ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สนพ.Onederwhy _คนรักของผมเป็นงูเผือก *จบแล้ว*

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10 เสน่ห์หา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.05K
      71
      2 ก.พ. 62

    บทที่ 10 เสน่ห์หา

    เนื่องจากอักษราภัคไม่ชอบเสื้อผ้าสมัยใหม่ พันตรีจึงไปซื้อเสื้อพื้นบ้านมาให้เจ้างูเผือกแทน อย่างเช่น เสื้อปักลาย กางเกงผ้าฝ้ายสีอ่อน ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะชอบ ทำให้พันตรีกับอักษราภัคสามารถออกไปไหนมาไหนด้วยกันได้บ่อย ๆ

     

    ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากเกิดเรื่อง ร่างกายของเด็กหนุ่มยังคงปกติดี เวลาที่เขาไปเรียน ยังมีอักษราภัคติดตาม ส่วนอักคราก็หายหน้าไป แต่มีไวทินคอยเป็นหูเป็นตาให้ เขาสงสัยว่างูตัวแค่นั้นจะมีอิทธิฤทธิ์แค่ไหนกันเชียว

     

    เอ่อ ผมสงสัยว่าทำไมไวทินถึงเป็นงูตัวเล็กเขาถาม อักษราภัคหัวเราะออกมาทันที

     

    ไม่มีเหตุผลใดหรอก เขาแค่มาระวังให้เจ้าในฐานะสหายเก่า พอมาเมืองมนุษย์อิทธิฤทธิ์อาคมต่างๆก็ลิดรอน คงเพราะองค์อินทร์ไม่ได้มอบบัญชาด้วยองค์เอง”’งูเผือกเอ่ยเป็นการเป็นงานมากขึ้น พันตรีพยักหน้า ตามที่เข้าใจ ดินแดนนาคามีผุ้เป็นใหญ่ทั้งสี่ทิศ แต่ว่ายังต้องขึ้นตรงกับสวรรค์ ผู้เป็นใหญ่เช่นองค์อินทร์

     

    พอจะเข้าใจล่ะ

     

    ไวทินมาเพราะบัญชาของเสด็จพ่อเจ้าอักษราภัคเล่าต่อ

     

    นั่นสินะ เพราะคุณถูกองค์อินทร์เนรเทศมา ถึงได้ใช้ตรีศูลเล่มนั้นได้สินะพันตรีนึกทึ่งอยู่บ้าง จะว่าไปอักษราภัคไม่เหมือนคนที่โดนเนรเทศเพราะทำผิดเลย เพราะได้จับอาวุธที่องค์อินทร์มอบให้แบบนี้ ไม่ถือเป็นเรื่องดีเหรอไง

     

    ถูกต้อง แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นนาคาที่โดนขับไล่ออกจากบ้านเกิด มิเปลี่ยนอักษราภัคพูด แม้ใบหน้าจะงดงาม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความเข้มแข็งถูกบดบัง

     

    เอาน่า ถือว่าในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องดีๆอีกตั้งมากไม่ใช่เหรอผมยิ้ม อีกฝ่ายหันมาสบตาเขา ยื่นมาจับมือเขาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปไหน

     

    ใช่ ข้ายังมีโชคอีกมาก

     

    พันตรีหลบสายตาของอีกฝ่าย ในใจเต้นตุบตับเร็วขึ้น วิธีการอ่อนโยนของเจ้าตัวทำให้เขาหวั่นไหวมากกว่าการรุกแบบจู่โจม อักษราภัคยิ้มมุมปากขึ้นมา เข้ามากกอดกระซิบอย่างไม่กลัว

     

    โชคดีที่มีเจ้า

     

    อีกฝ่ายก็ยังคงเล่นบทเสี่ยวกับเขาอยู่วันยังค่ำ พันตรีไม่ได้ผลักเจ้างูออก แค่รับอ้อมกอดอุ่นของอีกฝ่ายอย่างสบายใจ

     

     

    วันหยุดสุดสัปดาห์ พันตรีพาอักษราภัคไปเปิดหูเปิดตา  ชวนเขามานั่งเล่นที่ร้านอาหารตอนกลางคืน บรรยากาศเย็นสบาย ตกแต่งสวยงามโรแมนติก โดยเฉพาะใช้หลอดไฟหลากสี เป็นสีโทนอ่อนเพื่อไม่ให้แสบตาเกินไป พันตรีจองโต๊ะที่ติดกับริมน้ำ กลางโต๊ะกลมมีดอกกุหลาบปักไว้ในขวดคริสตัล จะว่าไปแล้วมองไปก็เหมือนเรามาเดทกัน

