คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : PERCENT: 02%
PERCENT: 02%
ใบหน้าไม่สบอารมณ์กวาดมองไปทั่วห้องเสียงถอนหายใจหนักๆดูรำคาญเต็มทนกับสายตาช่างสงสัยของเพื่อนร่วมห้องแถมยังได้ยินเสียงของคนเยอะแยะในความคิด มีหลายคนกำลังชมเขาในใจและหลายคนที่ยูคยอมสัมผัสได้ว่ากำลังเสียดสีเขาด้วยคำพูด มนุษย์ในความคิดของยูคยอมตั้งแต่เขาเกิดมาดูโลกใบนี้เขาแทบจะไม่เคยเห็นใครพูดอย่างที่ใจคิดเลยสักคน หลายคนที่เขาเคยเจอพูดจาด้วยคำสละสลวยแต่ใครจะไปรู้ว่าภายใต้จิตใจลึกๆความคิดน่าขยะแขยงจะซ่อนอยู่ในนั้นเต็มไปหมด
ที่ว่ามนุษย์ปากไม่ตรงกับใจมันเป็นเรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็นต์
“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่นะ”
ยูคยอมยักไหล่เบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง แม้ในหัวกำลังดังก้องไปด้วยความคิดของแบคเยริน เหมือนการที่ทั้งคู่รู้จักกันมันจะเป็นจุดสนใจทั้งห้องหันมามองกันหมดแถมยังได้ยินเสียงความคิดแปลกๆมากมายตั้งแต่ความคิดที่เขาเป็นแฟนเยริน เคยคบกัน แต่ถึงอย่างนั้นยูคยอมดันได้ยินเสียงที่ดังก้องที่สุดในหัว แล้วหันขวับกลับมาสอดสายตามองไปรอบห้องก่อนจะจ้องดวงตากลมโตที่มองมาทางเขาพอดี
ใบหน้าหวานยกยิ้มน้อยๆแล้วก้มหัวให้เขานิดๆ เหมือนยูคยอมจะอ่านความคิดอีกคนออกแถมยังเป็นความคิดที่ตลกชอบกล
“คนอะไรดวงตาน่ากลัวชะมัดเลย ยังกะแวมไพร์” นั่นคือสิ่งที่ยูคยอมได้ยินเมื่อมองหน้าอีกฝ่าย
“สนใจเด็กแลกเปลี่ยนนั่นรึไงกัน”
เยรินถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจเธอสังเกตเห็นว่าแบมแบมจ้องยูคยอมมาตั้งแต่เข้าห้องทำเหมือนเคยเจอกันมาก่อน แถมตอนนี้ยูคยอมยังเอาแต่จ้องแบมแบมจนน่าหมั่นไส้ ยูคยอมหันกลับมามองหน้าเยรินเลิกคิ้วยักไหล่
“เรื่องของฉัน”
และคำตอบนั่นมันก็ทำให้เธอไม่พอใจมากแต่ยูคยอมไม่สนใจ เยรินเดินเข้าไปหาแบมแบมแล้วพูดอะไรบางอย่างที่เยรินก็รู้ว่ายูคยอมต้องได้ยิน เขาจ้องมองทั้งคู่และกำลังอ่านใจเยริน เธอชวนแบมแบมไปเที่ยววันพรุ่งนี้ซึ่งพรุ่งนี้ครบวันที่สามที่แบมแบมต้องตายเหมือนที่มาร์คเห็น ยูคยอมยกยิ้มเขาแทบจะรอให้ถึงเวลาสนุกๆในวันพรุ่งนี้ไม่ไหวนานแล้วที่ไม่ได้สู้กับใคร ไม่จำเป็นว่าแบมแบมจะเป็นหรือตายแต่ที่ยูคยอมสนใจคือการสู้ในวันพรุ่งนี้มากกว่า
“เจอกันพรุ่งนี้ที่หน้าสุสานนะเดี๋ยวฉันจะพาแบมแบมเข้าไปฐานลับของพวกเราเอง”
“อ่อ ได้ๆตอนทุ่มครึ่งนะ”
มนุษย์นี่ปฏิเสธคำชวนไม่เป็นรึไงกัน ยูคยอมอ่านใจแบมแบมได้และเขาก็เห็นว่าตอนนี้ในนั้นกำลังหนักใจถึงการที่จะไปตามนัดแม้ตอนตอบเยรินใบหน้าจะเปื้อนยิ้ม ยูคยอมสัมผัสได้ถึงความกลัว ในความคิดนั้นมีความกลัวเต็มไปหมดแล้วจู่ๆชื่อแจบอมก็วูบเข้ามา
ยูคยอมขมวดคิ้วสงสัย ทำไมแบมแบมถึงได้กลัวแจบอม
ยูคยอมอยากปัดเรื่องรกสมองนี้ทิ้งไปเขาไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยซ้ำว่าทำไม ถ้าจินยองไม่ย้ำเช้ากลางวันเย็นว่าแบมแบมอาจจะมีอะไรบางอย่างและมันเกี่ยวข้องไปถึงเผ่าพันธุ์ของเขา แค่มนุษย์ที่ดูซื่อบื้อๆคนนึงยูคยอมไม่เห็นด้วยซ้ำว่ามีความสำคัญอะไรขนาดนั้น
การเรียนซ้ำๆเดิมๆเหมือนเป็นยานอนหลับ หลักสูตรที่พวกมนุษย์เรียนกันเขาเรียนมาตั้งแต่มันมีใหม่ๆไม่ว่าจะเปลี่ยนกี่ครั้งก็ตาม มิททีทุกคนจะต้องเรียนหนังสือและความลับอีกอย่างของเซนต์ดิมิทรีคือมีนักเรียนที่เรียนตอนกลางคืน และนักเรียนทั้งหมดนั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เป็นพวกซอร์ มิทที ไม่ก็เมิร์ค
พวกเมิร์คจะไม่มีสิทธิเข้าเรียนวิชาเกี่ยวกับไสยเวทหรือต่อสู้ มันเป็นข้อห้ามที่มาร์คเป็นคนตั้งขึ้นมา มาร์คมองการไกลฉลาดและช่างสังเกต ยูคยอมรู้ว่าพวกมิททีหลายตนรู้ผลลัพธ์ดีตั้งแต่ตอนที่จินยองโดนหักหลัง เมิร์คไม่น่าไว้ใจแม้ในยามที่ทุกอย่างสงบแต่ใครจะไปรู้ว่าในความเงียบสงบมันมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นและที่เห็นว่าทำไมพวกมิททีกับเมิร์คถึงไม่ฆ่ากันตอนอยู่ในโรงเรียนเพราะทุกอย่างเป็นกฎและมันก็เป็นกฎข้อบังคับอันดับแรกที่จ่าอยู่หน้าใบสมัคร ห้ามนักเรียนในโรงเรียนทะเลาะกัน ถ้าทำไมไม่ได้ก็ไม่ควรเข้ามาเรียน
