คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : sugar daddy ♡ 04
Sugar
Daddy
O4
การไม่ได้เจอพ่อมานานทำให้เจโน่ไม่ค่อยชินนักเมื่อเห็นใบหน้าที่คล้ายกับตัวเองมาปรากฏตัวหลังจากที่อีกฝ่ายหายไปนานเป็นปี
บรรยากาศในร้านอาหารก็อึมครึม เจโน่ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยเพราะมันทำให้นึกถึงวันที่พ่อกับแม่พาเขามาทานอาหารข้างนอกพร้อมกับพูดเรื่องหย่า
ยังจำได้ดีว่าทั้งคู่ไม่แม้แต่จะสนใจว่าเขาจะรู้สึกยังไงด้วยซ้ำ
ดวงตากลมได้แต่มองผู้ชายที่ได้ชื่อว่าพ่อตักอาหารให้ลูกเลี้ยงและภรรยาคนใหม่
เจโน่อยากลุกออกไปจากตรงนี้จะแย่ถ้าไม่ติดว่ามันดูเสียมารยาท
พ่อคงโทรมาต่อว่าแน่ๆเหมือนที่เคยทำมาตลอดเวลาที่ถูกคิมเยริเป่าหู
“พ่อมีอะไรรึเปล่าครับที่มาหาผมวันนี้”
เจโน่ถามออกไปท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังมีความสุขสามคนพ่อ แม่ ลูก ไม่ได้รวมตัวเขา
คนเป็นพ่อวางช้อนลงบนจานก่อนจะมองเจโน่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจโน่ได้เห็นรอยยิ้มของพ่อนั่นมันเมื่อไหร่
“พ่อได้ยินมาว่าลูกไปทำอะไรไม่ดีเอาไว้
ลูกเดือดร้อนเรื่องเงินมากขนาดนั้นเลยหรอพ่อไม่คิดว่าอายุเท่าลูกจะต้องใช้เงินอะไรมากมายนะเจโน่”
น้ำเสียงทุ้มๆนั่นเต็มไปด้วยความตำหนิ
“ถ้าผมบอกว่าผมไม่เคยทำอะไรไม่ดีพ่อจะเชื่อไหมครับ”
เจโน่ถามกลับ
“จะให้พ่อเชื่อลูกได้ยังไงในเมื่อเยริมาบอกว่าลูกทำงานสกปรกเป็นเด็กเสี่ยขายตัวให้คนแก่ๆที่มันตัณหากลับ
ลูกทำแบบนั้นจริงหรอเจโน่”
“…”
“พ่อคิดว่าพ่อสอนลูกดีมาตลอดเป็นเพราะผู้คนนั้นรึเปล่าที่ทำให้ลูกทำตัวเหลวไหลได้ขนาดนี้
รู้ถึงไหนคงอายเขาถึงนั่น”
ลีเจโน่ได้แต่มองริมฝีปากที่กำลังพ่นสารพัดสิ่งออกมาจากปากไม่หยุด
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อพ่อแท้ๆกำลังพูดถึงแม่ซึ่งเคยเป็นคนรักในทางที่ไม่ดีเท่าไหร่
ถ้าจะมีใครผิดก็ต้องเป็นทั้งคู่แต่เจโน่ก็ไม่คิดจะโทษใครทั้งนั้น
“ผมไม่เคยทำงานสกปรกอย่างที่พ่อได้ยินมา
พี่เยริคงเข้าใจผิดเพราะสิ่งที่ผมทำตอนนี้ก็คือรับจ้างทำความสะอาดให้กับคนที่เขาจ้างผม
พ่อคงไม่คิดหรอกใช่ไหมครับว่าการรับจ้างทำความสะอาดมันสกปรก”
“ไม่จริงนะคะคุณพ่อ
เจโน่ไม่ได้รับจ้างทำความสะอาด!”
