ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โน้มใจให้ใกล้รัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : ความรู้สึกที่มี

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 55


    บทที่ 1

     

    คุณแม่ค่าๆๆ...พี่ตะวันกลับบ้านแล้วใช่ไหมค่ะ เสียงลูกสาวคนเล็กของบ้านอทิตานุกุล ที่ตะโกนถามหาผู้เป็นมารดาเสียงดังตั้งแต่ห้องโถงของบ้าน

    กลับมาแล้วจ๊ะ....นี้น้องซันอย่าไปกวนพี่ๆสิ เขาเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆคุณมาลินีชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัวเมื่อได้ยินเสียงบุตรสาวรองเท้าวิ่งไปปีกซ้ายของบ้าน

    จริงเลยน้า เมื่อไรจะโตสักทีนะน้องซันผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจในความไม่รู้จักโตของบุตรสาว

    ก๊อกๆๆๆ....ก๊อกๆๆๆ

    ว่าไงยัยตัว..... แค่ตะวันเปิดประตูอาทิตยาก็กระโดดเข้ามากอดพี่ชาย แล้วหอมแก้มซ้ายขวารับขวัญไม่ยอมหยุด

    พี่ตะวันนนนน....ดีใจที่สุดที่ตัวเองกลับมาอาทิตยารีบพูดเอาใจ และก่อนจะเริ่มปฏิบัติการหอมอีกครั้ง

    นี้...เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ไม่อายไอ้วิชญ์มันรึไงฮะเสียงอาคิราที่หยุดปฏิบัติการของน้องสาวไว้ ก่อนจะพยักเพยิดให้น้องสาวเห็นแขกอีกคนในห้อง

    พี่วิชญ์...สวัสดีค่ะพี่วิชญ์ อาทิตยาอยากจะหายตัวไปจากที่นี้เสียให้ได้ ก็ดันเผลอตัวแสดงกิริยาเมื่อสักครู่ต่อหน้าภาณุวิชญ์

     “ครับ ภาณุวิชญ์เพียงหันมาสบตาอาทิตยาครู่เดียวก่อนจะหันไปสนใจแท็บเล็ตตรงหน้า ทำเอาเธอวางตัวไม่ถูก รู้สึกว่าตัวเองเป็นเป็นส่วนเกินของห้องนี้ขึ้นมาทันที

    พี่ว่าเราไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่ายัยซัน อาคิราหันมาบอกน้องสาว เมื่อเห็นชุดนักศึกษาที่อาทิตยาแต่งวันนี้ ไอ้เสื้อไม่เท่าไรแต่สำหรับกระโปรงสอบเสมอเข่านั้น ในสายตาของเขามันดูสั้นเกินไป

    ค่ะ...หญิงสาวที่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ชายของตน อยู่ๆก็มาไล่ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทั้งที่ยังไม่ได้ถามไถ่ทักทายกันเลย แต่ก็ไม่ต้องนึกหาเหตุผลนาน คำตอบก็ลอยมาทันที

    ก็กระโปรงเราเนี้ยะ มันสั้นตั้งแต่ซื้อมาหรือว่าผงซักฟอกบ้านเรามันซักแล้วทำให้เสื้อผ้ามันหดทำเอาอาทิตยาหน้าคว่ำ นี้แหละน้านิสัยของอาคิรา ช่างติ ปากไว ปากเสีย ขี้หวง ตั้งแต่เกิด ขนาดเธอเป็นน้องสาวเขายังหาเรื่องติเธอไม่เว้นวัน ถ้าไม่เห็นว่าส่วนใหญ่ของคำตินั้นเป็นเพราะรักเธอล่ะก็ เธอคงกระโดดกัดคอตั้งแต่เด็กๆแล้ว

    พี่ตะวัน...กระโปรงน้องไม่ได้ใส่เลยหัวเข่าเลยนะ หญิงสาวก้มลงมองกระโปรงนัก ศึกษาของตัวเอง ก่อนจะเลยไม่มองแขกอีกคนของห้องที่บังเอิญหันมาสบตากันพอดี ทำเอาเธอหน้าร้อนผ่าว ก่อนจะรีบแก้ตัวกับพี่ชายรวมถึงใครอีกคน

