คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : ความรู้สึกที่มี
บทที่ 1
“คุณแม่ค่าๆๆ...พี่ตะวันกลับบ้านแล้วใช่ไหมค่ะ” เสียงลูกสาวคนเล็กของบ้านอทิตานุกุล ที่ตะโกนถามหาผู้เป็นมารดาเสียงดังตั้งแต่ห้องโถงของบ้าน
“กลับมาแล้วจ๊ะ....นี้น้องซันอย่าไปกวนพี่ๆสิ เขาเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ” คุณมาลินีชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัวเมื่อได้ยินเสียงบุตรสาวรองเท้าวิ่งไปปีกซ้ายของบ้าน
“จริงเลยน้า เมื่อไรจะโตสักทีนะน้องซัน” ผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจในความไม่รู้จักโตของบุตรสาว
ก๊อกๆๆๆ....ก๊อกๆๆๆ
“ว่าไงยัยตัว.....” แค่ตะวันเปิดประตูอาทิตยาก็กระโดดเข้ามากอดพี่ชาย แล้วหอมแก้มซ้ายขวารับขวัญไม่ยอมหยุด
“พี่ตะวันนนนน....ดีใจที่สุดที่ตัวเองกลับมา” อาทิตยารีบพูดเอาใจ และก่อนจะเริ่มปฏิบัติการหอมอีกครั้ง
“นี้...เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ไม่อายไอ้วิชญ์มันรึไงฮะ” เสียงอาคิราที่หยุดปฏิบัติการของน้องสาวไว้ ก่อนจะพยักเพยิดให้น้องสาวเห็นแขกอีกคนในห้อง
“พี่วิชญ์...สวัสดีค่ะพี่วิชญ์” อาทิตยาอยากจะหายตัวไปจากที่นี้เสียให้ได้ ก็ดันเผลอตัวแสดงกิริยาเมื่อสักครู่ต่อหน้าภาณุวิชญ์
“ครับ” ภาณุวิชญ์เพียงหันมาสบตาอาทิตยาครู่เดียวก่อนจะหันไปสนใจแท็บเล็ตตรงหน้า ทำเอาเธอวางตัวไม่ถูก รู้สึกว่าตัวเองเป็นเป็นส่วนเกินของห้องนี้ขึ้นมาทันที
“พี่ว่าเราไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่ายัยซัน” อาคิราหันมาบอกน้องสาว เมื่อเห็นชุดนักศึกษาที่อาทิตยาแต่งวันนี้ ไอ้เสื้อไม่เท่าไรแต่สำหรับกระโปรงสอบเสมอเข่านั้น ในสายตาของเขามันดูสั้นเกินไป
“ค่ะ...” หญิงสาวที่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ชายของตน อยู่ๆก็มาไล่ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทั้งที่ยังไม่ได้ถามไถ่ทักทายกันเลย แต่ก็ไม่ต้องนึกหาเหตุผลนาน คำตอบก็ลอยมาทันที
“ก็กระโปรงเราเนี้ยะ มันสั้นตั้งแต่ซื้อมาหรือว่าผงซักฟอกบ้านเรามันซักแล้วทำให้เสื้อผ้ามันหด” ทำเอาอาทิตยาหน้าคว่ำ นี้แหละน้านิสัยของอาคิรา ช่างติ ปากไว ปากเสีย ขี้หวง ตั้งแต่เกิด ขนาดเธอเป็นน้องสาวเขายังหาเรื่องติเธอไม่เว้นวัน ถ้าไม่เห็นว่าส่วนใหญ่ของคำตินั้นเป็นเพราะรักเธอล่ะก็ เธอคงกระโดดกัดคอตั้งแต่เด็กๆแล้ว
