ตอนที่ 27 : รักที่รอ ขอแค่รัก 3
“คุณราชรออยู่ในบ้านค่ะ มาถึงตั้งแต่บ่ายแล้ว”
“โอเคครับป้า ขอบคุณครับ”
เอกฉัตรกล่าวกับสายหยุด ก่อนจะยื่นหมวกปีกกว้างให้นางเอาไปเก็บ ก่อนจะเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ไปยังห้องรับแขก พร้อมกับมองหาน้องชายที่แวะมาเยี่ยมโดยไม่แจ้งล่วงหน้ามาก่อน
เอกราชกำลังยืนจิบชาร้อนๆ อยู่ที่หน้าต่างบ้านอย่างเงียบๆ มองไปยังสวนกว้างที่ถูกตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับ และต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นสบายตา ใบหญ้าเขียวขจีสดใสทำให้ผ่อนคลายได้มากเลยทีเดียว
“ไม่เห็นโทร.มาบอกพี่ก่อนว่าจะมา”
“พี่ฉัตร” เอกราชหันมายิ้มกว้าง วางแก้วชาแล้วเดินมากอดพี่ชายคนรองด้วยความคิดถึง หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้พบหน้า นั่นเพราะต่างคนต่างก็มีธุรกิจที่ต้องดูแลเป็นของตัวเอง จะหาเวลาว่างมาพบกันนั้นย่อมไม่ง่าย
“อยากเซอร์ไพรส์ครับ” เอกราชหัวเราะเบาๆ ก่อนจะผละออกห่างแล้วมองพี่ชายตั้งแต่หัวจดเท้า
“อะไร” คนเป็นพี่ชายเลิกคิ้ว เมื่อเอกราชมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด
“เข้มขึ้นนะเนี่ย แต่ก็หล่อร้ายเหมือนเดิม เอ๊ะ! หรือว่ายิ่งแก่ยิ่งดูดี” เอกราชชมพี่ชาย ไม่ใช่เพราะอยากเอาใจ แต่พี่ชายจอมเย็นชาของเขาดูดีมากจริงๆ เชื่อว่าสาวๆ ที่นี่คงกรี๊ดกร๊าดกันไม่เบาเชียวล่ะ
“ถ้าแกยังพูดคำว่าแก่กับพี่แบบนี้อยู่ รับรองว่าพี่จะเตะแกให้หงายท้องแน่ตาราช” คนโดนหาว่าแก่เข่นเขี้ยว ทำหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์จนน้องชายหัวเราะลั่น
“โอ๋ ล้อเล่นครับ พี่ชายผมไม่แก่สักนิดเลย ยังหนุ่มยังแน่นปึ๋งปั๋งน่ากินสำหรับสาวๆ เหมือนเดิม”
“แกนี่นะ ว่าแต่ทำไมจู่โผล่มานี่ได้ แล้วคุณป้ารังรองรู้หรือเปล่า” เอกฉัตรเดินมานั่งที่โซฟานุ่ม กอดอกมองน้องชายที่เดินตามมานั่งฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าที่มีความสุข เพราะนานๆ น้องชายจะแวะมาหาเขาได้สักที
“รู้ครับ คุณแม่ฝากของมาให้พี่ฉัตรด้วย เยอะแยะเต็มรถไปหมด ผมให้คนเอาลงไปไว้ในครัวแล้วล่ะท่าทางจะห่วงว่าพี่ไม่มีอะไรจะกิน”
“ทำไมล่ะ ก็พี่ลูกรักนี่ อิจฉาพี่ล่ะสิ” เอกฉัตรยิ้มขัน รังรองก็เหมือนมารดาของเขา และรักเขาเหมือนลูกคนหนึ่ง ทุกครั้งที่เอกราชแวะมาหาเขาที่ไร่ นางจะฝากของกินของใช้มาให้เขาตลอด ทำให้เขาอดซาบซึ้งใจไม่ได้
เอกราชเปิดกิจการโรงแรมและร้านอาหารเป็นของตัวเองเมื่อสองปีก่อน หลังได้รับมรดกจากผู้เป็นบิดาที่ล่วงลับไป ในขณะที่เอกฉัตรไม่ขอรับส่วนแบ่งมรดกใดๆ ของบิดาสักบาท เพราะเขามีเงินทุนมากพอที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวโดยไม่เดือดร้อนใครแล้ว
