คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : PLAYING WITH FIRE : 1 (REWRITE)
PLAYING
WITH FIRE 1
รอยที่คอยังทำให้จัสตินฮวงหงุดหงิดไม่เลิกทั้งที่มันเกือบจะเป็นอาทิตย์แล้วด้วยซ้ำ
ลูบไปก็หงุดหงิดไปยิ่งเมื่อนึกถึงใบหน้ายียวนกวนประสาทของแวมไพร์หนุ่มก็รั้งแต่ทำให้อารมณ์เสีย
ห้องนอนขนาดเล็กในตึกโทรมๆ เป็นที่ซุกหัวนอนในแต่ละวันให้ผ่านไป เช้ามาก็ไปเรียน
กลับถึงบ้านก็ทำงานพิเศษตอนเย็น
จัสตินไม่เคยโทษใครที่ต้องเป็นแบบนี้เพราะความลำบากที่ต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ทุกวันไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่หรือว่าอะไร
เขารักแม่กับพ่อเกินกว่าจะกล่าวโทษ
ความรักไม่ได้ผิดแม้จะคนละเผ่าพันธุ์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกตรงไหน
คนที่คิดกฎบ้าๆนั่นขึ้นมาต่างหาก
ถ้าแวมไพร์รักกับใครที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันก็จะต้องตาย
ส่วนมนุษย์หมาป่าเมื่อทำผิดกฎข้อนี้โทษคือการไล่ออกจากฝูง ครอบครัวฮวงอดีตเป็นมหาเศรษฐีแต่นั่นก็ก่อนที่พ่อกับแม่เขาจะรักกัน
ไม่ต้องถามถึงคนในตระกูลทุกคนก็เมินหน้าหนีหมด
ใครล่ะอยากจะมาคบค้าสมาคมกับคนตัวเปล่า
ธุรกิจล้มละลายจากมหาเศรษฐีกลายเป็นเพียงแค่มนุษย์หมาป่าขี้เมาที่วันๆไม่ทำอะไรยกเว้นนอนกับดื่มเหล้า
แม่ของจัสตินจากไปตั้งแต่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่วัน
เขาแทบจำหน้าของคนเป็นแม่ไม่ได้จะมีเพียงรูปถ่ายใบเก่าให้ดูต่างหน้าเมื่อคิดถึง
“ไม่ออกไปทำงานหรือไง
ไปให้พ้นๆหน้าสักทีไอ้ลูกเวร” น้ำเสียงทุ้มตะคอกด้วยอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิดเต็มประดา
ไม่ต่างจากสายตาที่คล้ายกันกับของลูกครึ่งหมาป่าที่กำลังจ้องมองพ่อของตนเอง
“กำลังจะไปครับ
ข้าวพ่ออยู่บนโต๊ะนะ” เป็นจัสตินที่หลบสายตาแล้วตอบด้วยเสียงเบาหวิว
“ไสหัวไปไกลๆ”
และคำตอบแบบนี้ก็ได้รับมันเหมือนทุกวัน
พ่อเกลียดเขาตั้งแต่จำความได้ไม่เคยพูดดี ไม่เคยสนใจ
ที่โตมาได้ก็เพราะเพื่อนแวมไพร์บางคนของแม่ที่คงเวทนาและเห็นแก่ที่เขาเป็นลูกชายของเพื่อนสนิท
เธอชุบเลี้ยงให้อาหารและการศึกษาตั้งแต่ยังเด็ก
ไม่ยังงั้นป่านนี้เขาคงตายไปนานแล้ว
งานในร้านสะดวกซื้อเล็กๆไม่ได้หนักหนา
เจ้าของเป็นคุณลุงหมาป่าที่ใจดีเพราะคุณลุงเจ้าของร้านไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจหมาป่าที่มีเลือดของแวมไพร์ไหลเวียนอยู่ในตัวเลยสักนิด