    ไม่ต้องเลย บอกกี่ที่แล้วว่าอย่าใส่กระโปรงแบบนี้ .shใส่พรีทไม่ก็กระโปรงยาวไปเลยอาคิรารีบหมุนตัวอาทิตยาก่อนดันหลังให้ออกจากห้อง ขณะที่แม่น้องสาวตัวดีก็ขัดขืนไม่ยอมไปไหน

    แม่ส่งตัวเองไปเรียนเมกาหรือส่งไปเรียนที่สุโขทัยฮ่ะ ทำไหมหัวโบราณได้ขนาดนี้เมื่อเห็นว่าสู้แรงพี่ชายไม่ไหว อาทิตยาก็เลยค่อนขอดส่งท้าย

    ไม่ต้องเถียง รีบไปเปลี่ยนชุดเลย อ้อ...วันนี้ไอ้วิชญ์อยู่เพราะฉะนั้นห้ามใส่ขาสั้น เข้าใจไหมคนหวงน้องไม่ลืมกำชับ

    พี่ตะวัน....หญิงสาวถึงกับงงเต็ก การที่เธอใส่ขาสั้นกับการอยู่ของพี่วิญช์มันเกี่ยวกันตรงไหนแต่ยังไม่ทันได้ คำตอบ พี่ชายเธอก็ชิงปิดประตูหนีซะก่อน

    ปัง!!!

    อาทิตยาจึงทำได้เพียงชกลมกับอากาศ ก่อนจะเดินกระทืบเท้าลงไปข้างล่าง

    คุณแม่ค่ะ แน่ใจนะค่ะว่าส่งพี่ตะวันไปเมกา ไม่ใช่ส่งย้อนอดีตกลับไปสมัยสุโขทัยหญิงสาวซึ่งเดินเข้ามาในครัว ก่อนจะทิ้งตัวลงเก้าอี้พร้อมกอดอกใบหน้าบูดบึ้ง

    คราวนี้อะไรอีกล่ะค่ะคุณแม่ได้แต่อมยิ้มกับคำถามของคุณลูก

    ก็พี่ตะวันบอกว่าน้องซันใส่กระโปรงสั้นไป มันสั้นตรงไหนค่ะคุณแม่...อาทิตยาลุกขึ้นยืนให้มารดาช่วยตัดสินว่ามันสั้นหรือไม่

    แม่เข้าใจเราทั้งคู่นะค่ะ...แม่ก็มองว่ามันไม่สั้นมากก็จริง แต่ใจแม่ก็อยากให้น้องซันใส่กระโปรงที่ยาวกว่านี้ แต่แม่เคารพการตัดสินใจของน้องซันแม่ถึงไม่ได้พูดอะไร ส่วนพี่ตะวัน เขาก็คงหวงน้องสาวของเขาล่ะมั่งแต่เพราะเขาก็เป็นผู้ชายก็เลยพูดออกมาทื่อๆตรงๆ แม่ก็หวังว่าลูกจะเข้าใจพี่ชายของลูกเหมือนที่ผ่านๆมานะค่ะคุณมาลินีเดินมาลูบหัวลูกสาวอย่างรัก ใคร่

    คุณแม่...ทำไหมนะ น้องซันถึงต้องโอนอ่อนตามคำพูดคุณแม่ทุกทีเลย ให้ตายสิอาทิตยาพูดออกมาเสียงเบา ขณะที่ใจกระหวัดคิดถึงใครอีกคนที่อยู่บนห้องอาคิรา ทำไหมกันนะ เพื่อนพี่ชายของเธอคนอื่นๆหล่อกว่านี้อีกตั้งเยอะ แต่เธอก็ไม่เคยที่จะรู้สึกเขินอายกับใคร แต่กับพี่วิชญ์แล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำเอาเธอขวยเขินได้ทุกทีสิน่า

