ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | 99% PERCENT | #YUGBAM #JARK #BNIOR (END)

    ลำดับตอนที่ #5 : PERCENT: 04%

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 58






    PERCENT 04%



     

     

    มาร์คเดินไปตามทางเดินของโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เพราะดันโผล่ไปเห็นแฟนตัวเองอี๋อ๋อกับชาวบ้านแถมยังทำหน้าระรื่นไม่รู้สึกอะไรอีก มาร์ครู้ตัวดีว่าตั้งแต่เริ่มรักกับมนุษย์เขาก็กลายเป็นคนไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ในบางครั้งแต่นั่นมันก็ไม่ใช่เพราะว่าอีกคนหรอที่ตามใจเขาจนกลายเป็นแบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกมาร์คเลยอารมณ์เสียอยู่แบบนี้

     

    “เฮ้! มาร์คอย่ารีบเดินสิ มาร์ค มาร์ค”

     

    แจ็คสันแร่งฝีเท้าก่อนจะยื่นมือไปดึงรั้งแขนผอมให้หยุดเดิน

     

    “มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะมาร์ค” แจ็คสันพยายามอธิบาย

     

    “แล้วมันยังไงหรอ กี่ครั้งแล้วที่นายไปหน้าระรื่นอยู่กับฮอยองจี ถ้าชอบมนุษย์นักก็อย่ามายุ่ง”

     

    คนฟังหัวเราะร่ายิ้มระรื่นจนแวมไพร์หนุ่มจ้องหน้าด้วยสายตาเคืองๆ แจ็คสันขยี้กลุ้มผมนุ่มสีน้ำตาลเข้มเบาๆด้วยความเอ็นดู มาร์คตอนหึงเหมือนลูกแมวทั้งขู่ฟ่อๆทั้งไล่ทั้งดื้อ ทั้งที่ใจจริงทำไมแจ็คสันจะไม่รู้ว่าอีกคนอยากให้เขาง้อขนาดไหน มาร์คจะเป็นคนแบบนี้คบกันมาจนรู้ดีกว่าคนตรงหน้าไม่ชอบให้เขาเห็นใครสำคัญที่สุดนอกจากตัวเอง

     

    แจ็คสันดึงรั้งร่างมาร์คเข้ามากอดก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่อย่างเอาใจ มาร์คขัดขืนในตอนแรกแต่สุดท้ายก็ยอมให้แจ็คสันกอดพร้อมรอยยิ้มกว้าง เพราะตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนได้สักพักแล้วโรงเรียนถึงได้เงียบสนิทนี่เป็นเหตุผลที่มาร์คยอมให้แจ็คสันทำอะไรโจ่งแจ้งแบบนี้

     

    “แล้วนายไปหายองจีทำไม”

     

    แจ็คสันปล่อยมาร์คให้เป็นอิสระก่อนจะเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ

     

    “พ่อเธอฝากของมาให้พ่อฉันน่ะนายก็รู้หนิว่าต่อให้ไม่ไปล่าแวมไพร์แต่นักล่าก็ยังประชุมกันตลอด”

     

    ใช่...ครอบครัวของยองจีก็เป็นนักล่าส่วนยองจีเองก็เป็นนักล่าเหมือนกันแต่ติดที่ว่าเธอยังอ่อนประสบการณ์มากถ้าเทียบกับแจ็คสัน เพราะสองครอบครัวก็สนิทกันในฐานะที่ต้นตระกูลมาจากอาชีพเดียวกันและมันก็เป็นเหตุผลหลักเลยที่มาร์คไม่พอใจสุดๆเพราะกลัวว่าพ่อแม่แจ็คสันจะจับคู่ให้แจ็คสันกับยองจียังไงมาจากอะไรที่เหมือนๆกันก็ย่อมดีกว่าแวมไพร์ลูกครึ่งอย่างเขาอยู่แล้ว

     

    แจ็คสันเห็นคนข้างๆเงียบนานเกินไปก็หันหน้าไปมองมาร์คเดินนิ่งเหมือนว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ดูได้จากคิ้วที่ขมวดจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์และให้เดาคงไม่พ้นเรื่องผู้หญิงที่ยองจี ลึกๆแจ็คสันก็ยอมรับว่ายองจีก็น่ารักดีดูเป็นผู้หญิงที่ดูน่าสนใจแต่ใครจะสนกันในเมื่อเขามีแวมไพร์ขี้โมโหอยู่แล้วทั้งคน สาบานเลยว่าต่อให้เอาคนน่ารักทั้งโลกมาปั่นรวมกันแจ็คสันก็ยังพูดได้เต็มปากว่ามาร์คของเขาน่ะน่ารักที่สุดแม้จะโหดไปหน่อยก็เถอะ

     

    “ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า สิ่งเดียวที่จะแยกเราได้ก็คือความตายเท่านั้นแหละมาร์ค” แจ็คสันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

    มาร์คถอนหายใจออกมาแล้วยิ้มให้คนรักเขาเชื่อใจแจ็คสันเพราะตอนนี้สัมผัสได้ก็ความรักที่แจ็คสันมีให้เขานี่แหละแต่ที่อดวิตกไม่ได้ก็สถานะของตัวเองกับสถานะของแจ็คสันมันต่างกันเกินไป เขาเคยเห็นยูคยอมเป็นตัวอย่างขนาดว่าเขาไม่ใช่เจ้าของความรักนั้นยังเจ็บปวดแทนน้องชาย

     

    “แต่ว่านะต่อให้ฉันตายฉันก็จะยังรักนายอยู่ดี” แจ็คสันบอกทั้งรอยยิ้ม

     

    “น้ำเน่าชะมัด” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่แวมไพร์หนุ่มกลับยิ้มจนตาหยี

     

    เสียงกุกกักที่ทางเข้าสุสานทำให้มาร์คหยุดเดินก่อนจะกวาดตามองรอบๆจมูกโด่งพยายามหากลิ่นของเมิร์คแต่ก็ไม่ใช่ มาร์คไม่ได้กลิ่นเมิร์คแถวนี้ก่อนจะตวัดตามองไปข้างหลังแล้วใช้สองมือผลักแจ็คสันเต็มแรงจนอีกคนกระเด็นไป

     

    ปั่ก!

