ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | 99% PERCENT | #YUGBAM #JARK #BNIOR (END)

    ลำดับตอนที่ #4 : PERCENT: 03%

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 58








    PERCENT: 03%

     




     

     

    แบมแบมปรือตาขึ้นทีละนิด ตากลมกระพริบถี่เพื่อค่อยๆปรับโฟกัสก่อนจะสะดุ้งตัวขึ้นมาด้วยความตกใจแต่ก็ต้องนอนลงไปใหม่เพราะแขนที่หักกับแผลที่ท้อง ร่างเล็กกวาดสายตามองไปทั่วห้องถ้าดูจากสภาพคร่าวๆมันเหมือนโรงพยาบาลพลันภาพในหัวก็ผุดขึ้นมา

     

    “ตื่นแล้วหรอ”

     

    แบมแบมหันขวับไปทางประตู

     

    “รุ่นพี่จินยอง”

     

    คนถูกเรียกชื่อหัวเราะในลำคอจ้องมองคนเจ็บบนเตียงที่ทำสีหน้าตกใจและกลัวเขาเหมือนเห็นผี จินยองเดินเข้าไปใกล้ๆสำรวจรอยแผลที่แขนก่อนจะใช้มือเลิกผ้าห่มลงท่ามกลางความตกใจของแบมแบม แผลเริ่มหายดีนั่นเพราะครึ่งหนึ่งในตัวแบมแบมเป็นมิทที แวมไพร์เจ็บเป็นเหมือนมนุษย์แต่แผลจะหายเร็วกว่ามนุษย์ถ้าเป็นคนอื่นก็คงอีกนานกว่าจะหายดี

     

    “นายหลับไปสามวันเต็มๆ”

     

    “ผมไม่เข้าใจ ผมฝันประหลาดฝันว่าผมเห็นรุ่นพี่แจบอมเป็นแวมไพร์เขาจะกัดคอผม ผมสับสนมันเหมือนจริง แต่แผลพวกนี้ยิ่งตอกย้ำว่าผมไม่ได้ฝัน”

     

    “นายไม่ได้ฝัน แจบอมน่ะเป็นแวมไพร์จริงๆแล้วที่นายนอนอยู่นี่ก็โรงพยาบาลของแวมไพร์”

     

    จินยองไขข้อข้องใจในส่วนแรกให้จนหมดแถมตบท้ายด้วยการบอกว่านี่คือโรงพยาบาลของแวมไพร์ แบมแบมนิ่งเงียบเหมือนสมองกำลังดำดิ่งกลับไปสู่เหตุการณ์วันนั้น เขาจำได้ว่าตัวเองไปตามนัดที่แจบอมมาชวนแล้วจากนั้นก็คุยกันเฉยๆพอบอกจะกลับแจบอมก็พูดอะไรขึ้นมาก่อนจะตรงดิ่งเข้ามากัดคอเขาแต่ว่ามีคนมาช่วยเห็นแวบๆในความทรงจำว่าเป็นจินยองกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่เขาเองก็ไม่รู้จัก แต่สัมผัสสุดท้ายที่เขาจำได้มันคุ้นมาก

     

    “ยูคยอม...เด็กใหม่ของห้องผมเขา...เขาเป็นแวมไพร์!

     

    จู่ๆแบมแบมก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างมันเหมือนเขาเห็นว่ายูคยอมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องนี้ มือเล็กกำเข้าหากันด้วยความกลัว จิตใต้สำนึกกำลังเตือนร่างเล็กซ้ำๆว่าเขากำลังดำดิ่งลงไปในจิตใจอีกคน มันไม่ได้มืดแต่มันก็ไม่สว่างทุกอย่างดูเหมือนเป็นสีเทาและในนี้ดูอึดอัดแม้มันจะโล่งกว้างแต่แบมแบมรู้สึกตัวเองอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

     

    “เลิกคิดจะเข้ามาในความรู้สึกฉันได้แล้ว”

     

    “อ๊ะ!

     

    ยูคยอมโผล่มานั่งที่ปลายเตียง ใบหน้าหล่อไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เมื่อเห็นหน้าเหรอหลาดูท่าทางโง่ๆของอีกคนก่อนจะเบนสายตาไปหาจินยองที่ยืนอมยิ้มอยู่ ยูคยอมไม่พอใจเท่าไหร่ที่หลังจากเขาดูดเลือดแบมแบมจากนั้นก็ไม่สามารถอ่านใจใครได้อีกมันก็ดีที่ไม่ต้องมีอะไรมารบกวนแต่ไม่ชอบเวลาที่คนจ้องตามาแล้วไม่รู้ว่าคนนั้นกำลังคิดอะไรกับเขาอยู่ในใจ จินยองขอตัวกลับไปนอนเพราะตอนนี้ตีสองครึ่ง ยูคยอมพยักหน้าส่งๆเมื่อองครักษ์จอมโหดบอกให้ตัวเองดูแลเด็กน้อยที่เหมือนจะยังไม่เข้าใจอะไร

     

    ทั้งห้องเงียบสนิทไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาตอนนี้จะมีก็แต่เสียงโทรทัศน์ที่กำลังฉายหนังฮีโร่ค่ายดัง แบมแบมไม่กล้าจะเอ่ยถามอะไรทั้งสิ้นกับยูคยอม เพราะหน้าตาที่ดูไม่พอใจตลอดเวลานั่นทำให้ไม่อยากเสี่ยงเท่าไหร่แม้อยากจะรู้มากแค่ไหนก็ตาม เพราะเขาไม่รู้ว่าอีกคนจะกระโดดมากัดคอเขาเมื่อไหร่ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็แปลกหน้าสำหรับเขาทั้งนั้น

     

    เข็ดแล้วจริงๆกับเรื่องที่ผ่านมา

     

    “โลกนี้มันมีทั้งสีขาวและสีดำนั่นคือสิ่งที่นายควรคิดให้ได้หลังจากวันนั้น”

     

    จู่ๆยูคยอมก็พูดขึ้นมาทั้งๆที่ตอนนี้สายตายังจับจ้องที่จอโทรทัศน์

     

    “ผมสับสนไปหมด ผมรู้สึกแปลกๆจนคิดอะไรไม่ออก”

     

    “ไว้นายหายดีพี่จินยองคงจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเองนอนเถอะ”

     

    ยูคยอมหันไปจ้องตาอีกคนเขม็ง นั่นคือการสะกดจิตแบมแบมยังไม่ทันถามอะไรต่อแต่เปลือกตาปิดไปเรียบร้อยแล้ว ยูคยอมหยิบเข็มฉีดยาที่วางอยู่ค่อยๆจิ้มเข้าไปที่แขนจนหมดหลอดก่อนจะวางมันลงที่เดิม เขามองออกไปข้างนอกระเบียงในหัวตอนนี้มีแต่ความสับสนเต็มไปหมดเพราะเขากำลังเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของแบมแบม มันสว่างจ้าจนรู้สึกแสบตาแถมยังขาวสะอาดจนน่าตกใจ ยูคยอมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบมแบมถึงเป็นที่ต้องการของเมิร์คเพราะนอกจากจะบริสุทธิ์จนไม่รู้จะอธิบายยังไงยังดูไร้เดียงสาอีกต่างหาก ยูคยอมไม่อาจหยุดคิดได้ว่าเลือดที่เขากินวันนั้นมันรสชาติดีมากกว่าครั้งไหนที่ได้เคยลิ้มลองมาเลยก็ว่าได้

