คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : happen ending 08
HAPPEN ENDING CH.8
“จีวอน! มานี่เร็วๆ”
เสียงเรียกทำให้คนที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักต้องเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นไปมอง แขนผอมโบกไปโบกมาแล้วกระโดดเหยงๆเหมือนเด็กเล็กทำเอาคนมองหัวเราะออกมากับท่าทางพวกนั้น ใบหน้าน่ารักดูมีความสุขตอนที่กระโดดไปมาบนพื้นทรายละเอียด
ใช่...ตอนนี้จีวอนอยู่ทะเล
เมื่อเช้าหลังจากตื่นนอนขึ้นมาพบว่าฮันบินที่ตื่นก่อนแล้วกำลังดูอะไรบางอย่างในโทรศัพท์จากนั้นเจ้าตัวก็ยื่นมันมาให้เขาดู ภาพท้องทะเลกับน้ำสีฟ้านั่นมันไม่เท่าท่าทางเหมือนลูกหมาตัวเล็กที่พยายามอ้อนจะเอาอะไรซักอย่างจากเจ้าของหรอกนะ ฮันบินเขยิบตัวเข้ามาใกล้ๆมือที่เล็กกว่าเขายื่นมาจับใบหน้าของจีวอนเอาไว้แล้วยิ้มแบบซื่อๆเหมือนที่ชอบยิ้ม
“พาไปหน่อยดิ่วันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่หรอ”
ไม่คิดจะขัดอะไรกับการเที่ยวปุบปับแบบนี้เพราะเมื่อก่อนก็จะพาฮันบินมาเที่ยวประจำในวันหยุด ก่อนจะคบกับจินฮวานยังจำได้เลยว่าพาฮันบินไปตะลอนกินของอร่อยที่ญี่ปุ่นมาจนเจ้าตัวร้องงอแงไม่อยากกลับเหมือนเด็กสามขวบ ฮันบินกินเก่งอย่างกับอะไรดีจีวอนรู้ดีกว่าใคร ฮันบินชอบเจ้าหนูมิกกี้เมาส์จนเขาขอให้เพลาๆการสะสมเจ้าพวกนี้ไว้ในห้องจนฮันบินงอนแล้วเอามันกลับบ้านจนหมด
จำสีหน้าตอนนั้นได้ติดตาตอนที่ฮันบินร้องไห้โยเยทั้งๆที่ก่อนจะรู้จักกันฮันบินดูไม่น่าจะเข้าถึงได้ง่ายๆ จีวอนยังเคยกลัวว่าตัวเองอาจจะแห้วกลับมาเพราะฮันบินอาจจะปฏิเสธความสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ๆ ใครๆก็พูดว่าคิมฮันบินน่ะจองหองแต่ทำไมตอนนั้นจีวอนเพียงแค่คิดว่าฮันบินกลัวการมีเพื่อนมากกว่า เคยถามตอนที่สนิทกันแล้วว่าทำไมถึงไม่อยากมีเพื่อนสนิท อีกคนยิ้มเศร้าๆแล้วบอกเคยมีเพื่อนคนสำคัญแต่ต้องจากกันไปด้วยเหตุผลบางอย่าง
คิมฮันบินก็แค่คนที่กลัวการถูกทิ้ง
ไม่ใช่พวกจองหองยิ่งยโสอะไรแบบนั้น
“ก็ไปดิ่ค้างสักคืนไหมล่ะ”
คนถูกถามยิ้มจนหน้าบานก่อนจะพยักหน้ารัวๆแล้วรีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงแล้วสาวเท้าเข้าห้องน้ำ ไม่นานนักก็ออกมาพร้อมกับเอ่ยปากไล่ให้คนที่นอนแช่อยู่บนที่นอนไปอาบน้ำเร็วๆ ส่วนตัวเองจะแต่งตัวและเตรียมเสื้อผ้าสำหรับค้างคืน
