ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLOOD_KILL เกมนี้มีเเต่ตาย!?

    ลำดับตอนที่ #13 : บทสิบ // ชีวิตมันต้องมีวันดับสูญสินะ ?

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 55



    เอกสารสีครีมจำนวนหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะทำงานของนายน้อยประจำตระกูล เด็กชายอายุ18 มองเอกสารบนโต๊ะเเล้วเงยหน้าไปยังสาวใช้ที่ทำหน้ายิ้มๆ

    "อายุท่านถึงเกณท์ต้องมีคู่หมั้นเเล้วนะค่ะ"
    ".......คู่หมั้น?"

    เด็กชายทวนคำเเล้วหันไปหยิบเเก้วชามันยกมันขึ้นดื่ม สายตาสีเเดงมองเอกสารที่มีรูปเเละประวัติของหญิงสาวตระกูลใหญ่ๆมากมาย เด็กชายหันไปหยิบมันขึ้นมาดู

    "คนเเรกนะค่ะ ชื่อ อพิสรา สกลทิพย์ เป็นลูกของตระกูลตระกูลทิพย์ที่เป็นพ่อค้าใต้ดินนะค่ะ เป็นคนที่นิสัยดีเเละชื่นชอบการฆ่าคนที่สุด...."

    ปุบ....! วิ้ว ....

    ไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ เสียงของเอกสารปึกใหญ่กระเเทกกับโต๊ะเเละปลิวว่อนกระจายทั่วบริเวณโต๊ะก็ดังขึ้น เด็กชายโยนเอกสารนั้นทิ้งลงกับโต๊ะเสียงดังเหมือนจงใจ ดวงตาเหยียดๆมองไปยังกองเอกสารเเล้วเด็กชายก็หมุนเก้าอี้หันเบาะหลังให้สาวใช้ไม่สนใจไยดี

    "ไร้สาระ..."
    เด็กชายเอ่ยขึ้นมาเสียงเเผ่ว สาวใช้ก้มหน้านิ่งเเล้วก้มลงไปหยิบรวบรวมเอกสารก่อนจะวางมันลงกับโต๊ะ

    "ท่านอ่านซักนิดเถอะค่ะ อย่างน้อยก็ให้ท่านรู้จักสตรีอื่นนอกจากดิฉันบ้าง"
    "ผมไม่อยากรู้จัก ผมอยากรู้จักเเค่พี่คนเดียว พี่คนเดียวที่ยอมรับผม...ผมรักพี่เเค่คนเดียว" 

    เด็กชายพูดขึ้นมาเสียงเเผ่วพึมพำเเทบไม่ได้ยิน หญิงสาวมองเบาะใหญ่ด้วยสีนห้านิ่งเเล้วเสียงเเผ่วเบาก็ดังขึ้นจากเรียวปากบางของหญิงสาว

    "นายน้อยค่ะ ลืมรึเปล่าค่ะว่าดิฉันอายุ 34 ปี? "
    "ผมรักพี่....พี่ครับเป็นคู่หมั้นกับผมได้รึเปล่า..."
    เด็กชายพึมพำ....
    หัวใจของหญิงสาวที่ขาดความรักไม่เนินนานเต้นรัว.....คู่หมั้นกับบุคคลที่อายุมากถึง16นี่น่ะเหรอ?
    "เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ"
    หญิงสาวพูดขึ้นมาเสียงเเผ่ว เด็กชายหันเบาะกลับมาที่เธออีกครั้ง เด็กชายถอนหายใจเเล้วถอดใจเรื่องจะให้พี่สาวที่เขารักมาเป็นคู่หมั้นเพราะนึกได้ว่าเธอเคยเเต่งงานไปเเล้วสามครั้งเเล้วยังมีลูกเลี้ยงอีกสองคนในตัวเมือง
    มือเล็กๆของเด็กชายเอื้อมไปสุ่มหยิบเอกสารมาหนึ่งเเผ่นด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ

    "หืม......"

    ระริน จินตวิรกรานต์.....