     

     

    ยูคยอมถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวใหญ่ ตาคมปิดสนิทเพราะตลอดสามวันแทบไม่ได้นอนวันแรกที่พากลับมาจากป่าดูเหมือนแบมแบมจะทนรับเชื้อมิททีไม่ไหว ร่างกายนวลเนียนนั่นดูซีดจนน่ากลัว แผลเหวอะหวะยังไม่น่าดูอีกต่างหาก

     

    เขาเฝ้าดูร่างเล็กทุกวันตั้งแต่วันที่หมอผ่าตัดจนเสร็จและสั่งให้เขาฉีดสารบางอย่างเพื่อทำให้แบมแบมสามารถออกไปข้างนอกได้โดยไม่โดนแดดเผาตายซะก่อน เมื่อก่อนแวมไพร์จะใส่เป็นพวกเครื่องรางเหรียญทองแดงที่ทำผสมวัสดุบางอย่างลงไปมันทำให้เหล่าแวมไพร์สามารถไปไหนมาไหนกลางแดดจ้าได้เหมือนคนปกติ แต่เพราะนั่นคือจุดอ่อนแค่เหรียญหายหรือถูกชิงไปก็จะตายถ้าอยู่กลางแจ้ง เลยมีการคิดค้นในยุคที่เทคโนโลยีเริ่มดีขึ้นจนกลายมาเป็นยาฉีดเข้าร่างกาย มันจะกระจายไปทั่วร่างกายช่วยทำให้แวมไพร์อยู่กลางแจ้งตอนกลางวันได้สบายๆแม้อาจจะมีบางครั้งที่มันระคายผิวนิดๆหน่อยๆ

     

     

     

    “แบมแบมตื่นได้แล้ว”

     

    “อื้อ”

     

    “รีบใส่เสื้อผ้าเราต้องไปกันได้แล้ว”

     

     

    แบมแบมที่ยังตื่นไม่เต็มตาทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็หยิบเสื้อผ้าที่ถูกวางไว้ข้างขึ้นมาดู แผลเหมือนจะหายสนิทเขาแทบไม่มีความรู้สึกเจ็บอะไรเลย จินยองชี้ไปทางห้องน้ำก่อนจะเดินออกไปรอข้างนอก ใช้เวลาไม่นานนักร่างเล็กก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่จินยองเป็นคนเลือกให้ เขาทักทายคนนู้นคนนี้ในโรงพยาบาลตามประสาคนรู้จัก เพราะจินยองเองในมิททีก็ฮอตใช่เล่นใครๆก็รู้ว่าจินยองเป็นอันดับต้นๆในกลุ่พวกซอร์แถมยังมีหน้าตาขัดกับความสามารถสุดๆ เพราะใบหน้าคล้ายอิสตรีชวนฝันแต่นิสัยนั้นสวนทางกันแบบชนิดที่ว่า หน้าใสใจโหด

     

    “เราจะไปไหนกันครับรุ่นพี่”

     

    แบมแบมเดินตามไปติดๆเขาไม่ชินเท่าไหร่นักกับการเห็นแวมไพร์เยอะแยะเต็มไปหมดแถมยังรู้สึกแปลกๆกับตัวเองอีกหาก แบมแบมรู้สึกว่าตัวเองไวขึ้น กระฉับกระเฉงขึ้นกว่าปกติหลายเท่า เพราะเมื่อกี้ก่อนออกจากลิฟต์เขาเกือบโดนรถเข็นชนแต่หลบทันทั้งๆที่มันประชิดตัวเขาแบบยังไงก็ชน มันเร็วเกินไป

     

    “ฉันจะตอบคำถามนายทั้งหมดหลังจากที่เราไปกินมื้อเช้ากัน” จินยองตอบพร้อมยิ้มนิดๆ

     

    “แล้วยูคยอมล่ะครับ”

     

    “เด็กบ้านั่นคงไปเรียนละมั้ง”

     

    จินยองพาแบมแบมเดินไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้สำรวจรอบๆไปในตัวทุกอย่างเหมือนปกติไม่ได้จะเก่าแก่อะไรเหมือนในหนังแวมไพร์ย้อนยุค ในนี้เหมือนๆข้างนอกแค่อาจจะต่างกันบางอย่าง จินยองคอยแนะนำนู้นนี่ให้ร่างเล็กฟังตลอดการเดินทางแถมยังแนะนำพวกมิททีหลายตนให้รู้จักคนที่อยู่มานานหลายต่อหลายรุ่น ก่อนจะบอกให้เข้าเลี้ยวเข้าซอยข้างหน้ามันควรถูกเรียกว่าตรอกมากกว่าเพราะมันคับแคบ

     

    “ถึงแล้วนั่นไงร้านโปรดพวกฉัน”

     

    แบมแบมมองร้านที่ตกแต่งสไตล์ไปทางอเมริกันมันมีบาร์นั่งกินต่างจากที่เห็นในเกาหลีมีแต่น้อย จินยองเดินไปนั่งที่บาร์ข้างในสุดมองออกไปเห็นพวกต้นไม้ดอกไม้รอบๆ แบมแบมมองสำรวจรอบๆร้านก่อนจะตกใจกับเจ้าของร้านที่จู่ๆก็โผล่หน้าขึ้นมา

     

    “รับอะไรดีจินยอง”

     

    เจ้าของร้านหน้าตาดียิ้มให้กับจินยองแล้วก็คนที่เขาไม่รู้จักอย่างแบมแบม จินยองมองเมนูข้างหลังแต่ก็เลือกสั่งที่กินประจำ

     

    “หวัดดีครับพี่คุณ เอาแฮมเบอร์เกอร์หมูเบค่อนเพิ่มชีสแล้วก็โค้กสองแก้ว”

     

    “แล้วน้องคนนี้ล่ะ” นิชคุณเอ่ยถามอีกครั้ง

     

    “อ่อ เด็กนี้ต้องกินเลือดอ่ะพี่ ไว้ผมจะเล่าให้ฟังเรื่องมัน เอ่อ...ซับซ้อนมาก”

     

    นิชคุณพยักหน้าแล้วหยิบเลือดจากตู้เย็นออกมาสองถุงส่งให้จินยองแล้วหายเข้าไปที่หลังร้าน แบมแบมมองถุงเลือดด้วยความวิตกปนกลัว เขาไม่ได้เกลียดเลือดแต่คิดถึงรสชาติของมันอาจจะไม่ถูกปากเขาเท่าไหร่นัก สีมันแดงสดจนเกือบจะเข้มสุดเมื่อรวมตัวกันอยู่ในถุง

     

    “กินซะนายจะได้มีแรงแล้วแผลนายจะหายดี รสชาติแรกๆอาจจะแย่แต่เดี๋ยวก็ชิน” จินยองยื่นถุงเลือดให้อีกคนแล้วแอบหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

     

    “นายกินอย่างอื่นก็ได้แต่ต้องหลังจากนายกินเลือดนี้แล้ว ถ้านายไม่กินนายจะหิวอยู่ตลอดเพราะอีกครึ่งในร่างกายนายไม่ใช่มนุษย์แล้วนะ มันทรมานนายอาจจะเผลอไปกัดคอคะ...”

