ตอนที่ 47 : Aria 42 : This is the beginning of winter break (up).
Aria 42
This is the beginning of winter break (up).
รู้ตัวอีกที ปิดเทอมฤดูหนาวก็มาถึงแล้ว
เป็นช่วงเวลาที่อายาเมะทั้งอยากและไม่อยากให้มาถึงไปพร้อมๆ กัน
มันก็ดีอยู่หรอกที่ได้มีวันหยุดบ้าง และเธอก็ไม่ได้กลับบ้านมาสักพักแล้ว ถึงจะหาทางหลบเลี่ยงอยู่บ่อยๆ แต่ตอนนี้ก็เริ่มคิดถึงคุณพ่อคุณแม่กับเจ้าหมาหยิ่งเบ็ตตี้ของอายาโตะขึ้นมานิดๆ แล้ว
แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่ค่อยจะอยากกลับบ้านด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นล่ะ…
เอาเถอะ! ปิดเทอมฤดูหนาวมันสั้นนิดเดียวเองนี่นา
ที่น่าเสียดายที่สุดก็แค่จะไม่ได้เจอแฟนของเธอทุกวันแล้วนั่นล่ะ
อายาเมะพลันรู้สึกสลดลงทันทีขณะที่แอบเหลือบมองคนที่เดินอยู่ด้านข้าง
บาคุโกถือกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ของเขาแตกต่างจากเธอที่มีแค่กระเป๋าสะพายใบเล็กๆ เพราะถือคอนเซ็ปท์ว่าจะไม่แบกของพะรุงพะรังเด็ดขาด
มือข้างที่ว่างอยู่ของเขาถูกเธอจับแกว่งไปมาเบาๆ ขณะที่พวกเขาเดินอยู่ด้วยกันบนทางเดินมุ่งหน้าไปยังประตูโรงเรียน
อายาเมะมองใบหน้าด้านข้างนั้นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดว่า “ไปฝึกงานก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”
เขาต้องไปอินเทิร์นก็แสดงว่าต้องไปทำหน้าที่เหมือนฮีโร่จริงๆ ถึงบาคุโกจะเก่ง แต่เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
ดวงตาสีแดงดุๆ ตวัดมามองเธอ ก่อนที่เขาจะตอบกลับมา
“เธอด้วย ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉัน”
คำพูดที่ราวกับจะบอกว่าเธอเป็นตัวดึงดูดปัญหาทำให้อายาเมะขยับตัวชนเขาเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
“ฉันกลับบ้านเฉยๆ เองนะ จะไปมีเรื่องอะไรได้ไง บาคุโกนั่นแหละ อย่าไปมีเรื่องกับใครในที่ฝึกงานนะ!”
“หาเรื่องกันเหรอวะ”
บาคุโกไม่ได้พูดเฉยๆ เพราะอยู่ๆ เขาก็ดึงมือออกไปกำเป็นกำปั้นแล้ววางลงบนหัวของเธอ
ปุ!
สัมผัสแผ่วเบาบนหัวนั่นทำให้อายาเมะเหลือบขึ้นไปมอง
อะไรอะ วิธีลงโทษแบบบาคุโก คัตสึกิหรือไง
ความคิดนั้นทำให้อายาเมะพองแก้มใส่เขาในทันที
เรื่องที่เธอพูดน่ะก็เรื่องจริงทั้งนั้น เธอไม่เชื่อหรอกว่าบาคุโกจะสงบเสงี่ยมลงแค่เพราะว่าฝึกงานอยู่กับฮีโร่อันดับหนึ่งน่ะ
แต่ดูเหมือนว่าหน้ามุ่ยๆ ของเธอจะใช้ไม่ได้ผล เพราะบาคุโกก็แค่เหลือบมามองก่อนจะแค่นเสียงใส่
“เดี๋ยวจิ้มแก้มแตก”
…
นี่แฟนเองไง
ไม่พองแก้มแล้วก็ได้
เด็กสาวเอื้อมมือขึ้นไปคว้ามือของบาคุโกกลับมาจับอีกรอบ เธอนึกอยากจะพูดทิ้งท้ายอะไรอีกสักหน่อย แต่พอคิดๆ ไปแล้วก็ตัดสินใจเดินต่อไปอย่างเงียบๆ
นี่บาคุโกเลยนะ คำพูดพร่ำเพรื่อไม่จำเป็นกับเขาหรอก
แค่ให้เขาดูแลตัวเองสักหน่อยอย่างที่เธอบอกไปก่อนนี้ก็พอแล้วล่ะ
พวกเขาเดินมาด้วยกันจนเห็นประตูโรงเรียนอยู่อีกไม่ไกลแล้ว ที่ตรงข้างประตูอายาเมะเห็นรถสีดำที่คุ้นเคยจอดอยู่ เธอจึงชลอฝีเท้าลงนิดหน่อย
มือที่จับมือของบาคุโกเอาไว้บีบเบาๆ เหมือนกับพยายามจะส่งผ่านความรู้สึกของเธอ ก่อนที่อายาเมะจะปล่อยมือของเขา
พวกเขายังคงเดินไปพร้อมกัน แต่อายาเมะก็ถอยเว้นระยะห่างออกมาจนเธอสัมผัสถึงไออุ่นจากคนข้างตัวไม่ได้อีกแล้ว
อายาเมะไม่รู้ว่าบาคุโกสังเกตเห็นความผิดปกติพวกนั้นหรือเปล่า แต่ถ้าเขาเห็น เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
พอถึงประตูโรงเรียนเด็กสาวก็หยิบแว่นกันแดดออกมาสวมแล้วปัดผมไปไว้ข้างหลังให้ดีๆ จากนั้นก็โบกมือลาบาคุโกที่หยุดยืนจ้องเธอด้วยดวงตาสีแดง
“ไว้เจอกันนะ!”
บาคุโกไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา แต่จนกระทั่งอายาเมะขึ้นไปนั่งบนรถแล้วมองผ่านหน้าต่างออกมา เธอก็ยังเห็นดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เธออยู่
ถึงจะรู้ว่าเขาคงจะมองไม่เห็น แต่อายาเมะก็นั่งเท้าคางกับหน้าต่าง ใช้จังหวะที่รถยังจอดอยู่ที่เดิมมองหน้าของบาคุโกต่อไปอีกสักหน่อย
รอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากของเธอไม่หลุดพ้นสายตาของอายาโตะที่นั่งอยู่เบาะหลังข้างๆ กันแต่กลับถูกเมินไปเสียเฉยๆ
อายาโตะอุ้มเจ้าหมาตัวน้อยขึ้นมาบนตัก จับหน้าของมันหันไปทางหน้าต่างด้านที่บาคุโกยืนอยู่ ก่อนจะออกคำสั่งอย่างที่จงใจให้อายาเมะได้ยิน
“คนสวยเมินพี่ชายคนนี้งั้นเหรอ เบ็ตตี้ไปกัดเจ้าหมอนั่นเลย”
อายาเมะหันขวับไปมองพี่ชายของเธอทันที
อายาโตะกำลังนั่งเอนหลังพิงเบาะด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ แว่นตากันแดดคู่ที่เธอเคยซื้อให้ตอนวันเกิดถูกเลื่อนลงเล็กน้อยในตอนที่เขามองเลยผ่านเธอไปยังแฟนของเธอที่ยังยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน
บนตักของเขาคือสุนัขพันธุ์บิชองฟริเซ่สีขาว เจ้าหมาอลิซาเบ็ธหรือ ‘เบ็ตตี้’ สุนัขสุดที่รักของคุณแม่ของเธอเอง
รอยยิ้มเหยียดที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาทำให้อายาเมะได้แต่มองแล้วเบะปากนิดๆ
ทำอะไรน่ะ ประเมินศัตรูหรือไง
“คุณพ่อ อายาโตะกับเบ็ตตี้รังแกหนูอะ!”
“ใส่ร้ายกันเห็นๆ ใช่สิ ฉันมันคนตกกระป๋องแล้วนี่”
เสียงโต้เถียงเหมือนเด็กเล็กๆ จากเบาะหลังทำให้อิชิคาวะ โทมิอิจิ ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับได้แต่ยิ้มอ่อนใจ
“อายาโตะเคยรังแกลูกที่ไหนกัน”
พอเห็นว่าพ่อของเธอไม่เข้าข้างแล้ว อายาเมะก็ได้แต่หันไปมุ่ยหน้าใส่อายาโตะเพียงแค่เท่านั้น แต่นอกจากเจ้าตัวจะส่งยิ้มเหนือกว่ากลับมาแล้ว เบ็ตตี้ก็ยังมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามอีกต่างหาก
…
ลำดับขั้นของเธอในครอบครัวอิชิคาวะมันต่ำต้อยกว่าเจ้าหมาหยิ่งนี่อีกเหรอเนี่ย
สุดท้ายแล้ว เด็กสาวก็ได้แต่นั่งกอดอกมุ่ยหน้าไปตลอดทางกลับบ้านของเธอ
บ้านอิชิคาวะอยู่ในย่านแหล่งที่อยู่อาศัยในเมืองโตเกียว เป็นบ้านสามชั้นที่มีสวนด้านหน้าถูกจัดตกแต่งเอาไว้ในสไตล์โมเดิร์น แม้จะดูเรียบง่ายแต่มองปราดเดียวก็บอกได้ว่าถูกออกแบบและได้รับการดูแลอย่างดี ตัวห้องรับแขกมีประตูกระจกใสที่สามารถมองเห็นสวนได้ และอายาเมะก็มองเห็นใครบางคนนั่งรออยู่แล้ว
พอพ่อของเธอจอดรถในโรงรถเสร็จแล้ว อายาเมะก็รีบเดินผ่านสวนมุ่งหน้าไปยังประตูบ้านอย่างรวดเร็ว
“กลับมาแล้วค่ะคุณแม่!”
