ตอนที่ 29 : คดีพลิก
“ว่าไงไอ้ภัทร เรียบร้อยดีนะ”
ภาคินเอ่ยถามเพื่อนชาย หลังจากที่อีกฝ่ายเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในห้องทำงานของเขาในสถานีตำรวจ ซึ่งภาคินเองก็พอจะเดาออก ว่าดนัยภัทรกำลังรู้สึกเช่นไรในตอนนี้
“ไม่ดี” ดนัยภัทรตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเพื่อนหนุ่มด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“อะไรของแกวะดนัยภัทร แค่นี้ถึงกับทำท่าหมดอาลัยตายอยากขนาดนั้นเชียว” ภาคินหัวเราะเบาๆ เนื่องจากไม่คิดว่าความรักจะทำให้มนุษย์ผู้ไม่สนใจโลกอย่างดนัยภัทร เปลี่ยนไปได้มากถึงขนาดนี้
“ฉันเหงา คิดถึงเขา” ดนัยภัทรตอบออกมาราวกับเพ้อ
“เหงาอะไร แกชอบอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ” ภาคินประชด ทั้งที่รู้ว่าความคิดของเพื่อนรักเปลี่ยนไปแล้ว
“ไม่ชอบแล้ว คนไม่มีแฟนอย่างแกจะไปรู้อะไร” ดนัยภัทรประชดกลับ ก่อนจะกอดอกแล้วถอนหายใจออกมาดังเฮือกติดๆ กัน
“ก็บอกแล้วว่าอย่ามี ทีนี้ก็ต้องมานั่งเป็นทุกข์เองเห็นไหม” ภาคินหัวเราะเบาๆ เข้าใจว่าเพื่อนรักกำลังอาลัยอาวรณ์ธารธารา จนทำให้หงุดหงิดตัวเองและพาลไปหมด
“ฉันก็เพิ่งรู้ว่าคนเราไม่มีทางเอาชนะความรู้สึกตัวเองได้ ก็เมื่อมาเจอกับธารธาราเขานี่แหละภาคิน”
“อืม...คงอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเราต้องรีบหาตัวไอ้คนที่มันจ้องทำร้ายแกให้เร็วที่สุดนะดนัยภัทร ไม่อย่างนั้นแกกับทุกคนก็ไม่ปลอดภัยแน่”
“ปวดหัวว่ะภาคิน ใครกันวะที่มันอยากเอาชีวิตฉัน ฉันคิดไม่ออกจริงๆ นะเพื่อน ถึงฉันจะทำคดีมามากมาย แต่ก็ไม่เคยหาเรื่องใคร หรือว่าทำร้ายใครมาก่อนเลย” ดนัยภัทรจนปัญญา เพราะเขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าตัวเองไปล้ำเส้นใครเข้า
“ตอนนี้ทางฉันกำลังหาข้อมูลจากลูกกระสุนนั่นอยู่ รวมทั้งรวบรวมข้อมูลจากกล้องวงจรปิดทุกตัวในแถบนั้นทุกตัวเพื่อหาผู้ต้องสงสัย ที่มันขับตามพวกแกไปแล้วลงมือในวันเกิดเหตุ คาดว่าอีกเดี๋ยวคงได้เบาะแสอะไรบ้าง”
ภาคินบอกเพื่อนหนุ่มให้รู้ถึงขั้นตอนการทำงานของตน ซึ่งคดีนี้เขาเองเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ดนัยภัทรเคยช่วยงานตำรวจหลายอย่าง ทั้งที่เปิดเผยได้และเป็นความลับ ทำให้ทางเบื้องบนและผู้ใหญ่หลายคนเป็นกังวลกับความปลอดภัยของดนัยภัทรอย่างมาก
มิหนำซ้ำบิดาของดนัยภัทรอย่าง ราม รัชตะ ก็เป็นนักธุรกิจนักบุญชื่อดัง ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลืองานการกุศลอยู่ตลอด จนเป็นที่รู้รักและเคารพของผู้ใหญ่ในกระทรวงหลายคน
“ขออนุญาตครับหมวด” นายตำรวจคนหนึ่งเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาด้วยความเร่งรีบ ส่งผลให้ดนัยภัทรกับภาคินต้องยุติการสนทนาเอาไว้ชั่วคราว
“ว่าไงจ่าสมาน พูดมาได้เลย” ภาคินพยักหน้าให้จ่าสมาน เนื่องจากดนัยภัทรเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แถมความไว้ใจก็ไม่ต้องพูดถึง
“ได้ข้อมูลรถของผู้ต้องสงสัยมาแล้วครับ แล้วก็ขยายผลไปถึงเจ้าของรถได้แล้วด้วย นี่ครับรายละเอียด”