คิมเยริเถียงขึ้นมาทันทีด้วยสีหน้าเหมือนนางร้ายในละครหลังข่าวเจโน่คิดแบบนั้นตอนที่หันไปเห็น
“พ่อไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ
แต่อยากให้พ่อรู้เอาไว้ว่าไม่ว่าพ่อจะคิดยังไงสำหรับผมพ่อก็ยังเป็นพ่อของผมเสมอ ขอตัวก่อนนะครับ”
ไม่รอให้ผู้ใหญ่อนุญาตเจโน่เดินออกมาด้วยความรู้สึกมากมาย
รู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่บนโซฟาในคอนโดหรู
ดวงตาแดงก่ำเพราะกลั้นน้ำตาเอาไว้ตั้งแต่บนรถแท็กซี่ไม่กล้าร้องไห้ข้างนอกไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา
เจโน่ไม่อยากร้องไห้ให้กับเรื่องของครอบครัวอีกเพราะเขาสัญญากับตัวเองเอาไว้
เคยร้องไห้แทบตายให้กับซากปรักหักพังที่พ่อกับแม่ทิ้งเอาไว้
ตอนนั้นมันมากพอที่จะทำให้เขาสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้อีกไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม แม้แต่ในวันที่รู้ว่าพ่อกับแม่แต่งงานใหม่ลีเจโน่ไม่ร้องไห้สักนิด
ถึงจะรับรู้ถึงกลิ่นของน้ำตาแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ปล่อยให้มันไหลออกมาเหมือนอย่างทุกที
จนวันนี้ความรู้สึกตอนนั้นมันวนเวียนกลับมาอีกครั้ง
เจโน่เกลียดความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ไร้ค่า และไม่เป็นที่ต้องการ
“เป็นอะไรเด็กดี”
ใครจะไปรู้ว่าเจโน่ร้องไห้ออกมาตอนที่เจอคุณมาร์คก้มลงมาพร้อมสีหน้าเป็นห่วง
น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ไหลเหมือนเขื่อนแตก
และมันมากมายพอที่จะทำให้คนแก่กว่าขยับไปโอบกอดเจโน่เอาไว้ด้วยสองแขน
“ไปเจอพ่อมาวันนี้ไม่ดีเท่าไหร่ถึงได้กลับมาร้องไห้แบบนี้
รู้ไหมฉันไม่เคยชอบน้ำตาเธอเลย”
เสียงทุ้มกระซิบบอกแผ่วเบาแล้วลูบแผ่นหลังปลอบประโลม
“ฮึก…
พ่อ… ฮึก พ่อบอกว่าผม…ขายตัวทำงานสกปรก
ฮื่อออ ผะ…ผมสกปรกใช่ไหมผมทำงานแบบนั้นจริงๆ ฮึก” เจโน่สะอื้นฮั่กอย่างน่าสงสาร
ตัวผอมๆสั่นเทิ้มจนมาร์คต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“เธอไม่ได้ขายตัวถึงคิดจะทำ
แต่ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้อยากเป็นแบบนี้
ฉันอาจจะไม่เคยเป็นแบบเธอไม่เคยลำบากขนาดที่เธอลำบาก
แต่ฉันรู้ว่าทุกอย่างมันบีบให้เธอไม่มีทางเลือก
แล้วเธอก็ไม่เคยขายให้ใครเพราะสำหรับเราสองคนมันต่างออกไปรู้ใช่ไหมลีเจโน่”
“สายตาของพ่อ
ฮึก… บอกว่าไม่เชื่อผม เหมือนผมไม่ใช่ลูกเขา” เจโน่พูดแล้วซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งที่ตอนนี้เสื้อสูทราคาแพงเปียกปอนไปด้วยน้ำตาของตัวเอง
“เด็กดี…
ถึงคนบนโลกนี้จะไม่เชื่อเธอแต่ก็ยังมีฉันที่เชื่อในตัวเธอนะ”
เจโน่ผละออกจากตัวของคนแก่กว่าเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสองตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาจนภาพพร่าเบลอ
รอยยิ้มที่อบอุ่นกับฝ่ามือที่กำลังเช็ดน้ำตาให้เขาอย่างแผ่วเบาอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้
เจโน่รู้สึกเหมือนตัวเองค้นพบความหมายของความสุขเมื่อถูกใครสักคนโอบกอดเอาไว้
“ที่ผมร้องไห้ตอนนี้
ฮึก..
