คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : happen ending 05
HAPPEN ENDING CH.5
หลังจากวันนั้นไม่เคยมีคำพูดดีๆออกมาจากปากจีวอนอีก ไม่ประชดแดกดันก็ต้องหาเรื่องมาทะเลาะมาทำให้ฮันบินเสียใจ การนิ่งเงียบของฮันบินสำหรับจีวอนเขาคิดว่ามันคือการต่อต้านเขาแต่จริงๆแล้วไม่ใช่แบบนั้น ฮันบินเหนื่อยเกินกว่าจะเถียงกับจีวอนและเจ็บเกินกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว การที่ต้องทนเห็นจีวอนกับจินฮวานที่ห้องทุกวันทำให้จิตใจของเขายิ่งบอบช้ำ รู้ว่าจีวอนคงอยากให้เขาเสียใจ
แต่ตลอดมาฮันบินยังเสียใจไม่พอหรือไง
“ทำไมช่วงนี้ฮันบินผอมจังวะ ซูบลงไปเยอะเลยนะน่ะ” มินโฮเอ่ยถามหลังจากเขาเดินสวนกับฮันบินตอนเช้า แอบตกใจแต่ก็ไม่กล้าถามเจ้าตัวตรงๆจริงๆในกลุ่มก็รู้สึกนิดๆด้วยว่าจีวอนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เวลามีใครในกลุ่มพูดถึงรุ่นน้องหน้าดุคนนั้น
“ไม่รู้มัน อยากเรียกร้องความสนใจล่ะมั้ง” คำตอบของจีวอนทำเอาทั้งโต๊ะชะงักโดยเฉพาะซึงยูน เขาว่าเขาเองก็เริ่มเข้าใจถึงเหตุผลของฮันบินที่ต้องร้องไห้แต่พูดออกมาไม่ได้แล้วในตอนนี้ ไหนจะสายตาของจีวอนเองที่มองฮันบินเวลาคุยกันกับเขาทำไมจะไม่สังเกตเห็นว่าไม่พอใจ
ไม่รู้หรอกว่าฮันบินต้องเจออะไรมาบ้างแต่ที่รู้ๆมันไม่เห็นแฟร์เลยสักนิด เขาเห็นร่องรอยบนตัวฮันบินเมื่ออาทิตย์ก่อนที่เอวมันเป็นรอยช้ำม่วงๆเหมือนโดนกัดไม่อยากจะเดาแต่ตอนนี้ก็แปลได้อย่างเดียวว่าฮันบินไปโดนอะไรมา
“มึงพูดถึงเพื่อนให้ดีๆหน่อยดิ่วะ นั่นเพื่อนมึงนะเว้ยไอ้จีวอน” เป็นมินโฮที่ปราม
เขาน่ะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่หรอกแต่เพราะจีวอนไม่เคยเห็นล่ะมั้งว่าทุกครั้งที่ฮันบินมองจีวอนในนั้นแสดงออกมาหมด เขาไม่อยากยุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอย่างที่แทฮยอนเตือนว่าอาจจะไปโหมไฟใส่ปัญหาที่พวกเขาไม่รู้อาจจะยิ่งแย่ ฮันบินหน้าตาไม่สดใสขึ้นเลยหลังจากที่จีวอนคบกับจินฮวานหลังจากหนักขึ้นเรื่อยๆมันก็เดาไม่ยากว่าทำไม แต่ว่าไม่เห็นจะเข้าใจรุ่นน้องคนนี้เลยว่าจำเป็นต้องทำให้เพื่อนเสียใจขนาดนั้นเลยหรอ
“คำพูดมันเอากลับคืนมาไม่ได้หรอกกูบอกไว้ก่อน พูดแล้วพอเสียใจไปแล้วมันก็เสียไปเลย หัดคิดดีๆก่อนพูดกับฮันบินซะบ้างนะ มันเพื่อนมึงไม่ใช่ถังขยะ” มินโฮเอ่ยเตือนอีกครั้ง
“คนแบบนั้นยิ่งกว่าถังขยะซะอีกมั้ง”
“ไอ้เหี้ยจีวอนมึง!” ซึงยูนลุกขึ้นทันทีที่ฟังประโยคนั้นจบ เขากระโจนเข้าหาจีวอนแต่มินโฮห้ามไว้ทัน ทุกคนก็ตกใจไม่น้อยที่จู่ๆคังซึงยูนจะมีอารมณ์โมโหแบบนี้ จำได้ว่าตอนนั้นที่โกรธแบบนี้ก็ตอนชอบนัมแทฮยอนแล้วต่อยกับมินโฮ
“ทำไมพี่ได้มันแล้วไม่ใช่รึไง เอามันต่อจากผมเป็นไงบ้างล่ะ” จีวอนพูดออกไปและพร้อมที่จะกระโจนเข้าหาซึงยูนเหมือนกัน
“มึงมันเหี้ย! กูไม่เคยอะไรกับฮันบินมึงอย่ามาพูดเหี้ยๆนะแม่ง ปล่อยกูมินโฮกูจะเอาเลือดชั่วมันออกไอ้คนสารเลวแบบนี้”