จ่าสมานยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผู้หมวดหนุ่ม ก่อนจะลงข้างๆ ดนัยภัทรที่กำลังทำสีหน้าสงสัยใครรู้ เกี่ยวกับความคืบหน้าของคนร้ายที่กำลังต้องการชีวิตเขา
“รู้จักไหมวะ” ภาคินยื่นภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยสองคนให้กับเพื่อนรัก หลังจากที่นั่งดูรายละเอียดที่จ่าสมานนำมาให้ได้สักพักหนึ่ง
ดนัยภัทรส่ายหน้า เขามั่นใจว่าตนเองไม่รู้จักกับชายฉกรรจ์ใบหน้าโหดทั้งสองคนนี้อย่างแน่นอน และไม่น่าจะเคยสร้างความเดือดร้อนให้สองคนนี้มาก่อนแน่ๆ
“ประวัติบอกว่าไม่ใช่คนแถวนี้ เคยติดคุกข้อหาลักทรัพย์และทำร้ายร่างกายเพื่อชิงทรัพย์มาก่อน” ภาคินอ่านรายละเอียดให้เพื่อนหนุ่มฟัง
“แล้วมันมาเกี่ยวกับฉันยังไงวะ รู้จักก็ไม่รู้จัก” ดนัยภัทรบ่นอุบ คนพวกนี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่นะ
“เคยเป็นพนักงานในบริษัทอิสรางคกุลมาก่อน หืม...อิสรางคกุลเหรอ คุ้นๆ นะดนัยภัทร” ภาคินหันมาถามเพื่อนหนุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าดนัยภัทรเองก็ถึงกับหูผึ่งขึ้นมาทันทีเหมือนกัน
“อิสรางคกุลนี่มัน...นามสกุลเดียวกับคุณน้ำหวานใจแกหรือเปล่าวะไอ้ภัทร” ภาคินเอะใจ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว
“ยุ่งล่ะสิ” ดนัยภัทรกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที ในขณะที่ภาคินเองก็ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับเหมือนกัน
“คนร้ายอาจไม่ได้ต้องการฆ่าแก แต่เป็น...” ภาคินไม่อยากสรุปแบบนั้น เพราะหลักฐานทั้งหมดยังไม่แน่นพอ เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้น หลังจากที่หลงเข้าใจผิดคิดว่าคนร้ายต้องการชีวิตของดนัยภัทรเท่านั้น
“ธารา...” ดนัยภัทรอุทานออกมาด้วยความตกใจ บางทีลมหายใจที่สองคนนั้นต้องการ อาจไม่ใช่เขา หากแต่เป็นธารธาราต่างหาก
“ใจเย็นๆ ไอ้ภัทร ฉันว่าแกแอย่าเพิ่งคิดเองเออเองไปดีกว่า ความจริงมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้” ภาคินรีบปรามเพื่อนหนุ่ม เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งมันก็ไม่ต่างไปจากเขาเท่าใดนัก
“แล้วถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิดล่ะไอ้คิน ธารธาราจะเป็นยังไง ยัยบ้าเอ๊ย! มีเรื่องอะไรทำไมถึงไม่บอกเรานะ” ดนัยภัทรอยากจะบ้าตาย ธารธารามีเรื่องอะไรกับคนพวกนั้นจริงๆ หรือเปล่านะ ดนัยภัทรร้อนใจไปหมดแล้ว
“แล้วคุณน้ำเขาไม่ได้เล่าอะไรให้แกฟังเลยหรือดนัยภัทร” ภาคินสงสัย อย่างน้อยสองคนนี้ก็อยู่ด้วยกันมาเกือบสองเดือน ธารธาราก็น่าจะรู้เล่าอะไรให้ดนัยภัทรฟังบ้าง
“ไม่ว่ะ ฉันเองก็ไม่เคยถาม รู้แค่ว่าเป็นเพื่อนของยัยด้าก็เท่านั้น”
“หา! เป็นไปได้ยังไงวะดนัยภัทร นี่แกอยู่กับเขาทุกวันเกือบสองเดือน แบบไม่รู้อะไรเลยอย่างนั้นเหรอวะ” ภาคินอยากจะบ้าตาย ดนัยภัทรเป็นคนฉลาดจะตาย ไม่มีเรื่องไหนที่ดนัยภัทรอยากรู้แล้วไม่รู้ไปได้หรอก เพราะหมอนี่เส้นสายและหูตาเยอะยิ่งกว่าตำรวจอย่างเขาเสียอีก