     

    มีดเฉียดเข้าที่ต้นแขนของมาร์คจนเลือดไหลแต่มาร์คไม่สนใจรีบวิ่งไปตรงที่เข้าเห็นว่ามีดพุ่งตรงออกมาก่อนจะกวาดตามองรอบอีกครั้งแล้วเงยหน้าดูบนต้นไม้พบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีกลิ่นเมิร์ค แต่มาร์คกลับพบบางอย่างที่ตกอยู่ที่ปลายเท้า เขาก้มเก็บมันเอาขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มมุมปาก

     

    “มาร์คเป็นอะไรมากไหม!

     

    แจ็คสันปรี่เข้ามาดูเขาไม่ได้สนใจอะไรเลยยกเว้นต้นแขนที่เห็นว่าเลือดไหลซึมออกมาจนเสื้อนักเรียนสีขาวเปรอะไปด้วยเลือดสีแดง มือหนาจับท่อนแขนเบาสำรวจแผลที่ไม่ลึกมากนักแต่มีดคงคมเพราะแจ็คสันเห็นเนื้อเหวอะหวะของมาร์คชัดเจน

     

    “ไม่เจ็บหรอกน่านายก็รู้หนิว่าเดี๋ยวมันก็หาย”

     

    “ทำไมต้องปกป้องกันด้วยเล่า ฉันเป็นผู้ชายนะมาร์คฉันก็ต้องปกป้องนายสิ” แจ็คสันพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

     

    “ตลกมากป่ะ ฉันก็ผู้ชายนะอย่าลืมสิแถมถ้าเมื่อกี้นายโดนมีดเชื่อฉันว่าไม่ได้มายืนเถียงหรอกคงตายไปแล้ว”

     

    มาร์คมองดูแผลที่แขนเลือดค่อยๆหยุดไหลแต่ยังมีแผลอยู่ถึงมันจะเจ็บแต่ก็ไกลหัวใจสำหรับมาร์คมากเพราะคราวที่โดนยองแจเตะยอมรับเลยว่ามันเจ็บกว่านี้เยอะ มาร์คเลิกสนใจมันก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงคลำสิ่งที่ตกอยู่และเขาเก็บมามันคุ้นตาจนคิดว่าเขารู้จักเจ้าของยางรัดผมปีกผีเสื้อที่ตกอยู่อันนี้ดีทีเดียว และเชื่อว่าอีกคนคงไม่เจตนาจะทำแจ็คสันหรอกแต่ตั้งใจจะปามีดใส่เขามากกว่า

     

    รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าหวานรอยยิ้มที่แจ็คสันไม่เห็นและไม่มีวันจะได้เห็น มาร์คเลือกที่จะไม่บอกแจ็คสันว่าเขาเจออะไรบางอย่างและรู้ด้วยว่ามันเป็นของใครเพราะมาร์คอยากจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ไม่แน่แจบอมอาจจะเก่งกว่าที่คาดการณ์ไว้คงจะเป็นนักโน้มน้าวมืออาชีพล่ะมั้งถึงได้เก่งเรื่องหาพรรค์หาพวกซะเหลือเกิน เก่งขนาดที่ว่าทำให้นักล่าเป็นพวกตัวเองได้เหตุผลที่ยอมทำคงเพราะอยากจะแยกแจ็คสันไปจากเขา มาร์คมองไปที่มีดเปื้อนเลือดที่อยู่บนพื้นเขาจำได้ดีว่ามันมาจากไหนในเมื่ออีกคนจงใจประกาศศึกขนาดนี้มีหรอที่คนอย่างมาร์คจะยอม

     

    ได้เห็นดีกันแน่ ฮอยองจี”

     

     

     
     

     

     

    แบมแบมมองจีมินที่วุ่นวายกับขนมในห้องเขาสาวเจ้าหยิบออกมากินจนเกือบหมดแถมตบท้ายด้วยเรอเสียงดังออกมาอีก จีมินหันมามองเจ้าของห้องที่นั่งมองตัวเองด้วยสายตาหวาดๆ เธอหัวเราะก่อนจะหยิกแก้มของเพื่อนตัวเล็กด้วยความเอ็นดูจีมินนึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าต้องกัดแบมแบมจะกัดลงได้ยังไงในเมื่ออีกคนน่ารักขนาดนี้

     

    “ไปกันได้ยังจีมิน”

     

    จีมินยิ้มกว้าง “โถ่หายตัวไปแวบเดียวก็ถึงทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วยล่ะ แต่ว่าไปเลยก็ได้นายจับฉันไว้นะจะได้ไปกันเลย”

     

    ไม่กี่วินาทีด้วยซ้ำแบมแบมกับจีมินก็มาโผล่ที่ห้องสมุด แบมแบมกวาดสายตามองไปทั่วห้องสมุดอย่างไม่เข้าใจว่าจีมินพาเขามาทำอะไรที่นี่แล้วนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้น

     

    หรือจีมินจะพาเขามาฆ่า

     

    แบมแบมผงะถอยออกมาจากจีมินทันทีแล้วมองอีกคนด้วยสายตาหวั่นวิตกจนจีมินมองกลับมาด้วยความแปลกใจ

     

    “เป็นอะไรของนายแบมแบม ทำหน้ายังกับว่าฉันพามาฆ่าไปได้” จีมินพูดติดตลก

     

    “ละ...แล้วเธอพามาทำไมอะไรที่นี่ นี่มันห้องสมุดไม่ใช่หรอ” แบมแบมพูดติดๆขัดๆ

     