เพราะนั่งอยู่ในห้องของคณะจีวอนเลยกล้าพูดแบบนี้โดยไม่ทันคิดว่าจะมีใครบางคนมาได้ยินมันเข้า ใครที่จีวอนใช้คำว่าแฟนด้วย
“คิดไว้ไม่มีผิด” จินฮวานพึมพำแล้วมองหน้าคนตัวสูงที่เอาแต่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“บอกแล้วไงว่าสองคนนั้นมีซัมติงกันเชื่อรึยัง” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่’กูจุนฮเว’ก็ยังยิ้มในแบบที่จินฮวานไม่ชอบ คงสะใจอยู่ลึกๆที่เรื่องมันเป็นแบบนี้
“จีบฮันบินให้ทีสิ” จินฮวานพูดแล้วเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า
จุนฮเวเลิกคิ้วขึ้น
“ไม่มีอะไรแลกเปลี่ยนผมก็คง…”
“อะไรที่นายอยากได้พี่จะให้ทั้งนั้น” จินฮวานกระซิบข้างหูอีกคนแผ่วเบา “ทำให้พี่หน่อยนะ”
จุนฮเวไม่ปฏิเสธนั่นแปลว่าตกลงทั้งคู่รีบออกไปจากที่นี่ก่อนจะมีใครมาเห็น เพราะความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ใช่แค่พี่รหัสกับน้องรหัสแต่เป็นมากกว่านั้นและเป็นมาตั้งแต่ก่อนจินฮวานจะรู้จักจีวอนซะอีก เซ็กซ์ที่ต่างคนต่างสุขสมโดยไม่ต้องมีสถานะก็ไม่ได้ต่างจากฮันบินกับจีวอนหรอกเพียงแต่ว่าตอนนี้ฮันบินน่ะรักจีวอนแต่จินฮวานไม่ได้รักจุนฮเว
ไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ลับๆแม้กระทั่งจีวอนเองก็ยังไม่รู้หรือตะขิดตะขวงในใจเลยสักนิด จินฮวานภายนอกดูเป็นคนใสซื่อก็ไม่แปลกเท่าไหร่ที่เจ้าตัวจะถูกใครต่อใครมองว่าไร้เดียงสาแม้จะเป็นรุ่นพี่ แต่จิตใจคนเรามักจะยากแท้หยั่งถึง แม้ภายนอกจะยิ้มแย้มเราก็ไม่อาจรู้ถึงใบหน้าที่อยู่ข้างในหน้ากากที่ชื่อว่ารอยยิ้ม ยกเว้นจะเป็นคนที่เห็นใบหน้าข้างในนั้นมาตั้งแต่ต้น
จินฮวานไม่ค่อยชอบใจฮันบินมาตั้งแต่เจอหน้ากันสองสามครั้งที่ห้อง ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมต้องมานอนห้องเดียวกันกับจีวอน ฮันบินหน้าตาน่ารักอาจจะไม่ใช่ในสไตล์ที่เหมือนเขาแต่จุนฮเวก็บอกอยู่บ่อยๆว่าฮันบินเหมือนมีแรงดึงดูดแต่มักจะมีสายตาแปลกๆ
ถามว่าหวงจุนฮเวไหมก็ไม่แน่ใจแต่เขาก็มั่นใจว่าจุนฮเวไม่มีทางไปหลงรักคนแบบคิมฮันบินหรอก ถ้าฮันบินน่าสนใจขนาดนั้นจีวอนก็คงชอบไปแล้ว
##
ฮงซอกมองฮันบินที่เอาแต่ฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะด้วยความเป็นห่วง รู้ทั้งรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับฮันบินบ้างแต่ก็เข้าไปยุ่งไม่ได้เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขาแต่ก็ใช่ว่าจะนิ่งดูดายปล่อยให้ฮันบินเจ็บปวดไปตลอดถ้ามีหนทางที่ทำให้ฮันบินดีขึ้นเขาก็จะทำแบบไม่ลังเลแต่แน่นอนต้องไม่ใช่การฝืนใจฮันบินเหมือนกัน มีหลายคนคิดว่าเขาชอบฮันบินก็ชอบแต่ไม่ใช่แบบคนรักเพราะเขาคิดว่าการเป็นเพื่อนกันตลอดไปมันดีซะกว่า ยังไงต่อให้เขารักฮันบินจริงๆคนที่ฮันบินจะมองก็มีแค่จีวอนเพราะฉะนั้นเขาคงไม่ให้ตัวเองเจ็บเล่นๆทั้งๆที่รู้อยู่แล้วเด็ดขาด
ไม่ใช่คนที่ชอบความเจ็บปวดอะไรแบบนั้นซะด้วย
“ฮันบินเลิกแล้วเว้ย” ฮงซอกสะกิดแล้วเก็บของเข้ากระเป๋าสะพายของตัวเอง