ฟังดูเผินๆสำหรับมนุษย์คือห้ามมีเรื่องแต่สำหรับสองเผ่าพันธุ์หมายถึงห้ามฆ่ากันในโรงเรียน ถ้าแหกกฎคนกลางที่อยู่ระหว่างเมิร์คกับมิททีจะตัดสินโทษตั้งแต่ไล่ออกไปจนถึงปลิดชีพ แต่กฎก็มีไว้บังคับใช้ทุกคนตอนอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น ทุกคนคิดแบบนั้นขนาดยูคยอมเองยังคิดว่ากฎไม่ได้มีไว้ทำตามแต่มันมีไว้แหก หลายครั้งที่เขาเห็นว่ามิททีกับเมิร์คต่อสู้กันในสุสาน บางทีก็รอด บางทีก็ตาย นี่เลยเป็นเหตุผลหลักๆว่าทำไมพวกซอร์ถึงเยอะขึ้นตั้งแต่เซนต์ดิมิทรียอมให้พวกเมิร์คเข้ามาเรียนปะปนกับมิทที
แต่สิ่งที่ยิ่งกว่านั้นคือมนุษย์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่โดนฆ่านี่แหละ
“นี่นาย”
ยูคยอมหันขวับตอนนี้ทั้งห้องไม่เหลือใครแล้วมีแต่แบมแบมที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆเขา สีหน้านั่นดูกลัวเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมา
“คะ..คือจะบอกว่าโรงเรียนเลิกแล้วนะ”
“อืม ขอบใจ”
แบมแบมยกมือเก้าท้ายทอยเมื่อเห็นอีกคนตอบกลับมาสั้นๆ ก่อนจะหลังไปหยิบกระเป๋าบนโต๊ะมาสะพายแล้วหันมามองยูคยอมที่นั่งนิ่งๆอีกครั้ง
“ไปก่อนนะเอ่อ...บาย”
แบมแบมถอนหายใจออกมาหลังจากที่ทำงานในห้องสมุดเสร็จ เขาเป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์มันเป็นงานที่ไม่เลวเท่าไหร่ นอกจากจะอ่านหนังสือทั้งวันได้โดยไม่ต้องเสียเงินยังได้อ่านเล่มใหม่ๆก่อนใครอีก หนังสือเล่มสุดท้ายบนรถเข็นถูกเก็บไว้ในหมวดเดียวกันตามตัวเลขก่อนสายตาจะไปสะดุดที่สันหนังสือที่อยู่ใกล้ๆกัน ถ้าตาไม่ได้ฝาดเขาเห็นมันเรืองแสงออกมา มือเล็กยกขยี้ตาตัวเองแล้วจ้องมองมันอีกครั้ง หนังสือยังอยู่ที่เดิมแต่มันไม่เรืองแสงแล้ว แบมแบมเดินเข้าไปใกล้หยิบมันออกมาดู
MISTY & MURK ‘WAR’
“เห้ เล่มนี้ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ ดูน่าสนุกแหะเอากลับไปอ่านดีกว่า” ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองแล้วปิดหนังสือตรวจสอบห้องสมุดจนคิดว่าเรียบร้อยดีก่อนจะเก็บกระเป๋ากลับหอเพราะตอนนี้ก็จวนเจียนจะมืดอยู่แล้ว เพราะต้องทำงานแลกกับค่าเทอมพร้อมค่ากินอยู่แบมแบมเลยกลับมืดบ่อยๆโดยเฉพาะวันที่เจ้าหน้าที่บรรณารักษ์กลับเร็วเขาจะต้องมารับช่วงต่อและทำมันจนเสร็จ
แจบอมมองแบมแบมลงมาจากดาดฟ้าของอาคารเรียน ตาสีม่วงหม่นจ้องมองแบบไม่คาดสายตาทุกอย่างเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แบมแบมเข้ามาเรียนที่นี่ใหม่ สมองของเขาบอกเลยว่าเด็กคนนี้ต้องมีอะไรพิเศษหรือสัมพันธ์กับมิททีบ้างไม่งั้นคงไม่ได้มาเรียนที่นี่ง่ายแบบนี้ เพราะคิดแบบนั้นเลยพยายามตีตัวเข้าหาและประจวบเหมาะกับที่อีกคนเป็นคนนิสัยเข้ากับคนง่ายและไม่ค่อยมีเพื่อน แจบอมเลยใช้โอกาสนี้ทำความสนิทสนม
“ดูท่านายจะปลื้มเด็กนั่นออกนอกหน้านะเจบี”
ยองแจเอ่ยทักเมื่อเห็นสายตานั่นยังมองคนที่กำลังเดินออกไปที่ประตูไม่เลิก แจบอมหันไปมองหัวเราะหึในคอเมื่อเห็นว่าสีหน้ายองแจตอนนี้ดูไม่ค่อยจะดีนัก
“เลิกทำตัวน่ารำคาญสักทีได้ไหมยองแจ นายก็รู้ดีว่าฉันต้องการเด็กนั่นไปทำไม” แจบอมพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“เหอะ!ถ้ามันสำคัญกว่าฉัน มันจะได้ตายซ้ำสองแน่ๆ” ยองแจบอกก่อนจะหายตัวไป
แบมแบมนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอน หนังสือที่ดูประหลาดๆแม้จะอ่านเรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์มาเยอะ ดูหนังมาก็เยอะ แต่เรื่องมิททีกับเมิร์คเป็นสิ่งแปลกใหม่มากจริงๆ หนังสือในมือแทบวางไม่ลงเมื่ออ่านมันมาได้ครึ่งเล่ม มันทั้งตื่นเต้น หดหู่และน่าสนุก แถมในใจยังคิดไปถึงชื่อของผู้ก่อตั้งโรงเรียนคนแรกที่ชื่อเหมือนแวมไพร์เผ่ามิททีจนอดนึกไม่ได้ว่าถ้าเป็นแบบนั้นโรงเรียนนี้คงมีแวมไพร์เต็มไปหมด
ในหนังสือบอกคร่าวๆว่าทำไมแวมไพร์ทั้งสองถึงแยกเป็นคนละเผ่าพันธุ์ทั้งๆที่ยังไงก็เป็นแวมไพร์เหมือนกัน เหมือนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยนักล่าจะนำมาซึ่งหายนะครั้งยิ่งใหญ่ การตายของแวมไพร์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆและนักล่าแวมไพร์ที่มีมากขึ้นทุกวันๆ แบมแบมนึกชอบใจหนังสือเล่มนี้เมื่อมันเขียนตรงไปตรงมาแบบที่ไม่เข้าข้างฝ่ายใด เพราะอ่านมาครึ่งเล่มตอนแรกๆเขารู้สึกโมโหพวกล่าแวมไพร์แต่พออ่านไปสักพักรู้ต้นเหตุว่าทำไมต้องตามฆ่า ในเมื่อแวมไพร์ฆ่ามนุษย์ไม่แปลกที่จะโดนตอบโต้กลับ