แถมบางครั้งยังไปหาเลือดมนุษย์มาให้เขากินอีกต่างหาก
จัสตินกินทั้งเลือดและอาหารของมนุษย์จำพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ
เคยพยายามที่ไม่กินเลือดมนุษย์แต่สุดท้ายก็แทบจะหมดแรงแถมยังเกือบตายจนต้องหามส่งโรงพยาบาล
พอคิดถึงเรื่องของตัวเองที่ชอบเป็นภาระให้คนอื่น
ลูกหมาป่าตัวจ้อยก็ได้แต่ถอนหายใจ
ถ้าแม่ยังอยู่คงดีกว่านี้เพราะแม่คงบอกให้พ่อไม่ต้องเกลียดเขา
งานพาร์ทไทม์เลือกเกือบตีสอง
จัสตินก้มหัวลาคุณลุงเจ้าของร้านกับพี่พนักงานอีกคนก่อนจะเดินหิ้วถุงใส่เลือดแกว่งไปตามในตรอกมืด
สำหรับมนุษย์ที่นี่มันน่ากลัวแต่สำหรับจัสตินแล้วก็แค่ตรอกมืดๆที่จะทำให้ทางกลับบ้านเร็วขึ้นก็เท่านั้น
เสียงฝีเท้าของใครสักคนดังตามมาข้างหลังสัญชาติญาณของความเป็นหมาป่าทำให้คนที่กำลังเดินแกว่งถุงเหลียวหลังกลับไปมอง
ความมืดและความว่างเปล่าตรงหน้าที่จัสตินมองเห็นก่อนจะหันกลับมาก่อนจะตกใจกับใครบางคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“ไงเจ้าลูกหมาวันนี้ไปทำงานมาหรอ”
เสียงทุ้มเอ่ยทักก่อนจะชิงเอาถุงร้านสะดวกซื้อไปถือเอง
ตาคมจ้องมองเลือดมนุษย์ที่กลิ่นไม่ค่อยจะดีนักเพราะมันคงมาจากมนุษย์ที่ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่
เลือดมนุษย์มีหลายเกรดเหมือนกับอาหารของพวกมนุษย์
ตั้งแต่พรีเมียมคือสามารถกัดและดูดได้จากมนุษย์สดๆโดยแลกกับเงินและมนุษย์พวกนั้นจะต้องดูแลตัวเองให้ดี
จากนั้นก็รองลงมาไปเรื่อยๆแต่จากในถุงนี้เหมือนเป็นเลือดที่กำลังจะหมดอายุ
“ยุ่ง”
จัสตินตอบเสียงแข็ง
“เลือดกำลังจะหมดอายุกลิ่นก็ฉุนเป็นบ้ากินเข้าไปได้ไง”
เฉิงเฉิงโยนทิ้งใส่ถังขยะที่อยู่ไม่ไกล
เจ้าของเลือดเบิกตาแทบจะวิ่งไปคุ้ยเอามันมาแต่ถูกห้ามไว้ก่อน
“นายนี่มันนิสัยแย่ที่สุดเลยฟ่านเฉิงเฉิง!”
เจ้าของชื่อไม่ได้สะทกสะท้านสักนิดแถมยังจับแขนผอมให้เดินตามไปด้วยกันซึ่งมีรถจอดอยู่ไม่ไกล
แม้จัสตินจะพยายามดิ้นให้พ้นจากแวมไพร์หนุ่มเท่าไหร่มือใหญ่นั่นก็ยิ่งบีบแขนของเขาแน่นขึ้นจนรู้สึกเจ็บ
“ถ้านายวิ่งหนี
นายเจอดีแน่ฮวงหมิงฮ่าว” คำขู่สั้นๆแต่ในน้ำเสียงทุ้มๆนั่นบอกถึงการเอาจริง
จัสตินขึ้นไปนั่งบนรถคันหรู
มันสวยและสบายแถมเบาะยังนุ่มอีกต่างหาก ไม่รู้ว่านั่งรถคันนี้มากี่ครั้งแล้ว
แต่ทุกครั้งบอกให้รู้ไว้เลยว่าลูกหมาป่าตัวนี้ไม่เคยเต็มใจ
รถทะยานไปข้างหน้าโดยที่จัสตินไม่รู้จุดหมาย
ดวงตากลมมองออกไปนอกหน้าต่างนอกจากแสงไฟของถนนกับตึกสูงก็ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ
ไม่นานนักรถก็เลี้ยวเข้ามาจอดในคอนโดที่ตั้งตระหง่านสูงใหญ่ท่ามกลางตึกอื่นๆ
แต่มันดูเป็นโซนที่เฉพาะคนมีเงินถึงจะมารวมตัวกันอยู่ในย่านนี้
และไม่ต้องเดาเลยว่าคงมีจะแวมไพร์ไม่น้อยอาศัยอยู่
“ตามมา”
มือใหญ่เอื้อมมือจับมือของลูกหมาป่าก่อนจะลากเข้าไปในตึก
มีผู้หญิงหน้าตาดีรอต้อนรับโดยเธอปลายตามองเขาหน่อยๆ
“วันนี้คุณชายเฉิงพาใครมาหรอคะ”
น้ำเสียงหวานเอ่ยถามก่อนจะกดลิฟต์
“ลูกหมา”
ตอบสั้นๆแล้วแขนยาวก็วางอยู่บนไหล่กอดกระชับเหมือนสนิทกันมาหลายสิบปี
จัสตินได้แต่กัดฟันกรอดๆด้วยความโมโหอยากจะข่วนหน้าไอ้คุณชายเฉิงให้เป็นรอย
โดยเฉพาะตอนที่อีกฝ่ายก้มมามองพลางยกคิ้วแล้วยิ้มมุมปากแบบที่โคตรอยากจะบีบคอให้ตาย
รู้แล้วว่าเงินมันทำอะไรได้บ้าง
ห้องของคุณชายเฉิงใหญ่จนน่าตกใจแถมทั้งชั้นนอกจากแวมไพร์หนุ่มแล้วก็ไม่มีใครเลย
นั่นก็แปลว่าชั้นสิบเจ็ดทั้งชั้นเป็นของคุณชายตระกูลฟ่าน ดวงตากลมจ้องมองอย่างหวาดๆ
ถ้าเกิดเขาทำอะไรพังขึ้นมาคงโดนเจ้าของห้องกินหัว
“นั่งสิ”
“จะกลับบ้าน”
จัสตินตอบแต่ก็นั่งลงบนโซฟานุ่มสีเข้ม
“ให้กลับแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
พูดจบเจ้าของห้องก็เดินเข้าไปในครัวแล้วออกมาพร้อมถุงเลือดสีแดงสด
จัสตินเผลอกลืนน้ำลายตอนที่มองถุงเลือดสองถุง
“อยากกินไหม”
อีกฝ่ายชูแล้วถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางเจ้าเล่ห์
“ไม่! จะกลับบ้าน” ใครมันจะพูดว่ากันเสียฟอร์มแย่
“งั้นถ้าเปิดถุงออกมาแล้วได้กลิ่นรึเปล่าหื้มฮวงหมิงฮ่าว”
ใครจะไม่กลิ่นหอมๆนั่นกันจัสตินได้แต่คิดในใจ
มันหอมจนอยากเดินไปกระชากถุงเลือดมาแล้วกินให้หนำใจแต่สิ่งที่ทำได้คือจ้องมันตาละห้อย
“ถ้าอยากกินจะกินทั้งสองถุงเลย
แต่มีข้อแม้นะ” แวมไพร์หนุ่มพูดแล้วนั่งลงบนโซฟาใกล้ๆกันแถมยังตบหน้าตักเสียงดังตวัดตามองด้วยสายตาแพรวพราว
“ต้องนั่งกินบนตักฉันไม่งั้นก็อด”
จัสตินแทบอยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอแล้วเขย่าแรงๆแบบที่คิดไว้ในลิฟต์
เขายอมกลับไปคุ้ยถังขยะสกปรกๆนั่นก็ได้แต่ต้องมานั่งในท่าทางล่อแหลมขอบายดีกว่า
“ใครจะทำเรื่องน่าอายแบบนั้นกัน”
ตอบออกไปแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ขอบายนะครับคุณชายฟ่านเฉิงเฉิง”
มันควรจะเป็นภาพที่ลูกหมาป่าตัวจ้อยออกมาจากห้องหรูแล้วสะบัดหน้าใส่แวมไพร์ต้นตระกูลที่นั่งอยู่ไม่ไกล