“กลับมาแล้วครับ”
เสียงทักทายของลูกๆ ทำให้อิชิคาวะ อาซามิ ตวัดดวงตาโฉบเฉี่ยวไปมอง
ใบหน้างดงามเรียบเฉยไร้รอยยิ้ม แม้ใครต่อใครจะบอกว่าสองฝาแฝดอิชิคาวะได้ความหน้าตาดีมาจากคุณแม่ แต่บรรยากาศรอบตัวของหญิงสาววัยกลางคนกลับแตกต่างจากลูกๆ อย่างเห็นได้ชัด
ถ้าอายาเมะเป็นคนที่น่ารักราวกับตุ๊กตา
อิชิคาวะ อาซามิก็คือคนที่ให้ความรู้สึกสง่างามคมคายแบบนางร้ายตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง
อายาเมะพุ่งเข้ากอดแม่ของเธอด้วยความคิดถึง กลิ่นหอมของ chanel no.5 ที่คุ้นเคยทำให้เธอซุกเข้าไปหาอีกฝ่ายมากกว่าเดิม
ถึงเธอกับอายาโตะจะอิดออดไม่อยากกลับบ้านกันมาตลอดทั้งเทอม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าแอบคิดถึงคุณพ่อคุณแม่อยู่เหมือนกัน
“โฮ่ง!!” เบ็ตตี้เห่าใส่เธอ ขัดจังหวะบรรยากาศน่าซาบซึ้ง ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาระหว่างเท้าแล้วเอาหัวดันอายาเมะออกไป
สุดท้ายแล้ว อายาเมะก็ได้แต่ถอยออกมายืนมองเจ้าหมาเบ็ตตี้เข้าไปคลอเคลียกับแม่ของเธอ
“คิดถึงจังครับ มาดาม” อายาโตะสลับตัวเข้าไปกอดเอวคุณแม่บ้าง ก่อนจะหอมแก้มอาซามิเบาๆ อย่างเอาใจ
เบ็ตตี้ไม่มีทีท่าจะไล่อายาโตะออกมาสักนิด ทำให้อายาเมะเบะปากใส่เจ้าหมาบิชองฟริเซ่ด้วยความหมั่นไส้
สองมาตรฐานชะมัด เห็นเธอเป็นอะไรกันน่ะ!
ในขณะที่อายาเมะกำลังทำสงครามประสาทกับเจ้าหมาตัวเล็ก อาซามิก็กอดอกมองลูกฝาแฝดของเธอด้วยท่าทางออกจะเอือมระอา
“ทำเป็นพูดดีไป ถ้าไม่มีธุระจำเป็นหรือไม่ปิดเทอมพอดี เธอก็ไม่เห็นคิดจะกลับบ้านเลย”
ทั้งที่คำพูดนั้นเหมือนจะกำลังพูดกับอายาโตะอยู่ แต่คนที่ไม่ได้กลับบ้านเลยตั้งแต่ไปอยู่หอพักอย่างอายาเมะก็พลอยสะดุ้งไปด้วย
สองพี่น้องสบตากับชั่วครู่หนึ่ง แม้จะไม่ต้องใช้การสื่อจิตของฝาแฝดก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก
“จะว่าไปแล้ว ผมไม่ได้เล่นกับเบ็ตตี้นานเลย ถ้ายังไงผมจะพาเบ็ตตี้ไปเดินเล่นในสวนนะครับ” อายาโตะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างว่องไว
“ส่วนหนูก็จะรีบไปจัดของเข้าห้องก่อนนะคะ” อายาเมะก็หาข้ออ้างอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นไม่นาน สองพี่น้องก็หลบฉากออกไปคนละทาง
กล่องสัมภาระของเธอถูกยกไปวางไว้ที่หน้าห้องนอนบนชั้นสามแล้ว อายาเมะเดินไปถึงก็รีบแกะกล่องใบใหญ่ที่สุดออกมาเป็นใบแรก
ข้างในกล่องมีของอัดแน่นอยู่ แต่สิ่งที่กินพื้นที่มากที่สุดก็คือตุ๊กตากระต่ายโง่ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในนั้น
เด็กสาวหยิบกระต่ายโง่ขึ้นมากอดฟัดทีหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปในห้องนอนของตัวเองเพื่อจะเคลื่อนย้ายตุ๊กตาบนเตียงของเธอจนเหลือพื้นที่ตรงกลางไว้สำหรับวางกระต่ายโง่
อายาเมะทิ้งตัวลงนอนทับกระต่ายโง่อีกทีพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมา
กระต่ายของบาคุโก ₍ᐢ.ˬ.ᐢ₎♡ : ถึงบ้านแล้วนะ・°☆
กระต่ายของบาคุโก ₍ᐢ.ˬ.ᐢ₎♡ : นายล่ะ?