    จีมินส่ายหัวเธอคิดว่าแบมแบมคงกลัวขึ้นสมองไปแล้วก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆแล้วเดินไปที่ชั้นหนังสือที่เขียนหมายเลขไว้18400115 มันเป็นหมวดหมู่วรรณกรรม แบมแบมคุ้นเคยชั้นหนังสือในหมวดนี้ดีเขาเห็นว่ามันเป็นจุดสนใจมากที่สุดในบรรดาหมวดหมู่หนังสือทั้งหมดจนอดคิดไม่ได้ว่านักเรียนที่นี่ชอบศึกษาพวกวรรณกรรมหรืออ่านมากขนาดนั้นเลยหรอ

     

    แต่ความข้องใจทั้งหมดถูกเฉลยเมื่อจีมินดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมาแบมแบมคุ้นกับหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่สิหนังสือแบบนี้มันมีเล่มนึงทีเขายืมไปวันก่อนมันเป็นหนังสือที่ถ้าจำไม่ผิดจินยองบอกเขาว่าตนเองเป็นคนเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา

     

    จีมินเปิดหน้าหนังสือแล้วจ้องมองตัวอักษรก่อนจะส่งมันให้แบมแบมอีกทีแล้วสั่งให้แบมแบมจ้องตัวหนังสือในหน้าเดียวกันก่อนจะเก็บมันเข้าที่เดิม

     

    กึก!

     

    เสียงชั้นหนังสือเคลื่อนออกทันทีที่หนังสือถูกเก็บเข้าที่เดิม แบมแบมตาโตด้วยความประหลาดใจมันดูมหัศจรรย์เกินไปเหมือนในหนังไม่มีผิดเพี้ยน

     

    “ถ้านายมาเองนายต้องหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาเปิดหน้าที่7 มองตัวอักษรนั้นมันเป็นการแสกนม่านตาแล้วมันจะก็จะส่งข้อมูลว่านายเป็นพวกมิททีประตูก็จะเปิดออก” จีมินอธิบาย

     

    “ทำไมมันดูทันสมัยจัง พวกแวมไพร์มาจากยุคเก่าแก่ไม่ใช่หรอ”

     

    “ก็มันพัฒนามาเรื่อยๆไง มิทรีบางคนก็ทำงานอยู่ในองค์กรใหญ่ๆที่เกี่ยวกับไอที นี่มันยุคไหนแล้วจะให้แวมไพร์เป็นเต่าล้านปีรึไงกัน”

     

    แบมแบมพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินตามจีมินไปเรื่อยๆ ข้างในมันเหมือนข้างนอกมีโรงเรียน มีสนามหญ้า มีลานกว้างๆ แต่รูปแบบอาคารมันดูจะคลาสสิกกว่าข้างนอกนิดหน่อย แบมแบมมองเหล่ามิททีที่เดินสวนกับเขาบางคนหน้าตาคุ้นเคยและเพื่อนในห้องก็มีมิททีปนอยู่ด้วยจริงๆ

     

    เพราะแบมแบมเพิ่งมาใหม่เลยดูจะเป็นจุดสนใจของมิททีหลายๆตนจนแบมแบมต้องเดินก้มหน้าตามจีมินไปเงียบๆ เขาได้ยินบางคนส่งเสียงเรียกเขา ขาเรียวรีบเดินจนเกินไปเลยสะดุดอิฐทางเดินจนร่างโอนเอนจะล้มลงพื้นถ้าไม่ติดว่ามีใครมารับไว้ซะก่อน แบมแบมคงได้โดนล้อไปตลอดแน่ๆ

     

    “ซุ่มซ่าม”

     

    เสียงคุ้นหูทำให้คนที่หลับตาปี๋ต้องค่อยๆเปิดตาดูและมันทำให้แบมแบมตกใจเข้าไปใหญ่ ใบหน้าขาวเห่อร้อนพลันคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนเที่ยงที่ยูคยอม...เอ่อ...ทำแบบนั้นกับเขา ร่างเล็กรีบผละออกมาพูดคำขอบคุณแสนเบาที่ยูคยอมดันได้ยินแม้จะเบามากก็เถอะ

     

    “นึกว่านายจะหนีไปเที่ยวซะอีกแต่ก็ดีเลยฉันฝากแบมแบมกับนายแล้วกันฉันต้องไปฝึกแล้ว”

     

    แบมแบมรีบจับข้อมือจีมินไว้ “เดี๋ยวสิ! ไหนบอกว่าจะพาฉันไปฝึกไงจีมิน”

     

    “ก็พี่มาร์คบอกว่าถ้ายูคยอมไม่มาให้ฉันพาไปแต่ฉันลืมบอกว่าถ้ายูคยอมมาเขาจะต้องดูแลนาย เอาน่าแบมแบมถึงหมอนี่จะดูขี้เก๊กแต่ทักษะดีกว่าฉันเยอะนายจะได้เก่งเร็วๆไง”

     

    “แต่...”

     

    ยูคยอมถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด

     

    “ถ้าไม่อยากฝึกก็กลับไป อย่าทำตัวน่ารำคาญ”

     

    จีมินส่ายหัวแรงๆเธอแทบอยากจะปรี่ไปบีบคอยูคยอม

     

    “ไม่เอาน่ายูคยอม นายก็พูดดีๆกับแบมหน่อยดิ่”

     

    สุดท้ายแบมแบมก็ไม่มีสิทธิ์เลือกต้องเดินไปตามแรงจูงของอีกคนจนได้ ยูคยอมดูหงุดหงิดและมันเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเห็นท่าทางโง่ๆของคนตัวเล็กกว่า เขาไม่ชอบที่อีกคนไร้เดียงสา ไม่ชอบที่อีกคนดูบริสุทธิ์ ไม่ชอบแววตาที่กลมโตเหมือนลูกแก้วนั่น ไม่ชอบริมฝีปากที่ขบกัดกันเวลาที่เขาจ้องอีกฝ่าย ไม่ชอบทุกอย่างที่แบมแบมแสดงออกเลยสักนิดเพราะมันทำให้ยูคยอมนึกถึงเธอ...

