ตอนที่ 27 : Aria 25 : Is it a date (or not)?
Aria 25
Is it a date (or not)?
ผู้คนในโรงยิมแน่นขนัดไปหมด
ขนาดอายาเมะที่ตัวสูงกว่ามาตรฐานผู้หญิงญี่ปุ่นยังรู้สึกว่าหาที่หายใจได้ลำบากเหลือเกิน กว่าเธอจะเบียดตัวเข้ามาได้ก็ทำเอาเหนื่อยหอบ
ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองไปรอบๆ บางคนตะโกนชื่อ ‘ยาโอโยโรซึ’ ออกมาทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นแฟนคลับของรองหัวหน้าห้องสาว บรรยากาศคึกคักนั่นทำให้เธอพลอยตื่นเต้นไปด้วย
แต่ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนพวกนั้นก็มีสายตาไม่พอใจของคนบางคนที่มองตรงไปยังเวทีเช่นกัน
โทเงะอิเคะกับอาโกะยามาโตะเองก็มาเข้าชมด้วย
คงจะมาหาเรื่องตำหนิห้อง A เหมือนอย่างเคย
แต่ก็...ไม่เป็นไรหรอก
อายาเมะมองเพื่อนร่วมชั้นของเธอเพียงแค่ครู่เดียวแล้วก็หันกลับไปมองบนเวทีที่ผ้าม่านค่อยๆ เลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นกลุ่มวงดนตรีที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ก่อนที่กลุ่มนักเต้นที่ชูกำปั้นขึ้นเหนือหัวจะค่อยๆ ปรากฏออกมาทีละคน
บนใบหน้าของแต่ละคนมีรอยยิ้มกว้างที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
เหมือนกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้เลย
มันจะไม่เป็นไรหรอก
เพราะพวกเขาจะไปเชือดกันด้วยเสียงดนตรียังไงล่ะ!
แสงสีขาวจากทางด้านหลังทำให้ใบหน้าของคนบนเวทีเกิดเป็นเงาดำ แต่อายาเมะกลับเห็นรอยยิ้มเหยียดบนริมฝีปากของบาคุโกได้อย่างชัดเจนในตอนที่เขาชูไม้กลองขึ้นแล้วตะโกนเสียงดังว่า
“เอากันเลยเว้ย!!”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มเชิดขึ้น ขณะที่ดวงตาสีแดงหรี่ลงมองกลุ่มคนมหาศาลตรงหน้า
“เชือดเด็กยูเอทุกคน...ด้วยเสียงกันไปเลย!!”
บึ้ม!!
เสียงระเบิดและแสงไฟสว่างวาบเป็นเหมือนสัญญาณเริ่มต้นของบทเพลง
ควันระเบิดพุ่งพวยขึ้นไปยังเพดานของโรงยิมพร้อมกับไฟที่ส่องสว่างขึ้น เสียงกีต้าร์ เบส กลอง และคีย์บอร์ดเริ่มบรรเลงด้วยจังหวะรวดเร็วชวนให้ใจเต้นไปด้วย แรงลมจากระเบิดพุ่งใส่กลุ่มคนดูทำให้ผมของอายาเมะพัดปลิวจนยุ่งเหยิง
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะปัดมันออกไปสักนิด ดวงตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างมองดูการแสดงตรงหน้าอย่างไม่อยากพลาดไปแม้แต่วินาทีเดียว
“ขอความกรุณาด้วยค่ะ!” จิโร่ตะโกนใส่ไมโครโฟนพร้อมกับที่อาชิโดะและโอจิโระกระโดดขึ้นสูง
บทเพลงที่อายาเมะได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วนฟังดูต่างออกไปจากเดิมในตอนที่พวกเขาเล่นมันอยู่บนเวทีตรงหน้าเธอ
ทั้งที่ฟังบ่อยจนควรจะหยุดตื่นเต้นได้แล้ว แต่อายาเมะกลับรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากอกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกลองหนักๆ ให้จังหวะกับทั้งนักดนตรีและนักเต้นทุกคน
เสียงกลอง...เสียงหัวใจ…
อายาเมะแยกพวกมันแทบไม่ออก
ผู้คนรอบตัวเธอกระโดดโลดเต้นไปมาตามจังหวะเสียงเพลง
“Hero too. I am a hero too.”
อายาเมะเองก็เผลอตะโกนร้องตามจนสุดเสียงไปด้วยตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“So wait and see!”
เธอมองดูมิโดริยะที่พาอาโอยามะกระโดดขึ้นมากลางอากาศแล้วเหวี่ยงเป็นไฟดิสโก้ แสงไฟวิบวับสะท้อนอยู่ในโรงยิมพร้อมกับเด็กหนุ่มที่ตกลงมา แต่ก่อนที่เขาจะกระทบกับพื้น โอจิโระก็เข้าไปรับเอาไว้เสียก่อน
“I wanna live my life like it’s meant to be.”
กลุ่มนักเต้นสาวเข้ามายืนซ้อนก่อนจะขยับไล่มือเป็นคลื่นไล่ไปทางด้านหลัง แล้วจึงไปรวมตัวกันรอบมิเนตะ เพื่อจะผายมือไปทางคนตัวเล็ก
“Tried all my life, I’ve tried to find. Something that makes me hold on and never let go. Ohh!!”
