คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : PERCENT: 06%
PERCENT 06%
ยูคยอมไม่มาเรียนหลายวันตั้งแต่วันนั้นวันที่ร่างสูงพาแบมแบมไปแข่งรถด้วยกัน จีมินบอกกับแบมแบมว่ามันเป็นปกติที่ยูคยอมจะไม่มีเรียนเพราะว่ายูคยอมเรียนที่โรงเรียนนี้มานานแล้วแค่ไม่เคยเข้าเรียนเลยจนมาเจอเขานั่นแหละยูคยอมถึงได้โผล่หน้าไปเรียนให้เห็นบ้างแม้จะอาทิตย์ละวันหรือสองวันก็ถือว่าเป็นแปลกสุดๆแล้วสำหรับทุกคน
“แบมแบมช่วงนี้นายกินเลือดที่ฉันเอาไปแช่ไว้ที่ห้องบ้างไหม” จีมินหันมาถามแบมแบมหลังจากอาจารย์เดินออกจากห้องไปเพราะตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียน
แบมแบมพยักหน้า “ตอนฝึกมันเหมือนเหนื่อยๆช่วงนี้ก็กินบ่อยอยู่นะ แต่มันไม่อร่อยขึ้นเลย” ร่างเล็กบ่นอุบ
จีมินหัวเราะแขนอวบยกกอดคอร่างเล็กให้เดินตามไปด้วยกันวันนี้จีมินตั้งใจจะชวนแบมแบมไปหาอะไรกินที่ร้านของนิชคุณ แบมแบมตอบตกลงทันทีเพราะร่างเล็กมีบทเรียนบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจอยากจะถามอาจารย์หน้าหวานอยู่เหมือนกัน
ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆตามสุสานจีมินถามแบมแบมเกี่ยวกับเรื่องสนามแข่งรถที่ยูคยอมพาไป เธอบอกว่าคนวงในลับๆเขารู้กันหมดว่ายูคยอมพาแบมแบมออกไปยามวิกาล แบมแบมเบ้หน้าเมื่อได้ยินคำถามจริงๆเขายังเคืองยูคยอมที่ทำแบบนั้นอยู่เลยแถมพอนึกว่ายูคยอมจูบเขาทีไรหน้ามันเห่อร้อนทุกที
“มันไม่โอเคเลย เลวร้ายสุดๆ” น้ำเสียงหวานพูดพลางเบะปาก
“ไม่สนุกหรอ?” จีมินถามย้ำอีกครั้ง
แบมแบมส่ายหัว “ไม่เลยสักนิด”
บทสนทนาจบลงแค่นั้นแบมแบมเดินตามจีมินไปเรื่อยๆ จริงๆอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเอาแต่คิดถึงยูคยอมหมายถึงคิดถึงเรื่องของยูคยอม ทั้งโมโห ทั้งโกรธ กลัว อีกทั้งสารพัดภายในคืนเดียว ขาเรียวเดินเลี้ยวเข้าซอยตามจีมินไปติดๆเสียงทักของจีมินดังจนนิชคุณดุด้วยเสียงโหดๆเรียกเสียงหัวเราะของแบมแบมได้เป็นอย่างดีก่อนรอยยิ้มหวานจะหุบทันทีเมื่อสายตาดันมองเห็นร่างสูงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะในสุด ตาคมกำลังจ้องมาที่แบมแบมเขม็งรอยยิ้มที่ถูกจุดขึ้นมุมปากมันทำให้แบมแบมต้องหลุบตาหนีอย่างห้ามไม่ได้
เสียงนิชคุณทำให้แบมแบมสะดุ้งเพราะเขากำลังคิดเรื่องยูคยอมเพลินๆ จนอาจลืมไปว่ายิ่งคิดถึงก็ยิ่งสัมผัสถึงกันได้แล้วมันก็จริงๆเมื่อยูคยอมลุกขึ้นและกำลังเดินมาทางนี้ แบมแบมใจเต้นตึกตักมือไม้ประสานเข้าหากันอย่างลืมตัว
“ขอเลือดให้ผมหน่อยพี่” เสียงทุ้มเอ่ยบอกกับนิชคุณแต่มันจะไม่อะไรหรอกถ้ามืออีกคนไม่แตะอยู่บนไหล่แบมแบมแถมเจ้าของมือยังออกแรงบีบเบาๆจนร่างเล็กสะดุ้งโหยง
แม้ยูคยอมจะกลับไปนั่งที่โต๊ะเหมือนเดิมแล้วแต่สัมผัสร้อนๆยังคงติดอยู่ที่ไหล่ลาด ก่อนจะคิดอะไรไปมากกว่านี้นิชคุณก็ออกมาพร้อมจีมินที่ขอเข้าไปช่วยทำอาหารอยู่ข้างในเพราะตอนนี้ซอร์ที่เลิกเรียนเริ่มเข้ามากันเต็มเกือบทุกโต๊ะ
แบมแบมหยิบตำราเก่าที่เขาได้มันมาจากนิชคุณอีกที ข้างในมันเป็นเหมือนคาถาอะไรสักอย่างแต่แบมแบมอ่านไม่ออก ภาษามันไม่ใช่ภาษาที่มนุษย์ในโลกพูดกันแน่ๆแบมแบมมั่นใจแบบนั้น แต่เขาพออ่านได้ก็ตรงวิชาคาถาตามราศีเกิดมันบ่งบอกว่ามิททีตนนั้นเกิดราศีไหน มีพลังวิเศษด้านอะไรที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแต่สำหรับแบมแบมแล้วเขาไม่ได้เป็นมิทรีตั้งแต่เกิดเวลาลองสู้กับมิททีตนเองพละกำลังเขาแทบจะไม่มีแค่พอหลบหลีกได้ตามที่ยูคยอมเคยสอนก็เท่านั้น
เพราะแบบนี้นิชคุณเลยให้หนังสือเก่าๆนี่มาพร้อมให้เขาดูว่าตัวเองเกิดราศีไหนและธาตุอะไร แบมแบมเกิดราศีพฤษภตำราบอกว่าคนราศีนี้เป็นคนหนักแน่น อดทน ไม่ชอบการเสี่ยง ไม่ชอบเป็นผู้นำ และตลกที่สุดสำหรับแบมแบมก็ตรงที่ราศีนี้เป็นนักรัก แบมแบมไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่แต่นิชคุณบอกว่าบางตำราแม่นมากแต่ถ้าเราดูมากไปชะตาจะเปลี่ยนอาจจะเลวร้ายหรือดีขึ้นด้วยการเปลี่ยนมัน
แบมแบมอยู่ธาตุดินนั่นหมายความว่าร่างเล็กกำลังฝึกเวทย์ทางด้านกำลังไม่ใช่การเสกไฟ ทำให้น้ำขยับหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของด้วยลม แต่ธาตุดินเรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัวแบบที่หนักกว่าธาตุอื่นเพราะดินหมายถึงความหนักแน่นแปลว่าพละกำลังของคนที่เกิดธาตุดินจะเยอะกว่าธาตุอื่นๆ