     

                แบมแบมอึดอัดกับสัมผัสที่ข้อมือของตัวเอง เขาอยากจะเอ่ยปากให้ยูคยอมเลิกลากเขาสักทีแต่ก็กลัวว่าอีกคนจะหันมาด่าเขาอีกไม่ก็อาจจะฆ่าเขาก็ได้เลยทำได้แค่พียงยอมให้อีกคนลากไปเรื่อยๆตามทางเดินจนหยุดในโรงยิมกว้างที่มีเบาะนิ่มไว้ใช้ฝึกกว้างเกือบครึ่งของโรงยิม

     

    “ถอดรองเท้าแล้วตามฉันมา”

     

    แบมแบมรีบถอดรองเท้าแล้วตามอีกคนไปตรงกลางยิมเบาะรองนุ่มๆที่แบมแบมเองก็ไม่รู้ว่ามันมีไว้ทำไม ยูคยอมสั่งให้อีกคนยืดเส้นยืดสายตามตนเอง

     

    “มาจัดการฉันสิ ถ้าทำให้ฉันล้มได้นายจะผ่านการฝึกขั้นตอนแรก” ยูคยอมพูดพร้อมขยับนิ้วให้อีกคนเข้ามา

     

    แบมแบมเม้มปากกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอแล้วมองเป้าหมายที่ยืนหน้านิ่งรอให้เขาเข้าไปจัดการ ขาเรียวตั้งหลักก่อนจะพุ่งเข้าใส่ยูคยอมหวังจะให้อีกคนล้มแต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อยูคยอมจับคนที่วิ่งมายกขึ้นตัวลอยเหวี่ยงไปข้างหลัง

     

    ปึก!

     

    “โอ้ย

     

    “แค่นี้ไม่ตายหรอกลุกขึ้นมา ทีนี้ตานายแล้ว”

     

    แบมแบมจุกนิดหน่อยและรู้สึกเหมือนหลังจะหักแต่ก็ต้องลุกขึ้นตามคำสั่งของยูคยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

     

    “คราวนี้ฉันจะเป็นคนวิ่งนายจับฉันยกแบบเมื่อกี้แล้วเหวี่ยงไปแรงๆ”

     

    ยูคยอมเดินออกห่างจากตัวแบมแบมจ้องร่างเล็กที่ดูจะกลัวสังเกตได้จากมือสั่นๆของอีกคน ยูคยอมยกยิ้มก่อนจะวิ่งเข้าใส่แบมแบมด้วยความเร็วเหมือนลมเพียงแค่แวบเดียวยูคยอมก็ถึงตัวแบมแบม ร่างเล็กพยายามจะจับตัวร่างสูงเหวี่ยงขึ้นแต่ก็ทำไม่ได้อาจเพราะเข้าใกล้ยูคยอมทีไรแบมแบมไม่เคยบังคับร่างกายตัวเองได้เลยและสุดท้ายก็กลายเป็นตัวเขาที่ถูกเหวี่ยงอีกครั้งและคราวนี้มันไกลกว่าเดิม

     

    อุ่ก!

     

    “ลุกขึ้นมา”

     

    ยูคยอมพูดเสียงแข็งและในน้ำเสียงเหมือนเจือปนไปด้วยความสะใจถ้าแบมแบมคาดการณ์ไม่ผิด เขากำลังโดนยูคยอมแกล้งอยู่รึเปล่า

     

    “ถ้านายช้าเป็นเต่าแบบนี้แรงก็น้อยนายจะโดนพวกเมิร์คฆ่าเอาได้นะ”

     

    “....”

     

    “ต่อไปฉันจะวิ่งใส่นายให้นายวิ่งหลบเอาให้เร็วที่สุดถ้าไม่ทันฉันประชิดตัวเหวี่ยงฉันซะ”

     

    พูดจบยูคยอมก็วิ่งเข้าใส่คนที่เพิ่งลุกขึ้นแบมแบมตกใจรีบวิ่งหลบและมันเร็วกว่าครั้งที่เคยทำมา ยูคยอมพยักหน้าเมื่ออีกคนเริ่มขยับตัวได้เร็วกว่าเดิมมากแต่เป้าหมายคือล้มตนเองให้ได้ อย่างน้อยถ้าล้มเขาได้ก็น่าจะชนะเยรินหรือไม่ก็ซูจีเพราะถึงสองคนนี้จะเป็นผู้หญิงแต่ความสามารถด้านการต่อสู้ก็เก่งไม่ใช่เล่นส่วนแจบอมยังเป็นอะไรที่แกร่งเกินไปเกินกว่าเด็กตรงหน้าเขาตอนนี้จะจัดการได้

     

    “นายต้องหลบให้เร็วกว่านี้เท่าที่จะทำได้เพราะพรุ่งนี้นายจะออกไปข้างนอกนั่น มีมิททีหลายตนที่เร็วกว่านายและถ้าต้องต่อสู้กันนายก็จะแพ้”

     

    เป็นอีกครั้งที่แบมแบมเริ่มเกลียดไอ้คำว่าต่อสู้หรือมิททีบ้าบออะไรนั่นทำไมชีวิตมันตรงเปลี่ยนจนบางทีก็ไม่เข้าใจว่าตายหรืออยู่กันแน่ที่ลำบากกว่ากัน เขาไม่อยากต่อสู้ไม่อยากจะต้องมาระวังตัวตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่เมิร์คจะมาฆ่าไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามมันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆให้ตาย

     

    “ผมไม่อยากฝึกไม่อยากเป็นมิททีไม่อยากจะกินเลือด!” แบมแบมตะโกนออกไปด้วยความเหลืออด

     

    “นายไม่มีทางเลือกแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือการเข้าใจและอยู่กับมัน”

     

