คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : PLAYING WITH FIRE : 9 (REWRITE)
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว
ร่างของจัสตินนอนหายใจหอบเมื่อถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนหมดแรง
ยังไงเขาก็สู้ช่ายสวี่คุนไม่ได้ยิ่งแปลงร่างเป็นหมาป่าไม่ได้
เป็นแวมไพร์ก็ทำอะไรแทบไม่ได้เหมือนกัน
กำลังของเขาก็คงไม่ต่างจากพวกมนุษย์เท่าไหร่
จัสตินสถบบ่นตัวเองในใจเรื่องที่เขาประมาทเกินไปและไม่ระวังตัวอย่างที่ฟ่านเฉิงเฉิงและเฉินลี่หนงกำชับทุกครั้งตอนที่ไปไหนมาไหนคนเดียว
จริงๆเขาก็ไม่ได้ประมาทแต่สวี่คุนพูดหว่านล้อมจนเชื่อใจ
ใบหน้าที่ปกติไม่ค่อยแสดงอาการอะไรวันนี้กลับมีแต่รอยยิ้มจนอดแปลกใจไม่ได้ จัสตินคิดไม่ถึงหรอกว่าอีกฝ่ายจะสะกดรอยตามมาแล้วทำมาเป็นบังเอิญเจอกันถึงตอนแรกจะตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยแต่พอสวี่คุนพูดดีๆก็อดไม่ได้ที่อยากจะผูกมิตรกับอีกฝ่าย
ยังไงมีมิตรก็ดีกว่ามีศัตรูเพราะคิดแบบนั้นเลยมานอนเจ็บอยู่ตรงนี้
“ลุกขึ้นมาสิ!” เอื้อมไปดึงคอเสื้อของจัสตินขึ้นมาจ้องดวงตาของลูกหมาป่าก่อนจะยิ้มแสยะ
“คุณต้องการอะไร”
“ออกไปจากชีวิตเฉิงเฉิงซะ”
มือเลื่อนไปบีบต้นคอขาวค่อยๆออกแรงบีบจนคนถูกกระทำเหมือนจะขาดอากาศหายใจ
“แค่กๆ ปะ..ปล่อย”
“บอกมาสิว่าจะไสหัวไปฮวงหมิงฮ่าว!” ช่ายสวี่คุนออกแรงบีบมากกว่าเดิมแม้จัสตินจะดิ้นไปมาเพราะกำลังจะขาดอากาศหายใจจริงๆ
จัสตินรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายหัวสมองขาวโพลนและเจ็บคอจนไม่สามารถเอ่ยประโยคใดออกไปได้
ทำได้แค่พยายามแกะมือของสวี่คุนออกแต่มันก็ไม่ขยับสักนิด
ใบหูผุดขึ้นมาจากผมสีเข้มมันกระดิกไปมาพร้อมกับหางฟูๆ เสียงครางหงิงๆในลำคอดังออกเบาหวิว
“นายเลือกเองนะ”
สวี่คุนสบตากับจัสตินด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “งั้นก็ตายไปซะ!”
โครม!
ร่างของช่ายสวี่คุนลอยหวือไปอีกฝั่งพร้อมกับร่างของใครบางคนที่โผล่มาทันเวลาพอดิบพอดี
แต่ถึงอย่างนั้นสวี่คุนก็ไม่ได้เจ็บสักนิดเมื่อร่างของคนที่เข้ามาขวางรับความเจ็บนั้นไว้แทน
“เข้ามายุ่งทำไมลี่หนง!” สวี่คุนลุกขึ้นตะคอกใส่ลูกจ่าฝูงเสียงดังลั่นป่า
“แล้วพี่ทำแบบนี้ทำไม”
ลี่หนงตะคอกกลับด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าไหล่ของสวี่คุนที่พยายามจะพุ่งเข้าหาจัสตินอีกครั้ง
สวี่คุนหันไปต่อยที่หน้าของลี่หนงจนหมาป่าเซไปตามแรง
“ถ้าพี่ทำแบบนี้จะมาหาว่าผมใจร้ายทีหลังไม่ได้นะ”
เฉินลี่หนงกลายร่างเป็นหมาป่าตัวใหญ่ขนสีน้ำตาลอ่อนแซมเข้ม
ดวงตาสีอ่อนจ้องมองหน้าของสวี่คุนก่อนจะอ้าปากกระฉากเสื้อแล้วลากสวี่คุนไปในป่าท่ามกลางความงงงวยของจัสตินที่นอนเจ็บอยู่ไม่ไกล
“ปล่อยนะลี่หนง!”
