คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : PERCENT: 03%
PERCENT: 03%
แบมแบมปรือตาขึ้นทีละนิด ตากลมกระพริบถี่เพื่อค่อยๆปรับโฟกัสก่อนจะสะดุ้งตัวขึ้นมาด้วยความตกใจแต่ก็ต้องนอนลงไปใหม่เพราะแขนที่หักกับแผลที่ท้อง ร่างเล็กกวาดสายตามองไปทั่วห้องถ้าดูจากสภาพคร่าวๆมันเหมือนโรงพยาบาลพลันภาพในหัวก็ผุดขึ้นมา
“ตื่นแล้วหรอ”
แบมแบมหันขวับไปทางประตู
“รุ่นพี่จินยอง”
คนถูกเรียกชื่อหัวเราะในลำคอจ้องมองคนเจ็บบนเตียงที่ทำสีหน้าตกใจและกลัวเขาเหมือนเห็นผี จินยองเดินเข้าไปใกล้ๆสำรวจรอยแผลที่แขนก่อนจะใช้มือเลิกผ้าห่มลงท่ามกลางความตกใจของแบมแบม แผลเริ่มหายดีนั่นเพราะครึ่งหนึ่งในตัวแบมแบมเป็นมิทที แวมไพร์เจ็บเป็นเหมือนมนุษย์แต่แผลจะหายเร็วกว่ามนุษย์ถ้าเป็นคนอื่นก็คงอีกนานกว่าจะหายดี
“นายหลับไปสามวันเต็มๆ”
“ผมไม่เข้าใจ ผมฝันประหลาดฝันว่าผมเห็นรุ่นพี่แจบอมเป็นแวมไพร์เขาจะกัดคอผม ผมสับสนมันเหมือนจริง แต่แผลพวกนี้ยิ่งตอกย้ำว่าผมไม่ได้ฝัน”
“นายไม่ได้ฝัน แจบอมน่ะเป็นแวมไพร์จริงๆแล้วที่นายนอนอยู่นี่ก็โรงพยาบาลของแวมไพร์”
จินยองไขข้อข้องใจในส่วนแรกให้จนหมดแถมตบท้ายด้วยการบอกว่านี่คือโรงพยาบาลของแวมไพร์ แบมแบมนิ่งเงียบเหมือนสมองกำลังดำดิ่งกลับไปสู่เหตุการณ์วันนั้น เขาจำได้ว่าตัวเองไปตามนัดที่แจบอมมาชวนแล้วจากนั้นก็คุยกันเฉยๆพอบอกจะกลับแจบอมก็พูดอะไรขึ้นมาก่อนจะตรงดิ่งเข้ามากัดคอเขาแต่ว่ามีคนมาช่วยเห็นแวบๆในความทรงจำว่าเป็นจินยองกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่เขาเองก็ไม่รู้จัก แต่สัมผัสสุดท้ายที่เขาจำได้มันคุ้นมาก
“ยูคยอม...เด็กใหม่ของห้องผมเขา...เขาเป็นแวมไพร์!”
จู่ๆแบมแบมก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างมันเหมือนเขาเห็นว่ายูคยอมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องนี้ มือเล็กกำเข้าหากันด้วยความกลัว จิตใต้สำนึกกำลังเตือนร่างเล็กซ้ำๆว่าเขากำลังดำดิ่งลงไปในจิตใจอีกคน มันไม่ได้มืดแต่มันก็ไม่สว่างทุกอย่างดูเหมือนเป็นสีเทาและในนี้ดูอึดอัดแม้มันจะโล่งกว้างแต่แบมแบมรู้สึกตัวเองอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
“เลิกคิดจะเข้ามาในความรู้สึกฉันได้แล้ว”
“อ๊ะ! “
ยูคยอมโผล่มานั่งที่ปลายเตียง ใบหน้าหล่อไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เมื่อเห็นหน้าเหรอหลาดูท่าทางโง่ๆของอีกคนก่อนจะเบนสายตาไปหาจินยองที่ยืนอมยิ้มอยู่ ยูคยอมไม่พอใจเท่าไหร่ที่หลังจากเขาดูดเลือดแบมแบมจากนั้นก็ไม่สามารถอ่านใจใครได้อีกมันก็ดีที่ไม่ต้องมีอะไรมารบกวนแต่ไม่ชอบเวลาที่คนจ้องตามาแล้วไม่รู้ว่าคนนั้นกำลังคิดอะไรกับเขาอยู่ในใจ จินยองขอตัวกลับไปนอนเพราะตอนนี้ตีสองครึ่ง ยูคยอมพยักหน้าส่งๆเมื่อองครักษ์จอมโหดบอกให้ตัวเองดูแลเด็กน้อยที่เหมือนจะยังไม่เข้าใจอะไร
ทั้งห้องเงียบสนิทไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาตอนนี้จะมีก็แต่เสียงโทรทัศน์ที่กำลังฉายหนังฮีโร่ค่ายดัง แบมแบมไม่กล้าจะเอ่ยถามอะไรทั้งสิ้นกับยูคยอม เพราะหน้าตาที่ดูไม่พอใจตลอดเวลานั่นทำให้ไม่อยากเสี่ยงเท่าไหร่แม้อยากจะรู้มากแค่ไหนก็ตาม เพราะเขาไม่รู้ว่าอีกคนจะกระโดดมากัดคอเขาเมื่อไหร่ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็แปลกหน้าสำหรับเขาทั้งนั้น
เข็ดแล้วจริงๆกับเรื่องที่ผ่านมา
“โลกนี้มันมีทั้งสีขาวและสีดำนั่นคือสิ่งที่นายควรคิดให้ได้หลังจากวันนั้น”
จู่ๆยูคยอมก็พูดขึ้นมาทั้งๆที่ตอนนี้สายตายังจับจ้องที่จอโทรทัศน์
“ผมสับสนไปหมด ผมรู้สึกแปลกๆจนคิดอะไรไม่ออก”
“ไว้นายหายดีพี่จินยองคงจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเองนอนเถอะ”
ยูคยอมหันไปจ้องตาอีกคนเขม็ง นั่นคือการสะกดจิตแบมแบมยังไม่ทันถามอะไรต่อแต่เปลือกตาปิดไปเรียบร้อยแล้ว ยูคยอมหยิบเข็มฉีดยาที่วางอยู่ค่อยๆจิ้มเข้าไปที่แขนจนหมดหลอดก่อนจะวางมันลงที่เดิม เขามองออกไปข้างนอกระเบียงในหัวตอนนี้มีแต่ความสับสนเต็มไปหมดเพราะเขากำลังเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของแบมแบม มันสว่างจ้าจนรู้สึกแสบตาแถมยังขาวสะอาดจนน่าตกใจ ยูคยอมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบมแบมถึงเป็นที่ต้องการของเมิร์คเพราะนอกจากจะบริสุทธิ์จนไม่รู้จะอธิบายยังไงยังดูไร้เดียงสาอีกต่างหาก ยูคยอมไม่อาจหยุดคิดได้ว่าเลือดที่เขากินวันนั้นมันรสชาติดีมากกว่าครั้งไหนที่ได้เคยลิ้มลองมาเลยก็ว่าได้
ยูคยอมถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวใหญ่ ตาคมปิดสนิทเพราะตลอดสามวันแทบไม่ได้นอนวันแรกที่พากลับมาจากป่าดูเหมือนแบมแบมจะทนรับเชื้อมิททีไม่ไหว ร่างกายนวลเนียนนั่นดูซีดจนน่ากลัว แผลเหวอะหวะยังไม่น่าดูอีกต่างหาก
เขาเฝ้าดูร่างเล็กทุกวันตั้งแต่วันที่หมอผ่าตัดจนเสร็จและสั่งให้เขาฉีดสารบางอย่างเพื่อทำให้แบมแบมสามารถออกไปข้างนอกได้โดยไม่โดนแดดเผาตายซะก่อน เมื่อก่อนแวมไพร์จะใส่เป็นพวกเครื่องรางเหรียญทองแดงที่ทำผสมวัสดุบางอย่างลงไปมันทำให้เหล่าแวมไพร์สามารถไปไหนมาไหนกลางแดดจ้าได้เหมือนคนปกติ แต่เพราะนั่นคือจุดอ่อนแค่เหรียญหายหรือถูกชิงไปก็จะตายถ้าอยู่กลางแจ้ง เลยมีการคิดค้นในยุคที่เทคโนโลยีเริ่มดีขึ้นจนกลายมาเป็นยาฉีดเข้าร่างกาย มันจะกระจายไปทั่วร่างกายช่วยทำให้แวมไพร์อยู่กลางแจ้งตอนกลางวันได้สบายๆแม้อาจจะมีบางครั้งที่มันระคายผิวนิดๆหน่อยๆ
“แบมแบมตื่นได้แล้ว”
“อื้อ”
“รีบใส่เสื้อผ้าเราต้องไปกันได้แล้ว”
แบมแบมที่ยังตื่นไม่เต็มตาทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็หยิบเสื้อผ้าที่ถูกวางไว้ข้างขึ้นมาดู แผลเหมือนจะหายสนิทเขาแทบไม่มีความรู้สึกเจ็บอะไรเลย จินยองชี้ไปทางห้องน้ำก่อนจะเดินออกไปรอข้างนอก ใช้เวลาไม่นานนักร่างเล็กก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่จินยองเป็นคนเลือกให้ เขาทักทายคนนู้นคนนี้ในโรงพยาบาลตามประสาคนรู้จัก เพราะจินยองเองในมิททีก็ฮอตใช่เล่นใครๆก็รู้ว่าจินยองเป็นอันดับต้นๆในกลุ่พวกซอร์แถมยังมีหน้าตาขัดกับความสามารถสุดๆ เพราะใบหน้าคล้ายอิสตรีชวนฝันแต่นิสัยนั้นสวนทางกันแบบชนิดที่ว่า หน้าใสใจโหด
“เราจะไปไหนกันครับรุ่นพี่”
แบมแบมเดินตามไปติดๆเขาไม่ชินเท่าไหร่นักกับการเห็นแวมไพร์เยอะแยะเต็มไปหมดแถมยังรู้สึกแปลกๆกับตัวเองอีกหาก แบมแบมรู้สึกว่าตัวเองไวขึ้น กระฉับกระเฉงขึ้นกว่าปกติหลายเท่า เพราะเมื่อกี้ก่อนออกจากลิฟต์เขาเกือบโดนรถเข็นชนแต่หลบทันทั้งๆที่มันประชิดตัวเขาแบบยังไงก็ชน มันเร็วเกินไป
“ฉันจะตอบคำถามนายทั้งหมดหลังจากที่เราไปกินมื้อเช้ากัน” จินยองตอบพร้อมยิ้มนิดๆ
“แล้วยูคยอมล่ะครับ”
“เด็กบ้านั่นคงไปเรียนละมั้ง”
จินยองพาแบมแบมเดินไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้สำรวจรอบๆไปในตัวทุกอย่างเหมือนปกติไม่ได้จะเก่าแก่อะไรเหมือนในหนังแวมไพร์ย้อนยุค ในนี้เหมือนๆข้างนอกแค่อาจจะต่างกันบางอย่าง จินยองคอยแนะนำนู้นนี่ให้ร่างเล็กฟังตลอดการเดินทางแถมยังแนะนำพวกมิททีหลายตนให้รู้จักคนที่อยู่มานานหลายต่อหลายรุ่น ก่อนจะบอกให้เข้าเลี้ยวเข้าซอยข้างหน้ามันควรถูกเรียกว่าตรอกมากกว่าเพราะมันคับแคบ
“ถึงแล้วนั่นไงร้านโปรดพวกฉัน”
แบมแบมมองร้านที่ตกแต่งสไตล์ไปทางอเมริกันมันมีบาร์นั่งกินต่างจากที่เห็นในเกาหลีมีแต่น้อย จินยองเดินไปนั่งที่บาร์ข้างในสุดมองออกไปเห็นพวกต้นไม้ดอกไม้รอบๆ แบมแบมมองสำรวจรอบๆร้านก่อนจะตกใจกับเจ้าของร้านที่จู่ๆก็โผล่หน้าขึ้นมา
“รับอะไรดีจินยอง”
เจ้าของร้านหน้าตาดียิ้มให้กับจินยองแล้วก็คนที่เขาไม่รู้จักอย่างแบมแบม จินยองมองเมนูข้างหลังแต่ก็เลือกสั่งที่กินประจำ
“หวัดดีครับพี่คุณ เอาแฮมเบอร์เกอร์หมูเบค่อนเพิ่มชีสแล้วก็โค้กสองแก้ว”
“แล้วน้องคนนี้ล่ะ” นิชคุณเอ่ยถามอีกครั้ง
“อ่อ เด็กนี้ต้องกินเลือดอ่ะพี่ ไว้ผมจะเล่าให้ฟังเรื่องมัน เอ่อ...ซับซ้อนมาก”
นิชคุณพยักหน้าแล้วหยิบเลือดจากตู้เย็นออกมาสองถุงส่งให้จินยองแล้วหายเข้าไปที่หลังร้าน แบมแบมมองถุงเลือดด้วยความวิตกปนกลัว เขาไม่ได้เกลียดเลือดแต่คิดถึงรสชาติของมันอาจจะไม่ถูกปากเขาเท่าไหร่นัก สีมันแดงสดจนเกือบจะเข้มสุดเมื่อรวมตัวกันอยู่ในถุง
“กินซะนายจะได้มีแรงแล้วแผลนายจะหายดี รสชาติแรกๆอาจจะแย่แต่เดี๋ยวก็ชิน” จินยองยื่นถุงเลือดให้อีกคนแล้วแอบหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“นายกินอย่างอื่นก็ได้แต่ต้องหลังจากนายกินเลือดนี้แล้ว ถ้านายไม่กินนายจะหิวอยู่ตลอดเพราะอีกครึ่งในร่างกายนายไม่ใช่มนุษย์แล้วนะ มันทรมานนายอาจจะเผลอไปกัดคอคะ...”
