ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 22 เอเลน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.06K
      50
      15 พ.ค. 57

    ตอนที่ 22 เอเลน

    ตู้มมมมมมม!!!!!!!! เกิดลมแรงพัดกระหน่ำจากการปะทะกันระหว่างที่นักสู้ร่างยักษ์พุ่งตัวเข้าปะทะกัน ไททันสวมเกราะคว้าแขนข้างที่มีผลึกเชื่อมออกมาเป็นดาบของมาเรียไว้ไม่ให้ฟัน มาเรียก็ดันโล่ผลึกเข้ากระแทกหน้าอีกฝ่ายอย่างแรง จนรีไวล์ร่วงจากไหล่ไททันสวมเกราะ แต่เขาโหนตัวกลับขึ้นมาได้ด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติ

    ปัง! เหมือนโรสจะรออยู่ก่อนแล้ว เธอยิงปืนใส่รีไวล์ กระสุนพุ่งทะลุข้อเท้าเขาอย่างไม่มีทางหลบทัน ปืนของโรสนั้นไม่ใช่ปืนกระบอกเดิมที่เคยใช้ ครั้งนี้เธอใช้ปืนนำเข้าจากเกาะอังกฤษ มันยิงได้ไกลกว่าปืนทุกกระบอกที่เคยมีมา เธอยกปากกระบอกขึ้นเล็งอีกครั้ง แต่รีไวล์โหนตัวหลบไปใต้แขนของไททันสวมเกราะ ด้วยเพราะเคยได้รู้มาแล้วว่าผลึกของไททันนั้นแข็งขนาดไหน รีไวล์จึงไม่เสี่ยงยิงสลิงไปเกาะที่ตัวไททันของมาเรีย

    ตึงๆ มาเรียถอยออกมาตั้งหลัก ก่อนจะฟันดาบผลึกใส่ไททันสวมเกราะในแนวนอน ไททันสวมเกราะก็ยกการ์ดขึ้นตั้งรับ ทว่าคมดาบผลึกนั้นตัดแขนและลำตัวของเขาจนขาดครึ่ง และร่างกายครึ่งบนของไททันสวมเกราะก็ร่วงลงสู่พื้น ครืนนนน!!!!! ไม่มีทางหนีไม่มีทางป้องกัน ไททันสวมเกราะไม่มีความสามารถในการฟื้นตัวเร็วเท่ากับของแอนนี่ เมื่อมาเรียตวัดมือที่มีผลึกคมกริบลงบนต้นคอของไททันสวมเกราะ ร่างของไททันก็ระเหยหายกลายเป็นไอ

    มาเรียหันไปคว้าตัวรีไวล์ เขาโหนตัวหนีขึ้นไปบนอากาศ เมื่อมือขนาดยักษ์นั้นคว้าถึงตัวเขา รีไวล์ก็ฟันดาบใส่หมายจะตัดนิ้วของไททันเสีย แต่กลับกลายเป็นดาบของเขาเองที่แตกละเอียด ไม่เหลือชิ้นดี

    “พอ!” เสียงของคอเตชดังก้องทั่วสนาม มาเรียจึงหยุดการโจมตี

    ครั้งนี้พวกเธอชนะ...ชนะนักสู้ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้ไททันตนใดมาก่อน วันนี้คอเตชคงอารมณ์ดีพอจะไว้ชีวิตรีไวล์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาก็รอด มาเรียในร่างไททันนั่งลงคุกเข่า วางมือให้เอียงลาดเพื่อที่โรสจะได้ลงไปจากไหล่เธอได้สะดวก ก่อนที่มาเรียจะปีนออกมาจากร่างของไททันนั้น...

    เกราะของไททันไม่ได้สลายไป ชุดเกราะนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นทั้งที่ด้านในกลวงโบ๋ คอเตชมองเหตุการณ์น่าประหลาดใจตรงหน้าอย่างสงสัย แต่เขาก็ไม่ทำอะไร ปล่อยให้การต่อสู้นี้จบลงท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ชมนับพัน

     

    ตุ้บ! มาเรียหลับสนิทกลางอากาศ ไม่ขยับแม้แต่น้อย ยังไม่ทันจะลงจากชุดเกราะของไททันด้วยซ้ำ โรสจึงต้องแบกตัวพี่สาวของเธอออกมา ซึ่งมันก็ไม่ใช่ว่าจะเบา เมื่อกลับมาถึงห้องโถงรอมของนักสู้ ทุกคนต่างหันมามองพวกเธอเป็นตาเดียว ทว่าไม่มีใครกล้าเอ่ยทัก แม้แต่แอนนี่กับมิคาสะ