บาคุโกยังไม่อ่านแชทของเธอ เขาเองก็น่าจะยุ่งๆ กับการกลับบ้านอยู่เหมือนกัน
อายาเมะจึงปิดหน้าจอมือถือแล้วก็กลิ้งอยู่บนเตียงเพื่อจะหันไปกอดกระต่ายโง่เอาไว้
พอหันไปมองกองของที่วางอยู่แล้ว อายาเมะก็พลันรู้สึกไม่อยากจะขยับตัวเลยสักนิด
แต่ถ้าคุณแม่ขึ้นมาเห็นว่าเธอยังไม่จัดของเขาห้อง มีหวังถูกดุแน่
คิดแล้วเธอก็ได้แต่ถอนหายใจ
ทำให้มันเสร็จๆ ไปก็แล้วกัน
_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_
กว่าอายาเมะจะจัดของเสร็จ พร้อมทั้งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อย ก็เกือบจะเป็นเวลาทานมื้อเย็นของครอบครัวเธอแล้ว
พอเธอเดินลงมาถึงชั้นล่างก็ได้กลิ่นหอมๆ ของอาหารลอยมาจากทางห้องครัว
คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ทำอาหาร อายาเมะก็ชอบทำแค่พวกขนม ส่วนอายาโตะไม่คิดจะเสียเวลาทำอะไรที่ใช้เงินแก้ปัญหาได้ คนที่ทำอาหารจึงเป็นแม่บ้านที่ถูกจ้างมา
ในห้องรับแขกไม่มีใครอยู่สักคน แต่พอมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วอายาเมะก็เห็นคุณพ่อกับคุณแม่กำลังเฝ้าเบ็ตตี้ที่วิ่งเล่นในสวนด้วยดวงตาเป็นประกายในขณะที่หางกระดิกไปมาอย่างร่าเริง
ส่วนอายาโตะอยู่ไหนไม่รู้ คงอยู่ที่ห้องของตัวเองล่ะมั้ง
ตอนแรกเธอตั้งใจจะเดินไปที่ห้องครัวเพื่อจะแอบดูเมนูอาหารเย็นของวันนี้ แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นห้องรับแขก เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดึงความสนใจของเธอไปก่อน
ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองหาต้นเสียง ก่อนจะสะดุดเข้ากับมือถือสีดำบนโต๊ะตรงโซฟาชุด
นั่นมันมือถือของอายาโตะ?
ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้อายาเมะขมวดคิ้วมอง
‘บุคคลเฝ้าระวัง’
slide to answer
อะไรกันน่ะ? กรณีศึกษาที่กำลังทำโปรเจคอยู่หรือไง?
จะรับสายดีมั้ยนะ…
อายาเมะยืนมองอยู่พักหนึ่ง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ตัดสายไปเสียที ทำให้เสียงเรียกเข้าดังต่อเนื่องมาสักพักแล้ว
ตั้งใจโทรมาขนาดนี้ อาจจะเป็นเรื่องสำคัญก็ได้ล่ะมั้ง?
พออายาเมะได้ข้อสรุปกับตัวเองแล้ว เธอก็ตัดสินใจกดรับสาย
แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเสียงใสๆ จากปลายสายก็ทักทายอย่างร่าเริงว่า
“อ๊ะ รับด้วยอ่ะ คิดถึงจัง~”
คำทักทายแปลกๆ นั่นทำให้อายาเมะได้แต่กะพริบตาปริบๆ
รับด้วยอ่ะ….แปลว่าปกติอายาโตะเมินสายของเธอคนนี้เหรอ?
งั้นเธอก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรกรึเปล่านะ...
ในขณะที่อายาเมะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาดไปนั้นเอง อีกฝ่ายก็รีบถามต่อด้วยความร้อนรนว่า
“หรือว่า...อายาโตะไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
น้ำเสียงนั้นเจือแววเป็นห่วงอย่างชัดเจนจนอายาเมะรีบส่ายหัวหวืออย่างลืมตัว
“ไม่ๆ อายาโตะลืมโทรศัพท์ทิ้งไว้ฉันเลยมารับแทนเฉยๆ”
“!!!”
ทันทีที่อายาเมะตอบกลับ ปลายสายก็เงียบไปราวกับกำลังตกใจ และประโยคถัดมาก็พลันลุกลี้ลุกลนเหมือนกับคนทำความผิด
“ขอโทษนะ!”
“!?”
“จริงๆ แล้วฉันโทรผิดน่ะ ขอโทษที่โทรมารบกวนนะ!”
ยังไม่ทันที่อายาเมะจะได้พูดอะไรต่อ สายนั้นก็ถูกตัดไปเสียแล้ว
เด็กสาวยังคงถือโทรศัพท์ค้างไว้ในขณะที่สมองประมวลผลคำพูดของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
โทรผิดเหรอ?