กรรรรจ์!
ร่างของสวี่คุนถูกลากไปตามทางในป่าใหญ่จนเนื้อตัวเปรอะเปื้อน
แม้จะดิ้นยังไงก็ไม่หลุดจากคมเขี้ยวของหมาป่าตัวใหญ่ที่กำลังโมโห
ไม่รู้ว่าถูกลากไปลึกแค่ไหนแต่ก็มากพอที่จะได้กลิ่นของหมาป่าเต็มไปหมด
ตุบ
ความเจ็บแล่นเข้ามาที่ขาขวามือมันกระแทกกับพื้น
สวี่คุนเงยหน้ามองเฉินลี่หนงในร่างของหมาป่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอีกร่างของอีกฝ่าย
ตัวใหญ่กว่าที่คิดไว้เยอะแถมตอนนี้ยังดูไม่เหมือนเฉินลี่หนงคนที่เขาสามารถควบคุมได้
ดวงตาสีฟ้าดูน่ากลัวเมื่อเผลอสบตาเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
สวี่คุนไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองหวาดกลัวพวกหมาป่าได้ถึงขนาดนี้
“ถ้าจัสตินตายขึ้นมาพี่จะทำยังไง”
เสียงทุ้มพูดขึ้นในร่างของหมาป่า
“ก็ดีไงให้มันตายๆไปซะฉันไม่จำเป็นต้องสนใจชีวิตมัน”
สวี่คุนตอบด้วยความโมโห
“พี่โหดร้ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วลี่หนง
นายต่างหากที่รักฉันจนโง่มองไม่เห็นว่าฉันเป็นคนแบบไหน”
น้ำเสียงสั่นแต่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
หมาป่าตัวใหญ่ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ถึงสวี่คุนจะถอยหลังแต่สุดท้ายก็จนมุมเมื่อแผ่นหลังชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่
นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองมาโดยไม่กะพริบสักนิดถ้าแวมไพร์หนุ่มสังเกตก็จะเห็นความเศร้าที่ซ่อนอยู่ในแววตาดุดัน
เฉินลี่หนงเลียที่ข้างแก้มใสอย่างปลอบโยนเพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ทำร้ายแวมไพร์ตรงหน้าไม่ลง
ถึงจะโกรธขนาดไหนก็ทนเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ไม่ได้หรอก
“อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม”
ช่ายสวี่คุนยกมือลูบกลุ่มขนนุ่มสีน้ำตาลของหมาป่าตัวใหญ่
ความรู้สึกในหัวตีกันไปมาจนสับสนเมื่อถูกร้องขอด้วยสายตาอ้อนวอน
“ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้โหดร้ายได้โปรดอย่าทะ—”
“กรรรจ์!!!”
ร่างของหมาป่าล้มลงไปเมื่อถูกมีดขนาดหนึ่งช่วงแขนแทงเข้าที่สีข้าง
เลือดสีแดงสดเริ่มไหล่ซึมผ่านเส้นขนสีน้ำตาล
“เฉินลี่หนง!” สวี่คุนตะโกนเรียกชื่อหมาป่าตัวใหญ่ตรงหน้าด้วยความตกใจ
สวบ…
สวบ..