     

    เป็นยังไงบ้าง ชอบหรือเปล่าเด็กหนุ่มถามคนที่นั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากพันตรีจริงๆ เพราะตลอดเวลาที่เข้ามานั่งที่โต๊ะ อักษราภัคก็เอาแต่จ้องเขาอย่างเดียว

     

    ชอบสิ สวยมาก มองไปแล้ว นึกถึงดวงไฟในถ้ำศิลา ทำให้ข้านึกถึงเรื่องเก่า ๆขึ้นมา

     

    แล้วคุณชอบอะไรบ้างล่ะเขามอง อยากรู้เรื่องราวของอีกฝ่ายให้มากขึ้น

     

    ข้าชอบดอกไม้ ชอบการต่อสู้ แม้ว่าร่างกายจะไม่กำยำดังชายชาตรี แต่ข้าปราดเปรียวว่องไวอักษราภัคดูจะภูมิใจในเรื่องนี้มากๆ ซึ่งเขาไม่ขัด เห็นด้วยสุดๆ

     

    นึกถึงตอนที่สู้กับอักครา ก็เชื่อแล้วล่ะพันตรีตอบขำ ๆ  อักษราภัคยิ้มตาม ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ เจ้าตัวมองดอกกุหลาบในขวดแก้ว ยื่นไปหยิบมาดมอย่างสนใจ ขมวดคิ้วเข้าหากัน

     

    ดอกอะไร กลิ่นพิกล

     

    ไม่หอมหรือไง สมัยนี้ใครๆก็ใช้ดอกกุหลาบแสดงความรักเขาบอก แววตาของเจ้างูมีประกายขึ้นมาก่อนจะวางดอกกุหลาบไว้ในขวดแก้วดังเดิม สีหน้าคล้ายยิ้มไม่ยิ้ม ยกแขนขึ้นมาเท้าคางมองอยู่อย่างนั้น

     

    แล้วเจ้าเล่า

     

    พันตรีคิดอยู่แล้วเชียวว่าอีกฝ่ายต้องเอ่ยหยอกล้อแบบนี้ จึงยิ้มกริ่ม สบตาล้ำลึกของอีกฝ่ายกลับ

     

    ก็...มาถึงขนาดนี้แล้ว คุณก็ยังเป็นคนเดียวของผมแหละน่าเด็กหนุ่มจำต้องเอ่ยออกไป เพราะครั้งก่อนๆเขาตอบเลี่ยงไปเลี่ยงมาไม่ชัดเจนสักที เขาตามตามใจคิด ครั้งต่อไปอักษราภัคจะได้ไม่ถามอีก อีกฝ่ายพอได้ฟังจึงทำตาวาว กลับมานั่งตัวตรง ยื่นมือมากุมมือของเขาไว้

     

    ข้าเหมือนได้ขึ้นสวรรค์พอบรรยากาศเป็นใจ อยู่ท่ามกลางความโรแมนติก อักษราภัคก็เสียบรรยากาศจนได้ เขาส่ายหน้า

     

    พูดเล่นอยู่เรื่อยเขาหัวเราะ

     

    พูดจริง ถึงจะฟังแล้วเหมือนข้าพร่ำเพ้อ แต่ก็มาจากใจข้า

     

    พันตรีจ้องมองคนตรงหน้า ก้มมองมือขาวที่มองแล้วดูบอบบาง ทว่าความจริงแล้วกลับปกป้องเขาได้ อักษราภัคแข็งแกร่ง เด็กหนุ่มยิ้ม ลูบฝ่ามือนุ่มของเจ้าตัวเบาๆ มีบางสิ่งที่ยังนึกสงสัยอยู่บ้าง

     

    จริงสิ ถ้าหากว่าผมใช้พลังของมณี ช่วยฟื้นความทรงจำ มันทำได้หรือเปล่า คราวนี้ก็จะได้จบเรื่องกันเสียที
    สิ้นสุดคำพูดของพันตรี อักษราภัคดูเหมือนจะซีดเซียวไป สีหน้าของอีกฝ่ายดูสับสน เขายังรู้สึกตกใจกับอากัปกริยาของเจ้าตัวจึงยื่นหน้าไปหา