พอมาถึงเจ้าตัวก็รีบทิ้งของไว้ที่โรงแรมแล้วลากจีวอนออกไปที่ชายหาดแล้ววิ่งกระโดดไปมาบนพื้นทรายอย่างที่เห็นนั่นแหละ
“จีวอนบอกให้มานี่ไงมาดูนี่ดิ่”
เจ้าของชื่อลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาคนที่อยู่ริมทะเลก่อนมือจะถูกฉุดให้ทรงตัวไม่ได้แล้วล้มลงไปในน้ำ ฮันบินหัวเราะเสียงดังแล้วรีบเดินขึ้นจากทะเลเมื่อทำตามแผนสำเร็จ แต่ไม่นานนักก็ถูกคนที่อยู่ในน้ำรั้งเอาไว้แล้วล็อกคอพาไปไกลกว่าเดิมก่อนจะพาฮันบินลงไปใต้น้ำด้วยกันแล้วพาขึ้นมาเหนือน้ำ
“แฮ่กๆ” ฮันบินหอบตัวโยนแล้วสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด
“ฮ่าๆ เป็นไงล่ะไอ้เสือแกล้งกันดีนัก โดนเองกลายเป็นหมาหอบเลย” จีวอนพูดแล้วพาฮันบินขึ้นมานั่งอยู่ริมทะเลเตรียมตัวจะกลับเข้าโรงแรมเพราะตอนนี้บ่ายและแดดก็เริ่มแรง
ทั้งคู่ๆวิ่งไล่กันริมทะเลเพราะวันนี้ไม่ใช่วันหยุดทำให้คนมาเที่ยวไม่เยอะนักเพราะฉะนั้นตอนนี้ก็มีแค่สองคนนี้ที่วิ่งไล่จับกันอยู่
“จีวอนหยุดเดี๋ยวนี้เลย!”
กลับมาถึงห้องพักจีวอนก็ไล่ฮันบินให้ไปอาบน้ำก่อนไข้จะกิน ใบหน้าของฮันบินแดงก่ำเพราะแดดวันนี้แรงเอาเรื่อง คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้ากลับไปแล้วฮันบินไม่สบายเพราะช่วงนี้ฮันบินไม่สบายค่อนข้างบ่อยจนคิดว่าอาจจะเป็นก่อนหน้านั้นเขาก็รุนแรงกับร่างกายผอมๆนั่นไปไม่รู้กี่ครั้ง
ฮันบินที่อาบเสร็จแล้วก็ไล่คนที่นั่งถอดเสื้อเล่นโทรศัพท์ไปอาบมั่งเพราะจีวอนก็ตากแดดและเปียกไม่ต่างจากตัวเองเท่าไหร่แม้ตอนนี้ร่างกายจะแห้งเพราะแอร์ที่เย็นเฉียบในห้อง จีวอนหัวเราะแล้วกระตุกผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่รอบตัวของฮันบินจนมันหลุดออกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพราะเสียงก่นด่าของฮันบินตามหลังมาไม่หยุด
ตึ้ง!
เสียงข้อความจากโทรศัพท์บนเตียงทำให้ฮันบินที่นั่งดูหนังอยู่ต้องละสายตามองมัน ตอนแรกคิดที่จะไม่สนใจแต่ชื่อที่ปรากฏอยู่ทำให้ต้องหยิบขึ้นมาอ่าน ข้อความมากมายที่ถามว่าจีวอนอยู่ไหนเหมือนว่าจีวอนคงจะไม่ได้บอกจินฮวานว่าพาเขามาทะเล นึกดีใจขึ้นมาเมื่อรู้ว่าจีวอนเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงแต่ทุกๆอย่างกลับพังทลายในวินาทีที่จินฮวานส่งข้อความมาอีก
Jinhwan: คุยกับฮันบินรึยังเรื่องที่ย้ายไปเรียนที่อเมริกาด้วยกัน???
Jinhwan: คงไม่เปลี่ยนใจหรอกใช่ไหม?