    “โรส มาเรีย” นักรบคนหนึ่งเรียก “ท่านคอเตชอยากพบพวกเธอ”

    “ไปที่ชอบๆเถอะนะ ไรเนอร์” แอนนี่มองผ่านลูกกรงยักษ์ไปยังสนามประลอง

    “คิดว่าต่อไปจะเป็นยังไง” มิคาสะถาม

    “ถามทำไม” แอนนี่ถามกลับ

    “ถ้าเจอคู่ต่อสู้แบบนี้น่ะ” มิคาสะมองตามหลังมาเรียที่เดินออกไป “ตายโดยไม่ทันตั้งตัว”

    “จะกังวลไปเพื่ออะไร” แอนนี่ถาม “ไปเถอะ”

    แอนนี่หิ้วมิคาสะลงจากขอบหน้าต่างขนาดยักษ์ ก่อนจะไปรวมกลุ่มกับพวกนักสู้ระดับต้นๆที่ถูกเรียกตัว กลุ่มนี้ไม่ได้ถูกเรียกไปแบบมาเรียกับโรส พวกเขาได้รับโอกาสให้ออกไปจากโคลอสเซียมเป็นครั้งแรกหลังจากถูกส่งเข้ามา เพื่อเตรียมการต้อนรับงานฉลองที่กำลังจะมาถึง นักสู้ชั้นแนวหน้า 50 คนถูกเชิญไปแสดงการต่อสู้ร่างมนุษย์ ณ ปราสาทของคอเตช มิคาสะและแอนนี่ถูกล่ามโซ่ที่ข้อมือและมีนักรบคอยคุมอยู่ใกล้ ดูยังไงก็ไม่ต่างจากนักโทษ

    “น่ารำคาญ” มิคาสะบ่น ปลอกคอที่พวกนักรบเอามาใส่นักสู้แต่ละคนเป็นปลอกคอหน้าตาแปลกๆที่ดูเหมือนสร้อยที่สั้นมากๆจนรัดคอ มีจี้เป็นกล่องสีดำ ไม่รู้ใส่อะไรไว้ข้างใน แต่ที่มิคาสะรำคาญนั้นก็เพราะมันถูกใส่ทับกับปลอกคออันเดิมของเธอ ไม่รู้ทำไมไม่ถอดออกให้หรือใช้ปลอกคออันเดิมไปให้หมดปัญหา

    “..........” แอนนี่มองปลอกคอตัวเอง หน้าตามันแปลกพิกล ทั้งยังมีสายสีดำยาวหลายสิบเมตรล่ามปลอกคอไว้กับอุปกรณ์แปลกๆที่มือของนักรบผู้คุมอีก ถึงอยากรู้แต่เวลาแบบนี้ก็ไม่เหมาะจะถาม

    “อิสระ... ” นักรบคนหนึ่งที่เดินมาข้างๆแอนนี่พูดขึ้น เขามองท้องฟ้าราวกับไม่ได้เห็นมานาน ก่อนจะหันไปมองนักรบที่คุมตัวเขา เขาและพรรคพวกสิบกว่าก็กระแทกนักรบล้มหงายก่อนใครจะทันตั้งตัว “ไม่สู้แล้วโว้ย!! ฉันเป็นอิสระ!!

    นักสู้ทั้ง 12 คนกลายร่างเป็นไททันเพื่อจะหนี ตู้ม!! แต่นักรบที่ล้มลงก็ยังไม่ปล่อยมือจากอุปกรณ์แปลกๆนั้น พวกนั้นกดนิ้วลงบนสวิตช์อะไรบางอย่าง แล้วร่างของนักสู้ที่อยู่ในคอของไททันก็ระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อ ร่างไททันระเหยกลายเป็นไอ และซากศพหัวขาดก็ร่วงหล่นลงมากองอยู่เบื้องหน้านักสู้คนที่เหลือ