ในตอนนั้นเองที่ความสนุกที่แท้จริงกำลังเริ่มต้นขึ้น
เทปถูกปล่อยออกมาด้านบนพร้อมกับก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ แสงไฟหลากสีส่องประกายสะท้อนกับน้ำแข็งทำให้เกิดเป็นแสงสีสวยสดใสอย่างที่ทำให้อายาเมะตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น
ถึงจะช่วยซ้อมเพลงอยู่หลายครั้ง แต่อายาเมะไม่ได้เข้าไปยุ่งกับเรื่องการเตรียมงานหรือสถานที่ของพวกเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นการแสดงแบบเต็มที่ของห้อง 1-A
ในตอนนั้นเองที่ฉากหลังของเวทีส่องแสงสว่างจ้าออกมา พร้อมกับที่ยาโอโยโรซึยกแขนขึ้นสร้างริบบิ้นหลากสี ปล่อยออกมาให้ฟุ้งกระจายไปทั่ว
“Hero too. I am a hero too.”
จิโร่ตะโกนกู่ร้องท่องฮุคออกมาด้วยเสียงทรงพลังอย่างที่ทำให้อายาเมะอ้าปากตะโกนร้องออกไปด้วยอย่างไม่คิดจะถนอมเส้นเสียงของเธอเลยสักนิด
“My heart is set and I won’t back down.”
อยู่ๆ เกล็ดน้ำแข็งที่สะท้อนกับแสงไฟก็หล่นลงมาจากด้านบน และวิธีการร้องของจิโร่ก็เปลี่ยนไป
“They may look down on me and count me out.”
แสงสปอร์ตไลท์สาดส่องไปตัวที่ตัวนักร้องนำก่อนที่ร่างของเธอจะหงายไปข้างหลัง และโน้มกลับมาด้านหน้าเพื่อตะโกนประโยคที่ว่า
“Yeah I’ll be!!!! Hero too! I’m a hero too!”
อุราระกะใช้อัตลักษณ์ของตัวเองกระโดดลอยออกมาในขณะที่อะซุยควบคุมให้เด็กสาวขยับไปในทิศทางที่ต้องการ
"True heroes stand up for what they believe.”
“ใครอยากแจมขอมือหน่อยจ้า!”
เธอตะโกนดังลั่นพร้อมกับแปะมือกับเหล่าคนดูที่ชูมือขึ้นมา
อายาเมะเองก็ชูมือขึ้นไปเหมือนกัน
แปะ!
มือของอุราระกะที่แปะเข้ากับมือของเธอพร้อมกับที่อีกฝ่ายขยิบตาให้ทำให้อายาเมะลอยขึ้นมากลางอากาศ
ร่างกายที่เสียการควบคุมไปอย่างฉับพลันทำให้ในท้องของเธอรู้สึกไหววูบ แต่พอเริ่มคุ้นชินแล้ว จากความตื่นตระหนกก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น
ได้ยินเสียงร้องตะโกนและรอยยิ้มของทุกคนแล้ว อายาเมะพลันรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก
เธออาจจะไม่ได้ร่วมในการแสดงก็จริง แต่เธอกลับรู้สึกว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของมันเหมือนกัน
แม้แต่โทเงะอิเคะและอาโกะยามาโตะที่ตั้งใจจะมาเพื่อจับผิดห้อง A ก็ยังเผลอร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นไปด้วย
“Now it's my turn to be the one to make you smile!”
ทำสำเร็จแล้ว
บทเพลงของพวกเขา...ส่งไปถึงทุกคนแล้ว
ริมฝีปากของเด็กสาวขยับเป็นรอยยิ้มกว้าง เธอมองขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง มองดูทุกคนก่อนจะไปหยุดลงที่บาคุโก
เธอเผลอหลุดหัวเราะออกมาในตอนนั้นเอง
เขาทำสีหน้าอะไรของเขากัน
ใบหน้าเบื่อหน่ายนั่นดูไม่เข้ากับบรรยากาศครื้นเครงของคอนเสิร์ตเลยสักนิด มือของเขายังคงขยับตีจังหวะดุดัน แต่ท่าทางเฉื่อยชานั่นกลับดูขัดกันอย่างบอกไม่ถูก
อายาเมะคงจะเผลอมองเขานานไปหน่อย เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาสีแดงสดคู่นั้นก็ตวัดมองกลับมา
บาคุโกเลิกคิ้วมองเธอ
‘สุดยอดมากเลยล่ะ’
อายาเมะขยับปากพูดโดยไม่มีเสียงส่งไปให้เขา โชคดีที่เธออยู่ไม่ไกลจากเวทีมากนัก อายาเมะจึงมั่นใจว่าบาคุโกจะต้องอ่านปากเธอออกแน่
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบอะไรกลับมา อยู่ๆ ร่างของเธอก็ตกวูบลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว
ตุ้บ!
