คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : happen ending 01
01
“ถ้าวันนึงไม่ว่านายหรือฉันที่มีแฟนเราจะหยุดความสัมพันธ์แบบนี้โอเคไหม”
ตาเรียวใสมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ฮันบินไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าตอนนี้อาจารย์ประจำวิชากำลังพูดเรื่องอะไรในคลาสเรียนสัปดาห์สุดท้ายของอาทิตย์นี้ ปากกาในมือถูกควงหมุนไปพร้อมๆกับสอดส่องสายตาไปทั่วสนามบอลจนกระทั่งหยุดอยู่ที่จุดโฟกัสที่ต้องการ ผู้ชายตัวขาวรูปร่างสูงโปร่งกว่าเขาเล็กน้อยแต่ถ้าเทียบกับเรื่องรูปร่างที่กำลังเป็นจุดสนใจตอนนี้ฮันบินรู้เขาแพ้อย่างขาดลอย กล้ามเนื้อหน้าท้องแบบคนสุขภาพดี แขนแกร่งที่ฮันบินรู้ว่าเวลาโอบกอดมันอบอุ่นขนาดไหน หรือแม้กระทั่งต้นขาที่ใหญ่กว่าเขานิดหน่อยทุกอย่างดูลงตัวไปหมดจนไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าคิมจีวอนเป็นคนที่ทำให้ฮันบินไม่อาจละสายตา
“ฮันบินนี่แปลกจังนะ เวลาเรียนคลาสนี้ทีไรชอบนั่งติดหน้าต่างแถมเอาแต่มองลงไปข้างล่างตลอดเลย มีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นเลยหรอ” ฮงซอกเอ่ยถามก่อนที่เจ้าตัวพยายามจะชะโงกหน้าลงไปมองสนามหญ้าสีเขียวที่มีนักศึกษาชายเต็มไปหมด
“ไม่มีอะไรหรอกน่า แค่อาจารย์สอนน่าเบื่อเฉยๆ” ฮันบินตัดบทแล้วชวนฮงซอกให้หันกลับมาสนใจบทเรียนต่อ
ไม่รู้เพราะบทเรียนหน้าห้องมันไม่น่าสนใจจริงๆหรือเพราะฮันบินสนใจข้างนอกนั่นเกินไปไม่ถึงสิบห้านาทีสายตาคู่เดิมก็มองลงไปข้างล่างอีกครั้งแต่คราวนี้เหมือนจะต่างออกไปเมื่อจีวอนโบกมือทักทายอย่างอารมณ์ดีรวมไปถึงเพื่อนๆคนอื่นของจีวอนก็เช่นกัน
กว่าที่ฮันบินจะเลิกสนใจสนามบอลก็ตอนที่อาจารย์บอกเลิกคลาสด้วยท่าทางรีบร้อนเพราะประชุมด่วนนั่นแหละฮันบินถึงได้รีบเก็บของใส่กระเป๋าสะพายสีดำสนิทลวกๆก่อนจะเอ่ยปากให้ฮงซอกรีบเก็บของเพราะนัดจีวอนไว้ว่าจะกลับหอพร้อมกันฮงซอกเลยบอกให้ฮันบินกลับไปได้เลยไม่ต้องรอเพราะตัวเองก็มีนัดกับเพื่อนต่างคณะเหมือนกัน
“ขอโทษที่ทำให้รอนะจีวอน” ฮันบินยิ้มนิดๆแล้วเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง
“คณะนายเรียนหนักชะมัด เลิกช้าเกือบทุกวันเลยเป็นฉันเบื่อตายแน่” จีวอนบ่นอุบเรื่องคณะบริหารของฮันบิน จีวอนทำหน้าผงะเมื่อเห็นหนังสือบนตักวิชาบัญชีที่เขาเกลียดมันเข้าไส้แต่เอาจริงๆอะไรที่มันต้องคิดเยอะๆแล้วน่าปวดหัวสำหรับจีวอนมันก็ชวนอาเจียนทั้งนั้นถ้าเป็นตัวเลข
“ใครมันจะสบายเหมือนนายล่ะ วันๆเล่นแต่ดนตรีอยู่กับเพลงทั้งวัน”
“ก็ใครใช้ให้นายไปเลือกบริหารแทนที่จะเป็นดนตรีกันล่ะครับคุณคิมฮันบิน” จีวอนพูดไปหัวเราะไป
“นายก็รู้”