     

     ซัน...จะไปไหน เสียงอาคิราที่ดังขึ้นท่ามกลางความความมืด ทำเอาอาทิตยาสะดุ้งนึกว่าผี

    พี่ตะวัน...ซันตกใจหมดเลย จะไปข้างนอกคะตอนนี้จะไม่ทันแล้ว เดี๋ยวซันรีบไปก่อนนะคะ เมื่อจำเสียงได้หญิงสาวจึงตอบออกไปโดยไม่ได้มองผู้เป็นพี่ชายที่ขณะนี้เดินมาอยู่ข้างหลังตนเองแล้ว

    ไม่ต้องมาเล่นมุขรีบเลย พี่รู้ทันเราหรอก อาคิราเอ่ยขึ้นเสียงเขียว

    พี่ตะวัน....อะไรอีกค่ะเนี่ยะ คนที่รู้สึกเหมือนตนโดนตำหนิจึงหันมาถามพี่ชาย

    บอกมาว่าจะไปไหน แล้วอย่าโกหกนะเพราะเราน่าจะรู้ว่าพี่นะรู้ทัน ภาพที่อาทิตยาเห็นคือพี่ชายของตนเองยืนกอดอกหน้าตาบูดบึ้ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคนบ้านนี้เมื่อมีอะไรขัดใจ

    ในเมื่อรู้แล้วยังจะถามซันอีก... หญิงสาวทราบดีว่าพี่ชายของเธอนั้นไม่ชอบให้เธอไปเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืนก็จริง แต่ที่เธอไปเที่ยวนี้ก็ไม่ได้ไปทุกอาทิตย์ เธอจะไปก็ต่อเมื่อเป็นงานสำคัญหรือเป็นงานของเพื่อนสนิทเท่านั้น ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันเลี้ยงฉลองเรียนจบของกลุ่มเธอ เธอจะไม่ไปได้อย่างไร

    งั้นก็เชิญขึ้นห้องได้เลยครับองค์หญิง อาคิราผายมือให้หญิงสาวกลับขึ้นบนห้อง แต่เมื่อเห็นหญิงสาวยังยืนอยู่ที่เดิม เขาจึงเอื้อมมือไปดึงกุญแจรถในมือผู้เป็นน้องสาวมายึดไว้

     “พี่ตะวัน...ซันขอคุณพ่อคุณแม่แล้วนะค่ะ เพราะฉะนั้นอย่ามาห้ามให้ยาก เอากุญแจรถคืนมาเลย อาทิตยาเริ่มกอดอก ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ชอบปฏิบัติเมื่ออะไรๆไม่เป็นดังใจ

    คุณพ่อคุณแม่อนุญาต แต่พี่ชายคนนี้ไม่อนุญาต ปิดคดี ไม่รับยืนอุทรณ์ อาคิราพูดเสร็จก็รีบขึ้นห้องไป เพราะกลัวตัวเองใจอ่อนกับน้องสาว

    พี่ตะวัน....ซันโตแล้วนะ เรียนจบแล้วด้วยนะ หญิงสาวพยายามเรียกเสียงดังแต่อาคิราก็ไม่ยอมหันมาเดินจำอ้าวเข้าห้องไปอย่างเดียว

    มุก...วันนี้เราคงต้องขอบายแล้วล่ะ...โดนพี่ตะวันยึดกุญแจรถไปแล้ว ยังไงก็ขอโทษนะ เมื่อ เดินไปดูตู้เก็บกุญแจรถ อาทิตยายิ่งโมโหหนักกว่าเดิม ก็พี่ชายเธอเล่นเอากุญแจรถคันอื่นของบ้านไปซ่อนไว้หมด แล้วอย่างนี้เธอจะออกจากบ้านได้อย่างไร นึกแล้วก็ขัดใจนักที่วันนี้คุณพ่อคุณแม่ไปงานเลี้ยงไม่อยู่บ้าน พี่ชายตัวดีเลยได้ทีเลยยึดอำนาจการปกครอง เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงต้องโทรไปยกเลิกนัด

