ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ส่วนตัวจ้า . . .

    ลำดับตอนที่ #1 : คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 51


    สเปกตรัม(Spectrum)ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะประกอบด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่และความยาวคลื่นแตกต่างกัน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟและคลื่นโทรทัศน์ รังสีอินฟราเรด คลื่นแสงรังสีอัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ์ รังสีแกมม่า

     
     
    1. คลื่นวิทยุ
    • ผลิตจากอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์โดยวงจรออสซิลเลเดอร์
    • มีความถี่ในช่วง 104 - 109 เฮิร์ตซ์
    • ใช้ในการสื่อสาร ส่งกระจายเสียงโดยใช้คลื่นฟ้าและคลื่นดิน
    • สามารถเลี้ยวเบนผ่านสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใกล้เคียงกับความยาวคลื่นได้
    • โลหะมีสมบัติในการสะท้อนและดูดกลืนคลื่นแเหล็กไฟฟ้าได้ดี ดังนั้นคลื่นวิทยุจังผ่านไม่ได้
    • การกระจายเสียงออกอากาศมีทั้งระบบ F.M. และ A.M.

    A.M. ( Amplitude Moduration)

    • เป็นการผสมสัญญานเสียงเข้ากับคลื่นพาหะ
      โดยที่สัญญาณเสียงจะไปบังคับให้แอมปลิจูดของ
      คลื่นพาหะเปลี่ยนแปลง
    • ความถี่ 530-1600 กิโลเฮิร์ตซ์
    • .สะท้อนกับบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ได้ดี
     F.M. (Frequency Moduration)
    • เป็นการผสมสัญญานเสียงเข้ากับคลื่นพาหะ
      โดยที่สัญญานเสียงจะไปบังคับให้ความถี่ของคลื่น
      พาหะเปลี่ยนแปลง
    • ความถี 88-108 เมกะเฮิร์ตซ์
    • สะท้อนกับบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ได้
      น้อยมาก จังใช้ได้แต่คลื่นดิน โดยต้องมีสถานี
      ถ่ายทอดเป็นระยะ หรืออาจใช้ดาวเทียมช่วยสะท้อน
      คลื่นในอวกาศ
    • การส่งและรับสัญญาณคลื่นวิทยุ ใช้หลักการของไฟฟ้ากระแสสลับ คือ ทั้งในเครื่องรับและเครื่องส่ง
      วิทยุต่างก็มีวงจรไฟฟ้า LC
     
    ทรานซ์ซิสเตอร์ ---->>พลังงานของคลื่น
    สร้างสัญญาณไฟฟ้า ความถี่นั้นมีค่ามากที่สุด
    ที่เรโซแนนซ์กับวงจร LC
     
    คลื่นวิทยุที่ส่งมามีความถี่ตรงกับ
    ความถี่ของวงจร LC จึงเกิดเรโแนนซ์กัน
    ทำให้ใช้เลือกสถานีวิทยุได้
     
        
         

    2. คลื่นไมโครเวฟและคลื่นโทรทัศน์

    • ความถี่ 108 - 1012 เฮิรตซ์
    • ไม่สะท้อนกับบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์จึงส่งเป็นเส้นตรงแล้วใช้สถานีถ่ายทอดเป็นระยะ หรือใช้คลื่น
      ไมโครเวฟนำสัญญานโทรทัศน์ไปยังดาวเทียม
    • คลื่นโทรทัศน์มีความยาวคลื่นสั้นจึงเลี้ยวเบนผ่านสิ่งกีดขวางใหญ่ๆ เช่น รถยนต์ หรือเครื่องบินไม่ได้ ดังงนั้นจะเกิดการสะท้อนกับเครื่องบิน กลับมาแทรกสอดกับคลื่นเดิม ทำให้เกิดคลื่นรบกวนได้
    • ไมโครเวฟสะท้อนโลหะได้ดี จึงใช้ทำเรดาห์
         