มือสั่นจนแทบจะควบคุมมันไม่อยู่ปล่อยให้โทรศัพท์ร่วงหล่นลงบนเตียง ฮันบินพยายามที่จะไม่ร้องไห้และเขาก็ทำมันได้เมื่อตอนนี้ไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยดเปื้อนข้างแก้มเหมือนทุกครั้ง ความเจ็บปวดทั้งหมดกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหรือกำลังจะสิ้นสุดลงฮันบินเองก็ไม่รู้ แต่พอคิดว่าที่จีวอนทำตัวเหมือนเดิมทำดีกับเขาคงเพราะกลัวว่าเขาจะเสียใจ คงอยากจะปลอบใจเขาก่อนจะไปสินะ
เสียงน้ำกระทบพื้นเงียบลงฮันบินแสร้งทำเหมือนไม่เคยรับรู้อะไรตอนที่จีวอนเดินยิ้มออกมาจากห้องน้ำ ฮันบินมองไม่เห็นข้อดีของการที่เขาจะโวยวายหรือตีโพยตีพายอะไรสักนิด ในเมื่อจีวอนเลือกแล้วเขาเองก็มีหน้าที่แค่ยอมรับอาจจะต้องเจ็บปวดอีกครั้งแต่ใครจะไปรู้ว่าถ้าจีวอนไม่ได้อยู่ในชีวิตประจำวันเหมือนอย่างเคยแล้ว ฮันบินอาจจะเข้มแข็งกว่านี้และคงจะตัดใจได้ในสักวัน
สัญญาทุกอย่างกำลังจะจบในเมื่อเคยพูดเอาไว้ว่าใครที่เจอคนที่ตัวเองรักไม่ว่าฮันบินหรือจีวอน ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจะต้องยุติลงและมันสมควรจะยุติตั้งแต่วันที่จีวอนชอบจินฮวานแล้วด้วยซ้ำ ฮันบินควรจะเจ็บแล้วจบไปตั้งแต่วันนั้นถ้าเขาไม่ใจอ่อนเรื่องทุกอย่างคงไม่มาถึงวันนี้
ไม่คิดโทษจีวอนเพราะสุดท้ายมันมีเหตุผลอะไรบ้างที่จะต้องโยนความผิดทั้งหมดให้ถ้าเขาใจแข็ง แต่ก็ไม่อยากจะโทษตัวเองในเมื่อทั้งหมดที่ทำไปฮันบินรู้ว่าตัวเขาเองทำไปทั้งหมดก็เพราะคำว่ารักคำเดียวเท่านั้น
บางครั้งการยอมรับความจริงมันคงง่ายกว่าดึงดันเรื่องทั้งหมดเอาไว้
สองเท้าก้าวไปช้าๆริมชายหาดรับเอาลมทะเลที่พัดมาเอื่อยพัดผ่านตัวไป ฮันบินเอื้อมไปจับมือจีวอนที่เดินอยู่ข้างๆเอาไว้แน่นแล้วหันไปยิ้มให้กับคนที่มองมาด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกัน ฮันบินเป็นคนเอ่ยปากชวนให้จีวอนมาเดินเล่นดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินด้วยกัน
“คิดถึงวันแรกๆที่เราเจอกันเนอะ ตอนที่นายพาฉันมาทะเลครั้งแรกยังจำได้เลย” น้ำเสียงที่ไม่ได้แสดงออกไปสักนิดว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ไม่ได้ทำให้จีวอนเอะใจ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มยิ่งเป็นเครื่องยืนยันความสุขได้เป็นอย่างดี
“ยังจำที่นายวิ่งจนรองเท้าขาดได้อยู่เลย เหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วยังไงยังงั้น ตลกชะมัด” จีวอนพูดแล้วหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อคิดถึงวันวาน
“ก็นายวิ่งไล่ฉันแบบนั้นโคตรน่ากลัวอ่ะ แต่วันนี้ไม่วิ่งแล้วนะกลัวต้องเสียงตังค์ซื้อรองเท้าคู่ใหม่อีก”
จบประโยคทั้งคู่ก็หัวเราะเสียงดังออกมาจนจีวอนต้องเอามือกุมท้องเอาไว้ หน้าซื่อๆตอนที่พูดเรื่องรองเท้าทำให้รู้สึกว่านี่แหละคือฮันบินเมื่อก่อน
“เดี๋ยวถ้ามันขาดอีกครั้งนี้ฉันจะซื้อให้เลย”
ดวงตาทั้งสองคู่จ้องมองไปที่แสงสีส้มขนาดใหญ่ตรงหน้า มันกำลังจะหายลับไปเพื่อที่ว่าพรุ่งนี้จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้ากับพระอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าในทุกๆวันเพื่อที่จะได้ขึ้นมาส่องสว่างใหม่ในวันพรุ่งนี้ ไม่มีคำอำลาสำหรับมันเพราะมันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะหายไปแต่มันจะวนเวียนซ้ำๆทุกวันแบบนี้จนกว่ามันจะแตกสลาย
ฮันบินมองพระอาทิตย์แล้วยิ้มออกมา เขาอยากจะเป็นเหมือนกับพระอาทิตย์ตรงหน้าดูบ้างที่ไม่ว่าจะต้องหายไปอีกสักกี่หมื่นครั้งพรุ่งนี้ก็จะขึ้นมาส่องสว่างได้ใหม่
“จีวอน...”