ทุกชีวิตที่อ่อนแอเมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเขาจะกลับมาอย่างเข้มแข็ง
แบมแบมจำประโยคนี้ได้ขึ้นใจ เพราะหลังจากที่แวมไพร์ฆ่ามนุษย์โดยไม่มีเหตุผล ไม่สิต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกตนที่ไม่มีเหตุผล ก็คล้ายๆกับคนเราจะบอกว่าทั้งโลกเป็นคนดีหมดก็ไม่ใช่เพราะจริงๆเลวร้ายกว่าซาตานก็มีให้เห็นเยอะไป จะเหมาว่าแวมไพร์ชั่วร้ายไปซะหมดก็ไม่ได้ในเมื่อไม่ใช่ทุกตนที่ฆ่าคนไปซะหมด
หนังสือยังบอกอีกว่าสงครามระหว่างมนุษย์และแวมไพร์เหมือนเป็นจุดแตกหักของแสงสว่างและความมืด แวมไพร์เข้าสู่ยุคที่ต้องการมีผู้นำไม่ใช่เพื่อบังคับแต่เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข การเลือกใครสักคนเป็นผู้นำแน่นอนว่าใครๆก็ต้องอยากเลือกคนที่มีความสามารถแต่ก็ต้องเป็นคนที่ใจกว้างและมีเหตุผลพอที่จะรับฟังและแยกแยะเรื่องต่างๆได้ นั่นเลยเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกแวมไพร์เป็นสองเผ่าพันธุ์
มิททีมีผู้นำที่ได้จากการลงมติจากเหล่าแวมไพร์ว่าเขาควรที่จะเป็นคนที่ชี้นำและดูแลเหล่าแวมไพร์ทั้งหมดก่อนที่จะสูญเสียกันไปมากกว่านี้ แต่เมื่อมีคนเห็นด้วยก็ย่อมมีคนที่ไม่เห็นด้วย พวกไม่เห็นด้วยไม่ยอมที่จะทำสัญญาร่วมกันกับมนุษย์ในเรื่องการดูดเลือดมนุษย์ที่ไม่เต็มใจและกฎกติกาการอยู่ร่วมกันของมนุษย์กับแวมไพร์ แต่เมื่อฝ่ายไม่เห็นด้วยเป็นเสียงส่วนน้อยก็ต้องแพ้ไป
แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากสงครามระหว่างมนุษย์และแวมไพร์สิ้นสุดลง ได้เกิดสงครามระหว่างแวมไพร์กับแวมไพร์จึงมีการตั้งชื่อเผ่าพันธุ์ขึ้นมาเพื่อจำแนกการอยู่โดยสิ้นเชิง มิททีคือแวมไพร์ที่ต้องอยู่ภายใต้กฎกติกาที่ทำไว้ แต่เมิร์คคือแวมไพร์ที่ไม่มีกฎไม่ยอมรับกฎเรื่องการดูดเลือดมนุษย์หรือทำให้มนุษย์เป็นเหมือนตัวเองนั่นหมายถึงการไม่ยอมรับที่จะใช้ชีวิตสันติร่วมกันกับมนุษย์
เมิร์คตัดสินใจผิดพลาดและได้เกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ แบมแบมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแยกเป็นคนละเผ่าพันธุ์ทั้งๆที่ก็แวมไพร์เหมือนกันแทนที่จะเรียกว่าคนละกลุ่มหนังสือในหน้าถัดไปเหมือนจะไขคำตอบให้ผู้ข้องใจ
การที่ใช้ชีวิตต่างกัน อยู่กันคนละโลกและทำอะไรต่างกันทำให้เมิร์คกลายพันธุ์เป็นแวมไพร์ที่มีความคลั่งและสามารถเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายได้แต่หน้าตาจะน่าเกลียด และพวกที่เปลี่ยนเป็นสัตว์น่าตาน่าเกลียดที่มีชื่อเฉพาะว่า ฮีเดียส (Hideous) ไม่ใช่เมิร์คทุกคนที่กลายพันธุ์จะเป็นเฉพาะแวมไพร์ที่มีความเกลียดชังในใจมากๆจนจิตใต้สำนึกรับไม่ไหว พวกเมิร์คถูกคำสาปเมื่อแยกตัวออกไปโดยพ่อมดคนหนึ่ง ทำให้ตาของเมิร์คจะมีสีม่วงหม่นแต่ตาของมิททีจะเป็นสีแดงเหมือนสีของเลือด
“สุดยอดเลยเหมือนเรื่องจริงเลยแหะ” แบมแบมพึมพำกับตัวเองก่อนจะพลิกกลับไปดูที่ปกเพื่อจะดูชื่อคนแต่ง
JR. PARK
ร่างเล็กรู้สึกไม่คุ้นชื่อทั้งๆที่เขาก็อ่านหนังสือแนวนี้มาเยอะ อาจะเพราะหนังสือไม่ได้รับความนิยมเพราะนักเขียนหลายๆคนเมื่อไม่ได้รับความนิยมก็จะเลิกเขียนไป ไม่ก็จับงานแนวอื่นแต่แบมแบมคิดว่าหนังสือเรื่องนี้มันสนุกมากคล้ายกับเรื่องจริงยังไงยังงั้น
มือเล็กเปิดอ่านไปเรื่อยๆ เมิร์คถูกอธิบายจนเข้าใจว่าเป็นพวกที่ไม่เห็นด้วยเลยแยกตัวออกไป บทต่อไปที่แบมแบมจะอ่านมันคือแวมไพร์เผ่ามิทที
มิททีเป็นแวมไพร์ที่มีลักษณะเหมือนแวมไพร์ทั่วๆไป ตาสีแดง มีความสามารถในการหายตัว มีพละกำลังแข็งแรง วิ่งเร็วและกระโดดสูงได้ อีกทั้งความสามารถของแวมไพร์ที่เกิดในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่มีอยู่ไม่มากนักและในจำนวนไม่มากทุกคนจะมีพลังพิเศษหลายอย่าง อ่านใจคนได้ แข็งแรงกว่าแวมไพร์ธรรมดาหลายเท่า และความสามารถยังมีมากกว่าแวมไพร์เยอะแยะ มีทั้ง ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ แต่ในนี้ยังไม่ระบุว่าแวมไพร์ตนไหนทำได้ครบทั้งสี่ธาตุแต่ทุกตนจะต้องฝึกฝนพลังของตัวเองอยู่เสมอ ไม่อย่างงั้นต่อให้มีพลังก็จะไม่ช่วยอะไรถ้าไม่รู้จักวิธีควบคุม
เมิร์คโดนคำสาปอย่างหวังว่ามิททีจะรอดพ้น มันเป็นคำสาปจากหัวหน้าเผ่าพันธุ์ของเมิร์คที่ขอไว้ในคืนจันทรุปราคาว่าถ้าหัวหน้าเผ่ามิททีมีลูกชายคนแรกขอให้ลูกชายเป็นแวมไพร์ที่ไม่ใช่แวมไพร์เต็มตัว ขอให้มีสายเลือดมาจากสิ่งที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นธุลี
