คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทห้า // ศพที่สอง....?
"พ่อเเม่ อย่าทิ้งหนูไป!"
มือเล็กๆของเด็กสาวที่ยื่นไปข้างหน้าเเผ่ออกกว้าง เสียงร้องเรียกมีน้ำเสียงหวังให้คนที่ได้ชื่อว่า "พ่อเเม่" จะมาช่วยเธอจากการถูกฉุดกระชากลากถูอย่างไม่ปราณีของพ่อค้ามนุษย์ร่างสูง ดวงตาสีเเดงสดมีน้ำตาสีใสไหลออกมาไม่ขาดสาย พ่อเเละเเม่ของเธอหันมามองเเวบหนึ่งเเล้วหันหลังกลับไปทำเอาเด็กสาวถึงกับตะลึง จังหวะเดียวกันนั้นพ่อค้ามนุษย์ก็โยนเธอลงลูกกรงขนาดใหญ่ไปรวมกับเด็กหน้าตาดูดีอีกหลายคนที่สภาพเหมือนจะถูกทรมาณมาหลายที่หลายครั้งจนสติเริ่มเลอะเลือนอะไรเป็นอะไรไม่สนเเล้ว พ่อค้ามนษย์ยิ้มเยาะอย่างสะใจเเล้วค่อยๆยื่นหน้ามาเด็กสาวที่ร้องไห้เรียกพ่อเเม่หลายรอบ
"เด็กน้อย ถ้าหุบปากลง เเล้วรีบอยู่เงียบๆไปซักพัก ลุงจะเรียกพ่อเเม่เธอมารับนะ"
เด็กสาวหยุดร้องไห้เเล้วพยักหน้าอย่างไร้เดียงสาเมื่อเห้ฯว่าพ่อเเละเเม่ของเธอยืนนิ่งอยู่จากเธอไม่ไกลนัก เด็กสาวก้อมหน้าหงุดก่อนจะคลานไปอยู่กับเด็กอีกหลายคนในลูกกรงมืดเเต่ทันทีที่เธอเงียบรถที่เธออยู่ก็เคลื่อนตัวออกไปทันที ทำเอาเธอเหวอเเล้วรุดตัวออกไปดูพ่อเเละเเม่
ทำไมพ่อกับเเม่ไกลออกไปเรื่อยๆ.... มะ ไม่เอานะ
"เเม่ช่วยหนูที!!! หนูไม่อยากไปจากกเเม่ หนูรักเเม่ เเม่ เเม่ เเม่!!!!"
เด็กสาวกรีดร้องสุดเสียง ผู้เป็นเเม่ของเด็กน้อยเห็นลูกที่กำลังร้องเรียกก็ก้มหน้าหงุดอย่างขอโทษ หัวใจของผู้เป็นเเม่เจ็บเเปล็บ เมื่อเห็นลูกกำลังถูกจะเอาไปขายเเต่ช่วยอะไรไม่ได้
เด็กที่มีนัยย์ตาสีเเดง เป็นเด็กบาปหนา.....
เเม่ของเด็กสาวคิดคำพูดของสามีเเล้วเงยหน้าขึ้นมา
น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตาของผู้เป็นเเม่..
"ลาก่อนนะ...ทาเวีย"
..................................
เสียงรองเท้าดังขึ้นเป็นจังหวะ จากประตูสีขาว.... ร่างของเหล่าตุ๊กตาที่เลือกเส้นทางสีขาวบริสุทธิ์เดินไปตามทางเดิน ดวงไฟเล็กๆตามผนังสีเเดงจางๆเป็นเครื่องให้แสงสว่าง ทั้งสามเดินไปข้างหน้าที่ดูเหมือนไม่มีทางสิ้นสุด อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ร่างของซินเซียในชุดสีแดงสดเดินนำหน้าอย่างมั่นใจโดยมีไคโตะและทาเวียเดินตามมาติดๆ
“คุณซินเซีย คุณคิดว่ามันจะไปถึงไหนเหรอค่ะ”ทาเวียพูดแล้วลูบมือไปตามกำแพง จนมีสีแดงเข้มๆติดมือมา
“อีกยาวล่ะค่ะ ดูเหมือนจะร้างมานานแล้วด้วย”
ซินเซียตอบทาเวียก่อนจะเงยหน้ามองตามเพดานห้องที่มีใยแมงมุมชักใยเป็นใยแมงมุมขนาดใหญ่ดูน่ากลัวแปลกๆแล้วเดินต่อ
“อืม นั่นสินะค่ะ.... แต่ทำไมกำแพงมีกลิ่นเลือดด้วยนะ...”