“หื้อ”
“จริงๆฉันมีเรื่องอยากจะทำด้วยกันกับนายอีกเยอะเลย อยากจะมาเที่ยวทะเลด้วยกันอีกหลายๆครั้งโดยที่รู้สึกแบบนี้ ฉันเคยคิดเอาไว้นะว่าจริงๆเรื่องระหว่างเราไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลยไม่ควรที่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่เพราะฉันไม่เคยคิดสักครั้งว่าจะชอบคนแบบนาย” ปากอิ่มยกยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“....” จีวอนละสายตาจากแสงสุดท้ายของวันมามองคนข้างตัวที่จ้องมองเบื้องหน้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตาคือแสงของพระอาทิตย์และผืนน้ำกว้างใหญ่
ฮันบินหันมาแล้วกอดจีวอนเอาไว้แน่น ฮันบินรู้ว่าการพยายามเข้มแข็งมันทำให้เขาเจ็บปวดกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา มันอาจจะทำให้เขาร้องไห้มากกว่านี้ตอนที่พูดออกไปแล้วแต่ครั้งนี้ฮันบินจะไม่ร้องไห้และจะไม่ทำให้จีวอนต้องมากลัวว่าเขาจะต้องเสียใจอีก
“ ตอนที่ฉันคิดว่าฉันชอบนายเพราะฉันรู้สึกแบบนั้นและไม่มีวันจะรู้สึกเป็นอย่างอื่นได้อีก ฉันไม่สามารถถ้อยหลังกลับไปได้สักครั้งแม้ความสัมพันธ์ของเราจะทำให้ฉันเจ็บปวด”
“ฮันบิน” เสียงทุ้มแหบเอ่ยเรียกชื่อคนที่กอดอยู่เบาๆ
“ต่อจากนี้ต้องมีความสุขกับพี่จินฮวานให้มากๆนะ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าฉันจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนายถึงมันจะต้องเจ็บแต่สักวันฉันก็จะเข้มแข็งขึ้น ไปอยู่ที่นู่นแล้วดูแลตัวเองด้วยนะจีวอน”
ทุกประโยคที่ออกจากปากจีวอนได้ยินมันชัดเจนรวมไปถึงแรงบีบรัดของอ้อมกอดด้วยเช่นกัน ตัวฮันบินไม่ได้สั่นเพราะไม่ได้ร้องไห้ตอนที่ผละออกจากกันฮันบินยังยิ้มเหมือนที่ชอบยิ้มจนจีวอนรู้สึกแปลกๆ เขาดึงฮันบินเข้ามากอดอีกครั้งและครั้งนี้เป็นจีวอนที่ร้องไห้เสียเอง ตัวสั่นเทิ้มกับน้ำเสียงติดๆขัดๆทุกอย่างบอกได้ว่าจีวอนร้องไห้หนักแค่ไหน
“ฉันขอโทษฮันบิน...ฉันขอโทษ...” รู้ว่าคำขอโทษคงไม่ได้ทำให้ฮันบินรู้สึกดีขึ้นเพราะมันไม่ใช่คำขอโทษคำแรกแต่มันอาจจะเป็นคำสุดท้าย
“....” ฮันบินไม่ได้ตอบอะไรแต่ลูบหลังจีวอนเบาๆ
“ได้โปรดอย่าเสียใจเพราะคนอย่างฉันอีกเลยนะ” คำขอครั้งสุดท้ายของจีวอนคงเป็นไปได้ยากแต่มันคือสิ่งที่ฮันบินจะเริ่มทำตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
ฮันบินขอยอมแพ้นับตั้งแต่วินาทีนี้ไป
และไม่หวังจะให้จีวอนหันกลับมาอีกแล้ว...ไม่ว่าในฐานะอะไรก็ตาม
50%