เมื่อหลายปีก่อน ปภาดาโทร. มาถามเขาว่ามีคนรู้จักที่สนใจอยากจะได้ที่ดินแถววังน้ำเขียวบ้างหรือเปล่า เนื่องจากญาติห่างๆ ของหล่อนเดือดร้อนเรื่องเงินและอยากขายด่วน เอกฉัตรจึงตัดสินใจรับซื้อเอาไว้เอง ก่อนจะค่อยๆ ปรับปรุงและวางแผนสร้างไร่แห่งนี้ขึ้นมาทีละนิด จนสำเร็จกลายเป็นไร่ฉัตราบนเนื้อที่กว่าห้าร้อยไร่ ขายผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดทั้งในและนอกประเทศ ไม่ว่าองุ่น อะโวคาโด แก้วมังกร น้อยหน่า พุทราและผลไม้อื่นๆ อีกมาก ทั้งนี้ยังมีสวนดอกเบญจมาศและดาวเรืองรวมไปถึงดอกทานตะวันด้วย
ไม่มีใครรู้ ว่าเขาแอบมาสร้างอาณาจักรเป็นของตัวเองมาหลายปีแล้วนอกจากบิดาที่เสียไป แต่ก็นั่นแหละ นอกจากบิดาแล้ว คนในฉัตรากานต์เองก็ไม่ค่อยสนใจไยดีเอกฉัตรมาแต่ไหนแต่ไร ขนาดเอกราชที่ว่าสนิทกันที่สุดก็เพิ่งรู้ว่าพี่ชายแอบมาทำไร่หลังจากพี่ชายส่งแพรไหมไปเรียนต่างประเทศแล้ว หากพี่ชายไม่ปริปากชวนมาเที่ยวที่ไร่แห่งนี้ เอกราชก็คงสงสัยไปอีกนาน ว่าพี่ชายชอบหนีงานที่บริษัทของบิดาไปทำอะไร
“โนครับ ไม่อิจฉาสักนิด ดีเสียอีกคุณแม่จะได้ไม่ว่างมาบังคับผมให้หาลูกสะใภ้ให้ ให้ท่านยุ่งดูแลพี่ฉัตรไปแบบนี้ดีแล้ว”
เอกฉัตรหัวเราะลั่น ปีนี้น้องชายอายุย่างสามสิบเอ็ดแล้ว รังรองก็ย่อมอยากเห็นลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาและมีหลานให้อุ้มเป็นธรรมดา ขนาดตัวเขาเองก็ยังโดนบ่นไปด้วยเลย ว่าจะพากันโสดไปถึงไหน
“ว่าแต่แพรไหมกลับมาเดือนหน้านี้แล้วใช่ไหมครับพี่ฉัตร” คนเป็นน้องหันมาถามเหมือนนึกขึ้นได้
“อือ...” คนเป็นพี่พยักหน้า ไม่ขยายคำพูดไปมากกว่านั้น
“ไวจริง แป๊บเดียวก็สี่ปีแล้วหรือนี่ ป่านนี้ยายนั่นคงโตเป็นสาจนหนุ่มๆ ตอมกันตรึมแล้วกระมัง”
“ไม่รู้ ไม่ถามกันเองล่ะ คุยกันบ่อยๆ อยู่ไม่ใช่เหรอ” เอกฉัตรทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“แหม...ก็นานๆ ครั้งละครับ น้องเขาไม่ค่อยจะว่าง เรียนหนักเหมือนโกรธใครบางคนแถวนี้เลย สงสัยอยากจบอยากกลับใจจะขาดแล้วมั้ง” เอกราชพูดไปจ้องพี่ชายไป ก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆ ของพี่ชาย
“เปลืองเงินจะแย่ รีบจบรีบกลับมาก็ดีแล้ว” เอกฉัตรบ่นอุบ ทำเหมือนรายจ่ายของเด็กในปกครองทำให้เขาเสียหาย ทั้งที่ไม่ได้ทำให้เดือดร้อนกระเป๋าเงินเท่าใดนัก
“คิดถึงเด็กมันล่ะสิ” เอกราชโพล่งขึ้นมา ทำเอาพี่ชายหันมาแยกเขี้ยวใส่ทันที
“ใครบอก แกอย่ามาพูดมั่วๆ นะตาราช ไม่คุยด้วยแล้ว ไปกินข้าวดีกว่า ป้าสายบอกว่าทำของโปรดแกด้วยนะ” เอกฉัตรลุกขึ้นจากโซฟา พร้อมกับรีบก้าวไปยังห้องครัวเหมือนคนกำลังหิวโซ