    !!!!!” นักสู้คนอื่นๆได้แต่อ้าปากค้างมองไปยังปลอกคอของตัวเอง ที่แท้มันคือระเบิด

    ตู้ม!!! นักสู้อีกคนถูกระเบิดอีกครั้ง หัวของเขาลอยหมุนในอากาศและตกลงพื้นโดยที่นักรบคนคุมยังไม่ทันทีอะไร กลไกปลอกคอดีดคมมีดใส่ลำคอนักสู้คนนั้นด้วยแรงระเบิด ดูเหมือนที่อยู่ๆมันก็ทำงานเองเป็นเพราะนักสู้คนนั้นพยายามดึงสายสีดำที่เชื่อมปลอกคอเข้ากับอุปกรณ์จุดชนวนจนขาด

    “..........” ไม่มีใครกล้าทำอะไรอีกแล้ว ยังไม่มีใครพร้อมจะเสียงตายโดยไม่จำเป็น ทุกคนต่างเงียบและหลับตาไว้อาลัยแด่อดีตสหายร่วมชะตากรรม พวกนักรบเร่งให้นักสู้ทั้งหลายเดินต่อไปจนกระทั่งถึงปราสาท

    นักสู้ถูกทิ้งเอาไว้ในห้องโถง เพราะสายสีดำที่ล่ามเอาไว้นั้นยาวพอจะวนรอบห้อง พวกนักรบจึงแยกย้ายไปนั่งพักกันตามเก้าอี้ตามโต๊ะที่วางเรียงไว้ริมกำแพง ปล่อยให้พวกนักสู้ยืนประหม่าอยู่ตรงกลาง

    ฟึบ! !!?”

    “มีอะไรเหรอมิคาสะ” แอนนี่ถาม

    “เมื่อกี้นี้... ” มิคาสะเดินแทรกกลุ่มนักสู้ตามสิ่งที่เธอเห็นไป

    “จะไปไหนของเธอ” แอนนี่เดินตาม

    “ ...อ..เ..ลน” เพียงแค่ได้ยินคำพูดของมิคาสะ แอนนี่กลับเบิกตาโพรง ...เป็นไปได้ยังไง ถึงมันจะเป็นอุบัติเหตุ แต่พอเผลอเหยียบไปแล้วเธอก็หันไปมองสิ่งที่เหยียบครั้งหนึ่ง เอเลนควรจะตายไปแล้วแน่ๆ

    “มิคาสะ เธอต้องตาฝาดแน่ๆ” แอนนี่เดินตามไปติดๆ

    “ไม่ใช่..ไม่... เ..อ..เล... ”

    แผ่นหลังของเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏอยู่ท่ามกลางผู้คน เขาสวมชุดสีดำ ผิวขาวผมดำยาวประบ่าแบบไม่ได้ตัดมานาน แอนนี่มองคนๆนั้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ แต่มิคาสะกลับเดินไปคว้าไหล่เด็กหนุ่มคนนั้นเอาไว้

    เอเลน เยอเกอร์...

    “..........” มิคาสะนิ่งไปราวกับกลายเป็นรูปปั้น พูดอะไรไม่ออกราวกับคำพูดทุกอย่างติดอยู่ที่ลำคอ แม้เอเลนจะปล่อยผมยาวจนเกือบจำไม่ได้ แต่ไม่ผิดแน่ นี่คือเอเลน เอเลนจริงๆ มิคาสะพุ่งเข้าไปกอดเอเลนไว้แน่น เธอจะไม่ปล่อยเขาไปไหนอีกแล้ว ไม่มีวันปล่อยให้ไปเจอกับอันตรายอะไรอีกแล้วไม่ว่าจากไหน “ ...เอเลน”

    “เป็นไปได้ยังไง... ” เสียงแอนนี่เหมือนหายไปในลำคอ วันนี้มันวันอะไรกัน ทำไมเธอถึงได้มาเจอเรื่องแปลกประหลาดผิดธรรมชาติถึงสองครั้งสองครา ไททันหัวขาดสามารถงอกหัวใหม่ได้ แต่ไม่ใช่กับคนที่คุมร่างไททัน เรื่องแบบนี้...มันผิดธรรมชาติ แม้แต่กับหลักการของไททัน

    “ขอโทษนะเอเลน” มิคาสะร้องไห้ออกมาทั้งที่ยังกอดเอเลนแน่น แอนนี่หันหน้าหนี ไม่อยากสนใจ

    “ขอโทษทำไม” เอเลนถาม

    “ขอโทษ...ที่ปกป้องเธอไว้ไม่ได้” มิคาสะซบลงไปบนบ่าของเอเลน แต่เอเลนดันไหล่ของมิคาสะออก