     

    เป็นอะไรไปเห็นอักษราภัคมือเย็นเฉียบ ใบหน้าไม่สู้ดี

     

    ข้าไม่อยากขัดเจ้า แต่อย่างที่เคยบอกไว้ พลังของมณีอาจนำพาศัตรูมาได้อักษราภัคเอ่ย ราวกลับว่ากำลังเตือนความทรงจำ เขานิ่งไป มองจากท่าทีของอีกฝ่าย แสดงว่าเรื่องราวในอดีต มีเรื่องงโหดร้ายเกิดขึ้นหรือเปล่า

     

    ช่างมันเถอะ ผมไม่อยากรู้ก็ได้...ทุกอย่างมีเหตุมีผลเด็กหนุ่มตอบ พอเห็นสีหน้าของอักษราภัค เขาพลอยรู้สึกแย่ไปด้วย เรื่องอภันตีคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าความตายแล้วล่ะมั้ง อักษราภัคอาจยังคงเศร้าใจอยู่กับอภันตี
    ระหว่างนั้นพนักงานก็มาจุดเทียนในแก้ว ก่อนจะเสิร์ฟอาหาร อักษราภัคดูตื่นตาตื่นใจ เขายิ้มกับความเดียงสาของเจ้าตัว
    และไม่ได้พูดถึงเรื่องมณีอีกเลย

     

    คืนนี้ เขาจะยกให้เป็นวันของอักษราภัคก็แล้วกัน เขาเองก็อยากผ่อนคลาย หลังเจอเรื่องให้คิดกังวลอยู่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

     

    อักษราภัคทำทุลักทุเลอยู่บ้างแต่ไม่มีปัญหาอะไร

     

    นี่...ช่วงปิดเทอม ผมจะกลับบ้านไปหาย่า คุณอยากไปกับผมหรือเปล่าพันตรีลองถาม แม้จะมีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้ว อีกฝ่ายเงยหน้าจากจานอาหารทันที ผงกศีรษะขึ้นลง

     

    ไปสิ ข้าไปกับเจ้าได้ทุกที่อีกฝ่ายเอ่ยด้วยรอยยิ้มเห็นฟัน ดวงตาสว่างใส เขาก็เหมือนกัน  เห็นอีกฝ่ายท่าทางดีใจจึงยิ้มไปด้วย

     

    ดีเลย ตอนนั้นคุณต้องเล่าเรื่องเก่าๆให้ผมฟังบ้างนะ ว่าแอบมาดูผมตอนไหนบ้าง

     

    ฮ่าๆ ได้สิ แต่ไม่มีอะไรมากนักหรอก ข้าแค่มาดูเจ้า เพราะทนคิดถึงไม่ไหว

     

    อีกแล้ว อักษราภัคเข้าสู่โหมดหวานหยด ส่งสายตาหม่นเศร้าเพื่อทำให้เขาใจอ่อนยวบ คงรู้จุดอ่อนเขาแน่ๆ

     

    แล้วเป็นยังไงล่ะ พอได้เห็นผมน่ะ

     

    อืม...ตอนนั้นเจ้าอายุได้สองขวบเอง ข้ามาหาเจ้า ในตอนนั้น อาของเจ้าเป็นคนพามาเยี่ยมยายแก่...เอ้ย ย่าของเจ้า ข้าจึงเห็นเจ้าเป็นคราแรก...บอกไม่ถูกว่าดีใจเพียงใด แต่เจ้ายังเล็กนัก ข้าจึงไม่เข้าไปใกล้อักษราภัคเอ่ยเสียงสั่นเครือ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในวันนั้น พันตรียิ้มจางๆ สัมผัสได้ทั้งความยินดีและความเศร้า ได้เจอเขาแต่ไม่ได้พูดคุย หรือทำมากกว่านั้น....จริงเหรอ?

     

    เด็กหนุ่มลอบสังเกตอีกฝ่าย

     

    มองข้าเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร

     

    แน่ใจนะ ว่าแค่มองน่ะ

     

    “...ใช่ ข้ามองจากที่ไกลๆ...ในคืนแรกอักษราภัคยิ้มกว้างขึ้นอีก เขาส่ายหน้ากับเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆน้อยๆของอีกฝ่าย นึกถึงคำพูดของนาคาสีทองขึ้นมา จากความทรงจำในวัยเด็ก...