คำพูดสุดท้ายทาเวียพูดเสียงเบาๆจนทำให้คนที่กำลังเดินอยู่ด้านหน้าทั้งคู่หันมามองตามเสียงลดแผ่วลงผิดปกติ ไคโตะทำหน้าสงสัยน้อยๆจนทาเวียต้องสะดุ้งเมื่อเห็นว่ามีคนมองเธออยู่ ทั้งสามคนหยุดเดินทันที
“คือ กำแพงนี่มีกลิ่นเลือดค่ะ” ทาเวียเอ่ยแล้วยื่นมือที่มีสีแดงจางๆติดอยู่ไปให้ซินเซีย จนกลิ่นเลือดคาวๆที่ฟุ้งอยู่โชยไปแตะจมูกอีกฝ่ายทำให้เธอรู้ได้ทันที
“ไอสีแดงที่พนังนี่อาจเป็นเลือดก็ได้งั้นเหรอครับ?” ไคโตะพูดขณะมองไปตามกำแพงอย่างไม่ค่อยเชื่อ
ไปเอาเลือดมากมายขนาดทาสีทางยาวเป็นเมตรได้มาจากไหนกัน?
ชายคนเดียวในกลุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนไปปาดดูที่กำแพงจนมันติดสีก่อนจะเอามาดูใกล้ๆก็พบว่ามันคือเกล็ดเลือดจริงๆ
“ดูเหมือนจะมามัวเสียเวลาไม่ได้แล้วนะค่ะ”
ซินเซียพูดแล้วปรายตามองไปตามทางที่เดินกันมา พบว่าไฟสีขาวที่เป็นตัวให้แสงสว่างเริ่มดับลงเรื่อยๆไล่ตามพวกเขามา ไคโตะเห็นดังนั้นจึงรีบสาวเท้าวิ่งทันทีโดยมีผู้หญิงอีกสองคนวิ่งตามหนีความมืดที่ไล่มาติดๆ แต่จู่ๆทางเดินที่มีความรู้สึกว่ามันยาวไม่สิ้นสุดก็มีห้องห้องหนึ่งอยู่เบื้องหน้า เหล่าตุ๊กตาไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปในห้องนั้นทันที
ปัง!
ประตูไม้สักสีเทาปิดลงเสียงดังทำเอาสามคนในห้องที่กำลังเหนื่อยหอบหันไปมองด้วยสีหน้าตกใจ ประมาณว่า”ตูเข้ามาถูกป่าวว่ะ?” ซินเซียเดินไปจับลูกบิดก่อนที่จะพบว่ามันล็อคอย่างที่คิดไว้ตอนแรก ไคโตะมองสำรวจรอบห้องอย่างระแวงๆ รอบห้องเป็นห้องสีโทนแดงเลือดมีรูปคนเต้นรำสีดำเหมือนอยู่ในงานเลี้ยง พื้นห้องมีสีดำสลับขาวห้องตดแต่งด้วยโคมไฟหรูหราและตุ๊กตาหุ่นเชิดที่ห้อยระโยงระยางตามเพดาน ไฟในห้องเป็นแนวสีดำแดงทมึนน้อยๆประกอบกับตุ๊กตาและไออ้อนเมนเดลที่เป็นเครื่องระดับในห้อง และตรงกลางห้องก็มีลูกกรงขนาดใหญ่วางเด่นอยู่
“ห้องอะไรน่ะ” ทาเวียเอ่ยแล้วมองไปที่ลูกกรง ตัวเย็นวาบ
“ลูกกรงนี่ต้องเป็นอะไรเกี่ยวกับคนในห้องนี้แน่”
ไคโตะพูดเงียบๆ หญิงสาวทั้งสองหันไปมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเย็นๆ แต่ทันใดนั้นเสียงดังแกร๊กก้ดังขึ้นพร้อมบางสิ่งบางอย่างที่หล่นลงมาจากเพดานห้อง
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ
ชิ้นส่วนร่งกายของมนุษย์ตกลงมายังพื้นห้องเบื้องล่าง ทั้งลูกตา แขน ขา ลำตัว และหัวใจ วางระเกะระกะไปทั่วพื้น เลือดจากชิ้นส่วนอาบพื้นห้องสีขาวดำให้กลายเป็นแดงเลือดทันที ท้าฃเวียที่อยู่ใกล้ลูกกรงที่ลุกถึงกับผงะเพราะเศษสมองที่ตกลงมาเละกระเด็นมาโดนขาจนเธอเผลอร้องกรี๊ดเบาๆแล้วรีบรุดหนีมาอยู่ข้างไคโตะด้วยสีหน้ากลัวๆ
“อะไรกัน ไอพวกนี้หล่นมาได้......ยั......ง...ไ...”ไคโตะพูดเสียงขาดห้วงไม่จบประโยคเมื่อหันไปมองที่เพดานห้องที่เป็นรูโหว่ บางสิ่งบางอย่างกลมๆที่ติดค้างบนฝ้าเพดานนั้นกำลังค่อยๆกลิ้งหล่นลงมายังพื้นเบื้องล่างต่อหน้าต่อตาเขาทั้งสาม
ตึ่ง....คลุก...