    “แล้ว...เธอเป็นใคร” เอเลนถาม

    “...เอ๊ะ?” มิคาสะมองเอเลน ตามไม่ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ห..หมายความว่ายังไงน่ะ เอเลน”

    “เรารู้จักกันเหรอ” เอเลนพูด

    “?!?!?!” มิคาสะอ้าปากค้าง เธอควรจะพูดอะไรออกไป ไม่มีประโยคไหนเข้ามาในความคิดเธอเลย

    “ฉ..ฉัน...มิคาสะไง เอเลน! จำฉันไม่ได้เหรอ” มิคาสะพยายามจะหัวเราะทั้งน้ำตา

    มุกใช่ไหม นี่คือมุกใช่ไหมเอเลน มันไม่ตลกนะ ไม่ตลกเลย

    “..........” เอเลนมองมิคาสะอย่างเหม่อลอย “ฉันไม่รู้จักเธอ”

    “เอเลน!!!” มิคาสะเขย่าตัวเอเลนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    “มิคาสะ พอเถอะ” แอนนี่เข้าไปห้าม แต่มิคาสะสะบัดมือเธอออกอย่างแรง สีหน้าที่หันมามองแอนนั้นดูไม่เหมือนที่มองเอเลนแม้แต่น้อย มันคือความโกรธ ความผิดของแอนนี่ มิคาสะยังคงลืมมันให้หมดไปไม่ได้จริงๆ เพียงแค่พยายามที่จะลืม เก็บมันเอาไว้ให้ลึกที่สุดในความทรงจำเพื่อจะได้ไม่นึกขึ้นมาอีก

    “เอเลน” เสียงชายคนหนึ่งเรียก มิคาสะหันไปมองก็พบคริชายืนอยู่ตรงนั้น “ไปได้แล้ว”

    “ขอโทษนะ ฉันไม่ว่างคุย” เอเลนบอก “เธอชื่อมิคาสะสินะ เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักแล้วกัน”

    “เดี๋ยวสิ!” มิคาสะรั้งข้อมือเอเลนไว้ “ด็อกเตอร์คริชา เกิดอะไรขึ้นกับเอเลนคะ แล้ว...ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”

    “ขอโทษทีนะ ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้จักฉันได้ยังไง” คริชาตอบ “แต่เราไม่รู้จักเธอ”

    “ ...ตลก..น่า... ” มิคาสะพยายามจะเดินตาม แต่สายที่ล่ามคอเธอไว้นั้นรั้งไม่ให้เธอก้าวต่อ เธอทรุดลงนั่งพับเพียบกับพื้น พยายามจะร้องเรียกให้เอเลนหันกลับมา ทว่าเสียงก็ไม่ยอมลอยออกจากปาก

    “ ...มิคาสะ” แอนนี่เรียกอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

    มิคาสะลุกขึ้นในที่สุด หลังจากที่แอนนี่รอให้อีกฝ่ายอารมณ์กลับเป็นปกติอยู่นาน แต่มิคาสะไม่มองแอนนี่ด้วยซ้ำ เธอเดินไปทางอื่นเหมือนอยากจะอยู่คนเดียว แอนนี่จึงคว้าไหล่อีกฝ่ายไว้ ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังคิดอะไรที่ทำอย่างนั้น ทันทีที่มิคาสะหันมา แอนนี่คิดว่าคงจะถูกอัดแล้ว ...แต่ก็ไม่ใช่

    “ ..ย่..า.. ”

    “หา?” แอนนี่ส่งเสียงถามเพราะไม่ได้ยิน

    “อย่าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้า” มิคาสะเค้นเสียงขู่ “อย่ามายุ่งกับฉัน”

    “แต่ว่า... ”

    “ไปให้พ้น!” มิคาสะตวาดลั่นจนนักสู้แถบนั้นหันมามองกันหมด เธอเดินย่ำออกไปและไม่หันกลับมามอง

    แอนนี่กำลังจะเดินตามไป ทว่าทันใดนั้นก็มีนักรบสี่คนพุ่งเข้าจับตัวแอนนี่ไว้ สองคนเข้ารัดแขนแอนนี่ หนึ่งในนั้นถอดแหวนของแอนนี่โยนทิ้งพื้น อีกสองคนคว้าเชือกมัดปากและอุ้มตัวแอนนี่ขึ้น

