ผมว่าจะดูแลน่ะหรอ สะพายกระเป๋าเดินหายเข้าไปในคอนโดนู่นแล้ว

                    ขอบคุณที่มาส่งนะครับ

                    จำใจต้องรีบบอกลาอีกคนอย่างเร็วไวแล้วลากกระเป๋าเข้าไปให้ทันคนตัวสูงที่ไม่รู้จะรีบจ้ำอ้าวไปไหน คอนโดมันไม่หนีไปไหนหรอกเว้ย!

                    รอผมด้วย จงอินฮยอง!”

                    พอเริ่มก้าวขาตามไม่ทันก็แหกปากสกัดทางไว้แม่งเลย ได้ผลครับ เจ้าตัวหยุดชะงักแล้วหันมามองผมที่วิ่งมาหยุด เป็นหมาหอบแดกอยู่ข้างหลัง มือสองข้างเต็มไปด้วยอุปกรณ์ประกอบอาชีพมากมายแถมกระเป๋าเป้ขนาดใหญ่ที่สะพายอยู่ข้างหลังนี่ใหญ่อย่างกับเก็บบ้านทั้งหลังใส่มาได้

                    ไม่เรียกโอป้าเหมือนเมื่อก่อนหรอ

                    “อะ..ไอ้บ้า

                    อยากจะต่อยหน้าหล่อๆ ที่กำลังหัวเราะชอบใจให้มันเสียโฉมซะจริง ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้มือไม่ว่างคงได้มีเรื่องกันตรงทางเดินนี่ล่ะวะ

                    หืม โอเซฮุนโตเป็นสาวแล้วนี่นะ คงไม่วิ่งมาดึงชายเสื้อแล้วเรียกโอป้าๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

                    “ใครจะโตเป็นสาวกัน ผมเป็นผู้ชายนะ

                    ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าขำนักหนา คิมจงอินถึงเอาแต่หัวเราะตั้งแต่เมื่อกี้จนตอนนี้ได้อันเชิญตัวเองเข้ามาในห้องแล้วก็ยังไม่หยุดขำ พอโดนผมมองค้อนก็ทำเป็นยกมือขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงขำท่าทางกวนตีนไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแม้แต่น้อย

                    คืนนี้ก็นอนกับพี่ไปก่อนแล้วกัน

                    หมายถึงนอนด้วยกันงั้นหรอ .. ถ้าผมเกิดหวั่นไหวเหมือนเมื่อก่อนขึ้นมาใครจะรับผิดชอบวะ

                    จะบ้าหรือไง!”

                    เห็นไหม โตเป็นสาวแล้วจริงๆ ด้วย ถึงไม่ยอมนอนกับผู้ชายสินะ~

                    “โธ่เอ๊ย! ก็..ก็ห้องฮยองสกปรกจะตายชัก ใครจะอยากเข้าไปนอนด้วย

                    ห้องตัวเองสะอาดตายล่ะ แม่สาวน้อยโอเซฮุน

                    ใครเป็นสาวน้อยไม่ทราบ!”

                    แล้วก็หันมายักคิ้วหลิ่วตาก่อนจะเดินผิวปากเข้าห้องน้ำไป ผมเลยหยิบหมอนอิงบนโซฟามาทุบเป็นการระบายอารมณ์ซะเลย จะว่าไปไม่ได้เจอกันมาเกือบสิบปีคนๆ นี้ดูจะไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งนิสัย การพูดจา และสีผิวที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่รู้ว่าตอนนี้จงอินฮยองทำอาชีพอะไรอยู่แต่ดูท่าทางจะต้องเป็นอาชีพที่รายได้ดีแน่ๆ ดูจากสภาพคอนโดแล้วคงจะราคาแพงหูฉี่เลยล่ะ

                   

                    


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×