“พี่ตะวัน...กระโปรงน้องไม่ได้ใส่เลยหัวเข่าเลยนะ” หญิงสาวก้มลงมองกระโปรงนัก ศึกษาของตัวเอง ก่อนจะเลยไม่มองแขกอีกคนของห้องที่บังเอิญหันมาสบตากันพอดี ทำเอาเธอหน้าร้อนผ่าว ก่อนจะรีบแก้ตัวกับพี่ชายรวมถึงใครอีกคน
“ไม่ต้องเลย บอกกี่ที่แล้วว่าอย่าใส่กระโปรงแบบนี้ .shใส่พรีทไม่ก็กระโปรงยาวไปเลย” อาคิรารีบหมุนตัวอาทิตยาก่อนดันหลังให้ออกจากห้อง ขณะที่แม่น้องสาวตัวดีก็ขัดขืนไม่ยอมไปไหน
“แม่ส่งตัวเองไปเรียนเมกาหรือส่งไปเรียนที่สุโขทัยฮ่ะ ทำไหมหัวโบราณได้ขนาดนี้” เมื่อเห็นว่าสู้แรงพี่ชายไม่ไหว อาทิตยาก็เลยค่อนขอดส่งท้าย
“ไม่ต้องเถียง รีบไปเปลี่ยนชุดเลย อ้อ...วันนี้ไอ้วิชญ์อยู่เพราะฉะนั้นห้ามใส่ขาสั้น เข้าใจไหม”คนหวงน้องไม่ลืมกำชับ
“พี่ตะวัน....” หญิงสาวถึงกับงงเต็ก การที่เธอใส่ขาสั้นกับการอยู่ของพี่วิญช์มันเกี่ยวกันตรงไหนแต่ยังไม่ทันได้ คำตอบ พี่ชายเธอก็ชิงปิดประตูหนีซะก่อน
ปัง!!!
อาทิตยาจึงทำได้เพียงชกลมกับอากาศ ก่อนจะเดินกระทืบเท้าลงไปข้างล่าง
“คุณแม่ค่ะ แน่ใจนะค่ะว่าส่งพี่ตะวันไปเมกา ไม่ใช่ส่งย้อนอดีตกลับไปสมัยสุโขทัย” หญิงสาวซึ่งเดินเข้ามาในครัว ก่อนจะทิ้งตัวลงเก้าอี้พร้อมกอดอกใบหน้าบูดบึ้ง
“คราวนี้อะไรอีกล่ะค่ะ” คุณแม่ได้แต่อมยิ้มกับคำถามของคุณลูก
“ก็พี่ตะวันบอกว่าน้องซันใส่กระโปรงสั้นไป มันสั้นตรงไหนค่ะคุณแม่...” อาทิตยาลุกขึ้นยืนให้มารดาช่วยตัดสินว่ามันสั้นหรือไม่
“แม่เข้าใจเราทั้งคู่นะค่ะ...แม่ก็มองว่ามันไม่สั้นมากก็จริง แต่ใจแม่ก็อยากให้น้องซันใส่กระโปรงที่ยาวกว่านี้ แต่แม่เคารพการตัดสินใจของน้องซันแม่ถึงไม่ได้พูดอะไร ส่วนพี่ตะวัน เขาก็คงหวงน้องสาวของเขาล่ะมั่งแต่เพราะเขาก็เป็นผู้ชายก็เลยพูดออกมาทื่อๆตรงๆ แม่ก็หวังว่าลูกจะเข้าใจพี่ชายของลูกเหมือนที่ผ่านๆมานะค่ะ” คุณมาลินีเดินมาลูบหัวลูกสาวอย่างรัก ใคร่
“คุณแม่...ทำไหมนะ น้องซันถึงต้องโอนอ่อนตามคำพูดคุณแม่ทุกทีเลย ให้ตายสิ” อาทิตยาพูดออกมาเสียงเบา ขณะที่ใจกระหวัดคิดถึงใครอีกคนที่อยู่บนห้องอาคิรา ทำไหมกันนะ เพื่อนพี่ชายของเธอคนอื่นๆหล่อกว่านี้อีกตั้งเยอะ แต่เธอก็ไม่เคยที่จะรู้สึกเขินอายกับใคร แต่กับพี่วิชญ์แล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำเอาเธอขวยเขินได้ทุกทีสิน่า
“ซัน...จะไปไหน” เสียงอาคิราที่ดังขึ้นท่ามกลางความความมืด ทำเอาอาทิตยาสะดุ้งนึกว่าผี
“พี่ตะวัน...ซันตกใจหมดเลย จะไปข้างนอกคะตอนนี้จะไม่ทันแล้ว เดี๋ยวซันรีบไปก่อนนะคะ” เมื่อจำเสียงได้หญิงสาวจึงตอบออกไปโดยไม่ได้มองผู้เป็นพี่ชายที่ขณะนี้เดินมาอยู่ข้างหลังตนเองแล้ว