     

    “พอแล้วครับรุ่นพี่ผมจะกินผมเอ่อ...จะกินให้หมดเลย”

     

    แบมแบมหมุนฝาเกลียวเล็กๆบนถุงเลือดออกก่อนจะส่งมันเข้าปากออกแรงบีบนิดๆให้เลือดสีแดงสดไหลลงคอไปเยอะๆแต่มันมากพอจนทำให้เขาแทบจะอาเจียนออกมา แบมแบมรู้สึกพะอืดพะอมกลิ่นคาวคละคลุ้งทั่วปากทั้งคลื่นไส้ปั่นป่วนจนอยากจะโยนอาหารในมือทิ้งไปไกลๆถ้าไม่ติดว่าต่อมามันจะรสชาติดีขึ้นมาหน่อยพอที่จะทำให้เขากินมันเข้าไปจนหมดถุง

     

    “หน้าตานายโคตรตลกเลยแต่ฉันเข้าใจนะเคยลองกินแล้วโคตรน่าอาเจียน คาวเป็นบ้าเลย”

     

    คนฟังยิ้มแหยะๆก่อนจะถูกขัดด้วยเจ้าของร้านที่มาพร้อมเบอร์เกอร์สองอันน้ำโค้กสองแก้วใหญ่ๆ จินยองพยักหน้าเอ่ยปากขอบคุณเหมือนทุกครั้งก่อนจะส่งอีกชุดในแบมแบม ร่างเล็กตาลุกวาวรับมันมาแบบรีบๆก่อนจะกัดมันเข้าปากคำโตท่ามกลางสายตาของคนทั้งสองคนในร้าน

     

    จินยองเริ่มลงมือจัดการอาหารเช้าของตัวเองบ้าง มันเป็นของโปรดของเขาถ้าไม่รวมถึงอาหารเกาหลีอาหารประจำชาติ แต่ในหมู่พวกมิททีหรือซอร์จะไม่ค่อยนิยมกินอาหารเกาหลีกันเท่าไหร่ถ้าไม่ได้อยู่ข้างนอก ร้านของนิชคุณเลยเป็นร้านที่ดังที่สุดในเมือง

     

    “ตกลงพร้อมจะเล่าไอ่เรื่องซับซ้อนให้พี่ฟังได้ยังจินยอง” นิชคุณเอ่ยปากถามเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ทานกันอิ่มเรียบร้อยแล้ว จินยองพยักหน้าขึ้นลงหลังจากดูดน้ำอัดลมอึกสุดท้ายหมดเรียบร้อย

     

    “คือเด็กคนนี้ชื่อแบมแบม เป็นคนไทยเหมือนพี่แต่เขาไม่ใช่เอ่อ...พ่อมดเหมือนพี่นะเด็กนี่เป็นคนธรรมดาแบบว่ามากๆแต่มันพิเศษตรงที่มิทรีคิมเชิญเขามาเรียนที่เซนต์ดิมิทรี พี่ไม่ว่ามันแปล่งๆหรอที่จู่ๆเชิญคนจากที่ไกลๆมาเรียน” จินยองถามด้วยความสงสัย

     

    “ก็แปลกจริงๆนั่นแหละแล้วทำไมถึงได้กลายเป็นมิททีได้ล่ะ”

     

    “ก็เรื่องมันอยู่ตรงนี้แหละพี่คืองี้นะ มาร์คเห็นเด็กนี่กำลังจะตายหมอนั่นเลยคิดแผนดูดวิญญาณบ้าบอที่ผมก็ยังไม่รู้มากนักเพราะเด็กนี่ยังไม่ถึงฆาตมาร์คบอกผมมาแบบนั้น แต่ดันเป็นเป้าหมายของพวกเมิร์คเลยต้องทำให้กลายเป็นมิททีไง” จินยองอธิบายด้วยสีหน้าหน่ายๆเพราะเขาไม่ค่อยอยากจะพูดถึงพวกเมิร์คสักเท่าไหร่

     

    “ปัญหาใหญ่เลยสินะ เพราะตอนเป็นมนุษย์เต็มตัวเด็กคนนี้มีเลือดที่บริสุทธิ์มันทำให้กลิ่นแรงน่ะไม่แปลกเท่าไหร่ที่เมิร์คจะอยากลองของใหม่ๆสดๆดูบ้าง แล้วพวกนายก็สู้กันหรอหมายถึงนายกับแจบอม”

     

    จินยองพยักหน้าขึ้นลง “ไอ้บ้านั่นบีบกะโหลกผมเกือบแหลกดีนะยูคยอมมันช่วยทัน แถมยองแจยังแทงเด็กนี่ซะเกือบตายไม่สิตายเลยด้วยซ้ำ”

     

    “ต่อไปก็ต้องระวังให้ดีๆแต่ไม่เป็นไรหรอกถ้าเป็นมิททียังไงก็แยกแยะได้อยู่แล้ว”

     

    “หมายความว่ายังไงหรอครับ” แบมแบมที่นั่งฟังทั้งคู่คุยกันอยู่นานก็ถามขึ้นมา

     

    “หมายความว่านายจะแยกออกไงว่าไหนมิททีไหนเมิร์ค กลิ่นพวกเมิร์คจะแรง ตอนเป็นคนนายไม่รู้หรอกแต่ตอไปนายจะแยกแยะออกกลิ่นสาบพวกนั้นจะแรงโดยเฉพาะแจบอมน่ะ” จินยองพูดอธิบาย

     

    แบมแบมพยักหน้าเขาไม่งงกับคำศัพท์แปลกๆเท่าไหร่เพราะหนังสือเล่มนั้นที่อ่านไปมันทำให้เขาพอแยกแยะอะไรต่อมิอะไรออกบ้างไม่งั้นจินยองคงรำคาญเขาน่าดูถ้ามัวแต่คอยถามว่าอะไรคือมิททีอะไรคือเมิร์ค แต่ถึงแบบนั้นเรื่องน่าเหลือเชื่อนี่ก็เหมือนฝันอยู่ดี แบมแบมภาวนาตลอดว่าขอให้เขาตื่นขึ้นมาบนเตียงในห้องนอนแคบๆนั่นแต่กลิ่นเลือดที่ยังติดจมูกอยู่ตอนนี้ยิ่งตอกย้ำว่านี่คือเรื่องจริง