“กลับไปก่อนเลย” ฮันบินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแต่ฮงซอกก็ได้ยินที่อีกคนพูดชัดเจน “ต้องรอจีวอนก่อนน่ะ” คำตอบที่ได้ทำให้คนฟังส่ายหน้าไปมาแล้วเอื้อมมือไปขยี้ผมฮันบินเบาๆแทน เขาไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้ว่าฮันบินน่ะตอนนี้ยังไงก็ไปจากคิมจีวอนไม่ได้หรอกยิ่งเขาพูดฮันบินก็อาจจะยิ่งเสียใจ
ฮงซอกเดินออกจากห้องสวนกับจีวอนที่กำลังจะเดินมาพอดี เขารั้งไหล่ของจีวอนเอาไว้ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ดูแลมันให้สมกับที่มันรักมึงหน่อยไม่ได้เลยหรอจีวอน…”
คำพูดของฮงซอกดังก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมารวมถึงคำพูดของมินโฮเองก็ด้วย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าที่ทำกับฮันบินแต่ละอย่างมันเลวร้ายแค่ไหน เขารู้ตัวทุกอย่างแต่เพราะไม่อยากเสียฮันบินไปตอนนี้ไม่อยากให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับฮันบินทั้งนั้นต่อให้คนนั้นจะเป็นคังซึงยูนหรือคนที่ดีกว่าเขาก็ตาม เขายังไม่พร้อมปล่อยฮันบินไปตอนนี้
“ฮันบิน” จีวอนเรียกคนที่นอนฟุบอยู่เสียงเบา
ฮันบินเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้จีวอนเหมือนเคยแม้ตอนนี้เขาเจ็บหัวใจจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้วก็ตาม หลังจากนั้นฮันบินเงียบแล้วก็จบด้วยทะเลาะกับจีวอน แต่เมื่อมาคิดๆดูเขาไม่อยากสู้กับจีวอนอีกต่อไปแล้ว อยากจะยิ้มให้จีวอนเหมือนเคยอยากจะอยู่ใกล้ๆจีวอนไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเข้มแข็งมากพอที่จะเดินออกไปจากวงโคจรนี้
สักวันหนึ่งเขาจะลาออกจากความรักของคิมจีวอนแบบถาวร…
“เราไม่ได้ออกมาด้วยกันอย่างนี้นานแล้วนะว่าไหม” เสียงทุ้มพูดทำลายความเงียบแล้วหันไปมองหน้าตุ๊กตาหน้ารถที่พยักหน้ายิ้มๆ
ภาพในวันวานไหลย้อนกลับมาในหัวฮันบินเมื่อนึกตอนที่จีวอนยังไม่มีใครและไม่ได้จริงจังกับใครเหมือนตอนนี้ พวกเขาตัวติดกันและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนทำให้ฮันบินก้าวพลาดไปในตอนนั้นจนส่งผลต่อหัวใจเขาถึงวันนี้ จีวอนเคยดูแลดีแค่ไหนยังคงจำได้เสมอ ทุกๆอย่างที่เคยได้รับแม้ตอนนี้จะค่อยๆจางหายไปแล้วแต่ฮันบินยังจำมันได้ทุกอย่าง
“เอาหนังสือมานี่เดี๋ยวถือให้” พูดจบก็แย่งหนังสือเล่มหนาในมือของฮันบินไปถือซะเอง ฮันบินจิ๊ปากแต่ก็ยิ้มออกมาเมื่อมองหน้าจีวอน
“ไม่ใช่ผู้หญิงเว้ย ไม่ต้องมาทำตัวน่าอ้วกขนาดนี้ได้ไหม” ถึงปากจะบ่นแต่ก็หัวเราะออกมาตามหลังเพราะถึงห้ามยังไงจีวอนก็ยังทำแบบนี้อยู่ดี ทุกวันนี้เป็นเพื่อนก็เหมือนเป็นแฟนเพราะใครๆก็คิดว่าฮันบินกับจีวอนเป็นแฟนกัน มันมีบางครั้งที่ฮันบินแอบคิดว่าจีวอนเองก็คิดเหมือนกันกับเขา
“ก็อยากดูแลไงผิดด้วยหรอ อย่ามาดื้อกับพี่ดีกว่าไม่งั้นน้องจะโดน” มืออีกข้างที่ยังว่างเลื่อนมาขยี้กลุ่มผมของฮันบินจนยุ่งเหยิงแล้ววิ่งหนี
“ไอ้จีวอนมาให้เตะเดี๋ยวนี้เลย!”