“ไม่ต้องมาเล่นมุขรีบเลย พี่รู้ทันเราหรอก” อาคิราเอ่ยขึ้นเสียงเขียว
“พี่ตะวัน....อะไรอีกค่ะเนี่ยะ” คนที่รู้สึกเหมือนตนโดนตำหนิจึงหันมาถามพี่ชาย
“บอกมาว่าจะไปไหน แล้วอย่าโกหกนะเพราะเราน่าจะรู้ว่าพี่นะรู้ทัน” ภาพที่อาทิตยาเห็นคือพี่ชายของตนเองยืนกอดอกหน้าตาบูดบึ้ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคนบ้านนี้เมื่อมีอะไรขัดใจ
“ในเมื่อรู้แล้วยังจะถามซันอีก...” หญิงสาวทราบดีว่าพี่ชายของเธอนั้นไม่ชอบให้เธอไปเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืนก็จริง แต่ที่เธอไปเที่ยวนี้ก็ไม่ได้ไปทุกอาทิตย์ เธอจะไปก็ต่อเมื่อเป็นงานสำคัญหรือเป็นงานของเพื่อนสนิทเท่านั้น ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันเลี้ยงฉลองเรียนจบของกลุ่มเธอ เธอจะไม่ไปได้อย่างไร
“งั้นก็เชิญขึ้นห้องได้เลยครับองค์หญิง” อาคิราผายมือให้หญิงสาวกลับขึ้นบนห้อง แต่เมื่อเห็นหญิงสาวยังยืนอยู่ที่เดิม เขาจึงเอื้อมมือไปดึงกุญแจรถในมือผู้เป็นน้องสาวมายึดไว้
“พี่ตะวัน...ซันขอคุณพ่อคุณแม่แล้วนะค่ะ เพราะฉะนั้นอย่ามาห้ามให้ยาก เอากุญแจรถคืนมาเลย” อาทิตยาเริ่มกอดอก ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ชอบปฏิบัติเมื่ออะไรๆไม่เป็นดังใจ
“คุณพ่อคุณแม่อนุญาต แต่พี่ชายคนนี้ไม่อนุญาต ปิดคดี ไม่รับยืนอุทรณ์” อาคิราพูดเสร็จก็รีบขึ้นห้องไป เพราะกลัวตัวเองใจอ่อนกับน้องสาว
“พี่ตะวัน....ซันโตแล้วนะ เรียนจบแล้วด้วยนะ” หญิงสาวพยายามเรียกเสียงดังแต่อาคิราก็ไม่ยอมหันมาเดินจำอ้าวเข้าห้องไปอย่างเดียว
“มุก...วันนี้เราคงต้องขอบายแล้วล่ะ...โดนพี่ตะวันยึดกุญแจรถไปแล้ว ยังไงก็ขอโทษนะ” เมื่อ เดินไปดูตู้เก็บกุญแจรถ อาทิตยายิ่งโมโหหนักกว่าเดิม ก็พี่ชายเธอเล่นเอากุญแจรถคันอื่นของบ้านไปซ่อนไว้หมด แล้วอย่างนี้เธอจะออกจากบ้านได้อย่างไร นึกแล้วก็ขัดใจนักที่วันนี้คุณพ่อคุณแม่ไปงานเลี้ยงไม่อยู่บ้าน พี่ชายตัวดีเลยได้ทีเลยยึดอำนาจการปกครอง เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงต้องโทรไปยกเลิกนัด
“อยากไปมากขนาดนั้นเลยเหรอ” อาทิตยาที่กำลังโมโหใส่ตู้กุญแจอยู่ถึงกับตกใจ ด้วยจำเสียงนั้นได้ดี น่าแปลกที่เธอรู้สึกอายที่พี่วิชญ์เข้ามาเจอเธอในสถานการณ์นี้
“พี่วิชญ์...มาทำอะไรที่นี้เหรอค่ะ” หญิงสาวเลือกจะไม่ตอบคำถาม แต่เปลี่ยนเป็นถามกลับชายหนุ่มแทน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ตอบคำถามเธอ แต่ชูกุญแจรถยนต์ให้เธอเห็น ก่อนจะเดินไปยังรถของเขาที่จอดอยู่ในโรงรถบ้านของเธอ ทำเอาหญิงสาวเป็นงง