“พอแล้วครับรุ่นพี่ผมจะกินผมเอ่อ...จะกินให้หมดเลย”
แบมแบมหมุนฝาเกลียวเล็กๆบนถุงเลือดออกก่อนจะส่งมันเข้าปากออกแรงบีบนิดๆให้เลือดสีแดงสดไหลลงคอไปเยอะๆแต่มันมากพอจนทำให้เขาแทบจะอาเจียนออกมา แบมแบมรู้สึกพะอืดพะอมกลิ่นคาวคละคลุ้งทั่วปากทั้งคลื่นไส้ปั่นป่วนจนอยากจะโยนอาหารในมือทิ้งไปไกลๆถ้าไม่ติดว่าต่อมามันจะรสชาติดีขึ้นมาหน่อยพอที่จะทำให้เขากินมันเข้าไปจนหมดถุง
“หน้าตานายโคตรตลกเลยแต่ฉันเข้าใจนะเคยลองกินแล้วโคตรน่าอาเจียน คาวเป็นบ้าเลย”
คนฟังยิ้มแหยะๆก่อนจะถูกขัดด้วยเจ้าของร้านที่มาพร้อมเบอร์เกอร์สองอันน้ำโค้กสองแก้วใหญ่ๆ จินยองพยักหน้าเอ่ยปากขอบคุณเหมือนทุกครั้งก่อนจะส่งอีกชุดในแบมแบม ร่างเล็กตาลุกวาวรับมันมาแบบรีบๆก่อนจะกัดมันเข้าปากคำโตท่ามกลางสายตาของคนทั้งสองคนในร้าน
จินยองเริ่มลงมือจัดการอาหารเช้าของตัวเองบ้าง มันเป็นของโปรดของเขาถ้าไม่รวมถึงอาหารเกาหลีอาหารประจำชาติ แต่ในหมู่พวกมิททีหรือซอร์จะไม่ค่อยนิยมกินอาหารเกาหลีกันเท่าไหร่ถ้าไม่ได้อยู่ข้างนอก ร้านของนิชคุณเลยเป็นร้านที่ดังที่สุดในเมือง
“ตกลงพร้อมจะเล่าไอ่เรื่องซับซ้อนให้พี่ฟังได้ยังจินยอง” นิชคุณเอ่ยปากถามเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ทานกันอิ่มเรียบร้อยแล้ว จินยองพยักหน้าขึ้นลงหลังจากดูดน้ำอัดลมอึกสุดท้ายหมดเรียบร้อย
“คือเด็กคนนี้ชื่อแบมแบม เป็นคนไทยเหมือนพี่แต่เขาไม่ใช่เอ่อ...พ่อมดเหมือนพี่นะเด็กนี่เป็นคนธรรมดาแบบว่ามากๆแต่มันพิเศษตรงที่มิทรีคิมเชิญเขามาเรียนที่เซนต์ดิมิทรี พี่ไม่ว่ามันแปล่งๆหรอที่จู่ๆเชิญคนจากที่ไกลๆมาเรียน” จินยองถามด้วยความสงสัย
“ก็แปลกจริงๆนั่นแหละแล้วทำไมถึงได้กลายเป็นมิททีได้ล่ะ”
“ก็เรื่องมันอยู่ตรงนี้แหละพี่คืองี้นะ มาร์คเห็นเด็กนี่กำลังจะตายหมอนั่นเลยคิดแผนดูดวิญญาณบ้าบอที่ผมก็ยังไม่รู้มากนักเพราะเด็กนี่ยังไม่ถึงฆาตมาร์คบอกผมมาแบบนั้น แต่ดันเป็นเป้าหมายของพวกเมิร์คเลยต้องทำให้กลายเป็นมิททีไง” จินยองอธิบายด้วยสีหน้าหน่ายๆเพราะเขาไม่ค่อยอยากจะพูดถึงพวกเมิร์คสักเท่าไหร่
“ปัญหาใหญ่เลยสินะ เพราะตอนเป็นมนุษย์เต็มตัวเด็กคนนี้มีเลือดที่บริสุทธิ์มันทำให้กลิ่นแรงน่ะไม่แปลกเท่าไหร่ที่เมิร์คจะอยากลองของใหม่ๆสดๆดูบ้าง แล้วพวกนายก็สู้กันหรอหมายถึงนายกับแจบอม”
จินยองพยักหน้าขึ้นลง “ไอ้บ้านั่นบีบกะโหลกผมเกือบแหลกดีนะยูคยอมมันช่วยทัน แถมยองแจยังแทงเด็กนี่ซะเกือบตายไม่สิตายเลยด้วยซ้ำ”
“ต่อไปก็ต้องระวังให้ดีๆแต่ไม่เป็นไรหรอกถ้าเป็นมิททียังไงก็แยกแยะได้อยู่แล้ว”
“หมายความว่ายังไงหรอครับ” แบมแบมที่นั่งฟังทั้งคู่คุยกันอยู่นานก็ถามขึ้นมา
“หมายความว่านายจะแยกออกไงว่าไหนมิททีไหนเมิร์ค กลิ่นพวกเมิร์คจะแรง ตอนเป็นคนนายไม่รู้หรอกแต่ตอไปนายจะแยกแยะออกกลิ่นสาบพวกนั้นจะแรงโดยเฉพาะแจบอมน่ะ” จินยองพูดอธิบาย
แบมแบมพยักหน้าเขาไม่งงกับคำศัพท์แปลกๆเท่าไหร่เพราะหนังสือเล่มนั้นที่อ่านไปมันทำให้เขาพอแยกแยะอะไรต่อมิอะไรออกบ้างไม่งั้นจินยองคงรำคาญเขาน่าดูถ้ามัวแต่คอยถามว่าอะไรคือมิททีอะไรคือเมิร์ค แต่ถึงแบบนั้นเรื่องน่าเหลือเชื่อนี่ก็เหมือนฝันอยู่ดี แบมแบมภาวนาตลอดว่าขอให้เขาตื่นขึ้นมาบนเตียงในห้องนอนแคบๆนั่นแต่กลิ่นเลือดที่ยังติดจมูกอยู่ตอนนี้ยิ่งตอกย้ำว่านี่คือเรื่องจริง
นิชคุณไปรับออเดอร์ลูกค้าคนใหม่ปล่อยให้ทั้งคู่คุยกัน เพราะแบมแบมเองก็อยากจะถามเรื่องราวทั้งหมดที่มันชวนสงสัยแม้ไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรก่อนดีก็ตาม จินยองตบบ่าเล็กเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้ากังวล
“นายอยากรู้อะไรก็ถามมาได้เลยฉันจะตอบให้”
“ทำไมผมถึงเป็นเอ่อ...แวมไพร์” แบมแบมถามคำถามที่อยากรู้ที่สุด
“เพราะนายโดนกัดไง จริงๆมันเป็นวิธีแพลงๆที่พวกมาร์คลองทำกัน มันมีสองวิธีที่จะทำให้นายเป็นแวมไพร์ หนึ่งคือกินเลือดแวมไพร์เข้าไปสองนายโดนกัดสองครั้งในจุดเดียว ก็คล้ายๆในหนังที่นายเคยดูเหมือนรับเชื้อมันเหมือนเอ่อซอมบี้ล่ะมั้ง” จินฮยองพยายามอธิบายให้แบมแบมเข้าใจง่ายที่สุด