ภาพสีหน้าที่ยิ้มเหมือนไม่เจ็บกับมันเลยสักนิดทั้งๆที่เป็นคนเจ็บปวดมาตลอดทำให้จีวอนไม่เข้าใจ ความสับสนมากมายตีรวนกันในอกแต่ที่ทำได้คือปล่อยให้ฮันบินไปและเขาเองก็เลือกที่จะไปตามทางที่ตัวเองต้องการ จริงๆแล้วเรื่องไปเรียนต่ออเมริกาก็ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้ามหา’ลัยซะอีก แต่เพราะตอนนั้นไม่มีความรู้สึกอยากจะไปอยู่ไกลขนาดนั้นแม้ครอบครัวจะมีกิจการอยู่ที่นั่นด้วย
จีวอนรู้สึกอยากจะอยู่กับฮันบินไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาสนิทกับฮันบินมาไม่ได้ขนาดห้าหกปีแต่จำได้ว่าสนิทกันตอนที่ฮันบินย้ายโรงเรียนมาตอนมัธยมปลายปีสุดท้าย คนที่ทำให้ทั้งห้องฮือฮาเพราะหน้าตาที่ค่อนข้างดีแต่ใบหน้าตอนนั้นของฮันบินที่นิ่งเสียจนไม่มีใครอยากให้นั่งข้างๆจีวอนก็ยังจำมันได้ชัดเจน เขาเป็นคนพูดกับอาจารย์ให้ฮันบินมานั่งข้างๆโดยไม่ลังเลและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
นัยน์ตาสีเข้มที่จ้องออกไปนอกหน้าต่างเวลาอาจารย์กำลังสอนทุกคาบทำให้จีวอนนึกตั้งคำถามอยู่ในใจเสมอ ว่าข้างนอกที่เพื่อนใหม่มองออกไปทุกครั้งมันมีอะไรนักหนา
“เวลารู้สึกแย่ฉันชอบมองท้องฟ้ามันทำให้รู้สึกดี” คำตอบที่ได้รับก็ยิ่งสร้างคำถามไว้ในใจของจีวอนไม่จบไม่สิ้น
ว่าคิมฮันบินมีปัญหาอะไรในใจถึงได้นั่งมองฟ้าทุกวัน
มารู้เหตุผลเอาจริงๆว่าทำไมฮันบินถึงไม่ค่อยมีความสุขนักก็ตอนที่เจอพ่อของฮันบินตอนไปเที่ยวที่บ้าน ชายหนุ่มดูภูมิฐานแต่แววตาเย็นชาจนจีวอนเองก็ยังรู้สึกเกร็งและไม่เป็นตัวของเองเอาซะเลย ยังดีหน่อยที่คุณแม่ของฮันบินใจดีและฮันบินยังมีน้องสาวตัวเล็กน่ารักที่ถอดแบบกันมาราวกับว่าคนๆเดียวกันแต่นั่นคือคิมฮันบินในร่างผู้หญิง
บ้านฮันบินฐานะดีและทำธุรกิจใหญ่โตโดยที่มีฮันบินเป็นทายาทที่จะรับช่วงกิจการต่อ จีวอนรู้สึกเข้าใจปัญหาที่ฮันบินพูดว่ารู้สึกแย่มักจะชอบมองฟ้า คงไม่อยากจะทำอะไรที่มันขัดใจตัวเองแต่ก็เลือกไม่ได้สินะ เขารู้จากแม่ของฮันบินแค่ว่าจริงๆแล้วฮันบินเรียนโรงเรียนเฉพาะด้านสาขาดนตรีอยู่ที่ญี่ปุ่นตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงมัธยมปลายแต่พอจะขึ้นมัธยมปลายปีสุดท้ายผู้เป็นพ่อก็สั่งให้ฮันบินกลับมาเรียนที่เกาหลี
ตอนนั้นจีวอนรู้สึกเข้าใจและเห็นใจฮันบินมากๆจนสัญญากับตัวเองจะไม่ทำให้ฮันบินเสียใจเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็จะทำให้ความฝันฮันบินกลับมาส่องสว่างอีกครั้ง
