คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : PLAYING WITH FIRE : 6 (REWRITE)
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ไม่ได้เจอหน้าบิดาแท้ๆของตัวเอง
คนที่นั่งทำหน้าขรึมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีรอยยิ้มสักนิดให้กับเขา
ช่ายสวี่คุนนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามชายสูงอายุมองใบหน้าที่เริ่มแก่ตามวัย
ถึงจะเป็นแวมไพร์แต่ถ้านับจริงๆบิดาของเขาก็อยู่มาเป็นร้อยสองร้อยปีแล้วด้วยซ้ำ
แวมไพร์เป็นพวกแก่ช้าแต่เข้าสู่วัยหนุ่มสาวไวกว่ามนุษย์มาก
เหมือนตอนนี้จริงๆสวี่คุนไม่ควรเรียนมหาวิทยาลัยแต่เพราะเขาหยุดเรียนหลังจากจบมัธยมมานาน
แต่ฟ่านเฉิงเฉิงเรียนจบจากเมืองนอกมาแล้ว
อีกฝ่ายเรียนปริญญาไม่รู้กี่ใบแต่ไม่ยอมจะเรียนปริญญาเอกเสียที
สีหน้าที่ไม่ค่อยดีทำให้สวี่คุนไม่หวังว่าวันนี้จะมีเรื่องดีๆออกมาจากปากของบิดา
แล้วมันก็เป็นแบบนั้นเมื่อคำพูดแรกของชายมีอายุตรงหน้าก็ทำเอาเขาไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว
“รู้ใช่ไหมว่าเจ้าเฉิงเฉิงมันไปเอาหมาไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาทำเมีย”
เสียงนั้นเต็มไปด้วยโทสะ
“…”
“ฉันรู้นะว่าพวกแกสองคนยังรักกันอยู่
ฉันไม่ได้โง่มันเอาไอ้หมานั่นมาเป็นตัวหลอกใช่ไหมสวี่คุนเอามาบังหน้าไม่ให้ฉันรู้ว่าพวกแกยังรู้สึกต่อกัน”
ประโยคงี่เง่าที่ออกมาจากปากของคนเป็นพ่อทำเอาสวี่คุนแทบทนฟังไม่ไหว
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายต้องมาพูดแบบนี้ทั้งที่ตอนนั้นก็พังทุกอย่างไม่มีชิ้นดี
ขู่จะตัดพ่อตัดลูกกับเขาด้วยซ้ำ
“ผมไม่รู้เรื่องอะไรของฟ่านเฉิงเฉิงแล้วก็ไม่รู้ด้วยจุดประสงค์ของลูกชายคุณคืออะไร”
สวี่คุนตอบทั้งที่อยากจะตอกกลับแรงๆ
“แกไม่รู้ก็ดีเพราะฉันมีข้อเสนอให้”
“…”
“ฉันจะให้แกสองคนกลับมารักกันแต่แกต้องกำจัดไอ้หมาตัวนั้นให้พ้นๆลูกชายฉัน
แล้วจากนั้นแกจะไปรักกับเฉิงเฉิงยังไงก็เชิญตามสบาย”
สวี่คุนค่อนข้างแปลกใจและตกใจเพราะไม่คิดว่าบิดาจะทำถึงขนาดนี้
ดวงตาสีนิลดูจะเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าประธานบริษัทตระกูลฟ่านคงอยากเอาชนะลูกชายของตัวเองมากแค่ไหน
น่าสมเพชสิ้นดี…
…
จัสตินจับปืนสั้นในมือแน่นเล็งเป้าไปตรงหน้าก่อนจะเหนี่ยวไกเพื่อยิงออกไป
ลูกกระสุนเฉียดออกจากหน้ากระดานเป้าตรงหน้าไปไกลจนคนที่กำลังกอดอกมองอดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้