ฮันบินวิ่งตามจีวอนไปทั่วตึกและเขามีรอยยิ้มกว้างเมื่ออีกคนหันมากวักมือเรียกเขาให้วิ่งตามไปเรื่อยๆ ตอนนั้นฮันบินไม่เหนื่อยเลยสักนิดไม่เหนื่อยที่จะวิ่งตามจีวอน มีความคิดแค่ว่าอยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไปตามที่สัญญาไว้
“ถามอะไรหน่อยดิ่”
ในคืนนึงที่นอนดูหนังอยู่ในห้องฮันบินจำได้ว่ามันคงเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างเขาทั้งคู่ ฮันบินนอนพิงอกจีวอนอยู่แล้วเขาก็มองหนังรักที่ทำให้นึกถึงตัวเองกับเพื่อนสนิทคนนี้ จีวอนเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่าอะไรแต่ดวงตาเรียวก็ยังจ้องจอโทรทัศน์ตรงหน้า
“เราสองคนจะเป็นมากกว่าเพื่อนได้ป่ะวะ”
ดวงตาที่จ้องมองหน้าจอโทรทัศน์ละมามองหน้าฮันบินแทน ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากจีวอนมีแค่แววตาที่ฮันบินเองก็ไม่เข้าใจ มันนิ่งเรียบเสียจนนึกหวั่นๆในใจเมื่อจีวอนไม่พูดแล้วก็หันกลับไปสนใจหนังที่กำลังฉายแทน
“อึดอัดตายเลย เป็นงี้ดีแล้ว”
หลังจากนั้นจีวอนก็ยังดูแลเหมือนเดิมแต่ไม่รู้ทำไมฮันบินถึงสัมผัสได้ถึงระยะห่างระหว่างเขา มันเหมือนกำแพงที่มองไม่เห็นและมันหนาขึ้นเรื่อยๆในวันที่รู้ว่าจีวอนไปคบคนอื่น เริ่มต้นความเจ็บปวดตั้งแต่ตอนนั้นแต่ยิ้มแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรมาเสมอ ทำเหมือนว่าลืมเหตุการณ์นั้นไปแล้วทั้งๆที่ยังคงฝังอยู่ในหัวเสมอเมื่อนึกถึงเมื่อไหร่ก็รู้สึกโทษตัวเอง
หรืออาจจะเป็นเขาที่ทำลายความสัมพันธ์ของจีวอนก่อนกันแน่ฮันบินไม่แน่ใจ ตอบตัวเองไม่ได้และไม่กล้าถามจีวอนออกไปตรงๆ ว่าเขาใช่ไหมที่ทำให้จีวอนต้องสร้างกำแพง
ถ้าใช่…
ก็อยากขอให้จีวอน
อย่ากักขังเขาไว้นอกกำแพงแบบนี้อีกเลย…
50%
จีวอนมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ฮันบินผอมลงไปจริงๆและเขารู้ว่าทำไมในเมื่อเขาพูดมันเองว่าจะทำให้ฮันบินเสียใจถึงไม่รู้ว่าทำไปแล้วจะได้อะไรเพราะยังก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ฮันบินแอบร้องไห้หลายครั้งเขาเห็นแต่ก็ไม่เคยเข้าไปปลอบเลยสักครั้ง จีวอนไม่รู้ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้เขาเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะรั้งฮันบินเอาไว้แต่สิ่งที่เขาทำมันได้ก็แค่เอาสัญญาโง่ๆนั่นมารั้งฮันบินเอาไว้อยู่แบบนี้
เขารู้จุดอ่อนของฮันบินดี รู้ว่าอีกคนใจอ่อนแค่ไหนถ้าเป็นเขาและคิมฮันบินก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อเขาแม้ตัวเองจะเจ็บปวดเพียงแต่เขาไม่สามารถจะให้ฮันบินเป็นมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มันสับสนเพราะคิดว่าจะทำตัวแบบไหนถ้าวันนึงคบกันจริงๆและเปิดตัวให้คนอื่นได้รู้ ไม่ได้มีอะไรต้องอายแต่เขาอาจจะเป็นแค่คนโลภคนหนึ่งที่ฮันบินมาเจอ
ตอนนี้เขารักคิมจินฮวาน
แม้จะรู้สึกดีกับคิมฮันบินเสมอก็ตาม