ถ้าโทรผิดแล้วจะเรียกชื่ออายาโตะถูกได้ยังไงกัน…
แถมชื่อยังถูกเมมไว้ว่า ‘บุคคลเฝ้าระวัง’ อีก
น่าสงสัย น่าสงสัยมาก
“คนสวยทำอะไรน่ะ”
อายาโตะที่พึ่งเดินลงมาจากชั้นสามยกแขนพาดบ่าเธอจากทางด้านหลัง เขาเลิกคิ้วในตอนที่เห็นโทรศัพท์มือถือสีดำของตัวเองในมือของอายาเมะ
“โอ๊ะโอ๋ หรือว่าจะแอบเปลี่ยนชื่อแชทของฉันเหรอ?”
“ฉันไม่ใช่อายาโตะสักหน่อย” อายาเมะดันตัวเขาออก “อายาโตะนั่นแหละมีอะไรอยากบอกฉันไหม”
ฝาแฝดของเธอยังคงลอยหน้าลอยตาอย่างยียวน “มี ฉันอยากกินซุปเห็ดจัง”
อายาเมะย่นจมูกก่อนจะฟาดแขนเขาเบาๆ แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมา
“เมื่อกี้มีคนโทรมา”
“อาฮะ มีคนตั้งเยอะที่โทรหาฉันในวันวันนึง”
“ชื่อเมมไว้ว่า ‘บุคคลเฝ้าระวัง’”
รอยยิ้มบนใบหน้าของอายาโตะชะงักไปนิดหน่อยอย่างที่ถ้าไม่ใช่แฝดที่คลานตามกันมาคงจะจับไม่ได้ แต่เจ้าตัวก็ลบมันออกไปอย่างรวดเร็วแล้วเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์คืนไป
“เหรอ”
ท่าทางที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้เป็นการปิดบทสนทนาระหว่างพวกเธอกลายๆ
ถ้าอายาโตะไม่อยากเล่า อายาเมะก็ไม่คิดจะไปซักไซ้อะไรอยู่แล้ว
ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ เธอก็คงจะรู้สึกได้เหมือนกับที่อายาโตะชอบโทรหาเธอเวลามีเรื่องบ่อยๆ นั่นแหละ
เชื่อในเซ้นส์แฝดไงล่ะ!
“อายาโตะ อายาเมะ มากินข้าวได้แล้ว” เสียงเรียกจากในห้องอาหารทำให้สองพี่น้องแข่งกันวิ่งไปล้างมือแล้วค่อยเดินไปนั่งลงบนโต๊ะอาหารที่มีชุดอาหารวางรออยู่แล้ว
ฝาแฝดนั่งลงประจำตำแหน่งอย่างเรียบร้อย ก่อนที่มื้อเย็นของครอบครัวอิชิคาวะจะเริ่มต้น
อายาโตะเป็นคนเริ่มบทสนทนาบนโต๊ะอาหารเหมือนกับทุกครั้ง เล่าเรื่องโปรเจคที่โรงเรียนของเขาให้คุณพ่อฟังโดยมีเธอกับคุณแม่นั่งเงียบๆ
ถึงจะไม่ได้พูดอะไร แต่นี่ก็เป็นความอบอุ่นของครอบครัวที่อายาเมะคิดถึงอยู่มากเหมือนกัน
เด็กสาวบิดินเนอร์โรลทานกับซุปเห็ด ทำให้ดวงตาคมๆ ของคุณแม่ตวัดมามอง
“ลูกกินเยอะขึ้นรึเปล่า?”
อะ…
อายาเมะวางขนมปังลงอย่างลืมตัว
เพราะว่าเวลาไปกินข้าวกับบาคุโก ดวงตาสีแดงดุๆ นั่นมักจะจ้องเธอจนกว่าอายาเมะจะกินมากกว่าปกตินิดหน่อยนั่นแหละ
กระเพาะเธอขยายแล้วแน่ๆ
ในตอนที่คิดว่าจะตอบอะไรดีนั้น อายาโตะก็ยื่นมือเข้ามาช่วยราวกับเป็นเทพบุตร
“คนสวยใช้สมองเยอะน่ะครับ”
เขาหันมาหาเธอแล้วกระตุกยิ้มรู้ทันในตอนที่พูดต่อไปว่า “เกรดเทอมนี้ดีมากเลย”
อายาเมะรีบพยักหน้ายืนยันแม้ว่าจะแอบใช้เท้าสะกิดขาอายาโตะใต้โต๊ะเบาๆ ก็ตาม เธอหยิบผลการเรียนที่ถือติดมือลงมาด้วยส่งให้คุณพ่อกับคุณแม่
“พยายามได้ดีมากเลย” โทมิอิจิชมลูกสาวจนอายาเมะยืดตัวขึ้น
พอคิดถึงการอ่านหนังสือแบบเอาเป็นเอาตายนั่นแล้วก็รู้สึกว่าคุ้มอยู่เหมือนกัน
“นอกจากเรียนจะดีแล้ว คนสวยยังกิจกรรมเด่นด้วยนะครับ” อายาโตะยังคงแหย่อายาเมะอย่างต่อเนื่อง
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะหยิบรีโมตทีวีขึ้นมาเร่งเสียงและบรอดแคสต์คลิปวีดีโอจากโทรศัพท์ของเขาขึ้นไป
อายาเมะเกือบสำลักน้ำตอนที่ได้ยินเสียงร้องเพลงของตัวเองดังขึ้นมา
‘Cause baby you’re my no. no. no.1’
มันคือคลิปวีดีโอแฟนคาเมร่าจากโซโล่ในงานเทศกาลโรงเรียนของเธอ
อายาโตะไปเอามาจากไหนกัน!?