ยิ่งเห็นเจ้าลูกหมาทำหน้าจ๋อยตอนที่หันหน้ามาทางเขามันยิ่งน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่
“ไม่เป็นไรเพิ่งครั้งแรกไว้ฝึกบ่อยๆเดี๋ยวก็แม่น”
แวมไพร์หนุ่มพูดปลอบพลางลูบกลุ่มผมนุ่มสีเข้มเบาๆ
“แต่นี่ฉันฝึกมาหลายวันแล้วนะ”
“เอาน่างอแงเป็นเด็กสามขวบไปได้”
การฝึกยิงปืนจบลงแค่นั้นหลังจากที่สามวันมาแล้วต้องฝึกอะไรหลายอย่าง
ฟ่านเฉิงเฉิงไม่ไว้ใจบิดาของตัวเองเพราะฉะนั้นก็ต้องฝึกให้จัสตินมีทักษะการต่อสู้
ด้วยความเป็นลูกครึ่งทำให้อีกคนไม่สามารถกลายร่างเป็นหมาป่าได้และไม่มีสกิลของแวมไพร์ยกเว้นแต่เขี้ยวเล็กแหลมๆนั่น
“เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
จัสตินไม่รอให้เฉิงเฉิงอนุญาตก็เดินลิ่วๆออกไปเพราะทนไม่ไหว
ขายาวก้าวไปตามทางเดินด้วยความร้อนใจ
ประตูห้องน้ำทุกห้องไม่ได้ล็อกและแน่นอนในห้องน้ำไร้วี่แววของลูกหมา
ความโกรธปะทุขึ้นมาจนดวงตาสีเข้มเปลี่ยนสีเฉิงเฉิงหยิบมือถือขึ้นมากดส่งข้อความก่อนอีกฝ่ายจะตอบกลับมาในเวลาไม่กี่วินาที
เขาคิดว่าพวกของพ่อของพาจัสตินไปได้ไม่ไกลแถมเดาไม่ยากด้วยซ้ำว่าพวกแวมไพร์สมองกลวงพวกนั้นจะพาลูกหมาของเขาไปไหน
ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ก็ไม่สามารถวางใจได้ถ้ายังไม่เห็นกับตาว่าจัสตินปลอดภัย
“ไงครับคุณชายเฉิงมีเรื่องให้สนุกตั้งแต่หัววันเลยนะ”
ปู่ฝานพูดพลางเสยผมแล้วหาววอดๆ
“สนุกแน่ถ้ามันทำให้ลูกหมาเลือดออกแม้แต่หยดเดียว”
คำพูดกับท่าทางชวนขนลุกทำให้ปู่ฝานอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงสวัสดิภาพพวกนั้น
ฟ่านเฉิงเฉิงเป็นแวมไพร์ต้นตระกูลแบบที่ไม่ค่อยจะทำตัวเหมือนพวกคุณชายอย่างที่เขาชอบเรียก
อีกฝ่ายไม่ค่อยให้คนเรียกต้นตระกูลด้วยซ้ำ
ชอบกลืนไปกับทุกคนทั้งที่มันเป็นไปได้ยากเพราะแค่ยืนอยู่ท่ามกลางแวมไพร์ด้วยกันใครๆก็มองออกว่าเจ้าเพื่อนสนิทเขาเป็นคนพิเศษ
แต่อย่าให้โกรธหรือโมโหขึ้นมาไอ้ความเงียบขรึมนั่นแทบจะไม่มี
จะมีก็แต่ต้นตระกูลที่พร้อมจะเด็ดหัวทุกคน
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่จอดข้างรถหรู
เฉินลี่หนงถอดหมวกออกมองคนที่กำลังยืนอยู่เขายกมือทักทั้งคู่
“มาจากไหนวะ”
ปู่ฝานเอ่ยถามคนมาใหม่
“บ้านใหญ่ว่ะพี่”
“พวกมันอยู่ในป่านี้แหละมันมีบ้านของพ่อฉันอยู่กลางป่า”
เฉิงเฉิงชี้ไปที่ทางรกๆซึ่งไม่น่าจะมีใครมาสร้างบ้านไว้ในนี้
“นายรู้ได้ไงวะเฉิงเฉิง”
“กลิ่นไง”
แวมไพร์ทั้งสองเดินแป๊บเดียวก็มาถึงกลางป่า
ส่วนมนุษย์หมาป่าก็ตามมาติดๆ