ฮันบินตอบสั้นๆก่อนจะจบบทสนทนาอันน่าเวียนหัวด้วยการเอื้อมมือไปเปิดเพลง เสียงดนตรีที่ชอบขับกล่อมให้คนที่เรียนมาทั้งวันเริ่มง่วง เพลงบัดลาดช้าๆที่มีอยู่ไม่กี่เพลงในแผ่นซีดีที่ไรท์มาเองกับมือทำให้ฮันบินผ่อนคลาย เปลือกตาสีน้ำนมปิดสนิททั้งๆที่ตอนนี้เพลงแรปจังหวะหนักๆกำลังเริ่มต้นขึ้นเพียงแค่ดนตรี
คนขับส่ายหน้าช้าๆแล้วเอื้อมมือไปปิดเพลงในรถ จีวอนรู้ว่าช่วงนี้ฮันบินเรียนหนักกิจกรรมของปีสองอาจจะน้อยลงไม่เหมือนตอนปีหนึ่งก็จริงแต่การเรียนแบบหฤโหดนั่นทำให้คนที่นอนหลับอยู่ข้างๆมีเวลาพักผ่อนน้อยเกินจนบางครั้งจีวอนก็เห็นว่าเจ้าตัวหลับไปทั่วเวลาที่ว่าง
“ฮันบินตื่นได้แล้วถึงคอนโดแล้วเว้ย” มือหนาสะกิดคนหลับเบาๆ
“ฮื่อ...ง่วงไม่อยากตื่น” ฮันบินงอแงแต่ก็ยอมตื่นแต่โดยดี
มือเล็กกว่าถูกกุมลากไปตลอดทางกระเป๋าสะพายของฮันบินตอนนี้ก็ไปคล้องอยู่ที่แขนของจีวอนเหมือนทุกที ฮันบินหาวแล้วหาวอีกจนจีวอนต้องยกมือมาบังหน้าอีกคนไว้แล้วหัวเราะหึในลำคอเบาๆพอเห็นสีหน้างงๆของเพื่อนสนิทข้างๆ
“หาวอ้าปากน่าเกลียด” จีวอนไขข้อข้องใจเมื่อเห็นหน้าสงสัยก่อนจะได้รับหมัดหนักๆชกเข้าที่ต้นแขน
“กวนตีน” ตามด้วยคำชม
พอถึงห้องเป็นไปตามที่จีวอนคิดไว้ ฮันบินทิ้งตัวลงบนโซฟาทันทีโดยไม่ฟังคำทักท้วงของจีวอนเลยสักนิด เปลือกตาหนักอึ้งจนผล็อยหลับไป จีวอนส่ายหัวเบาๆเดินเข้าไปใกล้คนนอนหลับใช้นิ้วดีดแก้มอูมๆนั่นเบาๆด้วยความหมั่นไส้
“ไอ้เสือดื้อ”
ฮันบินกระพริบตาปรับโฟกัสในห้องมืดสนิทถ้าให้เดาคงมืดแล้ว มือเรียวพยายามคว้านหาโทรศัพท์มือถือเพื่อมาดูนาฬิกาแต่ยังไม่ทันเจอรูมเมทตัวดีก็เปิดประตูเข้ามาพอดี
“ตื่นก็ดีเฮียมินโฮเพิ่งโทรมาชวนไปกินข้าวพอดี” จีวอนชูโทรศัพท์หน้าจอยังโชว์หราชื่อพี่รหัสของจีวอน
“ไม่ไปได้ป่ะวะ เพลียๆอยากนอนต่อ” พูดจบฮันบินก็ทิ้งตัวนอนลงบนหมอนใบเดิมจับผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมหัวจนมิดโผล่มาแค่กลุ่มผมสีดำสนิท
จีวอนยกโทรศัพท์แนบหู “เดี๋ยวแซะมันออกจากเตียงก่อนเฮียเจอกันเว้ย”
ฮันบินโผล่หน้าออกมานัยส์ตาสีดำมองจีวอนที่เดินเข้ามาใกล้ๆก่อนจะนั่งลงข้างๆเตียง มือหนาพยายามฉุดเขาให้ลุกขึ้นแต่ฮันบินงอแงเกาะหัวเตียงไว้แน่น
“ถ้ายังไม่ลุกฉันจะกินนายแทนกินข้าวแล้วนะฮันบินอ่า” จีวอนกระซิบด้วยเสียงแหบพร่า
“ลุกและ...อื้อ”
ไม่ทันให้ฮันบินลุกขึ้นจีวอนกลับผันตัวไปคร่อมร่างโปร่งของฮันบินเอาไว้ บดเบียดริมฝีปากร้อนกับปากนุ่มหยุ่นเรียวลิ้นอุ่นพยายามแทรกเข้าไปในโพรงปากร้อนดูดกินลิ้นของอีกคนอย่างกระหายก่อนจะผละออกมากระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้คนฟังหน้าขึ้นสี
“ไม่กินข้าวแล้วกินนายท่าจะอิ่มกว่าเยอะ”
