ตอนที่ 32 : Special aria 1 : Beauty and the Dragon Master [Part2] by Pandora P.
Special aria 1
Beauty and the Dragon Master
ใบหน้าของอายาเมะถูกตบแต่งอย่างสวยงามด้วยเครื่องสำอาง เด็กสาวไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นเพื่อให้สามารถยัดตัวเองลงไปในชุดที่ตัดไว้ได้
ข่าวเรื่องที่เธอหายตัวไปถูกปิดเป็นความลับจนน่าสงสัยว่าโทโดโรกิแห่งอคราเดลคนนั้นตามหาบ้านของบาคุโกเจอได้ยังไงกันแน่
“เร่งมือหน่อย” เสียงเย็นชาของสุภาพสตรีวัยกลางคนทำให้สาวใช้ในห้องรีบก้มหน้าก้มตาปฏิบัติตามคำสั่งนายเหนือหัว
ท่านแม่มองเธอแต่งตัวด้วยสายตาเรียบเฉย
ตั้งแต่อายาเมะกลับมา เธอก็แทบไม่ได้คุยกับท่านแม่เท่าไหร่ อันที่จริงท่านแทบจะไม่ถามด้วยซ้ำว่าเธอหายไปไหน ไปทำอะไรมา
แม้จะรับรู้ถึงความเป็นห่วงที่ซ่อนอยู่ในสีหน้าเย็นชา แต่เด็กสาวก็ไม่สามารถปั้นหน้าเป็นเด็กดีผู้ยอมทำตามคำสั่งทุกอย่างได้อีก
งานเดบูตองต์เป็นเรื่องหนึ่ง แต่หากท่านแม่คิดจะแนะนำเธอให้ใครในคืนนี้ อายาเมะตัดสินใจว่าเธอจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
หากเป็นอายาเมะคนก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยได้สัมผัสกับอิสรเสรีมาก่อนอาจจะยอมพูดตกลงไปก็ได้ แต่ตัวเธอที่เคยได้หลุดออกไปนอกกรงขังครั้งหนึ่งไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบนี้ได้อีกแล้ว
เธอพึ่งจะอายุไม่เท่าไหร่เองนะ ให้หลับหูหลับตาแต่งงานไปแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก
มีอีกตั้งหลายอย่างที่อยากทำ มีอีกตั้งหลายที่ที่อยากไป…
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” สาวใช้ทุกคนล่าถอยออกไปพร้อมกัน เปิดทางให้เลดี้อิชิคาวะเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยของบุตรสาวเป็นครั้งสุดท้าย
อายาเมะสวมชุดเกาะอกสีชมพูไล่สีจนเป็นสีฟ้าบริเวณชายกระโปรง รองเท้าแก้วใสช่วยให้เด็กสาวดูสูงโปร่งขึ้นมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน ผมถูกดัดลอนอ่อนๆและถักเปียมงกุฎครึ่งหัวพร้อมประดับด้วยดอกไม้ดอกเล็กๆ ขับให้เธอดูอ่อนหวานน่าทะนุถนอม
เลดี้อิชิคาวะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะพาเด็กสาวขึ้นรถม้าไปยังพระราชวัง
ท้องพระโรงประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน ผู้เข้าร่วมงานจากตระกูลชั้นสูงทั้งหลายล้วนแต่งกายอย่างงดงาม อายาเมะกวาดตามองพวกเขาผ่านๆ เธอรู้จักพวกเขาเกือบทั้งหมดเพราะการจำใบหน้าและชื่อของตระกูลสำคัญก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เธอจำเป็นต้องทำเช่นกัน
“เลดี้และคุณหนูแห่งตระกูลอิชิคาวะ”
ชื่อตระกูลของพวกเธอถูกขานเสียงดังในตอนที่เข้างาน เรียกความสนใจจากคนทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
อายาเมะยืนหลังตรง ยกรอยยิ้มสุภาพที่สุดขึ้นมาสวม เธอแอบเห็นซาโยริจากมุมหนึ่งของห้องโถง เพื่อนของเธอแอบขยิบตาให้พร้อมกับพูดโดยไร้เสียงว่า “สวยมาก”
เด็กสาวยิ้มตอบแต่ไม่ได้เดินไปหาเพราะหน้าที่ของเธอในคืนนี้คือการยิ้มและยืนเฉยๆ ราวกับเป็นดอกไม้ประดับของท่านแม่ในตอนที่ใครต่อใครพากันมาทักทายเลดี้อิชิคาวะและลูกสาวผู้งดงาม