‘....พี่วิชญ์จะช่วยเราเหรอ…’ หญิงสาวคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะรีบมองไปยังตัวบ้าน เมื่อไม่เห็นวี่แววของพี่ชายตัวดี เธอก็รีบวิ่งขึ้นรถ ซึ่งภานุวิชญ์สตาร์ทรถและถอยออกมาแล้ว
“พี่วิชญ์จะไปไหนเหรอค่ะ” หลังจากนั่งออกมาได้สักพัก หญิงสาวก็ตัดสินใจพูดขึ้นทำลายความเงียบในรถ
“เราจะไปที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามและตั้งคำถามกลับ
“พี่วิชญ์ส่งซันที่บีที่เอสก็ได้ เดี๋ยวซันไปเองได้ค่ะ” แม้หญิงสาวจะไม่ชอบใจกับการที่เขาไม่ตอบคำถาม แต่เพราะวันนี้ภานุวิชญ์ช่วยให้เธอออกจากบ้านมาได้ หล่อนจะยอมทำเป็นไม่สนใจก็ได้
“เอกมัยหรือRCA ?” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบรับอะไรแต่ถามถึงสถานที่ๆจะให้เขาไปส่ง ทำเอาอาทิตยางงว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอจะไปเที่ยวสถานบันเทิง
“เอกมัย ร้าน....ค่ะ ขอบคุณคะ” หญิงสาวตอบโดยไม่หันไปมองชายหนุ่มแต่เลือกที่จะมองไปนอกรถแทน
“ส่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเข้าไปส่งข้างในก็ได้....” เมื่อใกล้ถึงร้าน หญิงสาวก็รีบบอกให้เขาจอดส่งเธอลง แต่เธอบอกไม่ทันเพราะชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปทันทีและหาที่จอดในลาดจอดรถ
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง” แม้จะงงไม่ใช่น้อยที่ชายหนุ่มเลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถ แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณอีกครั้งสำหรับความใจดีของภานุวิชญ์ในครั้งนี้
“พี่ก็มีนัดกับเพื่อนที่นี้เหมือนกัน” ภานุวิชญ์พูดจบก็กดกุญแจรีโมทรถยนต์เพื่อปิดรถแล้วเดินแยกไปทันที อาทิตยาได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจถึงทฤษฎีความบังเอิญที่เกิดกับเธอ
“พิลึกคน...” อาทิตยากล่าวถึงคนที่เพิ่งเดินจากไปก่อนจะเดินไปอีกทางซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านที่นัดหมายกับเพื่อนไว้
“มุก...ยัยมุก...ฉันจะบ้าตาย” อาทิตยาถึงกับเซ็งเมื่อเพื่อนรักแฮงค์เอาท์หนักเกินไป ยังไม่เที่ยงคืนมุกวรินทน์ก็คอพับไม่รู้เรื่องไปแล้ว อาทิตยาจึงต้องรับหน้าที่พามุกวรินทน์กลับคอนโดโดยสวัสดิภาพ
“เกิดอะไรขึ้น” เสียงคุ้นหูดังขึ้นเบื้องหลังอาทิตยา เธอรู้ว่านั้นคือเสียงของภานุวิชญ์ทำให้เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากเธอประคองมุกวรินทน์อยู่ทำให้ไม่สามารถหันไปพูดต่อหน้าได้