     

    นิชคุณไปรับออเดอร์ลูกค้าคนใหม่ปล่อยให้ทั้งคู่คุยกัน เพราะแบมแบมเองก็อยากจะถามเรื่องราวทั้งหมดที่มันชวนสงสัยแม้ไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรก่อนดีก็ตาม จินยองตบบ่าเล็กเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้ากังวล

     

    “นายอยากรู้อะไรก็ถามมาได้เลยฉันจะตอบให้”

    “ทำไมผมถึงเป็นเอ่อ...แวมไพร์” แบมแบมถามคำถามที่อยากรู้ที่สุด

     

    “เพราะนายโดนกัดไง จริงๆมันเป็นวิธีแพลงๆที่พวกมาร์คลองทำกัน มันมีสองวิธีที่จะทำให้นายเป็นแวมไพร์ หนึ่งคือกินเลือดแวมไพร์เข้าไปสองนายโดนกัดสองครั้งในจุดเดียว ก็คล้ายๆในหนังที่นายเคยดูเหมือนรับเชื้อมันเหมือนเอ่อซอมบี้ล่ะมั้ง” จินฮยองพยายามอธิบายให้แบมแบมเข้าใจง่ายที่สุด

     

    “แต่ผมก็ยังเป็นคนด้วยและรู้สึกตัวเองมีประสาทสัมผัสไวแบบไวกว่าปกติ” แบมแบมทำหน้าไม่เข้าใจ

     

    “จริงๆนายจะต้องกลายเป็นมิททีเต็มตัวแน่นอนแต่หลังจากนายหมดอายุขัยมนุษย์ก่อน เพราะมาร์คคืนวิญญาณให้นายแบบดูดมาแล้วให้คืนซึ่งฉันก็บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ที่นายจะเป็นเต็มตัวแต่ก็จะค่อยๆเป็นนายจะรู้ในวันนึงที่ไม่อยากกินอาหารมนุษย์เลย ส่วนประสาทสัมผัสเพราะแวมไพร์ไม่ว่ามิททีหรือเมิร์คหรือนอกเหนือจากนี้ทั่วโลกมีแวมไพร์อยู่เต็มไปหมด พวกนั้นจะมีความไวกว่ามนุษย์หลายเท่าบางคนก็มีพลังเช่นยูคยอม หมอนั่นเป็นลูกของมิทรีคิมและจะเป็นคนดูแลมิททีคนต่อไป”

     

    คำอธิบายยาวเหยียดทำให้แบมแบมเริ่มปะติดปะต่อทุกอย่างได้มากขึ้นบวกกับหนังสือที่อ่านวันนั้น ร่างเล็กเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้คุ้นหน้ายูคยอมนักหนาเพราะเคยเห็นในสมุดภาพลูกชายของมิททีคิมผู้ก่อตั้งโรงเรียน

     

    “ผมจะสื่อสารกับยูคยอมผ่านทางจิตได้หรอ แบบผมรู้สึกมีเขาอยู่ในหัวตลอดเวลา”

     

    จินยองพยักหน้า

     

    “เพราะยูคยอมกัดคอนายเป็นคนแรกนั่นหมายความว่านายจะสื่อถึงกันและกันได้จนกว่าใครจะตายนั่นแหละ แต่ฉันเกลียดข้อนี้ของพวกแวมไพร์งี่เง่าที่สุดยังดีที่เป็นยูคยอมกัดนายนะ แต่ฉันก็ไม่แนะนำให้นายเข้าใกล้ยูคยอมมากนักหรอกนะ หมอนั่นน่ะยิ่งบ้าๆบอๆสามวันดีสี่วันไข้ยิ่งใกล้ๆช่วงฝึกเวทย์แล้วด้วยอย่าไปยุ่งเลยจะดีกว่า

     

    ฉันเตือนนายเลยนะพวกแวมไพร์สะกดจิตได้และมันเป็นเวทมนตร์ที่ทำให้นายหลงใหลใครบางคนหัวปลักหัวปลำ จะว่ายังไงดีนายไม่ควรจะตกหลุมรักมิททีสักคนในนี้เมิร์คยิ่งแล้วใหญ่ ฉันเลยไม่อยากให้นายอยู่ใกล้ยูคยอมมากถ้าไม่จำเป็น คนอาจจะคิดว่าฉันมองโลกในแง่ร้ายแต่ฉันอยู่มานาน น้อยคนที่จะสมหวัง”

     

     

    แบมแบมพยักหน้ารับรู้ เขาไม่ได้ถามอะไรจินยองอีกเพราะจินยองบอกจะพาเขากลับหอและความลับอีกข้อหนึ่งคือจินยองเป็นประธานหอพักอีกคนหนึ่งซึ่งตลอดมาแบมแบมคิดว่ามีแค่แจบอมแต่จินยองอธิบายว่าเพราะหอนั้นมีมนุษย์อยู่แค่ไม่กี่คน จริงๆมันเป็นหอพักที่มนุษย์ไม่ควรไปพักแต่หอพักมันเต็มเลยทำให้เขาอยู่ที่นั่นและจินยองก็คอยดูมาตั้งแต่แบมแบมเข้ามาที่นี่แรกๆ

     

    จินยองพูดถึงเหรียญเงินที่ติดอยู่หน้าห้องมันสอดอยู่หลังหมายเลขห้องนั่นทำให้พวกเมิร์คที่อยู่รอบๆตัวเขาเข้ามาไม่ได้และมันก็ติดอยู่ที่เสื้อสูทของโรงเรียนด้วย เป็นเครื่องรางที่นิชคุณเป็นคนทำความลับอีกข้อที่เขาได้รู้อีกก็คือนิชคุณเป็นพ่อมดที่รู้เรื่องไสยเวทย์ เวทมนตร์ อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ประจำวิชาไสยเวทย์ที่เขาต้องเรียนรู้อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ด้วย

     

    “เดี๋ยวยูคยอมก็คงจะมารับนายแล้ว อ่อ...ฉันลืมบอกไปว่ายูคยอมจะย้ายไปอยู่หอเดียวกับนายห้องตรงข้ามยังไงก็อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะ”

     

    "เดี๋ยวครับ"



     

    50%



     








     

    ยูคยอมเฝ้าดูจินยองกับแบมแบมมาสักพักแล้ว เขาโกหกว่าจะไปเรียนเพราะไปหรือไม่ไปก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาอยู่แล้ว ยูคยอมตามสองคนนั้นเงียบๆแม้จินยองจะมีสัญชาติญาณความเป็นซอร์สูงแต่ยูคยอมไม่อยากจะชมตัวเองว่าเขามีทักษะในเรื่องความไวและอำพรางเก่งกว่าใครทั้งหมดเหตุผลก็เพราะชอบหนีพ่อตนเองออกไปเที่ยวบ่อยๆทำให้ยูคยอมทั้งไวและเร็ว