“ไม่เห็นเข้าท่าเลย ลูกไปเกี่ยวอะไรด้วย” แบมแบมบ่นเมื่อเขาอ่านถึงตรงนี้ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ ก่อนจะอ่านต่อ
คำสาปเป็นจริงลูกชายคนแรกหัวหน้าเผ่ามิททีเป็นลูกชายที่มีเลือดผสม ครึ่งแวมไพร์ครึ่งยมทูต หัวหน้าเผ่ามิททีที่ตกหลุมรักยมทูตหญิงที่มาจากอเวจีทั้งคู่รักกันและได้กำเนิดลูกชายหน้าตาน่ารักน่าชังขึ้นมาก่อนที่ยมทูตหญิงจะโดนฉุดลงอเวจีข้อหาผิดคำสาบานที่ให้ไว้ก่อนจะขึ้นมาบนโลกมนุษย์ วิญญาณของเธอถูกจองจำอยู่ใต้อเวจีที่ลึกลงไป ในความมืด มันดูดกินเธอแต่นั่นคือสิ่งที่เธอเต็มใจยอมรับมัน
ลูกชายคนแรกของหัวหน้าเผ่ามิททีเขาไม่ใช่ผู้สืบทอดหลายคนชังที่เขาเกิดเป็นเลือดผสม ไม่ใช่มนุษย์แต่กลับเป็นภูตผี และความวิเศษของเขาคือการที่เขาจะมีพลังของแวมไพร์ครึ่งหนึ่งและยมทูตครึ่งหนึ่งแม้ไม่ได้เกิดในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง นั่นเป็นผลมาจากคำอวยพรสุดท้ายของหญิงสาวที่รักเขามากที่สุดได้ให้ไว้ก่อนจะจากไป
แบมแบมอ่านถึงตรงนี้รู้สึกเหมือนตาตัวเองจะรื้นๆ หยดแหมะลงบนหนังสือเพราะความรู้สึกสงสารและเห็นใจ เพราะแบมแบมเองก็ไร้ซึ่งแม่และครอบครัว เขาอยู่ในบ้านเด็กกำพร้ามีคนอุปปาการะเอาไปเลี้ยงดูจนเข้าโรงเรียนและไม่นานนักเมื่ออยู่เกรดสิบกำลังขึ้นเกรดสิบเอ็ดก็ได้รับเอกสารให้เขาย้ายมาเรียนที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่ครอบครัวใหม่ไม่ต้องการอุปปาการะต่อแล้ว มันเลยเป็นเหตุผลให้เขาพาตัวเองข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลถึงเกาหลีใต้
คิดอะไรไปสักพักร่างเล็กก็พลิกตัวกลับมานอนหงายวางหนังสือที่ยังอ่านไม่จบไว้ที่ข้างหัวเตียง เพราะตอนนี้ดึกมากแล้วและพรุ่งนี้ก็มีเรียน แบมแบมหยิบผ้าห่มมาห่มจนถึงอก หลับตาเพื่อเข้าสู่นิทราโดยไม่รู้เลยว่าอะไรบางอย่างกำลังมองเขาอยู่ตอนนี้
“มันซึ้งขนาดนั้นเลยรึไงไอ้หนังสือที่พี่จินยองเขียน เห่อะ! อ่อนแอจริงๆเลยพวกมนุษย์”
ยูคยอมที่นั่งมองอีกคนบนโต๊ะเขียนหนังสือมาสักพักพูดกับตัวเองแล้วส่ายหัวไปมา ร่างสูงนั่งอยู่บนนี้มาตั้งแต่แบมแบมปิดไฟแล้วเปิดเฉพาะโคมไฟที่หัวเตียงเลยทำให้ไกลออกไปหน่อยมันมืด ยูคยอมเลยนั่งอยู่ตรงนั้นนานสองนานโดยไม่ต้องแอบอะไรบวกกับหนังสือที่อ่านคงจะทำให้คนอ่านดำดิ่งสู่ความตื่นเต้นและเร้าใจจนไม่ทันสังเกต
“หวังว่ามีข้อมูลแล้วจะไม่โง่จนโดนฆ่า”
หนังสือประวัติศาสตร์เป็นตำราเรียนที่เขียนขึ้นโดยจินยองใช้นามปากกาว่า JR.PARK เป็นตำราเรียนของพวกมิททีหรือจะบอกว่าเป็นหนังสืออ่านสนุกๆของมนุษย์ก็ได้ แต่ไม่มีมนุษย์คนไหนได้อ่านแบมแบมเป็นคนแรกและที่มันไปอยู่ตรงนั้นเพราะมันเป็นของยูคยอม เขาแค่ต้องการให้อีกคนมีไหวพริบบ้างแม้จากที่ดูๆจะเป็นคนช่างสงสัยก็เถอะ แต่รู้ข้อมูลไว้ยังดีกว่าไม่รู้เลย
เช้านี้แบมแบมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆเหมือนจะไม่สบายทั้งที่เมื่อคืนก็ยังปกติดีอยู่แท้ๆ ร่างเล็กหยิบยาพาราเข้าปากเพื่อหวังว่ามันจะไม่ทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่ตอนนี้แสดงอาการออกมาตอนเรียน มือเล็กจัดทรงผมกับชุดนักเรียนให้เข้าที่ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย อากาศวันนี้ดูเหมือนอากาศวันก่อนๆเพียงแต่ว่าแบมแบมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
ร่างเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำของตัวเองวันนี้แบมแบมมาสายกว่าปกติเพราะกว่าจะออกจากหอก็กินเวลาเกือบจะทั้งเวลาช่วงเช้าก่อนเข้าเรียนไปแล้ว
ยูคยอมมองแบมแบมที่หลับเกือบตลอดช่วงเช้าของการเรียน ร่างกายที่ดูอิดโรยต่างจากเมื่อคืนก่อนจะนอนเหมือนคนละคนลิบลับ แต่เขาไม่ได้สงสัยเพราะมาร์คบอกว่าตอนนี้แบมแบมไม่มีเงา ร่างกายที่จวนเจียนจะหมดอายุไขทำให้มาร์คเห็นว่าตอนนี้ความตายกำลังวนเวียนอยู่รอบตัวๆ กลิ่นมันเตะจมูกมาร์คสุดๆ เพราะครึ่งหนึ่งของมาร์คเป็นยมทูตเขามักจะได้กลิ่นความตายตลบอบอวนเมื่อคนใกล้จะตาย ร่างเล็กเหมือนจะหลับสนิทไปแล้วเพราะคนอื่นลุกไปกันหมดก็ไม่มีใครปลุกเพื่อเรียกไปกินข้าวกลางวันเลยสักคน ยูคยอมเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ ใช้มือสะกิดอีกคนเบาๆ
“นี่นายตื่นได้แล้ว”
“.......”