เสียงย่ำเท้าของคนมาใหม่ทำให้สวี่คุนหันไปมอง
เจ้าของมีดเล่มนี้ยืนกอดอกมองลูกจ่าฝูงที่กำลังเจ็บปวด
“พวกหมาป่าก็ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมเลยว่าไหม”
รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าแล้วหันไปเลิกคิ้วขอความเห็นจากสวี่คุนที่นั่งกอดหมาป่าตัวใหญ่
“ทำบ้าอะไรของนายวะหลัวเจิ้ง”
สวี่คุนตะคอกแล้วหันไปสนใจแผลของหมาป่า
“ก็มันมาขัดขวางแผนการของนายควรฆ่าทิ้งซะด้วยซ้ำ”
แวมไพร์หนุ่มตวัดมองหลัวเจิ้ง
“เฉินลี่หนงไม่ใช่คนที่นายควรยุ่ง”
“ไม่เอาน่าสวี่คุนไอ้หมาตัวนี้มันจะทำให้แผนของท่านพังหมด
หรือว่านายไม่อยากได้เฉิงเฉิงแล้ว” หลัวเจิ้งพยายามพูดกล่อมให้สวี่คุนคล้อยตาม
กรรรรรจ์
เฉินลี่หนงในร่างหมาป่าลุกขึ้นมามองหน้าของแวมไพร์ที่เขารู้จักผ่านๆ
นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองแวมไพร์ทั้งสองสลับกันไปมา
“นายเป็นอนาคตจ่าฝูงแน่หรอเฉินลี่หนง
ตลกเป็นบ้า” เสียงทุ้มบอกพร้อมกลั้วหัวเราะเหมือนมันเป็นเรื่องตลก
“นายไปได้แล้วหลัวเจิ้งตรงนี้ฉันจัดการเอง”
สวี่คุนบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
กึก!
หลัวเจิ้ง
สวี่คุนและลี่หนงมองใครบางคนที่กระโดดลงมาจากต้นไม้สูงใหญ่
อีกฝ่ายมองตาลี่หนงก่อนจะไล่ไปที่แผลค่อนข้างใหญ่
“เมื่อไหร่จะเลิกลอบกัดคนอื่นแบบนั้นซะทีหลัวเจิ้งคิดว่าเก่งนักรึไง”
คำพูดยียวนสามารถกวนอารมณ์แวมไพร์มหนุ่มเจ้าของชื่อให้โกรธได้ในพริบตา
รอยยิ้มเล็กๆนั่นอีกเหมือนจะท้าทายเป็นในๆ
“องครักษ์หมามาแล้วหรอ”
“ไม่เอาน่านายรู้จักชื่อฉันดีนะหลัวเจิ้ง”
“ใครจะลืมคนที่ฉันเคยผสมพันธุ์ได้หลงล่ะเจิ้งรุ่ยปิน”
…
ฟ่านเฉิงเฉิงถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อต้องเห็นจัสตินในชุดของโรงพยาบาลนั่งมองหน้าเขาตาไม่กะพริบ
บาดแผลตามร่างกายหลายจุดโดยเฉพาะรอยที่คอชัดเจนจนคิดว่าช่ายสวี่คุนเอาจริงและนั่นหมายถึงสงคราม
เขาพยายามติดต่อลี่หนงแต่ก็ยังติดต่อไม่ได้จนต้องให้ปู่ฝานตามหาลูกจ่าฝูงที่หายเข้าไปในป่ากับสวี่คุนให้เขา
คลาดสายตานิดเดียวจัสตินก็เกือบตายทำให้เขารู้ว่าคงละสายตาจากลูกหมาตัวนี้ไม่ได้จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลง
“เจ็บมากไหม”
ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงแล้วเอื้อมมือไปลูบไล้แก้มขาวเบาๆ
“เจ็บแต่เหมือนจะตายเลย