“แปลกจังเลยนะคะที่ผู้วิเศษฮิราตะอยู่ที่นี่ด้วย ปกติไม่ค่อยปรากฏตัวแท้ๆ” เลดี้คนหนึ่งเปิดประเด็นขณะที่ใช้พัดปิดบังใบหน้าหากดวงตากลับเหลือบมองหญิงสาวร่างเล็กในชุดสีขาวปลอดซึ่งยืนอยู่ข้างสุภาพบุรุษคนหนึ่งซึ่งมีปีกสีแดงโดดเด่น
“แล้วนั่นไม่ใช่มาร์ควิสฮอว์กส์หรอกหรือคะ น่าแปลกใจจริงเชียวที่อยู่ด้วยกัน ท่านหญิงพอจะทราบเรื่องนี้บ้างรึเปล่าคะ”
“ไม่ทราบเลยค่ะ” ท่านแม่ของอายาเมะตอบอย่างระมัดระวัง
บทสนทนาหลังจากนั้นเป็นอย่างไรอายาเมะก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแล้ว สีปีกของมาร์ควิสคนนั้นทำให้เธอคิดถึงดวงตาสีแดงสดของใครอีกคนขึ้นมามากกว่า
ใครอีกคนที่ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำตัวสวยๆ อย่างตอนนี้เลยสักนิด
“เลดี้อิชิคาวะ” เสียงเรียกของสุภาพสตรีอีกคนทำให้วงสนทนาของเลดี้กลุ่มแรกล่าถอยไป
“เลดี้ยามาโมโตะ” ท่านแม่ของเธอตอบรับคำทักทายอย่างยินดี พอเห็นลูกชายที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอข้างหลังของเลดี้คนนั้นแล้ว อายาเมะก็พลันรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา
“คุณหนูอิชิคาวะงดงามสมคำร่ำลือจริงๆ นะคะ”
“ท่านหญิงกล่าวเกินไปแล้วค่ะ”
“สึสึกิ ทำไมลูกไม่พาคุณหนูอิชิคาวะไปเดินเล่นในงานสักหน่อยล่ะ”
“ครับ ท่านแม่”
ลูกชายของบ้านยามาโมโตะรับคำแล้วก้าวขึ้นมาข้างหน้า ในขณะที่อายาเมะรีบประสานมือไว้ที่เอวแล้วหลุบตาลง
น้ำเสียงของเธอนิ่งสงบและเย็นชา แสดงความห่างเหินอย่างชัดเจน
“เกรงว่าต้องปฏิเสธน้ำใจของท่านหญิงแล้วค่ะ ขออภัยด้วยนะคะ”
พูดออกไปแล้ว
เธอพูดออกไปแล้วจริงๆ
สีหน้าของท่านแม่ดูเรียบเฉยต่างจากที่เธอคิดมาก ดูจะไม่หาความกับการแข็งข้อของเธอในครั้งนี้สักเท่าไหร่เลย
“แหม คุณหนูน้อย---” เลดี้ยามาโมโตะกำลังจะพูดอะไรอีกสักอย่าง หากชื่อของคนสำคัญที่สุดในค่ำคืนนี้กลับถูกขานออกมาเสียงดัง
“เจ้าหญิงอนาสตาเซียแห่งบาธิลอน”
เด็กสาวที่ยืนอยู่บนบันไดหินอ่อนขั้นบนสุดเพียงลำพังก็คือเจ้าหญิงที่คนทั้งอาณาจักรไม่เคยพบพระพักตร์มาก่อน
ทรงมีเรือนผมสีดำเฉกเช่นท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงเนตรสีทองดุจอำพัน และใบหน้าเรียบเฉยราวกับน้ำแข็ง ฉลองพระองค์สีมุกยาวกรอมพื้นและเทียร่าประจำราชวงศ์ขับเน้นให้ความสูงศักดิ์ในสายเลือดสีน้ำเงินเด่นชัด
ตึก…ตึก…ตึก…
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นเมื่อทรงก้าวลงจากบันไดทีละขั้น…
ขณะนั้นอายาเมะอดรู้สึกไม่ได้ว่าเจ้าหญิงทรงเป็นคนที่งดงาม…หากให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวมากในเวลาเดียวกัน
ทั่วท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบราวกับต้องมนตร์สะกด
อนาสตาเซียหยุดยืนอยู่บนพื้นราบ ดวงตาสีอำพันหลุบลงขณะที่วาดขาไปข้างหลังเพื่อถอนสายบัว
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี...สุขสันต์งานเลี้ยงเดบูตองต์”
สิ้นกระแสรับสั่งนั้น เปลวไฟสีฟ้าพลันลุกโชนขึ้นมาโอบล้อมทุกคนไว้ในกองเพลิง
พรึบ!
เสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ ความวุ่นวายเข้าครอบคลุมทั่วทั้งห้องโถงขนาดใหญ่
เปลวไฟสีฟ้าเริ่มลามไปบนพื้นพรม ผ้าม่านและของประดับต่างๆ ทำให้มันโหมกระหน่ำยิ่งกว่าเดิมจนอายาเมะเริ่มรู้สึกหายใจลำบาก
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?”
ท่ามกลางเสียงร้องระงมด้วยความตื่นตระหนก อายาเมะยังคงได้ยินบทสนทนาจากพวกขุนนางที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“จอมมาร..จอมมารกำลังบุกโจมตีน่ะสิ!!”
ผู้ร่วมงานวิ่งหนีตายกันอลหม่าน แต่อยู่ดีๆ อสุรกายแห่งความมืดก็ปรากฏตัวขึ้นกลางห้องโถง ทำให้คนบางส่วนติดอยู่ข้างในและออกไปไม่ได้
ในวินาทีนั้น คนที่คว้ามือของเธอเอาไว้แน่นกว่าใครก็คือท่านแม่
อายาเมะได้ยินเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของผู้ชาย เสียงร่ายเวท เสียงปะทะดาบและการต่อสู้ที่ชวนหวาดผวา แต่เธอไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าการพาตัวเองกับท่านแม่ออกจากที่นี่
แต่ทางออกอยู่ไกลเกินไป แถมยังมีอสุรกายพวกนั้น…
อายาเมะกับท่านแม่มาลงเอยที่มุมหนึ่งของโถงจัดงานเลี้ยงโดยสมบูรณ์
เปลวไฟสีฟ้าที่เผาไหม้ผ้าม่านเหนือหัวและอสุรกายตัวใหญ่ที่ไล่ต้อนพวกเธอจนจนมุมทำให้เธอเม้มริมฝีปากแน่น
ในตอนนั้น ความคิดที่ต้องปกป้องท่านแม่ชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เด็กสาวดันหญิงวัยกลางคนไปไว้ข้างหลัง ก่อนจะคว้าดาบของชุดเกราะอัศวินข้างตัวขึ้นมาถือไว้ทั้งๆ ที่ตัวของเธอสั่นไปหมด
กลัวก็ส่วนกลัว จะทำอะไรอสุรกายพวกนี้ไม่ได้ก็ช่าง…
แต่สถานการณ์ตอนนี้มีแต่ต้องทำเท่านั้นเอง!
“อายาเมะ นี่ลูก---!?”
“จะปกป้องให้ได้ค่ะ!” อายาเมะพูดเสียงดัง ดวงตาไม่ได้ละออกจากอสูรกายที่ย่างสุขุมเข้ามาสักนิด “ทั้งหนูทั้งท่านแม่…เราต้องรอดออกไปด้วยกัน”
ถึงจะพยายามพูดแบบนั้นเพื่อให้แม่ของเธอไม่กลัวจนเกินไป แต่ลึกๆ แล้วอายาเมะรู้แก่ใจดี
เธอเป็นคุณหนูที่ไม่เคยจับดาบมาก่อน ขอแค่พวกมันกระโจนเข้ามา การต่อสู้ก็จะจบลงที่ความตายของเธอในเวลาอันรวดเร็วอย่างแน่นอน
เพราะอย่างนั้นอายาเมะจึงอดรู้สึกกลัวไม่ได้
จิตใต้สำนึกของเธอกำลังวิงวอนต่อพระเจ้าเป็นเสียงเดียว
ใครก็ได้…ช่วยเธอด้วยทีเถอะ
โครม!!!!
กำแพงเหนือศีรษะของเธอถูกพังลงมาจนไม่มีชิ้นดี เปลวไฟสีแดงอบอุ่นกันทางของไฟสีฟ้าให้ห่างจากตัวของอายาเมะพร้อมๆ กับที่เผาอสุรกายตัวนั้นจนกลายเป็นเถ้าธุลี
มังกรสีเพลิงตัวใหญ่กว่าแอสธารอธหลายเท่าชะโงกหัวเข้ามาในท้องพระโรง ปกป้องเธอเอาไว้ด้วยปีกคู่ใหญ่
บนหัวของมันก็คือร่างของคนที่อายาเมะคุ้นเคยดี
ใบหน้าของบาคุโกบึ้งตึ้ง ดวงตาสีแดงสดฉายแววประกายอำมหิตอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เขาชี้ดาบไปยังกองทัพอสุรกายแล้วสั่งเสียงสั้นกร้าว
“ฆ่า!”