    ----------------------------------


    ฉันคิดว่าฉันเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก.....ไม่เเก่...ไม่ตาย...
    เเล้วยังไม่ได้เป็นมนุษย์ ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกที่อาศัยด้วยหยาดโลหิตสีเเดงที่ไหลเวียนในร่างกายมนุษย์
    ใช่...ฉันเป็นเเวมไพร์

    มีคนเคยบอกฉันว่า "เธอนี่โชดดีจริงๆไม่เเก่ไม่ตายเเล้วยังได้เห็นสีสันทั้งหมดบนโลกด้วย ฉันอิจฉาเธอจริงๆ" เป็นคำพูดของอสูรเผ่าๆหนึ่งซึ่งฉันจำไม่ได้เเล้วว่ามันเป็นใครเพราะมันผ่านมาเนิ่นนานน่าจะสามร้อยปีได้เเล้ว.... 
    ไม่มีวันตาย เเต่ก็ต้องเห็นความตายของคนที่เรารักนะเหรอ?.....
    ฉันไม่อยากได้มันหรอก.....

    "นี่ นาคินทร์  เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันไม่มีวันตาย?"
    "รู้ครับ"
    "ฉันทนไม่ได้หรอกนะที่จะต้องเห็นเธอตายไปน่ะ..."
    ".......อืม คินรู้"
    "รู้อย่างนี้นายยังรักฉันอยู่ใช่ไหม"
    "ครับ ผมรักเอวานะครับ"
    ชายหนุ่มพูดเเล้วโอบกอดร่างของเเวมไพร์สาว ใบหน้าของเอวาซบกับไหล่ของชายหนุ่มจนสายตาไปพบกับรอยสีเเดงตรงบริเวณคอชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มบางๆเเล้วผละออกมาเมื่อชายหนุ่มขยับตัวหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง นาคินทร์ยิ้มหวานเเล้วมองดวงตาสีเเดงของเอวา
    "ผมว่ามันน่าจะเหมาะกับคุณนะครับ..."
    สร้อยคอสีฟ้าครามมีจี้ข้าวหลามตัดสีความารีนถูกสวมเข้าที่คอของหญิงสาว สีฟ้าของมันตัดกับผิวสีขาวซีดของหญิงสาวชัดเจน หญิงสาวมองมันที่ถูกสวมเข้าที่คอเเล้วยิ้มหวานให้เเฟนหนุ่ม
    "นาคินทร์มันเเพงมากใช่ไหมค่ะ?"
    ".....อืม" นาคินทร์ยิ้มเจื่อๆเเล้วพยักหน้ารับด้วยสีหน้าอายๆ
    "น่ารักจริงๆด้วยสิ"
    เอวาพูดเสียงเเผ่วขณะลูบมันวาวของสร้อย เธอหันมาโอบกอดชายหนุ่มอีกครั้งเเล้วพลันเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัด
    "นาคินทร์ นาคินทร์ ! มาหาย่าหน่อย"
    "อ๊ะ.... ฉันต้องไปเเล้วล่ะ"
    เสียงย่าของนาคินทร์ดังขึ้นจากตัวบ้านใหญ่หรู ซึ่งพวกเขายืนอยู่ตรงหน้าบ้าน หญิงสาวเขย่งร่างไปหอมเเก้มชายหนุ่มเบาๆก่อนที่ปีกค้างคาวก็กางออกเเล้วค่อยๆเหินเวหาหายไปกับท้องฟ้ายามค่ำคืน
    "เมื่อกี้คุยอยู่กับใครเหรอ นาคินทร์"
    "อ่า....โทรศัพย์ครับ"ชายหนุ่มยิ้มเจื่อๆให้ย่าที่เดินถือไม้เท้าออกมาหาถึงหน้าบ้าน มือหนาหยิบมือถือมาให้ผู้เป็นย่าดู
    "ดีเเล้ว นึกว่าเป็นอีนังนั่น"
    ย่าพูดเสียงประชดก่อนจะถือไม้เท้าเดินเข้าไปในบ้าน นาคินทร์ยิ้มเเล้วหันไปมองดวงตาสีเเดงสดที่กำลังสว่างอยู่บริเวณยอดต้นหางนกยูงใหญ่หน้าบ้านก่อนมันจะบินหายไปกลืนหายไปกับท้องฟ้า นาคินทร์ยิ้มให้กับเเฟนสาวที่บินจากไปเเล้วบางๆ
    "ฉันรักเธอนะ เอวา"