“ก็ฉันไม่ได้รู้สึกดีกับเขาเพราะฐานะ หรือว่าชาติตระกูลของเขานี่หว่า ฉันสนธาราของฉันคนเดียว ไม่ได้คิดจะเอาญาติโกโหติกาของเขาสักหน่อย อีกอย่างเขาก็เป็นเพื่อนกับยัยด้าด้วย ฉันคิดว่ายัยด้าคงแสกนมาแล้วว่าเป็นคนดีจริง ถึงได้กล้าปล่อยให้มาอยู่กับฉันที่นี่”
ดนัยภัทรอธิบาย เขาเองล่ะที่ไม่เคยเอ่ยถามกับความเป็นมาของหล่อนเอง เพราะไม่คิดว่ามันจะจำเป็นอะไร ในเมื่อหล่อนเองก็ไม่ได้อยากเล่า เหตุไฉนเขาต้องไปเซ้าซี้หล่อนกัน
“ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันสืบเรื่องนี้เอง ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับคุณน้ำ แล้วก็อิศรางคกุลหรือหรือเปล่า ว่าแต่แกเถอะไอ้เพื่อนรัก จะเอายังไงต่อไป ตอนนี้คุณน้ำก็กลับกรุงเทพฯ ไปแล้วด้วย”
“คงต้องปล่อยไปก่อน ตอนนี้แกกับฉันต้องช่วยกันสืบก่อน ว่าสองคนร้ายนั่นมันอยากจะฆ่าฉัน หรือว่าธารธารากันแน่ ให้ตายเถอะว่ะภาคิน ตอนนี้ฉันอยากให้เป็นตัวเองที่พวกมันต้องการ” ดนัยภัทรมาสบายใจ ขออย่าให้มีอะไรเกี่ยวข้องธารธาราอย่างที่คิดเอาไว้เลย
“อย่าเพิ่งเครียดไปเลยเพื่อน ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จะใช่แกหรือว่าคุณน้ำหรือไม่ คงต้องตรวจสอบกันดีๆ”
“ทุกอย่างกำลังจะดีอยู่แล้วแท้ๆ เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้” ดนัยภัทรบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
“ใจเย็นๆ ฉันว่าแกกลับไปทำงานต่อ หรือไม่ก็กลับไปนอนพักผ่อนที่คอนโดฯ จะดีกว่าไหม อยู่นี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร มันจะทำให้แกเครียดไปเปล่าๆ”
“ฉันว่าฉันกลับเข้าสำนักงานดีกว่า” ดนัยภัทรตอบเพื่อนหนุ่มด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย การไม่มีธารธาราอยู่ในห้องด้วยเหมือนทุกวัน มันทำให้คอนโดฯ แห่งนั้นดูไม่น่าอยู่เอาเสียเลย
“ตามใจ เดี๋ยวมีอะไรคืบหน้าฉันจะรีบโทร. บอกแกก็แล้วกัน”
ภาคินลุกขึ้นมาแตะบ่าเพื่อนอย่างให้กำลังใจ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังซับซ้อน และเป็นปริศนาที่ยังไม่คลี่คลาย ดนัยภัทรคงกังวลและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก และหากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับธารธาราอย่างที่ทุกคนกำลังสันนิษฐานกัน เชื่อว่าดนัยภัทรคงจะพุ่งพล่านตามธารธารากลับไปกรุงเทพฯ ภายในไม่ช้านี่แน่
เสียงมือถือที่ดังขึ้นในตอนเย็นของวัน ทำให้ดนัยภัทรรีบคว้ามันขึ้นมาจากโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นสายจากคนที่เขารอคอยมานานหลายชั่วโมง แต่ทว่าเมื่อเห็นว่ามันเป็นสายเรียกเข้าจากน้องสาว ดนัยภัทรก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเหมือนกับผิดหวังเล็กน้อย
“ว่าไงเรา ถึงบ้านแล้วใช่ไหม” ดนัยภัทรเอ่ยถามน้องสาว พร้อมกับปิดเครื่องมือทำงานตรงหน้าลงทันที เนื่องจากตอนนี้ทุกคนในสำนักงานกลับบ้านกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังนั่งทำงานอยู่
“ถึงได้สักพักแล้วค่ะ ว่าแต่พี่ภัทรเถอะ อย่าดุพี่น้ำนักนะคะ ยังไงๆ ที่พี่น้ำทำแบบนั้น ก็เพราะว่าเป็นห่วงพี่ภัทรจากใจจริง และที่พี่ติณกับด้าไม่ห้าม ก็เป็นเพราะเป็นห่วงพี่ภัทรเหมือนกัน”