    “มิคาสะ! อื้อ!!!” นักสู้ทุกคนหันไปมองแอนนี่ ไม่มีใครในที่นี้ที่อยากมีเรื่องโดยไม่จำเป็นหลังจากการโดนระเบิดตายของนักสู้ 13 คนก่อนหน้านี้ จะว่าทุกคนที่หันไปมองก็ไม่ถูก มีเพียงมิคาสะเท่านั้นที่ไม่ยอมหันไปมอง เธอคิดแค่ว่าแอนนี่ต้องการจะเรียกร้องความสนใจ เธอจึงเดินจากไป แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องหันกลับมาเพราะสงสัย ทว่าแอนนี่ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว หายไปในหมู่นักสู้ที่พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะไม่อยากมีเรื่อง

    “หือ?” มิคาสะก้มลงเก็บแหวนที่พื้น มันเป็นของแอนนี่ เธอจำได้ แต่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าพอนึกถึงเรื่องของเอเลนขึ้นมา มิคาสะจึงเลือกจะไม่สนใจ “จะไปตายที่ไหนก็ไปสิ!
     

    ***************************************************************************
     

    >>>หลังฉาก<<<

    ไรเนอร์ : .......... //ล่องลอยๆ
    อาร์มิน : สวัสดีไรเนอร์ //วิญญาณล่องลอย
    ไรเนอร์ : .......... //หันมามองไรท์
    ไรท์ : .......... //หันหนี
    คริสต้า : บอกแล้ว ชะตาขาดไม่รู้ตัว //เดินผ่านมาและผ่านไป
    ไรเนอร์ : .......... //ช็อก
    ชาช่า : ไปที่ชอบๆเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะส่งหัวมันไปไหว้ //จุดธูป
    ไรเนอร์ : ........... //ยังไม่หายช็อก
    แจน : สมน้ำหน้าดีไหมนะ //กำลังตัดสินใจ
    ไรเนอร์ : ...........

    ไรท์เตอร์ : สรุปว่า... Bad Ending นะ แต่รับรองสนุก!
    แอนนี่ : อื้อๆ //ดิ้น โดนมัดปาก
    ไรท์เตอร์ : อะไรเหรอ แอนนี่
    แอนนี่ : อื้อ!! //พยายามจะบอกอะไรบางอย่าง
    ไรท์เตอร์ : โทษนะ ฟังไม่รู้เรื่อง มิคาสะแปลให้หน่อยสิ
    มิคาสะ : ไม่ //ไม่อยากยุ่งกับแอนนี่
    ไรท์เตอร์ : เอาแล้วไง //กุมขมับ

    คริสต้า : ฉันไม่แต่งกับไอ้เฒ่าคอเตชนะ //มองคอมเม้นท์ของรีดเดอร์
    ไรท์เตอร์ : จะว่าไปก็เป็นไอเดียที่น่าสนนะ //เพิ่งนึกได้ตอนอ่านคอมเม้นท์
                       แต่งงานไปแล้วให้ยูมิลมาถล่มงานแต่ง //วาดภาพในหัว
    ยูมิล : ฉันไม่ว่าง //ทำท่าไม่สน
    คริสต้า : ทำไมล่ะ!!!
    ยูมิล : โทษนะ บอกไม่ได้ //พยายามฝืนไม่สนใจ
    ไรท์เตอร์ : ไม่ได้สินะ //คิดบทใหม่
                       จริงสิ นึกออกแล้วจะบอกอะไร... เนื่องจากช่วงนี้ใกล้เปิดเทอม ไม่รู้พ่อไรท์เบื่อรึยังไง
                       ไรท์จึงโดนลากไปเที่ยวทะเล (แดดแบบนี้เนี่ยนะ) เสาร์นี้ถึงวันจันทร์จึงไม่มีนิยายลงนะ
                        จะพยายามเอาให้จบก่อนไปเข้าค่าย ไรท์ให้คำสาบานขอรับ!
    ยูมิล : ดองสินะ
    คริสต้า : ดองสินะ
    ไรท์เตอร์ : พวกเธอเป็นอะไรกับฉันเนี่ย!!
    ไรเนอร์ : ไม่นะ! ฉันยังไม่ตายยย!!!!! //ยังทำใจรับไม่ได้
    อาร์มิน : เฮ้อ... //ล่องลอยต่อไป
    ไรท์เตอร์ : ไปสู่สุขคติเถอะนะ ไรเนอร์ //อย่ามาหลอกหลอนกันเลยนะ ไรท์กลัวผี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×