อายาเมะตกลงมานอนแอ้งแม้งบนพื้น เหมือนกับคนอีกหลายคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
ถึงจะตกจากระยะต่ำทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ แต่เพราะไม่ทันตั้งตัวทำให้ท่าลงไม่สวยงามสักเท่าไร
เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะปัดผมของตัวเองไปให้พ้นจากใบหน้า
พอเธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นว่าบาคุโกยังคงมองเธออยู่
‘ซุ่มซ่าม’
คำต่อว่าที่ไม่มีเสียงนั่นทำให้อายาเมะได้แต่พองแก้มตอบกลับไป
และใช่...บาคุโกไม่สนใจหรอก
บทสนทนาไร้เสียงของพวกเขาถูกกลืนหายไปในเสียงปรบมือดังกึกก้องและเสียงโห่ร้องให้กำลังใจอย่างล้นหลาม คนดูหลายคนเริ่มหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป อายาเมะเองก็เหมือนกัน
ทว่าดวงตากลมโตกลับชะงักจากแจ้งเตือนจากห้องแชทของเพื่อนในห้อง
Izukiki : อีกครึ่งชั่วโมงถึงกะเธอแล้วนะ!
อายาเมะอ่านข้อความในมือถือแล้วอยากจะตบหน้าผากตัวเอง
เธอมัวแต่ดูคอนเสิร์ตจนเพลิน เกือบจะลืมไปทำงานห้องของตัวเองไปแล้ว
เด็กสาวมองบนเวทีเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อมั่นใจว่าการแสดงของห้อง A ประสบความสำเร็จอย่างงดงามก็กระชับกระเป๋าแล้วรีบเบียดตัวผ่านฝูงชน วิ่งกลับไปทางสถานที่จัดกิจกรรมของห้องเธอเองด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้
หลักสูตรฮีโร่ได้ร้องเพลงที่ทำให้ทุกคนยิ้มได้แล้ว...
คราวนี้ก็ถึงตาของเธอที่จะมอบรอยยิ้มให้ทุกคนบ้างเหมือนกัน!
_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_
"พวกห้อง A กำลังเดินเข้าไปแล้ว เตรียมจัดหนักกันได้เลย”
เสียงที่ลอดผ่านวิทยุสื่อสารออกมาทำให้อายาเมะหันไปมองด้วยความสนใจ
ถึงจะไม่รู้ว่าพวกห้อง A ที่ว่ามีใครกันบ้าง แต่อายาเมะก็ตั้งใจจะหลอกให้สุดฝีมือเหมือนกัน พวกเขาแสดงคอนเสิร์ตดีๆ แบบนั้นออกมาแล้ว ถ้าเขาวงกตผีสิงของเธอทำออกมาดีไม่เท่าก็คงรู้สึกแย่น่าดู
“พอกลุ่มถัดไปมาถึงแล้ว ชินโซคุงก็ออกไปก่อนแล้วกันนะ พอพวกเขาตกใจแล้วถอยไปด้านหลัง เดี๋ยวฉันจะไปรอหลอกที่ตรงนั้นเอง” อายาเมะใช้จังหวะที่ยังไม่มีใครเดินผ่านมาหันไปคุยกับชินโซที่นั่งหลบมุมอยู่ข้างเธอ
“อ่า...”
เขาตอบรับอย่างเฉยชา
ชินโซอยู่ในชุดเสื้อผ้าธรรมดาที่ถูกเลือดปลอมสาดใส่จนมองสีเดิมแทบไม่ออก เสื้อผ้าของเขาเตรียมง่ายจนดูเหมือนไม่ใส่ใจ ต่างกันเสื้อผ้าของเธอลิบลับ
อายาเมะอยู่ในชุดโลลิต้าสีดำสนิทที่ประดับด้วยระบายลูกไม้สีขาวพร้อมกับผูกโบว์ขนาดใหญ่บนหัว ใบหน้าและข้อศอกของเธอถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางทำให้ดูเหมือนตุ๊กตาเก่าๆ ผุพังไม่มีผิด
รวมกับผิวที่ค่อนข้างขาวและดวงตากลมโตของเธอแล้ว อายาเมะก็กลายเป็นตุ๊กตาผีไปโดยสมบูรณ์
ห้องของเธอตกลงกันว่าจะทำวงกตผีสิงในธีมของคฤหาสน์ร้างที่มีครอบครัวถูกฆ่ายกครัวเมื่อห้าสิบปีก่อน ชินโซรับบทเป็นลูกชายคนโตที่โดนฆ่าอย่างโหดเหี้ยมขณะปกป้องน้องสาว ส่วนเธอเป็นตุ๊กตาของลูกสาวคนเล็กที่ตายทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าของที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
ทั้งที่ตอนแรกอายาเมะไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าเธอจะเล่นบทผีมาหลอกคนอื่นได้ดี แต่พอทำไปสักพักเธอก็เริ่มเคยชิน
แถมใบหน้าเหวอๆ ตอนที่คนอื่นเห็นเธอแล้ววิ่งหนีไปมันก็ดูตลกดีด้วย…
เธอแทบไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้นในชีวิตประจำวันปกติเลย
ในตอนที่อายาเมะกำลังคิดบทพูดของรอบถัดไป ก็มีเสียงเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พอดี
เหยื่อรายใหม่ของเธอมาแล้ว
ชินโซเองก็คงจะรู้ตัวเหมือนกัน เพราะเขาลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งสัญญาณมือบอกเธอให้ไปเตรียมตัว อายาเมะเลือกวิ่งอ้อมไปหลบอยู่หลังเสาด้านข้าง รอให้กลุ่มคนกลุ่มใหม่เดินมาถึงอย่างใจเย็น
“อย่าเบียดเข้ามานักได้ไหม มิเนตะ!”