มันควรจะเป็นแบบนั้นถ้าฟ่านเฉิงเฉิงไม่เดินมาด้วยความเร็วระดับแวมไพร์ดักหน้าเขาเอาไว้แล้วดูดถุงเลือดในมือต่อหน้าเขา
กลิ่นของมันหอมหวน สีแดงสดยังล่อตา ล่อใจ สุดท้ายก็เหมือนถูกมนตร์สะกด
ลูกหมาป่าที่มีเลือดของแวมไพร์กำลังนั่งอยู่บนตักแกร่งดูดกินเลือดอย่างหิวโหย
เสียงดูดจ๊วบจ๊าบเรียกให้แวมไพร์ต้นตระกูลอดไม่ได้ที่จะสอดมือเข้าไปในเสื้อยืดเก่าๆของคนบนตัก
ลูบไล้แผ่นหลังขาวเนียนแถมยังแอบจับเอวคอดที่บอกได้ว่าเจ้าลูกหมาของเขาผอมแค่ไหน
“อื้อ
อย่าจับตรงนั้น” จัสตินผละปากออกจากถุงเลือดก้มบอกคนที่กำลังปัดป่ายมือไปมาทั่วแผ่นหลังของตัวเอง
“มีหน้าที่กินก็กินไปเถอะ
แล้วก็นะเลิกขยับช่วงล่างไปมาสักทีก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”
จัสตินจิ๊ปากเปลี่ยนมานั่งนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายจับนู่นจับนี่ตามที่ต้องการ
ความหวานของเลือดแทบจะทำให้ลืมทุกสิ่งเพราะมันเป็นเลือดมนุษย์ที่อร่อยที่สุดเท่าที่กินมา
อร่อยจนไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้ลิ้มลองอะไรแบบนี้
“หมดแล้วลุกได้แล้วใช่ไหม”
แลบลิ้นเลียเลือดข้างปากพลางมองหน้าต้นตระกูลที่เงยหน้ามอง
“ใครบอก
นั่นเป็นอาหารวันนี้ของฉันในเมื่อนายกินมันหมดแล้วเพราะฉะนั้นนายก็ต้องเป็นอาหารวันนี้ของฉันแทน”
“เฮ้ย!”
แผ่นหลังของลูกหมาป่าแนบไปกับโซฟาสีเข้มตัวยาว
แล้วร่างของแวมไพร์ต้นตระกูลก็ตามมาคร่อมทับ
ลมหายใจเย็นเฉียบแต่สงบจ่ออยู่ข้างแก้มจนต้องหันหน้าหนี
เสียงหัวเราะทุ้มๆดังอยู่ข้างหูก่อนจมูกโด่งจะกดลงมาบนแก้มนิ่มเต็มแรงจนมันบุ๋มลงไปตามแรง
“ใครให้หอมกันไอ้คนฉวยโอกาส
ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้นะ อื้อ— ”
ริมฝีปากเย็นเฉียบประทับลงไปบนริมฝีปากอุ่นๆที่มีกลิ่นเลือดคละคลุ้งไปหมด
สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อนตามอุณหภูมิของร่างกาย
ไล้เรียวลิ้นไปแนวฟันเรียงสวยแล้ววกกลับมาดูดดุนลิ้นอุ่นอันเล็กๆฝังคมเขี้ยวลงไปเบาๆด้วยความมันเขี้ยว
มือเรียวยาวลูบหน้าท้องแบนราบติดผอม
สีหน้าของลูกหมาดูเหมือนจะขาดใจตายนั่นแหละถึงได้ผละออกมามองริมฝีปากบวมเจ่อของอีกฝ่าย
เฉิงเฉิงยกยิ้มก้มลงไปที่ซอกคอขาวใช้ปลายจมูกโด่งเกลี่ยไปมาพร้อมกับปลายลิ้นเลียผิวหนังที่ข้างใต้คือเส้นเลือดที่กำลังเต้นตุบๆ
“ยะ อย่า…” น้ำเสียงเล็กๆนั่นดูหวาดกลัวนิดหน่อย
“เจ็บนิดเดียวนะครับ”
และไม่เคยมีสักครั้งที่จะต้องปลอบประโลมใครยามดูดกินเลือดสดๆจากต้นคอ
“อ๊ะ!”