ชิ้นส่วนมนุษย์ชิ้นสุดท้ายที่หล่นลงมาคือ ศีรษะ...
ถ้ามันเป็นแค่ศีรษะบุคคลที่พวกเขาไม่รู้จักคงไม่เป็นไร แต่นี้มันเป็นศีรษะของบุคคลที่หายสาปสูญไปหลังจากไม่เข้าห้องอาหาร และไม่มีใครสังเกตเลยแม้แต่นิดว่าเธอหายไป
สึกิ....
“อะ อะ อะไรกัน.....สะ สึกิ “ ซินเซียถึงกับตะกุกตะกักเมื่อเห็นสภาพศีรษะที่หล่นมา
สึกิที่ตอนนี้ที่ได้กลายเป็นศพกองเกลื่อนกลาดเบื้องหน้าพวกเขาเหมือนถูกตัดด้วยมีดและขวานขนาดใหญ่ ดวงตามืดมนที่มีเพียงข้างเดียวของสึกิเบิ่งโพลงจ้องมาที่ไคโตะราวกับกำลังทรมาณและอาฆาตแค้น บริเวณด้านบนศีรษะตั้งแต่หน้าผากขึ้นไปถูกเปิดออกแต่ไม่มันสมองภายในเพราะมันสมองภายในถูกควักออกมาโยนเละอยู่ตรงลูกกรงใหญ่ เลือดสาดกระจายจากลำคอที่เพิ่งถูกตัด ผมสีม่วงอ่อนกรมเทาถูกตัดเป็นเส้นเล็กเส้นน้อยน่าเสียดาย แขนขาที่กระจัดกระจายมีเลือกโชกไปทั่ว ดูโดยรวมเธออาจจะเป็นคนที่ตายอนาถที่สุดแล้วก็ได้..
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น สึกิที่หายตัวไปเพราะถูกวริณลากไปฆ่างั้นเหรอ?”
ทาเวียพูดก่อนจะค่อยปิดปากด้วยเองอย่างไม่ค่อยเชื่อ ภาพเหตุการณเบื้องหน้ามันคล้ายกับสิ่งที่เธอเคยเห็นมามากเหลือเกิน ซินเซียสบถเบาๆแล้วรีบมองไปตามกำแพงหวังหาทางออก
“เราถูกปิดตายซะแล้วล่ะ”
ไคโตะพูดอย่างสิ้นหวัง
.........
นิ้วมือเล็กๆของวริณพิมพ์ลงไปที่แป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์วงจรปิดอย่างรวดเร็วผิดกับอายุและรูปร่าง ดวงตาสีแดงสดจ้องไปที่คอมพิวเตอร์อย่างใจจดใจจ่อไม่วอกแวก น้ำชาและขนมเค้กที่สาวใช้นำมาเสิร์ฟไว้พร่องลงไปเพียงน้อยนิด สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆยืนอมยิ้มคนเดียวจนกระทั่งเด็กน้อยที่พิมพ์อยู่จะหยุดพิมพ์แล้วหันมามอง
“พี่สาวยิ้มอะไรเหรอฮะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เห็นนายน้อยมีความสุขฉันก็มีความสุขแล้วค่ะ” สาวใช้ยิ้มแล้วรินน้ำชาใหม่นายน้อย
“ครับ พี่สาวยิ้มอยู่เสมอนะครับผมจะได้มีความสุข” เด็กชายยิ้มตอบแล้วเอาส้อมจิ้มไวท์ช็อกโกแลตเข้าปาก
“ว่าแต่ตุ๊กตาที่ยังถักไม่เรียบร้อย นายน้อยจะถักส่วนไหนต่อค่ะ? ดิฉันจะไปตามหาด้ายเข็มแล้วก็เนื้อผ้าให้ค่ะ”
“เอาเป็นแขนครับ “
“ได้ค่ะ”
“พี่สาวผมอยากได้แขนของคนที่มีอดีตที่ สิ้ น ห วั ง ที่สุดครับ......”
.
.
.
.
.
แต่งกันอย่างรากเลือดไปข้างนึงครับ.....ตอนนี้ ปั่นตั่งแต่งเที่ยงคืนยันตีสาม!!!
ขอบคุณที่ช่วยกันอ่านมาถึงตอนนี้นะครับ ไรท์เตอร์เองก็ประหลาดปลื้มมาก พยายามให้คนมาอ่านเยอะๆเพื่อที่จะมีแรงในการแต่งต่อไป ถึงจะถูกเพื่อนที่โรงเรียนชี้หน้าด่าแรงๆว่า ไอกุโระโรคจิตการินเบอร์สอง
//การินมาไงผมไม่รู้หรอกนะครับ -_-‘’
ขอให้ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะครับ!!!
ความคิดเห็น