“อายาโตะ!” เด็กสาวเอื้อมมือไปตั้งใจจะแย่งรีโมตทีวีมาจากเขา แต่อายาโตะไวกว่ามาก เขาวางรีโมตไว้ข้างๆ คุณแม่จนอายาเมะไม่กล้าทำอะไร
เธอเตะขาฝาแฝดใต้โต๊ะด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินอาหารไม่มองหน้าจอโทรทัศน์สักนิดเดียว
ยัยคนที่ร้องเพลงอยู่นั่นเป็นใครน่ะ อายาเมะไม่รู้จักทั้งนั้น
มองย้อนกลับไปแล้ว เธอได้ทั้งสเตจพาวเวอร์และบาคุโกช่วยเอาไว้จริงๆ
ไม่งั้นก็คงขึ้นไปตายกลางเวทีนั่นแหละ
อายาโตะฮึมเพลงตามคนในฮอลล์ ท่าทางสนุกสนานจนอายาเมะอยากฟาดเขาแรงๆ สักที
“no.1~”
พอคลิปจบลง อายาโตะก็ปรบมือแปะๆ อย่างชอบใจในขณะที่คุณพ่อมองมาทางเธอด้วยสายตาเหลือเชื่อ
แต่คนที่อายาเมะกังวลที่สุดก็คือคุณแม่
เด็กสาวตวัดดวงตาสีฟ้าไปมองคนที่นั่งหลังตรง ประสานมือไว้ใต้คางพลางมองภาพของอายาเมะในจอด้วยสายตาที่เธออ่านไม่ออก
ในที่สุดเสียงเรียบๆ นั่นก็ออกความเห็นว่า “ทำได้ไม่เลว”
แม้จะเป็นคำชมที่ดูไม่เหมือนคำชมสักเท่าไร แต่แค่นั้นก็ทำให้อายาเมะยิ้มกว้างอย่างภูมิใจได้แล้ว
คุณแม่ชมเธอล่ะ!
อายาเมะรู้สึกเหมือนว่าเธอแทบจะลอยไปติดเพดานด้วยความดีใจ
ปกติคุณแม่ของเธอเป็นพวกประหยัดทั้งคำชมประหยัดทั้งรอยยิ้ม
ทำให้คุณแม่ชมได้ก็แปลว่าเธอต้องทำดีมากจริงๆ
ภูมิใจอ่ะ!
อายาเมะได้รับรางวัลเป็นการทานพานาคอตต้าขึ้นโดยที่ไม่มีเสียงห้ามของคุณแม่ บนใบหน้าของเด็กสาวประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้างจนกระทั่งถึงตอนที่มื้ออาหารจบลง
_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_
Bakugou K. : ข้าวเย็น?
กระต่ายของบาคุโก ₍ᐢ.ˬ.ᐢ₎♡ : กินแน้ว กินแน้ว!
กระต่ายของบาคุโก ₍ᐢ.ˬ.ᐢ₎♡ : เผลอกินเยอะกว่าปกติไปด้วย ._.
อายาเมะทิ้งตัวลงบนเตียง กอดกระต่ายโง่กลิ้งไปกลิ้งมาพลางตอบแชทของบาคุโกไปด้วย
Bakugou K. : จัดของ?
กระต่ายของบาคุโก ₍ᐢ.ˬ.ᐢ₎♡ : จัดแน้ว จัดแน้ว! บาคุโกล่ะ =0=?
ยังไม่ทันที่บาคุโกจะตอบอะไรกลับมา เสียงเคาะประตูห้องสามครั้งก็ทำให้อายาเมะรีบกดออกจากแชทแล้วปิดหน้าจอโทรศัพท์แทบไม่ทัน
“เชิญค่ะ”
อาซามิในชุดคลุมเวอร์ซาเช่เผยต้นคอระหงเดินเข้ามา ดวงตาคมตวัดมองตุ๊กตากระต่ายโง่จนอายาเมะรีบโยนผ้าห่มไปคลุมมันเอาไว้แล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“คุณแม่มีอะไรรึเปล่าคะ?”