     

    แล้ววันอื่นล่ะ

     

    ตอนนั้น อาเจ้าอยู่ไม่นาน สักสัปดาห์เดียว กลางดึก ข้าลอบมากอดเจ้า โอบอุ้มเจ้า...

     

    พอเลยๆ พูดจาแบบนี้กับทารกเนี่ยนะเขาพึมพำ รู้สึกว่าใบหน้าแทบสุกปลั่ง ฟังจากคำพูดคำจาที่แทบจะกลืนกินเขาในวัยเด็ก อักษราภัคหัวเราะเบาๆ

     

    ข้าไม่คิดอะไรเสียหาย เพียงแค่ยืนดี ที่จะได้เจอเนื้อคู่อีกครั้ง

     

    มั่นใจได้ยังไงกันว่าผมเป็นเนื้อคู่ล่ะ ในอดีต เราเป็นแค่คู่หมั้นนะเขาสงสัย ใจกล้าเอ่ยถาม อักษราภัคหรี่ตามองอยู่นาน

     

    แน่ใจสิ ข้ากับเจ้าดวงสมพงศ์กันมาตั้งแต่ในอดีต มาตอนนี้ ข้าลองคำนวณชะตาของเจ้าแล้ว สมพงศ์กับข้าเชียวล่ะ ดวงดาวบอกว่าเจ้าเป็นคู่ของข้า

     

    เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของอักษราภัคเชื่อถือได้แค่ไหน เพียงแค่พยักหน้าฟัง

     

    เนื้อคู่ก็เนื้อคู่พันตรีพึมพำ วูบเดียวอักษราภัคโน้มตัวมาโฉบหอมแก้มเขาไป พันตรีนิ่งค้าง เหลียวมองโต๊ะข้างๆที่หันมายิ้มให้ ก่อนที่เขาจะก้มหน้างุดตั้งหน้าตั้งตาทานอาหาร งูเจ้าเล่ห์

     

    ทำให้ข้าใจเต้นบ่อยๆทำไมเล่าอักษราภัคเอียงหน้ามอง มุมปากมีรอยยิ้ม ไม่บอกไม่รู้ว่าเขากำลังเขินอายอยู่

     

     

    หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ด้านนอกจนเกือบสี่ทุ่ม พันตรีกับอักษราภัคกลับเข้าหอพัก และเตรียมตัวเข้านอนพร้อมกัน ระหว่างที่ดับไฟในห้อง เหลือเพียงโคมไฟแสงนวลตาไว้ วันนี้อักษราภัคมาแปลก อีกฝ่ายไม่คืนร่างงู กลับอยู่ในร่างของมนุษย์ สวมผ้านุ่งจับจีบสีแดงเลือดนก บนเตียงหลังเล็กมีสองร่างนอนใกล้กัน อักษราภัคเข้ามานอนเบียด แย่งพื้นที่บนหมอน ทำเอาเขาต้องขยับออกห่างจนแทบตกหมอน เส้นผมนุ่มมีกลิ่นแชมพูที่เขาชอบใช้ ร่างกายอุ่นของคนข้างๆ ยังคงโชว์เรือนร่างท่อนบนไว้เช่นเคย อีกฝ่ายหันหน้ามาหา รู้สึกได้ถึงการจับจ้อง พันตรีกลืนน้ำลาย

     

    อยู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้นซะอย่างนั้น ทำยังกับพวกข้าวใหม่ปลามัน เขาหัวเราะในใจ หันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังอมยิ้ม สายตาแพรวพราว อักษราภัคนอนมองเขา ยื่นมืออุ่น ค่อยๆเข้ามาลูบไล้ตามใบหน้า ลงมาที่ลำคอ ความเย็นจากปลายนิ้ว ของงูเผือก ทำให้เด็กหนุ่มใจเต้นอย่างประหลาด

     

    เขานึกสงสัยใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ดูจากสีหน้าแววตาแล้ว คงคิดเรื่องลามกแน่ๆ เอายังไงดีล่ะพันตรีคิดอะไรไม่ออก ทั้งตื่นเต้น แต่ก็กลัวอยู่บ้าง เพราะรู้ว่าหากปล่อยให้คนข้างๆทำตามใจชอบ เกรงว่าจะเลยเถิด ห้ามไม่ไหว ขนาดเรื่องในห้องน้ำ เด็กหนุ่มยังรับมือไม่ไหว