“กรรรรรรรรร” มังกรเพลิงตอบรับแล้วพ่นไฟไปยังกองทัพอสูรโดยตรง
ไฟแผดเผาอสูรรอบๆ ส่วนใหญ่ไปได้ แต่ก็ยังหลงเหลือบางตัวที่น่าจะทนทานต่อเปลวเพลิงที่ยังคงเดินมุ่งหน้าเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นี่เลยสักนิด
แต่ก่อนที่อะไรจะได้เข้าใกล้พวกเธอ บาคุโกก็กระโดดลงมายืนขวางตรงหน้า แผ่นหลังของเขาใต้ผ้าคลุมสีแดงหยัดตรงราวกับจะปกป้องเธอจากอันตรายทุกอย่างบนโลก
มังกรสีแดง...แผ่นหลังหยัดตรง...ผ้าคลุมที่ปลิวสะบัดอยู่ตรงหน้าและเปลวไฟ
ทั้งหมดเรียกความทรงจำที่เลือนรางของอายาเมะกลับมา
เธอเคยช่วยลูกมังกรที่บาดเจ็บเอาไว้ตัวหนึ่งเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก
เธอเคยเล่นและร้องเพลงกล่อมลูกมังกรตัวนั้นในกระท่อมเล็กๆ หลังหนึ่ง
จนกระทั่งวันที่ไฟป่าเผาไหม้ทุกอย่างจนอายาเมะเกือบเอาชีวิตไม่รอด...ในตอนนั้นก็มีเด็กผู้ชายคนนึงเข้ามาช่วยเธอเอาไว้เหมือนกัน
น่าแปลกที่เงาของเด็กผู้ชายคนนั้นซ้อนทับกับแผ่นหลังของบาคุโกอย่างพอดิบพอดี
หรือว่าเด็กผู้ชายในความทรงจำของเธอคนนั้น…
“กรรรร!!”
เสียงมังกรที่คุ้นเคยดึงสติของอายาเมะกลับมาอีกครั้ง เอวของเธอโดนเกี่ยวจนลอยหวือออกมาจากห้องโถงที่แปรเป็นสนามรบขนาดย่อม
โชคดีที่อายาเมะโดนหิ้วไปมาหลายครั้งจนชินแล้ว เธอถึงได้คว้าร่างของท่านแม่มาออกมาด้วยได้อย่างปลอดภัย
เลดี้อิชิคาวะหน้าซีดกับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ แต่เมื่อเห็นบุตรสาวร้องเรียกชื่อ “แอสตี้!” ราวกับคุ้นเคยกับมังกรตรงหน้าดี หญิงสาววัยกลางคนก็รู้แล้วว่าพวกเธอปลอดภัย
เสี้ยวหน้าอ่อนหวานของลูกสาวตัวน้อยที่เธอมองเป็นเด็กอยู่เสมอสะท้อนกับแสงจันทร์จากท้องฟ้า ประกายเข้มแข็งในดวงตาทำให้เลดี้อิชิคาวะแปลกใจ
อายาเมะดูแลตัวเองได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…
ท่านหญิงคิดเช่นนั้นก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดับลงเป็นสีดำ
_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_
หลายสัปดาห์ผ่านไป
ดวงตาสีแดงสดของดรากอนมาสเตอร์แห่งหุบเขามังกรกำลังจ้องมองแผนที่ บนแผ่นกระดาษขนาดใหญ่มีร่องรอยของมีคมขีดฆ่าชื่อหมู่บ้านและเมืองต่างๆ
ทั้งหมดนั่นก็คือเมืองที่คนของหุบเขามังกรไปยึดมาเป็นอาณานิคมของตนเอง
แต่ตอนนี้ชาวหุบเขามังกรเริ่มจะเบื่อกับการออกล่าและเริ่มอยู่อย่างสงบกันมากขึ้นแล้ว
งานของบาคุโกที่เคยมีการวางแผนการรบและนำทัพจึงกลายเป็นมาแก้ไขปัญหาจิปาฐะตามประสานักปกครองอย่างน่ารำคาญที่สุด
เด็กหนุ่มถีบโต๊ะเอกสารตัวใหญ่จนล้มโครมก่อนจะกระแทกเท้าออกจากห้องทำงาน