เสียงคุ้นเคยของอาชิโดะทำให้อายาเมะเผลอยิ้มกว้างขึ้น เธอตื่นเต้นจนเริ่มรู้สึกอยู่ไม่สุข นึกอยากจะให้พวกเขาเดินมาถึงไวๆ
“ก็มันมืดนี่หว่า!”
“เฮ้ย! รอฉันด้วยสิ”
“รีบเดินผ่านตรงนี้กันไปเถอะน่า...”
เสียงของมิเนตะ คามินาริและฮางาคุเระที่ดังตามมาทำให้เธอรู้ตำแหน่งคร่าวๆ ของพวกเขาว่าตอนนี้อยู่ไม่ไกลมากนักแล้ว และเพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาก็เดินผ่านเสาที่เธอหลบอยู่ไปโดยไม่ได้ระเคะระคายสักนิดว่ามีคนซ่อนตัวอยู่ตรงนี้
และต่อไปชินโซก็จะทำหน้าที่ในอีกสาม...สอง...หนึ่ง…
“กรี๊ด!!!”
“ว้ากกกก!!!”
เสียงร้องด้วยความตกใจดังลั่นทำให้อายาเมะต้องกัดกระพุ้งแก้มด้วยความกลัวว่าจะเผลอยิ้มออกมา เธอรีบวิ่งออกจากเสาที่หลบอยู่เมื่อครู่ ไปยืนขวางทางเข้าเดิมของพวกเขาเอาไว้
คามินาริที่กำลังวิ่งนำกลับมาทางเดิมชะงักไปในทันทีที่เห็นเธอ ทำให้คนอีกสามคนที่วิ่งตามมาต้องพลอยหยุดวิ่งไปด้วย
ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างที่มองเห็นได้ชัดเจนแม้ว่าจะอยู่ในบ้านผีสิงที่มีแค่แสงสลัวๆ ก็ตาม
อายาเมะยกริมฝีปากสีแดงคล้ำเหมือนเลือดขึ้นเป็นรอยยิ้มแสยะ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหวานเนิบนาบไร้อารมณ์ว่า “เห็นเจ้านายของหนูไหมคะ...”
เธอเดินเข้าไปใกล้พวกเขาอีกก้าว พร้อมกับที่พวกเขาเดินถอยหลังหนีเธอไปอีกก้าว
“เจ้านายของหนูเป็นผู้หญิงผมยาวๆ ไม่มีตาข้างซ้าย แล้วก็ชอบร้องเพลงเพราะๆ ให้ฟัง...”
อายาเมะยื่นมือออกไปข้างหน้า
“หนูขอตาของพวกคุณ...ไปให้เจ้านาย….”
เธอยังพูดไม่ทันจบประโยค มิเนตะกับคามินาริก็แหกปากร้องลั่น หมุนตัววิ่งไปทางออกที่อีกฝั่งโดยไม่สนใจชินโซที่ยังห้อยหัวลงมาจากเพดานเลยสักนิด
ฮางาคุเระกับอาชิโดะที่เห็นพวกผู้ชายวิ่งหนีเอาตัวรอดกันไปแล้วก็พากันดึงแขนรีบวิ่งตามไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
เสียงร้องตะโกนของพวกเขาก้องสะท้อนไปตามวงกตผีสิงและน่าจะดังไปถึงข้างนอกได้ไม่ยาก
ไปซะแล้ว…
พอเหยื่อของเธอวิ่งหนีไปแล้ว อายาเมะก็เลิกสวมบทบาทตุ๊กตาผี
รอยยิ้มขบขันนิดๆ ผุดขึ้นมาบนริมฝีปากแทนที่รอยยิ้มแสยะเมื่อครู่ ก่อนที่เธอจะเผลอหลุดขำออกมาจนต้องยกมือปิดปากเอาไว้
ดูท่าทางพวกเขาจะตกใจเอามากจริงๆ
เธอเล่นแรงเกินไปหรือเปล่านะ
พอนึกถึงใบหน้าซีดเผือดของคามินาริเมื่อครู่นี้แล้ว อายาเมะก็อดรู้สึกผิดหน่อยๆ ไม่ได้ เขายิ่งสุขภาพไม่ค่อยดีอยู่ด้วย ถ้าเกิดเป็นลมไปอีกจะทำยังไง
ใกล้จะหมดกะของเธอพอดี แวะไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน
“ชินโซคุง” อายาเมะตะโกนเรียกเพื่อนร่วมกลุ่มแต่งเป็นผีที่อยู่ใกล้เธอที่สุด “ใกล้จะถึงเวลาเปลี่ยนกะแล้ว ฉันขอออกไปดูพวกห้อง A หน่อยนะ ดูน่าเป็นห่วงยังไงก็ไม่รู้”
ชินโซเหลือบมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาสั้นๆ เหมือนเดิมว่า “อ่า”
ไม่ว่าเธอจะบอกอะไร เขาก็ตอบแค่นั้นตลอด