     

     ใบหน้าของพวกเขาอยู่ไม่ห่างกัน แต่พันตรียังคงปล่อยให้อักษราภัคลูบมือไปตามเนื้อตัวของตนเองไปอย่างนั้น จนกระทั่ง มือของอีกฝ่ายเลื่อนลงต่ำ หยุดอยู่ที่ขอบกางเกง เด็กหนุ่มเกร็งขึ้นมาทันที ในใจรู้สึกลังเล จะห้ามหรือดีไม่นะแต่พันตรีก็กลัว สิ่งที่จะเกิดขึ้นเหลือเกิน วันนี้เขาใจดีกับอักษราภัคอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

    รังเกียจข้าหรือไม่ คนข้างกายเอ่ยถาม เขานิ่งงัน ก่อนจะส่ายหน้า

     

    ไม่เลย

     

    ถ้าอย่างนั้น ให้มอบความสุขให้เจ้า

     

    พอได้ฟังแบบนี้เด็กหนุ่มถึงกับหน้าร้อนผ่าว คิดปฏิเสธถ้อยคำเสี่ยว แต่ก็สมเป็นอักษราภัค เขาหลบตาอีกฝ่าย หัวใจเต้นถี่ อีกฝ่ายขยับลุกขึ้นมาเกี่ยวรั้งลำตัว ก้มหน้าลงมาใกล้ เขาหลับตาปี๋ ในใจขัดแย้งกันหลายอย่าง ภาพของงูเผือกปรากฏแทรกจินตนาการ

     

    ด...เดี๋ยว ไหนว่าต้องคืนร่างไม่ใช่เหรอ...ตอนที่...พันตรีไม่กล้าเอ่ยอีกต่อไป แต่นึกถึงคำพูดของอักษราภัคที่เคยบอกถึง 5 สภาวะของงู เขาขนลุกไปทั้งกาย แต่อักษราภัคหัวเราะ

     

    ทุกสิ่งย่อมมีข้อยกเว้น

     

    อีกฝ่ายเอ่ยกระซิบ ดวงตาสีดำมีประกายความเจ้าเล่ห์ อีกฝ่ายรุกเร้าเข้ามาจู่โจมที่ลำคอของเขาทันที ทำเอาหายใจติดขัด

     

    เดี๋ยวสิ ให้ผมเตรียมใจก่อนเด็กหนุ่มร้องบอก ดันบ่าของเจ้าตัวออกห่าง ทว่าร่างอุ่นของคนด้านบนกลับทาบทับลงมา

     

    อย่าช้าเลย  ไม่ต้องเอียงอาย เดี๋ยวข้านำเจ้าเอง

     

    อีกฝ่ายพูด โน้มตัวมาใกล้ เขายิ่งหน้าแดงก่ำ รู้สึกอับอายหนักเมื่ออักษราภัคพูดแบบนี้ ที่จริง เขาเปลี่ยนใจแล้ว ไม่อยากให้เจ้าตัวมาวุ่นวายกับร่างกายของตนเอง แต่เหมือนเรี่ยวแรงที่มีหายไปหมด

     

    เจ้าช่างไม่รู้อะไร ข้าอดทนอยู่กับเจ้ามานาน ช่วงนี้ปกติแล้วเป็นช่วงผสมพันธุ์คำพูดของอักษราภัคยิ่งทวีความน่ากลัว เขาใช้มือดันไหล่ของอีกฝ่ายไว้

     

    คุณจะเอาตัวเองไปเทียบกับงูบนบก ไหนว่างูในน้ำพิเศษกว่านั้นไงเขาพูด อีกฝ่ายนิ่งไป

     

    ถ้าเช่นนั้น เปรียบข้าเป็นมนุษย์ดีกว่า มีรักก็ย่อมมีเพศสัมพันธ์

     

    พันตรีขำกับคำพูดของอีกฝ่าย

     