เพราะความใจดีของคุณ”
มาร์คหัวเราะเบาๆในลำคอแล้วเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
ใบหน้าหวานของเจโน่แดงก่ำไปหมดคงเพราะร้องไห้อย่างหนัก
จมูกโด่งนั่นแดงแจ๋จนเขาต้องใช้นิ้วเขี่ยมันเล่นก่อนจะโน้มไปใกล้ใบหน้าหวานกดจูบลงบนเปลือกตาบาง
“ถ้าฉันใจดีขอเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเธอแทนแล้วกัน”
…
คิดหรอว่าคนแบบมาร์คลีจะปล่อยให้เรื่องของลีเจโน่ผ่านไปง่ายๆ ยิ่งเห็นเด็กในปกครองร้องไห้จะเป็นจะตายเหมือนเมื่อวันก่อนเขาก็อยู่ไม่สุข ประวัติครอบครัวของเจโน่ถูกหามาให้จนเกือบจะรู้ความเป็นไปทุกอย่างที่เกิดขึ้น อ่านไปก็สถบบ่นไปอย่างไม่สบอารมณ์เพราะไม่คิดว่าเด็กที่ยิ้มจนตาหยีจะต้องผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้างกับความรักของผู้หญิงกับผู้ชายที่ทำให้ลีเจโน่เกิดมา
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมร่างของเพื่อนสนิทปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า มาร์คพยักหน้าให้อีกฝ่ายเข้ามา
“ทำไมดูอารมณ์ไม่ดีจังครับท่านประธาน”
ลูคัสเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มก่อนจะนั่งลงโดยไม่รอให้เจ้าของห้องทำงานอนุญาต
“มึงคิดยังไงกับพ่อแม่ที่ไม่คิดจะดูดำดูดีลูกตัวเอง”
เสียงทุ้มเอ่ยถามเพื่อนสนิท
ลูคัสเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะหยิบกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาอ่าน
อ่านไปขมวดคิ้วไปแล้วสุดท้ายก็วางมันคืนอย่างเดิม
“เด็กมึงนี่เข้มแข็งกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลยว่ะ
กูไม่แปลกใจเลยทำไมถึงได้คิดหาทางออกด้วยการใช้เว็บนั่นหาค่าเทอม
พ่อแม่เด็กมึงเคยรู้อะไรบ้างเปล่าวะคิดว่าสมัยนี้ค่าเทอมมันถูกรึไง
คิดได้ไงที่ไม่เคยส่งเสียอะไรเลยแล้วงานพาร์ทไทม์ใช่ว่าจะได้เงินเยอะซะเมื่อไหร่”
ลูคัสตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กๆ
“ทำงานมาตั้งแต่สิบห้าเพราะตอนนั้นพ่อแม่เริ่มทะเลาะกันแล้วเกี่ยงกันเรื่องเงินดูแลลูก
พอเจโน่จะเข้ามหา’ลัยก็ไม่เคยให้เงินอีกเลย
แถมยังกล้าขายคอนโดที่เป็นแค่ที่เดียวที่เด็กนั่นจะกลับไปพักพิงให้คนอื่นต้องใจดำแค่ไหนกัน
แค่อ่านถึงตรงนี้กูจินตนาการไม่ออกเลยจริงๆคนเรามันจะแตกสลายได้กี่ครั้งกันลูคัส” มาร์คพูดแล้วขยำกระดาษในมือทิ้ง
พวกเขาอยู่กับความสุขสบายมาตั้งแต่เกิด
อยากได้อะไรแค่เอ่ยปากก็เหมือนเสกได้ทั้งนั้น บ้านหลังใหญ่
รถยนต์ราคาที่คนทั่วไปไม่มีวันเอื้อมถึง
รวมไปถึงทุกๆอย่างที่ต้องการพวกเขาได้มันมาอย่างง่ายดาย