น้ำตาฮันบินกัดกร่อนหัวใจเขาเฉกเช่นเดียวกันแต่มันไม่ได้ทำให้เขารักฮันบินนั่นคือสิ่งที่คิดอยู่ทุกวัน ฮันบินก็คงเป็นอะไรสักอย่างที่ขาดไม่ได้และเขาเองก็ไม่อยากจะให้ฮันบินไปคบกับใครตอนนี้มันก็ยังคงเป็นแบบนั้นมาเสมอ
เขาขโมยรอยยิ้มสดใสของฮันบินไป
ที่ยืนให้ไปก็มีแค่ความเจ็บปวด…
แต่คนแก่ตัวคนนี้ก็ยังอยากจะยื่นให้เรื่อยๆ
ตราบใดที่ฮันบินยังอยู่ตรงนี้
เขาจะขอซ่อนรอยยิ้มสดใสนั้นไว้…
“กินเลอะเทอะหมดแล้วคิมฮันบิน” จีวอนเอื้อมมือไปเช็ดคราบซอสข้างปากที่เลอะจากแฮมเบอร์เกอร์ในมือของฮันบิน คนถูกทักหัวเราะจนตาหยีแล้วยื่นมันมาตรงหน้าเขา
“ช่วยกินหน่อยดิ่”
จีวอนเลิกคิ้วแล้วอ้าปากจะงับฮันบินก็จับแฮมเบอเกอร์ในมือเข้าปาก จีวอนหัวเราะก่อนจะเคลื่อนตัวมากัดแฮมเบอเกอร์ที่ยังคาปากฮันบินอยู่แล้วยักคิ้วให้เจ้าของมัน เขาจ้องดวงตาสีเข้มของฮันบินใกล้ๆมันไม่ได้สดใสเหมือนเดิมอีกแล้วแม้จะยิ้มจนตาหยี
ฮันบินยกมือทำท่าจะต่อยแล้วเขยิบถอยออมานิดๆแต่จีวอนก็ยังเขยิบเข้าไปใกล้ๆจนติดขอบเก้าอี้ข้างๆ แขนของจีวอนยกขึ้นไปโอบไหล่ลาดของฮันบินแล้วดันตัวอีกคนให้เข้ามาใกล้ๆ นานแล้วที่เขาไม่ได้ทำแบบนี้ ไม่ได้สังเกตว่าฮันบินยังใช้น้ำหอมกลิ่นที่เขาเคยพูดว่าชอบ ถึงอยู่ใกล้กันแต่เขาก็ไม่เคยจะสังเกตสักครั้ง
หรือเพราะมันใกล้เกินไป
“ถอยไปได้แล้วจีวอนเดี๋ยวมีคนมาเห็น” ฮันบินพูดแล้วดันแขนแกร่งออกไปแต่จีวอนก็ยังรั้งเอาไว้
“ไม่ออกมีไรไหม ดื้อต้องถูกทำโทษจำไม่ได้หรอหื้ม” ไม่พูดเปล่ายังยืนหน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วกดจมูกลงบนแก้มใสของฮันบินฟอดใหญ่ “หอมเนอะ”
“ไอ้จีวอนคนลามกเขยิบออกไปเดี๋ยวนี้เลย” มือเล็กดันแขนออกอีกครั้งแต่ครั้งนี้จีวอนยอมที่จะเขยิบออกไปตามที่ฮันบินสั่ง
ความเงียบปกคลุมทั้งสองคนอีกครั้ง ฮันบินมองออกไปที่แม่น้ำข้างหน้าไม่ได้สนใจคนที่กำลังจ้องตัวเอง จีวอนเองก็เอาแต่จ้องฮันบินแล้วคิดถึงซึงยูนขึ้นมาเฉยๆ คิดถึงเมื่อเช้าที่พูดว่าฮันบินออกไปต่อหน้าคนอื่นทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าฮันบินไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เขาพิสูจน์ตั้งแต่วันที่เริ่มทะเลาะกับฮันบินจริงๆจังๆ ร่างกายของฮันบินยังคงซื่อสัตย์กับเขาเพียงแต่ที่ทำไปมันก็แค่ไม่อยากให้ฮันบินเขยิบเข้าไปใกล้คังซึงยูนมากกว่านี้
“ไม่ได้ชอบไอ้พี่ซึงยูนจริงๆใช่ไหม” คำถามที่ออกจากปากจีวอนทำให้ฮันบินต้องหันหน้ากลับมามองคนข้างๆ ดวงตาสีเข้มของฮันบินบอกทุกอย่างหมดนั่นคือสิ่งที่จีวอนอ่านมันออก
“ไม่...ถึงพี่เขาจะดีมากก็เถอะ” ฮันบินตอบไปตามที่คิด ถ้าเขาไม่ได้ชอบจีวอนก็คงจะชอบซึงยูนไปแล้วเพราะอีกคนดีมากๆดีจนนึกดีใจแทนใครสักคนที่จะได้ครอบครองหัวใจของรุ่นพี่คนนี้ในอนาคต
บางครั้งฮันบินก็แอบคิดว่าถ้าจีวอนดีเท่ากับซึงยูนเขาก็คงไม่ต้องร้องไห้และเจ็บปวดมากมายขนาดนี้ ทุกอย่างมันคงชัดเจนไปตั้งแต่แรกไม่คาราคาซังจนถึงวันนี้
“สมมติถ้าฉันปล่อยนายไปจริงๆ นายจะไปใช่ไหม”