แต่หมัดเล็กๆก็ไม่เคยได้ทำอะไรเลยนอกจากที่ทุบยูคยอมไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเท่านั้น การฝึกที่แบมแบมต้องไปฝึกอาทิตย์ละสี่วันเหมือนฝึกความเป็นแวมไพร์ให้กับเขาเสียมากกว่าเพราะนอกจากประสาทสัมผัสจะไวตอนนี้ยังมีวิ่งเร็วแบบที่ว่าแทบจะเหนือแสงอยู่แล้วไม่ก็หายตัวได้ แต่เพราะแบมแบมยังเป็นคนอยู่ด้วยทำให้พลังในตัวไม่ได้มีเยอะมากนักถ้าเทียบกับแวมไพร์เต็มตัวจริงๆเขายังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำสุดขนาดลองสู้กับซอร์แบมแบมยังแพ้ซะไม่เป็นท่า
จีมินเลยบอกว่าแบมแบมควรมีซอร์สักคนเป็นของตัวเอง
“คาถาตรงนี้ถ้าวันหนึ่งนายต้องสู้กับเมิร์คหรือเกิดอันตราย มันจะเสริมพละกำลังในการต่อสู้ อาจจะจำยากไปหน่อยแต่ถ้าฝึกแล้วลองไปสู้มันจะดีขึ้น” นิชคุณชี้ตรงกรอบสี่เหลี่ยมมีภาษาที่แบมแบมอ่านไม่ออกแต่มันถูกเปลี่ยนเป็นภาษาปกติแล้วโดยนิชคุณ
“ทุกวันนี้ผมยังฝึกอะไรไม่ค่อยได้เรื่องเหมือนเดิมเลยครับ แถมอาการอยากกินเลือดของผมมันบ่อยขึ้น” แบมแบมบอกอาการคร่าวๆให้นิชคุณฟัง ช่วงนี้เขากินเลือดบ่อยมากขึ้นเพราะถ้าฝืนที่จะไม่กินจะปวดหัวหนึบๆเหมือนจะตายให้ได้แถมยังไม่มีแรงอีกต่างหากโดยเฉพาะวันที่พระจันทร์เต็มดวงมันเพิ่มความกระหายมากกว่าเดิมหลายเท่า
“นายมีครึ่งหนึ่งเป็นแวมไพร์นะ ไม่แปลกหรอกถ้านายอยากกินเลือดเพราะนายจะเป็นอะไรที่ครึ่งๆกลางๆอย่างนี้ตลอดไปไม่ได้ ถ้าไม่เป็นมิททีเต็มตัวในสักวันนายก็อาจจะตายก่อน กลิ่นเลือดในตัวนายยังกระจายอยู่รอบๆตัวนายยังคงเป็นที่ต้องการของเมิร์คไม่ก็แวมไพร์สักเผ่าอยู่ไม่เปลี่ยน” นิชคุณอธิบายแต่นั่นมันยิ่งทำให้แบมแบมกลุ้มใจมากกว่าเดิม
“แล้วผมจะทำยังไง แต่ที่ผมสงสัยทำไมคุณมาร์คถึงเป็นครึ่งแบบนั้นเป็นร้อยๆปี”
“เพราะครึ่งหนึ่งที่เป็นอยู่มันไม่มีเลือดเนื้อเลยน่ะสิ เพราะแบบนั้นเลยเป็นแบบนั้นตลอดไปไง”
แบมแบมพยักหน้าเข้าใจเขาคุยเรื่องการฝึกอีกไม่กี่คำถามนิชคุณก็ขอตัวไปทำงานต่อเพราะนั่งคุยกันจนข้างนอกไม่เห็นแสงของพระอาทิตย์แล้ว แบมแบมหันไปทางโต๊ะด้านในสุดยูคยอมก็ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน ร่างเล็กถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเพราะเขาจะได้ไม่ต้องทนกดดันกับสายตาที่จ้องมา
“แบมแบมกลับไปก่อนเลยวันนี้ลูกค้าเยอะเลยว่าจะอยู่ช่วยพี่คุณน่ะ กลับถูกใช่ไหมหายตัวหรือวิ่งก็ได้ลองฝึกดู” จีมินบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าปกติเพราะใจหนึ่งเธอก็เป็นห่วงเพื่อนตัวเล็กกลัวว่าจะเป็นอันตราย
“ไม่ต้องห่วงหรอกขอบใจมากที่พามานะ ไว้เจอกัน”
ขาเรียวก้าวไปเรื่อยๆตามทางเดินเรื่อยๆแบมแบมไม่ได้หายตัวหรือวิ่งเร็วอะไรทั้งนั้นเพราะตอนนี้สองข้างทางของเมืองนี้มีแต่มิททีและซอร์เต็มไปหมดแบมแบมอยากจะทำตัวให้ชินกับโลกนี้บ้าง เขาไม่เคยจะได้สัมผัสการใช้ชีวิตของมิททีที่อยู่ที่นี่จริงๆจังๆสักที บ้านหลายหลังดูมืดทึบและน่ากลัวกลไกของหลายๆบ้านมองคร่าวๆดูซับซ้อนไม่ต่างจากห้องสมุดที่เป็นทางผ่านไปทางโรงเรียนตอนกลางคืนของเซนต์ดิมิทรี แต่บางบ้านก็เหมือนบ้านทั่วๆไป ไฟสว่างแต่ก็ยังคงความน่ากลัวไว้อยู่ดี
แบมแบมขมวดคิ้วเข้าหากันหูพยายามฟังเสียงฝีเท้าที่เหมือนจะตามเขามาสักพัก แบมแบมมั่นใจว่าเสียงนั่นใกล้เข้ามาแล้วแถมซอยที่เขาเดินเข้ามายังเป็นซอยมืดเพราะมันเป็นทางลัดที่ใกล้ที่สุดที่จะออกไปสู่สุสาน ร่างเล็กหันขวับก่อนจะโดนมือใหญ่ปิดปากแบมแบมพยายามออกแรงดิ้นแต่ไม่เป็นผล
“หยุดดิ้นได้ยัง” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู มือหนาปล่อยออกจากปากก่อนจะมองร่างเล็กที่หันขวับมาจ้องตนเองด้วยสายตาขวางๆ
“มีอะไรกับผม” แบมแบมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เพราะยูคยอมเป็นแบบนี้ชอบทำให้เขาหัวใจจะวายตายอยู่เรื่อย
“ไปกับฉัน” มือหนาดึงข้อมือเล็กกระชากแบมแบมเข้ามาใกล้ๆ
“ผมไม่ไป! ผมจะกลับปล่อยผมนะ” ร่างเล็กดิ้นในอ้อมแขนจนยูคยอมต้องออกแรงกอดรัดแน่นขึ้นไปอีก