การเข้าไปในโลกของฮันบินมันทำให้คนที่มีอิสระมาโดยตลอดอย่างจีวอนรู้สึกเพลิดเพลิน เขาได้เรียนรู้หลายๆแง่มุมในชีวิตก็จากเพื่อนใหม่ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนสนิท รับรู้ทุกๆเรื่องของฮันบินโดยที่ไม่ต้องไปนั่งเค้นออกมาสักนิดเพราะฮันบินไว้ใจจีวอนมากกว่าใครทั้งหมด แม้ตอนนั้นฮันบินจะเริ่มสนิทกับยางฮงซอกหัวหน้าห้องคนเก่งนั่นแล้วก็เห่อะ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเหมือนกับว่าการใช้ชีวิตในช่วงมัธยมปลายมันรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว จีวอนก็สอบเข้าคณะเกี่ยวกับพวกดนตรีได้สบายๆแต่ฮันบินที่กำลังเครียดและกดดันมันคงเป็นอุปสรรคใหญ่ในชีวิตที่จะต้องเลือกระหว่างความฝันและครอบครัว
คืนนั้นฮันบินที่ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์มาตลอดสิบแปดปีเมาจนแทบทรงตัวไม่อยู่ เป็นจีวอนนั่นแหละที่พาอีกคนไปเปิดหูเปิดตาครั้งแรกในคลับใกล้กับคอนโดของตัวเอง ฮันบินเมามายจนทำอะไรเองไม่ได้แถมยังอ้วกซะเละเทะจนคนแบกมาเอาแต่สถบบ่นแล้วสัญญาว่าจะไม่พาฮันบินไปดื่มอีกเป็นอันขาด เรื่องทั้งหมดจบตรงนั้นก็คงดีถ้าคืนนั้นฮันบินไม่ได้ละเมอลุกขึ้นมาแล้วกอดจีวอนที่นอนอยู่ข้างๆจนแน่น
ทุกอย่างเลยเถิดเพราะจีวอนเองก็เมาไม่ต่างกันแม้จะยังมีสติแต่ตอนนั้นเกินกว่าจะยับยั้งชั่งใจว่าคนที่กำลังส่งยิ้มมาพร้อมตาหวานเยิ้มคือเพื่อนสนิทคนสำคัญที่เขาบอกจะไม่มีวันทำให้เสียใจ หลังจากนั้นเรื่องราวพวกนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งเมื่อฮันบินย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกันและมันก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าและไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา
ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดว่า
ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจวันนั้นจะกลายเป็นความรักในวันข้างหน้านี้
พอคิดถึงตรงนี้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ภาพความทรงจำไหลเข้ามาเหมือนก๊อกแตกทำเอาจีวอนลังเลมากกว่าเดิมว่าเขาควรจะไปไกลอีกครึ่งซีกโลกดีไหม แล้วจริงๆเขาไปเพื่ออะไรกันแน่ คำถามมากมายที่ค้างอยู่ในใจไม่สามารถจะตอบมันได้เลยสักวัน
แต่ถึงจะลังเลก็ทำเรื่องทุกอย่างไว้หมดแล้วต้องบอกว่าทำไว้ก่อนจะบอกฮันบินเป็นเดือนแล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่คิดว่าฮันบินจะรู้เองและจบมันแบบนี้ ตอนกลับมาจากทะเลจู่ๆก็เก็บกระเป๋าแล้วบอกว่าจะกลับไปอยู่บ้านสักพักจนกว่าเขาจะไปอเมริกา
รู้สึกเลยว่าการกระทำของฮันบินตอนนั้นมันทำให้โมโหแต่พอนึกถึงคำพูดที่บอกฮันบินเองกับปากขอให้อย่ารู้สึกับเขาอีก มันคงจะดีถ้าให้ฮันบินได้อยู่กับตัวเองบ้าง