เสียงหัวเราะและเสียงดนตรีที่ลอยมาตามลมเป็นสิ่งที่พึ่งมีขึ้นไม่นานมานี้ในหมู่บ้านหลังจากที่คนจากหมู่บ้านอื่นๆ ที่พ่ายแพ้การต่อสู้กับชาวหุบเขามังกรย้ายเข้ามาอยู่อาศัย
แม่งก็ไม่ได้แย่หรอก...แค่อย่ามาเล่นกันหน้าบ้านเขาก็พอ
ขาทั้งสองข้างพาบาคุโกมายังลานน้ำพุกลางตลาดที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านโดยไม่รู้ตัว
แล้วที่นั่นเอง...บาคุโกก็มองเห็นผ้าคลุมไหล่ปักลายดอกไม้สะบัดอยู่กลางอากาศ
ในชั่ววินาทีแรก บาคุโกนึกว่าเขาเผลอย้อนคิดไปถึงยัยกระต่ายคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองราวกับว่าหล่อนไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
แต่พอหยุดยืนมองดูแล้วเขาจึงมั่นใจว่าเขาไม่ได้มองผิด
เส้นผมสีบลอนด์อ่อนสะท้อนแสงแดดเป็นประกายราวกับทองคำ
กระโปรงพลิ้วตามการขยับตัวไปตามจังหวะเพลง
สายตาของชาวหุบเขามังกรจับจ้องไปยังสาวงามแปลกหน้าราวกับโดนรอยยิ้มของเธอสะกดไว้จนละสายตาออกไปไม่ได้
ทั้งหมดนั่นคือยัยกระต่ายไม่ผิดแน่นอน
อายาเมะหมุนตัวแล้วหยุดฝีเท้าลงเมื่อเพลงจบพอดี ดวงตาสีน้ำทะเลปรือขึ้นช้าๆ ก่อนจะพบว่าเธอกำลังยืนอยู่หน้าดวงตาสีแดงสดอีกคู่ที่คุ้นเคยดี
ใบหน้าหวานยกรอยยิ้มสดใส
“เสร็จงานแล้วเหรอบาคุโก”
“....”
บาคุโกกวาดสายตาสำรวจหล่อนโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
ดูเหมือนจะมีน้ำมีนวลขึ้นจากครั้งสุดท้ายที่เจอกัน…
สีหน้าก็ดีขึ้น ไม่ฝืนยิ้มโง่ๆ อีกแล้ว
“...”
“บาคุโก?”
“สาวน้อยถามแล้วไม่รู้จักตอบเหรอค้า หรือไม่แน่ใจว่าที่เห็นอยู่คือตัวจริงหรือภาพหลอนเพราะคิดถึงเขามากไปอยู่?” อาชิโดะแซวเป็นคนแรก ตามด้วยเสียงผิวปากจนใบหน้าเล็กๆ ของอายาเมะขึ้นสีแดงระเรื่อไปหมด
บาคุโกตวัดสายตาอาฆาตไปมองแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครกลัวสักเท่าไหร่ เขาจึงหิ้วคอยัยคนเด๋อที่ไม่รู้จะยืนเป็นเป้าล้ออีกนานมั้ยแล้วโยนหล่อนขึ้นไปบนหลังแอสตี้
“กลับบ้าน!” เสียงห้วนสั่งเจ้ามังกรน้อยที่มีท่าทีดีใจอย่างเห็นได้ชัด
สองคนกับหนึ่งมังกรกลับไปยังบ้านหลังเล็กบนภูเขาลูกนั้นอีกครั้ง อายาเมะใช้เวลาตลอดทั้งเย็นกลิ้งเล่นกับแอสธารอธ การจำอะไรๆ ได้ทำให้เธอรู้สึกสนิทสนมกับเจ้ามังกรน้อยมากขึ้นอีกหลายเท่า กว่าจะรู้ตัวอีกทีพระจันทร์ก็แขวนอยู่ข้างๆ ดวงดาวบนท้องฟ้าแล้ว
เธอมองแสงไฟในบ้านที่เปิดอยู่แล้วลูบหัวแอสตี้เบาๆ
“หลับตาเถิดหนาเจ้าลูกมังกรตัวน้อย…”
เพลงกล่อมเด็กเพลงโปรดที่เธอเคยร้องกล่อมแอสธารอธตอนเด็กๆ ถูกหยิบขึ้นมาอีกครั้ง
“นอนลงบนเตียงจากผืนหญ้าแล้วใช้ผืนฟ้าต่างผ้าห่ม...ละอองดวงดาวจะขับกล่อมเจ้าให้ฝันดี...”