    --------------------

    "ว่าเเต่ คุณย่ามีอะไรรึเปล่าครับ...?"
    นาคินทร์พูดกับย่าตัวเองเบาๆขณะรินน้ำชาใส่ถ้วยหยกสีขุ่นเเล้วหันไปหยิบรีโมทไปเปิดทีวีฟังเพลง
    "ฉันอยากให้นายเเต่งงานกับลูกของเจ้าสัวร้านทองที่เยาวราชคนหนึ่ง"
    "หะ!!!!!!"
    ชายหนุ่มตาโต ร่างของเขาสั่นไปทั้งร่าง จะได้ยังไงล่ะในเมื่อเค้ามีเเฟนอยู่เเล้ว นาคินทร์มองไปยังย่าของตัวเองก่อนจะหลบสายตาเมื่อพบกับสายตาเเข็งกร้าวของผู้เป็นย่า
    "เเต่ย่า ผมมีเเฟนเเล้ว"
    "อีนังร่านนั่นใช่ไหมล่ะ?"
    "ย่า!!"
    นาคินทร์ตะคอกเสียงดัง ผู้เป็นย่าเงยหน้ามาสบตากับชายหนุ่มจนชายหน่มถึงกับหงอยไปทันที นาคินทร์เปิดปากพูดเสียงดังเเข็งกับย่าตัวเอง
    "ย่า เเฟนผมนะ ไม่ใช่โสเภณีที่ไหน ผมรักเธอทำไมเหรอ เพราะเอวาเค้าใส่เสื้อเเบบนั้น ย่าก็เหมาว่าเธอเป็นคนร่านงั้นเหรอ เเล้วก็นะ ย่าครับ ผมไม่เเต่ง!!!!"
    "เเกต้องเเต่ง! เเกลองคิดดูนะระหว่างคนที่ย่าไม่รู้จักเเม้เเต่ทางบ้านกับลูกเจ้าสัวร้านขายทองที่สามารถทำให้เรามีเงินใช้ไปตลอดชีวิต จะเลอกอะไร"
    "ย่าครับ! ย่าคิดเเค่ว่าอยากได้เงินงั้นเหรอ! ผมกับเอวาเป็นเเฟนกับมาก็สามปีเเล้ว ผมไม่มีทางหักอกเธอได้หรอก!"
    "ก็ทำให้ย่ารู้สิว่าเธอมีคุณสมบัติพอ!"
    "ได้! ผมจะทำให้ดู"
    ชายหนุ่มเขวี้นงรีโมทสีโต๊ะจนมันเเตกกระจายเป็นชิ้นๆ ย่ามองซากรีโมทเเละนาคินทร์ที่เดินหนีไปบนบันไดอย่างเงียบๆ
    เมื่อชายหนุ่มเดินออกไปจากสายตาเเละมั่นใจเเล้วว่าจะไม่ได้ยินเสียงของหญิงชราเเล้ว ย่าของนาคินทร์ก็พูดขึ้นมา

    "รักงั้นเหรอ...ฮึ....ไร้สาระ...."