    ไม่นาน อักษราภัคก้มลงมาใกล้ ใบหน้าห่างไม่กี่คืบ เส้นผมร่วงหล่นลงมาคลอเคลียพอดี ได้กลิ่นหอมอ่อนจากกายของคนด้านบน รู้ตัวอีกที่ อีกฝ่ายก้มประทับจูบลงมาอย่างนิ่มนวล ความอ่อนโนทำให้เขาตอบรับอักษราภัคได้ง่ายขึ้นเปิดรับเดี๋ยวลิ้นร้อนที่เข้ามาหอยกล้อ อีกฝ่ายรบเร้า ดูเหมือนว่าเขาจะเชี่ยวชาญในเรื่องนี้พอตัว เพราะประสบการณ์เป็นร้อยปีแน่ๆ เจ้าตัวขบริมฝีปากทั้งบนล่าง เดี๋ยวผละเดี๋ยวเข้ามาประกบจูบ สอดแทรกลิ้นเข้ามาอย่างหนักหน่วงมากขึ้น จนเด็กหนุ่มเริ่มมือไม้อ่อน หายใจแรงขึ้น ไล่ตามอักษราภัคไม่ทัน

     

    มืออุ่นเลื่อนเข้าไปด้านในเสื้อ ลากไล้ผ่านท้องน้อย หยอกล้อกับยอดอกทั้งสองข้างของผม จนร่างกายเริ่มร้อนเป็นไฟ เด็กหนุ่มกอดอีกฝ่ายไว้แน่น หลับตาลงนึกถึงสัมผัสของอักษราภัค ทว่าเหมือนมีบางอย่างซ้อนทับมา ภาพของสองนาคากำลังเล่นรัก ผสานเป็นหนึ่ง มองไปแล้วเหมือนกำลังเต้นรำ หนึ่งนาคาสีส้มประกายทอง อีกหนึ่งนาคาสีขาวสว่าง

     

    พลันอารมณ์ปรารถนาพุ่งสูง จนยากควบคุม พันตรีรู้สึกว่าช่วงล่างร้อนผ่าว ครางแผ่วออกมา อักษราภัคยังจูบอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปทั่วใบหน้า วกกลับมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง เขาจบยังคงอ่อนหวาน จนแทบขาดใจ อาจเป็นเพราะพันตรีหวั่นไหวมากเกินไป เปิดรับความรู้สึกบางอย่างเข้ามาด้วย

     

    ขอเพียงเจ้าเปิดรับข้า เหมือนในวันเก่า

     

    “...ผมก็ยอมรับคุณอยู่นี่ไงเขากระซิบบอก

     

    อีกฝ่ายแทรกตัวเข้ามา แม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้น ก็ทำให้พวกเขาแทบสติหลุด เด็กหนุ่มกอดอีกฝ่ายไว้เมื่อรู้สึกว่าควบคุมร่างกายไม่ได้ ทั้งอารมณ์ปรารถนาที่มากจนแทบระเบิด ราวกับไม่ใช่ตัวเอง พันตรีหลับตา หอบหายใจ เมื่ออักษราภคผละออก ก้มลงมาซบไหล่ ลากลิ้นเลียตามแนวกระดูกจนมาถึงลำคอ สัมผัสที่ลื่นไหล อ่อนนุ่ม เกล็ดมันวาว ราวกับกำลังรับสัมผัสจากงู  พันตรีลืมตาทันที คนตรงหน้าเป็นอักษราภัคเช่นเดิม ดวงตาวาววับสีดำจ้องมอง

     

    อักษราภัค...เหมือนว่าผมรับรู้ถึงคุณเลย...สัมผัสแบบนั้นเขาบอกเสียงสั่น มองไปทั่วใบหน้าของเจ้าตัว ความรู้สึกที่เหมือนสัมผัสงูอยู่นั้น ไม่ได้ทำให้นึกรังเกียจเท่าไร...หากแต่ว่ายินดี

     

    “...ข้าเองก็รู้สึกถึงเจ้า...อภันตี....เจ้าไม่โกรธข้านะอักษราภัคเอ่ยเสียงทุ้ม เด็กหนุ่มกระพริบตา

     

    ไม่โกรธ...