     

    ตาคมมองจินยองที่เดินออกไปแล้วเขาได้ยินว่าคนตัวเล็กพูดว่าห้ามเข้าใกล้ตนเองและเชื่อว่านั่นคงมาจากปากของจินยองมันก็เหมือนเป็นคำสั่งกลายๆ ยูคยอมหัวเราะหึในลำคอเขาไม่สนใจหรอกว่าแบมแบมอยากจะเข้าใกล้หรือไม่เข้าใกล้เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ถึงจะเคยบอกไปแบบนั้นตอนนั้นว่าเด็กนี่เป็นของเขาแต่ก็แค่พูดเพราะไม่อยากให้พวกเมิร์คเข้าใกล้มากไปกว่านี้ ยูคยอมไม่ได้อยากปกป้องแบมแบมเท่าไหร่นักแต่มาร์คดูเหมือนอยากจะให้เขาปกป้องเด็กคนนี้ซะเหลือเกิน

     

    “ไปกันได้แล้ว”

     

    “อ๊ะ!

     

    มือเล็กตวัดเฉี่ยวหน้ายูคยอมไปนิดเดียวก่อนที่จะตกใจจนเกือบจะเซล้มลงไปถ้ายูคยอมไม่ดึงแขนอีกคนไว้ซะก่อน ร่างสูงกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด

     

    “ขะ...ขอโทษครับ”

     

    “น่ารำคาญจริง”

     

    คำพูดของยูคยอมทำให้แบมแบมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดแต่ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เพราะเขาคงไม่อยากตายก่อนวัยอันควร ยิ่งมองใบหน้าไม่สบอารมณ์ตอนนี้ด้วยแล้วเขาก็พอเข้าใจว่าทำไมจินยองถึงย้ำหนักย้ำหนาว่าอย่าเข้าใกล้ถ้าไม่จำเป็น ดูแล้วลูกชายคนเล็กของมิททีคิมอะไรนั่นจะอารมณ์ร้อนใช่เล่นแถมยังดูขี้หงุดหงิดอีกต่างหาก

     

    ยูคยอมจับแขนแบมแบมก่อนจะหายวับไปโผล่อีกทีก็ที่หน้าสุสาน แบมแบมตกใจเล็กน้อยกับการเดินทางที่ไวกว่าจรวดเขายังไม่ทันจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลยด้วยซ้ำก็มาโผล่ที่หน้าสุสานแล้วแต่ก็ยังดีที่ยูคยอมไม่พาเขาไปฆ่าหมกป่าที่ไหนซะก่อน ร่างเล็กกวาดสายตาไปรอบๆกลิ่นสาบลอยอบอวลจนต้องมือขึ้นมาพัดไปมา มันไม่ได้เหม็นแต่กลิ่นมันทึบๆอับๆเหมือนกลิ่นของป่ารกๆคละคลุ้งด้วยเลือดจางๆ ทำเอาผะอืดผะอม

     

    “ไม่ได้กลิ่นอะไรเลยหรอคุณ”

     

    คำถามชวนสงสัยทำให้ยูคยอมที่เดินก้าวเร็วๆต้องลดจังหวะให้ช้าลง หันไปมองแบมแบมที่เดินตามอยู่ข้างหลังใบหน้าหวานเหยเก

     

    “เดี๋ยวก็ชิน ใหม่ๆก็แบบนี้” ยูคยอมบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

     

    “เวียนหัวชะมัด”

     

    “เลิกบ่นแล้วรีบๆเดินได้แล้วไม่งั้นฉันจะไม่รอนายแล้วนะ ตัวปัญหาจริงๆเลย”

     

    คนโดนบ่นเบะปากน้อยๆ เขาไม่ได้อยากจะเป็นตัวปัญหาของใครซะหน่อยถ้าไม่ติดว่าเกิดอะไรบ้าๆแบบนี้ขึ้น ใครมันจะไปปรับตัวทันกันคิดว่าคนอื่นเขาอยากจะเป็นพวกกินเลือดชาวบ้านรึไง ไอ้คนนิสัยไม่ดี แบมแบมคิดในใจโดยไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังเผลอเข้าไปในความคิดของยูคยอม

     

    “เลิกด่าในใจได้แล้วมันน่ารำคาญ”

     

    แบมแบมสะดุ้งโหยงเขาลืมไปเสียสนิทว่ายูคยอมกับเขาสามารถเข้าไปในความคิดและจิตใจของอีกฝ่ายได้ แต่นั่นหมายถึงต่างคนต่างต้องนึกถึงกันและกัน จะแปลเป็นความหมายให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เขาจะสามารถอ่านความคิดยูคยอมได้ก็ต่อเมื่อยูคยอมคิดถึงเขา จินยองอธิบายว่ามันคล้ายๆพลังจิตที่ทั้งคู่ต้องนึกถึงกันและกันไม่งั้นก็จะสัมผัสได้แค่ความรู้สึกตอนนั้นเท่านั้น

     

    ยูคยอมทักยามหน้าหอกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างที่ร่างเล็กเองก็ไม่รู้ว่าอะไร แต่แบมแบมได้กลิ่นอับๆนั่นอีกแล้วและมันก็ออกมาจากยามหน้าหอที่กำลังจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรแม้กลิ่นจะจางๆแต่แบมแบมก็มั่นใจว่ามันออกมาจากตัวคนๆนี้อย่างแน่นอน

     

    ความสงสัยถูกเก็บไว้ในใจเขาไม่อยากจะถามอะไรยูคยอมเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น นอกจากอีกคนจะไม่ตอบอาจจะด่าว่าเขาเป็นตัวปัญหาอีก

     

    “ขอบคุณที่พามาส่งครับ”

     

    ยูคยอมมองอีกคนจนหายเข้าห้องไปก่อนจะเข้าไปในห้องของตัวเองบ้าง ร่างสูงทิ้งตัวลงบนที่นอนขนาดกลางพลางคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้มันยุ่งวุ่นวายไปหมด ไม่อยากจะโทษว่าเป็นความผิดของคนตัวเล็กแต่เห็นๆกันอยู่ว่าเพราะแค่อยากรักษาชีวิตของเด็กคนเดียวทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปหมด แม้ตอนนั้นที่ได้สู้กับแจบอมมันจะสนุกมากก็เถอะแต่เขาก็สนใจแค่การต่อสู้เท่านั้นแหละ

     

    จริงๆวันนี้ยูคยอมเองก็เพิ่งเข้าไปหาพ่อมาเมื่อเช้า เขาโดนบ่นจนหูชาเรื่องที่ชอบเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนๆด้วยกัน ยูคยอมรู้ว่านอกจากเขาจะชอบการต่อสู้ยิ่งกว่าอะไรดีแล้วยังชอบเที่ยวกลางคืนอีกต่างหาก เมื่อก่อนจะมีมาร์คไปด้วยแต่หลังๆโดนแจ็คสันสั่งห้ามไปเที่ยวไหนตอนกลางคืนถ้าอีกคนไม่ไปด้วย เห็นพี่ชายโดนห้ามหง๋อเหมือนลูกแมวก็อดที่จะแซวไม่ได้ทุกครั้ง ยูคยอมรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัวถึงไม่เคยกัดคอใครแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยกัดใคร

     

    และไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยฆ่าใคร...