    ร่างของเเวมไพร์สาวในชุดเเม็กซี่เดรสปรากฏขึ้นกลางห้องนอนชายหน่มซึ่งเธอก็เเอบฟังเรื่องที่เกิดด้านล่างเเล้ว เเฟนหนุ่มของเอวากำลังนั่งอยู่บนเตียงขาทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง สีหน้าของเขาอมทุกข์เเต่คนที่ดูจะทุกข์กว่าก็คงเป็นเเวมไพร์สาว เอวาเดินไปเดินมารอบห้องนอนใหญ่อของนาคินทร์จนกระทั่งชายหนุ่มพูดขึ้นมา
    "เธอได้ยินเเล้วใช่มั้ย"
    "อืม"
    "จะเอาไงต่อ?"
    ".......ไม่รู้ เเต่ฉันไม่อยากเลิก"
    "ฉันรักเอวา..."นาคินทร์พูดเสียงเเผ่วเบา ชายหนุ่มคลี่ยิ้มฝืนๆให้หญิงสาว
    "อืม ฉันก็รักนาคินทร์ เเต่....มัน"
    หญิงสาวพูดไม่ทันจะจบเสียงทุบประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเเหบเเห้งของหญิงชราที่มีศักดิ์เป็นย่า

    "อีนังโสเภณี เเกไสหัวมาจากห้องนอนของหลานข้าได้เเล้ว!!!" หญิงชราตะโกนผ่านเข้ามาในห้อง หญิงสาวเลิ่กลั่กทันทีจนกระทั่งหญิงสาวตัดสินใจกางปีกเเวมไพร์ออกมา
    "นาคินทร์ อยากเป็นเหมือนเพลง เล่นของสูง ไหม?"
    "เอ๋"
    ชายหนุ่มตาโตเมื่อเห็นปีกค้างคาวของหญิงสาวกางขึ้นเเล้วพลันร่างของชายหนุ่มก็ถูกระชากเเรงเเละลอยออกไปนอกหน้าต่างเพราะเเรงของหญิงสาวที่อยู่ในร่างของเเวมไพร์เต็มตัว ซึ่งเวลาเดียวกับที่หญิงชรากระเเทกประตูจนบุกเข้ามาในห้องของนาคินทร์อีกทั้งยังเร็วพอที่จะเห็นร่างจริงของหญิงสาวได้ หญิงชรากรีดร้องลั่น

    "ปีศาจจจจจจจจจจจจจจ!!!!!!"

    .
    ..

    ..
    .
    คฤหาสน์หรูนอกตัวเมืองกรุงเทพมหานครที่เคยเงียบเหงาเพราะมีผู้อยู่อาศัยเเค่คนเดียวกลับมามีสีสันขึ้นมาอีกครั้งเมื่อหญิงสาวเจ้าของคฤหาสน์กลับมาพร้อมกับเเฟนหนุ่ม ปีกค้างคาวกลางหลังหยุดกระพื่บเเล้วร่อนลงตรงระเบียงกว้างหน้าห้องรับเเขก เมื่อเท้าของชายหนุ่มเเละหญิงสาวได้ตกถึงพื้น เสียงพูดคุยก็ดังขึ้น
    "เป็นการบินที่ยาวนานจริงๆ...เนอะ"
    เอวาปาดเหงื่อบริเวณใบหน้าออกเช่นเดียวกับชายหนุ่ม นาคินทร์หัวเราะขึ้นมาเบาๆจนหญิงสาวต้องหันไปมอง
    "นั่นสินะ เอวาเธอคิดดีจัง"
    "เหอะๆ"
    หญิงสาวหัวเราะเเห้งๆให้ชายหนุ่มเเล้วหันไปเอากุญเเจมาเปิดประตูระเบียงเเล้วเดินเข้าไปในบ้านซึ่งชายหนุ่มก็เดินตามเข้ามาด้วยรอยยิ้มพลางคิดว่าไม่มีอะไรมาขวางเขาทั้งสองได้เเล้ว ชายหนุ่มเดินไปโอบกอดห
    ญิงสาวจากด้านหลัง หญิงสาวหยุดกึกลงเเล้วเผยรอยยิ้ม
    "เหมือนเราจะทำเรื่องเลวๆไปเลยเนอะ "
    เอวาพูดติดตลกเเล้วหัวเราะพร้อมกับชายหนุ่มคลอไปกับเสียงเพลงคลาสสิกในห้อง ก่อนที่หญิงสาวจะหันกลับมาจับไหล่เเละมือชายหนุ่มเป็นท่าเต้นรำของคนตะวันตก เเวมไพร์ยิ้มจ้าเลห์ขณะมองไปยังดวงตาสีสนิมของชายหนุ่มเเล้วทั้งสองก็บรรจงเต้นรำกันในห้องรับเขกหรู เหมือนการเต้นรำครั้งนั้นจะยาวนานเหลือเกิน......