คำตอบของน้องสาวทำให้ดนัยภัทรขมวดคิ้ว ดาวิศากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน ธารธาราทำอะไรอย่างนั้นเหรอ ทำไมเขาฟังแล้วไม่เข้าใจ หรือว่า...ธารธารามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือเปล่า
“ธาราทำอะไร ไหนพูดให้พี่เข้าใจชัดๆ ซิดาวิศา” ดนัยภัทรเสียงเข้มกับน้องสาวขึ้นมาทันที เมื่อรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติไป จนเขารู้สึกใจไม่ดีขึ้นมาดื้อๆ
“อะไรกันคะพี่ภัทร นี่อย่าบอกนะคะว่ายังไม่ได้เจอกันกับพี่น้ำ”
“เจออะไรกัน นี่หมายความว่ายังไงดาวิศา บอกพี่มาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ดนัยภัทรตะคอกใส่น้องสาวเสียงดังผ่านมือถือ พร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ยิ่งเมื่อได้รับฟังคำอธิบายจากน้องสาวหลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ถึงกับสบถออกมา พร้อมกับคว้ากุญแจรถของสำนักงาน แล้ววิ่งพรวดออกจากห้องทำงานไปยังลานจอดรถทันที
ธารธาราไม่ได้ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ไปพร้อมกับดาวิศาและติณภพ หลังจากที่หล่อนได้บังคับให้ดาวิศาบอกถึงเหตุผลจริงๆ ที่เขาไม่ต้องการให้หล่อนอยู่ต่อ
ดนัยภัทรอยากจะบ้าตาย เขาไม่รู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไรของหล่อนอยู่กันแน่ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้หล่อนอยู่ที่ไหน ในเมื่อหล่อนไม่ยอมกลับไป แล้วทำไมถึงไม่ยอมโทร. บอกเขากันเล่า
ดนัยภัทรกลับไปดูที่คอนโดฯ เป็นอันดับแรก แต่ก็ไม่พบธารธาราแม้แต่เงา เขาทั้งโทร. ทั้งไลน์หาหล่อนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ทว่าปลายทางกลับมีแต่ความเงียบงัน จนดนัยภัทรอยากขว้างมือถือที่แสนจะไร้ประโยชน์ในตอนนี้ทิ้งไปนัก
“อยู่ไหนนะธารา รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับขับรถตระเวนหาหล่อนไปทั่วทุกที่ด้วยความกระวนกระวายใจ ที่ที่เขาคิดว่าหล่อนจะไป เขาก็ไปมาหมด แต่ทว่าก็ไม่พบร่างคุ้นตาของธารธาราเลยแม้แต่น้อย
ดนัยภัทรโทร. หาเพื่อนรักอย่างภาคินให้ช่วยตามหาหล่อนอีกทาง เมื่อคิดว่าตัวคนเดียวคงไม่มีทางหาหล่อนเจอแน่ เชียงใหม่ไม่ใช่เมืองเล็กๆ ที่ใครจะเดินหากันเจอง่ายๆ อีกทั้งตอนนี้ก็เป็นเวลาพลบค่ำเข้าไปแล้ว ดนัยภัทรเป็นห่วงความปลอดภัยของหล่อนมากกว่าสิ่งอื่นใด แม้จะมีความรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ ที่หล่อนไม่ทอดทิ้งเขาไปในยามที่สถานการณ์ไม่ไว้วางใจแบบนี้
“เจอตัวเมื่อไหร่จะจับตีให้ก้นลายเลย แม่คนหัวดื้อ”
สนับสนุนพี่ทนายได้ ที่สนพ.สถาพรบุ๊คนะคะ จุ๊บๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

144 ความคิดเห็น
-
#144 ParinParinyaphas (จากตอนที่ 29)วันที่ 23 ตุลาคม 2562 / 12:33หายๆ รออ่านต่อค่ะไปไหนน๊า#1440
-
#140 pookpook502 (จากตอนที่ 29)วันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 / 12:53หวานใจ ทนายหายไปไหนค่ะ#1400
-
#139 Dang (จากตอนที่ 29)วันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 / 02:33รอ ตั้งนาน มาแล้วยิ่งอยากอ่านตอนต่อไปอีกเร็วค่ะ#1390