จะว่าเป็นคนอะไรก็ได้หรือไม่แยแสดีล่ะเนี่ย
แต่อายาเมะก็รู้สึกขอบคุณอยู่เหมือนกันที่เขาไม่เซ้าซี้อะไรมาก เธอจึงรีบวิ่งไปตามทาง ตรงไปยังทางออกด้านหลังที่กลุ่มของอาชิโดะเพิ่งจะวิ่งผ่านไปได้ไม่นาน
พอไปถึงตรงทางออก อายาเมะก็รู้สึกว่าตาของเธอพร่าไปหมด คงเพราะอยู่ในที่มืดมานาน พอออกมากลางแจ้งแล้วจึงปรับสายตาไม่ค่อยทัน
เธอยืนกะพริบตาไปมาอย่างมึนงงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะมองเห็นกลุ่มคนที่คุ้นเคยยืนคุยกันอยู่ไม่ไกลมากนัก
“อาชิโดะจัง ฮางาคุเระจัง คามินาริคุง มิเนตะคุง” อายาเมะเรียกชื่อของพวกเขาทุกคนพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา แต่ยังไม่ทันจะวิ่งไปถึง พอคามินาริหันกลับมาเห็นเธอ เขาก็ร้องตะโกนขึ้นมาเสียงดังลั่นอีกครั้ง
“ว้าก!! ผีตุ๊กตาตามมาแล้ว”
“คือว่านี่ฉันเองนะ อิชิ….” อายาเมะยังพูดไม่ทันจบประโยค คามินาระก็ร่วงลงไปกองกับพื้นแล้ว
เป็นลมไปจริงๆ แล้ว
เธอได้แต่หันไปมองสมาชิกห้อง A ที่เหลือด้วยความรู้สึกจนใจ
ตอนแรกฮางาคุเระกับอาชิโดะก็ยังดูตกใจอยู่นิดหน่อย แต่พอพวกเธอมองหน้าอายาเมะได้สักพัก อาชิโดะก็เป็นฝ่ายถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจก่อนว่า “อิชิคาวะจัง?”
“นี่ฉันเอง...” เธอได้แต่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
ดูเหมือนว่าฝีมือของเมคอัพของเธอมันจะดีมากเกินไปจริงๆ ขนาดยืนอยู่กลางแดดแบบนี้พวกเขายังจำเธอแทบไม่ได้
ฮางาคุเระถอนหายใจเสียงดัง “ตกใจแทบแย่เลยอะ!”
“ผู้หญิงทุกคนน่ะเป็นปีศาจร้ายจริงๆ ด้วย” มิเนตะกุมหัวมองเธอด้วยสายตาหวาดระแวงพลางบ่นพึมพำอะไรบางอย่าง แต่อายาเมะไม่ได้สนใจเขามากนัก เธอเป็นห่วงคามินาริที่เหมือนจะตกใจจนเป็นลมไปแล้วมากกว่า
“แล้วคามินาริคุงเป็นอะไรมากหรือเปล่า ฉันขอโทษด้วยนะ ไม่คิดว่าเขาจะตกใจถึงขนาดนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” อาชิโดะโบกมือไปมา “เดี๋ยวอีกแป๊บก็หายแล้วล่ะ”
แต่จะทิ้งเอาไว้แบบนี้ก็ทำให้อายาเมะรู้สึกผิดจริงๆ
เด็กสาวส่ายหน้าไปมา ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่นว่า “ให้ฉันช่วยพาไปส่งเถอะนะ ฉันเป็นคนที่เล่นแรงเกินไปเอง อย่างน้อยให้ได้ช่วยอะไรสักหน่อยก็ยังดี”
ฮางาคุเระกับอาชิโดะมองหน้ากันครู่หนึ่งราวกับกำลังปรึกษากันทางสายตา ก่อนที่ฮางาคุเระจะบอกเธอว่า “ถ้างั้นก็ช่วยพวกเราแบกคามินาริกลับไปทางโรงยิมหนึ่งก็ได้ ตรงนั้นมีบูทเก็บของของพวกเราอยู่น่ะ น่าจะพอให้นั่งพักได้”
อายาเมะพยักหน้ารับในทันที
พวกเธอสามคนช่วยกันหิ้วปีกคามินาริขึ้นมา ก่อนจะพาเดินผ่านงานเทศกาลกลับไปทางโรงยิมที่เคยจัดคอนเสิร์ทของห้อง A อย่างไม่รีบร้อน
ระหว่างเดินผ่านทางเดินที่จัดซุ้มต่างๆ อายาเมะก็กวาดตามองรอบๆ ไปด้วยอย่างตั้งใจแล้วว่าเธอจะกลับมาเดินเล่นตรงนี้ให้ได้หลังจากพาคามินาริไปพักผ่อนแล้ว
เธอเลิกกะพอดีแล้วด้วย เอาไว้ชวนซาโยริมาเดินด้วยดีกว่า
“นั่นมันพวกอาชิโดะนี่ เฮ้!”