ให้ตายเถอะสวี่คุนเอาจริง” จัสตินบ่นแล้วก็ซบหน้าลงบนฝ่ามือใหญ่
“ลี่หนงคงจัดการไปแล้วแต่มันมีคนอื่นอยู่ด้วยฉันได้กลิ่นและคิดว่าน่าจะรู้จักดี”
เฉิงเฉิงบอก
“แล้วจะเอายังไงต่อไป”
ฟ่านเฉิงเฉิงนั่งลงบนเตียงประคองสองข้างแก้มก่อนจะเคลื่อนเข้าไปกดจูบลงบนหน้าผากมน
จัสตินไม่ควรเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องบ้าบอของตระกูลเขา
ไม่จำเป็นต้องมาเจ็บตัวไม่เว้นแต่ละวันแบบนี้ด้วยซ้ำ
“อยากไปจากฉันไหม”
“…”
“ฉันสัญญากับพ่อนายว่าจะดูแลนายแต่ดูสินายต้องมาเจ็บตัวแบบนี้มันไม่โอเคเลย”
ฟ่านเฉิงเฉิงพูดแล้วจ้องดวงตากลมที่สั่นระริก
“ฉันไม่มีใครแล้ว”
จัสตินบอกเสียงสั่น
“นายยังมีฉันไงเจ้าลูกหมา
ฉันอยู่ตรงนี้”
จัสตินโผเข้ากอดแวมไพร์ต้นตระกูลและถูกอีกฝ่ายกอดตอบจนจมหายเข้าไปในอ้อมอกแกร่ง
ฟ่านเฉิงเฉิงยกยิ้มเมื่อเห็นลูกหมาป่าขี้แยกำลังตัวสั่นเทาเพราะร้องไห้และสะอื้นไม่หยุด
“ร้องไห้แบบนี้เดี๋ยวตาก็บวมหรอกยิ่งขี้เหร่อยู่ด้วย”
ฟ่านเฉิงเฉิงก็เป็นคนประเภทนี้ถึงจะเป็นห่วงยังไงก็ขอให้ได้แหย่เจ้าลูกหมาให้หน้ามุ่ย
ลูกหมาป่าหน้ามุ่ยปากอิ่มยับยู่จนโดนแวมไพร์หนุ่มใช้ริมฝีปากแตะที่อวัยวะเดียวกันเบาๆก่อนจะผละออก
นัยน์ตาสีเข้มจ้องดวงหน้าหวานที่กำลังเขินอายเพราะสีของแก้มแดงเรื่อหรือไม่รู้เพราะแดงจากบาดแผล
ประตูห้องพักถูกเปิดออกด้วยฝีมือใครบางคนที่เดินเข้ามา
ฟ่านเฉิงเฉิงเลิกคิ้วก่อนจะยกยิ้มให้แล้วผละออกจากร่างเล็กที่หลับตาปี๋อยู่ตอนนี้
“ลมอะไรหอบมาถึงนี่กันครับฟ่านปิงปิง”
เจ้าของชื่อหัวเราะหึในลำคอมองเจ้าน้องชายตัวดีแล้วหันไปสบตากับร่างเล็กที่มองเธอด้วยสายตาสงสัย
“ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้วจะไม่ให้ห่วงน้องชายได้ยังไงกันฟ่านเฉิงเฉิง”
เธอนั่งลงบนโซฟาตัวยาวถอนหายใจนิดๆแล้วบอกให้น้องชายมานั่งข้างๆ
ใบหน้าสวยราวกับภาพวาดมองหน้าจัสตินอีกครั้งเธอสำรวจมองแล้วยิ้มให้กับคนเจ็บที่ทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ท่าทางพวกนั้นทำให้ฟ่านปิงปิงนึกเอ็นดูคนรักของน้องชายตัวเอง เหมือนลูกหมาอย่างที่เฉิงเฉิงเคยบอกไม่มีผิด
“ฉันเป็นพี่สาวของฟ่านเฉิงเฉิง”
“ทะ
ที่เป็นดาราหรอครับ” จัสตินถามตะกุกตะกักเพราะคุ้นหน้าเธอเหลือเกิน
“ใช่
ดีใจจังที่น้องสะใภ้รู้จักฉันด้วย”
“…” จัสตินเบิกตากว้างเมื่อถูกแทนด้วยสรรพนามที่น่าขัดเขิน