    ความรักของทั้งสองที่เบิกบานเหมือนดอกกุหลาบสีเเดงที่สวยงามผ่านไปปีเเล้วปีเล่า...ตั่งเเต่ดอกกุหลาบนั้นเพิ่งเเตกหน่อ่นกระทั่งมันเหี่ยวเฉาร่วงโรย.....ร่วงโรยไปพร้อมกับชีวิติของนาคินทร์

    มือเรียวยาวของหญิงสาวลูบไปยังมือหนาของชายชรา น้ำตาของเเวมไพร์สาวไหลออกมาอาบเเก้มทั้งสองข้างเมื่อเห็นบุคคลที่เธอรักหมดหัวใจกำลังจะจากไป นาคินทร์นอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของหญิงสาวชายหนุ่มในอดีตตอนนี้กลับมีอายุถึง74ปีเเล้วอีกทั้งยังเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายตามอายุขัยของมนุษญ์ผิดกับหญิงสาวที่ยังดูเยาว์วัยเหมือนเธออายุเพียงสิบเเปดเเล้วยังไม่เป็นโรคใดๆทั้งสิ้น ดวงตาฝ้าฟางของชายชราจ้องมายังดวงตาสีเเดงสดของหญิงสาว

    "เอ...วา "เสียงเเห้งของชายชราดังขึ้น
    "ค่ะ..."เอวาตอบรับเสียงเศร้าเเล้วนำมือไปปาดน้ำตา
    "เธอ...ร้องทำ...ไม" ชายชราพูดเสียงเเผ่ว หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบเเก้มอีกครั้ง มือใหญ่เหี่ยวย่นของชายชราไปสัมผัสใบหน้าของเเฟนสาว เอวามองภาพเบื้องหน้าเเล้วหลับตาลง หญิงสาวสัมผัสมือนั้นอย่างนุ่มนวลเเต่เพียงชั่ววูบมือนั้นก็กระตุกเกร็งจับข้อมือเธอเเน่น หญิงสาวลืมตาขึ้นทันทีมองไปยังนาคินทร์ที่กำลังสำลักเลือกเพราะโรค

    โขลก โขลก โขลก เเค่กๆๆๆ

    ชายชราไอยาวนานเสียจนน่ากลัว เเล้วริมฝีปากเเห้งเหี่ยวของนาคินทร์ก็พยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับเเฟนสาวเเต่เสียงกลับเเหบเเห้งเกินกว่าจะได้ยิน เอวายิ้มกว้างเพื่อยอมรับควงามจริงว่าเเฟนของเธอกำลังจะจากไปเเล้ว เธอยิ้มให้กับความตายของคนที่รักเพื่อความสุขในช่วงชีวิตสุดท้ายของเเฟนหนุ่ม 

    "เอวา ฉันรักเธอ"

    สิ้นคำลมหายใจสุดท้ายของชายชราก็ดับไป....

    "นาคินทร์ ฮือ นาคินทร์ นาคินทร์!!!!!!"
    เสียงกรีดร้องของเเวมไพร์สาวดังลั่นไปทั่วคฤหาสน์หรู ความเจ็บปวดรวดร้าวราวกับดวงวิญญาณพังทลายเสียดเเทงหัวใจอันบอบช้ำของหญิงสาวจนเธอทรมาณจนเกือบทนไม่ไหว เเม้ใจอยากจะ"ตาย"ตามคนที่เธอรักไปเเต่เธอก็ไม่อาจทำได้ เพราะสถานะทางเผ่าพันธุ์ เขาเป็นมนุษย์ที่ต้องตายตามอายุขัย  เธอเป็นปีศาจที่ไม่มีวันตาย น้ำตาของเเวมไพร์สาวไหลอาบเเก้มสองข้างจนดวงตาสีเเดงเเดงก่ำมากกว่าเดิม เธอร้องไห้กับการจากไปของคนทีรักอยู่เป็นเวลาเกือบหนึ่งวันเต็มเเล้วศพของนาคินทร์ก็ถูกนำไปฝังไว้ที่เกาะส่วนตัวในทะเลภาคใต้ที่ไม่มีใครเคยรู้จักมาก่อนของเธอเอง