โดยเฉพาะมาร์คลีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพราะเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลลีถึงได้รับการประคมประหงมเป็นพิเศษ
อยากได้อะไรต้องได้ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีอะไรเลยที่เขาเอ่ยปากว่าอยากได้แล้วจะไม่ได้มันมา
จนกระทั่งขึ้นมารับหน้าที่ประธานแทนพี่ชายคนโตที่ใฝ่ฝันอยากเปิดร้านอาหาร
นิสัยอยากได้อะไรต้องได้ก็ยังมีอยู่เพียงแต่ตอนนี้มาร์คมีทุกอยากจนไม่อยากได้อะไรอีก
จนกระทั่งได้พบลีเจโน่ในวันนั้น…
เขาต้องการลีเจโน่
ต้องการให้อีกฝ่ายอยู่ในชีวิตในสายตาอยู่ในปกครองของเขา
วันที่พบกันเจโน่ก็เหมือนลูกแมวตัวเล็กที่กำลังบาดเจ็บ
เกิดมายังไม่เคยเห็นใครที่เป็นแบบนั้นจากที่สงสารต้องการแค่รับเลี้ยงถือว่าสงสารลูกนกลูกกา
แต่ตอนนี้กลายเป็นเขาไม่ใช่แค่สงสารอีกแล้ว
“มึงจะเอายังไงต่อ
เรื่องพ่อเจโน่มึงจะจัดการรึเปล่า” ลูคัสถามหลังจากนั่งเงียบๆไปนาน
“คงยังไม่ทำอะไรตอนนี้
ไม่อยากให้เด็กนั่นร้องไห้อีกแล้วอย่างน้อยผู้ชายคนนั้นก็ยังเป็นพ่อของเด็กในปกครองกู
ถ้าพลั้งทำอะไรตอนนี้คงพังไปหมด” มาร์คตอบแล้วถอนหายใจออกมา
“ก็ดีแล้วพวกเราไม่ใช่วัยรุ่นเหมือนตอนนั้นที่ต้องปะทะทุกอย่างที่เข้ามาโดยไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น”
ประธานหนุ่มวัยสามสิบพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนสนิท
แต่จริงๆตอนนี้นอกจากเรื่องครอบครัวเจโน่ก็ยังมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการถึงตอนนี้จะยังไม่ได้มีประเด็น
แต่อย่างน้อยเรื่องของเด็กที่ชื่อนาแจมินอะไรนั่นก็กันไว้ดีกว่าต้องมาปวดหัวทีหลัง
“นาแจมินชื่อนี้มึงว่าคุ้นไหม”
ลูคัสส่ายหน้าไปมาก่อนจะมองหน้าประธานหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัย
“จำเรื่องดูตัวของแฮชานได้ไหมเมื่อสี่ห้าเดือนก่อน”
ตอนนั้นแหละลูคัสถึงจำได้ว่าเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มเคยนัดดูตัวกับเด็กที่แก่กว่าสิบปี
จำได้ว่าแฮชานมันบ่นขนาดไหนว่าเด็กที่ไปดูตัวกวนจนอยากฆ่าให้ตาย
“ทำไมวะมึงรู้จักหรอ”
มาร์คพยักหน้า
“เพื่อนสนิทเจโน่เหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อซะด้วยสิ”
ก๊อก
ก๊อก !!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ทั้งคู่มองไปที่ประตูเป็นตาเดียวก่อนเสียงจากเลขาจะเอ่ยชื่อคนที่กวนใจประธานหนุ่มทั้งวัน
ลีเจโน่ก้มหัวให้ลูคัสแล้วเดินไปวางกระเป๋าที่โซฟาตามคำสั่งของเจ้าของห้อง
มาร์คมองการกระทำพวกนั้นแล้วแอบยิ้มเพราะเจโน่มักจะเกร็งทุกทีเวลาเจอเพื่อนสนิทของเขา