    ยูคยอมวิ่งเข้าใส่อีกคนแต่ครั้งนี้แบมแบมไม่หลบแถมยังวิ่งเข้าใส่ยูคยอมเหมือนกัน ร่างสองร่างปะทะกันแบมแบมเบี่ยงตัวหลบก่อนยูคยอมจะจับไหล่เขาเหวี่ยงเหมือนครั้งผ่านๆมาแล้วจัดการใช้แรงทั้งหมดที่มียกตัวยูคยอมขึ้นก่อนจะเหวี่ยงออกไปไกลจนกระเด็นออกไป

     

    “แฮ่ก แฮ่ก”

     

    แบมแบมยืนหายใจหอบมองยูคยอมที่ค่อยๆลุกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มมุมปาก อีกคนดูไม่มีท่าทางว่าจะเจ็บสักนิดทั้งที่ตัวเขาตอนนี้แทบจะช้ำไปทั้งตัว

     

    “นายผ่านแล้วพรุ่งนี้เตรียมเจอการฝึกของจริง”

     

    คำขู่นั่นทำให้คนฟังย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความกังวล

     

     

    “จำไว้ว่าอย่ายอมแพ้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม จงบอกตัวเองว่านายชนะแล้วนายจะชนะ”



    50% 
     

     
     

    แจบอมจ้องมองลงมาจากบนดาดฟ้าของตึกเรียนเป็นอีกที่หนึ่งที่ชอบมากที่สุดในโรงเรียนรวมถึงห้องพยาบาล ตาคมมองกลุ่มคนที่เขาคุ้นหน้าดีโดยเฉพาะคนที่กำลังหัวเราะเสียงดังใบหน้าหวานหยีตามรอยยิ้มกว้างนั่นจนร่างสูงยิ้มตามก่อนจะหุบยิ้มทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าใครอีกคนอาจจะรู้ว่าเขากำลังมองอยู่จากตรงนี้และกำลังคิดถึงเรื่องของคนๆนั้นอยู่ แจบอมทิ้งตัวลงบนขอบที่กั้นกำแพงจ้องมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าและนั่นก็ทำให้เขาหวนนึกถึง “ปาร์คจินยอง” อีกจนได้

     

    เหมือนความคิดของจินยองที่รับรู้ถึงตัวแจบอมจะเร็วไม่เปลี่ยนร่างบางเงยหน้าขึ้นไปมอง จินยองมองมันชั่วครู่แล้วร่างบางก็หันกลับไปสนใจเพื่อนในกลุ่มเหมือนเดิม แจบอมแสยะยิ้มส่ายหัวเบาๆให้กับความคิดแวบนึงของตัวเอง ความคิดที่เคยมีจินยองบรรจุอยู่ในนั้นเต็มไปหมดแต่มันก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆที่เขาสร้างขึ้นและทำลายมันลงกับมือ

     

    “ถ้าคิดถึงทำไมไม่กลับไปละวะไอ้น้องชาย”

     

    แจบอมหันขวับไปตามเสียง

     

    “กว่าจะโผล่หัวมาได้นะครับคุณพี่ชาย”

     

    แทคยอนยักไหล่ก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนขอบกำแพงมองออกไปสุดปลายฟ้าแล้วหันหน้ากลับมาจ้องน้องชายคนสนิทอีกครั้ง

     

    “ตอนนี้ถ้ามึงอยากหยุดมึงก็หยุดได้นะเจบี ทำไมวะมึงจะจริงจังอะไรนักหนามันนานมากแล้วนะเว้ยที่สองเผ่าพันธุ์ทะเลาะกันอยู่แบบนี้” แทคยอนบอกด้วยความเหนื่อยหน่ายใจเพราะเขาเองเห็นสงครามมาตั้งแต่แรกๆ มันนานเกินไปนานจนคิดว่าควรจะจบๆไปซะที ไม่เคยมีสงครามไหนที่มันดีเลยสักทีไม่จะของมนุษย์หรือของแวมไพร์สุดท้ายก็ต้องเสียเลือดเนื้อไม่ต่างกัน

     

    “พี่ไม่เข้าใจหรอกผมถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว มันสายไปแล้วไม่เมิร์คก็มิททีต้องมีใครสักกลุ่มต้องหายไป” แจบอมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ

     

    “แล้วสุดท้ายมันเหลืออะไรล่ะ เหลือผู้ชนะบนกองซากปรักหักพังของสิ่งมีชีวิตเดียวกัน เจบีมึงต้องเข้าใจด้วยว่าเราอาจจะอยู่เป็นอมตะก็จริงแต่มึงรู้ไหมว่ามนุษย์น่าอิจฉาตรงไหน ตรงที่เขารู้ว่าสักวันหนึ่งพวกเขาต้องตายไง นั่นแหละที่กูอยากให้มึงเก็บไปคิด แม่มึงตายไปแล้วอย่ายึดติดอย่าแก้แค้นอย่าสานต่อเลยเพราะสุดท้ายคนที่เจ็บที่สุดก็จะเป็นมึงนะเจบี”

     

    แจบอมยกยิ้มมันเป็นรอยยิ้มที่โศกเศร้าจนแทคยอนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปตบไหล่เป็นการปลอบน้องชาย แทคยอนไม่ใช่คนที่จะมาอธิบายอะไรยาวๆแบบนี้ เขาเองก็ไม่ใช่คนดีแต่เขามองไม่เห็นข้อดีของการต่อสู้กันเองหรือการดึงดันของอิมแจบอมเลยด้วยซ้ำ แทคยอนไม่เคยเข้าใจว่าแจบอมจะเก็บเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บปวดไปทำไม ในเมื่อทุกอย่างมันผ่านมานานแล้วนานกว่านิทานเรื่องไหนๆบนโลกซะอีก

     

    “แล้วช่วงนี้พี่เป็นไงบ้างวะ หายไปหลายอาทิตย์เลย” เห็นเงียบอยู่นานแจบอมเลยเปิดประเด็นหาเรื่องคุยอีกครั้ง

     

    แทคยอนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ก็ดีวะเพราะกูปล่อยวางไงกูไม่สนหรอกว่าในตัวกูจะมีเลือดมิททีหรือเมิร์คแต่ที่สนคือนิชคุณไม่รังเกียจกู กูมีความสุขเพราะงี้ไงกูเลยอยากให้มึงน่ะเลิกคิดจะแต่เรื่องแก้แค้นสักที” สุดท้ายอ๊คแทคยอนก็วนกลับมาเรื่องเดิมอีกจนได้

     

    รอยยิ้มของพี่ชายทำให้แจบอมคิดถึงวันเก่าความสัมพันธ์ของเขากับจินยองเริ่มต้นขึ้นพร้อมๆกับความสัมพันธ์ของแทคยอนและนิชคุณ ทุกอย่างไม่เคยจางหายไปจากใจของแจบอมเพียงแต่แวมไพร์หนุ่มไม่สามารถที่จะลืมเรื่องความแค้นและสานต่อเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่อได้เหมือนกัน

     

    การฆ่าครอบครัวของจินยองเป็นสิ่งผิดพลาดที่แจบอมไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น เขาไม่ได้อยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ไม่ได้อยากจะทำลายคนที่ตัวเองเคยพูดกับปากว่ารัก ไม่เคยอยากทำให้จินยองเจ็บขนาดนั้น สาบานได้เลยจริงๆว่าเขาเองก็รู้สึกแย่ ยิ่งหวนนึกถึงใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนน้ำตาร้องไห้กอดมารดาราวกับว่าใจจะขาดภาพมันแจ่มชัดจนทำให้เขาต้องปกปิดความรู้สึกบางอย่างด้วยความแข็งกระด้าง หยาบคาย แม้กระทั่งพูดทำร้ายจิตใจ ถ้ามันทำให้เขาลืมได้เขาก็อยากจะทำ

     

    อยากจะลืมทุกๆอย่างที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขากับปาร์คจินยองให้หมด

     

     

    แจบอมมองร่างบางที่วิ่งเล่นไล่จับกับลูกชายคนโตของมิทรีในสุสาน เขาจ้องมองอีกคนพร้อมรอยยิ้มกว้างแอบได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังก้องไปทั่วสุสานเมื่อร่างบางรู้ว่าตนเองจับเพื่อนได้แล้ว ไม่รู้ว่าแจบอมนั่งมองมันนานแค่ไหนแต่ก็มากพอที่จะเห็นว่าคนตัวบางนั่นนั่งเหนื่อยหอบอยู่ที่โคนต้นไม้คนเดียวเสียแล้ว ไวกว่าความคิดแจบอมกระโดดลงไปก่อนจะโผล่หน้าไปหาจนเกือบจะโดนเหล็กแหลมเงินปักอกเป็นของแถม คนตัวบางบ่นเขาเสียยกใหญ่แต่ก็ยิ้มกว้างให้แบบที่ทำให้แจบอมรู้สึกแปลกๆ

     

    “ฉันชื่อปาร์คจินยอง” จู่ๆคนตัวบางก็แนะนำตัวออกมา ปากกระจับสีแดงสดยกยิ้มอีกครั้งและอีกครั้งจนแจบอมคิดว่าไม่เคยเห็นใครยิ้มสวยเท่านี้มาก่อน

     

    “ฉันอิมแจบอม แต่เรียกเจบีก็ได้” มือเล็กถูกยื่นออกมาแจบอมมองเขาครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็เอื้อมมือไปจับโดยที่อีกคนออกแรงเขย่าน้อยๆ

     

    “นายเป็นเมิร์คหนิ แต่ไม่เป็นไรหรอกตอนนี้เราสองเผ่าคงไม่มีอะไรกันแล้วล่ะมั้ง” น้ำเสียงใสพูดมันออกปนหัวเราะ แจบอมเลยได้แต่พยักหน้า

     

    ไม่รู้เพราะว่าปาร์คจินยองใสซื่อเกินไปหรืออิมแจบอมกันแน่ที่ปลิ้นปล้อน เขาสนิทกับทุกคน มาร์ค ยูคยอม ยองแจ ทุกๆคนที่เป็นเพื่อนของจินยอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด เมื่อความใกล้ชิดทำให้แจบอมรู้สึกแปลกๆเวลาที่เขามองจินยอง ไม่รู้ว่าเพราะอีกคนเป็นคนน่ารักหรือเพราะเขากำลังตกหลุมรักถึงได้มองเห็นแต่ความน่ารักนั่นเต็มไปหมด

     

    ทุกๆอย่างคงจะไปได้ดีถ้าวันหนึ่งพ่อแจบอมไม่เรียกเข้าไปคุย รำลึกถึงเหตุการณ์ในวันที่แม่ต้องตายให้แจบอมฟัง เพียงแค่รู้ว่าแม่ถูกพวกมิทรีฆ่าตายจิตใจแจบอมก็ร้อนรุ่มจนแทบอยากจะทำลายทุกๆอย่างที่เขาเคยเห็นมากับตาให้สิ้นซาก แผนการที่ไม่เคยคิดเอาไว้เลยจึงเกิดขึ้นมา หลอกล่อจินยองด้วยความรัก ทำให้ทุกคนในมิทรีเชื่อใจว่าเมิร์คกับมิทรีอาจจะสงบศึกในอีกไม่ช้า

     

    แจบอมทอดมองกายขาวภายใต้ผ้าห่มผืนหนาบนตัวขาวมีรอยรักที่เขาทำมันเต็มไปหมด จินยองยอมและเชื่อแม้กระทั่งร่างกายก็มอบให้เขาเชยชมเป็นคนแรก แจบอมยอมรับว่าเขาหลงใหลกลิ่นกายหอมๆ ผิวขาวนวลเนียนและเลือดสีแดงสดหวานๆที่จินยองเต็มใจให้เขาลิ้มลองมัน

     