“ขี้เซาจังวะพวกมนุษย์เนี่ย เฮ้นายตื่น”
แบมแบมปรือตาก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นหน้ายูคยอมใกล้ๆ ใบหน้านิ่งๆกับสายตาดุๆที่มองมาทำให้ตอนนี้แบมแบมไม่มีแม้แต่เสียงจะถามว่าปลุกเขาทำไม ยูคยอมอ่านความคิดออกเขารู้หมดว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไร
“นึกว่าตายแล้วถ้าง่วงหรือป่วยก็ไปห้องพยาบาลซะสิมานอนแบบนี้เห็นแล้วรกหูรกตาชะมัด”
“เอ่อ...คือ...เรากรนหรอหรือว่าทำให้นายเรียนไม่รู้เรื่องขอโทษนะ”
“ประสาท”
ยูคยอมทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไปทิ้งคนที่กำลังประติดประต่อเรื่องให้ยืนงงอยู่คนเดียว อาการปวดหัวครั่นตัวเหมือนจะดีขึ้นแต่บ่ายนี้แบมแบมก็คิดว่าจะกลับหอเลยจนกว่าจะถึงเวลานัด เพราะเขาผิดนัดแจบอมไม่ได้ทั้งๆที่ใจจริง ข้างในมันไม่อยากไปมันเหมือนว่าเขากำลังฝืนใจตัวเองอย่างมากเพื่อตอบตกลง
แบมแบมแวะไปลาครึ่งวันแล้วรีบกลับหอไปนอน ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนหมดแรงเต็มทน นมกล้วยขวดนึงที่กินไปเมื่อเช้าเหมือนจะทำให้เขาไม่หิวอะไรอีก พอถึงหอก็ทิ้งกระเป๋าสะพายไว้ข้างๆเตียงล้มตัวลงบนที่นอน ปิดเปลือกที่แสนหนักอึ้ง ลมหายใจแผ่วเบาหายใจเข้าออกสม่ำเสมอโดยมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองมันก่อนจะหายวับไป
ไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมงที่แบมแบมนอนกอดหมอนข้างซุกตัวอยู่ในผ้าห่มตื่นมาอีกทีก็ตอนที่ฟ้าข้างนอกมืดสนิท มือเล็กคว้านหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อนักเรียนที่ใส่อยู่ตอนนี้ หน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาสองทุ่มครึ่งพร้อมทั้งข้อความเกือบสามสิบข้อความและโทรศัพท์เป็นยี่สิบสายจากแจบอม แบมแบมสะดุ้งตื่นเต็มตาเมื่อเห็นว่าเขาเลยเวลานัดมาชั่วโมงกว่าแล้วจึงรีบตอบข้อความกลับไปก่อนจะลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาจัดผมเผ้าให้เป็นทรง พอเก็บของเตรียมจะออกเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา
ก๊อก ก๊อก !!
“แบมแบม รุ่นพี่แจบอมให้มารับถ้าแต่งตัวเสร็จแล้วก็รีบไปเถอะ”
เสียงแบคเยรินทำให้แบมแบมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเพราะเขาคิดว่าถ้าเป็นรุ่นพี่แจบอมตัวเองก็คงจะทำตัวไม่ถูกที่ผิดเวลานัดแล้วยังต้องมาตามถึงห้อง
“ขอโทษด้วยนะพอดีหลับเพลินไปหน่อย ขอโทษที่ต้องลำบากให้เยรินกลับมาเรียกเราอีก”
“ไม่เป็นไรหรอกยังไงพวกเราก็รอแบมแบมได้อยู่แล้ว”
แบมแบมหัวเราะแห้งๆแล้วเดินตามเยรินไปเรื่อยๆถ้าจำไม่ผิดเขาจำได้ว่าหลังหอมันเป็นที่ที่โรงเรียนห้ามนักเรียนออกไปก่อนได้รับอนุญาต เยรินเปิดประตูรั้วหลังออกไปบอกเขาว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงแล้ว แต่สองข้างทางมืดสนิทจนแบมแบมนึกหวั่นใจลึกๆ คิดอะไรสักพักจิตใต้สำนึกดันไปคิดถึงหนังสือที่ได้อ่านเมื่อคืน
“มาแล้วหรอแบมแบม”
แบมแบมสะดุ้งเฮือกเมื่อแจบอมเดินมาแตะเข้าที่ไหล่ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆทุกคนกำลังนั่งอยู่รอบกองไฟมีทั้งคนที่เขารู้จักและไม่รู้จัก แบมแบมผงกหัวให้กับทุกคนเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้พับเล็กๆที่วางอยู่
“นี่แบมแบม น้องอยู่เกรดสิบเอ็ดเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากไทยที่ฉันเคยบอกไง”
ทุกคนจ้องมองแบมแบมเป็นตาเดียวจนคนตัวเล็กรู้สึกหนาววูบแปลกๆ บรรยากาศรอบๆแม้จะคึกคักแต่อะไรบางอย่างกำลังบอกเขาอยู่ข้างในจิตใต้สำนึกว่ามันแปลก ดวงตาสีกลมโตจ้องหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆแจบอม อีกคนยกยิ้มให้เขาเป็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกขนลุก มันไม่ใช่รอยยิ้มที่ดีเท่าไหร่นักแบมแบมคิดแบบนั้น
“แบมแบมนี่ยองแจนะ เขากำลังจะมาเรียนที่นี่เร็วๆนี้อยู่เกรดสิบสอง”
แบมแบมพยักหน้า “ยินดีที่รู้จักครับรุ่นพี่ยองแจ”
“ยินดีมากเลย”
ประโยคตอบกลับแค่เพียงสั้นๆมันทำให้แบมแบมรู้สึกไม่ดี ไม่ใช่เพราะว่าตอบกลับมาสั้นๆแต่ถ้าเขาไม่ได้ตาฝาดเหมือนจะเห็นสีตาของรุ่นพี่คนใหม่เป็นสีม่วงหม่น แบมแบมยกมือขึ้นมาขยี้ตาแล้วไปที่ยองแจอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ แต่มันกลับกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มไปแล้ว