สุดท้ายก็มาจนได้ตอนนี้แบมแบมอยู่ที่บ้านของยูคยอมแต่ดีหน่อยที่อยู่กันเกือบครบอย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่สองต่อสองเพราะยูคยอมอาจจะลากเขาไปทำในเสี่ยงอันตรายแต่แบมแบมคิดผิด จริงๆที่ถูกพาตัวมาที่นี่ก็เพื่อทดสอบวิชาที่เรียนไปทั้งๆที่เขาเพิ่งเรียนได้ไม่กี่อาทิตย์แต่ที่เซนต์ดิมิทรีมีการทดสอบตลอด มาร์คเลยอยากให้แบมแบมใช้ความรู้ที่เรียนมาทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นวิชาเกี่ยวกับพวกศาสตร์การใช้พลังหรือการต่อสู้ ทุกคนเห็นด้วยที่อยากจะดูว่าตอนนี้พัฒนาการในการเป็นแวมไพร์ของแบมแบมไปถึงไหนแล้ว
แบมแบมอึกอักเขายังไม่พร้อมที่จะสู้ไม่ว่าจะทดสอบหรือเรื่องจริง แม้ทุกวันที่ไปเรียนอาจารย์จะบอกให้เขาตัดความกลัวออกไปแต่ใช่ว่ามันจะทำได้ง่ายๆ ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองมีความกล้ามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแต่ยังไงเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะทดสอบอะไรนี่จริงๆ
“แบ่งเป็นสามทีม ฉันกับแจ็คสัน ยูคยอมกับจีมิน แล้วก็แบมแบมคู่กับจินยอง” มาร์คจับคู่ให้ตามฉลากที่จับได้ ทุกคนพยักหน้าตกลง
แบมแบมลอบถอนหายใจเขากลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะดวงสมพงศ์กับยูคยอมแต่พอได้คู่กับจินยองค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยจินยองก็เก่งมากพอที่จะทำให้ชนะได้ส่วนตัวเขาเองอาจจะเป็นตัวถ่วงของจินเสียเปล่าๆ
“ป่าหลังสุสานคือสถานที่ที่เราจะไปทดสอบกัน ถ้าไปจนสุดทางจะมีแม่น้ำถ้าใครหยิบเหรียญที่ฉันขโมยมาจากพี่เจียได้ก่อนทีมนั้นชนะ แต่ว่าใครที่เป็นทีมสุดท้ายจะโดนลงโทษต้องเอาเหรียญไปคืนพี่เจียกับมือ” ทุกคนส่ายหน้ากับบทลงโทษ แต่แบมแบมยังไม่เข้าใจว่าคนที่พูดหมายถึงใคร
“ทำไมบทลงโทษมันโหดจังคะพี่มาร์ค ถ้าหนูแพ้หนูต้องตายแน่ๆพี่เจียน่ากลัวจะตาย” จีมินบ่นพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
เจียคือแวมไพร์สาวที่โดนปลุกขึ้นมาจากความตาย เธอเป็นแวมไพร์ที่มีดวงตาคมกริบเหมือนมีด ผมเป็นลอนยาวสีน้ำตาลอ่อน จริงๆเธอตายตั้งแต่โรงเรียนเซนต์ดิมิทรีก่อตั้งได้ไม่นานเพราะถูกฆาตกรรมไม่มีใครสามารถจับตัวฆาตกรได้ทำให้พ่อแม่เธอแค้นจนใช้ศาสตร์มนตร์ดำของแม่มดปลุกเธอขึ้นมาจากความตายที่เวิ้งว้าง หนาวเหน็บและว่างเปล่า
ตำนานของผู้หญิงไร้หัวที่เซนต์ดิมิทรีพูดกันตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นก็คือเธอ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอเป็นคนที่จะมาในยามที่จิตใจว่างเปล่า มืดมิด ใครหลายๆคนเคยเจอเธอเดินอยู่ในโรงเรียน แต่สำหรับพวกแวมไพร์ด้วยกันถ้าเจอก็มักจะหลีกเลี่ยงบางตนก็กลัวแต่บางตนก็ไม่ได้อยากจะมองแววตาอันว่างเปล่าที่มันอยู่ในมือเธอสักเท่าไหร่
แม้กระทั่งจินยองยังเขียนถึงเธอในตำนานของโรงเรียนเซนต์ดิมิทรีที่ทำให้หลายๆคนอ่านแล้วขนลุกซู่ ภาพวาดตอนที่เธอถือหัวมันช่างน่ากลัวแม้หน้าตาของเธอจะงดงามราวภาพวาด แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเจอตอนที่เจียถอดหัวถือไปมามันก็เฉพาะตอนที่เธออยากจะแกล้งใครสักคน
“อย่าบ่นเลยน่ายัยหมูถ้าไม่อยากแพ้ก็ต้องชนะเข้าใจไหม ไม่มีคำว่าปราณีห้ามหายตัว เริ่มได้!” มาร์คพูดจบทุกคนก็วิ่งออกตัวกันไปอย่างรวดเร็วแต่นี่มันไม่ใช่การวิ่งแข่งแต่มันคือการต่อสู้
ยูคยอมพุ่งเข้าใส่พี่ชายของตนอย่างเร็วแต่มาร์คหลบทัน สัญชาติของมาร์คไวขึ้นเรื่อยๆแจ็คสันก็ด้วยถึงจะเป็นมนุษย์แต่เลือดนักล่าในตัวเขามากพอที่จะทำให้เขามีประสาทสัมผัสที่ไว ร่างหนาวิ่งลัดเลาะอยู่บนพื้นดินด้วยความไว ในมือถือหน้าไม้ที่มีลูกธนูเอาไว้ฝึกหัวมันทำมาจากทองแดงถ้าโดนยิงก็ออกฤทธิ์พอแค่แสบๆคันๆถึงจะทำให้เป็นแผลแต่พวกแวมไพร์คงไม่ถึงกับตายมันไกลหัวใจแจ็คสันคิดแบบนั้น แจ็คสันมองผู้แข่งขันที่ไม่ได้กระโดดอยู่บนต้นไม้เหมือนสองพี่น้องนั่น ตาคมสอดส่องเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าและก็เป็นไปตามที่คาดไว้แบมแบมออกแรงวิ่งเหมือนคนนั่นทำให้ร่างเล็กยืนเหนื่อยหอบโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังรั้งท้าย