ทั้งคู่ถาโถมร่างกายเข้าหากันความเย็นจากเครื่องปรับอากาศช่วยทำให้บรรยากาศร้อนๆในห้องเย็นลงแต่เหงื่อที่เกาะตามแผ่นหลังและใบหน้าหล่อ ฮันบินยื่นไปเช็ดมันเบาๆด้วยความรู้สึกแปลกๆกว่ากิจกรรมรักของทั้งคู่จะจบลงก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง จีวอนเข้าไปอาบน้ำก่อนจะออกมาพร้อมชุดเก่ง
“ไปกินเหล้านะเว้ย หลับเลยไม่ต้องรอ” จีวอนจัดเสื้อผ้าไปพูดไปโดยไม่ทันมองหน้าหวานที่จ้องมาด้วยแววตาอ่านไม่ออก
“กลับกี่โมงวะ”
“ยังไม่รู้อาจจะไม่กลับยังไงก็อาบน้ำนอนได้เลยนะ ฉันรีบไปแล้วนะ”
บทสนาจบลงแค่นั้นฮันบินยังไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรอีกจีวอนก็ชิงออกไปก่อนเหมือนรีบมากทั้งๆที่ปกติจีวอนก็อยู่กับฮันบินตลอดโดยเฉพาะถ้ามีอะไรกันเสร็จจีวอนจะไม่ยอมออกไปไหนเลยแต่ครั้งนี้แปลกไป แม้จะสงสัยแต่ก็คงไม่กล้าก้าวก่าย โวยวายหรือเรียกร้องอะไรจากจีวอน
ฮันบินเจ็บแปลบในใจแปลกๆครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่จีวอนเป็นแบบนี้เวลาที่จีวอนเริ่มสนใจใครเขาก็เริ่มจะสำคัญน้อยลงจนบางครั้งก็เหมือนจะไม่สำคัญไปเลย
ความสัมพันธ์ซับซ้อนของพวกเขาเป็นความลับและมันก็เป็นความสัมพันธ์แค่ทางกายเท่านั้นนั่นก็คือ “เซ็กซ์” ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ฮันบินไม่รู้จริงๆว่าตอนนั้นทำไมปล่อยและยอมให้มันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ หรือเพราะตอนนั้นเข้ามั่นใจว่าตัวเองคงไม่รู้สึกอะไรกับจีวอนแน่นอน
เหมือนเวลาจะทำให้ทุกอย่างชัดเจนอาจจะเป็นเรื่องจริงเพราะตอนนี้สำหรับฮันบินมันกำลังชัดเจนขึ้นทุกวัน
ชัดเจนว่าเขา...รักเพื่อนสนิทตัวเองและทรมานเหลือเกินกับความสัมพันธ์ลับๆแบบนี้
50%
วันนี้ฮันบินเข้าเรียนสายเพราะว่าคอนโดกับมหาลัยของเขาไม่ได้ใกล้กันสักเท่าไหร่ ปกติจะมาพร้อมจีวอนตลอดไม่ก็จีวอนจะอาสาไปส่งแม้ว่าวันนั้นเจ้าตัวจะไม่มีเรียนแต่เพราะเมื่อคืนจีวอนไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องเหมือนที่พูดไว้ฮันบินเลยต้องลำบากมาเองและแน่นอนว่าเขาสายจนไม่กล้าเขาเรียนคลาสแรก
ฮงซอกโทรตามยิกๆฮันบินเลยบอกให้อีกคนเลคเชอร์เผื่อเขาด้วยเพราะอาจจะไปไม่ทันก่อนจะมุ่งหน้าไปที่โรงอาหารแทน ท้องร้องโครกครากประท้วงเจ้าของว่ามันไม่ไหวแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องแม้แต่น้ำสักหยด ฮันบินสถบบ่นกับตัวเองและพยายามบอกให้ตัวเองหยุดฟุ้งซ่านเรื่องเพื่อนสนิทสักทีและควรจะทำตัวให้ชินกับมันได้แล้ว
“ฮันบินทางนี้เว้ย”
ฮันบินหันไปตามเสียงเรียก จีวอนที่ยืนกวักมือเรียกอยู่ด้านในสุดของโรงอาหาร ทุกคนหันมายิ้มให้เขา ฮันบินก้าวฉับๆเดินไปหาด้วยรอยยิ้มน้อยๆเหมือนทุกทีก่อนจะเอ่ยปากทักทายรุ่นพี่รุ่นน้องของจีวอนอย่างเป็นกันเองถึงจะไม่ค่อยสนิทกันมากก็เถอะ
“หวัดดีครับพี่มินโฮ พี่แทฮยอน จุนฮเวและ...”