“กรร…”
“และดอกไอริสดอกนี้จะรอพบเจ้าในความฝันยามนิทรา”
อายาเมะไม่รู้หรอกว่าการกระทำของเธออยู่ในสายตาของบาคุโกทั้งหมด
ลูกกระต่ายซุ่มซ่ามที่ช่วยมังกรของเขาไว้ในวันนั้น...ผ่านไปสิบปีก็ยังคงพยายามกล่อมมังกรที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองด้วยการร้องเพลงเดิมอยู่ไม่เปลี่ยน
บาคุโกรู้สึกว่าเสียงของหล่อนไม่ได้แค่กล่อมเจ้ามังกรดื้อนั่นหรอก มันทำให้เขารู้สึกสงบมากไปด้วย
เพราะงั้นการมีหล่อนอยู่รอบตัว...ถึงไม่แย่เท่าไหร่
“บาคุโก” เสียงหวานเรียกสติเขาออกจากห้วงความคิด เด็กหญิงสวมชุดกระโปรงสีฟ้าโง่ๆ ในความทรงจำเปลี่ยนมาเป็นสาวงามในชุดสีเดียวกันที่กำลังถือกระดานหมากรุกแทน
ดวงตาสีน้ำทะเลเป็นประกายในขณะที่เอ่ยชวน
“มาเล่นกันเถอะ”
ในห้องนั่งเล่นเล็กๆ บนเก้าอี้ข้างเตาผิงอุ่นๆ ตารางหมากรุกถูกกางเอาไว้ระหว่างคนสองคน
หนึ่งคือเด็กสาวที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสาวงามแห่งบาธิลอน
หนึ่งคือดรากอนมาสเตอร์ผู้น่าเกรงขามแห่งหุบเขามังกร
ดูยังไงก็เป็นคนที่ไม่น่าจะมาเจอกันได้เลยสักนิด
แต่โชคชะตาก็พาพวกเขามาพบกันแล้ว
“วันนั้นขอบคุณนะ”
อายาเมะเอ่ยขึ้นมาโดยไม่ได้ระบุว่าเรื่องที่กำลังขอบคุณคือเรื่องอะไรกันแน่
เรื่องวันงานเดบูตองต์?
คงใช่ แต่บาคุโกมองเห็นความหมายล้ำลึกกว่าที่ซ่อนอยู่ในแววตาคู่นั้น
“เหอะ”
เด็กสาวนั่งเงียบใช้ความคิดอยู่พักหนึ่ง พอเธอขยับหมากของตัวเองเสร็จจึงพูดต่อว่า
“แล้วก็...วันนี้ฉันมาบอกลา”
“...”
“ฉันจัดการเรื่องที่บ้านเรียบร้อยแล้วล่ะ แล้วก็ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้จะออกไปผจญภัยบ้าง ฉันอยากเห็นทุ่งดอกไม้พันเอเคอร์ของอาณาจักรตะวันออก อยากเห็นทะเลที่มีแต่ทรายสุดลูกหูลูกตา อยากไปดูว่าดินแดนของพ่อค้าคาราวานที่มีเครื่องเทศกับผ้าไหมเป็นยังไง”
เธอยิ้มนิดๆ ในตอนที่ปรายตาไปมองหนังสือเล่มโปรดที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าเดินทาง
บาคุโกฟังสิ่งที่เธอเล่าเงียบๆ ขณะที่มือของเขาขยับหมากเข้าตำแหน่งรุกฆาต
“แพ้อีกแล้ว…” อายาเมะหัวเราะแห้งๆ “นอกจากบาคุโกแล้วก็มีพี่ชายฝาแฝดนี่แหละที่ฉันไม่เคยเอาชนะเขาได้เลย”
“เป็นสุดยอดนักวางแผนไร้พ่ายเลยล่ะ ไร้เทียมทานสุดๆ”
“ไร้สาระ”
“ไม่ได้ไร้สาระสักหน่อย ต่อให้เป็นนายถ้าเจอกับเขาก็ต้องลำบากแน่ๆ!”
คำพูดของอายาเมะคงจะไปกระตุกต่อมชอบเอาชนะของบาคุโกเข้าอย่างจัง เพราะตอนนี้ดวงตาสีแดงสดคู่นั้นราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ข้างใน
“หา? งั้นก็พามันมาแข่งกันให้รู้ไปเลยสิวะ!”
เด็กสาวโดนสายตานั่นมองทำให้รู้สึกจนใจอยู่บ้าง
“ถึงอยากจะพามาก็ไม่ได้หรอก เขาอยู่บนเรือสินค้ากลางทะเลตะวันออกนี่นา”
ซึ่งอายาเมะก็ตัดสินใจไปแล้วล่ะว่าจะไปเยี่ยมพี่ชายเป็นอันดับแรกของการเดินทาง
ส่วนจะไปยังไง…ยังไม่ได้คิดสักนิด
เอาเป็นว่าไปให้ถึงท่าเรือให้ได้ก่อน....