“งั้นมากินอะไรกัน เยรินเตรียมมาพร้อมแล้วนี่”
บรรยากาศรอบกองไฟครึกครื้น ทุกคนดูสนุกสนานที่ได้พูดถึงโรงเรียน แบมแบมเองก็พอแทรกบ้างบางครั้งเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไปจนกระทั่งเขาคิดว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้มาหลายชั่วโมงแล้วดูได้จากกองไฟที่เริ่มจะมอดดับ และอากาศรอบตัวเย็นยะเยือกจนต้องยกมือขึ้นมาถู
“พี่ถามอะไรหน่อยสิ” ยองแจเอ่ยถามคนที่เอาแต่นั่งมองพวกเขานิ่งๆ
“ครับ”
“ถ้าพรุ่งนี้นายไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วสิ่งที่อยากจะทำคืออะไรหรอ”
คำถามของยองแจทำให้ทุกคนหันมามองแบมแบมเป็นตาเดียว คำถามที่พยายามคิดหาคำตอบให้มันในตอนนี้เหมือนจะยากว่าโจทย์วิชาคณิตของอาจารย์เบอร์นาร์ดซะอีก
“ไม่รู้สิครับยังไม่ได้คิดอะไรไว้เลย”
“นายควรคิดได้แล้วนะ เพราะชีวิตคนเราน่ะบางทีสั้นกว่าชีวิตยุงซะอีก”
“ฮ่ะๆ ครับไว้วันนี้ผมจะลองกลับไปนอนคิดดู ว่าแต่จะเลิกกันกี่โมงครับนี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วนะครับ พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานที่ห้องสมุดอีก”
แจบอมยกยิ้มเขาแหงนหน้ามองพระจันทร์ที่กำลังจะเต็มดวงตอนเที่ยงคืน แต่ท้องเขากำลังร่ำร้องอยากจะกินเลือดบริสุทธิ์ๆนี่เต็มแก่
“แบมแบมไม่ต้องไปทำงานที่ห้องสมุดแล้วนะตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป” แจบอมบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆพลางเดินมากอดคอร่างเล็ก กระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้คนฟังแทบหยุดหายใจ
“เพราะนายจะไม่มีโอกาสได้มีชีวิตเหมือนมนุษย์อีกแล้วล่ะเด็กน้อย”
ดวงตาสีดำเปลี่ยนเป็นสีม่วงหม่น เขี้ยวที่งอกยาวออกมาตอนแจบอมอ้าปากทำให้แบมแบมแทบสติหลุด ร่างเล็กผลักอีกคนจนเซก่อนจะถอยออกมา มองคนอื่นๆที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ เส้นเลือดสีเขียวที่เห็นชัดตามลำตัวและคอยิ่งทำให้มันน่ากลัวเข้าไปใหญ่
“นายไม่มีโอกาสรอดหรอก เพราะนายจะเป็นอาหารของพวกเรา”
แจบอมกระโจนเข้าใส่ร่างเล็กที่แทบจะก้าวขาไม่ออก
“ไม่!!!!!!!”
ปั๊ก!
ร่างของแจบอมมกระเด็นไปไกลจนกระแทกเข้ากับต้นไม้ แบมแบมที่หลับตาปี๋ถูกดึงตัวให้หลบออกไปโดยฝีมือใครสักคนเพราะลืมตาขึ้นมาก็เจอแวมไพร์ที่ดูน่าจะคนละพวกกระโจนเข้าใส่กันอย่างดุเดือด เขาจ้องมองทุกอย่างพลางใช้มือตบหน้าตัวเองว่าตอนนี้เขาไม่ได้นอนอยู่บนที่นอนหรือฝันอยู่
ยูคยอมหัวเราะหึในลำคอเมื่อมองร่างเล็กที่ยืนอยู่ใกล้ๆต้นไม้ใหญ่เหมือนว่าจะไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริงๆ เหมือนจะคิดอะไรเพลินไปหน่อยจนไม่ได้ระวังร่างสูงก็โดนเล็บข่วนเข้าที่แขน ยูคยอมหันไปมองเยรินกำลังแสยะยิ้มให้เขา
“ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงแต่สำหรับฉันศัตรูก็คือศัตรูแบคเยริน”
พูดจบยูคยอมกำหมัดต่อยเข้าที่ท้องเยรินจนเลือดทะลักออกจากปากพร้อมร่างที่ไถลไปกับพื้นและเหมือนหมัดของยูคยอมจะมีพละกำลังพอสมควรเพราะตอนนี้เยรินแน่นิ่งไปแล้ว ร่างสูงกระโดดขึ้นต้นไม้กวาดสายตามองหาจินยองเพราะเขารู้ว่ายังไงจินยองก็สู้แจบอมไม่ได้ในตอนนี้
“จินยองอยู่ฝั่งถัดไปตรงนู้นนายไปช่วยเลยยูคยอมตรงนี้พี่จัดการเอง”
“ระวังตัวด้วยนะพี่”
มาร์คพยักหน้าเขากระโดดลงมาประชิดตัวแบมแบมกำลังจะจับแต่ก็โดนปะทะเข้าที่ด้านหลัง ยองแจบีบคอเขาอยู่ มาร์คบิดข้อมือตัวเองจนเหมือนมันจะหักจับตัวยองแจลอยจนปะทะเข้ามาข้างหน้า ยองแจแสยะยิ้มด้วยสีหน้าที่มาร์คคาดเดาไม่ออก ก่อนจะเตะเข้าที่ซี่โครงมาร์คจนตัวลอย
“ลุกขึ้นมาสิ นายเป็นลูกคนแรกของมิททีเลยนะมาร์ค”
มาร์คลุกขึ้นมาแม้ตอนนี้จะเจ็บซี่โครงจนเหมือนมันจะหัก รอยถลอกตามตัวเป็นแผลจนเลือดไหล มาร์คหัวเราะเขาไม่ยี่ระกับคำพูดของยองแจเลยสักนิดก่อนจะกระโจนใส่ปล่อยหมัดเข้าที่ใบหน้ายองแจ
“หมาไม่กัดมันชอบเห่าคงไม่ต้องบอกนะว่าฉันพูดถึงอะไร”
เหมือนด้านมืดของมาร์คออกมาเงาดำๆที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง ยองแจเห็นและนั่นมันเยือกเย็นจนทำให้ลมพัดไหว แบมแบมเอามือขึ้นป้องลมที่พัดกระหน่ำ แต่ตายังมองที่ยองแจกับมาร์คด้วยความอยากรู้ทุกอย่างดูเหมือนจินตนาการเหมือนหนังที่เขาชอบแต่นี่มันอันตรายเกินไป
ขาเรียววิ่งก้าวฉับๆไปตามป่าที่แบมแบมพอจำได้ว่ามาทางนี้ เสียงที่ไล่ตามมาติดๆยิ่งทำให้แบมแบมเร่งฝีเท้า
“จะไปไหน!”