“แต่ผมก็ยังเป็นคนด้วยและรู้สึกตัวเองมีประสาทสัมผัสไวแบบไวกว่าปกติ” แบมแบมทำหน้าไม่เข้าใจ
“จริงๆนายจะต้องกลายเป็นมิททีเต็มตัวแน่นอนแต่หลังจากนายหมดอายุขัยมนุษย์ก่อน เพราะมาร์คคืนวิญญาณให้นายแบบดูดมาแล้วให้คืนซึ่งฉันก็บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ที่นายจะเป็นเต็มตัวแต่ก็จะค่อยๆเป็นนายจะรู้ในวันนึงที่ไม่อยากกินอาหารมนุษย์เลย ส่วนประสาทสัมผัสเพราะแวมไพร์ไม่ว่ามิททีหรือเมิร์คหรือนอกเหนือจากนี้ทั่วโลกมีแวมไพร์อยู่เต็มไปหมด พวกนั้นจะมีความไวกว่ามนุษย์หลายเท่าบางคนก็มีพลังเช่นยูคยอม หมอนั่นเป็นลูกของมิทรีคิมและจะเป็นคนดูแลมิททีคนต่อไป”
คำอธิบายยาวเหยียดทำให้แบมแบมเริ่มปะติดปะต่อทุกอย่างได้มากขึ้นบวกกับหนังสือที่อ่านวันนั้น ร่างเล็กเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้คุ้นหน้ายูคยอมนักหนาเพราะเคยเห็นในสมุดภาพลูกชายของมิททีคิมผู้ก่อตั้งโรงเรียน
“ผมจะสื่อสารกับยูคยอมผ่านทางจิตได้หรอ แบบผมรู้สึกมีเขาอยู่ในหัวตลอดเวลา”
จินยองพยักหน้า
“เพราะยูคยอมกัดคอนายเป็นคนแรกนั่นหมายความว่านายจะสื่อถึงกันและกันได้จนกว่าใครจะตายนั่นแหละ แต่ฉันเกลียดข้อนี้ของพวกแวมไพร์งี่เง่าที่สุดยังดีที่เป็นยูคยอมกัดนายนะ แต่ฉันก็ไม่แนะนำให้นายเข้าใกล้ยูคยอมมากนักหรอกนะ หมอนั่นน่ะยิ่งบ้าๆบอๆสามวันดีสี่วันไข้ยิ่งใกล้ๆช่วงฝึกเวทย์แล้วด้วยอย่าไปยุ่งเลยจะดีกว่า
ฉันเตือนนายเลยนะพวกแวมไพร์สะกดจิตได้และมันเป็นเวทมนตร์ที่ทำให้นายหลงใหลใครบางคนหัวปลักหัวปลำ จะว่ายังไงดีนายไม่ควรจะตกหลุมรักมิททีสักคนในนี้เมิร์คยิ่งแล้วใหญ่ ฉันเลยไม่อยากให้นายอยู่ใกล้ยูคยอมมากถ้าไม่จำเป็น คนอาจจะคิดว่าฉันมองโลกในแง่ร้ายแต่ฉันอยู่มานาน น้อยคนที่จะสมหวัง”
แบมแบมพยักหน้ารับรู้ เขาไม่ได้ถามอะไรจินยองอีกเพราะจินยองบอกจะพาเขากลับหอและความลับอีกข้อหนึ่งคือจินยองเป็นประธานหอพักอีกคนหนึ่งซึ่งตลอดมาแบมแบมคิดว่ามีแค่แจบอมแต่จินยองอธิบายว่าเพราะหอนั้นมีมนุษย์อยู่แค่ไม่กี่คน จริงๆมันเป็นหอพักที่มนุษย์ไม่ควรไปพักแต่หอพักมันเต็มเลยทำให้เขาอยู่ที่นั่นและจินยองก็คอยดูมาตั้งแต่แบมแบมเข้ามาที่นี่แรกๆ
จินยองพูดถึงเหรียญเงินที่ติดอยู่หน้าห้องมันสอดอยู่หลังหมายเลขห้องนั่นทำให้พวกเมิร์คที่อยู่รอบๆตัวเขาเข้ามาไม่ได้และมันก็ติดอยู่ที่เสื้อสูทของโรงเรียนด้วย เป็นเครื่องรางที่นิชคุณเป็นคนทำความลับอีกข้อที่เขาได้รู้อีกก็คือนิชคุณเป็นพ่อมดที่รู้เรื่องไสยเวทย์ เวทมนตร์ อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ประจำวิชาไสยเวทย์ที่เขาต้องเรียนรู้อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ด้วย
“เดี๋ยวยูคยอมก็คงจะมารับนายแล้ว อ่อ...ฉันลืมบอกไปว่ายูคยอมจะย้ายไปอยู่หอเดียวกับนายห้องตรงข้ามยังไงก็อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะ”
"เดี๋ยวครับ"
50%
ยูคยอมเฝ้าดูจินยองกับแบมแบมมาสักพักแล้ว เขาโกหกว่าจะไปเรียนเพราะไปหรือไม่ไปก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาอยู่แล้ว ยูคยอมตามสองคนนั้นเงียบๆแม้จินยองจะมีสัญชาติญาณความเป็นซอร์สูงแต่ยูคยอมไม่อยากจะชมตัวเองว่าเขามีทักษะในเรื่องความไวและอำพรางเก่งกว่าใครทั้งหมดเหตุผลก็เพราะชอบหนีพ่อตนเองออกไปเที่ยวบ่อยๆทำให้ยูคยอมทั้งไวและเร็ว
ตาคมมองจินยองที่เดินออกไปแล้วเขาได้ยินว่าคนตัวเล็กพูดว่าห้ามเข้าใกล้ตนเองและเชื่อว่านั่นคงมาจากปากของจินยองมันก็เหมือนเป็นคำสั่งกลายๆ ยูคยอมหัวเราะหึในลำคอเขาไม่สนใจหรอกว่าแบมแบมอยากจะเข้าใกล้หรือไม่เข้าใกล้เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ถึงจะเคยบอกไปแบบนั้นตอนนั้นว่าเด็กนี่เป็นของเขาแต่ก็แค่พูดเพราะไม่อยากให้พวกเมิร์คเข้าใกล้มากไปกว่านี้ ยูคยอมไม่ได้อยากปกป้องแบมแบมเท่าไหร่นักแต่มาร์คดูเหมือนอยากจะให้เขาปกป้องเด็กคนนี้ซะเหลือเกิน
“ไปกันได้แล้ว”
“อ๊ะ!”