แจ็คสันเล็งหน้าไม้ไปทางแบมแบมเจ้าตัวกดยิงและมันก็เข้าเป้าปักลงที่แขนเล็กพอดิบพอดี แบมแบมมองมาที่แจ็คสันใบหน้ายุ่งยับกำลังทำให้แจ็คสันแปลกใจแต่ก็ไม่กี่วินาที แจ็คสันออกตัววิ่งต่อและเขาก็วิ่งเร็วพอๆกับพวกแวมไพร์เร็วเท่าๆจินยอง
แบมแบมเริ่มวิ่งเร็วขึ้น ร่างเล็กเห็นจีมินอยู่บนต้นไม้เขาเลยลองกระโดดขึ้นไปบนนั้นแต่ยังไม่ทันจะตั้งตัวก็ถูกผลักตกลงมาจนร่างกระแทกพื้น ความเจ็บเล่นงานจนแขนข้างซ้ายที่โดนธนูปักชาและมีเลือดไหล แบมแบมกัดฟันลุกขึ้นเงยหน้ามองยูคยอมที่แสยะยิ้มอยู่ในความมืด มันเป็นแผนที่ใช้จีมินล่อให้คนมาติดกับดัก
“โง่ไม่เคยเปลี่ยน” ยูคยอมพูดตามด้วยเสียงหัวเราะที่ทำเอาคนฟังโมโห
ตากลมโตเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงหม่น แบมแบมหลบลูกธนูที่ยิงมาจากด้านข้างได้อย่างหวุดหวิดแล้วแจ็คสันก็หลบหายไปอย่างรวดเร็วในป่ามืด แบมแบมได้ยินเสียงจินยองอยู่ใกล้ๆถ้าเดาไม่ผิดอีกเสียงที่สู้กันน่าจะเป็นเสียงของมาร์ค
“อ่าวมาพอดี ถ้างั้นก็เข้ามาพร้อมกันสองคนเลย” มาร์คยักคิ้วให้ทั้งคู่
จินยองเป็นฝ่ายพุ่งตัวเข้าไปหาแต่มาร์คกระโดดหลบมันเร็วพอที่จะทำให้เจ้าตัวมีโอกาสถีบเข้ากลางหลังจินยองจนกระเด็นไปไกล แบมแบมมองตามด้วยความไม่เข้าใจมันเหมือนเหตุการณ์คืนนั้นไม่มีผิดและตอนนี้เขาก็กำลังเผชิญหน้ากับมาร์ค น้ำลายเหนียวหนืดถูกกลืนลงคออย่างยากเย็นเหมือนมาร์คจะรอไม่ไหวเขาพุ่งตัวเข้ามาหาแบมแบมด้วยความเร็วแต่แบมแบมหลบทันและมันก็แบบเฉียดฉิว
เลือดที่แขนยังไหลไม่หยุดแต่ความเจ็บลดลง แบมแบมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยเขาก็ยืดเวลาเจ็บของตัวเองได้อีกนิดหน่อยโดยไม่ทันระวังว่าข้างหลังมีใครบางคนกำลังมาทางนี้ด้วยความเร็ว
กึก!
กิ่งไม้ร่วงลงบนพื้นดินมันเป็นสัญญาณที่ทำให้แบมแบมออกตัววิ่งแต่ก็ไม่ทัน ยูคยอมดึงรั้งแขนเล็กและมันตรงกับข้างที่เจ็บเขาออกแรงบีบมันแรงๆจนเลือดที่เกือบจะหยุดไหลมันไหลออกมาอีก ยูคยอมหัวเราะหึในลำคอออกแรงเหวี่ยงคนตัวเล็กกว่าจนร่างกระแทกเข้ากับต้นไม้
เหมือนเรี่ยวแรงจะหมด แบมแบมรู้สึกคราวนี้เหมือนเขาจะตายให้ได้แต่พอนึกถึงใบหน้าหล่อที่เยาะเย้ยเขาเมื่อกี้ทีไรมันรู้สึกหงุดหงิดทุกที แบมแบมลุกขึ้นอีกครั้งและยูคยอมยังอยู่ที่เดิม ตากลมโตจ้องมองยูคยอมด้วยสีตาแดงหม่นก่อนจะวิ่งออกไปจากตรงนั้น
อย่างน้อยก็ไม่ถือว่าทำอะไรโง่ๆ
ยูคยอมวิ่งตามด้วยความเร็วที่เหนือกว่าดักหน้าอีกคนไว้ได้ ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆแต่แบมแบมกลับนึกอะไรบางอย่างออก ปากเล็กพูดอะไรกับตัวเองก่อนจะออกแรงกระโดดล็อคคอยูคยอมจับอีกคนทุ่มลงกับพื้นและมันได้ผลหน้ายูคยอมดูจุกนิดๆ เรียกรอยยิ้มกว้างจากร่างเล็กได้เป็นอย่างดี
“เจ๋งมากแบมแบม” เสียงของจินยองที่อยู่ใกล้ๆทำให้แบมแบมใจชื้นเขายิ้มให้กับจินยองที่ตอนนี้เหมือนจะต้องสู้กับจีมินอีก
มาร์คมองอยู่บนต้นไม้เขาโดดลงมาขวางทางแบมแบมไว้และข้างหลังก็เป็นแจ็คสัน แบมแบมขมวดคิ้วจนยุ่ง
“ทำไมพวกคุณต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย” แบมแบมถามด้วยความไม่เข้าใจ
“มันสนุกดีไม่ใช่รึไง เอาน่านายทำให้ยูคยอมเจ็บได้ก็ต้องทำให้ฉันหลีกทางได้สิเด็กน้อย” มาร์คพูดกลั้วหัวเราะกับท่าทางของแบมแบม
แม้จะเจ็บแต่แบมแบมก็สู้เด็กหนุ่มพุ่งเข้าใส่มาร์คด้วยความเร็วแต่มาร์คจับตัวไว้ได้ก่อนจะออกแรงยกจนร่างเล็กลอยหวือแต่แบมแบมบิดแขนขาวก่อนที่อีกคนจะจับเขาทุ่มลงบนพื้นดินชื้นๆ แจ็คสันสบโอกาสรีบยิงลูกธนูแบบเดิมใส่และโชคก็เข้าข้างแจ็คสันอีกครั้งเมื่อมันปักเข้าที่แขนอีกข้างของแบมแบพอดิบพอดี
“โอ้ย!” เสียงหวานร้องลั่น ความเจ็บแล่นไปทั่วร่างกายเพราะออกแรงไปเยอะพอมาโดนแบบนี้อีกยิ่งทำให้เจ็บเข้าไปกันใหญ่
“พอแล้วแจ็คสันเราไปกันเถอะ” มาร์คห้ามเมื่อแจ็คสันจะยิงอีกรอบ เพราะเขาได้ยินเสียงที่น่าจะเป็นเสียงของจินยองนำออกไปแล้วและทางข้างหน้าก็จะถึงแม่น้ำที่พวกเขาพูดกันไว้
แบมแบมเดินตามไปบ้างเพราะตอนนี้ไม่มีแรงแม้จะวิ่งถึงจะรู้ว่าตัวเองรั้งท้ายแต่เขาเหนื่อยกับการทดสอบนี่มากจริงๆ เลือดเปรอะเปื้อนชุดนักเรียนสีขาวจนเป็นวงกว้าง แบมแบมมองเบ้หน้าเมื่อเห็นเลือดมากมายจากแขนขวาที่เพิ่งโดนยิงมาเมื่อครู่นี้ แต่เสียงฝีเท้าทำให้แบมแบมออกแรงวิ่ง
หมับ!