“เหอะ! อย่างกับมังกรจะบินไปไม่ถึง”
บาคุโกแค่นเสียงเหมือนกำลังบอกว่า ‘อย่ามาหาข้ออ้างกับฉัน’ แล้วหุนหันเข้าไปกวาดของใส่กระเป๋าบ้าง
ท่าทางนั้นทำให้อายาเมะกะพริบตา สมองน้อยๆ แล่นอย่างรวดเร็วเพื่อประมวลผลคำพูดเมื่อครู่
อย่างกับมังกรจะบินไปไม่ถึง...ก็คือจะไปที่นั่นด้วยมังกรเหรอ?
มังกรของเขาก็คือแอสตี้รึเปล่านะ?
หรือว่า…
“บาคุโกจะไปส่งฉันเหรอ?”
“ไม่ได้ไปส่งหล่อน! ไปชนะพี่ชายหล่อน!!!”
เสียงเกรี้ยวกราดตะโกนตอบกลับมา แม้จะไม่มีเนื้อหาตรงไหนที่อ่อนโยนสักนิด แต่อายาเมะกลับยิ้มกว้างจนเมื่อยแก้ม
และนั่น…ก็คือเรื่องราวก่อนการออกเดินทางด้วยกันชั่วชีวิตของสาวงามแห่งบาธิลอนและดรากอนมาสเตอร์แห่งหุบเขามังกร!
Special Side Story: The adventure of Shoto
มีจดหมายลับส่งมาจากอาณาจักรพันธมิตรว่าเจ้าหญิงของพวกเขาหายตัวไป
ในฐานะเจ้าชายแห่งอคราเดีย โทโดโรกิ โชโตะจึงขี่ม้าขาวคู่ใจออกเดินทางเพื่อไปช่วยเจ้าหญิงตามประสาเจ้าชายที่ดี
เขาเดินทางถึงอาณาจักรบาธิลอน ได้ข่าวว่า ‘เด็กสาวที่งดงามราวกับเจ้าหญิง’ ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงหายตัวไปในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
เด็กสาวที่งดงามราวกับเจ้าหญิงก็คือเจ้าหญิง โชโตะสรุปอย่างเยือกเย็น แล้วจึงไล่ตามเบาะแสเล็กน้อยนั่นไปยังกระท่อมหลังเล็กบนภูเขาแห่งหนึ่ง
แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะโดนเด็กหนุ่มหน้าตาไม่เป็นมิตรจับโยนออกมาในเสี้ยวนาที
แม้จะงุนงงอยู่บ้าง แต่สาวงามก็ไม่ได้ดูเหมือนโดนบังคับฝืนใจ ดังนั้นคงไม่มีอะไรไม่ถูกต้อง
โชโตะเก็บดาบ ขี่ม้าขาวรอนแรมต่อไป
ข่าวลือและเบาะแสถัดมานำเขามายังดินแดนรกร้างที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายมนตร์ดำ บ้านของเหล่าอสุรกาย
โชโตะหลับตาวาดวิถีดาบ ไม่นานก็ฝ่าปราการทั้งหมดเข้ามายังพระราชวังแห่งความมืดซึ่งตั้งอยู่ชั้นในสุด
ณ ที่นั่น จอมมารดาบิกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ทำจากกระดูกมนุษย์ บนตักของเขาคือร่างบอบบางของเด็กสาวผมสีดำสนิท
ไม่ผิดแน่ เธอคนนี้คือเจ้าหญิงอนาสตาเซียแห่งบาธิลอน
“ฉันคือโทโดโรกิ โชโตะ มาช่วยเจ้าหญิง” เจ้าชายประกาศ ยกดาบขึ้นมาชี้ไปทางคนทั้งสอง
“…” จอมมารเท้าคางมองเขาด้วยสายตาเบื่อหน่าย ในขณะที่ดวงตาสีอำพันของเด็กสาวคนนั้นมองลงมาอย่างเฉยชา
“ไม่มีใครขอให้ท่านมาช่วย”
“…”
“ฉันเต็มใจมาเอง”
จบคำพูด โชโตะก็ถูกจับโยนออกมาพร้อมเสียงปิดประตูวังดังปัง!