ไม่มีคำล่ำลา
ไม่มีน้ำตา
ไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำตอนที่ออกไป
จีวอนอยากบอกว่าฮันบินใจร้ายแต่เขาเองไม่ใช่หรือไงที่ไปทำร้ายอีกคนก่อน ไม่ได้อยากถูกหมางเมินขนาดนี้ทั้งๆที่ยังไม่ได้ไปวันนี้พรุ่งนี้แท้ๆ
ทุกอย่างในห้องเงียบสนิทมีแต่เสียงข้อความที่จีวอนไม่ได้คิดจะเปิดดูว่าใครเป็นคนส่งมาเพราะเขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น อยากแค่นั่งเงียบๆให้รู้สึกชินกับทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น คงไม่ได้ยินเสียงโวยวายของฮันบินอีก คงไม่ได้ไปรับไปส่งเหมือนที่เคยทำ และไม่สามารถจะกังขังทุกๆเรื่องที่ฮันบินสมควรทำมันได้อีกแล้ว
บางครั้งจีวอนก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจที่อยากจะถามฮันบินออกไปอยู่เหมือนกันแต่มันก็ไม่กล้า ใครกันจะไปกล้าพูดเรื่องพวกนั้นทั้งๆที่ทำมันเอง บางทีตัวเขาเองก็เอาแต่ใจเกินไปแต่ก็ยังอยากจะถามฮันบินและคาดหวังกับคำตอบที่จะได้รับ
‘ถ้าวันนึงฉันเพิ่งรู้ตัวว่าฉันรู้สึกบางอย่างกับนาย...ตอนนั้นนายจะทำยังไง’
คำถามงี่เง่าที่คาดหวังคำตอบสวยหรู คิดเล่นๆว่าถ้าฮันบินตอบว่าถึงเวลานั้นก็ยังจะรักแค่คิมจีวอนคนนี้เหมือนเดิมเขาก็อาจจะรักฮันบินบ้าง แต่บางทีก็กลัวว่าถ้าถามออกไปแล้ววันนั้นมาถึงเขาไม่ได้รักฮันบินล่ะ? ฮันบินจะต้องร้องไห้อีกหรอ
มือหนายกขึ้นมาสางผมตัวเองขึ้นไปลวกๆแล้วดันตัวขึ้นจากโซฟา จริงๆตอนเช้าเพิ่งโทรนัดพวกมินโฮเอาไว้ว่าจะไปดื่มเลี้ยงส่งเขาวันนี้เพราะอาทิตย์หน้าจีวอนก็จะเดินทางแล้ว มันรวดเร็วเพราะจินฮวานจัดการเรื่องตั๋วทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว เหลือแค่เขาตอบตกลงซึ่งก็ตอบไปแล้วก็จะไปได้ทันที
รถหรูทะยานไปตามท้องถนนในยามค่ำคืนโดยไม่รีบเร่งนัก เสียงวิทยุคลื่นที่เปิดทิ้งเอาไว้กำลังเล่นเพลงที่ทำให้จีวอนต้องเอื้อมไปปิดมัน
ทุกคนนั่งเงียบกว่าทุกวันทั้งๆที่ปกติจะมีเสียงดังเฮฮาจากโต๊ะประจำนี้ตลอดแต่วันนี้ต่างออกไป มินโฮนั่งคุยกับแทฮยอนสองคนด้วยน้ำเสียงเบาๆ ไม่ต่างกับคนอื่นๆ ซึงฮุน จินอู หรือแม้แต่คังซึงยูนก็นั่งเงียบๆโดยไม่พูดอะไรกันเลยสักคำ
“คิดจะไปจริงๆหรอวะ มันไกลนะเว้ยเมกาเนี่ย” แล้วมินโฮก็พูดทำลายความเงียบและเหมือนจะพูดแทนคนอื่นๆเหมือนกัน
จีวอนถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ผมทำเรื่องไว้หมดแล้วเปลี่ยนใจตอนนี้คงไม่ทัน” คำตอบที่ได้ทำให้ซึงยูนเงยหน้ามองแล้วเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย
“กูรู้นะเรื่องจินฮวานว่าเขาสำคัญสำหรับมึง แต่เรื่องฮันบินล่ะวะมึงจะทิ้งเขาไว้กับความรู้สึกเหี้ยๆที่มึงเองก็สร้างขึ้นมาเหมือนกันหรอ” เหมือนว่ามินโฮจะยังคัดค้านการไปเรียนที่นั่นของจีวอนขาดใจ เขาเชื่อว่าจีวอนยังไม่รู้ว่าตัวเองคิดยังไงแต่จู่ๆตัดสินใจไปแบบนี้มันเหมือนว่ายังไม่ทันเข้าใจก็คิดว่าไม่ใช่
“....” คนถูกถามถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะยกแก้วน้ำสีอำพันกระดกจนหมด
“คิดให้ดีๆนะจีวอน เดินหน้าไปแล้วนึกจะกลับมาใช่ว่าจะเหมือนเดิม” น้ำเสียงทุ้มใหญ่เต็มไปด้วยความห่วงใยน้องชายคนสนิทอย่างไม่คิดจะปิดบัง “กูเป็นห่วงความรู้สึกมึงตอนที่มึงคิดได้ ... แต่กูเป็นห่วงความรู้สึกฮันบินมันเหมือนกันมึงรู้อยู่แก่ใจทุกเรื่อง”
“มันบอกให้ผมไปเอง ผมก็เห็นด้วยว่าควรจบเรื่องทุกอย่างไว้แบบนี้เพราะถ้าผมยังอยู่ผมก็จะเป็นคนเห็นแก่ตัวกับความรู้สึกของฮันบินไม่จบไม่สิ้น ผมไม่อยากให้มันต้องมาเจ็บปวดเพราะคนอย่างผมอีก”
คราวนี้เป็นแทฮยอนส่ายหัวแล้วยักไหล่ให้มินโฮที่มองมา
“กูว่ามึงกำลังสับสนเว้ยว่าที่มึงไปมันเป็นทางออกหรือมึงกำลังหนีความรู้สึกตัวเองกันแน่” เหมือนว่ามินโฮคงจี้ถูกจุดกับคำถามที่มันค้างคาในหัวของจีวอนมาตั้งแต่ต้น
“ผมรักพี่จินฮวาน ผมตัดสินใจแล้ว”
และสุดท้ายก็กลบคำถามพวกนั้นด้วยความรู้สึกอีกด้านหนึ่งที่เกิดขึ้น ไม่อยากหักหลังจินฮวานและไม่อยากเห็นจินฮวานต้องเสียใจถ้าเขาเลือกจะไม่ไปเพราะคำพูดของมินโฮและคนอื่นๆ
“ถ้างั้นจากนี้ไป...ฉันก็จีบฮันบินได้แล้วใช่ไหม” จู่ๆซึงยูนก็พูดขึ้นมาทั้งๆที่นั่งเงียบมาตั้งนาน
จีวอนละสายตากลับมามองเจ้าของเสียงจนมินโฮเองก็จับแขนของจีวอนเอาไว้เพราะกลัวว่าถ้าใจร้อนคงกระโจนเข้าหากันเหมือนวันนั้นอีก...แต่ไม่ใช่
หวังว่าจะไม่ทำให้ฮันบินเสียใจ...”
ซึงยูนหัวเราะ
“ไม่มีวันที่ฉันจะทำให้ฮันบินร้องไห้เหมือนที่นายทำหรอก....คิมจีวอน”
##
อ่าว...เหมือนตอนจบเลยอ่ะ T_T 55555
จริงๆไม่ใช่นะคะ จบความเศร้าในเฟต1เท่านั้น หมายถึง
หลังจากจบตอนที่8 ไป ฟิคอาจจะไปถึงตอนโตแล้ว จากนั้นความเศร้าจะคัมแบค
ซึ่งก็ตอน9-10 นั่นแหละ โถ่... อ่อ แล้วทำความเข้าใจกับชื่อฟิคของเราหน่อย
" HAPPEN ENDING" ไม่ใช่ HAPPY ENDING นะคะ มาจากเพลงของ Epik high ค่ะ
ชื่อเพลง HAPPEN ENDING เราเอาพล็อตมาจากตรงนั้นคือซ้ำๆ อีกครั้งประมาณนี้
พยายามแต่งให้ยาวขึ้นกว่าเดิมสักเล็กน้อย จะพยายามให้มาก ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
สามารถเมนท์หรือสกรีมแท็กฟิค #ฟิคเจ็บดบบ
ขอบคุณมากค่ะ รออีก50 นะคะ
ความคิดเห็น