“มาสู้กันก่อนสิ” แรงดึงทำให้แบมแบมเซไปข้างหลังจนเกือบจะล้ม ถ้ายูคยอมไม่พุ่งเข้าใส่จนตัวกระแทกกับต้นไม้ใบหน้านิ่งๆยังอยู่ใกล้จนเห็นแววตาสีแดงหม่นของร่างสูงชัดเจนมากกว่าครั้งไหน
“มันจะถึงแล้วผมเหนื่อยแล้ว ถ้าคุณจะไปก่อนก็ไปเลยผมยอมแพ้” แบมแบมพูดตอบกลับด้วยเสียงเหนื่อยอ่อนตอนนี้แรงจะยืนยังแทบไม่มีจะให้สู้อีกมีหวังเขาได้ตายด้วยน้ำมือยูคยอมแน่ๆ
“ฉันสั่งว่าให้สู้นายก็ต้องทำ ถ้าไม่สู้ก็เดินกลับไปซะ ไปสิ! ไปให้พ้นๆหน้า” เสียงทุ้มตะโกนใส่หน้าแบมแบมเสียงดังและมันดังพอที่จะทำให้คนที่อยู่ริมแม่น้ำแล้วย้อนกลับมาดูเหตุการณ์
แผ่นหลังเล็กเดินออกไปไกลเรื่อยๆจนหายไปจากสายตาทุกคน จีมินทำท่าจะตามไปแต่มาร์ครั้งเอาไว้ก่อน ทุกคนเลยแอบมองยูคยอมที่ถอนหายใจออกมายาวเหยียดมองดูแผ่นหลังเล็กพ้นสายตาไปในความมืดก่อนจะเดินกลับไปทางเดียวกับที่แบมแบมเดินออกไปจนหายไปในความมืดอีกคน
แบมแบมพยายามกลั้นสะอื้นแต่ยิ่งพยายามเข้มแข็งเด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่านั่นหมายถึงหลอกตัวเองว่าเขาไม่เจ็บปวดทั้งๆที่ตอนนี้มันรู้สึกปวดหนึบจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ แบมแบมคิดว่าช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดของเขาก็คือตอนที่พ่อกับแม่ตายเป็นช่วงเวลาที่พูดว่าเลวร้ายที่สุดก็ว่าได้จนกระทั่งวันนี้ทุกอย่างทำให้แบมแบมหวนนึกถึงวันนั้น ทั้งผิดหวัง ทั้งหมดหวังมันปนเปกันจนต้องร้องไห้ออกมา เขาพยายามเต็มที่แล้วกับการทดสอบอะไรนั่นทำมากกว่านั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่ทำไมยูคยอมถึงไม่เคยเข้าใจหรือพูดดีๆด้วยสักครั้งเลย
ถ้าเกลียดกันแล้วจะมายุ่งด้วยทำไม…
“ไม่ว่าจะตอนไหนก็ยังน่าสมเพชไม่เปลี่ยนเลยนะ” เสียงใสพูดทำลายความเงียบในสุสานก่อนจะเดินออกมาจากความมืด
รู้สึกวันนี้เหมือนเป็นวันซวยของแบมแบมเพราะหนีเสือยังไม่ทันจะพ้นต้องมาเจอกับจระเข้อีก เยรินยิ้มหวานแบบที่แบมแบมคิดว่ามันเรียกว่ายิ้มเคลือบยาพิษชัดๆ ถ้าเป็นเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนแบมแบมคงกลัวแต่นี่เขาเพิ่งผ่านสถานการณ์กดดันมาได้ถ้าเยรินคิดจะทำร้ายแบมแบมก็พร้อมจะสู้เหมือนกัน
“มีอะไรกับผม” ขาเรียวถอยห่างเมื่อเยรินเดินมาใกล้
“ฉันก็แค่อยากจะทักทายนาย ดูเหมือนจะโดนฝึกหนักสินะบางทีนายอาจจะอยากลองของจริงดูบ้างฉันอาจจะสงเคราะห์ให้ได้” พูดจบก็พุ่งตัวใส่แบมแบมล็อคคอด้วยแขนที่ดูเหมือนจะไม่ได้บอบบางราวกับเพศหญิงเลยสักนิด
“ปล่อยผม” แบมแบมพยายามดิ้นแต่เยรินใช้เล็บจิกเข้าไปตรงแผลที่แขนจนความเจ็บที่หายดีแล้วเริ่มกลับมาปวดหนึบอีกครั้ง
“ถ้าเธอไม่ยอมปล่อยก็เตรียมตัวตายซะ” เสียงเย็นยะเยือกทำเอาเยรินนิ่งสนิทรีบปล่อยมือออกจากแขนของแบมแบมก่อนจะถูกยูคยอมกระชากตัวออกไปสุดแรง
“โอ้ย! ทำไมนายต้องปกป้องมันด้วยยูคยอม นายเกลียดมันไม่ใช่รึไง” เยรินตะคอกเสียงดัง
ยูคยอมมองเยรินก่อนจะหันกลับมามองแบมแบมที่จ้องเขาด้วยสายตาที่รอคำตอบ คิ้วขมวดเข้ามาหากัน ใจแบมแบมเต้นตึกตักจนรู้สึกได้ว่ามันเต้นแรง ยูคยอมเดินไปใกล้ๆแบมแบมจัดการอุ้มคนที่ยืนแทบไม่ไหวเข้ามาในอ้อมอกท่ามกลางความตกใจของร่างเล็กที่ตัวแข็งทื้อ
“ฉันจะเกลียดหรือไม่เกลียด ก็ไม่ได้แปลว่าเธอมีสิทธิ์จะมาทำร้ายเด็กคนนี้จำเอาไว้”
และคำพูดแบบนี้มันทำให้คนในอ้อมแขนหน้าเห่อร้อน แบมแบมรู้สึกว่าตัวเองหายโกรธยูคยอมเพียงเพราะประโยคง่ายๆที่มันเหมือนบอกเป็นในๆว่ายูคยอมก็ไม่ได้เกลียดเขา
“คุณจะพาผมไปไหน” แบมแบมถามเมื่อยูคยอมเดินอุ้มเขามาเรื่อยๆ
“ไปนอนบ้านฉัน” ยูคยอมตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะพาแบมแบมหายเข้าไปในความมืด
60%
แบมแบมมองรอบๆบ้านที่ดูหรูหราแต่มันก็ดูเหมือนมีมนต์ขลังด้วยความเก่าและดูน่ากลัวกว่าบ้านหลังไหนๆในมิทรี ตอนแรกที่ยูคยอมพามาร่างเล็กก็ปฏิเสธแต่กลับโดนอีกคนดุจนต้องยอมปล่อยเลยตามเลย ยูคยอมทิ้งแบมแบมไว้บนเตียงก่อนจะหายออกไปเกือบยี่สิบนาที แบมแบมไม่กล้าแม้แต่จะลุกขึ้นหรือจับต้องของในห้องสักชิ้นเพราะประเมินจากสายตามันคงจะเก่าแก่และมีราคาน่าดู