มือเล็กตวัดเฉี่ยวหน้ายูคยอมไปนิดเดียวก่อนที่จะตกใจจนเกือบจะเซล้มลงไปถ้ายูคยอมไม่ดึงแขนอีกคนไว้ซะก่อน ร่างสูงกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด
“ขะ...ขอโทษครับ”
“น่ารำคาญจริง”
คำพูดของยูคยอมทำให้แบมแบมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดแต่ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เพราะเขาคงไม่อยากตายก่อนวัยอันควร ยิ่งมองใบหน้าไม่สบอารมณ์ตอนนี้ด้วยแล้วเขาก็พอเข้าใจว่าทำไมจินยองถึงย้ำหนักย้ำหนาว่าอย่าเข้าใกล้ถ้าไม่จำเป็น ดูแล้วลูกชายคนเล็กของมิททีคิมอะไรนั่นจะอารมณ์ร้อนใช่เล่นแถมยังดูขี้หงุดหงิดอีกต่างหาก
ยูคยอมจับแขนแบมแบมก่อนจะหายวับไปโผล่อีกทีก็ที่หน้าสุสาน แบมแบมตกใจเล็กน้อยกับการเดินทางที่ไวกว่าจรวดเขายังไม่ทันจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลยด้วยซ้ำก็มาโผล่ที่หน้าสุสานแล้วแต่ก็ยังดีที่ยูคยอมไม่พาเขาไปฆ่าหมกป่าที่ไหนซะก่อน ร่างเล็กกวาดสายตาไปรอบๆกลิ่นสาบลอยอบอวลจนต้องมือขึ้นมาพัดไปมา มันไม่ได้เหม็นแต่กลิ่นมันทึบๆอับๆเหมือนกลิ่นของป่ารกๆคละคลุ้งด้วยเลือดจางๆ ทำเอาผะอืดผะอม
“ไม่ได้กลิ่นอะไรเลยหรอคุณ”
คำถามชวนสงสัยทำให้ยูคยอมที่เดินก้าวเร็วๆต้องลดจังหวะให้ช้าลง หันไปมองแบมแบมที่เดินตามอยู่ข้างหลังใบหน้าหวานเหยเก
“เดี๋ยวก็ชิน ใหม่ๆก็แบบนี้” ยูคยอมบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“เวียนหัวชะมัด”
“เลิกบ่นแล้วรีบๆเดินได้แล้วไม่งั้นฉันจะไม่รอนายแล้วนะ ตัวปัญหาจริงๆเลย”
คนโดนบ่นเบะปากน้อยๆ เขาไม่ได้อยากจะเป็นตัวปัญหาของใครซะหน่อยถ้าไม่ติดว่าเกิดอะไรบ้าๆแบบนี้ขึ้น ใครมันจะไปปรับตัวทันกันคิดว่าคนอื่นเขาอยากจะเป็นพวกกินเลือดชาวบ้านรึไง ไอ้คนนิสัยไม่ดี แบมแบมคิดในใจโดยไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังเผลอเข้าไปในความคิดของยูคยอม
“เลิกด่าในใจได้แล้วมันน่ารำคาญ”
แบมแบมสะดุ้งโหยงเขาลืมไปเสียสนิทว่ายูคยอมกับเขาสามารถเข้าไปในความคิดและจิตใจของอีกฝ่ายได้ แต่นั่นหมายถึงต่างคนต่างต้องนึกถึงกันและกัน จะแปลเป็นความหมายให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เขาจะสามารถอ่านความคิดยูคยอมได้ก็ต่อเมื่อยูคยอมคิดถึงเขา จินยองอธิบายว่ามันคล้ายๆพลังจิตที่ทั้งคู่ต้องนึกถึงกันและกันไม่งั้นก็จะสัมผัสได้แค่ความรู้สึกตอนนั้นเท่านั้น
ยูคยอมทักยามหน้าหอกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างที่ร่างเล็กเองก็ไม่รู้ว่าอะไร แต่แบมแบมได้กลิ่นอับๆนั่นอีกแล้วและมันก็ออกมาจากยามหน้าหอที่กำลังจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรแม้กลิ่นจะจางๆแต่แบมแบมก็มั่นใจว่ามันออกมาจากตัวคนๆนี้อย่างแน่นอน
ความสงสัยถูกเก็บไว้ในใจเขาไม่อยากจะถามอะไรยูคยอมเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น นอกจากอีกคนจะไม่ตอบอาจจะด่าว่าเขาเป็นตัวปัญหาอีก
“ขอบคุณที่พามาส่งครับ”
ยูคยอมมองอีกคนจนหายเข้าห้องไปก่อนจะเข้าไปในห้องของตัวเองบ้าง ร่างสูงทิ้งตัวลงบนที่นอนขนาดกลางพลางคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้มันยุ่งวุ่นวายไปหมด ไม่อยากจะโทษว่าเป็นความผิดของคนตัวเล็กแต่เห็นๆกันอยู่ว่าเพราะแค่อยากรักษาชีวิตของเด็กคนเดียวทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปหมด แม้ตอนนั้นที่ได้สู้กับแจบอมมันจะสนุกมากก็เถอะแต่เขาก็สนใจแค่การต่อสู้เท่านั้นแหละ
จริงๆวันนี้ยูคยอมเองก็เพิ่งเข้าไปหาพ่อมาเมื่อเช้า เขาโดนบ่นจนหูชาเรื่องที่ชอบเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนๆด้วยกัน ยูคยอมรู้ว่านอกจากเขาจะชอบการต่อสู้ยิ่งกว่าอะไรดีแล้วยังชอบเที่ยวกลางคืนอีกต่างหาก เมื่อก่อนจะมีมาร์คไปด้วยแต่หลังๆโดนแจ็คสันสั่งห้ามไปเที่ยวไหนตอนกลางคืนถ้าอีกคนไม่ไปด้วย เห็นพี่ชายโดนห้ามหง๋อเหมือนลูกแมวก็อดที่จะแซวไม่ได้ทุกครั้ง ยูคยอมรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัวถึงไม่เคยกัดคอใครแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยกัดใคร
และไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยฆ่าใคร...
เหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีก่อนทำให้ยูคยอมต้องยกยิ้มแววตาสีน้ำตาลเข้มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงหม่น มือกำเข้าหากันแน่นพลางนึกถึงผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ทำให้ยูคยอมรู้จักคำว่ารัก “อัน โซฮี” เธอเป็นมนุษย์ที่ยูคยอมรู้จักเพราะบังเอิญเจอกันที่สุสาน ยูคยอมไม่ชอบหน้าเธอเท่าไหร่เพราะนอกจากจะชอบทำอะไรโง่ๆยังชอบทำตัวให้เขายิ้มจนโดนมาร์คแขวะบ่อยๆ
จริงๆแล้วยูคยอมเคยมาเรียนที่นี่นั่นก็ตอนที่เขาเจอโซฮีครั้งแรกที่สุสานได้อยู่ห้องเดียวกันและเขาก็ตกหลุมรักโซฮี ยูคยอมไม่ได้ปิดบังเรื่องที่ตัวเองเป็นแวมไพร์และตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจะกัดคอหรือดูดเลือดของเธอแม้อยากจะผูกมัดให้หญิงสาวอยู่ด้วยกันตลอดไปแต่เขารักเธอเกินกว่าจะทำร้ายและไม่ต้องการให้เธอเจ็บปวด
แต่ทุกๆอย่างมันไม่ได้เหมือนที่ยูคยอมคิดไว้เมื่อโซฮีต้องตายด้วยฝีมือของเมิร์ค ร่างที่นอนหมดลมหายใจประดับด้วยรอยยิ้มเล็กๆที่เขาชอบและนั่นเป็นรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่เธอจะหายไปจากยูคยอมตลอดกาล บาดแผลในใจนั่นทำให้ยูคยอมเกือบเป็นบ้าตามหาคนที่ฆ่าโซฮีและเขาก็เจอพี่ชายของแบคเยริน ยูคยอมในตอนนั้นแม้จะไม่มีพลังและแข็งแกร่งมากพอเหมือนตอนนี้แต่เขาก็ฆ่าแบคจินอุนได้สำเร็จ แม้เลือดและหัวใจของผู้ชายคนนั้นไม่อาจเทียบได้เลยกับการจากไป และยูคยอมไม่เคยคิดว่าตัวเองคิดผิดที่ทำแบบนั้น
ในเมื่อสำหรับตัวเขา “เลือดมันต้องล้างด้วยเลือด” เท่านั้นถึงจะสาสม
ยูคยอมพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเขาดันไปนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่ยากจะลบมันทิ้งไป ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้และนั่นมันทำให้เขาโดนนิชคุณตำหนิอยู่บ่อยๆเรื่องการควบคุมพลังที่มีอยู่ให้นิ่งในตอนที่ไม่ได้ใช้มัน เพราะพลังของยูคยอมมีมากกว่าที่คิดยิ่งจิตใจวอกแวกยิ่งทำให้มันอยู่เหนือการควบคุม และมันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ที่ยูคยอมจะต้องสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะเวลาเป็นแบบนั้นทีไรเขารู้สึกอยากจะฆ่าใครสักคนทุกที
แบมแบมมาโรงเรียนตามปกติโดยไม่ต้องตอบคำถามใครว่าเขาหายไปไหนหลายวันมันน่าโล่งใจนิดหน่อยเพราะจะให้เขาไปเล่าให้ใครต่อใครฟังว่ามีแวมไพร์ในโรงเรียนคงได้หัวเราะเยาะเขาเป็นแน่ถ้าพวกนั้นไม่ใช่ มิทที เมิร์ค หรือซอร์อะไรนั่น ถ้าถามว่าตอนนี้แบมแบมเองรับเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้นได้ไหมเขาเองก็อยากจะตอบทันทีว่า “ไม่!” ใครมันจะไปเข้าใจอะไรง่ายๆกันต่อให้ตอนนี้กลิ่นเมิร์คจะฉุนจมูกไปหมดเพราะยังไม่ชินแต่ก็ยังคิดว่ามันเป็นความฝันอยู่ดี
แวบหนึ่งที่เห็นแบคเยรินมองมาด้วยแววตานิ่งๆเรื่องราวในวันนั้นก็ไหลหวนคืนสู่โสตประสาทฉายซ้ำไปซ้ำมาราวกับว่าในชีวิตของเขามีเรื่องราวอยู่แค่นั้น แบมแบมขนลุกซู่และเขาสาบานได้ว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย ปกติก็ทำตัวไม่ค่อยถูกอยู่แล้วยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งแล้วกันไปใหญ่ ร่างเล็กเลือกที่จะไม่สนใจแล้วก้มลงฟุบลงไปกับโต๊ะเรียนด้วยความเพลีย
“แบมแบม นี่! แบมแบมไม่ไปกินข้าวหรอ”
เสียงเรียกทำให้คนที่กำลังหลับสนิทสะดุ้งตื่นตามสัญชาติญาณและนี่เป็นอีกครั้งที่แบมแบมวาดมือออกไป แต่จีมินหลบมันได้ทันท่วงที เธอหัวเราะร่ากับมิททีหน้าใหม่ที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความกลัวและยังไม่เก่งเรื่องประสาทสัมผัสเท่าไหร่นัก
“จีมิน?”
คนถูกเรียกชื่อพยักหน้ายิ้มจนตาปิด
“เยส! ฉันจีมินห้องเดียวกับนายไง แต่ตอนนี้พี่จินยองให้ฉันมาดูแลนายหมายถึงฝึกบางเรื่องให้นายเรื่อยๆเป็นเพื่อนนาย” จีมินอธิบาย
“แสดงว่าเธอก็เป็น....”