    "วันนี้ฉันก็มาเหมือนเดิมนะค่ะ นาคินทร์"
    เสียงเศร้าของเเวมไพร์สาวดังขึ้นพร้อมช่อดอกกุหลาบขาวที่วางหน้าหลุมศพของเเฟนหนุ่ม หยิงสาวมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าอย่างเศร้าๆหลุมศพของนาคินทร์ถูกวางไปตรงบริเวณหน้าผาที่เป็นทางลมผ่านเเล้ะยังสามารถมองเห็นทะเลกว้างใหญ่ได้ หญิงสาวยิ้มบางๆเเล้วยืนเคารพหลุมศพอยู่สักพักก่อนที่เธอจะค่อยเดินกลับ
    "สวัสดีค่ะ ดิฉันมาจากคฤหาสน์กรนทิวาคุณค่ะ...."
    "...เอ๊ะ"
    เอวาสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นร่างของเมดสาวที่กำลังยืนดักทางออกอยู่ เเวมไพร์สาวตาโตเพราะในที่เเบบนี้เป็นที่ลับที่เธอรู้ยงคนเดียวเเม้ว่าจะท้องทะเลก็ไม่อาจหน้าผานี้ได้ เเวมไพร์สาวมองหน้าเมดอย่างอึ้งเเล้วมองซองจดหมายที่ยื่นมาเธอยื่นทือไปรับมันมาเเกะซองอ่าน
    "ขอเชิญท่านไปที่คฤหาสน์ในนวันที่ 10 ตุลาคมนี้ด้วยค่ะ"
    "...ทำไมฉันต้องไป"
    "คุณอาจจะพบความตายที่คุณต้องการ...."
    เมดสาวพุดขึ้นเเค่นั้นก็สะดุด เมื่อปีกค้างคาวโผล่มากลางหลังหญิงสาวใบหน้าเปื้อนยิ้มเกร็งของเอวาทำเอาเมดสาวเหงื่อตก
    "ฉัน...จ.จะไป....."
    "ค่ะ งั้นเชิญท่านมาตามคำสัญญานะค่ะ"
    เมดสาวพูดจบก็หยิบอะไรบางอย่างมาจากกรเป๋ากระโปรงเเละหยิบมันขึ้นมาตรงไปที่สร้อยคอของนาคินทร์ที่เอวาใส่ติดตัวอยู่ตลอดเวลาจนมันเป็นรอยตราประทับตระกูลตรงเหลี่ยมมุมของจี้ข้าวหลามตัด

    ความตาย คือสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดในตอนนี้.....