เสียงทำให้เท้าหยุดชะงัก แวมไพร์สาววิ่งเข้ามาประชิดตัวแบมแบมบีบคอจนร่างลอยหวือขึ้นไปบนอากาศก่อนจะออกแรงเหวี่ยงจนร่างเล็กกระเด็นกระดอนกลับไปที่เดิม แบมแบมพยายามจะลุกขึ้นแต่แรงกระแทกอย่างแรงเมื่อกี้ทำให้แขนหัก แบมแบมเห็นกระดูกที่โผล่ออกมาจากแขน กลิ่นคาวเลือดและอาการปวดทำให้เจ็บจนร้องไม่ออก
อั่ก!
ร่างของมาร์คกระเด็นมาใกล้แบมแบม แม้จะมีเลือดออกมาจากปากและแขนมากมายแต่ใบหน้านั่นยังยิ้มอยู่ได้เหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“มองหน้าฉันหน่อย”
มาร์คสั่งเขามองเข้าไปในดวงตาสุกใสจนกระทั่งยองแจกระโดดมาใช้เท้ากระทืบเข้าที่ท้องมาร์คอีกหลายที แบมแบมรู้ว่าตัวเองกำลังน้ำตาไหลเพราะเขาไม่สามารถจะทำอะไรได้เลยตอนนี้แม้เพียงแค่ขยับตัวก็ยังแทบจะขยับไม่ได้
“ฉันจะทำให้นายเห็นว่าวันนี้คือวันตายของเด็กคนนี้ดูไว้ซะ”
ร่างของแบมแบมลอยขึ้นโดยการดึงของยองแจ มือเรียวบีบคอเล็กพลางหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าทุรนทุราย ก่อนจะล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบมีดออกมา จ้องมองไปที่มาร์คที่ถูกจับเอามือไขว้หลังไว้โดยซูจี
ฉึก!
มีดปักเข้าที่ด้านหลังของแบมแบมทะลุออกมาถึงท้อง เลือดสีแดงสดสาดกระเซนไปทั่ว กลิ่นเลือดคละคลุ้งเต็มไปหมด กลิ่นความตายตลบอบอวนไปทั่วป่า
เหมือนกลิ่นเลือดจะไปเตะจมูกยูคยอมที่สู้อยู่กับแจบอม ร่างสูงกระโจนเข้าใส่แจบอมอีกครั้งแต่ร่างก็ถูกปัดกระเด็นออกมาไกล ยูคยอมแทบจะหมดแรงเพราะใช้แรงไปเยอะ แม้ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงเขาจะมีพละกำลังมากก็จริงแต่เพราะไม่เคยกัดคอใครนั่นหมายถึงการเพิ่มพลังชีวิตมันเหมือนการประกาศตนเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์แบบ
จินยองดันตัวเองขึ้นมาจากพื้นวิ่งเข้าใส่แจบอมด้วยความเร็ว ดวงตาดุดันของจินยองกำลังโกรธเกรี้ยวเลือดในกายสูบฉีด
“นายมันรกโลกอิมแจบอม”
เท้าถีบเข้าที่ท้องจินยองจนอีกคนกระเด็นลอยออกไปกระแทกกับต้นไม้ จินยองไม่ใช่แวมไพร์แถมตอนนี้เหมือนขาเขาจะไม่ไหว ไม่มีแรงแม้จะลุกขึ้น แจบอมเดินเข้ามาใกล้ๆใช้มือบีบกรามจินยองแน่น ยกยิ้มแบบที่ชอบยิ้ม
“แล้วนายไม่ใช่หรอที่รักคนรกโลกคนนี้น่ะปาร์คจินยอง”
“ถุ้ย!”
จินยองถ่มน้ำลายใส่หน้าแจบอม ใบหน้าหวานยกยิ้มพึงพอใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าระรื่นเมื่อครู่เกรี้ยวกราดจนแทบจะฆ่าเขา แจบอมออกแรงบีบจนจินยองรู้สึกเหมือนหัวเขาจะแหลก
“เฮ้พวก”
ปึ่ก!
ยูคยอมสะกิดแจบอมให้หันมาเขามายักคิ้วแบบที่ชอบทำใส่จินยองก่อนจะใช้เท้าเตะร่างของแจบอมกระเด็นออกไปไกล ยูคยอมอุ้มจินยองแล้วกระโจนไปทางมาร์คเพราะเขาได้กลิ่นเลือด และตอนนี้มันทำให้ยูคยอมควบคุมตัวเองไม่ได้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลายเป็นสีแดงเขี้ยวงอกยาวออกมาจนเหมือนเป็นคนละคน
ร่างของแบมแบมกำลังจะหมดลมหายอยู่ในมือของยองแจ เลือดมากมายกำลังไหลออกมาจากท้อง ยองแจอ้าปากเตรียมที่ดูดเลือด
“กร่างจริงๆเลยนะ”
แจ็คสันโผล่ขว้างมีดเงินเข้าที่แขนยองแจเต็มๆและนั่นทำให้ร่างของแบมแบมหล่นลงมาบนพื้น ใบหน้าหวานเจ็บปวดจนเหมือนจะทนไม่ไหว แจ็คสันมองก่อนจะหันไปสนใจกับมาร์คที่สู้กับซูจีอยู่ใกล้ๆ หันกลับมาอีกทียองแจก็กระโจนเข้าใส่แต่แจ็คสันหลบทัน เลือดนักล่าในตัวพุ่งสูงเหมือนโดนปลดปล่อย
หน้าไม้เหล็กถูกดึงออกมาจากข้างหลังแจ็คสันใส่ลูกธนูหัวเงินก่อนจะยิงมันไปที่ยองแจ ร่างของยองแจลอยไปตามแรงของลูกธนูที่ปักเข้าช่วงแขนกระเด็นจนไปติดที่ต้นไม้ ลูกธนูหัวเงินออกฤทธิ์สีหน้าของยองแจดูทรมาน
“มาได้จังหวะเลยนะ”
มาร์คทักหลังจากที่จัดการซูจีเรียบร้อย ซี่โครงที่เหมือนจะหักเมื่อกี้เริ่มเข้าที่ เลือดที่ไหลก็เริ่มจะหยุด มาร์คหันไปมองแบมแบมที่นอนหายใจรวยระริน กวาดตามองออกไปทั่วก่อนจะเห็นว่าน้องชายตัวเองกำลังวิ่งมาทางนี้
“กัดคอเด็กนั่นซะ!”