จีมินพยักหน้าอีกครั้ง “ใช่ฉันก็เป็นเหมือนนายแต่เต็มตัวนะ อยากดูเขี้ยวฉันไหม”
ยังไม่ทันจะปฏิเสธอะไรจีมินก็อ้าปากโชว์เขี้ยวที่ค่อยๆงอกออกมาสองข้างให้แบมแบมเห็น เธอหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่ดูไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก แบมแบมยิ้มแหยะๆ
“นายก็มีนะลองกลับหอไปดูสิ เขี้ยวนายอาจจะไม่ใหญ่มากเพราะเพิ่งเป็นแสดงว่ากัดใครคงไม่เจ็บเท่าไหร่”
“แล้วเราจะไปกินอะไรกัน” แบมแบมเปลี่ยนเรื่องและตอนนี้ท้องของเขาเริ่มร้องโครกคราก
จีมินทำหน้าครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบออกไปด้วยตาเป็นประกายวิบวับ “เลือดไง”
แค่คำตอบก็ทำให้แบมแบมรู้สึกอยากอาเจียนเขาขนลุกชันพลางคิดถึงเลือดที่กินไปเมื่อวันก่อน กลิ่นคาวมันยังฝังติดจมูก ทั้งเฝื่อนทั้งคาวแถมยังปะแล่มๆแปลกๆอีก แบมแบมส่ายหน้าให้จีมินแต่เธอก็พยักหน้ากลับมาก่อนจะดันตัวอีกคนขึ้นจากเก้าอี้ให้ไปด้วยกัน
มืออวบจูงมือของแบมแบมไปเรื่อยๆถ้าจำไม่ผิดแบมแบมจำได้ว่ามันคือทางไปห้องพยาบาล แบมแบมเบ้หน้าทันทีเมื่อจีมินหยุดอยู่หน้าห้องพยาบาลจริงๆ กลิ่นสาบของเมิร์คลอยเตะเข้าจมูกร่างเล็กมันแรงมากพอที่จะทำให้คนตัวเล็กยกมือขึ้นมาบีบจมูกไว้จนจีมินต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ในนี้มีพวกเมิร์คน่าจะหลายคนนะ” แบมแบมบอกด้วยเสียงอู้อี้
“ไม่เป็นไรหรอกในโรงเรียนมีกฎไว้ว่าห้ามทำอะไรกันในนี้อยู่แล้ว พวกนั้นคงมาหาเลือดกินเหมือนเราล่ะมั้ง” จีมินตอบด้วยท่าทางสบายๆ
“ในห้องพยาบาลมีเลือดหรอ”
จีมินพยักหน้า “พวกแวมไพร์ก็มาหาเลือดกินที่นี่แหละมันถูกเก็บไว้ที่นี่ ถ้านายหิววันหลังก็มากินที่นี่หมายถึงเอาเลือดที่นี่จะออกไปกินที่ไหนก็แล้วแต่นาย”
จีมินอธิบายเสร็จกำลังจะเอื้อมมือไปผลักประตูถ้าไม่ติดว่าคนในนั้นเปิดประตูออกมาซะก่อน แบมแบมผงะถอยหลังออกไปสองสามก้าวเมื่อเห็นว่าใคร จีมินทักเยรินตามปกติแต่เธอไม่สนใจมองผ่านจีมินมาที่คนข้างหลัง ดวงตาสีดำเปลี่ยนเป็นสีม่วงหม่นๆเหมือนตอนนั้น
“ใครมาเยริน” เสียงแจบอมตะโกนออกมาจากข้างใน
“เหยื่อคนล่าสุดของเราไง”
และคำตอบของเยรินทำให้แบมแบมเลือกที่จะหันหลังแล้ววิ่งสุดแรงเกิดไม่ได้ยินแม้แต่เสียงจีมินที่ตะโกนเรียกตามหลังมา ขาวเรียววิ่งขึ้นบันไดไปเรื่อยๆจุดมุ่งหมายคือดาดฟ้าที่เมื่อก่อนถ้าไม่มีอะไรทำแบมแบมก็ชอบที่จะขึ้นไปนั่งรับลมเย็นๆให้ตัวเองผ่อนคลาย
แสงแดดตอนกลางวันทำให้คนที่เพิ่งเป็นแวมไพร์หมาดๆรู้สึกหวั่นๆ แบมแบมนึกไปถึงหนังหลายเรื่องที่เคยดูมา แขนผอมค่อยๆยื่นออกไปสัมผัสแสงแดดจางๆที่ตกกระทบมาตรงม้านั่งพอดีแล้วพลิกฝ่ามือไปมาจนเห็นว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นถึงได้เดินไปนั่ง ยังไม่ทันจะหย่อนก้นให้แตะกับม้านั่งเสียงทักข้างหลังทำให้ต้องเด้งตัวขึ้นมาอีกรอบ
“มาทำอะไรบนนี้”
“คุณ!”
ยูคยอมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอีกคนเรียกเขาว่าคุณ สรรพนามที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูเท่าไหร่ ร่างเล็กตรงหน้าถอนหายใจออกมาพรู่ใหญ่ราวกับโล่งอกที่เห็นว่าคนตรงหน้าคือคนที่รู้จักดี ใบหน้าหวานยับยุ่งอีกคราจนยูคยอมไม่เข้าใจการกระทำที่อีกฝ่ายแสดงออกมาผ่านหน้าตา
“เป็นอะไร แล้วมาทำอะไรข้างบน” ยูคยอมเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง
“คะ...คือผมแค่...แค่...” ร่างบางตอบด้วยเสียงติดขัด
“แค่อะไรของนาย พูดแค่อยู่ได้น่ารำคาญ”
“แค่กลัวเอ่อ...พี่แจบอม”
คำตอบทำให้ใบหน้าของยูคยอมเปลี่ยนไปร่างสูงเดินมาใกล้ๆแบมแบมออกแรงกระชากร่างเล็กกว่าจนตัวโยนเสียหลักมากระทบแผงอก มือหนาจับต้นคออีกคนปัดผมที่ละอยู่ต้นคอสำรวจอะไรสักอย่างสองข้างก่อนจะใช้มือปลดกระดุมเม็ดที่สองสามและสี่บนเสื้อของแบมแบมออกฝ่ามือหนาล้วงเข้าไปคลำตามแผ่นอกบาง
“คุณปล่อยผมนะ! ปล่อยนะคุณ! นี่ทำบ้าอะไรของคุณ” แบมแบมโวยวายเสียงดัง เขาตกใจไม่น้อยที่จู่ๆยูคยอมก็เดินมากระชากจับต้นคอล้วงเข้าไปในเสื้อ ใบหน้าหวานแดงก่ำ
“เงียบเห่อะน่า ไม่ได้โดนมันกัดมาหรอกใช่ไหม”
ยูคยอมปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระกอดอกมองคนที่กุลีกุจอติดกระดุมให้กลับเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งด้วยสีหน้าอายๆ
“ผมจะไปโดนได้ยังไง ได้ยินแค่เสียงผมก็วิ่งหนีมาเลย”
“แล้วก็ไม่บอกให้หมดทีเดียว ฉันก็นึกว่าเจอตัวต่อตัวก็เลยกลัวว่านายจะโดนกัด”