     

    เหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีก่อนทำให้ยูคยอมต้องยกยิ้มแววตาสีน้ำตาลเข้มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงหม่น มือกำเข้าหากันแน่นพลางนึกถึงผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ทำให้ยูคยอมรู้จักคำว่ารัก “อัน โซฮี”  เธอเป็นมนุษย์ที่ยูคยอมรู้จักเพราะบังเอิญเจอกันที่สุสาน ยูคยอมไม่ชอบหน้าเธอเท่าไหร่เพราะนอกจากจะชอบทำอะไรโง่ๆยังชอบทำตัวให้เขายิ้มจนโดนมาร์คแขวะบ่อยๆ

     

    จริงๆแล้วยูคยอมเคยมาเรียนที่นี่นั่นก็ตอนที่เขาเจอโซฮีครั้งแรกที่สุสานได้อยู่ห้องเดียวกันและเขาก็ตกหลุมรักโซฮี ยูคยอมไม่ได้ปิดบังเรื่องที่ตัวเองเป็นแวมไพร์และตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจะกัดคอหรือดูดเลือดของเธอแม้อยากจะผูกมัดให้หญิงสาวอยู่ด้วยกันตลอดไปแต่เขารักเธอเกินกว่าจะทำร้ายและไม่ต้องการให้เธอเจ็บปวด

     

    แต่ทุกๆอย่างมันไม่ได้เหมือนที่ยูคยอมคิดไว้เมื่อโซฮีต้องตายด้วยฝีมือของเมิร์ค ร่างที่นอนหมดลมหายใจประดับด้วยรอยยิ้มเล็กๆที่เขาชอบและนั่นเป็นรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่เธอจะหายไปจากยูคยอมตลอดกาล บาดแผลในใจนั่นทำให้ยูคยอมเกือบเป็นบ้าตามหาคนที่ฆ่าโซฮีและเขาก็เจอพี่ชายของแบคเยริน ยูคยอมในตอนนั้นแม้จะไม่มีพลังและแข็งแกร่งมากพอเหมือนตอนนี้แต่เขาก็ฆ่าแบคจินอุนได้สำเร็จ แม้เลือดและหัวใจของผู้ชายคนนั้นไม่อาจเทียบได้เลยกับการจากไป และยูคยอมไม่เคยคิดว่าตัวเองคิดผิดที่ทำแบบนั้น

     

    ในเมื่อสำหรับตัวเขา “เลือดมันต้องล้างด้วยเลือด” เท่านั้นถึงจะสาสม

     

    ยูคยอมพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเขาดันไปนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่ยากจะลบมันทิ้งไป ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้และนั่นมันทำให้เขาโดนนิชคุณตำหนิอยู่บ่อยๆเรื่องการควบคุมพลังที่มีอยู่ให้นิ่งในตอนที่ไม่ได้ใช้มัน เพราะพลังของยูคยอมมีมากกว่าที่คิดยิ่งจิตใจวอกแวกยิ่งทำให้มันอยู่เหนือการควบคุม และมันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ที่ยูคยอมจะต้องสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะเวลาเป็นแบบนั้นทีไรเขารู้สึกอยากจะฆ่าใครสักคนทุกที

     

     

     

     

     

     

    แบมแบมมาโรงเรียนตามปกติโดยไม่ต้องตอบคำถามใครว่าเขาหายไปไหนหลายวันมันน่าโล่งใจนิดหน่อยเพราะจะให้เขาไปเล่าให้ใครต่อใครฟังว่ามีแวมไพร์ในโรงเรียนคงได้หัวเราะเยาะเขาเป็นแน่ถ้าพวกนั้นไม่ใช่ มิทที เมิร์ค หรือซอร์อะไรนั่น ถ้าถามว่าตอนนี้แบมแบมเองรับเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้นได้ไหมเขาเองก็อยากจะตอบทันทีว่า “ไม่!” ใครมันจะไปเข้าใจอะไรง่ายๆกันต่อให้ตอนนี้กลิ่นเมิร์คจะฉุนจมูกไปหมดเพราะยังไม่ชินแต่ก็ยังคิดว่ามันเป็นความฝันอยู่ดี

     

    แวบหนึ่งที่เห็นแบคเยรินมองมาด้วยแววตานิ่งๆเรื่องราวในวันนั้นก็ไหลหวนคืนสู่โสตประสาทฉายซ้ำไปซ้ำมาราวกับว่าในชีวิตของเขามีเรื่องราวอยู่แค่นั้น แบมแบมขนลุกซู่และเขาสาบานได้ว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย ปกติก็ทำตัวไม่ค่อยถูกอยู่แล้วยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งแล้วกันไปใหญ่ ร่างเล็กเลือกที่จะไม่สนใจแล้วก้มลงฟุบลงไปกับโต๊ะเรียนด้วยความเพลีย

     

    “แบมแบม นี่! แบมแบมไม่ไปกินข้าวหรอ”

     

    เสียงเรียกทำให้คนที่กำลังหลับสนิทสะดุ้งตื่นตามสัญชาติญาณและนี่เป็นอีกครั้งที่แบมแบมวาดมือออกไป แต่จีมินหลบมันได้ทันท่วงที เธอหัวเราะร่ากับมิททีหน้าใหม่ที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความกลัวและยังไม่เก่งเรื่องประสาทสัมผัสเท่าไหร่นัก

     

    “จีมิน?

     

    คนถูกเรียกชื่อพยักหน้ายิ้มจนตาปิด

     

    “เยส! ฉันจีมินห้องเดียวกับนายไง แต่ตอนนี้พี่จินยองให้ฉันมาดูแลนายหมายถึงฝึกบางเรื่องให้นายเรื่อยๆเป็นเพื่อนนาย” จีมินอธิบาย

     

    “แสดงว่าเธอก็เป็น....”