เจ้าม้าสีขาวคู่ใจเดินมารับคล้ายรู้อยู่แล้ว
เด็กหนุ่มปีนขึ้นไปบนหลังม้าทั้งๆ ที่มีความคิดมากมายแล่นเต็มหัว
โชโตะรู้สึกไม่เข้าใจมาก
เขาถูกไหว้วานให้มาช่วยเจ้าหญิง
เจ้าหญิงคนแรกบอกว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าหญิง
เจ้าหญิงคนที่สองบอกว่าเธอไม่ต้องการให้ช่วย
ผิดบท…นี่มันผิดบทเกินไปหน่อยรึเปล่า?
ม้าสีขาวมุ่งหน้ากลับสู่อคราเดียทั้งๆ ที่เจ้านายของมันยังคงมีสีหน้างุนงงราวกับคิดไม่ตก
“อ้ากกกก!”
แล้วจู่ๆ เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้นมากลางทะเลทรายระหว่างทาง
พวกชนเผ่ากำลังต่อสู้กับกองกำลังทหารของประเทศหนึ่ง และพวกเขาเลือกใช้วิธีสกปรกอย่างการโจมตีหน่วยแพทย์ของอีกฝ่าย
เสียงสั่งการเฉียบขาดของผู้หญิงดังขึ้นท่ามกลางเสียงการต่อสู้ทั้งหมด
“ปกป้องคนบาดเจ็บค่ะ!”
เธอเป็นเด็กสาวผมสีฟ้าอ่อนตัดกับสีของทรายและสีผมคนพื้นถิ่นโดยรอบ เสื้อคลุมสีขาวปักตราหน่วยแพทย์ของกองทัพอคราเดียโดดเด่นบนแผ่นหลัง
หน่วยแพทย์ตระเวนชายแดนงั้นเหรอ?
ร่างเล็กๆ นั่นหยิบดาบขึ้นมาต่อสู้กับศัตรูอย่างไร้ความหวาดกลัวจนโชโตะอดชื่นชมไม่ได้
ในจังหวะที่เธอกำลังจะเสียท่าให้ศัตรู ร่างกายของเขาก็ขยับไปเองโดยที่ไม่รู้ตัว ม้าสีขาวกระโจนเข้าขวางพร้อมกับดาบที่วาดออกไปปกป้องเด็กสาวผมสีฟ้าคนนั้น
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย” โชโตะหันไปถามเธอ
เด็กสาวคนนั้นกุมศีรษะราวกับกำลังพยายามหยุดเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผล
“อา…”
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเงยหน้าขึ้นมาส่งรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ให้เขา
“ขอบคุณนะคะ”
ในวินาทีนั้น โชโตะคิดว่า...บางทีเขาคงได้พบเจ้าหญิงตัวจริงเข้าแล้วล่ะ!
________________________
ข้อความจาก Pandora P.
นายมังกรเดินทางมาถึงตอนจบแล้วค่ะ! อันที่จริงก็เป็นตอนจบที่เป็นจุดเริ่มต้น(?) ต่อจากนี้นายมังกรยังต้องผจญภัยกับสาวงามต่ออีกยาวไกล!
จริงๆ คนแรกที่คิดพลอตเสร็จคือของโชโตะค่ะ แถมพอเล่าให้พี่ Ms.Margarita ฟังก็ผ่านทันทีเลย เอ็นดูมากๆ -0-
หวังว่าทุกคนจะชอบของขวัญที่เราตั้งใจเขียนมากๆๆ ชิ้นนี้นะคะ >w<
อ๊ะ เร็วๆ นี้คฤหาสน์ปีกเหล็กกล้าของมาร์ควิสฮอว์กจะเปิดประตูเป็นกรณีพิเศษ ท่านแขกผู้มีเกียรติอย่าลืมรอติดตามน้า~
ข้อความเพิ่มเติมจาก Ms. Margarita
ปล. ก็คือแอบขายฟิคทุกเรื่องของเราแบบเนียนๆ นั่นเอง…
ปล.2 ขอบคุณทุกคนที่ช่วยดันนายคัตสึกิกับอายาเมะจังไปถึงท็อปอันดับ 4 นะคะ เราตื่นมาเจอนี่ตกใจมากเลยค่ะ
ปล.3 รอบหน้าเจอกันที่คุมฮอว์กส์นะคะ ฉลองวันเกิดเมนเรา!
ตอนนี้ทยอยส่งข้อความไปหมดแล้วนะคะ (มีที่ส่งข้อความลับไม่ได้ 1 คนค่ะ) ใครที่มีรายชื่อแล้วยังไม่ได้ข้อความจากเรา สามารถทักมาหาเราก่อนได้เลยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยัยคัตก็ยังซึนเหมียนเดิม555+