     

    เขาส่ายหน้า อักษราภัคยิ้ม ในดวงตาของเขามีประกาย เพียงวูบเดียวเหมือนมีบางอย่างงร่างหล่นกระทบที่ใบหน้า หยดน้ำ...ทำให้พันตรีรู้ว่าอักษราภัคกำลังร้องไห้ พันตรีรีบดึงอีกฝ่ายมากอดไว้ไม่ปล่อย แรงราคะที่มีอยู่ค่อยๆลดลง จนแทบกลับมาปกติ

     

    “...ถึงคุณจะคิดว่าผมเป็นอภันตี ผมไม่โกรธหรอก ผมคิดมานานแล้วเหมือนกัน...กับบางเรื่องที่คุณยังไม่ได้บอกผม ...ผมรู้ว่าจิตวิญญาณของอภันตียังอยู่ที่ผม ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยคุณไปไหนอีกแล้วพันตรีพูดออกไปเหมือนกับว่ามันออกมาจากห้วงลึกในใจ ภาพบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว ภาพที่อักษราภัคนอนมองอภันตีนอนหลับอยู่ใต้บึงบัว...บนร่างกายของอีกฝ่ายมีบาดแผลให้เห็น ทว่าแววตาของเขากลับห่วงใยอภันตี.....

     

    ที่แท้มันอาจมาจากเสี้ยววิญญาณของอภันตี

     

    “...ข้าเหมือนได้รับพรวิเศษอักษราภัคทิ้งตัวลงมากอดเขาไว้ ซุกหน้าลงกับบ่าของพันตรี ได้ยินเสียสูดจมูกเบาๆ เขาลูบหลังเรียบเนียนของอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลม

     

    คุณบอกผมได้หรือเปล่า ว่าทำไมมณีของอภันตีถึงเป็นที่ต้องการขององค์อภัยภัทร หรือแม้แต่อักคราเขาถาม อักษราภัคเงยมองด้วยใบหน้าแวววาวหยาดน้ำตา ก่อนจะพยักหน้า พลิกตัวลงจากร่างของเขา เปลี่ยนมานอนกอดเด็กหนุ่มแทน เขาไม่ได้ขัดขืนอะไร

     

    “...หากเจ้ารู้ ข้าหวังว่าใจเจ้าจะไม่เปลี่ยน

     

    บอกผมมาสิ ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังแล้วพันตรีสบตาอีกฝ่าย ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้

     

    “...แต่เดิม อภันตีเป็นเพียงนาคาหนุ่ม เพิ่งผ่านวัยลอบคราบมาไม่ถึงเดือน แม้เจ้าเกิดในวรรณะสูงสุด ทว่าอิทธิฤทธิ์ของเจ้ายังต้องมีการควบคุม ไม่ได้ใช้ตามอำเภอใจ เสด็จพ่อข้า...คิดกบฏมาเนิ่นนาน

     

    เด็กหนุ่มผละออกจากอ้อมกอด สบตาอีกฝ่ายอยู่นาน อักษราภัคยิ้มเศร้า

     

    ถึงว่า ท้าวปุณมนัสดูระแคะระคาย

     

    เสด็จพ่อข้ายังคงโกระแค้นเรื่องที่พ่อเจ้าเข้ามาตีเมืองอัตรคุปต์ แก่ก่อนเราอยู่กันอย่างสงบ แต่เพราะองค์อินทร์อยากผนวกแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น ในเพลานั้น ข้ากับเจ้าเกิดพร้อมๆกัน ท้าวปุณมนัสเห็นว่าข้ามีดวงเกื้อหนุนกับเจ้า เขาจึงวางใจ และคิดว่าดีแล้วที่ข้าเป็นบุรุษ แต่ก็ไม่ทำให้เท้าปุณมนัสคลายความกังวล เขาดึงมณีของข้าทิ้ง...ทำลายมัน...

     

    เรื่องจากปากของอักษราภัคทำให้พันตรีตกใจไม่น้อย เขาเหลือบมองไปที่รัดเกล้าของเจ้าตัว มันวางอยู่ที่โต๊ะหน้ากระจก รัดเกล้าที่ไร้มณี นาคาที่ไร้เกียรติ ท้าปุณมนัสทำเกินไปมากจริงๆ 

     

    เพราะแบบนี้น่ะเหรอ องค์อภัยภัทรถึงชิงมณีของอภันตีไปบ้าง

     

    มันแค่ส่วนน้อย เสด็จพ่อข้าแค่อยากทวงคืนอิสรภาพเท่านั้น เรื่อของเจ้าเป็นเหตุสุดวิสัยมากกว่า เขาต้องการพลังไปต่อสู้กับอมรานคร มณีของเจ้ามีอิทธิฤทธิ์มาก...แม้แต่อภันตีเองก็ยังไม่อาจรู้ถึงอำนาจของมันด้วยซ้ำ

     