    อยากไปมากขนาดนั้นเลยเหรอ อาทิตยาที่กำลังโมโหใส่ตู้กุญแจอยู่ถึงกับตกใจ ด้วยจำเสียงนั้นได้ดี น่าแปลกที่เธอรู้สึกอายที่พี่วิชญ์เข้ามาเจอเธอในสถานการณ์นี้

    พี่วิชญ์...มาทำอะไรที่นี้เหรอค่ะ หญิงสาวเลือกจะไม่ตอบคำถาม แต่เปลี่ยนเป็นถามกลับชายหนุ่มแทน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ตอบคำถามเธอ แต่ชูกุญแจรถยนต์ให้เธอเห็น ก่อนจะเดินไปยังรถของเขาที่จอดอยู่ในโรงรถบ้านของเธอ ทำเอาหญิงสาวเป็นงง

    ....พี่วิชญ์จะช่วยเราเหรอ…’ หญิงสาวคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะรีบมองไปยังตัวบ้าน เมื่อไม่เห็นวี่แววของพี่ชายตัวดี เธอก็รีบวิ่งขึ้นรถ ซึ่งภานุวิชญ์สตาร์ทรถและถอยออกมาแล้ว

    พี่วิชญ์จะไปไหนเหรอค่ะหลังจากนั่งออกมาได้สักพัก หญิงสาวก็ตัดสินใจพูดขึ้นทำลายความเงียบในรถ

    เราจะไปที่ไหนล่ะชายหนุ่มไม่ตอบคำถามและตั้งคำถามกลับ

    พี่วิชญ์ส่งซันที่บีที่เอสก็ได้ เดี๋ยวซันไปเองได้ค่ะ แม้หญิงสาวจะไม่ชอบใจกับการที่เขาไม่ตอบคำถาม แต่เพราะวันนี้ภานุวิชญ์ช่วยให้เธอออกจากบ้านมาได้ หล่อนจะยอมทำเป็นไม่สนใจก็ได้

    เอกมัยหรือRCA ?” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบรับอะไรแต่ถามถึงสถานที่ๆจะให้เขาไปส่ง ทำเอาอาทิตยางงว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอจะไปเที่ยวสถานบันเทิง

    เอกมัย ร้าน....ค่ะ ขอบคุณคะหญิงสาวตอบโดยไม่หันไปมองชายหนุ่มแต่เลือกที่จะมองไปนอกรถแทน

    ส่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเข้าไปส่งข้างในก็ได้....เมื่อใกล้ถึงร้าน หญิงสาวก็รีบบอกให้เขาจอดส่งเธอลง แต่เธอบอกไม่ทันเพราะชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปทันทีและหาที่จอดในลาดจอดรถ

    ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งแม้จะงงไม่ใช่น้อยที่ชายหนุ่มเลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถ แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณอีกครั้งสำหรับความใจดีของภานุวิชญ์ในครั้งนี้

    พี่ก็มีนัดกับเพื่อนที่นี้เหมือนกัน ภานุวิชญ์พูดจบก็กดกุญแจรีโมทรถยนต์เพื่อปิดรถแล้วเดินแยกไปทันที อาทิตยาได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจถึงทฤษฎีความบังเอิญที่เกิดกับเธอ

    พิลึกคน...อาทิตยากล่าวถึงคนที่เพิ่งเดินจากไปก่อนจะเดินไปอีกทางซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านที่นัดหมายกับเพื่อนไว้

     

    มุก...ยัยมุก...ฉันจะบ้าตายอาทิตยาถึงกับเซ็งเมื่อเพื่อนรักแฮงค์เอาท์หนักเกินไป ยังไม่เที่ยงคืนมุกวรินทน์ก็คอพับไม่รู้เรื่องไปแล้ว อาทิตยาจึงต้องรับหน้าที่พามุกวรินทน์กลับคอนโดโดยสวัสดิภาพ