     

    จีมินพยักหน้าอีกครั้ง “ใช่ฉันก็เป็นเหมือนนายแต่เต็มตัวนะ อยากดูเขี้ยวฉันไหม”

     

    ยังไม่ทันจะปฏิเสธอะไรจีมินก็อ้าปากโชว์เขี้ยวที่ค่อยๆงอกออกมาสองข้างให้แบมแบมเห็น เธอหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่ดูไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก แบมแบมยิ้มแหยะๆ

     

    “นายก็มีนะลองกลับหอไปดูสิ เขี้ยวนายอาจจะไม่ใหญ่มากเพราะเพิ่งเป็นแสดงว่ากัดใครคงไม่เจ็บเท่าไหร่”

     

    “แล้วเราจะไปกินอะไรกัน” แบมแบมเปลี่ยนเรื่องและตอนนี้ท้องของเขาเริ่มร้องโครกคราก

     

    จีมินทำหน้าครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบออกไปด้วยตาเป็นประกายวิบวับ “เลือดไง”

     

    แค่คำตอบก็ทำให้แบมแบมรู้สึกอยากอาเจียนเขาขนลุกชันพลางคิดถึงเลือดที่กินไปเมื่อวันก่อน กลิ่นคาวมันยังฝังติดจมูก ทั้งเฝื่อนทั้งคาวแถมยังปะแล่มๆแปลกๆอีก แบมแบมส่ายหน้าให้จีมินแต่เธอก็พยักหน้ากลับมาก่อนจะดันตัวอีกคนขึ้นจากเก้าอี้ให้ไปด้วยกัน

     

    มืออวบจูงมือของแบมแบมไปเรื่อยๆถ้าจำไม่ผิดแบมแบมจำได้ว่ามันคือทางไปห้องพยาบาล แบมแบมเบ้หน้าทันทีเมื่อจีมินหยุดอยู่หน้าห้องพยาบาลจริงๆ กลิ่นสาบของเมิร์คลอยเตะเข้าจมูกร่างเล็กมันแรงมากพอที่จะทำให้คนตัวเล็กยกมือขึ้นมาบีบจมูกไว้จนจีมินต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

     

    “ในนี้มีพวกเมิร์คน่าจะหลายคนนะ” แบมแบมบอกด้วยเสียงอู้อี้

     

    “ไม่เป็นไรหรอกในโรงเรียนมีกฎไว้ว่าห้ามทำอะไรกันในนี้อยู่แล้ว พวกนั้นคงมาหาเลือดกินเหมือนเราล่ะมั้ง” จีมินตอบด้วยท่าทางสบายๆ

     

    “ในห้องพยาบาลมีเลือดหรอ”

     

    จีมินพยักหน้า “พวกแวมไพร์ก็มาหาเลือดกินที่นี่แหละมันถูกเก็บไว้ที่นี่ ถ้านายหิววันหลังก็มากินที่นี่หมายถึงเอาเลือดที่นี่จะออกไปกินที่ไหนก็แล้วแต่นาย”

     

    จีมินอธิบายเสร็จกำลังจะเอื้อมมือไปผลักประตูถ้าไม่ติดว่าคนในนั้นเปิดประตูออกมาซะก่อน แบมแบมผงะถอยหลังออกไปสองสามก้าวเมื่อเห็นว่าใคร จีมินทักเยรินตามปกติแต่เธอไม่สนใจมองผ่านจีมินมาที่คนข้างหลัง ดวงตาสีดำเปลี่ยนเป็นสีม่วงหม่นๆเหมือนตอนนั้น

     

    “ใครมาเยริน” เสียงแจบอมตะโกนออกมาจากข้างใน

     

    “เหยื่อคนล่าสุดของเราไง”

     

    และคำตอบของเยรินทำให้แบมแบมเลือกที่จะหันหลังแล้ววิ่งสุดแรงเกิดไม่ได้ยินแม้แต่เสียงจีมินที่ตะโกนเรียกตามหลังมา ขาวเรียววิ่งขึ้นบันไดไปเรื่อยๆจุดมุ่งหมายคือดาดฟ้าที่เมื่อก่อนถ้าไม่มีอะไรทำแบมแบมก็ชอบที่จะขึ้นไปนั่งรับลมเย็นๆให้ตัวเองผ่อนคลาย

     

    แสงแดดตอนกลางวันทำให้คนที่เพิ่งเป็นแวมไพร์หมาดๆรู้สึกหวั่นๆ แบมแบมนึกไปถึงหนังหลายเรื่องที่เคยดูมา แขนผอมค่อยๆยื่นออกไปสัมผัสแสงแดดจางๆที่ตกกระทบมาตรงม้านั่งพอดีแล้วพลิกฝ่ามือไปมาจนเห็นว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นถึงได้เดินไปนั่ง ยังไม่ทันจะหย่อนก้นให้แตะกับม้านั่งเสียงทักข้างหลังทำให้ต้องเด้งตัวขึ้นมาอีกรอบ

     

    “มาทำอะไรบนนี้”

     

    “คุณ!

     

    ยูคยอมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอีกคนเรียกเขาว่าคุณ สรรพนามที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูเท่าไหร่ ร่างเล็กตรงหน้าถอนหายใจออกมาพรู่ใหญ่ราวกับโล่งอกที่เห็นว่าคนตรงหน้าคือคนที่รู้จักดี ใบหน้าหวานยับยุ่งอีกคราจนยูคยอมไม่เข้าใจการกระทำที่อีกฝ่ายแสดงออกมาผ่านหน้าตา

     

    “เป็นอะไร แล้วมาทำอะไรข้างบน” ยูคยอมเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง

     

    “คะ...คือผมแค่...แค่...” ร่างบางตอบด้วยเสียงติดขัด

     

    “แค่อะไรของนาย พูดแค่อยู่ได้น่ารำคาญ”

     

    “แค่กลัวเอ่อ...พี่แจบอม”

     

    คำตอบทำให้ใบหน้าของยูคยอมเปลี่ยนไปร่างสูงเดินมาใกล้ๆแบมแบมออกแรงกระชากร่างเล็กกว่าจนตัวโยนเสียหลักมากระทบแผงอก มือหนาจับต้นคออีกคนปัดผมที่ละอยู่ต้นคอสำรวจอะไรสักอย่างสองข้างก่อนจะใช้มือปลดกระดุมเม็ดที่สองสามและสี่บนเสื้อของแบมแบมออกฝ่ามือหนาล้วงเข้าไปคลำตามแผ่นอกบาง

     

    “คุณปล่อยผมนะ! ปล่อยนะคุณ! นี่ทำบ้าอะไรของคุณ” แบมแบมโวยวายเสียงดัง เขาตกใจไม่น้อยที่จู่ๆยูคยอมก็เดินมากระชากจับต้นคอล้วงเข้าไปในเสื้อ ใบหน้าหวานแดงก่ำ

     

    “เงียบเห่อะน่า ไม่ได้โดนมันกัดมาหรอกใช่ไหม”

     

    ยูคยอมปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระกอดอกมองคนที่กุลีกุจอติดกระดุมให้กลับเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งด้วยสีหน้าอายๆ

     

    “ผมจะไปโดนได้ยังไง ได้ยินแค่เสียงผมก็วิ่งหนีมาเลย”

     

    “แล้วก็ไม่บอกให้หมดทีเดียว ฉันก็นึกว่าเจอตัวต่อตัวก็เลยกลัวว่านายจะโดนกัด”

     