    คงดูเป็นเรื่องน่าหัวเราะที่โอรสของนาคาสีทองพ่ายแพ้ต่อนาคาสีดำเขาพึมพำ เพียงแค่ฟังยังรับรูถึงความอดสูของท้าวปุณมนัสได้ คงทำให้สะเทือนไปทั้งบนบกและใต้บาดาล อักษราภัคส่ายหน้าทันที

     

    ไม่ใช่แบบนั้น เสด็จพ่อข้าวางแผนมานาน...คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้

     

    “...แล้วคุณล่ะ ไม่โกรธแค้นบ้างเหรอเด็กหนุ่มถาม จ้องมองดวงตาสีดำที่สั่นไหว เจ้าตัวเงียบ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา

     

    ใช่ ข้าโกรธแค้น ยิ่งต้องมารับหมั้นกับโอรสของผู้ที่ทำลายมณีของข้าไปแล้วนั้น ข้าทำใจไม่ได้ เกียรติของข้ามันไม่เหลือ ยิ่งต้องอภิเษกกับเจ้าตบแต่งเข้าอมนาคร... ข้าเจ็บใจน้ำเสียงของอักษราภัคยังแฝงความอัดอั้นใจ

     

    คุณถึงไม่ชอบหน้าภันตีสินะเขาพอจะเข้าใจได้ ที่ในอดีตเหมือนว่าอักษราภัคจะตั้งแง่กับอภันตี แต่เวลาไม่นานก็ลดฐิทินั้นลง...เพราะความชอบงั้นเหรอ...

     

    ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลสิ่งใด ข้าไม่คิดหลอกเอารักจากเจ้า... ข้าแค่โกรธ แต่มันก็เปลี่ยนสิ่งใดไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าอภันตีจะสามารถทำเพื่อข้าได้มากมาย ข้าถึงรัก...อักษราภัคเอ่ยเบาๆ ในน้ำเสียงมีความสั่นเครือให้ได้ยิน เขาเงียบ นึกถึงเรื่องในอดีต

     

    ผมเข้าใจว่าทำไมคุณถึงโดนเนรเทศ...ไม่ยุติธรรมเลยนะเขาบอก นึกเยาะเย้ยเรื่องราวในแดนนาคา อักษราภัคไม่ผิดที่มีเสด็จพ่อคิดกบฏ แต่ดูท่าท้าวปุณมนัสไม่คิดแบบนั้น คงจะโกรธมากที่อภันตีตายในเงื้อมือของนาคาสีดำ

     

    ช่างเถอะ...มันผ่านมาแล้ว ข้าไม่คิดเอามาเครียดแค้นหรอก ในตอนนี้มีเจ้าอยู่ ข้าก็ดีใจอักษราภัคเอ่ยแผ่วเบา เด็กหนุ่มประสานตากับอีกฝ่าย มองอย่างตั้งใจ ช่างเป็นคนมักน้อยเหลือเกิน เหมือนในอดีตไม่มีผิด เขาแต่ปลื้มอยู่ในใจ

     

    พันตรีเพียงแค่รู้สึกเคว้งไปบ้าง เรื่องราวระหว่างท้าวปุณมนัสกับองค์อภัยภัทร บอกไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด มันมีเพียงความพินาศของเหตุการณ์นั้นที่หลงเหลืออยู่....การเนรเทศอักษราภัคและอักครา และดวงจิตของอภันตีที่ไปจุติยังเมืองมนุษย์ โทษใครได้ล่ะ เหตุพวกนี้เกิดจากผู้ใหญ่ทั้งนั้น และเป็นพวกเขาที่ต้องมารับผลกระทบนี้ นึกถึงไวทินแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้ งูเขียวตัวนั้นไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง

     

    เล่าให้ผมฟังบ้างสิ เรื่องราวก่อนหน้าที่จะอภิเษกน่ะ...เกิดอะไรขึ้นบ้าง

     

    ไม่ใช่เรื่องน่าจดจำนักหรอก...แต่ถ้าเจ้าอยากรู้ข้าจะเล่า...อักษราภัคเข้ามากอดพันตรีไว้แน่น เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปจากตนเอง

     

    พันตรีเองก็อยากรู้ ในวันที่อภันตีโดนชิงมณีไป มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง..

     





    [Talk]
    มาแล้วตอนนี้จะสั้นหน่อยนะคะ

    ตอนหน้า จะมาในมุมมองของอักษราภัคบ้างจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×