    เกิดอะไรขึ้นเสียงคุ้นหูดังขึ้นเบื้องหลังอาทิตยา เธอรู้ว่านั้นคือเสียงของภานุวิชญ์ทำให้เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากเธอประคองมุกวรินทน์อยู่ทำให้ไม่สามารถหันไปพูดต่อหน้าได้

    พี่วิชญ์...ช่วยซันประคองเพื่อนไปที่รถหน่อยสิคะ ในตอนนั้นอาทิตยาไม่อยากนึกเกรงใจอีกแล้ว เนื่องจากเธอเองก็ประคองเพื่อนสาวไม่ไหวแล้ว การที่เขาเข้ามาทักจึงเหมือนกับพ่อพระมาโปรด ซึ่งภานุวิชญ์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาเข้ามาช่วยอาทิตยาประคองเพื่อนทันที

    ขอบคุณพี่วิชญ์มากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้พี่วิชญ์ ซันแย่แน่เลยอาทิตยาเอ่ยกับภานุวิชญ์ หลังจากที่ส่งมุกวรินทน์ถึงรถ

    ยังไงซันขอบคุณพี่วิชญ์อีกครั้งนะคะหญิงสาวหันมาเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งของรถ ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูฝั่งคนขับ ก็มีอีกมือมาจับมือเธอไว้ เมื่ออาทิตยาเงยหน้าก็พบว่าภานุวิชญ์เป็นเจ้าของมือนั้น

    จะไม่กลับบ้านเหรอเขาเอ่ยถามเสียงจริงจังโดยที่มือก็ยังจับมือเธอไว้อยู่ เธอจึงมองไปมือสลับกับหน้าภานุวิชญ์ เป็นผลให้เขาปล่อยมืออาทิตยาเพราะคิดว่าหญิงสาวรู้สึกไม่พอใจ

    กลับคะ...ซันจะไปส่งยัยมุกก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างงงๆ

     “แล้วจะกลับยังไง ภานุวิชญ์ยังคงถามต่อ เป็นผลให้อาทิตยาแอบอมยิ้มถึงความห่วงใยที่เขามีให้ หากบริเวณนี้ไฟสว่างหน่อยชายหนุ่มคงได้เห็นแววตาซุกซ่อนของอาทิตยา

    ส่งมุขเสร็จซันว่าจะเรียกแท็กซี่กลับคะ... เมื่อตอบเสร็จอาทิตยาก็ลุ้นว่าชายหนุ่มจะกล่าวอย่างไรต่อไป เพราะความจริงเธอขับรถของเพื่อนกลับบ้านแล้วค่อยให้คนรถเอารถมาคืนมุกวรินทร์ตอนเช้าก็ได้ แต่เพราะเธออยากรู้ว่าภานุวิชญ์จะห่วงเธอไหม เธอจึงตอบไปอย่างนั้นเพื่อลองใจ

    ไม่ได้...เดี๋ยวกลับกับพี่...ขับนำไปแล้วกัน ภานุวิชญ์ตอบโดยไม่ต้องหยุดคิดเลย แต่เมื่อเขาหันมาสบตาอาทิตยาก็รู้ว่าเขาอาจจะแสดงอาการแปลกๆออกไป อาทิตยาถึงได้อมยิ้มอยู่อย่างนี้ ชายหนุ่มจึงรีบเดินกลับไปที่รถเพื่อเตรียมขับตามหญิงสาวไป

    ขอบคุณคะอาทิตยาพูดขอบคุณภานุวิชญ์อีกครั้งผ่านกระจกมองหลังในรถ เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอนั้นเต้นแรงกว่าปกติ เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไหม รู้แต่ว่ามันจะเป็นอย่างนี้เสมอเมื่อเธอเห็นเขายิ้มหรือหัวเราะกับพี่ชายของเธอ ขณะที่กับเธอเขามักจะสงวนท่าทีเสมอ มันทำให้เธอไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา ได้แต่เก็บความในใจของเธอไว้อย่างนี้

     

    >>>>>>>>>><<<<<<<<<< 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×