ทั้งสามคนคุ้นเคยกับพวกป่าพอสมควรเพราะจริงๆแล้วทั้งสามคนสนิทกันมาก
แวมไพร์กับหมาป่าชอบเขามาวัดพละกำลังกันในป่า
เสียงพูดดังออกมาจากบ้านไม้หลังขนาดกลางที่ตั้งอยู่กลางป่า
มันคงไม่ทำให้ฟ่านเฉิงเฉิงพุ่งเข้าไปอย่างไม่สนใจอะไรได้หรอกเพราะไม่ใช่นิสัยของเจ้าตัว
ถ้าไม่ได้ยินเสียงร้องของจัสตินปนมากับเสียงพูดเหี้ยมๆนั่น
ประตูบานใหญ่พังไม่เป็นท่าจนแวมไพร์ห้าคนข้างในถึงกับตกใจ
ดวงตาสีอ่อนจ้องมองพวกสวะทั้งห้า
“ผมว่าคุณชายอย่ามายุ่งดีกว่า”
หนึ่งในแวมไพร์พูดแล้วจับหน้าของจัสตินที่ถูกมัดอยู่กับเก้าอี้
บีบแก้มขาวอย่างแรงจนคนถูกกระทำหลับตาปี๋เพราะความเจ็บ
“ผมเตือนด้วยความหวังดี”
“เก็บความหวังดีของพวกนายเอาไว้ใช้ในนรกแล้วกัน”
รอยยิ้มมุมปากกับท่าทางที่เปลี่ยนไปทำเอาทั้งแวมไพร์ทั้งห้าตกใจแต่ก็พุ่งเข้าหาต้นตระกูลอย่างไม่กลัวตาย
เพียงแค่พริบตาเดียวร่างของแวมไพร์ทั้งหมดก็ล้มลงกับพื้น
เลือดสีแดงคล้ำนองเต็มไปหมดจนคนที่หลับตาถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ร้องไห้ออกมา
หัวของบางคนกลิ้งไปที่ปลายเท้าของลูกหมาป่า
“ฮึก…”
ต้นตระกูลเดินเข้าไปอุ้มร่างผอมนั่นแนบอก
กอดกระชับเพื่อต้องการบอกให้จัสตินรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่แล้ว
“ชู่ว์
เด็กดีไม่ร้องนะครับ”
ลูกหมาซุกเข้ากับอกแกร่งกอดต้นคอของแวมไพร์ต้นตระกูลแน่นจนแวมไพร์ที่มาด้วยกัน
กับหมาป่าหนึ่งตัวที่คอยดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลอดอ้าปากค้างไม่ได้
ทั้งลี่หนงและปู่ฝานไม่เคยมาอยู่ในเหตุการณ์อะไรแบบนี้หรอก
อย่างมากก็แค่ทำให้เจ็บแต่ถึงกับฆ่าแล้วเลือดสาดมันไม่เคยคิดในหัวด้วยซ้ำว่าคนอย่างฟ่านเฉิงเฉิงจะลงมือเอง
ร่างต้นตระกูลไม่ค่อยจะมีใครเห็นมากนักเพราะเฉิงเฉิงเคยบอกเอาไว้ว่าอีกร่างในตัวไม่ใช่พวกแวมไพร์ที่ดีเท่าไหร่
ปู่ฝานไม่เคยเข้าใจหรอกแต่วันนี้เขาเข้าใจแบบชัดเจน
“ฝากหน่อยขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ฟ่านเฉิงเฉิงมองดูร่างของลูกหมาที่นอนอยู่บนที่นอนของเขาเหมือนทุกครั้ง
แต่มันจะต่างก็ตรงอารมณ์เพราะตอนนี้เขากังวลกลัวว่าจัสตินอาจจะกลัวก็ได้
คิดไม่ออกถ้าถูกเจ้าลูกหมาตัวนี้ปฏิเสธที่จะอยู่
ถึงพูดกรอกหูอีกฝ่ายตลอดว่าเขาซื้อมาแต่พอเอาจริงๆคนอย่างเขาไม่เคยฝืนใจใคร
ต่อให้รักแค่ไหนถ้าอีกคนไม่เอาด้วยเฉิงเฉิงก็ไม่ยุ่ง
เขากอดกระชับลูกหมาตัวน้อยสูดดมกลิ่นกายของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่
ความเป็นห่วงทำให้เขาลืมทุกอย่าง