ฮันบินมองหน้าผู้ชายตัวเล็กหน้าตาน่ารักที่นั่งอยู่ข้างจีวอน คิ้วเลิกขึ้นเหมือนเป็นคำถามว่าคนตรงหน้าคือใครและจีวอนก็ตอบมันออกมาทันที
“คิมจินฮวาน เรียนคณะเดียวกับพี่แทฮยอน”
จีวอนอธิบายให้ฮันบินฟังแต่ไม่รู้ทำไมพอฮันบินเห็นหน้าตามีความสุขของจีวอนตอนมองผู้ชายแปลกหน้าคนนี้รอยยิ้มจางๆกลับหายไปทันที ทุกคนเงียบเมื่อเห็นฮันบินเงียบก่อนเจ้าตัวจะรู้ตัวเอ่ยทักจินฮวานด้วยความสุภาพ
“แล้วไมไม่เข้าเรียนวะ” จีวอนถามด้วยความแปลกใจเพราะเขาจำได้ว่าเพื่อนสนิทมีเรียนตอนนี้
“อ่อ เข้าสายแต่นี่ก็กำลังจะไปแล้วล่ะ ฮงซอกมันไลน์มาตามพอดีไปก่อนนะ” ฮันบินลุกขึ้นล่ำลาทุกคนอีกครั้ง ทั้งๆที่ตั้งใจมากินข้าวแท้ๆแต่ตอนนี้กลับรู้สึกจุกแปลกๆ
คนนี้หรือเปล่าที่ทำให้จีวอนยิ้มบ่อยขึ้นช่วงนี้ ฮันบินคิดในใจ
ข้อความที่ฮงซอกส่งมาก็แค่บอกว่าคลาสนี้อาจารย์ไม่เข้าหมายความว่าเขาว่างตลอดทั้งวัน ใจจริงอยากจะชวนฮงซอกไปหาอะไรกินแต่ดันถูกปฏิเสธเพราะมีงานค้างที่ยังต้องทำแต่เขาทำมันเสร็จแล้วกลายเป็นว่าตอนนี้ฮันบินยืนแกร่วอยู่หน้าคณะยังไม่ทันที่คิดว่าตัวเองจะไปไหนต่อเสียงทักก็ดังขึ้นให้เขาหันกลับไปสนใจ
“ว่างหรอเราพี่เห็นยืนนานแล้วเนี่ย”
ฮันบินพยักหน้าหงึกๆแล้วยิ้มเหมือนที่ชอบยิ้มให้คนอื่นๆ “ใช่ครับวันนี้อาจารย์ยกคลาสเซ็งเลย คุกกี้มันก็ไปทำงานต่อส่วนผมก็ไม่รู้จะไปไหน”
“เอางี้ไหมพี่ว่างพอดีไปหาอะไรกินกันแล้วไปดูพี่ซ้อมดนตรีไปเปล่า” คนถามจ้องหน้าฮันบินเพื่อรอคำตอบ
“อืม...ก็ได้ครับพี่ซึงยูน” ฮันบินตอบรับคำชวนด้วยรอยยิ้ม
คังซึงยูนพี่รหัสของนัมแทฮยอน จริงๆตอนแรกฮันบินก็ได้สนิทหรือรู้จักอะไรผู้ชายคนนี้มากนักแต่ก่อนหน้าซึงยูนมีเรื่องกับมินโฮเพราะแทฮยอนทุกอย่างซับซ้อนแต่ดันจบลงด้วยดีเพราะซึงยูนไม่ได้ชอบน้องรหัสตัวเองแถมคนปากแข็งอย่างมินโฮยอมสารภาพออกมาตรงๆว่าชอบแทฮยอน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นปฏิเสธจะเป็นจะตาย ฮันบินยังจำได้ว่าทั้งสองคนเคยจะต่อยกันจนจีวอนต้องเข้าไปห้ามแต่เปล่าเลยสองคนนี้กลายเป็นเพื่อนรักกันหลังจากนั้นเพราะชอบดนตรีเหมือนกันด้วย ฮันบินคิดแบบนั้นมินโฮก็เป็นคนตลกส่วนซึงยูนก็ติดจะขี้เล่นหน่อยๆก็ไม่แปลกที่จะสนิทกันง่ายๆ ฮันบินเลยได้รู้จัก