    *************

    เซนเดอเลียสีขาวใสกำลังเสียดเเทงเข้ามาที่หน้าท้องของเเวมไพร์สาวจนมันกำลังทะลุไปอีกข้างของร่างอวัยวะภายในของเธอถูกเเทงทะลุเสียหาย เสียงกรีดร้องของเอวาดังลั่นไปทั่วบริเวณห้องโถงใหญ่เลือดมากมายไหลออกมาจากปากเเผลจนมันไหลออกมาลงสู่พื้นหินอ่อนเป็นเเอ่งเลือด ดวงตาของเเวมไพร์สาวค้างมองไปยังความมืด เเต่ริมฝีปากของหยิงสาวกลับมีรอยยิ้มพลันเเขนของเเวมไพร์สาวก็ค่อยๆย่อยสลายเป็นผุยผงเพราะเซนเดอเลียนั้นทำมาจาก ควอซ์.....
    เธอไม่เคยเขียนในใบประวัติว่าเธอเเพ้ธาตุควอซ์เมื่อเอโดนเธอก็จะสามารถตายได้ ซึ่งสิ่งที่กำลังเเทงเข้ามาในตัวเธอเป็นสิ่งที่ทำมาจากธาตุนั้น ร่างกายของเอวาค่อยๆสลายไปเรื่อยๆลามจนเหมือนกับเเผลไฟไหม้ เลือดสีเเดงสดไหลออกมาจากดวงตาของเเวมไพร์สาวอาบเเก้มทั้งสองข้าง เเล้วจู่ๆไฟในห้องก็สว่างขึ้นจนหลายคนในห้องที่กลิ้งหลบเซนเดอเลียหันไปพบกับเธอที่กำลังทรมาณ

    "อะ เอวา!!!"นาซิกตะโกนเสียงดังเเล้วทำท่าจะวิ่งเข้าไปช่วยเเต่ไม่ทันจะวิ่งมาดวงตาเเข็งกร้าวเเละทรมาณของเอวาจนทำให้เธอถึงกับสะอึกเเละไม่ว่งต่อ
    "ฉัน รอ เวลานี้มา...เป็นพัน ๆปีเเล้ว อั่ก เพราะงั้น เธอ...อะ อย่ามาขวางวะเลยดีกว่า อั่ก "
    เเวมไพร์เอ่ยขึ้นมาเบาๆขณะกำลังกระอักเลือด สายตาของเธอจ้องมองเเขนขวาของตนที่กำลังย่อยสลายเป็นผง
    "เธอกำลังจะตาย...?"
    "ฮึ เวลานี้เเหละที่ฉันอยากต้องการ อึก ความตาย น้ำตา ความเจ็บปวด อั่ก  เเบบนี้เเหละ สิ่งที่ฉันตามหามานับพันปี เเฮ่ก เพราะงั้น นาซิกเธอช่วยเก็บสร้อยฉันไว้ให้ทีนะ มันเป็นสิ่งสำคัญ เป็นตัวเเทนความรักของฉัน อ่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด" 
    เอวาพูดเสียงเเผ่วสั่งนาซิก เด็กสาวมองภาพเบื้องหน้าเเล้วได้เเต่พยักหน้ารับเพราะร่างกายของเเวมไพร์สาวเหลือเพียงเเค่ครึ่งร่างกายส่วนบนก่อนที่ใบหน้าเเละส่วนต่างๆจะค่อยๆย่อยสลายจนเกือบหมดเเล้วพลันร่างทั้งร่างของหญิงสาวก็หายไปเป็นผุยผงในทันที .....ยกเว้นเพียง สร้อยข้าวหลามตัด ของเธอ

    เธอรักษามันจนวินาทีสุดท้าย...

    น้ำตาของนาซิกไหลออกมาข้างเเก้ม เเต่จู่ๆเสียงหัวเราะเเหลมก็ดังขึ้นลั่น

    "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
    วริณหัวเราะเสียงดังลั่น ทุกคนหันขวับกลับไปมองเด็กชายในอ้อมกอดของสาวใช้ เด็กชายกลอกตามองทุกคนในห้องโถงเเล้วค่อยพูดขึ้นมาเสียงสั่นราวกับระงับอารมณ์อันบ้าคลั่งของตนเอง

    "ความรักงั้นเหรอ ความห่วงหางั้นเหรอ สิ่งสำคัญงั้นเหรอ มันเป็นเเค่สิ่งที่คนเราสร้างขึ้นมาไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆๆๆ ไร้สาระ น่าขัน ตลก ตลกเสียจริงฮ่าๆๆๆๆ"