คมเขี้ยวแหลมยาวฝังลงไปที่ต้นคอขาวเนียนกลิ่นเลือดอุ่นๆที่ถึงแม้จะรสชาติแปลกแตกต่างไปจากของมนุษย์และแวมไพร์
มันก็ไม่ได้แย่ออกจะหอมหวานเสียด้วยซ้ำ
เลือดมากมายไหลลงคอและมันมากพอจนทำให้ลูกหมาป่าหมดแรง
มือสองข้างที่ขย้ำชุดสูทหรูตกลงข้างตัว
เสียงครางหงิงๆเหมือนลูกหมาดังขึ้นพร้อมทั้งหูสามเหลี่ยมประมาณฝ่ามือที่ผุดขึ้นมาบนผมสีเข้ม
ฟ่านเฉิงเฉิงผละออกจากซอกคอขาวที่ตอนนี้มีรอยช้ำม่วงจากการโดนกัด
ดวงตากลมของลูกหมาป่าปรือในยามที่เขามอง
ยกมือขึ้นลูบข้างแก้มนิ่มเบาๆแล้วกดจูบลงไปทั้งสองข้าง
“หมดแรงแล้วสินะ”
“หงิงๆ”
แวมไพร์หนุ่มหัวเราะเขายังไม่เคยบอกใครสักคนว่าเขาชอบเวลาที่เห็นหูนั่นกับท่าทางเหมือนลูกหมาของจัสตินฮวง
มันดูน่าเอ็นดูเป็นบ้าและคงจะดีไม่หยอกถ้าตอนที่เขาอยู่ในตัวของเจ้าลูกหมาแล้วเห็นหูนั่นโผล่ออกมา
“นอนซะเจ้าลูกหมา”
ท้องฟ้ายามรัตติกาลมันเงียบสงบ
ควันจากปลายมวนบุหรี่ลอยฟุ้งไปกับสายลมในยามค่ำคืนก่อนจะจางหายไป
ดวงตาคมมองออกไปสุดลูกหูลูกตาเพราะข้างหน้าเป็นสะพานแขวนขนาดใหญ่กับแม่น้ำที่กว้างไม่แพ้กัน
รสชาติของเลือดยังคลุ้งไปทั่วทั้งปากแม้จะดูดเอานิโคตินเข้าไปกลบ
เฉิงเฉิงไม่อยากทำให้ลูกหมาตัวนั้นกลัวเขานัก แค่ลำพังสิ่งที่อีกฝ่ายต้องเผชิญมันก็แย่มากพอแล้ว
ไม่รู้ว่ามันเกิดความรู้สึกสงสารแบบนี้ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือตอนไหน
รู้ตัวอีกทีจัสตินฮวงก็อยู่ในความคิดของเขาเสียแล้ว
โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูถูกยกขึ้นมากดหาเบอร์สักพัก
เสียงปลายสายทักทายอย่างนอบน้อมเหมือนทุกที
“เรื่องที่พ่อของเจ้าลูกหมาให้ข้อเสนอมาฉันตกลง”
(คุณชายจะเอาจริงๆหรอครับ)
“ใช่
จัดการให้ด้วยล่ะ”
(ครับคุณชายเฉิงผมจะจัดการให้เร็วที่สุด)
“ขอบใจ”
tbc.
ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเป็นฟิคดาวพระศุกร์คือมันไม่ใช่
แต่งเองก็ใจบางมากตอนคิดว่าถ้าจัสตินมีหูครางหงิงๆอ้อนพี่
ฮื้อ เจ้าลูกหมา
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ
คอมเม้นต์เป็นกำลังใจหรือติดแท็ก #เล่นกับไฟเฉิงจัส
ตอนนี้กลายเป็นเล่นกับหมาแล้ว
แง้ 55555555
ขอฝากฟิคในแอพจอยลดาด้วยค่ะ
เรื่อง L
I A R ไปอ่านกันได้
ขอบคุณขรั่บบบ
ความคิดเห็น