    คำตอบของยูคยอมบวกกับสีหน้านิ่งๆทำให้แบมแบมรู้สึกขัดใจไม่น้อย ถึงจะรู้ว่ายูคยอมจะอายุมากกว่าเขาเป็นร้อยๆปีหรือจะเป็นถึงลูกของเจ้าของโรงเรียนแต่ก็น่าจะพูดขอโทษที่มาเอ่อ...ยุ่มย่ามกับร่างกายเขาไม่ใช่รึไงกัน

     

    ความเงียบทำให้ยูคยอมเผลอมองร่างเล็กที่ออกอาการหงุดหงิดและดูไม่พอใจ จนแบมแบมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับร่างสูงพอดียูคยอมยักคิ้วกวนๆให้

     

    “ถ้าเจอไอ้แจบอมมันอีกอย่าเข้าใกล้มันมากเกินไป พวกแวมไพร์สะกดจิตได้ยิ่งใกล้ยิ่งได้ผล”

     

    แบมแบมพยักหน้า

     

    “ไม่ยักจะขอบคุณที่ฉันบอกนายสักคำหรอ”

     

    “ทีคุณล่ะยังไม่เห็นจะขอโทษผมเลย” แบมแบมเถียงกลับแทบจะทันที

     

    ยูคยอมยกมือขึ้นลูบคางแล้วสาวเท้ามาใกล้ๆจนแบมแบมต้องถอยหลังออกไปชนกับที่กั้นของดาดฟ้า ยูคยอมตีหน้านิ่งใส่แล้วเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ สบตาดวงตาสีดำสนิทที่สั่นระริกอย่างปิดไม่มิด สองมือของแบมแบมแม้จะยันอกไว้ก็ไม่สามารถห้ามให้อีกคนหยุดขยับเข้ามาใกล้ๆได้เลย

     

    ร่างกายของยูคยอมแนบชิดร่างเล็กไว้มือนึงยันกำแพงดาดฟ้าไว้แล้วเลื่อนไปหาซอกคอขาวๆ ปากหยักเป่าลมร้อนใส่หูจนแบมแบมแทบจะยืนไม่อยู่จนยูคยอมต้องประคองร่างเล็กไว้ด้วยมืออีกข้าง เรียวปากสีชาค่อยๆจูบลงบนต้นคอขาวนวลเนียน กลิ่นตัวที่ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมยิ่งทำให้ยูคยอมถูกใจ ลิ้นร้อนตวัดเลียต้นคอขาวก่อนจะเปลี่ยนให้มือที่ยันกำแพงมาทำหน้าที่ดึงรั้งคอเสื้อให้ตนเองพอจะโลมเสียลิ้นให้ลึกลงไปมากกว่าต้นคอด้านบน

     

    “อื้อ...คุณจะทำอะไรผม” แบมแบมถามด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆ ทั้งกลัวและรู้สึกแปลกๆ

     

    ยูคยอมไม่ตอบแต่ขบเม้มแรงๆที่ต้นคอดูดเลียมันย้ำๆจนขึ้นเป็นรอยแดง เส้นเลือดที่คอเต้นตุบๆเหมือนเชิญชวนให้ยูคยอมฝังคมเขี้ยวลงไปแต่เขาเลือกที่จะผละออกมามองปฏิกิริยาของคนในอ้อมแขนที่ตอนนี้แทบจะทรงตัวไม่อยู่

     

    “แค่หยอกเล่นนิดๆหน่อยๆถึงกับเข่าอ่อนเลยหรอ ปวกเปียกยังกะพวกผู้หญิงไปได้”

     

    แบมแบมตวัดสายตาจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้มีรอยยิ้จุดอยู่มุมปาก ไม่ใช่ยิ้มที่จริงใจแต่มันเป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะยิ้มเยาะเสียมากกว่า

     

    “เล่นบ้าอะไรของคุณ! ตลกมากรึไงเล่า ไอ้บ้า!

     

    คนถูกกระทำเดินเข้าใกล้ๆยกมือไปทุบหน้าอกยูคยอมดังอั่กก่อนจะวิ่งหนีออกไปโดยมียูคยอมมองตามจนแผ่นหลังเล็กหายลับ เขาหัวเราะหึในลำคอส่ายหัวนิดๆกับท่าทีของแบมแบม เรียวลิ้นเลียปากตัวเองช้าๆ รสชาติหอมหวานที่ชิมแค่ผายนอกมันทำให้ยูคยอมเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่

     

    “เห่อะ!ทำเป็นพวกผู้หญิงไปได้”

     

     

    แบมแบมวิ่งลงมาจากดาดฟ้าตรงไปที่ห้องเรียน ร่างเล็กยืนหอบหายใจก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองจีมินโผล่มาอีกครั้งด้วยท่าทางร้อนรนแล้วบ่นแบมแบมชุดใหญ่ที่จู่ๆก็วิ่งหายไปปล่อยให้เธอตามหาซะทั่วโรงเรียน แบมแบมเอ่ยปากขอโทษด้วยรอยยิ้มเล็กๆ

     

    “อ่ะ นายกินได้นี่ ฉันเลยซื้อมาให้กะแล้วว่าต้องยังไม่ได้กินอะไร”

     

    จีมินวางขนมปังกับนมลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างหน้าขยั้นคะยอให้แบมแบมกินมันเข้าไปแม้ตอนนี้อีกคนจะไม่หิวเลยเพราะเขายังตื่นเต้นกับเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ไม่หาย แบมแบมยังรู้สึกว่าตัวเองสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่ต้นคอ

     

    “เอ่อ...ฉันลืมบอกคืนนี้นายต้องเริ่มเรียนตอนกลางคืนได้แล้วนะ แต่เรียนแค่สี่วันสำหรับนายคนเดียว”

     

    แบมแบมพยักหน้า “แล้วเธอต้องเรียนทุกวันเลยหรอ แล้วไม่ง่วงรึไง”

     

    “ไม่นะพวกเราไม่ค่อยง่วงหรอกจริงๆก็มีเวลาพักเยอะแยะ แต่นายยังต้องพักไงเลยฝึกแค่สี่วัน” จีมินอธิบาย

     

    “จีมินคือฉัน...ฉัน...เอ่อคือว่าฉัน...อยากรู้ว่ายูคยอมเป็นคนยังไงหรอ”

     

    จีมินหัวเราะหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนให้คำตอบ

     

    “ไม่ถามหมอนั่นล่ะ จะได้รู้คำตอบจริงๆไปเลย”

     

    แบมแบมได้แต่ยิ้มกลบเกลื่นแล้วพยักหน้ารับ เขาไม่อยากเข้าใกล้ยูคยอมแล้วจริงๆเพราะถ้ามากกว่าวันนี้เขาจะต้องตายแน่ๆ  

















    ลงครบแล้วนะคะ <3 ยูคดูหื่นๆ ;w;
    อย่าลืม เม้นท์และสกรีมให้ด้วยนะ 
    Happy Valentine's Day ย้อนหลังค่ะ 
    *ยังไม่ไ้้ด้แก้คำผิด

    แท็กฟิค #ฟิคยบ99

     


    ’ cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×