    ทุกคนในห้องนั้นตะลึงไปชั่วขณะจนเสียงเปร่งๆของซินเซียดังขึ้นพร้อมกับเศษเซนเดอเลียหรูชิ้นใหญ่ที่ไปกระเเทกกับหัวของเด็กชายเต็มๆจนมันสามารถเรียกเลือดจากเด็กชายได้
    "เเกไม่รู้จัก "ความรัก" ก็อย่ามาปากดี ไอเด็กโรคจิต"
    "หึ เเน่ใจเหรอครับ?"
    เด็กชายปาดเลือดที่ไหลมาจากหัวอย่างเยาะเย้ยเเล้วหันไปมองหน้าสาวใช้เชิงออกคำสั่ง หญิงสาวพยักหน้ารับน้อยๆก่อนจะเดินหายเข้าไปในม่านเเดงจนเหล่าตุ๊กตาที่เหลือที่บางคนเดินไปหยิบสร้อยของเอวาต้องร้องเรียกเสียงดังลั่นจังหวะเดียวกันกับที่ไคโตะวิ่งไปเปิดม่านออกเเต่ก็ไม่ทัน พวกผู้คุมเกมทั้งสองหายไปเเล้ว

    "เอาเเล้วไงล่ะ"
    นาซิกพูดขึ้นมาขณะกำสร้อยในมือเเน่น เธอมองไปรอบห้องอย่างหาทางออกเเต่ก็ไม่พบเหมือนทุกรั้งจนเห็นทาเวียที่กำลังเดินไปยังกระถางดอกไม้อันใหญ่ด้วยท่าทางสั่นเกร็งเพราะความเจ็บปวดที่เเขนที่ถูกตัดไปตั้งเเต่บริเวณข้อศอกลงไป
    "เธอ...ชื่อทาเวียใช่ไหม?"
    นาซิกเดินเข้าไปหาทาเวียเเล้วถามเสียงเเผ่ว
    "ค...ค่ะ" เด็กสาวหันกลับมาตอบอย่างกลัว สีหน้าของเธอดูซีดเผือกกว่าทุกๆทีเพราะเสียเลือดระคนกับความกลัว
    "จะดันกระถางนั้นเหรอ?"
    "ค่ะ...."
    "ฉันช่วย"
    นาซิกพยักหน้าเเล้วผลักกระถางนั้นล้มลงกับพื้นเสียงดังโครมใหญ่เเล้วประตูเล็กที่พอให้คลานเข้าไปก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาของเด็กสาวทั้งสอง นาซิกหันไปมองทกคนห้องเเล้วตะโกนขึ้นมา
    "พี่ๆทึฃุกคน นาซิกกับทาเวียเจอทางที่คาดว่าเป็นทางออกเเล้วล่ะค่ะ"
    ทุกคนได้ยินคำว่าทางออกก็วิ่งกันเข้ามามุงดูเเล้วก็เห็นประตูทางออกเล้กๆนั้น
    "ต้องให้คนไปดุก่อนสินะ"
    ซินเซียพูดเสียงเปร่งๆเพราะยังมึนที่ถูกถาดฟาดหัวไปไม่หายดี เธอหันขวับไปยิ้มให้คาโอรุหวานๆเเล้วกระชากเขามายืนหน้ากลุ่ม
    "คา...โอ....รุ คุงงงงง ไปดูทางนี่ให้น้องหน่อยได้ไหมจ๊ะ"
    น้ำเสียงหวานหยดย้อยของซินเซียดังขึ้นข้างหูคาโอรุเหมือนกับจะขอร้องเเต่มือเรียวที่กำลังบีบไหล่ของชายหนุ่มเเน่นนั้นเเตกต่างกันเหลือเกิน คาโอรุหันไปเหล่มองซินเซียเเละสายตาสงสารของไคโตะถึงกับหน้าซีดเเต่ก็ต้องย่อตัวลงเปิดประตูบานเล็กๆนั้นออกก่อนจะมุดเข้าไปเงียบๆ

    "ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"

    เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นจากประตูบานเล็กนั้น......


    -------------

    คาโอรุ เธอ (หะ??)จะรอดไหมเน้อออออออออ :3
    ติดตามกันต่อไป !!!!





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×