เสียงร้องทักจากทางด้านข้างทำให้พวกเธอหยุดฝีเท้าก่อนจะหันไปมอง คนที่ตะโกนเรียกพร้อมกับโบกมือให้พวกเธอคือคิริชิมะที่กำลังยืนอยู่ตรงสนามวิ่งวิบากกับโอจิโระ
เป้าหมายเดิมของพวกเธอถูกเบี่ยงเบนไปในทันทีเมื่ออาชิโดะเห็นเพื่อนร่วมห้องยืนอยู่ตรงนั้น
“พวกนายทำอะไรกันอยู่น่ะ” ฮางาคุเระเอ่ยปากถามคิริชิมะที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มผมแดงชี้นิ้วไปข้างหลัง ก่อนจะตอบว่า
“บาคุโกกำลังท้าสนามวิ่งวิบากอยู่น่ะ เห็นว่าจะล้มสถิติของออลไมท์ให้ได้”
“แล้วพวกเธอล่ะ” โอจิโระมองดูคามินาริที่ยังถูกพวกเธอสามคนช่วยกันหิ้วไว้ ก่อนจะเข้ามาช่วยพยุงแทน ทำให้สาวๆ ทั้งสามหลุดพ้นจากหน้าที่ในที่สุด
“กำลังจะพาคามินาริไปพักน่ะ โดนอิชิคาวะจังหลอกจนเป็นลมไปแล้ว”
“ขอโทษด้วยนะ”
ถึงอายาเมะจะรู้สึกว่าการหลอกคนอื่นจนเป็นลมเป็นเรื่องที่ผิด แต่ในฐานะผีแล้วก็ต้องบอกว่าเธอทำหน้าที่ได้ดีแล้ว?
เป็นความรู้สึกที่ย้อนแย้งมากจริงๆ
“หมอนี่ขี้ตกใจไปเองต่างหาก อิชิคาวะจังไม่ได้ผิดหรอกน่า” อาชิโดะตบไหล่เธอเป็นเชิงปลอบใจ ก่อนจะหันไปคุยกับโอจิโระ “นายพาคามินาริกลับไปพักก่อนได้หรือเปล่า ตรงแถวๆ โรงยิมที่พวกเราวางของไว้ก็ได้”
“ก็ได้อยู่หรอก แต่ว่าบาคุโก...”
พอพูดถึงเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว อายาเมะก็เผลอมองตามสายตาของโอจิโระไปที่ตรงสนามวิ่งวิบาก
ในสนามขนาดกลางนั้น บาคุโกกำลังขมวดคิ้วอย่างเอาจริงเอาจังในขณะที่เขาระเบิดอัตลักษณ์ในมือ ใช้มันขับเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่น่าตกใจ พุ่งผ่านกำแพงและทางลาดต่างๆ ไปราวกับว่าพวกมันหยุดเขาเอาไว้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
บนร่างกายของเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ มุมปากตกลงบึ้งตึงเหมือนเคย แต่คงเพราะว่าเขากำลังใช้สมาธิอยู่
เห็นแบบนั้นแล้ว อายาเมะก็พลันรู้สึกว่าพอออกมาแล้วเขาคงจะเหนื่อยมากแน่
“ฉันขอไปซื้อน้ำแป๊บหนึ่งนะ มีใครจะเอาอะไรหรือเปล่า”
พออายาเมะเอ่ยปากถาม อาชิโดะกับฮางาคุเระก็ขอน้ำอัดลมกันคนละกระป๋อง มิเนตะขอชานม ส่วนคิริชิมะกับโอจิโระส่ายหน้าปฏิเสธ
เด็กสาวรีบวิ่งไปยังตู้กดน้ำที่ใกล้ที่สุดแล้วกดเลือกเมนูที่เพื่อนของเธอฝากมา ก่อนจะกดเครื่องดื่มเกลือแร่เพิ่มไปอีกขวด
กว่าที่อายาเมะจะวิ่งกลับมาอีกครั้ง พวกกลุ่มห้อง 1-A ก็ไปยืนรวมตัวกันตรงหน้าหน้าวิ่งวิบากแล้ว
บาคุโกเองก็อยู่ด้วยเช่นกัน
เขากำลังตะโกนเสียงดังอะไรสักอย่างในขณะที่ถูกคิริชิมะกับเซโระล็อกแขนไว้คนละข้าง ท่าทางดูจะไม่ยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มวิ่งกลับเข้าไปทางสนามวิ่งวิบากเด็ดขาด
“ปล่อยให้คนอื่นเขาได้ท้าบ้างเถอะน่า!”
“นายน่ะเหนื่อยขนาดนี้แล้วพักก่อนดีกว่ามั้ง สถิติมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ มากกว่านะ” เซโระพูดเตือนโดยที่อายาเมะก็ลอบพยักหน้าเห็นด้วยในใจ
ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้ ยิ่งเห็นชัดเจนเลยว่าตัวของบาคุโกชุ่มไปด้วยเหงื่อมากขนาดไหน ทั้งที่ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศกำลังเย็นอยู่แท้ๆ
เครื่องดื่มเกลือแร่ที่เธอซื้อมาคงไม่เสียเปล่าแล้วล่ะมั้ง
“บาคุโก” อายาเมะเอ่ยปากเรียกขณะที่เดินเข้าไปใกล้ ตั้งใจจะยื่นขวดน้ำให้กับเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะวิ่งวิบากเสร็จมาหมาดๆ แต่เสียงของเธอคงจะเบาเกินไป จึงไม่มีใครสักคนในสามคนนั้นหันมามอง
“บาคุโก!” เธอเรียกเสียงดังขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ถูกเสียงตะโกนของคิริชิมะกับบาคุโกกลบไปจนหมดเหมือนเดิม
นี่ไม่คิดจะหันมามองเธอหน่อยเลยหรือไงกัน
อายาเมะได้แต่ยืนขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มสามคนที่ยังโวยวายใส่กันไปมา ก่อนจะตะโกนเสียงดังที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ว่า
“บาคุโก!!”