เสียงเปิดประตูห้องทำให้แบมแบมเงยหน้ามอง ยูคยอมกลับมาพร้อมกับกล่องยาเขาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆแบมแบมก่อนจะดึงแขนเล็กนั่นมาดู
“ถอดเสื้อสิ” ยูคยอมพูดสั่ง
แบมแบมทำหน้าเลิกลั่กมือเล็กยกปฏิเสธ “มะ..ไม่เป็นไร แผลแค่นี้เอง แห่ะๆ”
ยูคยอมพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะดึงแขนเล็กอีกครั้ง มือหนาพยายามถอดเสื้อเปื้อนเลือดของร่างเล็กออกแต่อีกคนรั้งตัวไว้ด้วยความอาย หน้าหวานเห่อแดงจนยูคยอมอดลอบยิ้มยามมองเห็นมันไม่ได้ สุดท้ายเสื้อก็ถูกถอดผิวเนียนตอนนี้เต็มไปด้วยรอยถลอกและรอยแผลจากการทดสอบเต็มไปหมด สองแขนมีเลือดเกรอะกรังอยู่เยอะจนยูคยอมต้องลุกขึ้นอีกรอบอุ้มคนที่นั่งตัวเกร็งอยู่ข้างๆเข้าห้องน้ำ
“อาบน้ำซะ สกปรกแบบนี้ทำแผลเลยคงไม่ไหว รีบๆล่ะฉันจะออกไปข้างนอก” พอสั่งก็เดินออกไปโดยไม่ฟังที่แบมแบมจะถามเลยสักนิด
เสียงน้ำกระทบพื้นทำให้ยูคยอมรู้ว่าคนในห้องน้ำคงอาบแล้ว ส่วนตัวเองก็หยิบเสื้อนักเรียนของแบมแบมทิ้งถังขยะในห้องเพราะกลิ่นเลือดที่เสื้อมันทำให้ยูคยอมรู้สึกแปลกๆ มาร์คเปิดประตูเข้ามากวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนจะเลิกคิ้วเชิงเป็นคำถาม
“อาบน้ำอยู่” ยูคยอมตอบสั้นๆ
“อย่าโหดกับเด็กนั่นให้มากนัก แค่ที่เป็นอยู่มันก็หนักมากพอแล้ว” มาร์คพูดแค่นั้นก่อนจะปิดประตูออกไปเหมือนเดิมทิ้งยูคยอมไว้กับความเงียบ
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกแบมแบมค่อยๆกะเพลกออกมาอย่างทุลักทุเลเพราะยังไม่ได้แต่งตัวมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันอยู่ที่อก ยูคยอมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อนอนกับบ๊อกเซอร์ติดมือมารวมถึงผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆแบมแบมวางผ้าแหมะลงบนหัว
“เช็ดซะแล้วใส่กางเกงจะได้ทำแผล”
แบมแบมทำตามอย่างว่าง่ายรีบใส่กางเกงเช็ดตัวให้แห้งรวมถึงผมก่อนจะไปนั่งลงบนเตียงที่มียูคยอมนั่งมองอยู่เหมือนเดิม กล่องยาถูกเปิดออกยูคยอมหยิบแอลกอฮอล์ออกมาทาชุบดึงแขนเล็กแล้วทามันรอบๆแผลถึงตอนนี้แผลจะดูไม่ค่อยน่ากลัวเหมือนตอนแรกก็เถอะเพราะเลือดแวมไพร์ครึ่งหนึ่งมันทำให้แผลหายเร็วแต่เพราะอีกครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์เลยยังเจ็บปวดและมีบาดแผลที่เจ็บแต่อาจจะน้อยกว่าคนปกติทั่วไป
นอกจากเสียงลมหายใจทั้งห้องก็เงียบสนิท ยูคยอมค่อยๆบรรจงทาเบตาดีนลงบนแผลเบาๆแต่เหมือนเบาของเขาจะทำให้ร่างเล็กเจ็บอยู่ไม่น้อย
“เจ็บรึไง” คนถูกถามพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ
“ไม่ตายหรอกน่าไกลหัวใจ” พูดจบก็ปิดแผลให้เป็นขึ้นตอนสุดท้ายทั้งแขนซ้ายและแขนขวารวมไปถึงทุกจุดที่ดูจะเป็นแผลที่มันสามารถอักเสบได้
กล่องยาถูกเก็บเข้าที่แบมแบมนั่งมองยูคยอมที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำบ้างไม่นานร่างสูงก็ออกมาพร้อมชุดใหม่ที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมที่ยูคยอมเซ็ตขึ้นตั้งๆตอนนี้ดูเท่แปลกตากว่าทุกครั้งที่เห็นกลิ่นน้ำหอมฟุ้งกระจายจนแบมแบมอดไม่ได้ที่จะเหล่มองว่ามันคือกลิ่นไหน
“คุณจะไปไหนหรอ” ความอยากรู้ทำให้แบมแบมเอ่ยปากถาม
“เรื่องของฉัน นายนอนได้แล้วไปดึกแล้ว” ตอบกลับแบบนั้นพร้อมทั้งจ้องเขม็งด้วยสายตาคมกริบจนแบมแบมรีบทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนอนขนาดใหญ่หยิบผ้าขึ้นมาคลุมจนเหลือแค่ตากลมโตเพื่อมองแผ่นหลังที่ค่อยๆเดินหายไปหลังประตูบานใหญ่
เพราะความเพลียทำให้ตอนนี้ร่างเล็กหลับสนิท ยูคยอมมองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกมือใหญ่เกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากเนียนออก
“ต่อไปนี้ถึงฉันไล่นาย นายก็ห้ามหันหลังให้ฉันจำไว้ด้วยว่านายไม่มีสิทธิ์” ยูคยอมพูดเสียงแผ่วเบาแม้รู้ว่าคนที่นอนหลับตาพริ้มจะไม่ได้ยินมันก็ตาม
ประตูเปิดออกยูคยอมจ้องมองทุกคนที่นั่งอยู่ครบทั้งกลุ่ม ทั้งแวมไพร์ ทั้งคน ร่างสูงเดินไปนั่งที่ว่างข้างๆมินโฮถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายจนทำให้บทสนทนาในกลุ่มเงียบลงทันตาเห็น ทุกคนเลิกคิ้วแปลกใจกับการนัดของยูคยอมในวันนี้แถมเจ้าตัวยังมานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดยิ่งทำให้ผิดวิสัยเข้าไปอีก แต่ทุกคนรู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆไม่งั้นยูคยอมจะนัดให้ไปสนามแข่งรถ ร้านเหล้า มากกว่าคอนโดใจกลางเมืองที่เอาไว้ประชุมปรึกษาหารือไม่ก็มานอนเล่นกันแต่จะนานๆครั้ง