ถึงห้องนอนจะอยู่ชั้นเดียวกัน แต่คุณแม่ก็แทบจะไม่เคยเหยียบเข้ามาในห้องนอนของเธอหรืออายาโตะเลย
เรื่องที่ทำให้คุณแม่มาหาเธอถึงนี่คงไม่ใช่เรื่องอย่างการมาคุยเล่นหรอก
ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่คำถามที่คุณแม่พูดออกมาก็ยังทำให้อายาเมะแปลกใจมากอยู่ดี
“อยากเซ็นสัญญากับค่ายเพลงรึเปล่า?”
“คะ?”
เซ็นสัญญา?
อายาเมะขมวดคิ้ว
หมายถึงเข้าวงการเหรอ
“ถ้าอยากเซ็น ฉันจะขอให้บอสเก่าที่ทำเอเจนซี่ช่วยเลือกต้นสังกัดที่เหมาะสมให้”
อิชิคาวะ อาซามิเคยเป็นท็อปโมเดลระดับแนวหน้าของญี่ปุ่นก่อนจะแต่งงานกับนักธุรกิจอย่างอิชิคาวะ โทมิอิจิ ถึงจะออกจากวงการมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีเส้นสายในวงการบันเทิงมากพอสมควร
อายาเมะถูกจับเรียนบุคลิกภาพ ร้องเพลง เดินแบบ และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายก็เพราะสาเหตุที่คุณแม่เคยเป็นท็อปโมเดลและคิดว่าสกิลเหล่านี้สำคัญอีกเช่นกัน
แต่คุณแม่ก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับเธอมาก่อน
คงเพราะคลิปโซโล่แน่ๆ
ในฐานะศิลปิน การเซ็นสัญญากับค่ายเพลงดีๆ จะทุ่นแรงในการปล่อยเพลงแต่ละครั้ง เธอจะมีทีมมาช่วยวางแผน มีคนดูแล ได้รับการโปรโมทและมีฐานแฟนคลับมากขึ้น ที่สำคัญจะได้ค่าตอบแทนจากการทำงาน
ในยุคสมัยนี้ ใครๆ ก็เป็นนักร้องในแชนเนิลของตัวเองได้ทั้งนั้น
นักร้องมีเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ที่หายากกว่าคือนักร้องที่ประสบความสำเร็จต่างหาก
มีใครหลายคนที่ใฝ่ฝันอยากจะไปให้ถึงตรงจุดนั้น แต่ตลอดชีวิตก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเอื้อมไปให้ถึง
เป็นความฝันที่ดูห่างไกลอย่างที่แม้ว่าอายาเมะจะไม่เคยร้องเพลงเพราะเหตุผลเหล่านั้นก็ยังอดรู้สึกไหววูบไม่ได้
อายาเมะรู้จักคุณแม่ของเธอดี
อิชิคาวะ อาซามิ เป็นคนเข้มงวดจริงจังที่มาตรฐานสูงเสมอ ทั้งกับตัวเอง เพื่อนร่วมงานและครอบครัว
ถึงจะเป็นเธอกับอายาโตะก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ถ้าคุณแม่ไม่ได้คิดว่าเธอทำได้ดีจริงๆ คงไม่มีทางยื่นข้อเสนอนี้มา
แต่เธอก็รู้ดีกว่าใครเช่นกันว่าคุณแม่ไม่ใช่คนที่จะให้โอกาสแบบนี้บ่อยๆ
คำเชิญชวนนี้อาจจะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตก็ได้
ความลังเลแล่นเข้ามาในใจของอายาเมะ ก่อนที่ความคิดถัดมาจะปัดพวกมันออกไปอีกรอบ
ถ้าเกิดว่าเธอตั้งใจจะเป็นนักร้องอย่างจริงจังแล้ว...เธอจะยังสนุกกับมันได้แบบตอนนี้อีกหรือเปล่า
แม้จะเป็นศิลปินฝึกหัดอย่างเทรนนี แต่หากเซ็นสัญญาไปแล้วก็ต้องทำตามตารางและกฏของค่ายอย่างเคร่งครัด ต่อให้เหนื่อยหรือรู้สึกไม่อยากทำก็ต้องทำ
ยิ่งไปกว่านั้น การเซ็นสัญญากับค่ายเพลงส่วนใหญ่คือการบังคับห้ามมีความสัมพันธ์กับใครอย่างสิ้นเชิง
แค่กฎข้อนั้นเพียงข้อเดียวก็...
อายาเมะบีบกระต่ายโง่เอาไว้แน่นก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
“หนูยังไม่สนใจน่ะค่ะ”
ดวงตาสีฟ้าสบกับดวงตาคมๆ ของคุณแม่ตรงๆ จนอีกฝ่ายตอบกลับมาว่า
“ตามใจ”
พอคุณแม่หันหลังเดินออกไปจากห้องแล้ว อายาเมะถึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แชทของบาคุโกส่งค้างเอาไว้ที่คำว่า
Bakugou k. : มุดโพรงหายไปอีกแล้วเหรอวะ
แค่อ่านเธอก็เห็นภาพของเขาลอยขึ้นมาแล้ว บาคุโกคงกำลังขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับหรี่ตาสีแดงมองอยู่แน่
อายาเมะหลุดยิ้มออกมา
กระต่ายของบาคุโก ₍ᐢ.ˬ.ᐢ₎♡ : เปล่านะ ไปคุยกับคุณแม่มา!