“พี่วิชญ์...ช่วยซันประคองเพื่อนไปที่รถหน่อยสิคะ” ในตอนนั้นอาทิตยาไม่อยากนึกเกรงใจอีกแล้ว เนื่องจากเธอเองก็ประคองเพื่อนสาวไม่ไหวแล้ว การที่เขาเข้ามาทักจึงเหมือนกับพ่อพระมาโปรด ซึ่งภานุวิชญ์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาเข้ามาช่วยอาทิตยาประคองเพื่อนทันที
“ขอบคุณพี่วิชญ์มากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้พี่วิชญ์ ซันแย่แน่เลย” อาทิตยาเอ่ยกับภานุวิชญ์ หลังจากที่ส่งมุกวรินทน์ถึงรถ
“ยังไงซันขอบคุณพี่วิชญ์อีกครั้งนะคะ” หญิงสาวหันมาเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งของรถ ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูฝั่งคนขับ ก็มีอีกมือมาจับมือเธอไว้ เมื่ออาทิตยาเงยหน้าก็พบว่าภานุวิชญ์เป็นเจ้าของมือนั้น
“จะไม่กลับบ้านเหรอ” เขาเอ่ยถามเสียงจริงจังโดยที่มือก็ยังจับมือเธอไว้อยู่ เธอจึงมองไปมือสลับกับหน้าภานุวิชญ์ เป็นผลให้เขาปล่อยมืออาทิตยาเพราะคิดว่าหญิงสาวรู้สึกไม่พอใจ
“กลับคะ...ซันจะไปส่งยัยมุกก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างงงๆ
“แล้วจะกลับยังไง” ภานุวิชญ์ยังคงถามต่อ เป็นผลให้อาทิตยาแอบอมยิ้มถึงความห่วงใยที่เขามีให้ หากบริเวณนี้ไฟสว่างหน่อยชายหนุ่มคงได้เห็นแววตาซุกซ่อนของอาทิตยา
“ส่งมุขเสร็จซันว่าจะเรียกแท็กซี่กลับคะ...” เมื่อตอบเสร็จอาทิตยาก็ลุ้นว่าชายหนุ่มจะกล่าวอย่างไรต่อไป เพราะความจริงเธอขับรถของเพื่อนกลับบ้านแล้วค่อยให้คนรถเอารถมาคืนมุกวรินทร์ตอนเช้าก็ได้ แต่เพราะเธออยากรู้ว่าภานุวิชญ์จะห่วงเธอไหม เธอจึงตอบไปอย่างนั้นเพื่อลองใจ
“ไม่ได้...เดี๋ยวกลับกับพี่...ขับนำไปแล้วกัน” ภานุวิชญ์ตอบโดยไม่ต้องหยุดคิดเลย แต่เมื่อเขาหันมาสบตาอาทิตยาก็รู้ว่าเขาอาจจะแสดงอาการแปลกๆออกไป อาทิตยาถึงได้อมยิ้มอยู่อย่างนี้ ชายหนุ่มจึงรีบเดินกลับไปที่รถเพื่อเตรียมขับตามหญิงสาวไป
“ขอบคุณคะ” อาทิตยาพูดขอบคุณภานุวิชญ์อีกครั้งผ่านกระจกมองหลังในรถ เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอนั้นเต้นแรงกว่าปกติ เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไหม รู้แต่ว่ามันจะเป็นอย่างนี้เสมอเมื่อเธอเห็นเขายิ้มหรือหัวเราะกับพี่ชายของเธอ ขณะที่กับเธอเขามักจะสงวนท่าทีเสมอ มันทำให้เธอไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา ได้แต่เก็บความในใจของเธอไว้อย่างนี้
>>>>>>>>>><<<<<<<<<<
ความคิดเห็น