ฮันบินตอบไม่ได้เพราะตอนนี้เขายังไปจากจีวอนไม่ได้แต่ถ้าปล่อยทุกๆอย่างเขาก็จะยืนด้วยตัวเองแม้มันจะยาก มันคงไม่มีอะไรเจ็บมากไปกว่าตอนนี้อีกแล้วล่ะ หัวใจเขายังมีอะไรให้เจ็บอีกก็คงตอนที่เขาวิ่งชนกำแพงที่ชื่อจีวอนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตัดใจล่ะมั้ง
“ฉันไม่รู้…”
##
บุหรี่ในมือถูกสูบจนหมดมวลก่อนนิ้วเรียวจะทิ้งมันลงในถังขยะใบเล็กริมระเบียง ตาคมมองคนที่กำลังนอนหลับอยู่ในห้องก่อนจะยกยิ้มออกมานิดๆโดยที่คนหลับอยู่ไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ เขาเบนหน้าออกไปมองวิวที่เป็นตึกสูงๆ แสงสีเหลืองส้มจากหลอดไฟทำให้ทุกอย่างดูสวยและกูจุนฮเวก็ชอบที่จะมายืนมองมันอยู่แบบนี้ เขาชอบลมเย็นๆที่พัดผ่านตัวเข้ามาแล้วก็ผ่านไป การได้มายืนคิดอะไรคนเดียวทำให้ชายหนุ่มยิ่งสมองโล่งกว่าเดิม
ความรู้สึกวุ่นวายตีกันอยู่ในหัวของเขา ภาพวันเก่าทับซ้อนด้วยใครบางคนที่เขาไม่ได้เจอมานานจนกระทั่งได้เจอหน้าเมื่อตอนที่เข้ามาเรียนที่นี่ได้สักพัก จุนฮเวตามหาแต่ทว่าเขากลับไม่เคยได้พบเลยสักครั้งยิ่งตามหาก็ยิ่งรู้สึกหมดหวังจนกระทั่งจบไฮสคูลจากอังกฤษแล้วย้ายมาต่อมหา’ลัยที่นี่ตามที่เคยวางแผนเอาไว้
ตอนเด็กเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มอ้วนๆตาตี่ๆใส่แว่นที่ไม่มีใครอยากจะเล่นด้วย ภาพในวัยเด็กที่ทำให้นึกถึงอยู่เสมอเพราะมันมีความหมายไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ กูจุนฮเวที่ใครๆก็รุมล้อเพราะหน้าตาน่าเกลียด ยังจำเสียงเหล่านั้นเหมือนก้องอยู่ในหูแต่มันก็ปนเปกับภาพของเด็กผู้ชายคนนึงที่จุนฮเวรู้จักแต่ก็เพียงไม่นานก่อนเขาจะย้ายไปเรียนที่เมืองนอก ยังจำได้ว่าคนที่ชอบมาชวนเขาเล่นตอนพักกลางวันทุกวันใจดีแค่ไหน ประโยคถากถางทุกๆอย่างที่เคยทำร้ายจิตใจ ณ เวลานั้นมักหนักหนาเกินกว่าเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบจะรับมันได้ถูกกวาดไปซะเรียบ
สมุดระบายสีลายการ์ตูนยังคงอยู่ในกล่องแห่งความทรงจำที่จุนฮเวหวงแหนมันยิ่งกว่าสิ่งใดๆ เขาได้รับมันในวันสุดท้ายที่ต้องล่ำลากับเพื่อนคนแรกและคนเดียวในวัยเด็กก่อนจะจากลา ภาพเด็กตัวขาวยืนร้องไห้อยู่กลางสนามฟุตบอลยังติดตาจุนฮเวจนไม่คิดว่าจะลืมมันได้ มันเป็นแบบนั้นอยู่หลายปีจนกระทั่งเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีกว่าเดิม
ใครบางคนที่เหมือนเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากจะดีกว่านี้ ถ้าเจอกันจุนฮเวไม่อยากจะต้องถูใครถากถางว่าเขาเป็นไอ้อ้วนน่าเกลียดที่ไม่มีใครคบ แต่ก็นึกขอบคุณความน่าเกลียดในวัยเด็กที่ทำให้เขาได้เจอกับเด็กผู้ชายคนนั้น
แสงสว่างที่ทำให้จุนฮเวที่ไปไกลครึ่งซีกโลกต้องวนกลับมา
แสงสว่างที่กำลังจะถูกใครบางคนแต่งแต้มให้เป็นสีดำ…