“คะ คือว่าไม่ใช่สะใภ้นะครับผมแค่ผม…”
“น้องชายฉันไม่ใช่คนประเภทรักใครไปทั่วหรอกนะฮวงหมิงฮ่าว
เจ้าหมอนี่ห่างจากฉันเป็นหลายสิบปีเลี้ยงมาเหมือนลูกทำไมจะไม่รู้นิสัยใจคอ”
ฟ่านปิงปิงเอ่ยขัด
“ไม่เอาน่าคุณอย่าไปทำให้เจ้าลูกหมากดดันสิ”
เฉิงเฉิงแตะที่ไหล่ของพี่สาวแต่เธอแค่หันไปหัวเราะ
“รู้ไว้นะฮวงหมิงฮ่าวว่าแวมไพร์อย่างฟ่านเฉิงเฉิงถ้าไม่รักล่ะก็อย่าหวังว่าหมอนี่จะอ่อนโยน”
แค่ประโยคสั้นๆแต่สามารถทำให้จัสตินใจเต้นรัวเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอฟ่านเฉิงเฉิง
เขาหลบสายตาของสองพี่น้อง ปกติแค่รับมือกับเฉิงเฉิงคนเดียวก็แทบจะบ้าตายแต่พอมาเป็นคู่แบบนี้มันทำให้รู้สึกเกร็งจนหายใจไม่ทั่วท้อง
จัสตินไม่ได้คิดไปเองว่าฟ่านปิงปิงดูน่ากลัวและดูทรงพลังแปลกๆ
“ฉันไม่ได้น่ากลัว
ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะน้องสะใภ้”
จัสตินตาโตเมื่ออีกฝ่ายพูดตอบราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“เธออ่านใจคนอื่นได้”
เฉิงเฉิงไขข้อข้องใจ
แล้วความลับของตระกูลฟ่านที่จัสตินไม่เคยรู้และแทบไม่มีใครรู้ก็ถูกเปิดเผย
จัสตินพยายามหาคำตอบว่าทำไมตระกูลฟ่านถึงได้มีสิทธิ์เป็นผู้ทรงอำนาจนอกจากเงินและธุรกิจใหญ่ๆมันต้องมีอย่างอื่นเข้ามาเป็นตัวช่วย
และตัวช่วยของตระกูลฟ่านดูพิเศษ…
“ส่วนน้องชายของฉันเขาเก่งเรื่องพลังจิต”
จัสตินคิดไม่ออกว่าพลังจิตของฟ่านเฉิงเฉิงมันเป็นแบบไหน
สะกดจิต
หรือว่ามากกว่านั้นและคำตอบที่ได้รับก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเองอาจจะต้องประเมินต้นตระกูลใหม่
“พลังจิตทุกอย่างตั้งแต่สะกดจิตไปจนถึงหยั่งรู้อนาคต
หมอนี่ไม่เคยบอกหรอว่าเห็นเธอก่อนที่จะได้เจอกันในร้านสะดวกซื้อนั่นเสียอีก”
tbc
ตอนนี้ตัวละครมาเยอะมาก
มันไม่เชิงฟิคสู้อะไรหรอกค่ะ
ทำให้มันดูพิเศษเฉยๆ
เราคิดว่าคงมีหลัวเจิ้งกับรุ่ยปินอีกคู่
คือจับเพราะชอบแค่นั้นเลย
แต่ก็จะไม่เน้นมากนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
สวี่คุนใกล้จะโดนดุแล้วค่ะ ขอไปดูคิวก่อนว่าจะมาก่อนเฉิงจัสไหม หุหุ
#เล่นกับไฟเฉิงจัส
แนะนำตัวละคร
จัสติน
–
ครึ่งหมาป่ากับแวมไพร์
ฟ่านเฉิงเฉิง
–
แวมไพร์ต้นตระกูล
ลี่หนง
–
หมาป่า (จ่าฝูงในอนาคต)
สวี่คุน
–
แวมไพร์
หลัวเจิ้ง
–
แวมไพร์
รุ่ยปิน
–
หมาป่า
ฟ่านปิงปิง
–
แวมไพร์
ปู่ฝาน
–
แวมไพร์
แจฮยอน
nct – แวมไพร์
ความคิดเห็น