“กอดจนฉันจะบี้ไปกับอกนายอยู่แล้วนะ”
เสียงอู้อี้ดังออกมาจนเฉิงเฉิงต้องผละออกแล้วมองหน้าคนเพิ่งตื่น
มือใหญ่ลูบไปตามกรอบหน้าอย่างปลอบประโลม
แล้วสิ่งที่ทำให้เฉิงเฉิงตกใจคือมือเล็กที่วางทาบมือของเขาแถมเจ้าลูกหมาป่ายังยิ้มหวานให้อีกต่างหาก
“ฉันกลัวมากรู้ไหม
แต่คิดไว้แล้วว่ายังไงนายก็ต้องมาเจ้าต้นตระกูล”
แวมไพร์หนุ่มหัวเราะหึในลำคอใช้นิ้วลูบแก้มขาวเนียนเบาๆ
“ต่อให้ใครพานายไปจากฉันถึงนรกฉันก็จะตามไป”
จัสตินหัวเราะมันควรจะขนลุกมากกว่าเขินรึเปล่า…
“นอนซะนะวันนี้เหนื่อยมาพอแล้ว”
เฉิงเฉิงกระชับผ้าห่มให้อีกฝ่ายแล้วปิดไฟที่หัวเตียงก่อนจะกลับมานอนข้างๆลูกหมา
ดวงตาสีเข้มจ้องมองเพดานเพราะเขาเป็นแวมไพร์หลับยากแถมยังหลับน้อยอีกต่างหาก
แต่ก่อนจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ร่างของลูกหมาก็ปีนขึ้นมาคร่อมทับร่างของเขาเอาไว้
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าที่เฉิงเฉิงสามารถมองมันเห็นผ่านความมืดได้ชัดเจน
“อยากได้รางวัลไหม”
มือเรียวปลดกระดุมเสื้อนอนของตัวเองทีละเม็ดจนหมด
หน้าท้องขาวเนียนรวมไปถึงหน้าอกแบนราบที่แต้มด้วยจุดสีสวยสองจุด
“ไม่เล่นน่านอนซะ”
เฉิงเฉิงบอกเสียงเข้มเขาเบนหน้าหนีภาพตรงหน้า
ถึงแวมไพร์หนุ่มจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่ตอนนี้เจ้าลูกหมาถอดเสื้อของตัวเองทิ้งไปแล้ว
แถมยังเอามือลูบไล้แผงอกเขาอีกต่างหาก
“ฮวงหมิงฮ่าว”
“จะไม่ทำหรอ” น้ำเสียงเล็กฟังดูท้าทาย
“มันยังไม่ถึงวันเกิดนาย”
ตอบออกไปอย่างที่คิดแม้ตอนนี้อยากกระโจนเข้าไปฟัดร่างขาวที่ให้ช้ำเต็มทน
“ใครสนกัน”
จัสตินตอบ “หรือว่านายไม่กล้า”
ร่างผอมถูกพลิกกลับมาเป็นฝ่ายนอนอยู่ใต้ร่างแทน
เฉิงเฉิงมองเจ้าลูกหมาตัวเล็กที่คิดจะท้าทายเขา
ไม่รู้ว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาแต่มันจับมาตีก้นเสียให้เข็ดว่าไม่ควรมาอ่อยกันแบบนี้เพราะมันทำให้เขาเริ่มไม่สนวันเกิดเข้าไปเต็มทนทั้งที่มันอีกเป็นอาทิตย์
“ตกลงว่ากล้าหรือเปล่าฟ่านเฉิงเฉิง”
เจ้าของชื่อยกยิ้มมุมปากก้มลงจรดริมฝีปากลงบนอกขาวเนียนสูดดมความหอมจากตัวของจัสติน
ทั้งหอมหวานและน่าหลงใหล ลิ้นฉกชิมความหวานจากเม็ดทับทิมสีสวยที่แต้มอยู่กลางอกสองข้าง
ดูดดุนมันจนเสียงดัง ก่อนจะผละออกแล้วเงยหน้ามองลูกหมาที่กำลังกัดปากตัวเองแน่น
“เคยเตือนแล้วนะว่าฉันดุ
คอยดูสิจะทำให้ร้อนไปทั้งตัวเลยฮวงหมิงฮ่าว”
tbc.
ตอนหน้าจะมีไหม
ให้คุกกี้ทำนายกัน เยอิเยอิเย้
#เล่นกับไฟเฉิงจัส
ความคิดเห็น