ยูคยอมส่ายหัวเหมือนเขากำลังสู่กับร่างกายที่ควบคุมไม่ได้
“กัดซะยูคยอมก่อนที่เด็กนั่นจะตายแล้วนายเองก็จะหมดพลัง เชื่อฉันกัดซะให้เด็กนั่นเป็นเหมือนเรา”
ยูคยอมช่างใจอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายเขาก็แพ้ให้กับร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ ร่างสูงกระโจนเข้ามาแบมแบมจับร่างที่เกือบจะแน่นิ่งขึ้นมา กดหน้าลงไปใกล้ๆคออ้าปากก่อนจะฝังเขี้ยวลงไปอย่างแรงดูดกินเลือดที่ไหลออกมา ลิ้นร้อนตวัดเลียเลือดเข้าปากอย่างกระหายมันเหมือนน้ำที่ทำให้ยูคยอมชุ่มคอและมีแรง แผลตามร่างกายแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง
“อึก!จะ...เจ็บ” แบมแบมพูดเสียงเบาหวิว เหมือนลมหายใจเฮือกสุดท้ายกำลังจะหมดลง
ยูคยอมผละออกก่อนจะกัดเข้าไปใหม่ นั่นคือการถูกทำให้เป็นแวมไพร์ถ้าถูกกัดสองทีในครั้งแรกร่างกายจะค่อยๆซึมซับพลังบางอย่างเข้าไป ยูคยอมดูดกินเลือดของแบมแบมและเลียมันจนชุ่ม
“วางลงเลย พี่จะคืนวิญญาณครึ่งนึงให้เด็กนี่ก่อนจะไม่ทัน”
เหตุผลที่มาร์คสั่งให้แบมแบมจ้องตาและไม่เดือดร้อนเมื่อร่างเล็กถูกแทงเพราะมาร์ครู้ว่าแบมแบมจะต้องตาย กลิ่นความตายตลบอบอวนไปทั่วไหนจะร่างที่ไม่มีเงาเมื่อตอนเช้า มาร์คเลยลองใช้พลังที่เขามีอยู่สูบวิญญาณแบมแบมและที่ไม่สามารถทำให้แบมแบมเป็นมนุษย์เต็มตัวได้เพราะมาร์คเห็นเหตุการณ์ในอดีตของแบมแบม มันปรากฏชัดขึ้นมาก่อนอีกคนจะตาย มนุษย์มักจะเป็นแบบนี้เกือบทุกคนก่อนจะหมดลมหายใจจิตใต้สำนึกจะสั่งให้มนุษย์นึกถึงเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตและเลวร้ายที่สุดในชีวิตออกมา แม้ตอนนั้นจะยังเป็นเด็กหรืออาจจะลืมอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของความทรงจำก็ตาม
มาร์คเห็นแบมแบมกับครอบครัว เขาเริ่มรู้เหตุผลว่าทำไมพ่อตัวเองถึงได้พาแบมแบมมาที่นี่ มันเป็นคำสัญญาแลกชีวิตด้วยชีวิต พ่อแม่แบมแบมยอมตายเพื่อให้แบมแบมมีชีวิตอยู่ต่อเพราะแบมแบมหมดอายุไขมาตั้งแต่เด็ก เหมือนนั่นจะเป็นครั้งแรกที่มาเกาหลีมาเจอแม่ของเขา พ่อแม่ของแบมแบมขายอายุไขที่เหลืออยู่แลกกับการให้ลูกชายคนเดียวได้มีชีวิตอยู่ และนั่นมันก็เกือบสิบกว่าปีมาแล้วที่แบมแบมต้องมาหมดอายุในวันนี้เพราะนี่คือวันตายจริงๆของคนเป็นพ่อ หมายความว่าถ้าพ่อแบมแบมยังอยู่เขาจะมีชีวิตอยู่ถึงแค่วันนี้
และเหตุผลที่ให้ยูคยอมกัดแบมแบมให้กลายเป็นมิทที ไม่ใช่เพราะอยากให้อีกคนอมตะเพราะแบมแบมก็คงเป็นแค่ครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์ไปอีกนาน แต่เพราะเขาไม่อยากให้แจบอมมาทำให้แบมแบมกลายเป็นเมิร์คและคิดว่าหลังจากนี้สงครามที่ตามมาก็จะหนักหน่วงและนี่จะเป็นอาวุธที่ป้องกันตัวได้ดีที่สุด
“รีบไปกันเถอะคงไม่อยากอยู่รอพวกเมิร์คยกพวกมาใช่ไหม” จินยองถาม
“เดี๋ยวผมอุ้มเด็กนี่ไปเอง ไปโรงพยาบาลนะยังไงก็เจอกันที่นั่น”
“งั้นพี่ฝากด้วยนะ”
ยูคยอมมองสามคนที่หายไปในความมืดก่อนจะจ้องมองไปทั่วๆ เขารู้ว่ามีเมิร์คอยู่แถวนี้อีก กลิ่นของมันแรงจนยูคยอมสัมผัสได้ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมาเสียงดัง
“อย่ายุ่งกับเด็กคนนี้อีก เพราะเด็กนี่เป็นของฉันแล้ว!!!”
คำศัพท์เฉพาะ
ฮีเดียส (Hideous) แวมไพร์เผ่าเมิร์คที่กลายพันธุ์เป็นสัตว์หน้าตาน่าเกลียด ต้องเป็นคนที่เกลียดชังมากๆจนจิตใจและจิตใต้สำนึกรับไม่ไหว สายมืดสุดๆ
ทอล์คหน่อย
ตอนนี้ 25 หน้า T-T 555555 ยาวกว่าที่เคยลงที่ไหนเลยจริงๆ
มันตัดไม่ได้ไงงง อยากให้จบเลยยยยย ใครเดาว่าแบมเป็นมิททีเดาถูกนะ
แต่เป็นแค่ครึ่งนึง เหตุผลหลายๆอย่างจะค่อยๆออกมาในตอนต่อไป :-)
เราก็ขอบคุณที่ชอบฟิคเรา หวังว่าทุกคนจะเม้นท์และสกรีมฟิคให้หน่อยนะคะ
แบบว่า...เราตั้งใจแต่งมากกกกกกกกก <333
แท็กฟิค: #ฟิคยบ99 เปลี่ยนมาจาก ยบ99 นะคะเพราะมีปัญหานิดหน่อยย
ยังไม่ได้แก้คำผิด .
’ cactus
ความคิดเห็น