“หุบปากสักทียัยเอเลี่ยน!!” บาคุโกหันกลับมาตวาดใส่เธอเสียงดัง ก่อนจะชะงักไป
ในช่วงจังหวะที่เด็กหนุ่มเงียบเสียงไป อายาเมะก็รีบชิงพูดขึ้นมาด้วยใบหน้ามุ่ยนิดๆ ว่า “ฉันเรียกตั้งนานแล้วนะ ไม่ได้ยินเลยเหรอ”
บาคุโกไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่อายาเมะก็ไม่ได้สนใจนักในขณะที่ยื่นขวดเครื่องดื่มเกลือแร่ไปให้เขา
สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือการที่บาคุโกไม่ได้รับมันไปในทันที
เขาหยุดยืนนิ่งมองเธอครู่หนึ่ง จนอายาเมะต้องเงยหน้ามองกลับไปพร้อมกับขมวดคิ้วนิดๆ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร เด็กหนุ่มก็คว้าน้ำขวดนั้นไปจากมือของเธอ แล้วหันไปทางด้านข้าง ก่อนจะเปิดขวดยกขึ้นดื่มโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ
แปลก…
อายาเมะเตรียมตัวรับคำพูดประมาณว่า ‘ไม่ได้ขอให้หล่อนซื้อมาให้’ อะไรแบบนี้แล้วด้วยซ้ำ
“อิชิคาวะ” เซโระที่ไม่ต้องล็อกแขนบาคุโกแล้วหันมาทักทายเธอ “แต่งหน้าเข้มจังเลยนะ แต่งเป็นผีเหรอ”
“อืม!” พอมีคนชวนคุยเรื่องเมคอัพของเธอแล้ว อายาเมะก็พลันตื่นเต้นจนลืมเรื่องท่าทางแปลกๆ ของบาคุโกไปเสียสนิท เธอยกมือลูบข้างแก้มอย่างเผลอตัวก่อนจะพูดอย่างภูมิอกภูมิใจว่า
“เป็นผีตุ๊กตาน่ะ ฉันแต่งหน้าเองหมดเลยนะ ตรงข้อศอกนี่ก็ด้วย”
พูดแล้วเธอก็ยกข้อศอกที่วาดลายเป็นรอยข้อต่อของตุ๊กตาขึ้นมาอวด
“ยอดไปเลยนะ ฉันเกือบจะจำไม่ได้เลยล่ะถ้าไม่ใช่ว่าเธอเดินเข้ามาทักบาคุโกน่ะ” เซโระพูดพลางหัวเราะอย่างขบขัน “ในโรงเรียนนี้นอกจากเพื่อนในห้องแล้วคงไม่มีใครเดินมาทักหมอนี่อีกแล้วล่ะมั้ง”
คำพูดกึ่งเหน็บแนมนั่นทำให้อายาเมะเผลอหลุดหัวเราะเบาๆ ไปด้วย ก่อนที่ความคิดหนึ่งจะแล่นผ่านเข้ามาในใจของเธอพอดี
จริงด้วยสินะ เพราะเธอเป็นห่วงพวกอาชิโดะ ก็เลยรีบวิ่งออกมาจากบ้านผีสิงโดยที่ยังไม่ได้ล้างเมคอัพออกเลย
หรือว่าที่บาคุโกทำท่าทางแปลกๆ ใส่เธอก็เพราะ…
ไม่หรอกมั้ง เธอคงจะคิดมากไปเอง
“อ๊ะ! อิชิคาวะจังมาแล้ว งั้นพวกเราก็ไปเดินเล่นในงานเทศกาลด้วยกันเถอะ!” อาชิโดะหันมาชวนเธออย่างอารมณ์ดีขณะที่อายาเมะแจกจ่ายน้ำของแต่ละคน
ท่าทางสดใสนั่นทำให้อายาเมะปฏิเสธไม่ลง ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะตั้งใจจะมาเดินเที่ยวกับซาโยริก็ตาม
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ถือว่ามาเก็บข้อมูลก่อนไงล่ะ!
อายาเมะสรุปกับตัวเองได้แบบนั้นแล้วก็ตัดสินใจออกเดินไปพร้อมกับกลุ่มเด็กห้อง A
ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองซุ้มร้านรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ มีทั้งซุ้มเล่นเกม ซุ้มขายของ และซุ้มอาหารเรียงรายกันไปหมดจนดูละลานตา
จะร้านไหนก็ดูน่าแวะไปหมดเลย
เด็กสาวมัวแต่มองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นเต้นจนไม่ทันเห็นอาชิโดะที่เดินนำอยู่ข้างหน้าพร้อมกับส่งสายตาให้กับเพื่อนคนอื่นๆ
อายาเมะเห็นร้านขนมหน้าตาน่ากินทางด้านข้างแล้วก็อดหยุดแวะไม่ได้ เธอมองจนแน่ใจแล้วว่าเพื่อนทุกคนยังเดินอยู่ในบริเวณแถวนี้ ก่อนจะหยุดแวะสั่งสายไหม
แต่เพียงแค่ไม่นานนัก เธอก็ได้ยินเสียงต่อว่าที่คุ้นเคยจากทางด้านหลัง
“ชักช้า”
อายาเมะรีบจ่ายเงินแล้วรับสายไหมสีรุ้งมาถือไว้อย่างรวดเร็ว เธอตั้งใจจะรีบเดินตามคนอื่น แต่พอหันกลับไปอีกทีก็เห็นแค่บาคุโกที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างหลังเธอเพียงแค่คนเดียว
อะ…?