“เด็กวันนั้นที่สนามแข่งรถจำกันได้ป่ะวะ” ยูคยอมถามพลางมองหน้าทุกคนที่พยักหน้าโดยเฉพาะมินโฮที่จำได้แม่นเพราะเขาเป็นคนไปส่งเด็กคนนั้นถึงที่
“ทำไมวะ มึงเคยบอกพวกกูว่าเด็กนั่นเป็นแวมไพร์เพราะโดนมึงกัด” ไบรอันพูดขึ้นมาเพราะเขาจำได้ว่ายูคยอมมาบอกเองหลังจากนั้นได้ประมาณสองวัน
“ก็เพราะเป็นแค่ครึ่งหนึ่ง มึงก็รู้ว่าไม่รู้ว่าเด็กนั่นจะหมดอายุขัยตอนเป็นคนเมื่อไหร่ กูคิดว่าอยากจะทำให้เด็กคนนั้นกลับไปเป็นคนปกติ…”
“เหมือนที่เคยทำกับกูอ่ะนะ” มินโฮชี้ตัวเองแล้วยกยิ้มมุมปาก
ซงมินโฮ อดีตองครักษ์ฝึกหัดที่เกือบจะได้เป็นซอร์เต็มตัวถ้าไม่ติดว่ามีเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะมินโฮโดนกัดในเหตุการณ์วันที่แจบอมฆ่าพ่อแม่จินยอง รวมทั้งมิทรีและซอร์ มินโฮเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รอดตายมาได้เพราะรักษาทันแต่มันก็ต้องใช้พวกพลังเวทมนตร์ ไสยเวทย์ ซึ่งคนที่เก่งที่สุดก็มีนิชคุณเพราะเป็นพ่อมดอันดับต้นๆของโลกแวมไพร์ ส่วนอีกคนที่น่าจะรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือเจีย
ตอนนั้นมินโฮเกือบกลายเป็นเมิร์คแต่นิชคุณช่วยเอาไว้และมันก็ใช้พลังอย่างมากในการประกอบพิธีกรรม ไม่รู้ว่าโชคชะตากำหนดมาแบบนี้หรือเปล่าแต่มินโฮรอดมาได้หวุดหวิดและกลายเป็นคนปกติที่มีประสาทสัมผัสดีแต่ไม่ดีเท่าตอนที่ฝึกเป็นซอร์เพราะแบบนั้นมินโฮเลยลาออกมาใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติธรรมดาและมีความสุขกว่าตอนที่เขาอยู่ในโลกมืดนั้นซะอีก
“มันเสี่ยงมากนะเว้ย มึงก็รู้นี่หว่าว่าถ้าไม่สำเร็จก็คือตาย” คราวนี้เป็นแจฮยองที่ค้านความคิดนี้ขึ้นมา เขาเคยเห็นหน้าเห็นตาแบมแบมผ่านๆแต่มันไม่ใช่เรื่องที่จู่ๆจะมาทำอะไรที่มันเกินตัวโดยไร้เหตุผล
“ถ้าวันนี้มึงได้ไปดูเด็กนั่นทดสอบขั้นแรกแล้วมึงจะเปลี่ยนคำพูด กูกลัวว่าเด็กนั่นอาจจะตายก่อนจะเป็นมิททีเต็มตัว สู้ทำให้กลับไปเป็นคนแล้วส่งกลับไปในที่ๆเด็กคนนั้นไม่ดีกว่าหรอวะ” เหตุผลของยูคยอมทำให้คนที่นั่งอยู่ครุ่นคิด
“กูก็เห็นด้วยกับยูคยอมนะ ถ้ามีสิทธิ์เลือกกูว่าเด็กคนนั้นไม่อยากเป็นแวมไพร์หรอกแถมยังอยู่ในอันตรายตลอด” วอนพิลพูดอธิบายให้เหตุผลดูหนักแน่นขึ้นไปอีกถ้าไม่ติดว่ามินโฮพูดขัดขึ้นมาซะก่อน
“บางครั้งมึงก็เปลี่ยนชะตาชีวิตคนไม่ได้หรอก บางสิ่งควรเป็นอย่าไปห้ามไม่งั้นมันจะยิ่งแย่” คำเตือนของมินโอทำให้ยูคยอมเผลอถอนหายใจขึ้นมาอีกรอบ กายใหญ่เอนไปข้างหลังเปลือกตาสีซีดปิดสนิทยูคยอมหวนคิดถึงคนรักที่จากไปและเหตุการณ์ทุกอย่างยังคงตราตรึงอยู่ในหัวของเขา มันเอาแต่ตอกย้ำว่าถ้าเขาลืมเขาจะยิ่งจำมันได้แม่นยำ รอยยิ้มหวานๆ สัมผัสอุ่นกรุ่นจากฝ่ามือเล็กหรือแม้กระทั่งลมหายใจหอมๆกลิ่นกายที่เขาไม่มีวันจะลืม
“ผมไม่อยากให้มนุษย์หน้าไหนมาตายให้ผมเห็นอีก เพราะครั้งนี้ผมคงทนไม่ไหวอีกแล้ว” คำสารภาพด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกทำเอาทุกคนมองหน้ากันไปมาอย่างมิได้นัดหมาย ทุกคนเข้าใจความหมายของยูคยอมดีและรู้ด้วยว่ายูคยอมเวลาที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้มันต่างจากยูคยอมตอนนี้เหมือนคนละคน บางสิ่งที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายใต้หัวใจสีแดงเข้มมันรอวันที่จะออกมาทำลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่มีข้อยกเว้น
พลังในตัวยูคยอมน่ากลัวจนไม่มีใครคาดเดาได้ว่าถ้าวันหนึ่งมันเกิดเหตุการณ์แบบนวันนั้นขึ้นอีกจะหยุดมันได้ยังไง
เหมือนการพบปะกันวันนี้จะเครียดจนวอนพิลต้องบอกให้ทุกคนเลิกคิดมากและทุกคนก็เห็นด้วย มีแต่ยูคยอมที่ยังนั่งนิ่งภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยมองเพื่อนๆและพี่ที่กำลังคุยกันต่อ วอนพิลเป็นมิททีที่ไม่ได้อยู่ในโลกของแวมไพร์ใช้ชีวิตปกติไม่ต่างจากมินโฮ ส่วนแจฮยอง กับ ไบรอันเป็นนักล่าแวมไพร์อีกคนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆของแจ็คสัน มีไม่กี่คนที่รู้ว่ายูคยอมคบกับสี่คนนี้แบบสนิทจนรู้ไส้รู้พุงเพราะมิทรีไม่ค่อยจะคบพวกที่นอกเหนือจากเผ่าพันธุ์ตัวเองสักเท่าไหร่