    3. รังสีอินฟราเรด

    • ความถี่ 1011 - 1018
    • ตรวจรับได้ด้วยประสาทสัมผัสทางผิวหนัง หรือ ฟิล์มถ่ายรูปชนิดพิเศษ
    • สิ่งมีชีวิตแผ่ออกมาตลอดเวลาเพราะเป็นคลื่นความร้อน
    • ใช้ในการสื่อสาร เช่น ถ่ายภาพพื้นโลกจากดาวเทียม, ใช้เป็นรีโมทคอนโทรลของเครื่องวิทยุและโทรทัศน์ และใช้ควบคุมจรวดนำวิถี
    • ใช้เป็นพาหะนำสัญญาณในเส้นใยนำแสง (optical fiber)

    4. แสง

    • ความถี่ประมาณ 1014 เฮิรตซ์ ความยาวคลื่นประมาณ 10-7
    • ตรวจรับโดยใช้จักษุสัมผัส
    • มักเกิดจากวัตถุที่มีอุณหภูมิสูง , และถ้าวัตถุยิ่งมีอุณหภูมิสูงจะยิ่งมีพลังงานแสงยิ่งมาก
    • อาจเกิดจากวัตถุที่มีอุณหภูมิไม่สูงก็ได้ เช่น แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์, หิ่งห้อย, เห็ดเรืองแสง
    • เลเซอร์ เป็นแหล่งกำเนิดแสงอาพันธ์ที่ให้แสงโดยไม่อาศัยความร้อน มีความถี่และเฟสคงที่ (ถ้าเป็นแสงที่เกิดจากความร้อนจะมีหลายความถี่และเฟสไม่คงที่) จนสามารถใช้เลเซอร์ในการสื่อสารได้, ถ้าใช้เลนส์รวมแสงให้ความเข้มข้นสูงๆ จะใช้เลเซอร์ในการผ่าตัดได้
    • บริเวณที่แสงเลเซอร์ตก จะเกิดความร้อน

    5. รังสีอัลตราไวโอเลต (รังสีเหนือม่วง)

    • มีความถี่ประมาณ 1015- 1018 เฮิรตซ์
    • รังสีนี้ในธรรมชาติ ส่วนใหญ่มาจากดวงอาทิตย์
    • เป็นรังสีที่ทำให้เกิดประจุอิสระและไอออนในบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์
    • เป็นอันตรายต่อเซลผิวหนัง, ตา และใช้ฆ่าเชื้อโรคได้
    • สามารถสร้างขึ้นได้โดยผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไปในหลอดที่บรรจุไอปรอท
    • ผ่านแก้วได้บ้างเล็กน้อยแต่ผ่านควอตซ์ได้ดี
    • การเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้าจะทำให้เกิดรังสีนี้ได้

    6. รังสีเอกซ์ (รังสีเรินเกนต์)

    • ความถี่ประมาณ 1016 - 1022
    • ทะลุผ่านสิ่งกีดขวางหนาๆ ได้ แต่ถูกกั้นได้ด้วยอะตอมของธาตุหนัก จึงใช้ตรวจสอบรอยร้าวในชิ้นโลหะขนาดใหญ่, ใช้ตรวจหาอาวุธปืนในกระเป๋าเดินทาง
    • ความยาวคลื่นประมาณ 10 -10 เมตร ซึ่งใกล้เคียงกับขนาดอะตอมและช่องว่างระหว่างอะตอมของผลึกจึงใช้วิเคราะห์โครงสร้างผลึกได้

    7. รังสีแกมม่า

    • ใช้เรียกชื่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงกว่ารังสีเอกซ์
    • รังสีแกมม่าที่พบในธรรมชาติ เช่น รังสีแกมม่าที่เกิดจากการแผ่สลายของสารกัมมันตรังสี, รังสีคอสมิคที่มาจากอวกาศก็มีรังสีแกมม่าได้
    • รังสีแกมม่าอาจทำให้เกิดขึ้นได้ เช่นการแผ่รังสีของอนุภาคไฟฟ้าในเครื่องเร่งอนุภาค
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×