จริงๆจะบอกว่าจีวอนรู้จักใครฮันบินก็รู้จักคนนั้นจะพูดแบบนั้นก็คงไม่แปลก
“แล้วจีวอนมันไปไหนปล่อยให้เรายืนแกร่วอยู่คนเดียวแปลกนะเนี่ย” ซึงยูนถามขณะนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ
“ผมไม่คิดว่าจะไม่มีเรียนเลยไม่ได้บอกมันอ่ะครับ”
ซึงยูนพยักหน้าเข้าใจ “ก็ว่าอยู่มันหวงเราจะตายไป ถ้ารู้ว่าออกมากับพี่สองคนคงได้มาฆ่าพี่แน่ๆ” เขาพูดติดตลก
ฮันบินหัวเราะแห้งๆ แววตาหม่นลงเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อสาย จีวอนก็แค่หวงเขาแบบเพื่อนจีวอนก็แค่กลัวไม่มีใครแต่แปลกดีที่เขาเองไม่กล้าแสดงออกว่าหวงจีวอนได้เลยสักครั้ง
“มีอะไรจะระบายก็คุยกับพี่ได้นะ” เมื่อเห็นคนตรงหน้าเงียบนานเกินไปซึงยูนเลยพูดออกมา
“ไม่มีหรอกครับ ขอบคุณนะ”
หลังจากกินข้าวเสร็จทั้งคู่ตรงดิ่งไปที่ห้องซ้อมส่วนตัวของซึงยูนเพราะฐานะทางบ้านของซึงยูนอยู่ในขั้นดีมากแล้วพ่อแม่ก็สนับสนุนที่บ้านเลยสร้างห้องซ้อมดนตรีที่มีทุกอย่างอยู่ในนี้เกือบหมดแทบจะเป็นค่ายเพลงเล็กๆได้เลย ฮันบินทักทายเพื่อนร่วมวงของซึงยูนทุกคนเพราะเขาก็เคยเห็นหน้าเห็นตากันมาบ้างในมหาลัย
ทุกคนกำลังสนใจกับเพลงใหม่ฮันบินก็ด้วย เขาชอบแต่งเพลงมากและชอบดนตรีสุดๆแต่ที่บ้านไม่ยอมให้เรียนนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฮันบินถึงอยู่บริหาร ไม่มีใครเคยรู้ว่าฮันบินแต่งเพลงเป็นและแต่งได้ดีแม้กระทั่งจีวอน เพลงเศร้าที่ฮันบินแต่งไว้มากมายมันกลายเป็นเนื้อเพลงก็เมื่อนึกถึงจีวอน
“พี่สังเกตหลายครั้งแล้วตอนเรามาที่นี่ทีไรสนใจพวกโน้ตเพลงไม่ก็ตอนพวกพี่แต่งเพลงตลอดเลย ฮันบินชอบหรอ” ซึงฮุนรุ่นพี่อีกคนถามขึ้นเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องเอาแต่มองกระดาษตาเขม็ง
“ครับชอบมากเลย ผมชอบดนตรีพี่ก็รู้” ฮันบินตอบ
“ไว้ลองมาแต่งเพลงให้พวกพี่ร้องบ้างนะ”
ฮันบินพยักหน้ายังไม่ทันที่จะได้คุยเรื่องเพลงอะไรกันต่อ ประตูห้องซ้อมก็เปิดออกด้วยการมาเยือนของมินโฮและคนอื่นๆในนั้นรวมไปถึงจีวอนด้วย จีวอนมองหน้าฮันบินด้วยสายตาหงุดหงิดก่อนจะเดินไปลากแขนอีกคนออกไปนอกห้องท่ามกลางสายตาของรุ่นพี่ที่มองตาม บางคนเข้าใจและบางคนก็ไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องโกหกด้วยวะ บอกว่ามีเรียนแล้วหนีมาอยู่ที่นี่” จีวอนถามอย่างหงุดหงิด