“โถ ทำมาเปลี่ยนเรื่องเชียวนะพี่ฉัตร” เอกราชรีบวิ่งตามมา พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะในลำคอด้วยความขบขัน คนปากแข็งใจแข็งหน้าตาเป็นอย่างนี้เอง เอกราชเพิ่งเคยเห็นก็วันนี้
“ถ้าขืนแกยังพูดไม่เข้าหูฉันอีก ฉันจะช่วยน้ารังรองหาเมียให้แก” คนเป็นพี่หันมาขู่ แต่คนถูกขู่กลับหัวเราะชอบใจไม่กลัวสักนิด
“ตามสบาย ว่าแต่วันนั้นขอผมไปรับแพรไหมให้ดีไหม จะได้พาไปไหว้คุณแม่ที่บ้านก่อน”
ประโยคนั้นของน้องชายทำให้เอกฉัตรถึงกับหยุดกึก ก่อนจะหันมามองน้องชายด้วยแววตาประหลาดที่ยากเกินคาดเดา หากแต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นเฉยเมยเช่นเดิม
“ก็แล้วแต่แกสิ” รู้สึกไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรไม่ใช่หรือ เอกฉัตรบอกตัวเองในใจ
“ไม่หวง” เอกราชเลิกคิ้วถาม
“ก็...จะหวงทำไม ถ้าหวงก็คงไม่ปล่อยให้ไปเรียนเมืองนอกตั้งหลายปีหรอก” เอกฉัตรหลบสายตาน้องชาย ก่อนจะเดินเข้าครัวไปด้วยสีหน้ายุ่งๆ
“งั้นผมจีบ”
“อือ หา!” เอกฉัตรอุทานเมื่อนึกขึ้นได้ หันมาจ้องน้องชายอีกหนด้วยอาการตกใจขึ้นมาทันที
“หิวข้าวอะ ป้าสายมีอะไรให้กินบ้างครับ” เอกราชเดินไปกอดสายหยุดที่กำลังจัดโต๊ะอาหารเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ เป็นการตัดบทสนทนาระหว่างพี่ชายไปโดยปริยาย หากแต่เอกฉัตรกลับรู้สึกอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่าน้องชายจะขอออกมาตรงๆ อย่างนั้น
แพรไหมเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่นะ นั่นก็แล้วแต่การตัดสินใจของเธอเอง ทุกอย่างอยู่ที่คนสองคน และเขาก็ส่งเธอได้แค่นี้ หลังจากนี้เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์อะไรแล้ว
ชายหนุ่มเดินมานั่งที่เก้าอี้ด้วยอาการเงียบงัน ต่างจากน้องชายที่พูดคุยและหยอกล้อกับสายหยุดด้วยความสนุกสนาน หากแต่ก็แอบสังเกตอาการของพี่ชายอยู่เป็นระยะ พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนริมฝีปาก
***ไอ้คุณราชชช เป็นมือชงอยู่ไม่ใช่หรา ไหงงั้นนน 55
***ลุุ๊งงงงง แย่แล้วววววว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เอาแล้วไง ชงดีๆ นะจ๊ะคุณราช ยอมลงทุนเอาตัวเข้าแลกขนาดนี้...ระวังจะโดนงับหัวเอาก่อนชงน้องลงท้องคุณพี่โฉดได้สำเร็จเน้ออออ
คนสวนแอร้ยย หลานมาหาเฮียเถอะ ฮาเร็มเฮียเปิดรอรับหนูนะจ้ะ
ปากแข็งเหลือเกิน
แต่ก็นะ มากระตุกหนวดเสือ ทั้งๆที่ยังอยู่ที่นี่ ไม่เห็นใจกันบ้างเล้ยยยย
อยากแกล้งใช่ม้่ ก็คนแก่มันน่าหมันไส้ 555555+
ต้องกระตุ้นต่อมหึงลุงหน่อย เล่นตัวไปเถอะ มีคนมาจีบแพรเยอะ แล้วลุงจะกลายเป็นหมาหัวเน่า