“อย่ามาแกล้งจุนฮเวสิเจ้าพวกบ้านี่!” เสียงใสตะโกนไล่เพื่อนร่วมห้องสี่ห้าคนจนวิ่งหนีกระเจิงไปคนละที ไม้กวาดในมือถูกโยนทิ้งเมื่อไม่มีใครอยู่ตรงนี้แล้วยกเว้นเด็กหนุ่มตัวใหญ่ใส่แว่นที่หนังติดข้างหน้าต่าง
คนตัวเล็กกว่าไม่พูดอะไรแต่ยื่นมือออกไปตรงหน้าแล้วพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มจนทำให้ตาสองข้างหยี เด็กอ้วนลังเลว่าจะโดนแกล้งอีกไหมเขาได้แต่เงยหน้ามองคนที่กำลังยิ้มให้เขาในแบบที่ไม่เคยได้รับจากเพื่อนๆวัยเดียวกัน มือนั้นก้มลงมาคว้ามือของเด็กอ้วนเอาไว้จนแน่นโดยไม่รังเกียจ
“ไปเล่นกับเราไหมเรากำลังจะไปแตะบอล”
เป็นครั้งแรกที่ได้เล่นกีฬาในโรงเรียนแล้วสนุกแบบนี้ เหงื่อไคลมากมายไหลชุ่มอยู่ที่แผ่นหลังจนเปียกเสื้อนักเรียนตัวขาวที่คุณแม่ซักและรีดมาอย่างดี แต่นี่ใกล้จะเลิกเรียนเขาเลยมาวิ่งไล่ลูกบอลกับเด็กตัวเล็กกว่า เป็นครั้งแรกที่เขาหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่แนะนำตัวว่าเป็นเพื่อนใหม่
“ฉันชื่อคิมฮันบินนะอยู่ห้องเดียวกับนาย”
แสงสว่างแรกในชีวิตของเด็กอ้วนคนนั้นชื่อ “คิมฮันบิน” เขารับรู้ถึงความจริงใจของเพื่อนใหม่ที่มีแต่รอยยิ้มกับคำพูดีๆ ทุกอย่างที่ได้รับทำให้เขารู้สึกดีขึ้นจากที่เคยจมดิ่งกับความรู้สึกตัวเองอย่างที่ไม่คิดว่าเด็กวัยนั้นควรจะเป็นเหมือนถูกฉุดขึ้นมาให้เจอแสงแดดที่สว่างแต่บางครั้งมันก็ทำให้เขาแสบตากับแสงที่สว่างไสวเกินไป
“กูจุนฮเวชื่อฉันนะ…”
การแนะนำตัวครั้งแรกโดยไม่โดนใครสวนกลับมาว่าไม่อยากรู้จักหรือไม่ก็ไอ้หมูตอน จุนฮเวจำได้ว่าเขามีรอยยิ้มกลับไปบ้านเป็นครั้งแรกตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี่ เป็นครั้งที่อยากให้พรุ่งนี้ไวๆเพราะจะได้ไปเจอเพื่อนใหม่ที่สัญญาว่าจะย้ายมานั่งข้างๆเขา
ทุกวันเขากับฮันบินมักจะไปกินไอติมหน้าโรงเรียนก่อนจะกลับบ้านทุกวัน ฮันบินชอบบ่นว่ากินมากมันจะทำให้เขาอ้วนแต่ก็ชอบที่จะชวนไปกินอยู่ประจำเพราะให้เหตุผลว่าอ้วนยังไงก็ยังหล่ออยู่ดี ไอติมรสช็อกโกแลตรสโปรดที่ฮันบินชอบเขาก็ยังจำได้ บางครั้งเวลาคิดถึงเรื่องในวันวานยังซื้อมากินเพื่อบรรเทาความคิดถึงที่ไม่มีทางถึง
การกลับมาพบกันโดยที่ฮันบินไม่รู้ว่าเขาคือจุนฮเวเพื่อนวัยเด็กคนนั้นมันทำให้เขาติดตามเรื่องของฮันบินได้เรื่อยๆโดยไม่ต้องมีใครสงสัย โดยเฉพาะพี่รหัสของเขาคิมจินฮวานไม่เคยรู้เลยว่าเขาคิดอะไรในใจไม่มีใครรู้ทั้งนั้นแม้กระทั่งคนในครอบครัวที่คิดว่าเขาคงลืมเรื่องตอนประถมไปหมดแล้ว
ครั้งแรกที่เห็นฮันบินเดินเคียงข้างกับเพื่อนสนิทที่ดูแล้วมันมากกว่าในสายตาของเขาจุนฮเวรู้สึกไม่ดี แต่เขาไม่ใช่เจ้าของแสงสว่างที่ชื่อคิมฮันบินเพียงคนเดียว ไม่มีการแนะนำตัวและทักทายแม้ผ่านไปหลายเดือนจนกระทั่งที่รู้ว่าจินฮวานคบกับเพื่อนสนิทฮันบินที่ชื่อจีวอน รอยยิ้มที่จินฮวานไม่เห็นเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาโล่งอกที่อย่างน้อยสองคนนั้นก็ไม่ได้คบกันแบบแฟน
ดีใจที่แสงสว่างยังคงสว่างโดยไร้เจ้าของ
จนกระทั่งมองเห็นสีดำบนแสงสว่างนั่น….