คำตอบของยูคยอมบวกกับสีหน้านิ่งๆทำให้แบมแบมรู้สึกขัดใจไม่น้อย ถึงจะรู้ว่ายูคยอมจะอายุมากกว่าเขาเป็นร้อยๆปีหรือจะเป็นถึงลูกของเจ้าของโรงเรียนแต่ก็น่าจะพูดขอโทษที่มาเอ่อ...ยุ่มย่ามกับร่างกายเขาไม่ใช่รึไงกัน
ความเงียบทำให้ยูคยอมเผลอมองร่างเล็กที่ออกอาการหงุดหงิดและดูไม่พอใจ จนแบมแบมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับร่างสูงพอดียูคยอมยักคิ้วกวนๆให้
“ถ้าเจอไอ้แจบอมมันอีกอย่าเข้าใกล้มันมากเกินไป พวกแวมไพร์สะกดจิตได้ยิ่งใกล้ยิ่งได้ผล”
แบมแบมพยักหน้า
“ไม่ยักจะขอบคุณที่ฉันบอกนายสักคำหรอ”
“ทีคุณล่ะยังไม่เห็นจะขอโทษผมเลย” แบมแบมเถียงกลับแทบจะทันที
ยูคยอมยกมือขึ้นลูบคางแล้วสาวเท้ามาใกล้ๆจนแบมแบมต้องถอยหลังออกไปชนกับที่กั้นของดาดฟ้า ยูคยอมตีหน้านิ่งใส่แล้วเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ สบตาดวงตาสีดำสนิทที่สั่นระริกอย่างปิดไม่มิด สองมือของแบมแบมแม้จะยันอกไว้ก็ไม่สามารถห้ามให้อีกคนหยุดขยับเข้ามาใกล้ๆได้เลย
ร่างกายของยูคยอมแนบชิดร่างเล็กไว้มือนึงยันกำแพงดาดฟ้าไว้แล้วเลื่อนไปหาซอกคอขาวๆ ปากหยักเป่าลมร้อนใส่หูจนแบมแบมแทบจะยืนไม่อยู่จนยูคยอมต้องประคองร่างเล็กไว้ด้วยมืออีกข้าง เรียวปากสีชาค่อยๆจูบลงบนต้นคอขาวนวลเนียน กลิ่นตัวที่ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมยิ่งทำให้ยูคยอมถูกใจ ลิ้นร้อนตวัดเลียต้นคอขาวก่อนจะเปลี่ยนให้มือที่ยันกำแพงมาทำหน้าที่ดึงรั้งคอเสื้อให้ตนเองพอจะโลมเสียลิ้นให้ลึกลงไปมากกว่าต้นคอด้านบน
“อื้อ...คุณจะทำอะไรผม” แบมแบมถามด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆ ทั้งกลัวและรู้สึกแปลกๆ
ยูคยอมไม่ตอบแต่ขบเม้มแรงๆที่ต้นคอดูดเลียมันย้ำๆจนขึ้นเป็นรอยแดง เส้นเลือดที่คอเต้นตุบๆเหมือนเชิญชวนให้ยูคยอมฝังคมเขี้ยวลงไปแต่เขาเลือกที่จะผละออกมามองปฏิกิริยาของคนในอ้อมแขนที่ตอนนี้แทบจะทรงตัวไม่อยู่
“แค่หยอกเล่นนิดๆหน่อยๆถึงกับเข่าอ่อนเลยหรอ ปวกเปียกยังกะพวกผู้หญิงไปได้”
แบมแบมตวัดสายตาจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้มีรอยยิ้จุดอยู่มุมปาก ไม่ใช่ยิ้มที่จริงใจแต่มันเป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะยิ้มเยาะเสียมากกว่า
“เล่นบ้าอะไรของคุณ! ตลกมากรึไงเล่า ไอ้บ้า!”
คนถูกกระทำเดินเข้าใกล้ๆยกมือไปทุบหน้าอกยูคยอมดังอั่กก่อนจะวิ่งหนีออกไปโดยมียูคยอมมองตามจนแผ่นหลังเล็กหายลับ เขาหัวเราะหึในลำคอส่ายหัวนิดๆกับท่าทีของแบมแบม เรียวลิ้นเลียปากตัวเองช้าๆ รสชาติหอมหวานที่ชิมแค่ผายนอกมันทำให้ยูคยอมเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“เห่อะ!ทำเป็นพวกผู้หญิงไปได้”
แบมแบมวิ่งลงมาจากดาดฟ้าตรงไปที่ห้องเรียน ร่างเล็กยืนหอบหายใจก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองจีมินโผล่มาอีกครั้งด้วยท่าทางร้อนรนแล้วบ่นแบมแบมชุดใหญ่ที่จู่ๆก็วิ่งหายไปปล่อยให้เธอตามหาซะทั่วโรงเรียน แบมแบมเอ่ยปากขอโทษด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
“อ่ะ นายกินได้นี่ ฉันเลยซื้อมาให้กะแล้วว่าต้องยังไม่ได้กินอะไร”
จีมินวางขนมปังกับนมลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างหน้าขยั้นคะยอให้แบมแบมกินมันเข้าไปแม้ตอนนี้อีกคนจะไม่หิวเลยเพราะเขายังตื่นเต้นกับเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ไม่หาย แบมแบมยังรู้สึกว่าตัวเองสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่ต้นคอ
“เอ่อ...ฉันลืมบอกคืนนี้นายต้องเริ่มเรียนตอนกลางคืนได้แล้วนะ แต่เรียนแค่สี่วันสำหรับนายคนเดียว”
แบมแบมพยักหน้า “แล้วเธอต้องเรียนทุกวันเลยหรอ แล้วไม่ง่วงรึไง”
“ไม่นะพวกเราไม่ค่อยง่วงหรอกจริงๆก็มีเวลาพักเยอะแยะ แต่นายยังต้องพักไงเลยฝึกแค่สี่วัน” จีมินอธิบาย
“จีมินคือฉัน...ฉัน...เอ่อคือว่าฉัน...อยากรู้ว่ายูคยอมเป็นคนยังไงหรอ”
จีมินหัวเราะหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนให้คำตอบ
“ไม่ถามหมอนั่นล่ะ จะได้รู้คำตอบจริงๆไปเลย”
แบมแบมได้แต่ยิ้มกลบเกลื่นแล้วพยักหน้ารับ เขาไม่อยากเข้าใกล้ยูคยอมแล้วจริงๆเพราะถ้ามากกว่าวันนี้เขาจะต้องตายแน่ๆ
ลงครบแล้วนะคะ <3 ยูคดูหื่นๆ ;w;
อย่าลืม เม้นท์และสกรีมให้ด้วยนะ
Happy Valentine's Day ย้อนหลังค่ะ
*ยังไม่ไ้้ด้แก้คำผิด
แท็กฟิค #ฟิคยบ99
’ cactus
ความคิดเห็น