    “ฮื่อ... แจบอมไม่นอนหรอ ฉันเจ็บไปหมดเลย” คนที่นอนหลับอยู่ปรือตาขึ้นมาถามพร้อมใบหน้าที่ขึ้นริ้วแดงๆทั้งสองข้างแก้ม แจบอมหัวเราะก่อนจะเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมสีดำนุ่มช้าๆ

     

    “ฉันไม่ง่วงหรอก อย่าลืมสิฉันเป็นแวมไพร์นะจินยองอ่า นายนอนเถอะนะพรุ่งนี้ถ้าตื่นมานายอาจจะไม่มีแรงถ้าไม่ยอมนอน” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมามันทำให้จินยองพยักหน้ายิ้มๆพร้อมหลับตาลงสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

     

    “ฉันรักนายนะเจบี” เสียงละเมอทำให้แจบอมสับสนแต่สุดท้ายแจบอมก็ปล่อยให้ความแค้นกลืนกินความไว้ใจและความรักของผู้ชายคนหนึ่งไปจนหมดสิ้น

     

    หมู่นี้แจบอมทำตัวแปลกๆแต่จินยองไม่ทันสังเกต ทุกคนในมิททีดูมีความสุขกับการที่เห็นเมิร์คเหมือนจะปรองดองกัน วันนั้นแจบอมเลยหลอกให้จัดงานพบปะกันในโลกของมิททีกับเมิร์คทุกฝ่ายต่างเห็นด้วยโดยไม่รู้เลยว่าทั้งหมดมันคือแผนการที่จะทำลายมิททีให้มอดไหม้และวอดวาย

     

    แต่แจบอมคงลืมไปอย่างหนึ่งในตอนนั้น

    ว่าเขาคงทำ “หัวใจ” ของใครสักคนเป็นผุยผงไม่ต่างกัน

     

     

    งานเลี้ยงฉลองดำเนินไปเรื่อยๆทุกคนดูมีความสุขเหมือนการเริ่มต้นใหม่แต่ไร้วี่แววของมิทรีคิม มาร์คบอกกับแจบอมว่าพ่อของเขาไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เลยไม่สามารถมาร่วมงานได้ นั่นยิ่งเป็นเรื่องที่ดีเข้าไปอีกในความคิดของเขา เพราะวันนี้แจบอมจะฆ่ามิททีจะส่งทุกตนไปลงนรกให้หมด ให้สมกับที่พวกมิททีฆ่าแม่ของเขา

     

    เสียงอีการ้องดังลั่นนั่นทำให้ทุกคนตกใจและหยุดมอง แต่ก็เหมือนจะไม่ทันเมื่อเมิร์คจัดการใช้มีดเงินตัดคอมิททีหลายตนที่อยู่ตรงนั้นก่อนจะจุดไฟเผ่าร่าง ยูคยอมไม่ได้มางานนี้ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่แจบอมกับมาร์คสู้กันโดยมีจินยองที่ยืนไม่เข้าใจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก

     

    แจบอมไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นตัวเองทำอะไรเขาแค่รู้สึกสะใจจนปล่อยให้ความมืดกลืนกินตัวเอง ฆ่าทุกคนที่อยู่ตรงหน้า พวกซอร์ถูกแจบอมกัดกินเลือดด้วยความสะใจก่อนจะใช้มีดจ้วงแทงจนเลือดสีแดงเข้มกระเซ็นไปทั่ว

     

    “แม่! พ่อ! แจบอมได้โปรดอย่า!!!

     

    ฉึก!

     

    ร่างของหญิงและชายร่วงหล่นเหมือนใบไม้ เลือดไหลนองไปทั่วพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ทำให้แจบอมหยุดนิ่ง ดวงตาคมกริบที่เคยเป็นสีม่วงหม่นกลับมาเป็นสีดำเหมือนเดิมและทอดมองร่างบางซบหน้าลงกับชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งไร้วิญญาณ ไม่เหลือแม้กระทั่งลมหายใจแผ่วเบา ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนน้ำตา เสียงหวานกรีดร้องดังก้องราวกับจะขาดใจ กายขาวสะอึกสะอื้นน้ำเสียงสั่นระริก

     

    “พ่อ ฮึก แม่ ฮื่อ ได้โปรดอย่าทิ้งผมไป ได้โปรด...ฮื่อ...ได้โปรด”

     

    คำร้องขอที่แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้

     

    “นายมันสารเลว! อิมแจบอมนายมันชั่วช้า! ฮึก ยิ่งกว่าสัตว์นรก ยิ่งกว่าสิ่งชั่วร้ายทุกสิ่งที่ฉันเคยรู้จัก ฮึก...นายหักหลังฉัน เจบี ฮื่อ...นายทำแบบนี้ได้ยังไง” เสียงนั่นเปล่งออกมาด้วยความเจ็บปวด

     

    “เพราะนายมันโง่ไงปาร์คจินยอง โง่กว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ...”

     

    จินยองพุ่งใส่แจบอมด้วยความเร็ว ทั้งทุบ ทั้งตี ทั้งกรนด่าสารพัด และการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งโดยที่ครั้งนี้คู่ต่อสู้ของแจบอมก็คือจินยอง แจบอมหลบหลีกหมัดที่ส่งมาก่อนเขาจะเตะเข้าที่สีข้างจนจินยองกระเด็นไปติดข้างฝาผนัง เลือดเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าชุดสวยที่แจบอมเป็นคนซื้อให้....

     

    สงครามขนาดย่อมจบแค่นั้นและคำสาปแช่งที่จินยองให้กับแจบอมก่อนจะไป มันทำให้แจบอมไม่เคยลืมเรื่องวันนั้นได้เลยสักครั้ง

     

    “ฉันขอให้นายลงนรกไปซะอิมแจบอม!!

    “ฉันจะส่งแกไปอิมแจบอม ไปลงนรกต่อให้อีกชาติฉันก็จะตามแกไป!!!ไอ้สารเลว!!!