จากท้องฟ้าที่มองแล้วทำให้เขายิ้มเวลาแอบมองหรือเจอเดินสวนกัน
กลายเป็นเมฆครึ้มบดบังแสงสว่างนั่นแม้ในรอยยิ้มก็ไม่มี
เหมือนฝนกำลังตั้งเค้าอยู่บนหัวของคิมฮันบินตลอดเวลา จุนฮเวมองเห็นมันจนบางครั้งนึกหงุดหงิดในความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทที่เขาเองก็ไม่สามารถรับรู้มันได้ หงุดหงิดที่แสงแรกในชีวิตของเขามันกลายเป็นเมฆครึ้มหรือหนักกว่านั้นก็ฝนห่าใหญ่ที่ตกลงมาในแววตากลมสีเข้ม
ได้ยินเสียงฮันบินร้องไห้ตอนที่แอบตามไปแต่ก็ทำได้แค่ยืนหลบอยู่หลังกำแพงฟังเสียงร้องนั่น ฝนมากมายกำลังท่วมฮันบินเขารู้แบบนั้นแต่ที่ทำได้คือนั่งมองฝนที่ร่วงหล่นลงมาจนกระทั่งมันแห้งเหือดและเป็นแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา
ไม่ใช่ครั้งเดียวที่ฝนตกจนเขาเองยังรู้สึกเปียกปอนไปด้วย
นึกอยากเป็นอะไรก็ได้ในตอนที่ฝนกำลังตก จะเสื้อ จะร่ม หรือจะทำให้ฝนนั่นหยุดตกสักทีเขาอยากทำมันทั้งนั้น แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะนั่งดูแล้วเปียกปอนไปพร้อมๆกับฝนทุกครั้ง
ไม่ใช่เพราะเขาขี้ขลาด…
“ทำไมออกมายืนตากลมอีกแล้วล่ะจุนฮเว” เสียงข้างหลังเอ่ยทักแล้วสวมกอดเขาไว้ จุนฮเวยกยิ้มแล้วกอดกลับไป
“ผมแค่ออกมาสูบบุหรี่ ทำไมถึงตื่นมาล่ะ” เจ้าของเสียงเลิกคิ้วถามแล้วยื่นมือไปขยี้กลุ่มผมยุ่งเหยิงของพี่รหัสตัวเล็กให้มันยุ่งกว่าเดิม คนตัวเล็กกว่าหน้าบึ้งแล้วจับมือของเขาเอาไว้
“ก็อยากให้จุนฮเวนอนกอดพี่หนิ…นอนกอดพี่หน่อยน๊าๆ” ไม่พูดเปล่าจินฮวานยังกอดแล้วเอาหน้าถูไถกับแขนของจุนฮเวไปด้วยเหมือนที่ชอบอ้อน
จุนฮเวก็เคยมีความรู้สึกนึกเอ็นดูรุ่นพี่ตัวเล็กนี่อยู่หรอกแต่ก็เป็นคิมจินฮวานอีกนั่นแหละที่ทำให้เขายังต้องมองดูฝนตกอยู่แบบนี้…
ถ้าเขาจะเป็นร่มก็จะเป็นร่มที่มีวันยอมให้ฝนมาทำให้คนของเขาเปียกปอน
เขาจะทำให้แสงสว่างกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง
และจะไม่ยอมให้จินฮวานทำแสงสว่างของเขาให้กลายเป็นสีดำ
เหมือนที่จะไม่ยอมให้จีวอน…ทำฮันบินเปียกปอนเพราะฝนอีกแล้ว J
##
มันกลายเป็นคลับฟรายเดย์อีกแล้วTvT ฮ่อก แต่งไปฟังเพลงดราม่าไป
เราไม่ถนัดดราม่าจริงๆนะ รู้สึกยากไม่ค่อยมีความรักดราม่าๆ
เพราะเห็นมีคนสนใจเรื่องนี้เยอะเราเคยแต่งเร็วขึ้นไม่ดองนาน
ขอบคุณที่เมนต์ให้นะคะเป็นกำลังใจในการแต่งมากๆเลย
ตอนนี้มีแท็กแล้วนะคะ #ฟิคเจ็บดบบ ช่วยสกรีมเยอะๆนะคะ
talk2 จุนฮเวมาอย่างหล่อเลย >< 55555 เฮ้อออ
ฝากฟิคดบบอีกเรื่องด้วยค่ะของเราเองแค่คนละบทความเฉยๆนะ
WILD CHILD คลิก
อ่านตอนนี้เป็นยังไงบอกกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ สกรีมแท็กก็ได้ค่ะ
ความคิดเห็น