เธอหยุดยืนอยู่กับที่อย่างงุนงง
เด็กสาวกวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง ก็เห็นแต่บาคุโกกับใบหน้าไม่คุ้นเคยเต็มไปหมด
ไม่มีวี่แววของเพื่อนๆ ห้อง A เลยสักนิด
ดวงตาสีน้ำทะเลพยายามเพ่งมองหาพวกอาชิโดะอีกครั้ง แต่มองจนทั่วแล้วก็ไม่เห็นใครจนต้องมาหยุดลงที่ใบหน้าบึ้งตึงของบาคุโกอีกรอบ
“มองอะไรของหล่อน” บาคุโกพูดเสียงห้วนขณะที่ขมวดคิ้วมองเธอ
“ทุกคนล่ะ?” อายาเมะยังคงถามคำถามนั้นออกไป แม้ว่าในใจจะพอเดาอะไรได้บ้างแล้วก็ตาม
และเธอก็คงจะเดาไม่ผิด เพราะบาคุโกมองเธอด้วยสีหน้าเหมือนกำลังคุยกับสิ่งมีชีวิตคนละสายพันธุ์ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกไปจากตรงนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
“เดี๋ยวก่อน! บาคุโก รอฉันด้วยสิ” อายาเมะวิ่งตามที่พึ่งเดียวในตอนนี้ของเธอไปอย่างรีบร้อน
ในตอนที่เด็กสาววิ่งตามไปจนเดินอยู่ข้างบาคุโก เธอก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอพลันเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง เธอนึกขอบคุณเครื่องสำอางหนาๆ บนหน้านักที่มันช่วยปิดบังสีหน้าจริงๆ ของเธอได้เป็นอย่างดี
ดูเหมือนว่า...เธอจะถูกทิ้งให้เดินกับบาคุโกแค่สองคนในงานเทศกาลของโรงเรียน
แบบนี้…
จะเรียกว่าเป็นเดทได้หรือเปล่านะ?
________________________________
ที่หายไปหลายวันน่ะ….
คือเรากับน้อง Pandora P. ไปล่าอสูรกันมาค่ะ แหะๆ
ล่าอสูรในโรงหนังวันนึงเสร็จก็ยาวเลยค่ะ ติดหล่ม มูฟวี่ไยบะมันดีมากจริงๆ กว่าจะหาทางปีนกลับด้อมได้นี่ปาดเหงื่อเรย
ส่วนน้อง Pandora P. ตอนนี้ฝากบอกว่าน้องไปพัวพันกับอาชญากรรมในลอนดอนเล็กน้อยกำลังงมทางกลับด้อมอยู่ค่ะ
ช่วงนี้เรายุ่งนิดหน่อยเพราะมาออกชุมชนที่ต่างจังหวัดค่ะ ก็คือไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ // นอนล้องห้ายกำหมอน
ที่ปั่นคัตมาลัดคิวให้เพราะเห็นมีคนบ่นคิดถึงหรอกนะคะ TwT ใจจริงอะอยากจะอัพคุมฮอว์กส์ก่อนนะ แต่คนบ่นคิดถึงแล้วใจอ่อนทุกที มาอัพคัตก่อนก็ได้ TwT
นอกจากนี้แล้ว น้อง Pandora P. ยังได้วาดรูปน้องอายาเมะในตอนนี้เอาไว้ให้ด้วยค่ะ แปะๆ
ขอบคุณผลงานดีๆ ของน้อง Pandora P. มากๆ เลยนะคะ >< ไอ้ต้าวตุ๊กตาผีเอ้ย
จะเป็นอาร์คงานเทศกาลไปอีกประมาณสองตอนนะคะ ยาวกว่าที่คิดไว้อีกแล้ว…
ขอบคุณทุกไลค์และเม้นท์และวิวเหมือนเดิมนะคะ ทำให้เราปีนกลับด้อมได้ไวขึ้นเยอะเลยค่ะ แถมมีแรงฝืนแชร์เน็ตมือถือขึ้นมาปั่นนิยายต่อได้เยอะเลย!
เอาไว้เจอกันตอนหน้านะคะ ไม่สัญญาว่าเมื่อไหร่ แต่ก็มาเรื่อยๆ นั่นล่ะ!
ปล. มาแอบแก้ค่ะ เพิ่งรู้ตัวว่าเขียนชื่อน้องโอจิโระผิดมาตลอดทั้งตอน ขอบคุณคุณ Fratty มากที่ช่วยทักไว้ 55555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล. เราก็ไปล่าอสูรมาเหมือนกันค่ะ ผสมกับโดนหนุ่มอังกฤษเหนี่ยวรั้งตัวไว้ด้วย55555555
เเละเเน่นอน...มัน คือ เดท!!!!!