ยูคยอมที่นั่งนิ่งๆมาหลายชั่วโมงก็ลุกขึ้นล่ำลาทุกคนเพราะตอนนี้ข้างนอกจวนเจียนจะสว่างเขาไม่ค่อยอยากเป็นที่จับตามองสักเท่าไหร่เลยไม่ค่อยเข้ามาในเมืองตอนเช้าๆหรือกลางวันที่มีแสง ยูคยอมไม่ชอบให้ใครจ้องตาและไม่ชอบเวลาที่ต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนเบียดเสียด ชีวิตของคนวุ่นวายเกินกว่ายูคยอมจะเข้าใจ
รถหรูยังจอดนิ่งสนิทที่ลานจอดรถไม่มีทีท่าว่าจะขับออกไปแม้จะนั่งนิ่งในรถมาร่วมชั่วโมง คำพูดของมินโฮยังดังก้องในหัวซ้ำไปซ้ำมาจนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองแรกๆ
“แล้วทำไมมึงต้องห่วงเด็กนั่นด้วยวะ แหนะๆ อย่าบอกนะว่ามึง...” มินโฮทำสายตาล้อเลียน
“ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดหรอก ก็แค่สงสาร” ยูคยอมตอบออกไปทันทีเพราะเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก็แค่สงสารคนที่ต้องมาเจ็บตัวในเรื่องที่ไม่ควรและเขาก็เกลียดคนอ่อนแอเข้าไส้มันเลยเป็นเหตุผลหลักๆที่หงุดหงิดทุกทีเวลาเห็นดวงตากลมโตนั่นแสดงความอ่อนแอออกมา
“ไม่ใช่เพราะว่าเด็กคนนั้นจะทำให้มึงใจอ่อนหรอกหรอ” น้ำเสียงเข้มยังหยอกเย้าไม่เลิก
“เพ้อเจ้อวะ” พูดแค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นเข้าลิฟต์ไม่ทันฟังเสียงหัวเราะตามหลังมาเหมือนตั้งใจจะกวนให้สติแตก
เลือดถุงที่สองถูกกลืนลงคอจนเกือบจะหมด แบมแบมพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเพราะตอนนี้มันเที่ยงกว่าๆแต่ยังไม่มีวี่แววของคนที่พาตนเองมาปล่อยไว้ที่บ้านแล้วแบมแบมก็ไม่กล้าถามกับมาร์คหรือจินยองด้วยว่ายูคยอมหายไป เพราะดูแล้วอีกคนคงไม่กลับมาตั้งแต่ออกไปเดาๆได้จากที่ตื่นมาแล้วไม่เจอใครเลยจะเห็นก็แต่มาร์คที่กลับเข้ามาด้วยใบหน้าง่วงๆในตอนเช้า
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าดังที่สุดในบ้านหลังโตที่เงียบสงบ บรรยากาศตอนกลางวันทำให้หายใจโล่งกว่าตอนกลางคืนแต่เพราะมันอยู่ลึกสุดในมิททีทำให้ดูเงียบเหงาต่างจากแถวๆร้านของนิชคุณที่มีพวกมิททีพลุกพล่าน
“หายดีแล้วรึไง” แบมแบมหันขวับไปทางประตู คนที่เขานึกถึงตั้งแต่ตื่นกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟ้าหรู ชุดเดิมที่ยังมีกลิ่นน้ำหอมติดอยู่ไม่จางหายแต่ดูเหมือนผมที่เซ็ตจะยุ่งเหยิงกว่าตอนไปสักหน่อย
แบมแบมพยักหน้าขึ้นลง “ผมหายดีแล้ว กินเลือดไปสองถุงเลยหมดด้วยนะ” ว่าแล้วก็โชว์ถุงเลือดสองถุงให้ยูคยอมดูด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพื่อให้ร่างสูงรู้ว่าหายดีแล้วจริงๆ
ยูคยอมลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ๆก่อนจะเอื้อมมือไปจับแขน “อะ...โอ้ยคุณ...เบาหน่อย”
“หึ…แล้วบอกว่าหายดี ปากเก่ง” พูดจบก็ช้อนตัวอีกคนขึ้นอุ้มแล้วสาวเท้าเข้าไปในห้องนอนโยนร่างเล็กลงบนเตียงโดยไม่ห่วงว่าอีกคนจะเจ็บรึเปล่าแต่ที่แน่ๆปากอิ่มร้องโอดโอยเพราะแขนกระแทกเข้ากับที่นอนอย่างจัง
“นอนซะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะทิ้งตัวลงที่ว่างข้างๆ
“ตะ...แต่ผม”
“หรือจะทำอย่างอื่น…” ดวงตาคมจ้องมองจนแบมแบมต้องหลุบตาต่ำทิ้งตัวลงนอนข้างๆแล้วหันหลังให้โดยที่สองข้างแก้มเห่อร้อน
หมับ!
“นอนหันหลังให้แสดงว่าอยากเป็นหมอนข้าง” เสียงทุ้มพูดอยู่ข้างหูแรงกอดรัดทำให้คนโดนกอดเกร็งตัวจนลมหายใจติดขัด
“งั้นเป็นหมอนข้างจนกว่าฉันจะตื่นแล้วกัน”
Tbc
talk:
อัพครบ 100 แล้วนะคะ คริคริ 5555555
ยูคยอมชอบกอดหมอนข้าง...
ยินดีต้อนรับหนุ่มๆคนใหม่ในเรื่องอาจจะหลายคนไปหน่อย
มีคนบอกว่าฟิคดูยืดๆและขี้เกียจอ่านช่วงประวัติ 555555555 นั่นจุดขายเลย
ฟิคไม่ได้ขายแนวเลิ้บๆอ่ะ ขายแนวแฟนตาซีไง ;w; เข้าใจหม้ายยย
สกรีมก็ได้ #ฟิคยบ99
อย่าเพิ่งเบื่อพระเอกของเรานะคะ
ขอบคุณที่เม้นท์ให้
หมายเหตุ : ฟิคมทช MY TEACHER'S เปิดจองรอบรีปริ้นแล้วนะคะ
หน้าปกใหม่ด้วยใครสนใจดูได้ในฟิคเรื่อง มทชเลยนะคะ >3
’ cactus
ความคิดเห็น