กระต่ายของบาคุโก ₍ᐢ.ˬ.ᐢ₎♡ : อายาโตะเปิดคลิปวันงานโรงเรียนให้ที่บ้านดูอ่ะ จงใจแกล้งกันชัดๆ นิสัยแย่มาก (-^-)
อายาเมะส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายโดนรังแกไปให้เขา ก่อนที่บาคุโกจะตอบกลับมาแทบจะในทันทีว่า
Bakugou k. : ระเบิดแม่ง
“คิก…” อายาเมะขำออกมาจนไหล่สั่น ก่อนจะกลิ้งตัวทับกระต่ายโง่อย่างอารมณ์ดี
แปลกมาก
ทั้งๆ ที่การคุยกับคุณแม่เมื่อกี้เกือบจะสร้างความอึดอัดในใจของอายาเมะอยู่นิดหน่อย…
แต่แค่บาคุโกพูดมาประโยคเดียว โลกของเธอก็กลับมาสดใสอีกครั้งราวกับถูกปัดเป่าความไม่สบายใจออกไป
คนบางคนไม่ต้องทำอะไรเป็นพิเศษก็ทำให้อารมณ์ของคนเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้…
ในตอนนั้นอายาเมะถึงได้รู้สึกมั่นใจขึ้นมาว่าเธอตัดสินใจได้ถูกแล้ว
ถึงมันจะน่าเสียดาย แต่ถ้าการเข้าวงการนั้นหมายความว่าเธอจะต้องยอมทิ้งความสัมพันธ์กับบาคุโกแล้วล่ะก็เธอขอเลือกเป็นแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ดีกว่า
เพราะนั่นน่ะคือของยูนีคหายากรุ่นผลิตชิ้นเดียวในโลกที่เธอบุกน้ำลุยไฟปีนเขาและวิ่งหนีวิลเลินแทบตายกว่าจะได้มาเชียวนะ!?
_____________________________
ขอโทษนะคะที่รอบนี้มาช้ามากกกก ไม่เคยดองนายคัตสึกินายขนาดนี้เลย YY แต่สองสามวันมานี้เรายุ่งมากจริงๆ ค่ะ เย็นวันนี้เพิ่งจะพอเคลียร์ตัวเองได้บ้าง
ตอนนี้ต้องขอบคุณน้อง Pandora P. มากๆ เลยค่ะที่ช่วยเป็นตัวหลักในการเขียนตอนที่เรายุ่งมากๆ
ตอนนี้ก็จะเข้าสู่อาร์คปิดเทอมหน้าหนาวอย่างสมบูรณ์แล้วนะคะ!
เรายังจะยุ่งๆไปอีกสักพักเลยค่ะ จะพยายามอัพอย่างน้อยสัปดาห์ละตอนค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะอัพถี่กว่านั้นได้มั้ย
แต่ขอบคุณทุกคนที่ยังเป็นกำลังใจให้เรามากๆค่ะ แค่อ่านเม้นท์ของทุกคน เราก็มีแรงลุกขึ้นมาเขียนต่อแล้ว!
ไว้เจอกันในตอนถัดไปนะคะ
--------------------------------------
ข้อความจากน้อง Pandora P. ค่ะ
ขอโทษที่ให้รอนายคัตซะนานเลยนะคะ ;w; เพื่อเป็นการชดเชย! เค้าพาอายาโตะกับคุมแม่มาเซ่นทุกคนค่ะ YY ภาพอายาโตะเค้าลองแต่งเล่นดูใน Picrew นะคะ ไม่กล้าวาดจริงๆ เดี๋ยวความหล่อของอายาโตะหม่นหมอง >w<!
รูปแรก อายาโตะสุดหล่อ!
ส่วนนี่คุณแม่อาซามิค่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.ดีใจที่อัพค่ะ รอน้าาา~
ชอบคำนี้จัง สมเป็นบาคุโกมาก
เเง่งงง เราเกร็งกับเเม่น้องมากอ่ะ รีดกดดัน รีดกลัวเเม่ เเง่งงงง
จะมีพาร์คของคุรพี่ชายสุดหล่อมั้ยคะ!! อยากรู้จังใครเป็นคนโทรมา *ต่อมเผือกทำงาน*
คัตจังก็ยังเป็นคัตจังเหมียนเดิม บึ้มทุกอย่างที่ขว้างหน้า ก๊ากกกกกก5555555+
กำลังอ่านตอนเก่าอยู่ละรีเว็บ ตอนใหม่เด้งเลย แงงง คุมแม่ของน้องสวยอ่าาา น้องได้แม่มาเต็มๆ สู้ๆค้าบบ