     

    เรื่องทุกอย่างจบลงพร้อมความรักของจินยองที่มีต่อแจบอม

     

    ความรักที่ทำลายหัวใจของคนๆหนึ่งอย่างไม่มีชิ้นดี

     

     

     

    “ถ้าผมจะทำเหมือนพี่ได้ก็คงต้องตายแล้วไปเจอกันในชาติหน้าแล้วล่ะ” แจบอมบอกก่อนจะกระโดดลงมายืนบนพื้นเหมือนเดิม

     

    แทคยอนส่ายหน้าหน่ายๆ เขาเลี้ยงแจบอมและเห็นมาตั้งแต่เกิดเขารู้ดีถึงแจบอมจะแข็งกระด้างแต่บางครั้งความแข็งกระด้างนั่นแหละคือความอ่อนแอ แต่จะให้ทำอะไรมากกว่านี้แทคยอนก็คงจะทำให้แจบอมไม่ได้ เขาได้แค่พูดให้แจบอมเปลี่ยนใจแต่ก็ไม่อยากสนับสนุนให้กลับไป เพราะว่าเหตุการณ์วันนั้นมันเลวร้ายจริงๆ และคงเลวร้ายสำหรับจินยองที่สุดแล้ว

     

    “ถ้าวันนั้นมาถึง พี่จะเลือกอยู่ข้างไหน”

     

    “ไม่รู้สิ บางทีวันนั้นอาจจะมาไม่ถึงก็ได้”

     

     
     

     

     

     
     

    แบมแบมหยิบยานวดออกมาทาทีขาและแขนมันเหมือนจะหักไปทั้งตัว สองสามวันมานี้เหมือนเขาไปออกรบมายังไงยังงั้นเหนื่อยจนแทบจะตื่นไปเรียนไม่ไหว โดยเฉพาะหลังจากวันที่ยูคยอมมาสอนเขาก็ต้องไปฝึกกับมิทรีตนอื่นๆ ซึ่งทุกคนทักษะดีพอตัวดีจนแบมแบมเองรู้สึกเหมือนกระดูกจะหักทุกวัน ไม่มีใครออมมือให้เขามิหนำซ้ำยังแรงขึ้นอีกเพราะเขาเป็นเด็กใหม่

     

    ยานวดถูกโยนไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงร่างเล็กทิ้งตัวนอนลงท่ามกลางความมืดแต่ตาเขาเห็นทุกอย่างชัดกว่าปกติ ไม่นับหูที่ตอนนี้รับรู้ถึงเสียงได้ดีมากกว่าตอนเป็นคน ใครมานินทาในระยะที่ไม่ไกลมากแบมแบมได้ยินหมด ช่วงนี้เลยได้ยินแต่คนพูดเรื่องของเขากับยูคยอม

     
     

    ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวเพราะมีคนดันไปเห็นวันนั้นวันที่ยูคยอมแกล้งเขา แต่ข่าวมันดันออกไปว่าพวกเขาสองคนจูบกันบนดาดฟ้า มีแต่คนมาถามแบมแบมเต็มไปหมดว่าจริงไหมเพราะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ยูคยอมสักคน ดีที่มีจีมินคอยช่วยไม่งั้นไม่อยากคิดเลยว่ามันจะเป็นยังไง

     

    คิดอะไรได้สักพักแบมแบมก็รู้สึกตาลาย เขาปวดหัวและไม่มีแรงขึ้นมาเฉยๆ ความกระหายเลือดกำลังทำให้แบมแบมหมดแรง เพราะตั้งแต่ออกมาจากมิทรีเจ้าตัวก็ไม่ยอมกินเลือดถุงที่จีมินเอามาให้สักทีแถมช่วงนี้ยังไปฝึกอะไรหนักๆทำให้พลังกายลดลง

     

    กึก!

     

    เสียงเก้าอี้ทำให้แบมแบมตกใจจนต้องเปิดตาขึ้นมามองก่อนจะพบคนที่หายหน้าหายตาไปตั้งหลายวันยืนทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆเตียง

     

    “ดื้อด้าน ซื่อบื้อ อยากตายรึไงถึงไม่ยอมกินเลือด” น้ำเสียงแข็งๆทำให้แบมแบมเบือนหน้าหนี ยอมรับเลยว่าแบมแบมทั้งไม่ชอบและกลัวใบหน้านิ่งๆของยูคยอมที่สุด

     

    “หันกลับมา! ไม่งั้นฉันจะจับนายโยนออกนอกหน้าต่าง” คำขู่ทำให้แบมแบมหันขวับ ร่างเล็กซุกหน้ากับผ้าห่มลายการ์ตูนก่อนจะตกใจเมื่อเห็นว่าอีกคนอุ้มเขาขึ้นจากเตียงแล้วจัดท่าทางให้แบมแบมนั่งอยู่บนตัก จะไม่อะไรเลยถ้าท่าทางไม่ล่อแหลมแบบนี้

     

    หน้าท้องชิดกันจนเกือบไร้ช่องว่างยูคยอมเปิดคอเสื้อตัวเองจัดการดันหัวอีกคนให้ตรงกับซอกคอของเขา แต่เหมือนคนตัวเล็กจะดื้อแพ่ง

     
     

    “ถ้าไม่กินเลือดฉันสาบานเลยว่าคืนนี้มันจะไม่จบแค่ฉันกินเลือดนาย”

     

     

    Tbc.





    ค้างล่ะสิ ........... 55555555555
    ฮื่ออ ฟิคคยอมคนกาม.. กามแบบชอบว่าเขา
    ;///; ขอกำลังใจโหน่ยยย บาย
    เด็กดีอัพฟิคยากมากจะร้องไห้ละนะ TTTTTTT
    เจอคำผิดบอกได้แก้ไปรอบนึงแล้ว ขอบคุณค่า
    ใครไม่เม้นช่วยสกรีมแท็กด้วย ชุ๊บๆ

    แท็ก : #ฟิคยบ99

     


    ’ cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×