“ฉันไปโกหกนายตอนไหววะจีวอน ฉันมีเรียนจริงๆแต่วันนี้ไม่มีสอนก็เลยมาอยู่ที่นี่แล้วมันผิดตรงไหน” ฮันบินเถียงกลับด้วยอารมณ์หงุดหงิดเช่นกัน ถึงเขาจะเงียบกว่าจีวอนแต่ไอ้อารมณ์โมโหโทสะก็มีไม่น้อยไปกว่ากันข้อนี้จีวอนรู้ดีกว่าใคร
“ฉันเจอฮงซอกมันบอกไลน์มาบอกนายตั้งนานแล้วว่าคลาสต่อไปไม่เรียน แต่นายโกหกว่ามีเรียนฮงซอกไลน์มาตามยังงี้ยังกล้าพูดไม่ได้โกหกอีกหรอวะ แล้วนี่มากับใครพี่ซึงยูนใช่ไหม เห่อะ” จีวอนพ่นลมหายใจออกมาอย่างรำคาญ
ฮันบินไม่ตอบปากสีชมพูซีดเม้มเข้าหากันเพื่อระงับอารมณ์หงุดหงิดที่กำลังปะทุอยู่จริงๆมันหงุดหงิดตั้งแต่ตอนที่จีวอนออกไปข้างนอกทั้งๆที่เพิ่งจะมีอะไรกับเขา ไม่กลับมานอนที่หอหรือแม้กระทั่งปล่อยให้เขามาเรียนเองแถมยังเรื่องจินฮวานอีก
“แล้วไงวะ ฉันจะโกหกนายด้วยเรื่องแค่นี้แล้วไง ถ้านายมีสังคมแล้วฉันห้ามมีหรอจีวอน ตอบสิวะว่าฉันห้ามมีเพื่อนมีสังคมหรอ ฉันเหนื่อยเต็มทนแล้ววะ” ฮันบินตอบกลับด้วยน้ำเสียงน้อยใจแววตาใสสั่นระริกก่อนจะเดินหนีเข้าห้องมา
ทุกคนมองหน้ารุ่นน้องด้วยแววตาสงสัยฮันบินหยิบกระเป๋าเป้ล่ำลาทุกคน พอซึงยูนเอ่ยปากจะไปส่งจีวอนก็เดินเข้ามาขัดแล้วลากฮันบินออกไปอีกครั้ง
“ขึ้นรถดิ่เดี๋ยวไปส่ง”
ฮันบินถอนหายใจแต่ก็ยอมเข้าไปนั่งในรถ เขาไม่อยากจะทิฐิกับจีวอนให้มากนัก เสียงโทรศัพท์ของจีวอนดังขึ้นเหมือนคนโทรมาจะเป็นคนที่ฮันบินคาดไว้เดาจากใบหน้าหล่อที่กำลังยิ้มแย้ม ตลกดีที่จีวอนมีความสุขแต่สำหรับฮันบินมันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เกิดจากเขานั่นแหละที่ฮันบินไม่ชอบ
“ผมต้องไปส่งฮันบินที่คอนโดก่อนพี่จินฮวานรอผมก่อนนะครับ”
จีวอนวางสายแล้วหันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่นั่งตีหน้านิ่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าน่ารักยามนี้มันดูเย็นชา แม้จะไม่ชอบให้ฮันบินอยู่ในโหมดงี่เง่านี้ก็เถอะแต่เขาก็ไม่อยากจะชวนทะเลาะมากไปกว่านี้
“ไปหาพี่จินฮวานเห่อะ ฉันจะกลับเอง”
tbc
งงไหมเอ่ย?
ความคิดเห็น