“งั้นกูกลับก่อนนะมีอะไรให้ช่วยก็โทรมาแล้วกัน
กลับก่อนนะครับเด็กท่านประธาน”
พูดลาเพื่อนสนิทมิวายยังหันไปแซวให้เด็กของเขาเขินจนทำตัวเหมือนแมวตกใจอีก
เมื่อประตูปิดลงมาร์คถึงเรียกให้เจโน่เดินมาหาตบหน้าตักตัวเองเบาๆ
ลอบสังเกตสีหน้าตกใจของคนเด็กกว่าที่ทำหน้าช็อคเหมือนเห็นผี
“ตะ แต่นี่มัน
เอ่อ ที่ทำงานนะครับคุณมาร์ค” เจโน่ยืนกำมือนิ่งส่งยิ้มแหยๆให้ประธานหนุ่ม
มาร์คไม่ออกคำสั่งเป็นครั้งที่สองแต่ดึงข้อมือขาวให้ลงมานั่งบนตักของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
แถมยังกอดเอวบางเอาไว้เพราะเหมือนแมวตัวขาวกำลังจะพยศเขาด้วย
“ที่นี่มันบริษัทฉันนะเจโน่แล้วห้องนี้ก็ไม่มีใครเดินเข้ามาง่ายๆด้วย”
มาร์คบอกแล้วหัวเราะให้กับอาการตื่นตูมของเด็กในปกครอง
“ผม…ผม กลัวคนมองคุณมาร์คไม่ดี” เจโน่พูดเสียงเบา
ประธานหนุ่มยักไหล่อย่างไม่แคร์
“ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอแค่นั่งตักมันจะไม่ดีได้ยังไงกัน”
มาร์คมองเจโน่อ้าปากพะงาบๆเพราะเถียงไม่ออก
นึกเอ็นดูกับท่าทางใสซื่อที่อีกฝ่ายแสดงออกมาเพราะถ้าเป็นสาวๆที่เขาคบด้วยพวกหล่อนคงไม่สนใจว่าจะเป็นที่ไหนเพียงแค่เป็นเขาพวกนั้นก็พร้อมพลีกายให้ตลอดเวลา
“บางทีฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองโรคจิตรึเปล่า
เวลาที่เธอแสดงออกมาอย่างใสซื่อทีไรก็นึกเอ็นดูจนรอคอยวันที่จะได้รักเธอแรงๆไม่ไหวเลยลีเจโน่”
ประโยคส่องแง่สองง่ามของประธานหนุ่มที่กำลังกอดเอวเจโน่อยู่ทำให้เจ้าตัวเขินจนเหมือนหน้าจะไหม้
สายตาที่แสดงออกมาถ้ามองไม่ผิดเหมือนเด็กหนุ่มเห็นพญาราชสีห์ที่กำลังหลอกล่อกระต่ายตัวน้อยให้ตกหลุมพราง
หัวใจของเจโน่เต้นเร็วจนรู้สึกได้ส่วนมือก็ชื้นไปหมด
“ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอยังไม่พร้อม
แต่รู้ใช่ไหมเด็กดีแค่เธอเอ่ยปากว่าต้องการฉัน—”
มาร์คอุ้มร่างผอมของเจโน่ให้นั่งบนโต๊ะทำงาน
ประคองใบหน้าหวานขึ้นสีจนสังเกตได้ชัดเจน ก้มลงไปจูบแก้มเนียนใสอย่างหลงใหล
“ฉันพร้อมจะเป็นแดดดี๊บนเตียงของเธอตลอดเวลาเด็กดีของฉัน”
พูดจบก็กดจูบลงบนริมฝีปากสีชมพูอ่อน
ไม่รุกล้ำและไม่รีบเร่งเพียงแค่บดเบียดอวัยวะเดียวกันลงไป
เพียงแค่นั้นที่มาร์คทำได้ในตอนนี้
tbc.
สวัสดีค่ะชิปเปอร์มาร์คโน่ทุกคนนน
ฮื่ออ แดดดี๊เขาแบบอบอุ่นจนร้อนเลย
รู้สึกจะเขียนให้น้องเจนร้องไห้ทุกตอนเลย…
กว่าจะมาต่อนานมากพอดีเพิ่งกลับจากจีนค่ะ
ยังไงก็ฝากติชมหรือให้กำลังใจได้นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
แท็ก #sugardmn
ความคิดเห็น